วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2555

ปิกอัพซิ่งข้ามเกาะอัดคอสะพานตายหมู่


 

ปิกอัพซิ่งข้ามเกาะอัดคอสะพานตายสยอง 3 ศพ โคม่าอีก 2 หลังตะบึ่งไปร่วมงานบวชญาติ คาดโชเฟอร์หลับใน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 เม.ย. ร.ต.อ.นพรัตน์ มาเมือง ร้อยเวร สภ.ละแม จ.ชุมพร รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุบนถนนเอเซีย 41 หลักกิโลเมตรที่ 589 หมู่ 7 อ.ละแม จึงไปพร้อมหน่วยกู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน ที่เกิดเหตุอยู่บนสะพานบ้านดวด ในช่องทางฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร พบรถกะบะยี่ห้อโตโยต้าแบบ 4 ประตู สีดำ ทะเบียน วฮ 1842 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าพังยับเยิน หลังคายุบ ชิ้นส่วนรถกระเด็นกระจัดกระจายเกลื่อนถนน ในรถพบศพนางดวงพร โตประเสริฐ อายุ 40 ปี ส่วนบนถนนพบอีก 2 ศพ ทราบชื่อนางทองรวย ไทยถาวร อายุ 45 ปี และ น.ส.ณัฐพล ไทยถาวร อายุ 15 ปี นอกจากนี้ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ทราบชื่อนายเชิดชาย ไทยถาวร อายุ 46 ปี คนขับรถ และ น.ส.ธัญชนก โตประเสริฐ อายุ 16 ปี จึงนำส่ง รพ.ละแม
จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งหมดเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร เพื่อไปร่วมงานบวชของญาตฺใน จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุกลับเสียหลักพุ่งเหิรข้ามเกาะกลางถนนไปชนอัดกับราวสะพานจนพลิกคว่ำหลายตลบ เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากคนขับหลับใน ส่วนสาเหตุที่แท้อยู่ระหว่างสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

โปลิศมหาสารคามซิวเอเย่นต์ยาบ้าซุกซองบะหมี่


เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 เม.ย. พ.ต.อ.ยุทธศาสตร์ ศรีธงชัย ผกก.สภ.เมืองมหาสารคาม กับพวกร่วมแถลงข่าวจับนายยุทธศาสตร์ หรือยุทธ ธงยศ อายุ 33 ปี พร้อมของกลางยาบ้า1,000  เม็ด  รถเก๋งฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาว ทะเบียน กง 4120 สกลนคร โทรศัพท์มือถือ 1  เครื่อง หลังจากสืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ จึงนำกำลังไปดักซุ่มบริเวณหน้าหอพักตักศิลา ถนนถีนานนท์ ต.เกิ้ง ไม่นานก็พบผู้ต้องหาขับรถเข้ามาตรงตามการข่าว จึงแสดงตัวเข้าขอตรวจค้น ปรากฎว่าพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เดิมยึดอาชีพผลิตน้ำดื่มส่งขายในพื้นที่ แต่รายได้ไม่พอเพียง จึงหันมาลักลอบขายยาบ้าตามคำชวนของเพื่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย คุมตัวส่ง ร.ต.ท.สุริยัน คำสอน พงส.(สบ1) สภ.เมืองมหาสารคาม ดำเนินต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ล็อกหนุ่มติดเกมหาญตื้บแม่เจ้าของร้านปางตาย


ล็อกหนุ่มติดเกมหาญตื้บแม่เจ้าของร้านปางตาย เคราะห์ดีลูกชายตื่นขึ้นมาช่วยทัน ตำรวจอายัดเตรียมแจ้งข้อหาหนัก
เมื่อเวลา 06.30 น.วันที่ 12 เม.ย. ร.ต.อ.วิเชียร ทะน้อม ร้อยเวร สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายกัน ภายในร้านเกม 3 เจดอทเน็ต เลขที่ 15/3 ถนนพระพันวษา ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จึงรีบนำกำลังไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบร่างนางสวย ทองสายใจ อายุ 49 ปี และนายสุชนัย เยาวกุลเจริญ อายุ 20 ปี ซึ่งต่างได้รับบาดเจ็บตามร่างกายหลายแห่ง จึงรีบนำส่ง รพ.ศุภมิตร
สอบสวนนายสุจินต์ ทองสายใจ อายุ 32 ปีเจ้าของร้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ แต่ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงนางสวย มารดาร้องขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งลงไปดูก็พบนายสุชนัย กำลังนั่งคร่อมทุบตีมารดาอยู่ ด้วยความโมโหจึงคว้าเก้าอี้และท่อนเหล็กกระหน่ำตี จนชาวบ้านในละแวกต้องรีบเข้ามาห้ามปราบและโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
"เดิมนายสุชนัย เป็นลูกค้าประจำที่ร้านมาเล่นทุกวันจนทราบว่าต้องหยุดเรียน ทั้งยังติดค้างเงินค่าเล่นเกมด้วย แต่ก็ยังคงมานั่งเล่นอยู่ตลอด ล่าสุดแม่ตนทนไม่ไหวต้องออกปากไล่ออกจากร้าน และคงจะแค้นหรือติดเกมจึงแอบปีนเข้ามาหลังร้านปิด เมื่อแม่ตนมาพบเลยพาลโมโหตรงเข้าทำร้ายดังกล่าว เคราะห์ดีที่ลงมาช่วยทัน"นายสุจิตต์ เล่าอย่างออกรส เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อายัดตัวนายสุชนัย ไว้ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

