วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

คาร์บอมกลางเมืองยะลาตายพุ่ง10ศพเจ็บเพียบ


ไฟใต้ระอุ ขบวนการก่อความไม่สงบ จุดชนวนคาร์บอมบ์ กลางเมืองยะลา ยอดตายพุ่ง 10 ศพ เจ็บกว่า 69 ราย
วันนี้ (31 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลา ว่า ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณสีแยกถนนจงรักตัดกับถนนรวมมิตร ซึ่งถือเป็นย่านการค้าสำคัญในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา 2 จุดในเวลาใกล้เคียงกัน โดยสันนิษฐานว่า การก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของพวกก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัด ชายแดนใต้ ก่อเหตุลักษณะใช้ คาร์บอมบ์ เนื่องจากพบรถกระบะ พลิกคว่ำอยู่สภาพไหม้เกรียม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 10 ศพ เจ็บกว่า 69 ราย เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำตัวคนเจ็บส่ง รพ.ใกล้เคียงโกลาหล  อีกทั้งเหตุระเบิดดังกล่าว ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามบ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงที่เกิดเหตุด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า  คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุถังแก๊ส  น้ำหนักประมาณ 30 กก. ซุกซ่อนในรถยนต์อีซูซุ สีบรอนส์ ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งคนร้ายได้นำมาจอดที่เกิดเหตุ จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารทำให้อาคาร ร้านค้า ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ทั้งสองข้างถนน ได้รับความเสียหาย  โดยชั้นล่างเสียหายทั้งหมด และบางส่วนของชั้น 2 ทรุดตัวลงมา พินาศราบเป็นหน้ากลอง  ส่วนรถยนต์ รถจยย. และรถบัส สีเขียวของทหาร ร.15 พัน 4 จอดอยู่ ได้รับความเสียหาย อีกจุดคนร้ายนำระเบิดบรรจุถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 30 กก. ซุกซ่อนในรถกระบะโตโยต้า สีขาว  ไม่ทราบทะเบียน  จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสารเช่นกัน  ทำให้อาคารพาณิชย์สองข้างทาง รถยนต์ รถจยย. และรถมูลนิธิ ได้รับความเสียหาย โดยในจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่าจุดแรก  เนื่องจากเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือคนเจ็บพอดี ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นกลลวงของคนร้าย พร้อมกันนั้นรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน  ซึ่งติดแก๊สและจอดอยู่บริเวณใกล้เคียงได้ระเบิดขึ้นด้วย ทำให้ความเสียหายกระจายวงกว้างเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

แฉคาร์บอมบ์บึ้ม“ลีการ์เด้นฯ”ตายสยอง5ศพ


หลักฐานปรากฏชัด ยืนยันคาร์บอมบ์ บึ้มสนั่น “ลี การ์เด้นฯ”หาดใหญ่ หลังเจ้าหน้าที่พบซากรถก่อเหตุจอดทิ้งไว้ชั้นใต้ดิน ขณะที่ยอดตายพุ่งแล้ว 5 ศพ เจ็บอีกเพียบ ระทึกช่วยเหยื่อสาวท้อง 6 เดือน รอดถูกย่างสดหวุดหวิด
วันนี้( 31 มี.ค.)   ร.ต.ท.ภูวดล วิริยะวรางกูล พงส.(สบ 1) สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา รับแจ้งมีเหตุระเบิดที่ ลี การ์เด้น พลาซ่า โฮเต็ล โรงแรม และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ สูงกว่า 33 ชั้น รีบประสานรถน้ำดับเพลิง ก่อนไปตรวจสอบพร้อม นายเสรี พานิชกุล นายอำเภอหาดใหญ่ พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ  ผบก.ภ.จว.สงขลา  และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และฝ่ายสืบสวนจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงพบผู้คนในโรงแรมกว่า 200 คน กำลังหนีตายโกลาหล โดยสังเหตเห็นเปลวเพลิง ลุกไหม้อย่างรวดเร็วจากชั้น 1 ซึ่งเป็นศูนย์อาหาร ก่อนลุกลามไปยังชั้น 3 ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเสื้อผ้าทำให้กลุ่มควันและเปลวเพลิง พวยพุ่งเต็มไปทั้งห้างสรรพสินค้า และห้องพักทุกชั้นของโรงแรม ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่กำลังพักผ่อนติดอยู่ภายในอาคารจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมรถน้ำดับเพลิงหลายสิบคัน ช่วยกันฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิง และใช้พัดลมขนาดใหญ่พัดระบายควันออกมา กันผู้ที่ติดอยู่ภายในอาคารสำลักควันหมดสติ ก่อนในเวลาต่อมา จะมีการนำเอารถกระเช้า มาช่วยผู้ที่ติดอยู่ภายใน แต่ก็เกิดอุปสรรคเนื่องจากรถกระเช้าดังกล่าว มีความสูงเท่าเพียงตึก 4 ชั้นเท่านั้น อีกทั้งโรงแรมดังกล่าวไม่มีลานจอดเฮลิคอร์ปเตอร์ด้วย ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทุลักทุเล กระทั่งต้องส่งนักผจญเพลิงเข้าไปทุบกระจกหน้าต่างของตึกทุกชั้น เพื่อช่วยในการระบายควันอีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้คนที่ติดอยู่ภายใน และยังไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้ ให้รีบขึ้นไปอยู่ที่สระว่ายน้ำชั้นบนของตึกและที่ดาดฟ้า เพื่อป้องกันการสำลักควัน และเพื่อความสะดวกต่อการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงสามารถทยอยลำเลียงผู้ที่ติดอยู่ภายในออกมาได้ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของผู้ที่ติดอยู่ภายในและได้รับการช่วยเหลือออกมา เป็นเยาวชน ที่ไปแสดงศิลปวัฒนธรรมในชั้น 3 ของโรงแรม และยังมีผู้บริหารและทีมงานนักแสดงจากละครเรื่อง "น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์" ด้วย
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเดินเล่นภายในส่วนของห้างสรรพสินค้าในโรงแรมดังกล่าวอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวมาจากชั้นที่ 1 และชั้นที่ 3 ของโรงแรมดังกล่าว ก่อนจะสังเกตเห็นเปลิวเพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนที่อยู่ภายใน ต่างรีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอดอย่างอลหม่าน บางส่วนหกล้มระเนระนาด เหยียบกันจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ผู้คนที่ติดอยู่ภายในอาคารส่วนใหญ่ เป็นคนที่พักอยู่ในห้องของโรงแรมบนชั้นสูง ซึ่งไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องติดอยู่ภายในอาคารจำนวนมาก
ด้านรายงานล่าสุดจากเจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรสงขลา แจ้งว่า เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 5 คน ยืนยันแล้วเป็นชาย 1 ราย ติดอยู่ซอกบันไดเลื่อน ชั้น บี 1 คาดว่าเป็นจุดระเบิดที่เกิดขึ้น ร่างกายถูกไฟไหม้เกียมเป็นตอตะโก ส่วนอีก 3 ศพ พบที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน และอีก 1 ศพ เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้นกว่า 400 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บจากการถูกไฟลวก กระจกบาด 50 คน ที่เหลือเป็นการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุขณะวิ่งหนี และสำลักควันไฟ เจ้าหน้าที่เร่งลำเลียงผู้บาดเจ็บ ส่ง ร.พ.หาดใหญ่ รพ.กรุงเทพฯ รพ.ราษฎร์ยินดี รพ.มอ. และ รพ.ใกล้เคียง เพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน ทั้งนี้ในช่วงเกิดเหตุ มีเหตุระทึกเนื่องจากมีหญิงท้อง 6 เดือน ติดอยู่ภายในลิฟท์ แต่เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของระเบิดครั้งนี้  ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากหน่วย อีโอดี หรือชุดเก็บกู้ระเบิด ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุได้ แต่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการ ระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ มีข้อสังเกตที่น่าจะเชื่อเป็นการจงใจก่อการร้าย เพราะพยานหลายปากยืนยันตรงกันว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 2-3 ครั้ง โดยคาดว่าระเบิดที่ใช้ น่าจะทำมาจากไฮโดรเจนเหลว ที่ต้องการให้เกิดแรงอัดระเบิด และเกิดไฟไหม้ อีกทั้งการทำระเบิดจากไฮโดรเจนเหลว ยังสามารถเล็ดลอดการตรวจตราได้ง่ายกว่า ระเบิดแสวงเครื่องอีกด้วย อย่างไรก็ตามต้องผลสรุปอย่างละเอียด จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ที่จะเข้าตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุ เพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลาต่อมา พล.ต.ต.สุวิทย์ เชิญศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ได้สั่งการให้ เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.รอบนอกใน จ.สงขลา  เข้ามารักษาความปลอดภัยในพื้นเขตเทศบาลนครหาดใหญ่เป็นการด่วน อีกทั้ง พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ สั่งการให้กำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 42 ส่งกำลังเข้าร่วมรักษาความสงบ และตรวจสอบย่านการค้า ศูนย์การค้า โรงแรมต่างๆ เพราะเกรงว่าจะมีการวางระเบิดเกิดขึ้นอีก
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกำชับให้เร่งรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ให้รับทราบเป็นการด่วน
ล่าสุด รายงานข่าวแจ้งมาว่าภายหลังเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบบริเวณลานจอดรถชั้น บี 1 พบซากรถถูกระเบิดคล้ายเป็น คาร์บอมบ์อยู่ที่ชั้นล่าง ของลานจอดรถชั้นใต้ดิน และมีหลุมลึกประมาณ 40 ซม. กว้างประมาณ 2 เมตร ขณะเดียวกันมีความพยายามที่จะให้ข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงว่าให้นำเสนอข่าวทำนองว่าเป็นอุบัติเหตุ ท่อส่งแก๊สระเบิด ทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะหากมีการก่อวินาศกรรมในเมืองหาดใหญ่ จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์
โดยก่อนหน้านี้ในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ มักจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นเสมอ อย่างเช่น กรณีลอบวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2548 รวมถึงระเบิด ห้างสรรพสินค้าในตัวเมืองหาดใหญ่ ทั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บ 73 คน

