วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

หนุ่มหึงโหดสาวขอแยกทางคว้าปืนยิงดับ


เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 ธ.ค. ร.ต.ต.กฤษณะ ผดุงวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ1) สภ.เขาดิน อ.โพธาราม  จ.ราชบุรี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่บริเวณถนนทางเข้าวัดพุลุ้ง หมู่ 8 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปณิธาน บุรถาวร ผกก. พ.ต.ท.วิโรจน์ ศักดิ์สมบูรณ์ รอง ผกก.ป. แพทย์ รพ.โพธาราม  และกำลังสายตรวจสายสืบจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุพบศพน.ส.วิรันรัตน์ น้อยอ่อน อายุ 27 ปี เจ้าของร้านอาหาร้านพุ่มเพชร ใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี อยู่บ้านเลขที่ 152/1 หมู่ 8 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ นอนจมกองเลือดเสียชีวิตข้างรถจยย.ยามาฮ่า  สีชมพู-ดำ ทะเบียน ขทข 813 กาญจนบุรี
สอบสวนทราบว่ามือปืนรายนี้คือนายจักรพงศ์ ไพร่พล อายุ 4 ปี แฟนหนุ่มผู้ตาย และหลังจากก่อเหตุได้ขับรถกระบะโตโยต้า  วีโก้ 4 ประตู  สีดำ ไม่ ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีไป ส่วนสาเหตุเกิดจากความหึงหวง เนื่องจากผู้ตายพยายามตีตัวออกห่างไปคบกับชายหนุ่มคนใหม่ พร้อมกับขอบอกเลิกคบหากับนายจักรพงศ์  จนเกิดความโกรธแค้น ใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวมือปืนรายนี้มาสอบสวนดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน แล้ว

นักข่าวตั้งฉายาตร.ปี55 พงศพัศเป็นจูดี้อีเว้นท์


เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 16 ธ.ค. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย ชั้นล่างอาคาร 191 (พญาไท) แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. โดยนายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย รองนายกสมาคมฯ ร่วมกันแถลงข่าวตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2555
นายไพโรจน์ กล่าวว่า สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรม แห่งประเทศไทย ได้ทำงานด้านข่าวอาชญากรรมมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี มีสมาชิกที่เป็นผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมกว่า 300 คน และทุกปีผู้สื่อข่าวในด้านสายงานอาชญากรรม จะเฝ้าติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำเสนอต่อสายตาประชาชน จนเป็นที่ยอมรับของสังคมและทุกปีสื่อมวลจะประชุมร่วมกัน เพื่อลงมติตั้งฉายาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นบุคคลอยู่ในความสนใจของประชาชน และสังคม ในปีนี้ทางสื่อมวลชนได้ลงมติตั้งฉายาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานมาในรอบ 1 ปี โดยมีทั้งหมด 12 ฉายา ด้วยกันมีรายชื่อดังต่อไปนี้
1.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับฉายา "เหลิม ฉะดะ" เนื่องจากรัฐบาลได้มอบหมายให้ "ป๋าเหลิม" รับผิดชอบดูแลแก้ไขปัญหาการปราบรามยาเสพติด ประกอบกับได้ดูแลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงใส่เกียร์เดินหน้าปราบปรามปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายระดับประเทศ หรือเอเย่นต์รายเล็กรายน้อย ไม่รอดเงื้อมมือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จนทำให้ประชาชนพึ่งพอใจในผลงานปราบยาเสพติดของรัฐบาล จนเป็นทีมาของฉายา  "เหลิม ฉะดะ"
2.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ได้รับฉายาว่า  “กวนอู๋ แว้นส์กระเจิง ” เนื่องจากที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของพล.ต.อ.อดุลย์ มีลักษณะคล้าย "เทพเจ้ากวนอู๋" มีความสามารถทั้งเรื่องการรบและความสามารถวางแผนบริหารงาน จนมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ได้มีนโยบายชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเด็กแว้นส์ ที่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ในรูปธรรม จนมีการจับกุมอย่างจริงจัง จนเป็นที่พอใจของประชาชน จนเป็นที่มาของฉายา “กวนอู๋ แว้นส์กระเจิง”
3.พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพ ติด(ป.ป.ส.) ได้รับฉายาว่า“ จูดี้ อีเว้น” เนื่องจากที่ผ่านมา การทำงานของ พล.ต.อ.พงศพัศ มีหลากหลายรูปแบบกิจกรรม ซึ่งจะมีโครงการออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน สามารถทำให้เป็นข่าวได้ และจะได้รับการสเนอข่าวในหน้าต่างๆ ของหนังสือพิมพ์ ทีวี รวมถึงทุกโครงการที่จัดทำให้กับหน่วยงานก็จะได้รับการนำเสนอ เปรียบเสมือนกับนักจัดอีเว้นมือทอง จนเป็นที่มาของฉายา “ จูดี้ อีเว้น”

4.พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผช. ผบ.ตร. ได้รับฉายาว่า “ จรัมพร ONทุกเหตุ” จากการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา พล.ต.ท.จรัมพรจะได้รับความไว้วางใจในการดูแลงานการตรวจสอบพิสูจน์หลักฐานและ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุแทบจะทุกเหตุการณ์ ไม่ว่า จะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก ทั้งในประเทศและนอกประเทศ จึงเปรียบเสมือนการออนแอร์หรือออกอากาศทางสื่ออยู่เสมอๆ จนเป็นที่มาของฉายา  “ จรัมพร ONทุกเหตุ”
5.พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)  ได้รับฉายาว่า “น.1 พี่ให้มา” ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์  ได้มารักษาการตำแหน่งผบช.น. แทน พล..ท.วินัย ทองสอง" ที่ทำงานไม่เข้าตารัฐบาล จนต้องถูกย้าย  ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มเสื้อเหลืองออกมาชุมนุมทางการเมือง พล.ต.ท.คำรณวิทย์" ได้เจรจากับม็อบจนสลายการชุมนุม จนเป็นที่พึ่งพอใจกับรัฐบาล "นายกยิ่งลักษณ์" และ"กลุ่มคนเสื้อแดง" จนได้รางวัลตอบแทนมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อย่างเต็มตัว จนเป็นทีมาของฉายา “น.1 พี่ให้มา”
6.พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย  รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ได้รับฉายาว่า “โฆษก สับขาหลอก” เนื่องจาก พล.ต.ต.ปิยะ ได้รับการไว้วางใจจาก "ผบ.ตร." ให้ทำหน้าที่เป็น "โฆษกประจำ ตร." เพื่อเป็นกระบอกเสียงประชาสัมพันธ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คอยให้ข่าวกับสื่อมวลชน เพราะเห็นว่าเคยเป็น "โฆษก ประจำนครบาล" มาก่อน แต่ในมุมมองของสื่อมวลชนถือว่า "พล.ต.ต.ปิยะ" สอบตกกับหน้าที่"โฆษก" ในครั้งนี้ เพราะการให้ข่าวตรงบางครั้งและไม่ตรงตามความเป็นจริงบางครั้ง"ผบ.ตร." ให้สัมภาษณ์อย่างนี้ "โฆษก" ให้สัมภาษณ์อีกอย่าง ทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน จนเป็นที่มาของฉายา “โฆษก สับขาหลอก”
7.พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล  โฆษกองบัญชาการตำรวจนครบาล  ได้รับฉายา “โฆษก ย่ำราตรี" เนื่องจากที่ผ่านมา หลังการได้รับตำแหน่งดูแลงานด้านโฆษก และชุดเฉพาะกิจในการตรวจสถานบริการ  พล.ต.ต.อดุลย์ ได้ออกตรวจตราสถานบริการยามค่ำคืนอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ จนเป็นทีมาของฉายา  “โฆษก ย่ำราตรี"
8.พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล  ได้รับฉายาว่า “ไทเกอร์ เขี้ยวหลุด” พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือหรือในวงการจะรู้จักในนาม "บ๊าย บาย ไทเกอร์" นักสืบรุ่นปรมาจารย์ ผ่านมาหมดทุกเวที ไม่ว่า นครบาล กองปราบ ภูธรภาค 3 ในอดีตใครได้ยินชื่อนี้ทั้ง "โจร ขโมย นักเลง มือปืน" ต้องหลีกทางให้เป็นแถว เพราะนักสืบรุ่นเก๋ารายนี้จับไม่เลือกหน้า แต่ต้องมาตกม้าตายกับการที่ย้ายมาดำรงตำแหน่ง "ผบก.สส.บช.น." เพราะไม่สามารถจับคดีใหญ่ได้ ต่างกับ "ผู้การคนเก่า" ที่คดีอะไรเกิดขึ้น สามารถปิดบัญชีได้หมดทุกคดี จนเป็นที่มาของฉายา “ไทเกอร์ เขี้ยวหลุด”
9.พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับฉายาว่า “สืบจนเด้ง“ พล.ต.ต.รณศิลป์ ก่อนมาดำรงตำแหน่ง ผบก.สส.สตม. เคยดำรงตำแหน่ง ผบก.สส.บช.น. และโชว์ฝีมือไม้ลายมือปิดคดีในนครบาลจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คดีปล้นบ้านปลัดสุพจน์ วิสามัญเอเย่นต์ยาเสพติด แต่ผลงานกลับไม่ได้การันตีตำแหน่งแต่อย่างใด ทำแต่งานตามล่าแต่โจรผู้ร้าย ไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัวว่า "ผู้ใหญ่ไม่ปลื้ม" เลยโดนย้ายไปเป็น ผบก.สส.สตม. จนเป็นที่มาของฉายา “สืบจนเด้ง“
10.พล.ต.ต. รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ฉายาว่า “ผู้การล้างคุก" ขณะที่ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ดำเนินการเข้าตรวจค้นยาเสพติดภายในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง จนสร้างความสะเทือนให้กับเรือนจำจนต้องมีการเปลี่ยนตัว ผู้อำนวยการเรือนจำ จนถึงการติดตามสืบสวนจับกุมผู้คุมที่มีส่วนเกี่ยวข้องสร้างความสะเทือนให้ กับวงการเรือนจำอย่างมาก จนเป็นที่มาของฉายา “ผู้การล้างคุก"
11.พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้รับฉายาว่า “ผู้การโรโบคอป” จากการทำงานในพื้นที่จังหวัด ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงจนเข้าใจปัญหาและรู้ลึกถึงขบวนการการก่อการร้าย จนเป็นที่หมายหัวของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบถึงกับวางแผนลงมือสังหารหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ จนเนื้อตัวมีแต่การดามเหล็ก เพื่อรักษา และก็รอดชีวิตมาทุกครั้ง เปรียบเสมือนตำรวจเหล็กโรโบคอป  จนเป็นที่มาของฉายา  “ผู้การโรโบคอป”
12.พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้รับฉายาว่า “ โอ๋ คัมแบ๊ก” พล.ต.ต.ธนายุตม์ ชื่อนี้คงไม่คุ้นหูกัน แต่ถ้าเอ่ยชื่อ "ฤทธิรงค์ เทพจันดา" หรือ "โอ๋ สืบ6" ต้องรู้จักกันดีโดยเฉพาะกับ "กลุ่มม็อบเสื้อเหลือง" ที่ยุคสมัยหนึ่งเคยมีปัญหาทางการเมือง จนทำให้ตนเองต้องถูกไล่ออกจากราชการเพราะฝีมือของ "คนเสื้อเหลือง" จนต้องลำบากวิ่งเต้น ขึ้นโรงขึ้นศาล จนสามารถกับมารับราชการแบบเงียบ ๆ และเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล เพราะไม่อยากเป็นประเด็นในสังคม จนกระทั่งกลับมาผงาดในยุค"คนเสื้อแดง" ได้มาเป็น "ผบก.จว.นนทบุรี" จนเป็นที่มาของฉายา “ โอ๋ คัมแบ๊ก”

น้ำทะเลหนุนสูงเข้าท่วมเมืองชลบุรี


เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 09.00 น.  น้ำทะเลหนุนสูงได้เอ่อท้นเข้าท่วมพื้นที่บริเวณเทศบาลเมืองชลบุรี  หน้าอำเภอเมืองชลบุรี  ถนนหน้าศาลารวมใจชล  และบริเวณถนนโดยรอบเมือง  ซึ่งเป็นย่านชุมชนและย่านการค้าของจังหวัด  โดยมีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร  สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรไปมาอย่างมาก
สาเหตุการเกิดน้ำท่วมดังกล่าวเกิดจากน้ำทะเลมีปริมาณเพิ่มขึ้นจนหนุนสูง เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน  ประกอบกับระบบระบายน้ำตามท่อระบายน้ำต่าง ๆ ไม่สามารถระบายได้ทัน  เบื้องต้นประชาชนต้องเร่งช่วยกันวิดน้ำออกจากที่พักอาศัย  และหากระสอบทรายมากั้นชั่วคราวเพื้อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารอเวลาน้ำทะเลเริ่มลด ลง  และน้ำระบายลงสู่ท่อระบายน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุน้ำทะเลหนุนท่วมเข้าเมืองชลบุรีครั้งนี้ บางจุดกินพื้นที่ลึกเกือบ 1 กิโลเมตร ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่วนใหญ่จะเกิดน้ำท่วมช่วงน้ำทะเลหนุนและเกิดฝนตก ทำให้ระบายไม่ทัน แต่ครั้งนี้ไม่มีฝนตก เป็นน้ำทะเลทะลักล้วน ๆ

หนุ่มหึงโหดสาวขอแยกทางคว้าปืนยิงดับ


เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 ธ.ค. ร.ต.ต.กฤษณะ ผดุงวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ1) สภ.เขาดิน อ.โพธาราม  จ.ราชบุรี รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่บริเวณถนนทางเข้าวัดพุลุ้ง หมู่ 8 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ปณิธาน บุรถาวร ผกก. พ.ต.ท.วิโรจน์ ศักดิ์สมบูรณ์ รอง ผกก.ป. แพทย์ รพ.โพธาราม  และกำลังสายตรวจสายสืบจำนวนหนึ่ง
ที่เกิดเหตุพบศพน.ส.วิรันรัตน์ น้อยอ่อน อายุ 27 ปี เจ้าของร้านอาหาร้านพุ่มเพชร ใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี อยู่บ้านเลขที่ 152/1 หมู่ 8 ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี สภาพมีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ นอนจมกองเลือดเสียชีวิตข้างรถจยย.ยามาฮ่า  สีชมพู-ดำ ทะเบียน ขทข 813 กาญจนบุรี
สอบสวนทราบว่ามือปืนรายนี้คือนายจักรพงศ์ ไพร่พล อายุ 4 ปี แฟนหนุ่มผู้ตาย และหลังจากก่อเหตุได้ขับรถกระบะโตโยต้า  วีโก้ 4 ประตู  สีดำ ไม่ ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีไป ส่วนสาเหตุเกิดจากความหึงหวง เนื่องจากผู้ตายพยายามตีตัวออกห่างไปคบกับชายหนุ่มคนใหม่ พร้อมกับขอบอกเลิกคบหากับนายจักรพงศ์  จนเกิดความโกรธแค้น ใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัวมือปืนรายนี้มาสอบสวนดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน แล้ว.

ซิ่งวีออสชนเกาะกลางถนน เหินข้ามฟากเสยเก๋งตายอื้อ


เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ร.ต.ท.กรกฎ สบายยิ่ง ร้อยเวร สภ.เมือง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพลิกคว่ำ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย บนถนนมาลัยแมนสายอู่ทอง-สุพรรณบุรี กม. 95 หมู่ 4 ต.ดอนโพธิ์ทอง จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.สุมนตรี กรรณเลขา รองผกก.สส. แพทย์โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช เจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกัน และเจ้าหน้าที่สมาคมเณรแก้ว
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งนิสสัน สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน 9 ษ 3414 กรุงเทพมหานคร สภาพถูกชนอยู่ริมถนนในสภาพพังยับเยิน ตรวจสอบภายในรถบริเวณเบาะนั่งคนขับพบ น.ส.อังคณา เชาว์วัฒนาพานิช อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/240 ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนเบาะนั่งซ้ายข้างคนขับพบนายวีระชัย  เล็กสกุลชัย อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 522/128 ถนนอโศกดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บสาหัสและทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ตรวจพบพบบัตรเข้าออกทำเนียบรัฐบาล ของ น.ส.อังคณา เชาว์วัฒนาพานิช ระบุหมายเลข 17-030 พ.ศ.2551 ตกอยู่ภายในรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
อีกด้านที่กลางถนนพบรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน กฉ 1186 สุพรรณบุรี สภาพเสียหลักพลิกหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังยับเยิน ภายในรถมีคนเจ็บติดอยู่ 1 ราย  ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช ทราบชื่อนายไพรัช เพ็งรุ่ง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 2 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และมีผู้เสียชีวิตถูกซากรถทับเสียชีวิตคาที่ 1 ราย ทราบชื่อนายไพรัตน์  เพ็งเรือง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 172 หมู่ 8 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ส่วนอีก 1 รายกระเด็นออกจากตัวรถเสียชีวิตอีก 1 ราย คือนายสมนึก ลมูลกิจ อายุ  41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/1 หมู่ 5 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าก่อนเกิดเหตุ รถเก๋งโตโยต้า วีออส สีดำ ทะเบียน กฉ 1186 สุพรรณบุรี มีนายไพรัช เพ็งรุ่ง อายุ 34 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ นายไพรัตน์ เพ็งเรือง อายุ 48 ปี และนายสมนึก  ลมูลกิจ อายุ  41 ปี ผู้เสียชีวิตกำลังขับออกมาจากตัวเมืองสุพรรณบุรี มุ่งหน้า อ.อู่ทอง แต่พอถึงที่เกิดเหตุรถเกิดเสียหลักปีนขึ้นเกาะกลางถนนพุ่งเหินข้ามฟากชนกับ รถเก๋งนิสสัน ซันนี่ ทะเบียน 9 ษ 3414 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งสวนมาอยู่เลนตรงข้ามมาจาก อ.อู่ทอง และกำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสุพรรณบุรี จนชนกันอย่างแรงและเป็นเหตุให้มีบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนว่าใครเป็นคนขับ เพื่ีอดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources