ขาย 'จุดแข็ง' ตีตั๋วยาว

ในอารมณ์ที่กลุ่มชมรม ส.ส.ร.50 ตั้งโต๊ะแถลงต้านรื้อรัฐธรรมนูญ “ฉบับหน้าแหลมฟันดำ” แล้วก็ต้องบอกปัดข้อครหาว่า ไม่ได้เป็น “จงอางหวงไข่” ไปพร้อมๆกัน

ตามสถานการณ์ที่สวนลุมพินี เวทีของคนคุ้นหน้า กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ กลุ่มสยามสามัคคี  และกลุ่มหลากสีของ นพ.ตุลย์  สิทธิสมวงศ์  รวมกัน 3 ม็อบต้านรื้อรัฐธรรมนูญ ก็ยังมากัน แค่หลัก 1–2 พัน

ต้องออกแรงกระพือควัน โหมไฟกันเหนื่อยก็แล้วกัน

โดยสัญญาณคลื่นความถี่ต่ำ สะท้อนพลังของฝ่ายต้านยังแผ่วเบา

ยิ่งเป็นอะไรที่ชิงจังหวะ  “ราฟืน”  ออกจากกองไฟ  อดีตนายกฯทักษิณ  ชินวัตร  ให้สัมภาษณ์ พิเศษทีมข่าวบางกอกโพสต์ จากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ย้ำเสียงดังข้ามประเทศ ยืนยันการรื้อรัฐธรรมนูญ “ฉบับหน้าแหลมฟันดำ” จะไม่มีการล้างผิดหรือเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองอย่างแน่นอน  เพราะถึงไม่ได้กลับบ้าน จำเป็นต้องอยู่ต่างประเทศต่อไปก็ไม่มีปัญหา เพราะชาชินแล้ว

ที่สำคัญจะไม่แตะต้องหมวดสถาบันทุกมาตรา  และยังให้คำมั่นสัญญาจะไม่แก้ไข พ.ร.บ. กลาโหม

ตัดเงื่อนไข ทำลายจังหวะแนวต้านที่กำลังเร่งเครื่องเข้าใส่

ในสถานการณ์ที่นายสมบัติ  ธำรงธัญวงศ์  อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) 1 ใน 10 อรหันต์  ทีมประกบการแก้รัฐธรรมนูญของผู้ตรวจการแผ่นดิน  ยังบอกปัด ไม่รับมุกกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์  เสนอแนวคิดในการบัญญัติห้าม ส.ส.ร.แก้ไขหมวดสถาบัน ส่วนตัวเห็นว่าไม่มีความจำเป็น เพราะทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เห็นด้วยที่จะไม่แก้ไขในหมวดดังกล่าวแล้ว

อุณหภูมิร้อนๆลดลงวูบวาบเลย

และทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่จังหวะ “ราฟืน” ออกจากกองไฟ ดับชนวนไม่ให้แนวร่วม ฝ่ายต้านเขี่ย “หัวเชื้อ” โหมเพลิงเผานั่งร้าน ยั่วเกมล้มกระดานรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

โดยเหลี่ยมของโคตรเซียนการตลาดยี่ห้อ “ทักษิณ” ยังเดินแต้มข้ามช็อตไปอีกชั้น

ตามจังหวะโยน “พิมพ์เขียว” พลิกฟื้นประเทศครั้งใหญ่ ที่อดีตนายกฯทักษิณโปรโมตแผนงานล่วงหน้า ตามโปรแกรมที่รัฐบาลของนายกฯยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  เตรียมดำเนินการแน่นอน

เริ่มจากการจัดคิวให้ความสำคัญเป็นงานแรกกับการบริหารจัดการน้ำท่วมน้ำแล้ง  เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดทุกปี  พร้อมๆไปกับการยกเครื่องระบบชลประทานช่วยให้เกษตรกรมีรายได้

โดยบิ๊กโปรเจกต์ที่ต่อเนื่องกันกับการเตรียมสร้างแฟลตแสนยูนิตในกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อรองรับการอพยพคนจนที่อยู่ตามริมคลองให้มาอยู่อาศัยทดแทนที่อยู่เดิม ที่จะถูกเคลียร์พื้นที่เพื่อเปิดทางระบายน้ำให้สะดวกยิ่งขึ้น

เป็นการเคลียร์ปัญหาทั้งเรื่องอุทกภัยและประชาชนจะได้มีที่อยู่อาศัยถาวร

ต่อด้วยการพลิกการพัฒนาประเทศด้วยการทำโครงการรถไฟความเร็วสูง   และการขนส่งระบบราง  เป็นการกระตุ้นความเจริญของประเทศอย่างรวดเร็ว โดยน่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ปีนี้ เริ่มสร้างสถานี  ส่วนหัวท้ายที่ เชียงใหม่ และ กทม.ก่อน  พร้อมกับการเวนคืนตลอดแนวทางรถไฟ เปิดหน้าเมืองใหม่ขึ้นหลายแห่ง  พร้อมกันนั้นก็จะขยายระบบการขนส่งของรถไฟฟ้าใน กทม.ออกไปอีก

ไม่นับเมกะโปรเจกต์สร้างแนวกำแพงกั้นทะเลป้องกันกรุงเทพฯ จมน้ำ ทำให้มีที่ดินงอกขึ้นอีก 300 ตารางกิโลเมตร จัดทำเป็นสถานที่ ชมวิวท่าเรือ โดยเปิดให้ต่างประเทศมาลงทุนออกทุนไปก่อน  และรัฐบาลผ่อนชำระด้วยสินค้าเกษตร

โชว์ความเป็น “จอมโปรเจกต์” ที่มาทั้งพิมพ์เขียว พร้อมรูปแบบการดำเนินการ

ยี่ห้อ “ทักษิณ” การันตีน้ำหนักความเป็นไปได้ ไม่ใช่แค่โครงการขายฝันของเด็กสร้างบ้าน

แต่ที่แน่ๆนำร่องไปก่อนแล้ว กับกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีฯที่นายกฯยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้นำหญิงคนแรกของเมืองไทย ปล่อยโปรโมชั่นออกมาซื้อใจแนวร่วมผู้หญิงทั่วทุกภูมิภาค โกยแต้มได้น้ำได้เนื้อ

ไม่เชื่อก็ประเมินจากอาการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องออกมากระตุกขา 3–4 รอบ  นัยว่าดักคอไม่ให้ใช้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีฯเป็นมุกแฝงในการหาเสียงทางการเมือง

เรื่องของเรื่อง นักเลือกตั้งอาชีพด้วยกันอ่านแต้มกันได้

และทั้งหมดทั้งปวง ตามยุทธศาสตร์ของสองพี่น้องตระกูลชินที่จับทางได้ นั่นคือการขาย “เนื้องาน” ที่จับต้องได้ ขยายจุดแข็งของยี่ห้อ “ทักษิณ”

“ตีตั๋ว” ให้ “ยิ่งลักษณ์” ลากเทอมยาว.

ทีมข่าวการเมือง
แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th

This entry was posted in News