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“ปลัดสุพจน์” ส่งทนายขอเป็นโจทก์ร่วมคดีโจรปล้นบ้าน



วันนี้ ( 2 เม.ย.) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 9.30 น. วันที่ 2 เม.ย. ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.347/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่นจำเลย ที่ 1 นายเสาร์แก้ว นามวงค์ ที่ 2  นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน ที่ 3 นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน ที่ 4  นายวุฒิชัย หรือวุฒิ พันธวารีที่ 5 นายวณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา ที่ 6  นายประพันธ์ เรียงเครือ ที่ 7 นายชยธัช หรือเอก จันนะชัย ที่ 8 และนางสาววาสนา สาเพิ่มทรัพย์ ที่ 9 ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธโดยใช้ยานพาหนะฯ ร่วมกระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพฯ ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านฯ ขอให้ลงโทษตาม ป.อาญา มาตรา 310, 310 ทวิ, 340, 340 ตรี, 357, 365 และ 371
 
คำฟ้องโจทก์สรุปความผิดจำเลยว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ -23 พ.ย 2554 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยกับพวกได้ร่วมกันมีมีดคัตเตอร์,ชะแลงเหล็กจำนวน 3 อัน ติดตัวไปที่ ซ.ลาดพร้าว 62 เขตวังทองหลาง  บุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ช่วยราชการสำนักนักนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหายที่ 1 แล้วลักเงินสดจำนวน 18,121,000 บาท ของผู้เสียหายที่ 1 ไป โดยขู่และทำร้ายนางจันทรา สังเกิด ผู้เสียหายที่ 2 และ น.ส. สาวิตตรี  บุญอุ้ม  ผู้เสียหายที่ 3  ลูกจ้างของผู้เสียหายที่1 จนปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และใช้รถกระบะเป็นยานพาหนะหรือมิฉะนั้นจำเลยกับพวกได้รับของโจรโดยช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่ายหรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งทรัพย์ดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวง-เขตวังทองหลาง กทม.ท้องที่ตำบลและอำเภอต่าง ๆ จ.กาญจนบุรี และจังหวัดเชียงรายเกี่ยวพันกัน
 
 เมื่อถึงเวลานัดจำเลยที่ 4, 6, 7 และ 8 ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล โดยทนายความของนายสุพจน์ได้ยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วมคดีนี้ด้วย เมื่อสอบถามฝ่ายจำเลยไม่ได้คัดค้าน ศาลจึงอนุญาตให้นายสุพจน์เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ อย่างไรก็ตาม ศาลได้เลื่อนการตรวจสอบพยานและหลักฐานในคดีนี้ออกไป เนื่องจากวันนี้ยังไม่ได้เบิกตัวจำเลยที่ 1,2,3,และ 9 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และจำเลยทั้งสี่ที่ไม่ได้เบิกตัวมายังไม่ได้แต่งตั้งทนาย ด้วยเหตุจำเป็นดังกล่าว ศาลจึงเลื่อนการตรวจสอบพยานและหลักฐานอีกครั้งในวันที่ 30 เม.ย.นี้ เวลา 13.00 น.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ปูยอมรับบึ้มใต้รู้ล่วงหน้าแต่ป้องกันไม่ได้



วันนี้ ( 2 เม.ย.)  ที่ บน.6 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ขึ้นเครื่องไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหต์ระเบิดที่โรงแรมลีการ์เด้นส์ โดยนายกรัฐมนตรี เปิดเผยก่อนออกเดินทางว่า ที่ตัดสินใจลงพื้นที่เพราะเป็นห่วง เนื่องจากต้องไปกัมพูชาหลายวัน แต่จะลงไปเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ยอมรับว่า มีการแจ้งเตือนมาล่วงหน้าตามที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ ระบุจริง ซึ่งมีการเตือนเป็นระยะๆ อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด ซึ่งกำลังให้ สมช.ประเมินรายละเอียดและสาเหตุที่แท้จริงอยู่ รวมทั้งเร่งรัดเจ้าหน้าที่ให้สืบสวนสอบสวนคดีอย่างรัดกุม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ครม.ตนได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนทุกจุดทั่วประเทศก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ เช่น กระทรวงคมนาคม ต้องกวดขันเส้นทางคมนาคมต่างๆ ทัั้งรถไฟ รถเมล์ และหลังจากนี้ก็ต้องเรียกประชุมกำชับทุกหน่วยงานเพื่อให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนในทุกพื้นที่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวสงกรานต์ และตนยังได้เตรียมชี้แจงเรื่องดังกล่าวในเวทีอาเซียนซัมมิทที่ประเทศกัมพูชาด้วย

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

"ดีเอสไอ"สอบพบทุจริตระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลขรก.


วันนี้ (2 เม.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง แถลงข่าวการตรวจสอบการใช้สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครัว ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน โดยนายธาริต กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมบัญชีกลางพบว่าปัจจัยที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นมีที่มาจาก 1 กลุ่มข้าราชการสูงอายุเพิ่มมากขึ้น 2.ราคายาสูงขึ้น 3.ยาที่เป็นต้นแบบมีราคาสูงขึ้น 4.มีปัญหาโรงเรื้อรังสูง และ 5.ทุจริต ซึ่งจากการร่วมกันตรวจสอบประเด็นการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการในระบบสาธารณสุขระหว่างกรมบัญชีกลางกับดีเอสไอ พบความผิดปกติดังนี้ 1.หลักฐานทางการเงินที่โรงพยาบาลขอเบิกกรมบัญชีกลาง ไม่ตรงกับข้อมูลค่ารักษาที่ส่งเบิกในระบบจ่ายตรง 2.ลายมือชื่อแพทย์ในเวชระเบียนไม่ตรงกับลายมือชื่อแพทย์ในใบสั่งยา 3.ตามหลักฐานเวชระเบียนพบว่ามีข้อมูลเข้ารับการรักษา จำนวน 6 ครั้ง แต่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาจริงเพียง 2 ครั้ง 4.การสั่งจ่ายยาเพื่อการรักษาไม่สัมพันธ์กับอาการป่วยของผู้ป่วย แพทย์สั่งจ่ายยาให้กับญาติผู้ป่วยที่ไม่มีสิทธิสวัสดิการ 5.มีการสั่งจ่ายยาในปริมาณมากเกินกว่าที่ผู้ป่วยจะใช้ได้หมด

นายธาริต กล่าวต่อว่า สำหรับรูปแบบการทำผิดแยกได้เป็น 3 ประเภทคือ 1.การสวมสิทธิ์ ผู้ป่วยหรือไม่มีอาการป่วย ซึ่งไม่มีสิทธิ์ตามสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครัวเข้าสวมสิทธิ์รักษาพยาบาลของบุคคลที่มีสิทธิ์ ซึ่งดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อหาตัวบุคคลที่สวมสิทธิ์ผู้อื่น 2.การยิงยา พบว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายยา มีการสั่งจ่ายยาที่ไม่จำเป็นและเหมาะสมสัมพันธ์กับอาการเจ็บป่วยของผู้ป่วย หรือจ่ายยาในลักษณะสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น เน้นการจ่ายยานอกบัญชีหลักซึ่งมีราคาแพง โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับริษัทผู้ผลิตยาหรือตัวแทนจำหน่ายยา ในลักษณะของผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินตอบแทน ของกำนัล การเดินทางไปต่างประเทศ 3.การช้อปปิ้งยา คือผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการและครอบครัว จะเบิกค่ารักษาพยาบาลในลักษณะเดินสายขอตรวจรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ ในช่วงวันเดียวกัน หรือระยะเวลาใกล้เคียงกัน และมักเดินทางไปพบแพทย์เกินกำหนดนัด เป็นเหตุให้ได้รับยาจำนวนมากยิ่งขึ้น มีการดำเนินการลักษณะเป็นขบวนการ มีความเชื่อมโยงระหว่างผู้ป่วย บุคคลากรทางการแพทย์ ร้านขายยา บริษัทยา ทั้งนี้ ภายใน 2 สัปดาห์กฎกระทรวงฉบับใหม่จะประกาศใช้ ซึ่งจะมีทำให้ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ยา และเครื่องสำอางค์ อยู่ในอำนาจคดีพิเศษได้ทันที โดยดีเอสไอจะดำเนินการโดใยพิจารณาความผิดเป็นรายไป  

ด้านน.ส.สุภา กล่าวว่า จากการแก้ไขปัญหาดังกล่าวทำให้สถิติค่ารักษาพยาบาลสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ในปี 2554 ลดลงจากเดิม 62,200 ล้านบาท เป็น 61,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าว่าในปี 2555 นี้จะลดลงให้ได้อีก 5,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถควบคุมการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้มากขึ้น โดยจะเข้มงวดหากพบข้าราชการมีพฤติกรรมช๊อปปิ้งยาจะถูกเรียกเงินคืน ลงโทษทางวินัย และดำเนินคดีอาญา ส่วนบุคคลในครอบครัวจะถูกเรียกเงินคืน ดำเนินคดีอาญา และถอนสิทธิการรักษาพยาบาล ทั้งนี้ ภายในเดือน พ.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะออกหนังสือเวียนถึงผู้ได้รับสิทธิการรักษาพยาบาล นอกจากนี้กระทรวงฯได้เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีการกำหนดรหัสยา ให้ยาชนิดเดียวกันใช้รหัสเดียวกัน เพื่อความสะดวกในการควบคุมและสั่งจ่ายยา และสามารถนำมาประเมินให้เห็นภาพสถิติการใช้ยาทั้งระบบได้

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ชาวยะลาช่วยทำความสะอาดพื้นที่คาร์บอม


จากเหตุระเบิด คาร์บอมบ์ บริเวณหน้าร้านขายข้าวมันไก่  บริเวณถนนรวมมิตร  ตัดกับ  ถนนจงรักษ์ และในเวลาไล่เลี่ยกัน เกิดเหตุ คาร์บอมบ์บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 รวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 10 คน ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน อาคารบ้านเรือน ร้านค้า รวมทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ได้รับความเสียหายจำนวนหลายสิบคัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 31 มี.ค.55 ที่ผ่านมา นั้น
 
ล่าสุดวันนี้ ( 2 เม.ย.)  มีประชาชน ต่างทยอยเข้ามาดูความเสียหายในบริเวณที่เกิดเหตุ ประชาชนที่อาศัยในย่านถนนรวมมิตร และ เจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครยะลา ก็ได้ช่วยกันทำความสะอาดบ้านเรือน ทำความสะอาดพื้นผิวถนน ขนย้ายรถยนต์ และ ข้าวของที่ได้รับความเสียหายจากแรงงระเบิดออกจากพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อจะให้ถนนรวมมิตร กลับมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่ง
 
ขณะที่ สมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย พร้อมเพื่อนสื่อและชาวยะลานำโดย นายอับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์ เลขาธิการสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย / คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและติดตามการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟูการพัฒนาตามวิถีวัฒนธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายยุทธนา ปลื้มสำราญ สถานีวิทยุ 97.5 modern hit ยะลา และ ทีมงานสื่อมวลชนในจังหวัดยะลา กว่า 20 คน จัดตั้งโต๊ะภายในเต็นท์ เพื่อร่วมให้กำลังใจ และ ส่งใจพร้อมรับบริจาคสิ่งของ และ เงิน เพื่อนำไปช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต และ ผู้ได้รับบาดเจ็บ
 
 สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ยังมีจำนวน 32 ราย (บาดเจ็บสาหัส 10 ราย ชาย 5 หญิง 5 ) ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส จำนวน 22 ราย (ชาย 16 หญิง 5 เด็ก 1) แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว จำนวน 77 ราย
 
ส่วนความคืบหน้าในด้านคดี แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนสอบสวนระบุว่า เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุคาร์บอมบ์ น่าจะเป็นกลุ่มของนาย สาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ  นายอุสมาน เด็งสาแม และ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือ อุสตาซรอฮิง อาซ่อง ซึ่งเป็นแกนนำก่อเหตุรุนแรงที่มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดี เป็นกลุ่มที่ก่อเหตุ เพื่อต้องการแสดงศักยภาพ และ สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชนในพื้นที่ ว่าสามารถก่อเหตุร้ายได้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะมีการดูแลในพื้นที่เข้มแล้วก็ตาม
 
ด้านญาติของ 1 ใน 10 ที่เสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์ ก็ขอวอนให้รับบาลช่วยแก้ปัญหา และ ยุติเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่โดยเร็ว ซึ่งที่บริเวณ ศาลาสวดอภิธรรม วัดพุทธภูมิ (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นที่ตั้งศพของนายสมเกียรติ์ พยากรณ์ อายุ 35 ปี ช่างเคเบิ้ลร้านเจมาร์ท ถนนรวมมิตร 1 ใน 10 ของเหยื่อคาร์บอมบ์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
 
นายสมศักดิ์ พยากรณ์ พี่ชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สิ่งแรกที่อยากให้รัฐบาล หรือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการ คือ อยากให้เหตุการณ์ในพื้นที่สงบลงโดยเร็ว ไม่อยากให้พี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความทุกข์ไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมาหน่วยงานของรับก็ทำงานกันเต็มที่อยู่แล้ว ตนเองก็ขอให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกๆฝ่าย สิ่งที่ต้องการให้ช่วยเหลืออันแรกในตอนนี้คือ บุตร ของผู้ที่เสียชีวิต ในเรื่องของทางการศึกษา ในเรื่องของสังคมที่จะต้องไม่มีผู้นำครอบครัว สุดท้ายก็อยากจะฝากกำลังใจไปยังประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกคนว่า ก็ให้ระวังตัวด้วย และ ให้มีความเข้มแข็งมากๆ ต้องช่วยเหลือกัน

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

"เหลิม"รูดซิบปากเลิกจ้อดันร่างพรบ.ปรองดองเข้าสภาฯ



วันนี้ ( 2 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวก่อนการประชุมครม.ถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านออกมาระบุว่ารัฐบาลอาจจะฉวยโอกาสช่วงขยายระยะเวลาการประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ เร่งรัดการเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาฯ  โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.ปรองดองของท่านเข้าสภาเลยหรือไม่นั้น  ร.ต.อ.เฉลิม ปฏิเสธว่า ไม่มี ๆ  และตนจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“เต้น”ยันรัฐบาลไม่หยุดเดินหน้าแก้ปัญหาบ้านเมือง อ้างเตรียมต้อนรับ“แม้ว”หน้าที่แกนนำนปช.นอกการเมือง (มีคลิป)



วันนี้ (2 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวก่อนการประชุม ครม. ถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลเลื่อนวันปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยนิติบัญญัติ ว่า มีร่างกฎหมายหลายฉบับที่ค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาฯ ดังนั้นการขยายกรอบเวลาของสมัยประชุมสภาฯ จึงมีผลสำคัญสำหรับการนำร่างกฎหมายต่างๆเข้าสู่กระบวนการ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการสร้างความปรองดองนั้น เมื่อสภาฯมีมติและรับไปดำเนินการแล้ว ตนคิดว่าไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะต้องจบภายในวันใด เพราะไม่สามารถทำได้เร็วขนาดนั้น แต่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อนว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่ได้ถูกนำมาพูดและเร่งรัดทำเฉพาะหน้าในรัฐบาลปัจจุบัน โดยเรื่องการปรองดองนั้น แต่ละรัฐบาลพยายามที่จะดำเนินการ ซึ่งในสมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการตั้งคณะกรรมการที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เป็นประธาน แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่ง และมาถึงวันนี้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา แนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคคมาตุภูมิ เป็นประธาน กระบวนการที่ตั้งต้นมาแล้วก็ควรเดินหน้า เพราะบ้านเมืองรอช้าไปกว่านี้ไม่ได้ ส่วนใครจะสกัดหรือล้มโต๊ะทำลายก็เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องพิจารณา
เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีความพยายามใช้เสียงมากลากไป เพื่อทำทุกทางในการล้างความผิด นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราต้องแยกออกเป็น 2 เรื่อง คือการปรองดองที่ดำเนินการโดยกระบวนการรัฐสภา ใช้เสียงข้างมากไม่ได้ เพราะการตัดสินใจเรื่องสำคัญของประเทศต้องใช้มติเสียงข้างมาก ไม่ว่าจากประชาชนหรือตัวแทนของประชาชนเป็นตัวหาข้อสรุป ส่วนเสียงข้างน้อยจะมีข้อสังเกตหรือความคิดเห็นอย่างไรนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องเคารพกัน ขณะที่เรื่องคดีความ ตนยืนยันมาตลอดว่าคดีที่เกิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นกระบวนการอยุติธรรม ที่มีความไม่ชอบธรรมตั้งแต่ขั้นต้น การยึดอำนาจแล้วตั้งคนที่เป็นปฏิปักษ์อย่างชัดแจ้งกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาทำหน้าที่พนักงานสอบสวน เท่ากับเป็นการยัดเยียดความอยุติธรรมให้กับผู้ถูกดำเนินการ อีกทั้งกระบวนการยุติธรรมที่ต้นทางไม่เป็นธรรม เราไม่ยอมรับว่าสิ่งนั้นคือความยุติธรรม ส่วนสุดทางของกมธ.ปรองดองจะลงที่จุดใดนั้น เราอย่าเพิ่งจินตนาการเองแล้วบอกให้ประชาชนวิตกกังวล แต่ควรให้กระบวนการเดินไปข้างหน้าก่อนแล้วทุกฝ่ายให้ความร่วมมือ บ้านเมืองจะหาทางออกได้
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านตำหนิการทำหน้าที่ของส.ส.พรรคเพื่อไทยว่ามุ่งแต่เตรียมความพร้อมในการต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับประเทศไทย แทนที่จะเร่งแก้ปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลเดินหน้าทำงานแก้ปัญหาของประเทศอยู่ตลอด ส่วนการต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนใหญ่ดำเนินการโดยแกนนำนปช.ที่ไม่ได้อยู่ในการเมืองในระบบ ทั้งนี้ตนขอให้สติแก่พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดในบ้านเมือง ไม่ใช่แต่จ้องโจมตี เสียดสี เหน็บแนมเท่านั้น โดยเฉพาะกรณีของจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วรัฐบาลต้องรับผิดชอบเร่งดำเนินการแก้ปัญหาและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก
รมช.เกษตรฯ กล่าวอีกว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องดีที่อดีตนายกรัฐมนตรีจะไปดูแลและให้กำลังใจประชาชน แต่ต้องตระหนักด้วยว่าการลงไปทำอะไรที่มีภาพออกมาเหมือนจะดูดี ก็ไม่เป็นเหตุที่จะอธิบายว่าคนอื่นทำไม่ดี พรรคประชาธิปัตย์ต้องลดละเลิกนิสัยแบบนี้

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources