วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"ดำรงค์"ยื่นตั้งพรรค“ทวงคืนผืนป่าประเทศไทย”


          
 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายดำรงค์ พิเดช อดีต อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  พร้อมคณะได้เข้ายื่นขอจดแจ้งจัดตั้งพรรค “ทวงคืนผืนป่าประเทศไทย” ต่อนายอร่าม พรหมเทศ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

นายดำรงค์ กล่าวว่า ตนพร้อมสมาชิกรวม 17 คน เป็นผู้ยื่นขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองครั้งนี้ โดยมีนโยบายที่จะทวงคืนผืนป่า จัดระเบียบป่า และคุ้มครองพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก  เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีนโยบายของพรรคการเมืองไหนเลย ที่จะดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง มีแต่นโยบายที่จะนำป่าไปแจก ไม่ว่าจะเป็นป่าชุมชน ป่าเสื่อมโทรม  ซึ่งการจัดตั้งพรรคการเมืองครั้งนี้ไม่ได้หวังสู้พรรคการเมืองที่มีอยู่ เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่คิดว่าอย่างน้อยถ้าได้รับการเลือกตั้งเข้าไปเพียง 1 เสียง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะจะได้ใช้โอกาสที่เวทีสภาผู้แทนราษฎรในการชี้แจง

“พรรคผมเปรียบเหมือนพรรคมือใหม่หัดขับ เพราะผู้ก่อตั้งไม่มีอดีตนักการเมืองเลย ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณของกรมอุทยานฯ ยังไม่รู้ว่าจะตั้งพรรคได้หรือไม่ จะหาสมาชิกได้ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดหรือเปล่า เพราะขณะนี้มีเพียงแค่ผู้ก่อตั้ง 17 คนเท่านั้น ทุนทรัพย์ก็ไม่มี ถ้าใครจะลงส.ส.เขตในนามของพรรคก็ต้องควักเงินเอง และคิดว่าคงไม่มีนักการเมืองคนไหนติดต่อมาขออยู่พรรคผมหรอก เพราะผมไม่มีเงินที่จะให้ อีกทั้งนโยบายของพรรคก็ทวงพื้นที่ป่าคืนมาเป็นของประเทศ ตรงข้ามกับนโยบายของพรรคอื่น ๆที่เอาพื้นที่ป่าไปแจก”  
 นายดำรงค์ ยังกล่าวอีกว่า แนวความคิดการจัดตั้งพรรคของตนคล้ายกับการตั้งพรรครักประเทศไทยของนายชู วิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ส.ส.จำนวนมาก แต่เรามีนโยบายที่ชัดเจนในการนำเสนอต่อประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับพรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย จะมีนายดำรงค์ เป็นหัวหน้าพรรค นายธิติ กนกทวีฐากร อดีตผู้ตรวจราชการกรมอุทยานฯ เป็นเลขาธิการพรรค  โดยโลโก้พรรคใช้เครื่องหมายลักษณะเป็นรูปวงกลม มีรูปแผนที่ประเทศไทย และอักษรย่อ “ทป”  มีแถบสีรูปลูกศรอยู่ในพื้นที่วงกลม ส่วนบนของวงกลมมีต้นไม้และสัตว์ป่า รอบวงกลมด้านข้างและด้านล่างมีชื่อพรรค “ทวงคืนผืนป่าประเทศไทย” เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยสีน้ำตาล หมายถึงสีของแผ่นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ สีเขียวหมายถึงความสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ พรรคจะปกป้องรักษาผืนป่าของชาติอันได้แก่ พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า และระบบนิเวศให้คงความอุดมสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และความมั่นคงของประเทศสืบไป

ด้านนายอร่าม กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้นายทะเบียนพรรคการเมือง จะทำการตรวจสอบจำนวนและคุณสมบัติของผู้ก่อตั้งพรรคว่าเป็นไปตามที่กฎหมาย กำหนดหรือไม่ นโยบาย ข้อบังคับพรรค ชื่อและสัญลักษณ์ ของพรรค ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน และหากนายทะเบียนฯรับจดแจ้งจัดตั้งแล้ว พรรคสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ทันที

“มาร์ค-เทือก"ถกทนายเทวดารับมือดีเอสไอ


วันนี้ (12 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายบัณฑิต ศิริพันธุ์ ทนายความ เพื่อเตรียมการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในวันที่ 13 ต.ค. ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ว่า หวังว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน ไม่คลุมเครือ การที่ดีเอสไอตั้งเงื่อนไข 4 ข้อ คิดว่าไม่เป็นประเด็นเกี่ยวข้อง เพราะการที่พรรคประชาธิปัตย์จัดเวที เดินหน้าผ่าความจริง เป็นเพียงการให้ข้อเท็จจริง ไม่ได้ละเมิดกระบวนการยุติธรรม หรือยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน และหากจะมีการห้ามไม่ให้พวกตนขึ้นเวทีปราศรัยก็ต้องถามว่า ใช้อำนาจอะไร พวกตนพร้อมให้ความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรม  แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มิฉะนั้นพวกตนจะใช้สิทธิตามกฎหมายเช่นกัน
“คิดว่าในการเดินทางไปดีเอสไอในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะมีคดีงอกขึ้นมา เพราะมีคนกระซิบว่า ที่ผมจะไปให้ถ้อยคำในคดีเงินบริจาคน้ำท่วม อาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มในกรณีการเสียชีวิตของคนขับรถ ตู้ในการชุมนุมทางการเมืองนั้น ก็คงเป็นไปได้ เพราะมีธงไว้อยู่แล้วในการเล่นงานผมและนายสุเทพ อาจพยายามให้กระทบกับสถานภาพ ส.ส. หรือหาช่องทางที่จะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ว่า กระทำการลุแก่อำนาจ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุและว่า แปลกใจที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และต้องเซ็นสำนวนในเรื่องนี้ ก็เป็นผู้ที่อยู่ในข่ายต้องตรวจสอบด้วย เนื่องจากอยู่ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ดังนั้นจึงหนีความรับผิดชอบไม่พ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกับกฎหมายนิรโทษกรรมแน่นอน และหากจะนำเรื่องนี้มาต่อรองตนก็ยืนยันว่า จะไม่หวั่นไหว  ซึ่งตนก็ประกาศชัดเจนแล้วว่า ตายก็ตาย ประหารชีวิตก็ประหารชีวิต เพราะตนเป็นนักการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวมและระบบ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าศาลจะตัดสินว่าตนผิด ควรถูกประหาร ก็ต้องยอมรับโทษ ไม่มาสร้างความวุ่นวายหรือต่อรอง แต่ขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องรับโทษประหาร แต่ขอให้มาติดคุก 2ปีก่อน ถ้านักการเมืองตรงไปตรงมาไม่เอาผลประโยชน์ตนเองเป็นสำคัญ สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง การเมืองก็จะเดินได้ แต่ถ้าเห็นแก่ตัวการเมืองก็จะจมปลักอย่างนี้ สำหรับหลายคนที่ อยากไปให้กำลังใจตนและนายสุเทพ จึงอยากขอร้องให้มาให้กำลังใจพวกตนได้ที่พรรคประชาธิปัตย์ อย่าเดินทางไปที่ดีเอสไอ เพราะไม่อยากให้เกิดความสุ่มเสี่ยง ในการปะทะกันจนเกิดความรุนแรง
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา  อะไรจะเกิดก็ให้เกิด แต่ตนได้เตรียมเอกสารชี้แจงไว้แล้ว โดยหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา ก็จะยื่นเอกสารชี้แจงทันที
ขณะที่นายบัณฑิต กล่าวว่า เอกสารการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรในส่วนของนายอภิสิทธิ์จะมีไม่มาก แต่ของนายสุเทพ จะมีมาก เพราะเป็นผู้ปฏิบัติ ทั้งนี้ไม่รู้สึกเป็นห่วงกับการต่อสู้คดีดังกล่าว ส่วนที่มีการเตรียมว่า จะมีการตั้งข้อกล่าวหาเพื่อให้กระทบต่อสถานภาพการเป็น ส.ส. ของทั้งสองนั้น มีทางออกอยู่แล้ว หากมีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องก็จะใช้ช่องทางร้องศาลต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. เปิดเผยว่า ตำรวจได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มที่จะมาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เบื้องต้นทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) เตรียมกำลังตำรวจไว้ 2 กองร้อย แต่จะมีการขอกำลังจากหน่วยอื่นหรือไม่นั้น ต้องประเมินสถานการณ์ก่อน
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวอีกว่า จากการข่าวเบื้องต้นทราบว่าทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่มา แต่ก็ยังต้องติดตามอยู่ และกลุ่มที่ให้กำลังใจจะมีจำนวนประมาณ 100 คน ทั้งนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้าหรือเหตุปะทะกันเด็ดขาด เชื่อว่าหากมีกลุ่มที่ต่อต้านและให้กำลังใจมาที่ดีเอสไอ จะไม่มีเหตุปะทะเหมือนกับที่กองปราบปราม เพราะตำรวจสามารถควบคุมได้แน่นอน อีกทั้งดีเอสไอมีทางเข้าออกหลายด้าน

ชมรมทหารผ่านศึก บุกทำเนียบ ร้องขอที่ทำกิน


วันนี้ (13 ธ.ค.)  ที่ทำเนียบรัฐบาล ชมรมทหารผ่านศึกวีรกรรมเราสู้จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวนประมาณ 40  คน นำโดย อส.ทพ.สมทบ มิสา ประธานชมรม ได้เข้ายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้จัดสรรที่ดินทำกิน รายละ 15 ไร่ และขอเงินทุนประกอบสัมมาชีพ รายละ 225,000 บาท โดย อส.ทพ.สมทบ กล่าวว่า ชมรมของพวกตนมีสมาชิกที่เป็นทหารผ่านศึก 286 คน ซึ่งต่างก็ต่อสู้เพื่อประเทศชาติ เป็นพวกลูกแถวที่ไม่มีบำเหน็จบำนาญ ขณะนี้ก็ไม่มีที่ทำกิน ส่วนใหย๋ต้องยังชีพด้วยการรับจ้างทั่วไปจึงอยากขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ โดยก่อนหน้านี้พวกตนเคยขอให้กระทรวงกลาโหมช่วยเหลือ แต่ถูกผลักให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเป็นผู้พิจารณา และได้รับคำตอบว่าเกินขอบเขตที่สามารถทำได้ จึงต้องมาร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ และที่ดินที่พวกตนขอให้รัฐบาลจัดสรรให้นั้นเป็นที่ดินใน อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ จำนวนหลายพันไร่ที่เป็นพื้นที่เสื่อมโทรม ที่บริษัทวนเกษตรไทย เคยได้รับสัมปทานแต่ขณะนี้ได้หมดสัญญาสัมปทานไปแล้วมาให้แก่พวกตนโดยนายสุ ภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าวพร้อมกับกล่าวว่า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องหาแนวทางช่วยเหลือต่อไปเพราะถือว่า กลุ่มทหารผ่านศึกเป็นผู้ที่เคยทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองมาก่อน  .

“เฉลิม”ยันไม่มีใครกล้าแกล้ง“มาร์ค-สุเทพ” ท้าปชป.ฟ้องได้เลยถ้าคิดว่า“ธาริต”ทำผิด


วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ้นจากการทำหน้าที่หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้า หน้าที่รัฐจำนวน 91 ศพ จากเหตุรุนแรงเมื่อปี 2553 เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม ว่า นายธาริตเป็นเพียงอธิบดี แต่ไม่ได้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน นายอภิสิทธิ์จะไม่ได้รับความเป็นธรรมได้อย่างไร และถ้าเป็นอย่างนั้น เมื่อมีการดำเนินคดีก็ต้องโยกย้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)หรือ มันจึงไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละเรื่อง อีกทั้งการดำเนินการเรื่องนี้มีเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย คือตำรวจ ดีเอสไอ และอัยการ รวมถึงทั้งหมดเป็นการทำตามคำสั่งของศาล ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นกระบวนการศาลยุติธรรมไม่ใช่หรือ และขอให้เชื่อตนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
“ใครคนไหนกล้าแกล้งคุณอภิสิทธิ์ และคุณสุเทพ ยกมือขึ้นสิ ไม่มีหรอก เขาไปให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซี ก็พูดชัดว่าใช้กระสุนจริง แต่ที่มีม็อบไปเมื่อเร็วๆนี้มีการใช้อาวุธไหม มีแต่แก๊ส โล่ กระบอง ผมบอกเลยว่าถ้าตำรวจคนไหนพกปืนมา ผมให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้วไล่ออก ชัดเจน ยืนยันเลยว่าไม่มีการกลั่นแกล้ง และมันมีอีกหลายขั้นตอน สุดท้ายเขาอาจสั่งไม่ฟ้องก็ได้”รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ยังเรียกร้องให้นายธาริต แสดงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้ลงนามในสำนวนคดีนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายธาริตต้องแสดงความรับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้าเขาทำไม่ดี พรรคประชาธิปัตย์ที่มีนักกฎหมายอยู่ทั้งพรรค ก็ต้องฟ้องร้องอยู่แล้ว แต่ตนยืนยันว่าใครจะไปกลั่นแกล้งได้อย่างไร เพราะเป็นคดีอาญา.

รมว.กลาโหมร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนไทย – มาเลเซีย


วันนี้ ( 13 ธ.ค. ) พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต  รมว.กลาโหม พร้อมด้วยคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย มาเลเซีย ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย มาเลเซีย ครั้งที่ 51 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.  เพื่อ เป็นเวทีในการแก้ไขปัญหาร่วมกันและมีส่วนร่วมในเจตนารมณ์ เพื่อความมีสันติภาพและเสถียรภาพร่วมกัน ซึ่งการประชุมในครั้งนี้มีดาโต๊ะ สรี ดร.อาหมัด ซาฮิต ฮามิดี้ รมว.กลาโหมมาเลเซีย และพล.อ.อ.สุกำพล เป็นประธานการประชุมร่วมกัน พร้อมทั้งเข้าเยี่ยมคำนับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียด้วย
พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า การประชุมครั้งนี้จะมีการชี้แจงถึงความก้าวหน้าของกิจกรรมที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการระดับสูง (เอชแอลซี) ในปี 2550 และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ใน ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปฏิบัติการต่างๆ การฝึกร่วม ผสม การจัดการชายแดน และการจัดการภัยพิบัติ รวมทั้งกิจกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแนวชายแดน โดยทั้งสองฝ่ายมีความเห็นพ้องว่าควรที่จะมีความร่วมมือและประสานงานกันอย่าง ใกล้ชิดระหว่างผู้รับผิดชอบในการแก้ปัญหาต่างๆ อาทิ การลักลอบนำสินค้าผ่านชายแดน และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่น ๆ ตามแนวชายแดน นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมตาม แนวชายแดนตามที่ได้ทำความตกลงกัน และเน้นย้ำให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามแนวชายแดน  โดย ที่ประชุมได้มีมติที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่ให้เกิดความ เข้มแข็งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาความมั่นคงและการจัดการชายแดน ตลอดแนวชายแดนซึ่งจะส่งผลให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพอย่างยั่งยืนอย่างไรก็ ตามสำหรับการประชุมในครั้งต่อไปประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมชายแดน ทั่วไป มาเลเซีย ไทย ครั้งที่ 52 ในเดือนพ.ย. 2556.

“ถวิล” ลั่น ไม่มีใครควรติดคุกกรณีสลายการชุมนุมปี53


วันนี้ ( 13 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แจ้งข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายกฯและผอ.ศอฉ. ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ว่า ตนไม่สบายใจที่มีการตั้งข้อกล่าวหาทั้งสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานในศอฉ. ซึ่งตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยจึงออกมาพูดในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่เคยเป็นคณะ กรรมการ เช่นเดียวกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งในที่นี้จะไม่พูดบริบททางการเมือง ว่าการตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้ง เพื่อเอาใจ แนวร่วมประชาธิไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือนำไปสู่การปรองดองนิรโทษกรรม หรือไม่
นายถวิล กล่าวต่อว่า เมื่อตนเป็นเจ้าหน้าที่ใน ศอฉ. ตนก็ไม่สบายใจ ว่าเจ้าหน้าที่ทำงานมีอำนาจตามกฎหมายต้องมาความรับผิดชอบ ฉะนั้นถ้าดำเนินการใดๆเกี่ยวข้องกับ ศอฉ. เพื่อนำไปสู่การรับผิดชอบทางกฎหมาย ตนคิดว่าไม่มีกรรมการ ศอฉ.คนใดที่จะปฏิเสธแม้แต่ นายธาริตก็ตาม รวมถึงตนเองด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ตนได้ปรึกษากับทางครอบครัวแล้วว่า หากจะต้องไปติดคุกกรณีอย่างนี้ตนก็พร้อมและทุกคนไม่ต้องเสียใจ ถ้าให้คนสั่งการรับผิดชอบอย่างเดียวตนมองว่าไม่ยุติธรรม  ทั้งนี้ถ้าสาธารณชนได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือได้บางส่วนจะนำไปสู่การตัดสินใจ ที่เบี่ยงเบนออกไป และอาจสร้างบรรทัดฐานหรือรูปแบบผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง และจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชาติบ้านเมืองสืบเนื่องไปชั่วลูกชั่วหลาน ทั้งนี้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ ในปี 53 ต้องตั้งหลักในตรงกัน หากการชุมนุมใช้สิทธิที่เต็มไปด้วยความรุนแรงละเมิดกฎหมาย รัฐบาลไม่ว่าในขณะใดก็ไม่ควรส่งสัญญาณทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ผิด ว่าการชุมนุมควรได้รับการปกป้อง และไม่ควรส่งสัญญาณที่บั่นทอนขวัญกำลังใจ ต้องพิจารณาดูว่ารัฐได้ทำอย่างนั้นหรือไม่ ถ้าทำอย่างนั้นก็จบ กรณีนี้โดยหลักแล้วไม่ควรมีใครต้องติดคุก เพราะเข้าไปรับระงับเหตุที่จะมีอันตรายต่อชาติบ้านเมือง ขอให้ตั้งหลักว่าเรื่องอะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง ตนเห็นว่าขณะนี้เอาเรื่องรองมาเป็นหลัก ทำให้เกิดความเข้าใจไขว่เขว
นายถวิล ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ต้องขอบคุณที่ดีเอสไอไม่ตั้งข้อกล่าวว่าเจตนาโดยประสงค์ต่อผล นายธาริตในฐานะกรรมการ ศอฉ. ตระหนักดีว่าทุกคนใน ศอฉ.ไม่มีผู้ใดประสงค์ต่อผลที่จะให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ขอบคุณที่ตั้งข้อหาตรงไม่บิดเบือน ทั้งนี้ ศอฉ.เล็งเห็นผลว่าสถานการณ์ในปี 53 อาจนำไปสู่การเสียชีวิตหรือเหตุรุนแรงจึงต้องพยายามป้องกันเหตุ และศาลแพ่ง ก็ได้มีความเห็นในขณะนั้นว่าการชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะควบคุมการชุมนุม โดยยืนยันได้ว่า ศอฉ. ไม่เคยมีคำสั่งสลายการชุมนุม แต่ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตั้งด่านสกัดบริเวณโดยรอบที่ชุมนุม เป็นด่านอยู่กับที่ห้ามเคลื่อนที่เข้าไปพื้นที่ชุมนุม เพื่อตัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้การชุมนุมฝ่อลง และเลิกไปเอง แม้จะรอบคอบก็มีเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่การตายไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่ลุแก่อำนาจ บุกลุยเข้าที่ชุมนุม แต่เป็นผู้ชุมนุมเข้ามาก่อกวนและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
นายถวิลกล่าวต่อว่า การเล็งเห็นผลของ ศอฉ. นั้นขอยกตัวอย่างกรณีที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ตำรวจถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาแต่ทำไปเพื่อจับผู้ร้าย ช่วยผู้บริสุทธิ์ อันนี้ก็เช่นเดียวกันเพราะการชุมนุมเต็มไปด้วยความรุนแรง เมื่อตั้งข้อกล่าวหาว่าเจตนาฆ่าคนโดยเล็งเห็นผล ต้องพูดให้จบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตนเรียนแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ไม่ควรจะติดคุก แต่มองว่าไม่มีใครควรติดคุก เพราะเจ้าหน้าที่ที่ออกไปทำงานเพื่อความสงบเรียบร้อยแล้วต้องติดคุกใครจะทำ งาน การส่งสัญญาณผิดๆแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นในยุคนี้มันจบก็ไม่ว่าอะไร ตนก็กลับไปอยู่บ้าน แต่หากมีผลต่อไปถึงลูกหลานแล้วจะทำกันอย่างไร ตนมีความมั่นใจในตัว นายธาริต ว่ามีเป็นมืออาชีพในการทำงานในการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จประเจ้าอยู่ หัว ที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แต่เป็นห่วงในคำสั่งที่ตั้งนายธาริต ให้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ เพราะเป็นคำสั่งที่แปลกประหลาดและมองว่าคำสั่งนี้มีความปรารถนาดีต่อนายธาริ ตหรือไม่ เพราะนายธาริตเคยอยู่ใน ศอฉ. ไม่ว่าจะทำคดีออกมาในรูปแบบไหนก็จะถูกข้อนแคะจนอาจจะเสียผู้เสียคนได้ “หมากที่ตั้งคุณธาริต เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นหมากเหี้ยม หมากอำมหิต และหมากทารุน คุณธาริตจะเสียผู้เสียคนตรงนี้ เพราะฉะนั่นผมในถานะที่มีความคุ้นเคยกับ คุณธาริตมาก่อนมีความปรารถนาดี อย่างจริงใจจึงเห็นว่าคุณธาริตควรจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนตรง นี้ตามเหตุผลที่ได้ระบุไปและขอฝากไปยังคุณธาริตอย่างจริงใจ คนที่ตั้งคุณธาริตเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผมคิดว่าไม่มีความเมตตาต่อท่าน เท่าไหร่ เพราะคุณธาริตอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ถูกด่าทั้งสิ้น และเหตุใดไม่ตั้งคนอื่นมา”นายถวิล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพติดคุก นายธาริตจะต้องติดคุกด้วยหรือไม่เพราะเป็นกรรมการศอฉ.เหมือนกัน นายถวิลกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่โดยหลักไม่ควรจะมีใครต้องติดคุก

ยื่น ป.ป.ช. สอบ "ปู" ไฟเขียวช่อง 11 แพร่ภาพ “แม้ว”


วันนี้ (12 ธ.ค.)  ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายจาตุรันต์ บุญเบ็ญจรัตน์ ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ดำเนินการไต่สวน ชี้มูลความผิด และดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และเจตนาให้มี การแพร่ภาพและเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในรายการ “มวยไทย วอริเออร์ส” ทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา
นายจาตุรันต์ กล่าวว่า ต้องการให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนผู้เกี่ยวข้อง 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 เพราะบุคคลดังกล่าวมีพฤติกรรมเข้าข่ายการเจตนาและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ภายหลังปล่อยให้มีการแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้มีสถานะหลบหนีคดีที่ศาลพิพากษาจำคุกจนถึงที่สุด กล่าวเปิดงานการแข่งขันมวย อีกทั้งข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่าไม่มีผู้เกี่ยวข้องคนใดรับทราบมาก่อนนั้นไม่ สามารถรับฟังได้ เนื่องจากรายการดังกล่าวปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการเชื่อมต่อสัญญาณจากสถานี อื่นหรือให้สถานีอื่นเชื่อมต่อสัญญาณซึ่งต้องมีการเตรียมการล่วงหน้า และเมื่อรายการถ่ายทอดสดดังกล่าวเป็นการเช่าเวลาของสถานีย่อมแสดงให้เห็นว่า จะต้องมีการตรวจสอบเนื้อหารายการก่อนที่จะมีการอนุมัติ การกระทำที่ปล่อยให้มีการแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงเป็นลักษณะของการสมรู้ร่วมคิดกันมาตั้งแต่ต้น

นายจาตุรันต์ กล่าวว่า นอกจากนี้เมื่อพิจารณาเนื้อหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวในการเปิดรายการยิ่งทำให้เห็นเจตนาตั้งแต่เริ่มต้นชัดเจนว่าการถ่าย ทอดดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้โอกาส พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวใส่ร้าย ทำลายความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมและปฏิเสธข้อเท็จจริงในเรื่องความ ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสำคัญ เหตุนี้จึงชี้ชัดว่าการกระทำของบุคคลดังกล่าวเข้าข่ายใช้อำนาจทางการเมือง แทรกแซงสื่อมวลชน ขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อระเบียบสำนักนายกว่าด้วยประมวลจริยธรรมของนักการเมือง พ.ศ.2551 ขณะที่ในส่วนของข้าราชการถือว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงด้วย

"ดีเอสไอ" เล็งแจ้งข้อหาเพิ่ม "มาร์ค-เทือก"



วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 เวลา 09:48 น.
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ในวันนี้พนักงานสอบสวนของดีเอสไอจะยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาในคดี บริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมเข้าพรรคประชาธิปัตย์ กับนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แต่จะทำหนังสือเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 18 ธ.ค. นี้ ส่วนการนัดหมายเข้ารับทราบข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนา เล็งเห็นผลของนายอภิสิทธิ์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ในฐานะอดีต ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในเวลา 13.00 น. วันนี้นั้น ตนในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้า หน้าที่รัฐจำนวน 91 ศพ จากเหตุรุนแรงเมื่อปี 2553 จะประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในเวลา 11.00 น. ก่อนที่จะแจ้งข้อหาในช่วงบ่าย

ด้าน พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวว่า จะสอบถามความสมัครใจของนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ว่าสะดวกที่จะให้ ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหาคดีความผิดเกี่ยวกับการบริจาคเงินเข้าพรรคประชา ธิปัตย์หรือไม่ หากยังไม่พร้อมก็จะส่งหนังสือให้มารับทราบข้อหาในวันที่ 18 ธ.ค.  เนื่องจากก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ได้ประสานงานว่าต้องการรับทราบข้อหากับดี เอสไอให้เสร็จสิ้นในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม ในคดีที่บริษัท อีสต์ วอเตอร์ บริจาคเงินผ่านพรรคประชาธิปัตย์เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เบื้องต้นมีผู้ที่ดีเอสไอจะแจ้งข้อหากระทำผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 56 , 60 และ 66 จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายสุเทพ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ โดยทั้ง 3 เป็นผู้ลงนามในขอเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาย่อย กระทรวงการคลัง เพื่อรับเงินบริจาค ส่วนนายอภิสิทธิ์ ถือเป็นพยานในคดีดังกล่าว ไม่เข้าข่ายถูกแจ้งข้อหา แต่นายอภิสิทธิ์ จะถูกแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง มาตรา 57 กรณีบริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์เกิน 20,000 บาท ซึ่งตามกฎหมายให้ทำเป็นเช็คขีดคร่อม แต่นายอภิสิทธิ์บริจาคเป็นเงินสดหลายครั้งรวมกว่า 20 ครั้ง
  
สำหรับบรรยากาศด้านหน้าอาคารดีเอสไอ ก่อนการเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาของ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มีการนำรั้วเหล็กมาตั้งรอบล้อมรอบตัวอาคาร ล่าสุดยังไม่มีผู้ชุมนุมกลุ่มใด เดินทางมาถึง มีเพียงการกำลังของตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จำนวน 3 กองร้อย ประจำการรักษาความปลอดภัย  โดยนำสุนัขตำรวจตรวจรอบบริเวณเพื่อหาสิ่งผิดปกติ  ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิษฐ์ วงศ์เมือง ผบ.สำนักปฏิบัติการพิเศษ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมได้ แต่ได้ประสานไป ยังพรรคประชาธิปตย์ว่าขออย่านำผู้สนับสนุนมาร่วมชุมชนเพื่อไม่ได้เกิดปัญหา กระทบกระทั่ง

คุมเข้มพื้นที่จ.ยะลารับนายกฯ"ปู"


       วันนี้ (13 ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกัน  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเป็นประธานในพิธีเปิดสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำเขื่อนบางลาง ในพื้นที่ ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา        ซึ่งดำเนินการก่อสร้างโดย กรมการทหารช่าง เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 264 เมตร กว้าง 12 เมตร ขนาด 2 ช่องจราจร  ถนนเชื่อมสะพาน 2.125 กม. ใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 720 วัน ใช้กำลังพลการก่อสร้าง กว่า 600 นาย
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจ 4 มุมเมือง คือ จุดตรวจท่าสาป บนเส้นทางจาก อ.ยะหา อ.กาบัง   จุดตรวจมลายูบางกอก เส้นทางมาจาก อ.รามัน อ.บันนังสตา อ.ธารโต จุดตรวจขุนไว เส้นทางมาจาก อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และจุดตรวจเมืองทอง เส้นทางมาจาก     อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ตั้งด่านตรวจเข้มรถยนต์ รถจยย. และบุคคลจะตรวจหมายเลข 13 หลัก ทุกคนเพื่อตรวจหาผู้ที่มีหมายจับทั้ง หมาย พรก.และหมาย ป.วิอาญา ซึ่งจะเข้ามายังตัวเมืองยะลา อย่างละเอียด เข้มงวด เช่นเดียวกับด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.11 อ.เมืองยะลา และ เจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 49 ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสาย 410 ยะลา – เบตง บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านพงยือไร หมู่ที่ 1 ต.บันนังสาเร็ง อ.เมืองยะลา ตรวจเข้มรถยนต์ จักรยานยนต์ และบุคคลต้องสงสัย อย่างละเอียด เช่นกัน.

เตรียมชมฝนดาวตกเจมินิดส์ คืนเดือนแรม


วันนี้ (13 ธ.ค.) ดร.ศรัณย์   โปษยะจินดา  รองผอ.สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 13-14  ธ.ค.นี้ คนไทยจะได้ชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ช่วงที่จะเกิดฝนดาวตกมากที่สุดคือคืนวันที่ 13 ธ.ค.-ช่วงเช้ามืดวันที่ 14 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันแรม 15 ค่ำ ไม่มีแสงจากดวงจันทร์มารบกวน จึงสามารถมองเห็นฝนดาวตกด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน  ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณใกล้กับกลุ่มดาวคนคู่  ซึ่งเป็นศูนย์กลางการกระจายของฝนดาวตกเจมินิดส์  มีลักษณะเป็นริ้วสีขาวพาดผ่านท้องฟ้า ตั้งแต่เวลา 22:00 น. ของคืนวันที่ 13 ธันวาคม ถึงเช้ามืดประมาณ 05:00 น. ของวันที่ 14 ธันวาคม ตามเวลาในประเทศไทย
ดร.ศรัณย์  กล่าวอีกว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์จะสามารถสังเกตได้ง่ายว่าฝนดาวตกลีโอนิดส์ เนื่องจากมีความเร็วไม่มากนัก ประมาณ 35 กิโลเมตรต่อวินาที  นอกจากนี้นักดาราศาสตร์ทั่วโลกได้คาดการณ์ว่าในปีนี้จะสามารถสังเกตเห็นฝน ดาวตกเจมินิดส์ได้มากกว่า 120 ดวงต่อชั่วโมง  ซึ่งตามเวลาในประเทศไทยที่คาดว่าจะเห็นดาวตกมากที่สุดเป็นเวลาหลังเที่ยงคืน ของคืนวันที่ 13 ธันวาคม  หากรอชมฝนดาวตกในสถานที่ที่มีท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงรบกวน หรือพื้นที่บนดอยสูงที่มีทัศนวิสัยของท้องฟ้าที่มืดสนิท อาจสังเกตดาวตกได้มากถึง 200 ดวงต่อชั่วโมงเลยทีเดียว
สำหรับการเตรียมความพร้อมสำหรับการดูฝนดาวตกนั้น นายศุภฤกษ์   คฤหานนท์ เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์อาวุโส  สดร. กล่าวว่า เมื่อเริ่มดูปรากฎการณ์ควรงดใช้ไฟฉายเพื่อให้ดวงตาปรับสภาพประมาณ 2-3 นาที ให้ม่านตาขยายเพื่อสามารถรับแสงในที่มืดได้ดีขึ้นและมองเห็นดวงดาวที่มีแสง น้อยได้  จากนั้นเริ่มทำความรู้จักกับทิศและดาวเหนือ  ทั้งนี้ควรเริ่มต้นจากการดูกลุ่มดาวที่มีลักษณะเด่นหรือมีความสว่างมาก เช่น กลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาวสุนัขใหญ่ กลุ่มดาวสุนัขเล็ก และสามเหลี่ยมฤดูหนาว  ส่วนผู้ที่ต้องการถ่ายภาพฝนดาวตก ควรใช้กล้องที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ และใช้ความไวแสงสูงๆ ตั้งแต่ ISO 1600 ขึ้นไป เพื่อให้กล้องมีความไวแสงในการบันทึกภาพฝนดาวตก รวมทั้งการตั้งกล้องบนขาตั้งกล้องที่มั่นคง ตั้งขาตั้งกล้องให้ต่ำพร้อมกับเงยหน้ากล้องขึ้นเพื่อเก็บภาพท้องฟ้าให้ได้ กว้างที่สุด โดยหันหน้ากล้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ทิศที่เป็นศูนย์กลางการเกิดของฝนดาวตก (Radiant) บริเวณกลุ่มดาวคนคู่ซึ่งจะเริ่มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าตั้งแต่เวลาประมาณสองทุ่ม ของวันที่ 13 ธันวาคม เป็นต้นไปทั้งนี้สมาคมดาราศาสตร์ไทยขอเชิญชวนท่านสมาชิกสมาคมฯ และผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ในวันพฤหัสบดี ที่ 13 ธันวาคม - รุ่งเช้าวันศุกร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด - โป่งก้อนเส้า จังหวัดสระบุรี.

“พท.”ยื่นกมธ.ป.ป.ช.สภาฯสอบโกงสร้างโรงพัก 5,848 ล้านบาท


วันนี้ (13 ธ.ค.)ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือต่อพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการก่อสร้างที่ทำการสถานีตำรวจ(ทดแทน) จำนวน 396 หลัง วงเงินงบประมาณ 5,848 ล้านบาท ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  (สตช.)ที่น่าจะส่อไปในทางทุจริต ซึ่ง สตช.ได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท พีซซี ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ทำการก่อสร้าง และตามกำหนดการต้องแล้วเสร็จภายใน 450 วัน เริ่มทำสัญญาวันที่ 26 มี.ค.54 ครบกำหนดสัญญาวันที่ 17 มิ.ย.55 ต่อมาขายเวลาถึงวันที่ 13 ม.ค.55 แต่ปรากฏว่าผู้รับเหมาทิ้งงาน ขณะที่บางแห่งมีการทุบสถานีตำรวจเดิม แล้วไม่มีการสร้างใหม่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปเช่าสถานที่ หรือขอยืมสถานจากองค์กรส่วนปกครองส่วนท้องถิ่น  ขณะที่บางแห่งใช้ตู้คอนเทรนเนอร์เป็นสถานีตำรวจชั่วคราว เรื่องดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่มาใช้บริการเดือดร้อน และทำให้ราชการเสียหายเพราะตำรวจไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบตามกองบัญชาการตำรวจภูธรภาคต่างๆ ทั้ง 10 กองบัญชาการ มีการกระทำลักษณะเดียวกันจึงขอให้ตรวจสอบเพื่อเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ด้วย.

“มาร์ค – สุเทพ” ถึงดีเอสไอ ลั่นไม่ขี้ขลาดหนีไปต่างประเทศ


เมื่อเวลา 12.50 น. วันนี้ (13 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ ในคดีร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลในกรณีการเสียชีวิตของ นายพัน คำกอง โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวกับประชาชนว่า ตนและนายสุเทพ ยืนยันถึงการปฏิบัติหน้าที่ในปี 52-53 ว่าทำด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ติดอาวุธก่อความไม่สงบในบ้านเมือง โดยศาลชี้แล้วว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย และตนกับนายสุเทพมีหน้าที่ดูแลรักษาบ้านเมืองคืนความสงบเรียบร้อยให้กับ ประเทศ ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ก็ได้กำชับให้ผู้ปฏิบัติหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความสูญเสีย ซึ่งผู้ที่ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดจะทราบเหตุการณ์ทั้งหมดดี ซึ่งตนและนายสุเทพยืนยันต่อสู้ตามกฎหมายไม่คิดต่อสู้ด้วยวิธีอื่นหรือหลบหนี เรื่องนี้ไม่เกินความคาดหมาย เพราะผู้มีอำนาจตั้งธงเอาไว้แล้ว ตั้งแต่รองนายกฯ ส.ส.และแกนนำเสื้อแดง เพื่อเล่นงานตนและนายสุเทพ แต่ขอให้ดำเนินการกับพวกตนตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นตนต้องรักษาสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

“ผมไม่ขี้ขลาดหนีไปอยู่เมืองนอก ไม่ขี้โกง อาจมีบ้างที่ขี้เหนียว แต่ไม่ขี้ขลาดและขี้โกง จะไม่ยอมให้มีการนำเรื่องนี้มาต่อรองผลประโยชน์ใด ๆ ทางการเมือง โทษนี้ไม่หนักหนาสูงสุดแค่ประหารชีวิต หากศาลตัดสินว่าผิด พวกผมยินดีให้เอาไปประหารชีวิต เพราะต้องการรักษากฎหมายไทย หากถูกประหารชีวิต ผมขอให้คนที่ต้องติดคุกกลับมาติดคุกด้วย บ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้าได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ตนทราบว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาตนเพิ่มอีก 1 คดี เกี่ยวกับเงินบริจาคน้ำท่วมผ่านพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด โดยตนได้โทรไปถามกับดีเอสไอแล้วว่ามีกี่ข้อกล่าวหาให้แจ้งมาพร้อมกันเลย ซึ่งตนเคยขอให้ส่งเอกสารมาก่อนแต่ดีเอสไออ้างว่าต้องส่งถึงมือ แต่ทุกคนไม่ต้องหวั่นไหว เพราะตนขอให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์​ อธิบดีดีเอสไอ อย่าหนีไปไหน เพราะตนจะไปชี้แจงทุกคดี รวมถึงมีความมั่นใจว่าความถูกต้องย่อมชนะในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับผู้สนับสนุนนั้นมีเสียงปรบมือให้กำลังใจเป็นระยะ และมีผู้ตะโกนว่า “ไม่ยอม” ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าจะยอมรับแม้ว่าจะถูกตัดสินประหารชีวิตด้วย ทั้งนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้เดินทางไปพร้อมกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพด้วย
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  พร้อมด้วยนานสุเทพ  เทือกสุบรรณ  ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน จำนวน 91 ศพ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 53  ตามหมายเรียกเข้ารับทราบข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็น ผล  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 83 84 และ 288 สืบเนื่องจากศาลอาญาได้มีคำวินิจฉัยให้การเสียชีวิตของนายพัน  คำกอง  เป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร  โดยมีอธิบดีดีเอสไอลงมาต้อนรับพร้อมยกมือไหว้ก่อนพานายอภิสิทธิ์และสุเทพ ขึ้นไปยังห้องสอบสวนบริเวณห้องประชุม 1 ชั้น 2 โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ มีสีหน้ายิ้มแย้มและยังไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชน
ขณะที่บรรยากาศบริเวณด้านนอกอาคารดีเอสไอ กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นำโดยนางพะเยาว์  อัคฮาด  มารดา น.ส.กมนเกด  อัคฮาด  ที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เดินทางมาปักหลักชุมนุม บริเวณพื้นที่ด้านซ้ายของตัวอาคาร ที่ตำรวจได้จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ชุมนุมกลุ่มนปช. พร้อมขึ้นปราศรัยบนเวทีชัวคราวบนรถติดเครื่องขยายเสียง ขณะที่ผู้ชุมนุมสนับสนุนที่มาพร้อมดอกกุหลาบแดงจำนวนกว่า 10 คน ได้แยกปักหลักอยู่ที่ด้านขวาของอาคาร เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า  โดยมีตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวนกว่า 700 นาย  สับเปลี่ยนกันเข้าประจำการดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ก่อนหน้าที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะเดินทางมาถึงตำรวจได้นำกำลังมา ตึงบริเวณด้านอาคารที่เป็นทางเข้าอย่างเข้มงวด  ส่วนทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์และทนาความส่วนตัวของบุคคลทั้ง 2 นำโดยนายถาวร  เสนเนียม ได้เดินทางมารอล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเดินทางมาถึง หน่วยรักษาความปลอดภัยของดีเอสไอ ได้เข้าคุ้มกันอย่างแน่นหนา  ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ได้เปิดสัญญาณเสียงกริ่ง  พร้อมเปิดเพลงพญาโศกและธรณีกรรแสงที่ใช้สำหรับเปิดในงานศพเสียงดังสนั่น ประกอบกับการโห่ร้อง สำหรับมาตรการเตรียมการรักษาความปลอดภัยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในช่วงเดิน ทางกลับได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ประตูด้านหลังอาคารดีเอสไอเชื่อมต่อกับ อาคารศูนย์ราชการ อาคาร เอ เป็นเส้นทางกลับ  โดยมีการนำรถของบุคคลทั้ง 2 มาจอดรอรับผู้สื่อขาวรายงานว่าล่าสุด นายศิริโชค  โสภา  ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  ซึ่งติดตามมาด้วยได้มีการโพสต์ภาพขณะที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอยู่ในห้อง สอบสวนขึ้นเฟชบุ๊คส่วนตัวด้วย.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources