วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

นายกปูเปลี่ยนใจลงใต้ จ่อออกหมายจับมือคาร์บอมบ์


นายกปูเปลี่ยนใจลงตรวจพื้นที่ใต้ มั่นใจการรักษาความปลอดภัย ตำรวจรู้ตัวมือคาร์บอมบ์หาดใหญ่แล้ว เตรียมออกหมายจับ
ล่าสุดช่วงเย็นวันนี้ ( 1 เม.ย.)กัน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย  และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ติ ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์เหตุลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ และเตรียมความพร้อมก่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่อ.หาดใหญ่ ในวันที่ 2 เม.ย. โดนนายยงยุทธเปิดเผยว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และอ.หาดใหญ่ จะต้องมีการบูรณการระหว่าง 3 หน่วยงาน คือ หน่วยงานด้านความมั่นคง ตำรวจ และศอ.บต. ขณะที่ความช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกลอบวางระเบิดทั้งในจ.ยะลาและอ.หาดใหญ่ ทางกระทรวงมหาดไทยจะร่วมกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้าไปช่วยเหลือเยียวยา
อย่างไรก็ตามการลงพื้นที่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาความรุนแรง ไม่น่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่แล้ว
ส่วนความคืบหน้า การสอบสวนคดีคาร์บอมบ์โรงแรมลีการ์เดนท์พลาซ่า มีรายงานจากชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 9 ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุขับรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ที่ใช้ประกอบเป็นคาร์บอมบ์และขับลงไปจอดบริเวณชั้นบี 3 ซึ่งเป็นชั้นใต้ดินแล้ว โดยผู้ก่อเหตุมี 2 คน หนึ่งในนั้นเจ้าหน้าที่ทราบชื่อแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยทั้งสองคนมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนของจ.สงขลา และเป็นแนวร่วมปฏิบัติการ โดยเบาะแสของคนร้ายทั้งสองคนเจ้าหน้าที่แกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดบริเวณโรงแรม ที่สามารถจับภาพเอาไว้ได้และนำไปเทียบเคียงกับกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่เป็นแนวร่วมในพื้นที่อำเภอชายแดนสงขลา ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการขอนุมัติหมายจับทั้งสองคนรวมถึงขยายผลไปยังกลุ่มแนวร่วมที่ยังคงเคลื่อนไหวก่อเหตุรุนแรงต่อไป.

โดยก่อนหน้านี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังกล่าวให้โอวาทและแสดงความยินดีกับข้าราชพลเรือนดีเด่นประจำปี 2554 ด้วยสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียดถึงความคืบหน้าเหตุกความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีความคืบหน้าบ้าง โดยวันนี้พอจะรู้กลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว แต่ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้ทำงานกันก่อน ซึ่งในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้   พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมหน่วยข่าวกรองเพื่อดูข้อมูลทั้งหมด อย่างไรก็ตามเบื้องต้นตนได้สั่งการให้ ผบ.ตร.ลงพื้นที่ไปดูสถานที่เกิดเหตุทั้งหมดทุกจุดตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มี.ค.โดยจะทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติในการเพิ่มกำลังตามพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน และบูรณาการร่วมกับกำลังของกองทัพที่จะส่งรอง ผบ.ทบ.ลงไปในพื้นที่เพื่อช่วยกันบูรณาการทำงานร่วมกับทาง ศอ.บต. ทั้งการค้นหาข้อเท็จจริง และหาตัวผู้ไม่ประสงค์ดีที่ก่อเหตุ รวมถึงหาแผนและมาตรการในการป้องกันด้วย
“รัฐบาลต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย  และ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  จะลงพื้นที่เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้ที่เสียชีวิต” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่าได้ประเมินสถานการณ์หรือไม่ว่าสาเหตุที่มีการก่อเหตุรุนแรงถี่ขึ้นในช่วงนี้เป็นเพราะอะไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า  เราพอจะทราบคร่าวๆ และพอทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุด้วย แต่ยังขอไม่เปิดเผยข้อมูล ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานอย่างใกล้ชิดก่อนเพื่อให้ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา เมื่อถามว่าเกิดจากปัญหาภายในประเทศเราเอง ไม่เกี่ยวกับต่างชาติเข้ามาร่วมขบวนการใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ไปถึงระดับนั้น ทั้งนี้ตนขอยังไม่ให้ข้อมูล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ก่อเหตุไม่ใช่กลุ่มใหญ่มาก ซึ่งเราคงต้องทำ 2 แนวทางคือสืบหาสาเหตุที่ชัดเจน และหาตัวผู้ก่อความไม่สงบ รวมทั้งหามาตรการป้องกันให้ประชาชนได้รับความปลอดภัย โดยจะเสริมกำลังทั้งในส่วนของตำรวจ และหน่วยอื่นลงไปเพิ่มเติม รวมทั้งบูรณาการกำลังกับกองทัพด้วย
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “เรียนว่าอยากไป แต่ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจลงไปตอนนี้ เพราะวันนี้กำลังเรามีจำกัดจริง ๆ เพราะต้องกระจายไปหลายจังหวัด ถ้าดิฉันลงไปก็จะต้องแบ่งเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไปดูแลความปลอดภัย แล้วเราจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากขึ้น จึงคิดว่าเราอยู่บัญชาการและประสานงานตรงนี้ดีกว่า แต่เบื้องต้นการดูแลเยียวยาได้ติดตามตลอด ผู้ป่วยได้เข้ารักการรักษาที่โรงพยาบาล และบางส่วนก็ได้กลับไปแล้ว นอกจากนี้ได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุข ให้ทีมแพทย์ฉุกเฉินลงไปทำงานแล้ว”
ที่กระทรวงมหาดไทย  นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ในเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบภาคใต้ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วนคือ ในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ดูในเรื่องความสงบเรียบร้อย ต้องไปถามรายละเอียดกับกอ.รมน. และในส่วนของตนนั้นรับผิดชอบ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต).ซึ่งจะเป็นในส่วนของการพัฒนา ซึ่งในส่วนของตนนั้นอาจจะมีข้อมูลที่อาจจะไม่ตรงกับกอรมน.จึงยังไม่อยากจะพูดไป เพราะอาจไม่ชัดเจนเท่ากับข้อมูลของกอ.รมน.ที่จะมีข้อมูลที่ลึกกว่า  อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทางศอ.บต. ก็ได้สรุปข้อมูลเบื้องต้นมาตามที่สื่อทราบ ทั้งนี้กรณีดังกล่าวนายกรัฐมนตรีก็ได้กำชับให้สภาความั่นคง กอ.รมน.และศอ.บต.ประชุมกันก่อนแล้วมาคุยกันอีกครั้ง ว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งนายกฯเองก็ห่วงเรื่องนี้เช่นกันก็และอาจจะมีการเรียกประชุมก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศน่าจะเป็นที่ทำเนียบในวันนี้ก็ได้
เมื่อถามว่า ขณะนี้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นก็เริ่มที่จะรุนแรงมากขึ้นและเน้นไปยังกลุ่มผู้บริสุทธิ์มากขึ้น ได้มีการเน้นยำกับเจ้าหน้าที่อย่างไร นายยงยุทธ กล่าวว่า เหตุการณ์ภาคใต้ก็เหมือนคลื่น บางที่ก็ขึ้นสูง บางทีก็ลงมา เป็นธรรมชาติของทะเล เป็นธรรมชาติของภาคใต้ มีทางเดียวการข่าวต้องละเอียดและต้องทั่วถึงมากกว่านี้ นอกจากนั้นก็ต้องป้องกัน แต่โดยสรุปคงต้องใช้แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือการเข้าใจ เข้าถึงพัฒนา ซึ่งต้องจริงจังถ้ามีการจริงจังก็คงแก้ปัญหาไปได้เยอะ ซึ่งศอ.บต.จะทำในส่วนการเข้าใจเข้าถึงพัฒนา โดยศอ.บต.เราต้องทำในส่วนนี้ โดยเลขาธิการศอ.บต.ก็เข้าใจดี โดยจะลงลึกในเรื่องนี้ต่อไป .
ทางด้าน นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะเดินทางไปร่วมฉลองเทศกาลสงกรานต์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและกัมพูชาว่า  ขณะนี้ประชาชนมีความลำบากในหลายเรื่อง จึงอยากให้พรรคเพื่อไทยมาสนใจในเรื่องเหล่านี้มากกว่าการหมกมุ่นที่จะเดินทางไปร่วมงานเทศกาลสงกรานต์กับพ.ต.ท.ทักษิณ
ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์  เดินทางไปยัง อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  พร้อมด้วยนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเยี่ยมประชาชนที่ประสบเหตุคาร์บอมม์ พร้อมทั้งแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย และเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ
โดยก่อนเดินทางได้ระบุว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้ดูเหมือนมีพัฒนาการไป จึงอยากให้รัฐบาลเอาใจใส่และตั้งหลักในนโยบายการแก้ไขปัญหาภาคใต้ให้ดี ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายค้านพยายามแสดงความคิดเห็นในทางที่จะให้รัฐบาลสานต่อนโยบายจากรัฐบาลที่แล้ว และเมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ รัฐบาลควรต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันทั้งที่ยะลาและสงขลา น่าจะเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน และแสดงให้เห็นว่าจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเขตเมืองที่จะต้องมีความรัดกุมในเรื่องของความปลอดภัย
นายอนุสรณ์  เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุคาร์บอมบ์ ที่หน้าโรงแรมลี การ์เดน ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ขณะนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความคืบหน้าไปพอสมควร ซึ่งพล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ได้ลงพื้นที่ไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดูสถานที่เกิดเหตุทั้งหมด อีกทั้งในบ่ายวันนี้(1 เม.ย.) นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะลงพื้นที่เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั้นก็อยากไปลงพื้นที่นี้เช่นกัน แต่นายกฯเกรงว่าถ้าลงไปจะต้องแบ่งเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาดูแลความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากขึ้น
 
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปเยี่ยมประชาชนที่ประสบเหตุการณ์นี้ ว่า นายอภิสิทธิ์ สามารถเดินทางไปเยี่ยมประชาชนได้ แต่นายอภิสิทธิ์ ต้องระมัดระวังว่าการเข้าไปในพื้นที่ในสถานการณ์ขณะนี้ อาจเป็นการไปแทรกแซงหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงไม่ควรฉกฉวยจังหวะนี้ในการวิพากษ์รัฐบาลหรือซ้ำเติมสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกมาพูดเสนอแนะแบบรู้ทุกเรื่อง เพราะถ้านายอภิสิทธิ์รู้จริง มีความสามารถ ก็ต้องแก้ปัญหานี้ได้ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์แล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงด่วน เพื่อหารือเกี่ยวกับเหตุระเบิดในพื้นที่ จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  โดยมี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ผอ.สำนักข่าวกรอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม  ทั้งนี้พล.อ.ยุทธศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์อย่างละเอียด ตนจึงได้สั่งการแม่ทัพให้เข้าพื้นที่และเพิ่มกำลังทหารเพื่อเสริมกับตำรวจและเฝ้าตรวจในพื้นที่ที่มีประชาชนพลุ่กพล่าน และในวันที่ 2 เม.ย.นี้ จะลงไปตรวจสอบพื้นที่พร้อมกำชับการทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามในช่วงปลายเดือนมี.ค. มักจะเกิดเหตุซ้ำๆกัน ซึ่งได้แจ้งให้ระมัดระวังแล้ว  ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทหารได้ปฏิบัติการทั้งการกวาดล้างจับกุมอาวุธ และตัดท่อน้ำเลี้ยงเรื่องยาเสพติด ส่งผลกระทบผู้ปฎิบัติการรุนแรง ทำให้เขาไม่พอใจฝ่ายความมั่นคงและตอบโต้กลับด้วยการแสดงความไม่สงบ ต่อต้านการปราบปราบและพิสูจน์ทราบของเจ้าหน้าที่กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งดำเนินการอยู่

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ผิดไปจากแผนที่เราคาดไว้ตามลำดับขั้น  หากไม่พอใจก็ควรทำต่อฝ่ายความมั่นคง แต่การทำกับประชาชนที่ไม่รู้เรื่องเป็นการขาดมนุษยธรรม โดยที่เขาไม่คิดว่าบุคคลที่บาดล้มตายคือประชาชนที่ไม่รู้เรื่องจะเป็นผล จะเป็นผลต่อการกระทำของเขาด้วย” พล.อ. ยุทธศักดิ์ กล่าว เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จ.ยะลา และสงขลา มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าน่าจะเชื่อมโยงกัน
พล.อ.ยุทธศักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีระเบิดคาร์บอมบ์ในพื้นที่ยะลาและหาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องการให้เกิดความรุนแรงภายในจังหวัดและทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล  สร้างความกดดันให้รัฐบาลและให้ประชาชนในพื้นที่หวาดระแวง รัฐบาลจึงสั่งเพิ่มการเฝ้าระวังในจุดล่อแหลม ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ปัตตานี และจ.สงขลา ที่ยังไม่เกิดเหตุระเบิด ขณะนี้ทุกหน่วยงานทั้งแม่ทัพภาค 4 กอ.รมน. และศอ.บต.อยู่ในพื้นที่เพื่อหาสาเหตุของเหตุการณ์ให้ชัดเจน

ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุนั้นมีหลายกลุ่ม บางกลุ่มไม่มีปัญหา บางกลุ่มต้องการแสดงฝีมือเพื่อให้ได้รับความสนใจบ้าง ซึ่งรัฐบาลยังชี้ชัดไม่ได้ว่าเป็นฝีมือกลุ่มใดจนกว่าหลักฐานจะปรากฎ คาดว่าจะใช้เวลา 1-2วัน อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะเร่งเดินหน้ายุทธศาตร์และยุทธวิธี โดยเน้นการเพิ่มการพัฒนาไม่ใช่การเพิ่มกำลังทหาร หากเราดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้ จะทำให้คนที่ก่อเหตุความไม่สงบไม่มีความสุข เพราะจะทำให้ประชาชนมาเป็นฝ่ายรัฐมากขึ้น และเราจะมียุทธวิธีในการแก้ไขปัญหา เช่น การลงทะเบียนยานพาหนะ และตั้งจุดตรวจในพื้นที่ต่างๆ เป็นต้น.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources