วันนี้ (12 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับนายสุเทพ
เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และนายบัณฑิต ศิริพันธุ์
ทนายความ
เพื่อเตรียมการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ
(ดีเอสไอ) ในวันที่ 13 ต.ค. ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล
จากกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ว่า
หวังว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อหาอย่างชัดเจน
ไม่คลุมเครือ การที่ดีเอสไอตั้งเงื่อนไข 4
ข้อ คิดว่าไม่เป็นประเด็นเกี่ยวข้อง เพราะการที่พรรคประชาธิปัตย์จัดเวที
เดินหน้าผ่าความจริง เป็นเพียงการให้ข้อเท็จจริง
ไม่ได้ละเมิดกระบวนการยุติธรรม หรือยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน
และหากจะมีการห้ามไม่ให้พวกตนขึ้นเวทีปราศรัยก็ต้องถามว่า ใช้อำนาจอะไร
พวกตนพร้อมให้ความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรม
แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
มิฉะนั้นพวกตนจะใช้สิทธิตามกฎหมายเช่นกัน
“คิดว่าในการเดินทางไปดีเอสไอในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะมีคดีงอกขึ้นมา เพราะมีคนกระซิบว่า ที่ผมจะไปให้ถ้อยคำในคดีเงินบริจาคน้ำท่วม อาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มในกรณีการเสียชีวิตของคนขับรถ ตู้ในการชุมนุมทางการเมืองนั้น ก็คงเป็นไปได้ เพราะมีธงไว้อยู่แล้วในการเล่นงานผมและนายสุเทพ อาจพยายามให้กระทบกับสถานภาพ ส.ส. หรือหาช่องทางที่จะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ว่า กระทำการลุแก่อำนาจ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุและว่า แปลกใจที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และต้องเซ็นสำนวนในเรื่องนี้ ก็เป็นผู้ที่อยู่ในข่ายต้องตรวจสอบด้วย เนื่องจากอยู่ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ดังนั้นจึงหนีความรับผิดชอบไม่พ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกับกฎหมายนิรโทษกรรมแน่นอน และหากจะนำเรื่องนี้มาต่อรองตนก็ยืนยันว่า จะไม่หวั่นไหว ซึ่งตนก็ประกาศชัดเจนแล้วว่า ตายก็ตาย ประหารชีวิตก็ประหารชีวิต เพราะตนเป็นนักการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวมและระบบ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าศาลจะตัดสินว่าตนผิด ควรถูกประหาร ก็ต้องยอมรับโทษ ไม่มาสร้างความวุ่นวายหรือต่อรอง แต่ขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องรับโทษประหาร แต่ขอให้มาติดคุก 2ปีก่อน ถ้านักการเมืองตรงไปตรงมาไม่เอาผลประโยชน์ตนเองเป็นสำคัญ สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง การเมืองก็จะเดินได้ แต่ถ้าเห็นแก่ตัวการเมืองก็จะจมปลักอย่างนี้ สำหรับหลายคนที่ อยากไปให้กำลังใจตนและนายสุเทพ จึงอยากขอร้องให้มาให้กำลังใจพวกตนได้ที่พรรคประชาธิปัตย์ อย่าเดินทางไปที่ดีเอสไอ เพราะไม่อยากให้เกิดความสุ่มเสี่ยง ในการปะทะกันจนเกิดความรุนแรง
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา อะไรจะเกิดก็ให้เกิด แต่ตนได้เตรียมเอกสารชี้แจงไว้แล้ว โดยหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา ก็จะยื่นเอกสารชี้แจงทันที
ขณะที่นายบัณฑิต กล่าวว่า เอกสารการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรในส่วนของนายอภิสิทธิ์จะมีไม่มาก แต่ของนายสุเทพ จะมีมาก เพราะเป็นผู้ปฏิบัติ ทั้งนี้ไม่รู้สึกเป็นห่วงกับการต่อสู้คดีดังกล่าว ส่วนที่มีการเตรียมว่า จะมีการตั้งข้อกล่าวหาเพื่อให้กระทบต่อสถานภาพการเป็น ส.ส. ของทั้งสองนั้น มีทางออกอยู่แล้ว หากมีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องก็จะใช้ช่องทางร้องศาลต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. เปิดเผยว่า ตำรวจได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มที่จะมาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เบื้องต้นทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) เตรียมกำลังตำรวจไว้ 2 กองร้อย แต่จะมีการขอกำลังจากหน่วยอื่นหรือไม่นั้น ต้องประเมินสถานการณ์ก่อน
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวอีกว่า จากการข่าวเบื้องต้นทราบว่าทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่มา แต่ก็ยังต้องติดตามอยู่ และกลุ่มที่ให้กำลังใจจะมีจำนวนประมาณ 100 คน ทั้งนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้าหรือเหตุปะทะกันเด็ดขาด เชื่อว่าหากมีกลุ่มที่ต่อต้านและให้กำลังใจมาที่ดีเอสไอ จะไม่มีเหตุปะทะเหมือนกับที่กองปราบปราม เพราะตำรวจสามารถควบคุมได้แน่นอน อีกทั้งดีเอสไอมีทางเข้าออกหลายด้าน
“คิดว่าในการเดินทางไปดีเอสไอในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ จะมีคดีงอกขึ้นมา เพราะมีคนกระซิบว่า ที่ผมจะไปให้ถ้อยคำในคดีเงินบริจาคน้ำท่วม อาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มในกรณีการเสียชีวิตของคนขับรถ ตู้ในการชุมนุมทางการเมืองนั้น ก็คงเป็นไปได้ เพราะมีธงไว้อยู่แล้วในการเล่นงานผมและนายสุเทพ อาจพยายามให้กระทบกับสถานภาพ ส.ส. หรือหาช่องทางที่จะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ว่า กระทำการลุแก่อำนาจ" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุและว่า แปลกใจที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และต้องเซ็นสำนวนในเรื่องนี้ ก็เป็นผู้ที่อยู่ในข่ายต้องตรวจสอบด้วย เนื่องจากอยู่ในศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ดังนั้นจึงหนีความรับผิดชอบไม่พ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกับกฎหมายนิรโทษกรรมแน่นอน และหากจะนำเรื่องนี้มาต่อรองตนก็ยืนยันว่า จะไม่หวั่นไหว ซึ่งตนก็ประกาศชัดเจนแล้วว่า ตายก็ตาย ประหารชีวิตก็ประหารชีวิต เพราะตนเป็นนักการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวมและระบบ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าศาลจะตัดสินว่าตนผิด ควรถูกประหาร ก็ต้องยอมรับโทษ ไม่มาสร้างความวุ่นวายหรือต่อรอง แต่ขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องรับโทษประหาร แต่ขอให้มาติดคุก 2ปีก่อน ถ้านักการเมืองตรงไปตรงมาไม่เอาผลประโยชน์ตนเองเป็นสำคัญ สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง การเมืองก็จะเดินได้ แต่ถ้าเห็นแก่ตัวการเมืองก็จะจมปลักอย่างนี้ สำหรับหลายคนที่ อยากไปให้กำลังใจตนและนายสุเทพ จึงอยากขอร้องให้มาให้กำลังใจพวกตนได้ที่พรรคประชาธิปัตย์ อย่าเดินทางไปที่ดีเอสไอ เพราะไม่อยากให้เกิดความสุ่มเสี่ยง ในการปะทะกันจนเกิดความรุนแรง
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา อะไรจะเกิดก็ให้เกิด แต่ตนได้เตรียมเอกสารชี้แจงไว้แล้ว โดยหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา ก็จะยื่นเอกสารชี้แจงทันที
ขณะที่นายบัณฑิต กล่าวว่า เอกสารการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรในส่วนของนายอภิสิทธิ์จะมีไม่มาก แต่ของนายสุเทพ จะมีมาก เพราะเป็นผู้ปฏิบัติ ทั้งนี้ไม่รู้สึกเป็นห่วงกับการต่อสู้คดีดังกล่าว ส่วนที่มีการเตรียมว่า จะมีการตั้งข้อกล่าวหาเพื่อให้กระทบต่อสถานภาพการเป็น ส.ส. ของทั้งสองนั้น มีทางออกอยู่แล้ว หากมีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องก็จะใช้ช่องทางร้องศาลต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. เปิดเผยว่า ตำรวจได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มที่จะมาให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เบื้องต้นทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) เตรียมกำลังตำรวจไว้ 2 กองร้อย แต่จะมีการขอกำลังจากหน่วยอื่นหรือไม่นั้น ต้องประเมินสถานการณ์ก่อน
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวอีกว่า จากการข่าวเบื้องต้นทราบว่าทางกลุ่มคนเสื้อแดงจะไม่มา แต่ก็ยังต้องติดตามอยู่ และกลุ่มที่ให้กำลังใจจะมีจำนวนประมาณ 100 คน ทั้งนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเผชิญหน้าหรือเหตุปะทะกันเด็ดขาด เชื่อว่าหากมีกลุ่มที่ต่อต้านและให้กำลังใจมาที่ดีเอสไอ จะไม่มีเหตุปะทะเหมือนกับที่กองปราบปราม เพราะตำรวจสามารถควบคุมได้แน่นอน อีกทั้งดีเอสไอมีทางเข้าออกหลายด้าน
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น