หนุ่มต้องสงสัยฆ่า 2 แม่ลูกลั่นจะฟ้องกลับกราวรูด


.
 

หนุ่มข้างห้อง 2 แม่ลูกไฟดูดตายขู่จะฟ้องกลับกราวรูดฐานทำให้เสียชื่อเสียง ลั่นผีมีจริงออกมาให้เห็นจะเตะโชว์นักข่าว
วันนี้ (12 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากข่าวโด่งดังถึงเรื่องการเสียชีวิตของ น.ส.ชนิตา ทรงโฉม อายุ 29 ปี และด.ญ.ณาดา สานุสันติ์ หรือน้องมิ้ง อายุ 5 ขวบ สองแม่ลูกที่ถูกไฟฟ้าดูดจนเสียชีวิตภายในห้องเช่าเลขที่ 2/58 ห้องหมายเลข 4 ซอยสัตหีบสุขุมวิท 25 ก ม.4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แต่คดีกลับมีเงื่อนงำเนื่องจากเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าสัตหีบ ระบุว่าภายในบ้านที่เกิดเหตุ และห้องผู้ต้องสงสัยที่อยู่ติดกัน ไม่พบการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า ประกอบกับดวงวิญญาณของผู้ตายได้มาเข้าสิงร่างผู้เป็นแม่ ขณะพระสงฆ์กำลังทำวิธีสวดเรียกวิญญาณ ได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม บอกว่าตนและลูกถูกฆาตกรรม นอกจากนี้ตำรวจพบหลักฐานคือสายไฟยาว 3 เมตร ปอกเปลือกหัวท้ายที่สามารถใช้ต่อตรงจากปลั๊กไฟ ถึงราวตากผ้าพอดี ภายในห้องหมายเลข 3 ซึ่งอยู่ติดห้องผู้ตายที่มีนายวุฒิชัย เคนโคก อายุ 35 ปี และน.ส.ทิพย์ธารทอง สืบสวน อายุ 32 ปี ภรรยาพักอาศัยอยู่ ทำให้ทั้งคู่ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้
ล่าสุดนายวุฒิชัย และน.ส.ทิพย์ธารทอง 2 สามีภรรยาที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนและภรรยาไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับผู้ตายมาก่อน ส่วนที่ไม่ได้ออกมาโต้แย้งและไม่ไปร่วมงานศพ เนื่องจากโกรธเคืองที่ทางญาติผู้ตายกล่าวหาว่าเป็นคนลงมือฆ่า ทำให้สังคมมองว่าตนและภรรยามีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต พร้อมได้เข้าไปหยิบตู้ลำโพงจำนวน 2 ใบ ที่ตั้งอยู่ข้างทีวีออกมาให้ผู้สื่อข่าวดูว่า สายไฟที่พบ ได้เตรียมไว้เพื่อต่อเชื่อมระหว่างขั้วลำโพงกับหัวแจ๊คเสียบด้านหลังไม่ได้มีไว้เพื่อฆ่าคน
"ดวงวิญญาณบ้าอะไรเข้าร่างได้ทุกวัน แม้แต่ในวัดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เกรงกลัว และชอบเข้าตอนนักข่าวมา หากดวงวิญญาณมีจริงขอให้ปรากฏต่อหน้า จะเตะผีโชว์นักข่าว หลังคดีสิ้นสุดและมีคำตัดสินว่าผมกับภรรยาเป็นผู้บริสุทธิ์ จะฟ้องกลับกับครอบครัวผู้ตายฐานให้การเท็จ หมิ่นประมาท ทำให้ผมและภรรยาได้รับความเสียหายอย่างแน่นอนโดยจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด" นายวุฒิชัยกล่าวด้วยอาการฉุนเฉียว.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ลอบขว้างบึ้มบ้านน้ามือบอมบ์สนามบินหาดใหญ่


เมื่อเวลา 04.15 น. วันที่ 12 เม.ย. พ.ต.ท.แสนชัย เกษรินทร์ พงส.(สบ.2) สภ.โกตาบารู จ.ยะลา รับแจ้งมีคนร้ายลอบขว้างระเบิดใส่บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ 3 ต.เนินงาม อ.รามัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.ท.สมปราชน์ กรรณกานนท์ สวญ.พ.ต.ท.อัครโยธิน บุญวิโรจน์ สวป. ร.ต.อ.ภาคภูมิ นาคพนม สว.สส.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดชุด "ศรศึก-ศรชัย" และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวของนายอาหะมะ หะยีสะมะแอ วัย 56 ปี เจ้าหน้าที่พบร่องรอยความเสียหายหลายแห่ง กระเบื้องหลังคาบ้านหล่นกระจายเกลื่อน กระจกหน้าต่างห้องด้านล่างแตกหลายบาน โดยมี น.ส.ดารีละ หะยีสะมะแอ อายุ 25 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดไหล่และแขนซ้ายเป็นแผลเหวอะ จึงรีบนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา
จากการสอบสวนนายมะซับรี สะยีสะมะแอ ลูกชายเจ้าของบ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงรถ จยย.ขี่วนเวียนอยู่บนถนนหน้าบ้าน จากนั้นไม่นานก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถระบุบได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะฝีมือของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ เพราะจากการตรวจสอบพบว่านายอาหะมะ เป็นน้าชายแท้ ๆ ของนายไฟซอล หะยีสะมะแอ มือระเบิดสนามบินหาดใหญ่เมื่อต้นปี 2548 ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแส เพื่อติดตามจับกุมต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ไฟเผาโรงงานเฟอร์นิเจอร์หาดใหญ่วอด


เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 เม.ย. ร.ต.อ.อุดม บุญผุด พงส.(สบ1) สภ.หาดใหญ่ รับแจ้งเกิดเพลิงไหม้โรงงานพูนสินเฟอร์นิเจอร์ เลขที่ 249/13 ถนนเฉลียวอุทิศตัดถนนศุภสารรังสรรค์เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงไปตรวจสอบพร้อมรถดับเพลิง  10 คัน
ที่เกิดเหตุพบไฟโหมไหม้อย่างรวดเร็ว เพราะภายในมีการเก็บวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงจำนวนมาก เจ้าหน้าที่พยายามลากสายเข้าไปฉีดสกัด แต่กลับพบอุปสรรค เนื่องจากความร้อนด้านในสูงมากจนทำให้โครงหลังคาพังถล่ม ทั้งเปลวไฟยังลากไปติดรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้เคียงด้วย แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ ได้หลังระดมฉีดน้ำนานกว่า 1 ชั่วโมง ค่าเสียประมาณ5ล้านบาท

เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะได้ประสานให้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

เรียก 3 หน่วยงานสธ.และผอ.รพ.สอบซูโดฯหาย


วันนี้ (12 เม.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ  แถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมกับอัยการในคดีทุจริตการเบิกจ่ายยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนออกจากระบบโรงพยาบาลว่า วันนี้(12 เม.ย.) ดีเอสไอได้รับสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวเพิ่มเติมจากสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก  จ.เชียงใหม่  กรณีพบความผิดปกติในการสั่งซื้อยาแก้หวัดของรพ.สยามราษฎร์ จ.เชียงใหม่  ซึ่งพบว่ามีการสั่งซื้อซูโดอีเฟดรีนสูตรเดี่ยวจากบริษัท มิลาโน่ ถึง 8 ครั้งจำนวน 210,000 เม็ด ซึ่งเบื้องต้นน.ส.นิสสรณ์  พรมวัง  ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของรพ.ให้การยอมรับว่าเป็นผู้ปลอมลายเซ็นนายแพทย์สินทิป พัฒนะคูหา ผอ.รพ.สยามราษฎร์ และดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวโดยได้รับค่าจ้างครั้งละ 500-1000 บาท โดยมีน.ส.สุทธิณี  ไม่ทราบนามสกุล เป็นผู้แทนบริษัทยาเป็นผู้นำยามาส่งแล้วนำยากลับไป  พร้อมทั้งนำเงินให้น.ส.นิสสรณ์ นำเข้าบัญชีของรพ.เพื่อโอนเข้าบัญชีบริษัทยา  นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติออกหมายเรียกผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน  ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขในฐานะผู้กำกับดูแลรพ.รัฐ , กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ในฐานะผู้กำกับดูแลรพ.เอกชน และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ในฐานะกำกับดูแลยามาให้การกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 18 เม.ย. ในเวลา10.00 น.
นายธาริต กล่าวอีกว่าดีเอสไอยังได้ออกหมายเรียกผอ.รพ. 11 แห่งเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 19 และ 20 เม.ย.  เพื่อให้ปากคำชี้แจงถึงหน้าที่ความรับผิดชอบของผอ. ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำยาแก้หวัดออกจากโรงพยาบาลหรือไม่ รวมถึงชี้แจงกฎระเบียบ ข้อบังคับ พร้อมแสดงหลักฐานให้ชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยได้กำชับให้ผอ.รพ. เป็นผู้เข้าให้ข้อมูลพร้อมหลักฐานด้วยตนเอง โดยพนักงานสอบสวนยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตนตั้งข้อสังเกตกรณีรพ. ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี  มียาแก้หวัดหายไปกว่า 7 ล้านเม็ด เบิกไป 129 ครั้ง ซึ่งการสั่งซื้อยาทำในนามของรพ. แล้วนำยาเข้าระบบของรพ. รวมถึงยังจ่ายเงินในนามของรพ. แต่กลับมีการลักลอบนำยาออกไป เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ผู้บริหารจะบอกว่าไม่รู้เห็นหรือไม่มีส่วนรับผิดชอบ
สำหรับรายชื่อโรงพยาบาลทั้ง 11 แห่ง พนักงานสอบสวนดีเอสไอออกหมายเรียกเข้าให้การประกอบด้วยรพ. ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี ,  รพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ , รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ , รพ.ฮอด จ.เชียงใหม่ , รพ.นวมินทร์ 1 กรุงเทพฯ , รพ.สยามราษฎร์ จ.เชียงใหม่ ,  รพ.หนองกี่  จ.บุรีรัมย์ , รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ , รพ.กมลาไสย  จ.กาฬสินธุ์ , คลินิกสุพรชัย จ.ลพบุรี และสัมพันธ์คลินิก จ.เชียงใหม่
ด้านพ.ต.ท.พงษ์อินทร์  อินทร์ขาว  ผบ.สำนักคดีความมั่นคง  กล่าวกรณีตรวจสอบที่รพ.กมลาไสย แล้วพบกระดาษข้อความ 5 บรรทัด ในห้องคลังยาที่มีความเชื่อมโยงไปถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวนั้นกองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์อยู่ระหว่างการตรวจสอบลายมือในหลักฐานดังกล่าว.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

คุกสาวแสบหลอกชาวบ้านลงขัน245ปี


วันนี้ (12 เม.ย) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีฉ้อโกงทรัพย์ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิมิลัญจ์ หรือภัทรภูมิ ภูมิชนน์ อายุ 42 ปี และ น.ส.พาฝัน หรือเบญญทิพย์ เดโชชัย อายุ 36 ปี ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
           
โดยคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 15 ส.ค.2545-17 มิ.ย.2547 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับพวกอีกหลายคนที่ศาลลงโทษแล้วได้บังอาจเจตนาทุจริตหลอกลวงประชาชนโดยการโฆษณาข้อความอันเป็นเท็จ ชักชวนประชาชนให้นำเงินมาร่วมลงทุนธุรกิจส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ และธุรกิจทำเครื่องเบญจรงค์ส่งจำหน่ายต่างประเทศ โดยจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 120 ต่อปี  ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ทำให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินมาลงทุนกับจำเลยรวม 49 ราย รวมเป็นเงิน 68,457,000 บาท  ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งแรงงาน และส่งเครื่องเบญจรงค์จำหน่ายต่างประเทศแต่อย่างใด  เหตุเกิดที่ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน เบื้องต้นจำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะได้ตกเป็นผู้เสียหายด้วย เนื่องจากถูกน้องชายและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นน้องสะใภ้หลอกให้นำเงินมาลงทุนหลายแสนบาท ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ผัวยิงตัวตายประชดเมีย แต่รอดอาการร่อแร่



ลูกเขยสหฟาร์ม ชำแหละไก่สดรายใหญ่ ยิงตัวประชดเมีย อาการร่อแร่
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (12 เม.ย.) พ.ต.ท.ศราวุธ ศรีประเสริฐ สวส.สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งมีคนยิงตัวเองบาดเจ็บสาหัสที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 6 ต.อู่ทอง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้าน พบพียงรอยเลือดส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง ร.พ.วิภาวดีปิยราชฎร์ ไปก่อนหน้านี้ทราบชื่อนายสมชาติ ศุภมงคลไชย อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 434/36 หมู่ 4 ต.สวนแตง อ.เมืองสุพรรณบุรี ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม.ที่กกหูขวาทะลุซ้าย 1 นัดอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.พญาไท กรุงเทพ
 
จากการสอบสวนนางญาณี โพธิศิริ  อายุ 43 ปี ภรรยาคนเจ็บให้การว่า สามีได้ช่วยงานที่บริษัทสหฟาร์ม โรงงานชำแหละไก่สดส่งขายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นของบิดาตน กระทั่งก่อนเกิดเหตุตนกับสามีได้ทะเลาะมีปากเสียงกัน ระหว่างนั้นสามีได้ถือปืนออกมายืนหน้าบ้าน แต่ตนไม่คิดจะเกิดเหตุร้าย คงคิดว่าสามีแค่เอาปืนออกมาขู่เท่านั้น จากนั้นจู่ ๆ ตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด พอหันไปดูเห็นสามีนอนจมกองเลือดเสียแล้ว เบื้องต้นสันนิษฐานว่า นายสมชาติคงน้อยใจเมีย เลยหยิบปืนออกมายิงตัวเองเพื่อเป็นการประชดภรรยา อย่างไรก็ตามจะสอบสวนสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ป.ป.ส.คุมเข้มสงกรานต์



ป.ป.ส.คาดความพยายามลักลอบลำเลียงยาเสพติดช่วงเทศกาลสงกรานต์มาก ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้มาตราการคุมเข้ม เน้นการข่าว หมายจับ รณรงค์แจกสติกเกอร์หลวงพ่อคูณ กลับบ้านปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด
เวลา 13.30 น. วันนี้ (11 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ในฐานะหัวหน้าสำนักงานอำนวยการร่วมศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ(หน.สอร.ศพส.) เป็นประธานในการประชุมส่วนบังคับบัญชา สอร.ศพส. ครั้งที่ 2/2555เพื่อสรุป และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ไตรมาสที่ 1 และ 2 กำหนดมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดช่วงเทศกาลสงกรานต์และกำหนดแนวทางการดำเนินงานตาม “วาระแห่งภูมิภาค” ตามแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ในช่วง 6 เดือนหลังและมาตรการคุมเข้มยาเสพติดที่คาดว่าจะมีการลักลอบนำเข้าพื้นที่ส่วนกลางช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณาสุข
เลขาธิการ ป.ป.ส.กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางป.ป.ส.ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทุกภาคส่วน ในเรื่องมาตรการการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จากข้อมูลด้านการข่าวของสำนักงาน ป.ป.ส.สอดคล้องกับข้อมูลของ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ที่พบว่าขบวนการค้ายาเสพติดมีความพยายามลักลอบลำเลียงยาบ้าประมาณ 10 ล้านเม็ด เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ทางศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จึงได้เพิ่มมาตราการในการปราบปรามตามแนวตะเข็บชายแดน โดยใช้กองกำลัง 8 ชุด ลาดตระเวนเฝ้าระวังซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับต่างจังหวัดและเข้ากทม.คาดว่าจะมีกลุ่มคนที่อาศัยจังหวะนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ส่วนกลาง ได้มีการกำหนดเจ้าหน้าที่ในการสกัดกั้น จุดตรวจ 555 จุดทั่วประเทศ และเน้นตามหมายจับ ทั้งขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการรถโดยสาร รถทัวร์ ตรวจตราเรื่องพนักงานขับรถและผู้โดยสาร และในวันที่ 12 เม.ย.เวลา 10.00 น.ป.ป.ส.จะแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และดารา ศิลปิน อาทิ จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม หมิง-ชาลิสา บุญครองทรัพย์ มิลค์-เขมสรณ์ หนูขาว พร้อมแจกสติ๊กเกอร์รูปหลวงพ่อคูณ ที่กล่าวว่า กลับบ้านปลอกภัย ห่างไกลยาเสพติดนะลูกหลายเอ๊ย! เพื่อเป็นการรณรงค์ บริเวณด่านเก็บเงินทางด่วนประชาชื่นขาออกอีกด้วย.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ผบช.น.เรียกประชุมมอบนโยบายนายตำรวจที่เข้ารับตำแหน่งใหม่


เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (11 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ได้เข้าร่วมประชุมมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับ รองผู้บังคับการ - สารวัตร ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมีทั้งนายตำรวจที่ได้รับตำแหน่งสูงขึ้น นายตำรวจที่โยกย้ายมาจากนอกหน่วย และนายตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งหมุนเวียนตำแหน่งทั้งหมดตามคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายของกองบัญชาการตำรวจนครบาลประจำปี 2554 ซึ่งมีทั้งสิ้นจำนวน 276 นาย..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources