วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

เลื่อนนัดคดีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง


 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายธานิศ เกศวพิทักษ์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา นัดพร้อมเพื่อกำหนดประเด็นคำถามสืบพยาน คดีหมายเลขดำ อม.5/2554 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย, นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย, นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์, พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. , บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด (STEYR - DAIMLER - PUCH Spezial fahrzeug AG&CO KG) และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 จากกรณีการจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยกทม.มูลค่า 6,687,489,000 บาท

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาติดภารกิจที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ องค์คณะฯ จึงเลื่อนนัดพร้อมออกไปเป็นวันที่ 18 ก.ย.นี้ เวลา 14.00 น.

ขณะที่นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความของ ป.ป.ช.โจทก์ กล่าวว่า คู่ความทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันตรวจดูพยานหลักฐาน และกำหนดประเด็นซักถามพยานของแต่ละฝ่าย พร้อมทั้งเสนอให้องค์คณะฯ พิจารณาแล้ว รอเพียงร่วมกันกำหนดวันนัดไต่สวนพยานว่าจะนำสืบพยานแต่ละฝ่ายกี่นัด วันใดบ้าง ซึ่งพยานของโจทก์-จำเลยจากเดิมกำหนดไว้ 100 กว่าปากได้ตัดเหลือพยานที่รู้เห็นและมีความเกี่ยวข้องจริงเพียง 36 ปาก ส่วนใหญ่เป็นพยานกลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและทำเอกสาร ส่วนพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารได้มีการรับรองจากหน่วยราชการของ 2 ฝ่ายร่วม 20,000 ชุด
โดยส่วนตัวคิดว่าหากเริ่มการไต่สวนในแบบที่ศาลจะนำสืบพยานอย่างต่อเนื่อง น่าจะใช้เวลาประมาณ 9 สัปดาห์คงจะสืบพยานแล้วเสร็จ ทั้งนี้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะต้องรอองค์คณะ ฯ กำหนดวันไต่สวนพยานที่ชัดเจนอีกครั้ง

นายสิทธิโชค ยังกล่าวถึงกรณีบริษัทสไตเออร์ ฯ จำเลยที่ 5 ซึ่งก่อนหน้านี้องค์คณะ ฯ มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อตรวจสอบสถานะบริษัท ว่า ล่าสุดได้รับเอกสารที่มีการรับรองจากหน่วยราชการตามขั้นตอนจากสถานทูตไทยใน ประเทศออสเตรีย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ส่งมาให้ ป.ป.ช.และส่งให้องค์คณะฯ พิจารณาแล้วเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเอกสารยืนยันสถานะบริษัทสไตเออร์ฯ ว่า ยังประกอบกิจการและยังมีกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท แต่กรรมการชุดนี้จะเป็นชุดเดียวกับที่ทำสัญญาเรื่องนี้หรือไม่ยังไม่ชัดเจน ต้องรอฟังการวินิจฉัยของศาลเรื่องสถานะจำเลยที่ 5 อีกครั้งในวันที่ 18 ก.ย.นี้

เบาะแสผู้ร่วมทุจริตสาวไส้แก๊งรถหรูเลี่ยงภาษี


"ทีมข่าวเดลินิวส์ทีวี" เกาะติดกรณีโยกย้าย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการ ป.ป.ท. ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าการโยกย้ายดังกล่าว เป็นใบสั่งทางการเมือง เนื่องจากเลขาธิการ ป.ป.ท. ได้ตรวจสอบโครงการทุจริตอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะเรื่องรถหรูเลี่ยงภาษี

ตร.ปากน้ำโพค้นรังต้องสงสัย-ยึดปืนไปตรวจ


วันนี้ (7 ก.ย.)  พ.ต.ท.อนุชิต อุดมภักดี และพ.ต.ท มาโนชญ์ สวนดอกไม้ สว.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน นำหมายศาลจังหวัดนครสวรรค์ เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยว่าจะมีสิ่งผิดกฎหมาย โดยได้แบ่งกำลังเป็น 2 ชุด เข้าตรวจค้นบ้าน 2 หลัง คือ บ้านเลขที่ 60/1หมู่ 10  ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ของนายสมบูรณ์ คงแจ่ม อายุ 42 ปี และบ้านเลขที่ 11/2 หมู่ 10 ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ของนายประชารักษ์ ศรีทองสุข อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ในการกวาดล้างสิ่งของผิดกฎหมายทุกชนิด ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
สำหรับการตรวจค้นในครั้งนี้ ที่บ้านนายสมบูรณ์  เป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียว ไม่มีรั้วล้อมรอบ เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนลูกซองสั้น อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 อย่างละ 1 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง ซุกซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน จึงขอตรวจหลักฐานทะเบียนการครอบครองปืน แต่ไม่มี จึงยึดไว้ตรวจสอบ ส่วนการตรวจค้นบ้านของนายประชารักษ์ ซึ่งปลูกติดกับบ้านนายสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ตรวจยึดอาวุธปืนสั้น กึ่งออโตเมติก ยี้ห้อกล๊อกขนาด 11 มม. พร้อมเครื่องกระสุนขนาด .45 จำนวน 50 นัด ได้ภายในบ้าน ขณะที่ภายในรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ ของนายประชารักษ์  ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่ยังสามารถยึดอาวุธปืนยาว ขนาด .22 ติดลำกล้อง ยี่ห้อซีแซด ไว้ได้อีก 1 กระบอก
ทั้งนี้ ในระหว่างที่เข้าตรวจค้นภายในบ้านของนายประชารักษ์ ปรากฏว่ามีแต่นางวันวิสา อยู่ในบ้านเพียงลำพังเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงให้โทรศัพท์ติดต่อหาสามี เพื่อนำทะเบียนหลักฐานการเป็นเจ้าของปืนมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ แต่ปรากฏว่าเมื่อนายประชารักษ์มาถึงบ้าน กลับนำใบทะเบียนครอบครองอาวุธปืนของผู้อื่นมาแสดงให้ดู พร้อมกับอ้างว่า อาวุธปืนที่ตรวจพบ ซื้อมาจากเพื่อน ในราคารวมกันจำนวน 40,000 บาท เพื่อเก็บเอาไว้ยิงนก ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงยึดของกลางอาวุธปืนทั้งหมด พร้อมกับควบคุมตัวนายประชารักษ์ และนายสมบูรณ์ มาสอบสวนยังโรงพัก
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น อาวุธปืนที่มาได้ทั้ง 4 กระบอก ทางเจ้าหน้าที่จะส่งไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่าเคยเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่ผ่านมาในนครสวรรค์หรือไม่ เนื่องจากอาวุธปืนที่ยึดได้ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ทุกเวลา ซึ่งเรื่องนี้จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป แต่ได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้ก่อน ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ตำรวจภาค 7 กวาดจับผู้ต้องหา-ปืนเพียบ



เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 7 ก.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สมบูรณ์ ฮวบบางยาง รอง ผบช.ภ.7  ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ ระหว่างวันที่ 31 ส.ค. ถึงวันที่ 6 ก.ย.55 สามารถจับกุมผู้กระทำผิดในคดีอุกฉกรรจ์ได้ 4 ราย ผู้ต้องหา 7 คน
แยกเป็นคดีปล้นทรัพย์ 2 ราย ได้ผู้ต้องหา 3 คน คดีชิงทรัพย์ 1 ราย ผู้ต้องหา 2 คน คดีฆ่าผู้อื่น 1 รายผู้ต้องหา 1 คน และจับกุมคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนได้ 90 ราย ผู้ต้องหา 91 คน อาวุธปืน 95 กระบอก ระเบิด 2 ลูก  ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 943 ราย ได้ผู้ต้องหา 959 คน พร้อมของกลางยาบ้า 10,1749 เม็ด ยาไอซ์ 276 กรัม กัญชา 2,167 กรัม  คดีค้างเก่าพยายามฆ่าและทำร้ายร่างกาย 261 คดี

สลดประตูรั้วเหล็กน็อตหลุดล้มทับแม่เฒ่าดับอนาถ


 

เมื่อเวลา 20.00น. วันที่ 7 ก.ย. พ.ต.ท.จักรวาล แก่นเรณู พงส.(สบ2) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุมีคนถูกประตูบ้านล้มทับเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 89/1 ม.3 ซ.กำนันแม้น แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กทม. จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม มูลนิธิร่วมกตัญญู แพทย์รพ.ศิริราช  และ พฐ. ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านขนาดเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา ทีบริเวณประตูรั้วหน้าบ้านพบศพ น.ต.หญิง วรรณวิไล จบกลศึก อายุ79 ปี นอนเสียชีวิตสภาพศพนอนหงายถูกประตูรั้วเหล็กขนาดสูง2เมตร กว้าง 4เมตร ทับ ในบ้านพบรถยนต์ โตโยต้า ฟอจูนเนอร์ สีบอร์นดเงิน หมายเลขทะเบียน ฎพ6744 กทม. จอดอยู่ ใกล้กันพบนายบดินทร์ จบกลศึก อายุ48 ปี ลูกชายผู้ตายยืนอยู่ด้วย

พ.ต.ท.จักรวาล กล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่าปกติผู้ตายจะออกมาเปิดประตูบ้านให้ลูกชายขับรถเข้าบ้าน ทุกวัน ก่อนเกิดเหตุคาดว่าผู้ตายได้ออกมาเปิดประตูรอลูกชายเข้าบ้าน แต่น๊อตที่ล๊อคบานประตูได้เกิดหลุดเนื่องจากเก่าแล้วประกอบกับลมพัดด้วย ประตูจึงล้มทับผู้ตายอย่างแรง ส่วนลูกชายที่ขับรถเข้าบ้านคงจะรีบร้อนหรือไม่ได้สังเกตเพราะบริเวณหน้าบ้าน ค่อนข้างมืด จึงถอยรถทับประตูไปเล็กน้อย เพราะที่ประตูบ้านมีรอยล้อรถเหยียบอยู่ จนได้ยินเสียงล้อรถเหยียบเหล็กเลยลงมาดู พบบานประตูล้มทับแม่เสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อหา เนื่องจากยังไม่ได้มีการสอบปากคำพยาน และลูกชายผู้ตาย รวมทั้งต้องรอผลการตรวจหลักฐานจากกองพิสูจน์หลักฐานต่อไป.

มือปืนซัลโว 9 มม. ถล่มดับเสี่ยทุเรียนคากลางตลาดนัด


วันนี้ (7 ก.ย.) พ.ต.อ.พศวีร์ เรืองภู่ ผกก.สภ.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่กลางตลาดนัดวัดทับกระดาน ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.วันชัย พุทธวงษ์ รอง ผกก.สส.  พ.ต.ท.สมนึก พันธ์แจ่ม สว.สส. พ.ต.ท.ดนุภัทร ศรีวิบูลย์ พงส. และชุดสืบสวน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพ นายไพโรจน์ รอดโรคา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 6 ต.ศรีสำราญ อ.สองพี่น้อง เสี่ยอาชีพขายทุเรียน ถูกยิงเข้าที่ศรีษะ 4 นัด และตามลำตัว 3 นัด ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 7 ปลอก หัวกระสุน 2 หัว เสียชีวิตอยู่บนถนนข้างหน้ารถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเนาวร่า สีดำ ทะเบียน ฌฟ-6832 กทม. กระบะท้ายบรรทุกทุเรียนเต็มคัน ส่วนคนเจ็บอีกคนคือ นางอุภัย รอดโรคา อายุ 52 ปี ภรรยา ถูกยิงเข้าที่ลำคอ อาการสาหัส จนท.กู้ภัยสองพี่น้อง นำส่ง รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 ส่วนมือปืนอาศัยช่วงฝนตกหนักนั่งซ้อนท้าย จยย.พวกเดียวกันหลบหนีไป เบื้องต้นสาเหตุคาว่าน่าจะมาเรื่องขัดผลประโยชน์ และเรื่องชู้สาว ซึ่งจะได้สืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.

เลขาฯป.ป.ท.มอบหลักฐานทุจริตให้ "เฉลิม"


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 ก.ย. พ.ต.อ.ดุษฏี อารยะวุฒิ เลขาธิการสำนักป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. นำเอกสารและหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตเกี่ยวงบฟื้นฟูและเยียวยาปัญหาภัย พิบัติ มามอบให้กับ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการตรวจสอบเรื่อง ดังกล่าว โดยระบุว่า ข้อมูลที่นำมามอบให้เป็นการตรวจสอบพบการทุจริตในพื้นที่ 6 จังหวัด ภาคอิสานเหนือ ประกอบด้วย หนองคาย, หนองบัวลำพู, เลย, ขอนแก่น, อุดรธานี, และบึงกาฬ
ส่วนใหญ่เป็นการทุจริตเกี่ยวกับสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างหรือการทำ “ทีโออาร์” งบประมาณซ่อมแซมฟื้นฟูถนนที่ชำรุดเสียหาย เป็นความผิดเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรง ส่วนจะเกี่ยวข้องกับข้าราชการระดับสูงของประเทศหรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย และให้รอการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ซึ่งภายหลังรับเอกสารดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ10 ลงไปตรวจสอบและทำงานร่วมกัน

พ.ต.อ.ดุษฏีกล่าวด้วยว่า กรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ตนไปรับตำแหน่งเป็น รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงขึ้นนั้น ไม่ได้รู้สึกกังวลหรือเป็นห่วงงานด้านใดเป็นพิเศษ เพราะตนยังดูแลในงานในส่วนของ ป.ป.ท. และป.ป.ส. อยู่ ส่วนงานด้านอื่นที่ต้องรับผิดชอบดูแลมากขึ้น ทั้ง เรื่องปัญหายาเสพติด ตนมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์มานานกว่า 20 ปี

“ไก่อู” ให้การ91ศพยาว9ชั่วโมง



เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าให้ปากคำคดีการเสียชีวิต 91 ศพ นานกว่า 9 ชั่วโมงว่า ได้ให้การไปตามข้อเท็จจริงเท่าที่รับทราบและเห็นข้อมูล ซึ่งดีเอสไอได้ตั้งคำถามตั้งแต่การตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุก เฉิน(ศอฉ.)ไปจนถึงการปฏิบัติการตามคำสั่งทุกเหตุการณ์  โดยตนได้ตอบทุกคำถามพร้อมอธิบายถึงเหตุผล แต่เนื่องจากตนเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนกลางอะไรที่ทราบก็อธิบายชัดเจน
ที่ผ่านมาในช่วงเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติตามกฎหมาย และคำนึงถึงคนเสื้อแดงว่าเป็นประชาชนที่คิดต่างเท่านั้น ใช้มาตรการจากเบาไปหนักตามมาตรฐานสากล หากย้อนกลับไปจะเห็นว่า ก่อนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หากเหตุการณ์ปกติคงไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง ซึ่งทหารทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่มั่นใจว่าผู้บังคับบัญชาจะปกป้องคุ้มครอง เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่ง

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ระหว่างการพักรับประทานอาหาร พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้ขอให้ตนให้การตามข้อเท็จจริง อย่าเข้าข้างหรือช่วยเหลือฝ่ายใดเพราะจะทำให้การสอบสวนไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่าตั้งใจมาตอบคำถามตามข้อเท็จจริงอยู่แล้ว จากนั้นได้เล่าความไม่สบายใจของกองทัพเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ชี้นำการสอบ สวน แต่พ.ต.อ.ประเวศน์ปฏิเสธว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ ตนจึงบอกกลับไปว่า จากนี้ให้ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังกำลังพลของตัวเอง
นอกจากนี้ตนยังได้สอบถามถึงคดีการเสียชีวิตของทหารและตำรวจ โดยเฉพาะพล.อ.ร่มเกล้า  ธุวธรรม  ซึ่งพ.ต.อ.ประเวศน์ไม่ได้ชี้แจงอะไร

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า กองทัพเคยส่งข้อมูลทั้งหมดมาให้ดีเอสไอ แต่พนักงานสอบสวนชุดนี้อ้างตลอดว่าไม่มีเอกสาร วันนี้เพิ่งทราบว่าพนักงานสอบสวนชุดนี้ไม่เคยได้รับเอกสารของกองทัพ เพราะเอกสารไปอยู่กับชุดสืบสวนและชุดชันสูตร ก็แปลกใจที่เอกสารไม่ถูกส่งมารวม ที่ผ่านมากองทัพเข้าใจว่าเอกสารราชการจะถูกนำมาใช้ในภาพรวม แต่เมื่อเป็นเช่นนี้จึงนัดหมายให้เจ้าหน้าที่ส่งข้อมูลมาให้ดีเอสไอใหม่อีก ครั้ง

“การให้ปากคำครั้งนี้ผมรู้สึกเฉยๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมาเคยให้ข้อมูลมาแล้วกับหลายหน่วยงาน มั่นใจในจรรยาบรรณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บางช่วงของการสอบปากคำมีการนำภาพจำนวนมากมาให้ดูแล้วตั้งคำถามว่าเชื่อหรือ ไม่ว่าบุคคลในภาพเป็นทหาร คำตอบเป็นได้ 3 อย่าง คือ เชื่อ ไม่เชื่อ หรือไม่แน่ใจ  ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นภาพที่ใครถ่าย และถ่ายไว้เมื่อใด ในทางกฎหมายสามารถตอบได้ว่าไม่แน่ใจ แต่ผมเป็นพันเอกสรรเสริญหากจะตอบว่าไม่แน่ใจทุกภาพจะเป็นที่สังเวชแก่ผู้พบ เห็น”พ.อ.สรรเสริญกล่าว

เมื่อถามว่าในวันที่ 17 ก.ย.นี้ ศาลจะมีคำสั่งในคดีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ซึ่งถูกระบุว่าเสียชีวิตโดยเจ้าหน้าที่รัฐ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนไม่อาจคาดเดาเพราะเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่มีทหารคนใดตั้งใจฆ่าประชาชน การจัดกำลังมาจำนวนมากต้องการดูแลพื้นที่ให้เกิดการกระทบกระทั่งน้อยที่สุด หากอยากให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตคงไม่ใช้กำลังเยอะขนาดนี้ หมวดเดียวก็เรียบ  เพราะทหารมีอาวุธทุกคน

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า บรรยากาศในการสอบสวนไม่เคร่งเครียด แต่ใช้เวลาสอบถามนานมาก มีเอกสารคำให้การยาวถึง 16 หน้ากระดาษ ซึ่งตนจำเป็นต้องเซ็นรับรองทุกแผ่น จึงขอพิมพ์ลายนิ้วมือแทน

ดส.รวบหญิงสาวอายุ 17 ปี ค้าประเวณี 4 ราย ในโรงแรมกลางกรุง


เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 7 ก.ย. พ.ต.ท.สําเริง ส่งเสียง รอง ผกก.ดส. พร้อมด้วยนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำกำลังเจ้าหน้าที่ตร.ดส.กว่า 10 นาย เข้าจับหญิงสาว อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาค้าประเวณี จำนวน 4 ราย โดยจับกุมได้ภายในห้อง 217 ที่โรงแรม เดอ ม๊อค เลขที่ 78 ถนนประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร พ.ต.ท.สําเริง เปิดเผยว่า จากการได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ดส. ติดตามหาข่าวว่ามีการค้าประเวณีผ่านทางเว็ปไซด์ จนทราบว่ามีการค้าประเวณีจริงโดยมีผู้หญิงที่ชื่อ “กิ่ง ซอยมหาดไทย”เป็นแม่เล้าจัดหา จึงสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการติดต่อล่อซื้อหญิงสาวทั้ง 4 รายโดยตกลงค่าตัวรายละ 2,000 บาท ที่โรงแรมดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ทำการแสดงตัวเข้าจับกุม

ด้าน นายพสิษฐ์ เปิดเผยว่า ในการจับกุมในครั้งนี้ได้รับการประสานงานจากกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและ เยาวชน ว่ามีเยาวชนหญิง ขายบริการทางเพศจนจับกุมได้ดังกล่าว จากการสอบสวนพบว่าเด็กทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นเยาวชนเรียนอยู่ในชั้นมัธยม ได้รับการชักชวนจากเพื่อนพามาขายบริการทางเพศเพราะขัดสนเรื่องเงิน เพื่อนำเงินไปเที่ยวเตร่  ในการจับกุมครั้งนี้ยังมีแม่เล้าซึ่งการค้าประเวณีดังกล่าวทำให้เสี่ยงต่อ การติดเชื้อเอดส์ที่แพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่น จึงอยากให้เยาวชนคนไหนที่คิดจะทำงานในทำนองดังกล่าวนั้นขอให้เลิกล้มความคิด ก่อนที่จะสายเกินไป จากเจ้าหน้าที่นั้นนำตัวเยาวชนทั้งหมดไปสอบสวนก่อนแจ้งข้อหา “เป็นธุระจัดหาและค้าประเวณี “เพื่อดำเนินคดี อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อนำไปขยาย ผลหาตัวผู้ที่เป็นธุระจัดหาที่แท้จริงต่อไป.

เหตุสลดซ้ำซากกระบะซิ่งเสยจยย.รอง สว.จร.โครงการพระราชดำริเสียชีวิตอีกราย


เหตุตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริถูกรถชนเสียชีวิตรายนี้เกิดขึ้นเมื่อ เวลา  01.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ สน.อุดมสุข รับแจ้งตำรวจราจรโครงการพระราชดำริประสบอุบัติเหตุขณะที่ออกตรวจพื้นที่ เหตุเกิดถนนเลี่ยงเมืองวงแหวนตะวันออก แขวงดอกไม้ เขตประเวศ จึงรุดไปตรวจสอบ ทราบชื่อภายหลัง ร.ต.ต.บรรณาการ กระโจมทอง อายุ 53 ปี เป็น รอง สว.จราจรโครงการพระราชดำริ เสียชีวิตคาที่คาชุดเครื่องแบบ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ทะเบียนตราโล่ 52476 ล้มอยู่ข้างทาง เบื้องต้นทราบว่า ขณะที่ ร.ต.ต.บรรณาการ ออกตรวจพื้นที่อยู่นั้น ได้มีรถกระบะแต่งซิ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็วและปาดหน้ารถจักรยานยนต์ของ ร.ต.ต.บรรณาการ อย่างกระชั้นชิด ทำให้  ร.ต.ต.บรรณาการ ต้องหักหลบจนรถเสียหลังชนเข้าอย่างแรงกับแนวก่อสร้างบนนถนนจนร่างกระเด็นตก จากรถจักรยานยนต์ และถูกรถที่ขับตามหลังมาทับซ้ำจนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างลอยนวล

ด้าน พ.ต.ท.นพพร  ศรีสุชาติ   พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งเป็นคนงานในไซด์งานของกรมทางหลวง  ระบุว่าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังคล้ายรถชน  จึงวิ่งออกมาดูเห็นว่าตำรวจนอนอยู่ กลางถนน ข้างรถจยย. ของตัวเอง  จากนั้นรถกระบะไม่ทราบสี และยี่ห้อ  ซึ่งวิ่งตามหลังมาด้วยความเร็วได้ทับร่างของตำรวจซ้ำ จนเสียชีวิตคาที่  แล้วขับหลบหนีไปบนถนนบางนา - ตราด โดยไม่ได้ลงมาดูเหตุการณ์แต่อย่างใด   ส่วนศพของร.ต.ต.บรรณการ ขณะนี้ถูกนำส่งสถาบันนิติเวช เพื่อชันสูตร โดยในช่วงบ่ายจะมีการเคลื่อนศพไปตั้งสวดที่วัดตรีทศเทพ โดยในเวลา 17.00 น. จะมีพิธีรดน้ำหลวงอาบศพ โดยพล.ต.ต. อุทัยวรรณ  แก้วสะอาด ผบก.กก.จร. จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธี

พ.ต.ท. นพพร กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้ขับขี่รถกระบะหากจับกุมและพิสูจน์ได้ว่าขับชนแล้วมีเจตนาหลบ หนี  จะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และ ข้อหาชนแล้วหนี โดยไม่แจ้งเหตุกับเจ้าพนักงาน ลักษณะเหมือนกับคดีรถเฟอรรารี่ชนดาบตำรวจทองหล่อเสียชีวิตเช่นกัน ด้าน พ.ต.ท. ชัชชัย จักรวิวัฒนากุล  รองผกก.กก. 6  บก.จร. เปิดเผยว่า ร.ต.ต. บรรณการ นั้นเป็นนายตำรวจที่มีนิสัยเรียบร้อย  เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน  และเพิ่งได้รับการเลื่อนยศเป็นนายร้อย ตามโครงการติดยศ ร้อยตรี ที่มอบให้กับดาบตำรวจที่มีอายุ 53 ปี  เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งการให้ความช่วยเหลือครอบครัวของร.ต.ต. บรรณการนั้น  พล.ต.ต. อุทัยวรรณ  แก้วสะอาด ผบก.กก.จร. ได้กำชับให้ดูแลอย่างเต็มที่  ทั้งโดยจะได้รับมอบเงินฌาปนกิจ และเงินสวัสดิการ  เพราะถือเป็นการเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ และพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามขั้นตอนต่อไป
อนึ่งก่อนหน้านี้ได้เกิดกรณีนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา บุตรชายนายเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ขับรถเก๋งเฟอร์รารี่ ชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ  ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เหตุเกิดที่ปากซอยสุขุมวิท 47 ต่อเนื่องถึงปากซอยสุขุมวิท 49 ก่อนหลบหนีเข้าไปในบ้านพัก ต่อมา พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง  สวป.สน.ทองหล่อ นำตัวนายสุเวศ หอมอุบล อายุ 45 ปี พ่อบ้านมามอบตัวแทน แต่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. รู้ทันว่าไม่ใช่คนร้ายตัวจริงจนสุดท้ายนายวรยุทธ ยอมออกมามอบตัว จากนั้นได้ตั้งกรรมการสอบพ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ ว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงจนมีคำสั่งให้ออกจากราชการแล้ว และมีการเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายวรยุทธ ข้อหาเมาแล้วขับนั้น

“อภิสิทธิ์” ไม่หวั่น “คำรณวิทย์”


วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่เอ็มซีซีฮอล์ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ประกาศตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามพรรคประชาธิปัตย์ อย่างชัดเจน ว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนมีหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมาย และวางตัวเป็นกลาง ซึ่งพวกตนก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ตนอยากให้ทุกคนเข้าใจการทำงานของระบบรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ได้ ความจริงพรรคไม่มีปัญหากับหน่วยงานใด เพียงแต่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และหากมีการกระทำที่กระทบกับสิทธิขั้นพื้นฐานและพรรคไม่ได้รับความเป็นธรรม พรรคก็จำเป็นต้องใช้สิทธิของเราตามช่องทางที่มีอยู่เท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และข้าราชการประจำที่ได้รับการแต่งตั้ง โยกย้าย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศอังกฤษนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าไปทำอะไร แต่ทุกคนมีหน้าที่ทำงานให้ส่วนรวม และควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงในกรณีที่มีคนกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งศาลได้ตัดสินไปแล้ว แต่หลบหนีคดีอยู่ตามประมวลจริยธรรม ทั้งของนักการเมืองและข้าราชการประจำที่ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่เหมาะ สมหรือไม่ ส่วนที่มีข้าราชการประจำที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ยื่นเรื่องร้องต่อศาลปกครองนั้น ตนคิดว่าถือเป็นสิทธิของเขา ในการใช้กฎหมายปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นเรื่องที่ทำได้และเป็นช่องทางที่ถูก ต้อง ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องเคารพกระบวนการของศาล.

"ยิ่งลักษณ์" ชวนสตรีไทยเป็นสมาชิกกองทุนพัฒนาสตรี


เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกรายการ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” กล่าวถึงกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีว่าได้คณะกรรมการดูแลกองทุนแล้ว  37 คน  ปัจจุบันประชากรสตรีมีมากถึง 32 ล้านกว่าคน สัดส่วนมากกว่าผู้ชายนิดหน่อย ปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นและเป็นถึงระดับผู้บริหาร น่าภาคภูมิใจที่ประเทศไทยมีผู้หญิงเก่งๆมากมาย แต่อีกกลุ่มถูกละเลยขณะนี้มีสตรีต้องการพัฒนาศักยภาพอีกมากเพื่อเป็นส่วน เสริมสร้างเศรษฐกิจไทย เป็นหนึ่งในนโยบายรัฐบาล  เราคาดหวังเสริมสร้างให้สังคมไทยมีศักยภาพพัฒนาสตรีต่อยอดให้มีบทบาทในสังคม นำแผนพัฒนาสตรีแห่งชาติฉบับที่ 11 เอามาเป็นโครงหลัก มาต่อยอดกลุ่มสตรี 3 ด้านเช่น แหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำเพื่อสร้างงานสร้างรายได้  สตรีที่ต้องการโอกาสเสมอภาคความเท่าเทียมด้านสิทธิต่างๆและ สตรีที่มีบทบาทเป็นผู้นำในท้องถิ่นในชุมชนอยู่แล้วต้องการพัฒนาศักยภาพทำ อย่างไรแสดงออกเป็นผู้นำโลกได้อีกมากเป็นส่วนที่เราก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ขณะนี้กองทุนฯมีสมาชิก 8 ล้านคน และสามารถสมัครได้เรื่อยๆรับสิทธิได้ส่วนจะเป็นหรือไม่เป็นสมาชิกก็ตาม สามารถมารับสิทธิได้ตลอด แต่การเป็นสมาชิกจะเข้าใจความต้องการได้ดีขึ้น และการสื่อสารกับองค์กรการรับรู้ข้อมูลข่าวาร
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าขณะนี้มีการคัดเลือกคณะกรรมการในส่วนจังหวัดและคัดเลือกกรรมทรง คุณวุฒิ ภาพรวมได้โอนเงินเข้ากองทุนทุกจังหวัดประมาณ 20 ล้าน คณะกรรมการระดับจังหวัดไปวางวิธีการขั้นตอนวิธีการทั้งหมด จ.ไหนหมดแล้วก็ขอมาได้เฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท  ต่อไปจะมีคณะกรรมการทั้งหมด 5 ชุด ร่างยุทธศาสตร์ใหญ่วางแผนกิจกรรม ในอนาคตรวมทั้งกฎระเบียบต่างๆข้อปัญหากฎหมายเกี่ยวข้องให้เกิดสิทธิเท่า เทียมกัน ในจำนวนสมาชิก 8 ล้านคน ประมาณ 67 เปอร์เซนต์รายได้ต่ำกว่า 5 พันบาทต่อเดือนเป็น ปัญหาเรื่องแรกเรื่องรายได้ไม่เพียงพอ สองเรื่องคุณภาพชีวิตขณะนี้ประเทศไทยกำลังก้าว เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุต้องดูแลสุขภาพ สุดท้ายต้องการโอกาสศึกษาอาชีพทำให้ขาดโอกาสทางการทำงานร้อยละ 60 โดยหลักอยากให้กองทุนนี้เป็นของสตรีมทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รัฐบาลอาศัยกองทุนนี้ทำงานกับทุกกระทรวงผลักดันเรื่องของสตรีทั่วประเทศ.

“มาร์ค” ชี้ แนวคิดเลือกตั้งผู้ว่าฯ3จ.ชายแดนใต้อาจเป็นชนวนขัดแย้ง


วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่เอ็มซีซีฮอล์ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการเลอืกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกำหนดให้เป็นเขตปกครองพิเศษ ว่า ต้องไปถามรมว.มหาดไทย ว่าเห็นด้วยหรือไม่ เพราะจะเกิดความสับสน และสร้างเงื่อนไขใหม่ในพื้นที่ได้ เพราะถ้าคนในพื้นที่เห็นด้วย แต่ต่อมารัฐบาลไม่ทำก็จะเป็นปมปัญหาใหม่เกิดขึ้น จึงอยากให้การจัดการปัญหาที่ละเอียดอ่อนเดินไปอย่างมีเอกภาพ อยากให้ร.ต.อ.เฉลิม ใจเย็นๆ เพราะข้อเสนอต่างๆ อาจทำให้เกิดความสับสน ตนคิดว่าหลักการคือ ต้องการให้มีการกระจายอำนาจมากขึ้น เพื่อให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ถ้ารีบพูดเหมือนกับที่พูดเรื่องมหานคร หรือนครรัฐปัตตานี และมาเปลี่ยนเป็นเลือกตั้งผู้ว่าฯ จะเกิดความสับสนได้ ตนคิดว่าทางที่ดีที่สุด คือ รัฐบาลซึ่งมีนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล ควรมาแลกเปลี่ยนกันในสภาฯ โดยอาจให้มีการประชุมลับก็ได้ เพื่อที่จะได้มีการกำหนดทิศทางที่ชัดเจน.

“อภิสิทธิ์” พร้อม หนุน “สุขุมพันธุ์” ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไขสือไม่รู้มีส.ส.ดัน “กรณ์” เข้าชิง


วันนี้ (8 ก.ย.) ที่เอ็มซีซีฮอล์ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวส.ส.กทม. เสนอให้นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ว่า ตนไม่ทราบว่าใครสนับสนุนใคร แต่พรรคมีกระบวนการในการเตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัฒน์ ผู้ว่าฯ กทม. ก็มีส่วนร่วมด้วย โดยมีการตั้งคณะทำงาน มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เป็นประธาน มีส.ส. ส.ก และส.ข. ร่วมด้วย ก็สามารถแสดงความเห็นต่อคณะทำงานได้ และในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และผู้ว่าฯ กทม.ก็จะเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนเรื่องการเตรียมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยพรรคจะเน้นเรื่องงานและนโยบายเป็นตัวตั้ง และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ยังมีเวลาทำงานอีกหลายเดือนก็ต้องทุ่มเทเต็มที่ และการที่ท่านแสดงความจำนงในการสมัครอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าท่านอยากทำงานให้กับคนกทม.ต่อ ส่วนผู้สมัครจะเป็นม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือไม่ ตนไม่อยากพูดเรื่องตัวบุคคล แต่อยากให้เน้นไปที่กระบวนการ

“ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ได้ทุ่มเทการทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.อย่างเต็มที่ และสิ่งหนึ่งที่ท่านได้พิสูจน์อย่างชัดเจน คือ ไม่เอาเรื่องการเมืองมาอยู่บนผลประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ ทั้งช่วงน้ำท่วม และอีกหลายๆงาน และงานของรถไฟฟ้าก็มีความคืบหน้า การแก้ปัญหาความแออัดในสนามหลวง เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นคนเก่าลงสมัครก็จะสามารถสานงานต่อได้อยู่แล้ว ทั้งนี้เห็นว่าพรรคเพื่อไทย บอกว่าจะเปิดเผยตัวบุคคลหลังจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดตัวไปแล้ว 1 วัน ผมก็กลัวว่าหากเราเปิดตัวและไปสมัครในวันสุดท้าย พรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้สมัคร”นายอภิสิทธิ์กล่าว

"เลิศวิโรจน์" ปัดไม่ผันน้ำมาท่วมนาข้าวบางปะอินตอนทดสอบระบบ


เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย รายการ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” นายรอยล จิตรดอน ประธานคณะอนุกรรมการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และจัดสรรน้ำ ในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ.และนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน ร่วมกันชี้แจงกรณีทดสอบการระบายน้ำของกทม.ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกในช่วง ที่ผ่านมาระหว่าง 5-7 กันยายน โดยนายเลิศวิโรจน์กล่าวว่าถึงการจัดสรรน้ำมาเข้าสู่ระบบทดสอบซึ่งเป็นน้ำใน ระบบปกติของเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ต้องระบายออกมาทุกวันตามความจำเป็นเพื่อรักษาระบบอยู่แล้วไม่มีการผันน้ำมา เพิ่มแต่อย่างใดซึ่งเป้าหมายได้นำน้ำมาที่ระบบระบายน้ำของ กทม.ฝั่งตะวันตกเริ่มหน้าประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา  ที่ความสูงบวก 0.90 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางหรือรทก.ซึ่งการปล่อยน้ำเข้าระบบทำด้วยความระมัด ระวังและครอบรอบที่สุดเพื่อป้องกันไม่เกิดเหตุฉุกเฉินน้ำล้นตลิ่งมาสร้าง ความเดือดร้อนให้กับประชาชน ซึ่งฝั่งตะวันออกก็เช่นกันได้นำน้ำมาเตรียมไว้ล่วงหน้าหนึ่งก่อนทดสอบจริง วันที่ 7 ก.ย.ซึ่งขณะนั้นได้เกิดฝนตกหนัก ทางกรมชลประทานได้สั่งเปิดเครื่องสูบน้ำส่วนเกินออกทันทีเพราะเราต้องการ เลี้ยงระดับน้ำไว้ทดสอบอยู่ที่อัตราการไหล 7 ลบม.ต่อวินาที โดยให้น้ำที่อยู่ระดับหน้าประตูคลองสองสายใต้ระดับ 1.20 เมตรรทก.แต่เมื่อปริมาณฝนตกลงมากมาก ได้เร่งสูบน้ำออกทางคลองรังสิต ประตูจุฬาลงกรณ์ และสถานีสูบน้ำคลองหกวาสายล่างด้วยพร้อมกับติดตั้งเครื่องวัดอัตราการไหลของ น้ำหรือริเวอร์แคท ทำให้เรารับรู้อัตราการไหลที่แท้จริงตลอดเวลา ส่งผลให้ควบคุมการยกบานประตูในระดับที่เหมาะสมพร้อมกับการเร่งเครื่องผลัก ดันน้ำ เท่ากับเป็นการทดสอบของจริงไปในตัวซึ่งทำให้ประชาชนคลายกังวลเพราะระดับน้ำ ลดลงเร็วมาก ปัญหาคลีคลายไปได้ในฝั่งตะวันออกเพราะมีระบบสูบน้ำเตรียมป้องกันไว้อีกชั้น

นายเลิศวิโรจน์กล่าวว่าการปล่อยน้ำเข้าพื้นที่ชลประทานฝั่งตะวันออกเป็น การปล่อยเข้าระบบส่วนน้ำท่วมนาข้าวชาวนาเสียหายที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่เกี่ยวข้องการทดสอบครั้งนี้ ร่วมทั้งโครงการชลประทานที่ อ.นครหลวง ไมได้ส่งน้ำเข้าพื้นที่นี้เลย ส่วนสถานการณ์น้ำของประเทศในตอนนี้ที่มีฝนตกชุกเกิดจากร่องมรสุมลงมาภาค เหนือตอนล่าง และมีอธิพลถึงภาคกลางตอนล่าง หลายคนอาจกังวลกลัวน้ำท่วมอีก ขอยืนยันว่าปีนี้น้ำไม่ท่วมหนักแน่นอน เพราะวัดจากระดับน้ำในแม่น้ำหลักขณะนี้ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำ ปิง วัง ยมน่า รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ยังอยู่ในระดับปกติ รวมทั้งเรามีมาตรการโดยเงื่อนไขป้องกันอุทกภัยมากขึ้น ทำให้มีการระบายน้ำลงไปมาก จากปีที่แล้วน้ำในเขื่อนระดับร้อยละ 80 แต่นอนนี้เขื่อนภูมิพลระดับ 50 เขื่อนสิริกิต์ ดีขึ้นมาในระดับ 59 แต่อาจจะยังน้อยไปสำหรับกรณีหน้าแล้งหลังเดือนตุลาคมเป็นต้นไป จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. มีน้ำต้นทุนในเขื่อนเท่าไหร่ นำน้ำมาจัดสรร ใช้กิจกรรมทุกด้านเท่าไหร่ ซึ่งพื้นทีเกษตร ที่ห่วงว่าปลูกได้น้อยกว่าปกติ เพราะปกติในฤดูแล้งจะปลูกข้าวนาปรังได้ 7 ล้านไร่ คาดว่าได้ 5-6 ล้านไร่ จากปริมาณน้ำในเขื่อนที่คาดว่าจะได้นับจากสิ้นหน้าฝนปลายเดือนตุลาคมตั้ง เป้าไว้ที่ได้ปริมาณน้ำ 1 หมื่นล้านลบม.หากตอนนี้นับจากนี้อีก 50-60วันมีฝนไหลเข้าวันละ 100 ล้านลบม.

ด้านนายรอยล กล่าวว่าช่วงเวลาในการทดสอบมีมาตรการทั้งระวังและป้องกัน จึงได้เริ่มปล่อยน้ำคลองมหาสวัสดิ์ 60 เซนติเมตรข้างในประตู 70 เซนติเมตร เพราะเราเจอปัญหาปีที่แล้วส่งน้ำมาติดคอขวดถนนเพชรเกษม น้ำไม่หลไปลงคลองสนามไชยเข้าแก้มลิง ที่สามารถรับน้ำได้ถึง 600 ล้านลบทม.แต่น้ำไปเพียง 100 ล้านลบม.เท่านั้นทำให้เกิดน้ำท่วมขังนานนับเดือน ซึ่งเมื่อทดลองแล้วใช้จริงหลังจากขุดลอกคลอง เพิ่มเครื่องผลักดันน้ำเข้าไปให้อัตราการไหลดีขึ้นมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ทดลองจริงสำหรับเครื่องผลักดันน้ำ ที่ กทม.เพิ่งซื้อมาเป็นปีแรก เอาเครื่องตรวจวัดละเอียดด้วยโทรมาตรเรดาร์ติดไว้ตามสะพาน รวมทั้งเครื่องมือที่น่าสนใจ ของกรมชลฯและ กรมอุทกศาสตร์คือ เครื่องวัดกระแสน้ำไหล ก่อนใช้เครื่องผลักดันน้ำและหลังใช้ ซึ่งเพิ่มเข้าไปอีก โดยการเพิ่มแรงดันใช้เครื่องเข้าไป จะเห็นผลชัดเจนที่ใช้จริงกับคลองลาดพร้าว เพราะมีปริมาณฝนตกมากที่สุดถึง 150 มม. สรุปว่าปริมาณน้ำขนาดนี้ไม่มีเครื่องผลักดันน้ำน้าท่วมแน่ๆที่ซอยเสนานิคม ลาดพร้าว ขณะนี้ทางกทม.กังวลอยู่ให้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำอยู่ในคลองลาดพร้าวทั้ง ของกองทัพเรือ กทม.เพราะ ปี 54 ซอยลาดพร้าว 50 ระดับน้ำตรงนี้สองเมตรกว่า น้ำไหลไม่ถึงสูบไม่ลงอุโมงค์ คลองก็แคบการขุดลอกไม่มีเลย เมื่อวันที่ 6 กันยายน ระดับน้ำ 1 เมตร น้ำไหลสะดวกกว่าเดิมเยอะ และลงไปอุโมงค์ตลอด พิสูจน์ว่าใช้ได้จริง เครื่องผลักดันน้ำใช้ได้จริง จากที่ทำงานร่วมกัน กรมชลฯ กทม.ถึงวันนี้เรามีข้อมูลดีขึ้น วันนี้ภาพมันชัดเวลาน้ำมาทางเหนือ ทางแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน ถึงจ.นครสวรรค์ สามารถรู้ได้ก่อน 45 วัน และจะใช้คลองเหล่านี้ระบายได้ก่อนจะไม่ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงท่วมแน่นอน

นายรอยล กล่าวยืนยันว่าการตัดสินใจระบายน้ำในเขื่อนออกจำนวนมากเป็นเรื่องถูกต้อง คาดว่าปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ ณ วันที่ 1 พ.ย.มั่นใจว่าจะมีปริมาณน้ำใช้การได้ 1 หมื่นล้านลบม. เพราะก่อนหน้านี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำร้อยละ 14-15 ตอนนี้มีปริมาณน้ำร้อยละ 30 กว่า ทำให้เห็นว่า กบอ.เราตัดสินใจค่อนข้างถูก หากไม่ปล่อยระบายน้ำบริเวณพื้นที่เจ้าพระยา และพร่องน้ำมาทดสอบระบบกทม. ที่ผ่านมาฝนตก ที่พระนครศรีอยุธยา 100 กว่ามิลิเมตร ถ้าไม่พร่องน้ำลงมาอาจหนักหนาสาหัส และคาดว่าหน้าแล้งน้ำที่มีเราจะใช้อย่างพอเหมาะพอควรและเพียงพอปลูก ข้าวนาปรังได้ 7 ล้านไร่แน่นอน.

แดงตามป่วนงานปชป.พบประชาชน


เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ( 8 ก.ย.)  ที่เอ็มซีซีฮอล์ ชั้น 4 เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ จัดโคงการประชาธิปัตย์ พบประชาชนภาคกลาง ครั้งที่ 6/55  โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายทศพล เพ็งส้ม อดีตส.ส.นนทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โดยมีประชาชนชาวนนทบุรี ประมาณ 200 คนเข้าร่วมงานด้วย ซึ่งระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ กำลังกล่าวเปิดงานนั้น มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 20 คนมายืนสังเกตุการณ์  แต่ไม่เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายแต่อย่างใด เนื่องจากหลังกล่าวเปิดงาน นายอภิสิทธิ์ ได้เลี่ยงออกประตูทางออกอื่น
นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จ.นนทบุรีมีส.ส. 6 คน คาดว่าเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคจะได้ส.ส.ถึง 3 ที่นั่ง ซึ่งการจัดโครงการนี้เพื่อต้องการระดมความเห็นของประชาชนในพื้นที่ นนทบุรี ได้ร่วมกันออกแบบจ.นนทบุรีให้เป็นเขตเศรษฐกิจและเมืองพัฒนาใหม่ เพื่อให้มีศักยภาพและคุณภาพในการแข่งขันการเลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อว่าจะนำพาให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะ และสร้างอนาคตใหม่ จึงหวังว่าจ.นนทบุรีจะเป็นเสมือนหัวรถจักรขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความมั่นคง ต่อไป นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พื้นที่จ.นนทบุรี ถือเป็นพื้นที่หนึ่งที่สามารถชี้ขาดผลการแพ้ชนะในการเลือกตั้ง ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่านายกรัฐมนตรีพยายามลอยตัวเหนือปัญหา ทำให้ประชาชนต้องประสบปัญหาทั้งของแพง สินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ การพยายามเร่งผลักดันร่างพ.ร.บ.ปรองดอง เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนิรโทษกรรมให้กับพวกพ้อง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงได้ประกาศโครงการออกแบบประเทศไทย เพราะเห็นว่าการทำงานของรัฐบาลจะนำพาประเทศประสบปัญหามากขึ้นทุกวัน
ส่วน กรณีที่นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มนปช. ประกาศขอให้คนเสื้อแดงติดตามนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เพื่อทวงถามหลักฐานชายชุดดำในการชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 53 ว่า ที่ผ่านมานพ.เหวง ก็ได้คำตอบไปแล้วจากนายศิริโชค โสภา แต่ก็ยังมีปัญหาเพราะไม่พอใจในคำตอบ เนื่องจากไม่ตรงกับสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดมาโดยตลอด ส่วนการเข้าพบพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าทัี่ผบ.ตร.เพื่อหารือในการรักษาความปลอดภัย ระหว่างลงพื้นที่ ตอนนี้กำลังดูว่าผบ.ตร และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุยกันเองว่าจะดำเนินการอย่างไร ดังนั้นจึงยังไม่มีการนัดหมาย.

“จิรายุ” ปัด “เจ๊ ด.” ไม่เกี่ยว ยันโยกย้ายข้าราชการตามงาน


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตามที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามโยงว่า “เจ๊ ด.” อยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการว่า จากการตรวจสอบการโยกย้ายสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี พบว่ามีการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งในและนอกฤดูกาลกว่า 100 ตำแหน่ง เมื่อมาถึงยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็เข้ามาดูแลและย้ายบุคคลที่ไม่มีคุณภาพ ผลงานไม่เป็นที่ประจักษ์ในยุคที่ผ่านมา ส่วนกรณีที่เลขาธิการ ป.ป.ท.ถูกย้ายขึ้นไปนั่งเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม หากเป็นตนคงจะไปยกมือไหว้ขอบคุณคนย้ายที่ทำให้มีตำแหน่งใหญ่ขึ้น และไม่ได้เป็นการย้ายข้ามห้วยแต่อยู่ในสายงานเดียวกัน และยังมีอำนาจดูแล ป.ป.ท. การที่ฝ่ายค้านพยายามโยงบุคคลอักษรย่อต่างๆ ให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ถือเป็นงานถนัดของพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนที่มีการพูดถึงลูก “เจ๊ ด.”หรือลูกของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์อิสระนั้น จากการตรวจสอบพบว่าทั้งบุตรชายหรือบุตรสาวของนางเยาวภาไม่ได้มีธุรกิจนำเข้า รถยนต์

นายจิรายุ ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประดับยศให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.นั้น เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะในสมัยของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถ่ายรูปคู่กับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์หรือแม้แต่กับนายอภิสิทธิ์ แต่พรรคประชาธิปัตย์พยายามหันซ้ายหันขวา หาประเด็นมาโจมตี ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่า ผบช.น.จะทำให้ กทม.ปราศจากอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด หรือสร้างความสงบสุขใน กทม.ได้อย่างไรมากกว่า.

“วิชาญ” คาด พท.เคาะผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ภายใน ก.ย.นี้


เวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้น ขณะนี้คณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคยังไม่มีมติว่าจะส่งใครลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. แต่นายกรัฐมนตรีได้ให้แนวคิดว่าให้ใช้นโยบายเป็นตัวตั้ง โดย กทม.ถึงเวลาที่ต้อง “ปรับ เปลี่ยน เพิ่ม เติม” นอกจากนี้ทีมยุทธศาสตร์ทั้ง 3 โซนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเจาะเกาะติดการใช้งบประมาณช่วงเทกระจาดของ กทม.ก่อนหมดวาระของผู้ว่าฯ กทม.อย่างเข้มข้น ทั้งนี้มีรายงานว่ามีปฏิบัติการใต้ดินให้ทำลายฝั่งตรงข้าม เช่น มีคำสั่งลับให้ใช้งบประมาณลงพื้นที่หาเสียงผ่านงบของ กทม.ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ จะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการ กทม.ว่ามีคำสั่งแปลกๆ เช่น การคาดโทษว่าหากเพื่อไทยมีคะแนนนำพรรคประชาธิปัตย์ในเขตใด ผู้อำนวยการเขตมีปัญหา เป็นต้น ซึ่งพรรคจะตรวจสอบและจะร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทันทีหลังจากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อไทยจะเริ่มเก็บข้อมูลทั้งภาพและเสียงคำสั่งที่อาจเอื้อประโยชน์ ให้บางพรรคการเมือง ดังนั้นขอให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางมากที่สุด

ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.และอดีตประธานภาค กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่ายังไม่พร้อมจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า เพิ่งทราบข่าวจากทางสื่อ เข้าใจว่าคุณหญิงสุดารัตน์คงอยากมุ่งไปที่งานด้านพุทธศาสนามากกว่า ทั้งนี้ ส.ส.กทม.ยังไม่ได้หารือกันว่าจะสนับสนุนใครลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ต้องรอฟัง ส.ก.และ ส.ข.ในพื้นที่ด้วย ส่วนตัวมองว่าคุณหญิงสุดารัตน์มีความพร้อม ส่วนที่มีกระแสข่าว ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีสนับสนุน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.หลังเกษียณอายุราชการนั้น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ก็เป็นบุคคลที่ดี ตั้งใจทำงาน โดยเฉพาะการดูแลปัญหาอาชญากรรมและเรื่องยาเสพติด แต่ทุกอย่างขึ้นกับระบบพรรค เมื่อทางพรรคพิจารณาว่าใครที่เหมาะสม ก็จะได้หารือกับ ส.ส.กลุ่มต่างๆ เชื่อว่า ส.ส.กทม.ก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน อย่างไรก็ตามคาดว่าภายในเดือน ก.ย.นี้จะเกิดความชัดเจนในตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

ฝ่าย กม.เพื่อไทย ชี้ตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท.เปรียบแม่บ้าน


วันนี้ (8 ก.ย.) นายพิชิต ชื่นบาน ส.ส.บัญชีรายชื่อและฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ประชุม ครม.มีมติโยก พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อคดีทุจริตคอร์รัปชั่นให้เป็น ปัญหานั้น ขอชี้แจงว่าโครงสร้างและหน้าที่ตามกฎหมาย ตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ท.คือหัวหน้าหน่วยงานธุรการ เปรียบเหมือนกับแม่บ้าน การจะสั่งดำเนินคดีใดๆ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาไต่สวนคณะกรรมการ ป.ป.ท. ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเลขาธิการ ป.ป.ท. ดังนั้นการอ้างแหล่งข่าวพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ว่าการโยกย้ายเลขาธิการ ป.ป.ท.จะสร้างปัญหาต่อการเอาผิดคดีทุจริตจึงไม่เป็นความจริง แต่เป็นการสร้างภาพให้ข้าราชการบางคนว่าเป็นผู้ตงฉินเท่านั้น

มท.สั่งข้าราชการห้ามเล่นเฟชบุ๊คในที่ทำงาน



เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงผวจ.ทุกจังหวัด เรื่อง มาตรการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ต ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ลงวันที่ 6 ก.ย.55  พร้อมทั้งส่งสถิติการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ต จำนวน 1 ฉบับ โดยมี นายประชา เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ลงนามในหนังสือดังกล่าว
โดยระบุว่า ด้วยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตของสำนักงานปลัดกระทรวง มหาดไทย ได้ตรวจสอบการใช้งานของระบบอินเทอร์เน็ตในรอบ 8 เดือน ในปีงบประมาณ 2555 พบว่าโดเมนที่มีจำนวนการเรียกใช้มากที่สุด 10 อันดับ แรก ปรากฏว่าเป็นการใช้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียง ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเว็บไซต์ของต่างประเทศและมีการเรียกใช้มากในลักษณะออ นไลน์ เช่น www.facebook.com เป็นต้น ซึ่งการใช้งานดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานราชการ ทำให้สิ้นเปลืองช่องสัญญาณ (Bandwidth) จำนวนมาก
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตของสำนักงานปลัดกระทรวง มหาดไทยเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจึงได้กำหนดมาตรการการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ต โดยระงับการเข้าถึง Website ที่ให้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน บางเว็บไซต์ และงดการใช้งานเว็บออนไลน์ เช่น www.facebook.com ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ในช่วงระหว่างเวลา 08.30-12.00 น. และ 13.00-16.30 น. จึงเรียนมาเพื่อทราบ และแจ้งผู้ปฏิบัติงานในสังกัดทราบและถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป
ด้านนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผอ.ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่องมาตรการใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตนั้น เนื่องจากในขณะที่มีการประชุมคอนเฟอเรนซ์ อาทิ ระหว่างทำเนียบมากระทรวง กระทรวงไปจังหวัด หรือทำเนียบไปจังหวัด ได้เกิดปัญหาภาพหรือเสียงขัดข้อง ทำให้สื่อสารกันอย่างไม่สะดวก
ขณะที่นายจุลภัทร แสงจันทร์ ผวจ.สมุทรสาคร กล่าวถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า เห็นด้วยถือเป็นเรื่องดีที่มีการออกมาตรการเรื่องการใช้อินเตอร์เน็ต ออกมาเนื่องจากช่องสัญญาณ(Bandwidth)  เหมือน กับถนนที่เมื่อใช้มากๆ การจราจรก็ติดขัดงานราชการก็จะช้า และอีกทั้งยังช่องสัญญาณยังเป็นของราชการ หากใครที่ต้องการใช้ในเรื่องส่วนตัวก็ให้ใช้ของส่วนตัว

“เจ๊หน่อย” โพสต์เฟซบุ๊กไม่ลงผู้ว่าฯกทม.


เมื่อวันที่ 7 ก.ย. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตประธานภาคกทม.ได้โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กถึงกรณีที่มีการเผยชื่อว่าน่าจะ เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อไทย ในการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ว่า
"ขอบคุณมากสำหรับทุกกำลังใจ และแรงเชียร์ให้ลงผู้ว่าฯกทม.นะคะ แต่ส่วนตัวก็ยังกราบเรียนเช่นเดิมว่าขณะนี้ดิฉันยังอยากที่จะขอทำงานที่ยิ่ง ใหญ่ ในการรับใช้พระพุทธศาสนาด้วยการบูรณะสถานที่ประสูติพระพุทธเจ้าฯอยู่ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะได้รับโอกาสนี้ ตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานการบูรณะครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 เท่านั้น และประเทศไทยก็ได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งกำลังดำเนินการในเฟสสุดท้ายแล้วคะ แต่พวกเราก็ยังร่วมทำบุญแผ่นทองได้ที่ทำการไปรษณีย์และเซเว่นทุกสาขา ส่วนการทำงานให้บ้านเมือง ดิฉันก็คงไม่ทิ้งหรอกค่ะ ถ้ามีโอกาสก็กลับมารับใช้ค่ะ ในพรรคเพื่อไทยมีผู้มีความรู้ความสามารถอยู่มากที่เหมาะสมจะทำงานให้ชาวกทม. ทั้งคุณปลอดประสพ สุรัสวดี , คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง, คุณประภัสร์ จงสงวน, และยังมีท่านอื่นๆ อีกหลายท่าน เชื่อว่าท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ มีผู้ที่เหมาะสมอยู่ในใจให้กับชาว กทม.แล้ว”

ในวันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรื่องปัญหาอาหารราคาแพงที่สโมสรรัฐสภาว่า หายไปหลายเดือนไม่เข็ด คราวนี้เอาอีกแล้ว ไปกินข้าวกะเพราไก่ไข่ดาว จานละ 75 บาท ที่สโมสรรัฐสภา แล้วมาแถลงข่าวว่า ในสภาฯแท้ๆยังปล่อยให้อาหารแพงขนาดนี้ ปรากฏว่าหน้าแตกเป็นครั้งที่สอง เพราะผู้มีหน้าที่ดูแลสัญญาเก็บต๋ง ค่าเช่าพื้นที่ค้าขาย รวมถึงหน้าที่ควบคุมราคาอาหารในสภาฯให้เหมาะสม ได้แก่ประธานสโมสรรัฐสภา ที่ชื่อพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ผู้อาวุโสแห่งพรรคประชาธิปัตย์  ผลก็คือโดนด่าเช็ดตามข่าว
ท่านพิเชษฐ์ถึงกับฉุนกึ๊กควันออกหูเพราะมีรุ่นน้องมาฉีกหน้าหาว่าไร้กึ๋น ไร้ฝีมือในการบริหาร จนข้าวแกงสภาฯแพงขนาดนี้ เห็นข่าวว่าโฆษกพรรคฯโทรสายด่วนไปเคลียร์ว่า ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้จริงๆว่าเป็นผู้ใหญ่ของพรรคดูแลอยู่  พอเป็นพวกตัวเองไม่ด่าต่อแล้ว  ไหนว่าแพงข้าวแกงจานละ 75บาท พอกลายเป็นฝ่ายค้านเองที่ต้องรับผิดชอบ มันถูกขึ้นมาทันที  พี่ปลาบู่แกประสบการณ์ยังน้อย ค่อยๆฝึกฝนไป อย่าพึ่งเปลี่ยนตัว ผมว่าน่ารักดี  คราวก่อนเรียก "ปลาบู่ชนเขื่อน" คราวนี้นึกซะว่าเป็น "ปลาบู่ชนปังตอ" แล้วกันครับ

“อภิสิทธิ์” ไม่หวั่น “คำรณวิทย์”


วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่เอ็มซีซีฮอล์ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ประกาศตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามพรรคประชาธิปัตย์ อย่างชัดเจน ว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนมีหน้าที่ในการปฏิบัติตามกฎหมาย และวางตัวเป็นกลาง ซึ่งพวกตนก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ตนอยากให้ทุกคนเข้าใจการทำงานของระบบรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ได้ ความจริงพรรคไม่มีปัญหากับหน่วยงานใด เพียงแต่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ และหากมีการกระทำที่กระทบกับสิทธิขั้นพื้นฐานและพรรคไม่ได้รับความเป็นธรรม พรรคก็จำเป็นต้องใช้สิทธิของเราตามช่องทางที่มีอยู่เท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า กรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และข้าราชการประจำที่ได้รับการแต่งตั้ง โยกย้าย เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศอังกฤษนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าไปทำอะไร แต่ทุกคนมีหน้าที่ทำงานให้ส่วนรวม และควรคำนึงถึงข้อเท็จจริงในกรณีที่มีคนกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งศาลได้ตัดสินไปแล้ว แต่หลบหนีคดีอยู่ตามประมวลจริยธรรม ทั้งของนักการเมืองและข้าราชการประจำที่ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่เหมาะ สมหรือไม่ ส่วนที่มีข้าราชการประจำที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย ยื่นเรื่องร้องต่อศาลปกครองนั้น ตนคิดว่าถือเป็นสิทธิของเขา ในการใช้กฎหมายปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นเรื่องที่ทำได้และเป็นช่องทางที่ถูก ต้อง ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ต้องเคารพกระบวนการของศาล.

หนุ่มบริษัท เมาซิ่งเก๋งตกท่อระบายน้ำ


เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ ( 8 ก.ย.)  เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุคลองไผ่กู้ชีพ ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋ง เสียหลักพุ่งตกท่อระบายน้ำ ริมถนนขาเข้าซอยเขาหมอน หมู่ 7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บจึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง โตโยต้า  โซลูน่า สีบอร์น ทะเบียน กฉ – 4630 ระยอง ตกไปในท่อระบายน้ำข้างทาง สภาพ ด้านหน้าชนอัดติดกับขอบปูนสะพานข้ามท่อพังยับเยิน ตรวจสอบพบผู้ได้รับบาดเจ็บ ติดคาอยู่ในซากนรถ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเอกพงษ์ ไพบูลย์ อายุ 33 ปี พนักงาน บริษัท โตไกริกา จำกัด ได้รับบาเจ็บจากแรงกระแทก แพทย์ได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาล และนำตัวส่งรพ.ต่อไป
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุรถเก๋งคันดังกล่าว ซึ่งมีนายเอกพงษ์ เป็นผู้ขับขี่ มุ่งหน้ามุ่งหน้าไป จ.ระยอง ด้วยความเร็ว จู่ๆรถก็มีอาการส่ายไปส่ายมา กระทั่งจุดเกิดเหตุ นายเอกพงษืได้เลี้ยว เข้าซอยเขาหมอนด้วยความเร็ว ก่อนจะเสียหลักพุ่งตกลงท่อระบายน้ำจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว นายเอกพงษ์ คนขับ ให้การว่า ได้ไปนั่งดื่มสุราอยู่บริเวณแนวเขื่อนหน้าที่ว่าการอำเภอสัตหีบ จนมีอาการเมาและเผลอหลับไปในรถ  เมื่อตื่นขึ้นจึงพยายามพาตัวเองกลับบ้านแต่ด้วยความเมา จึงไม่สามารถประคองรถได้ จึงตกข้างทางดังกล่าว.

น้ำเซาะเนินดินรองรางรถไฟขาด



วันเสาร์ที่ 8 กันยายน 2555 เวลา 13:37 น.
เมื่อเวลาประมาณ  04.00 น.   วันนี้ (8 ก.ย. )  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ได้เกิดในเขตพื้นที่ จ.ลำพูน ส่งผลให้น้ำป่าจากยอดดอยขุนตานไหลลงมากัดเซาะเนินดินที่รองรับรางรถไฟ ระหว่างสถานีขุนตาน และสถานีทาชมภู บริเวณบ้านขุนตาน  หมู่ 8 ต.ทาปลาดุก อ.แม่ทา จ.ลำพูน หลักกิโลเมตรที่  684/13-15  เป็นระยะทางประมาณ  50 เมตร  ลึก 50 เมตร เป็นเหตุให้ทางรถไฟและหมอนรองรางรถไฟ ช่วงดังกล่าวต้องแขวนอยู่ในอากาศ ทำให้รถไฟสายเหนือระหว่างสถานีขุนตาลที่จะเดินทางไปยัง ลำพูนและจังหวัดเชียงใหม่ ต้องหยุดเดินรถชั่วคราว โดยไม่มีกำหนด   ล่าสุดเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบความเสียหายและเร่งซ่อมแซมทางรถไฟที่ ชำรุดเป็นการด่วน  นอกจากนี้ ทั้งน้ำป่าและดินที่สไลด์ลงมายังได้ส่งผลให้ถนนทางขึ้นอุทยานขุนตาล และทางเข้าหมู่บ้านขุนตาน หมู่ที่ 8 ถูกตัดขาดอีกด้วย
ต่อมาเวลา 09.00 น.  วันเดียวกัน นายสุรชัย  ขันอาสา ผวจ.ลำพูน ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมนายนิรันดร์  ด่านไพบูลย์  นายก อบจ.ลำพูน และนายชุมพร  อินต๊ะเทพ  ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน และสั่งการให้เจ้าหน้าที่ เร่งซ่อมแซมทางรถไฟที่ชำรุดเป็นการโดยนายก อบจ.ได้ นำรถแบ็คโฮ ไปช่วยตักดินเพื่อถมบริเวณดังกล่าว และช่วยแก้ไขการสัญจรทางขึ้นอุทยานขุนตาลแล้ว โดย นายสุรชัย กล่าวถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น  ว่าเนื่องจากมีฝนตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่องหลายวัน ทำให้ดินอิ่มน้ำและ และสไลด์ตัวลง  ทำให้ทางรถไฟที่อยู่ด้านบนลอยตัวอยู่ในอากาศ จนทำให้ต้องหยุดเดินรถเป็นการชั่วคราว  เบื้องต้นต้องใช้ระยะเวลาในการซ่อมประมาณ 3 วันกว่าจะต้องนำดินจาดด้านนอกมาถมเป็นฐานรองรับรางรถไฟ คาดว่าประมาณ 10 วันถึงจะแล้วเสร็จ และสามารถเดินรถได้ตามปรกติ.

ส.ส.เพื่อไทย โวย กทม.ปล่อยใบอนุญาตสร้างบ้านบนที่ฟลัดเวย์


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เขตมีนบุรี  แถลงกรณีการทดสอบปล่อยน้ำในช่วงที่ผ่านมาว่า ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ แต่จะเห็นว่าในคืนวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมาที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมขังใน กทม. ส่วนหนึ่งเพราะสภาพน้ำในหลายๆ คลอง โดยเฉพาะในพื้นที่ชั้นในมีระดับน้ำสูง เช่น คันนายาว บึงกุ่ม คลองสามวา มีนบุรี ลาดกระบัง เป็นต้นเพราะมีผักตบชวาแน่นอยู่ในคลอง โดยที่ กทม.ไม่เข้าไปดูแล ส่วนท่อระบายน้ำที่รัฐบาลให้งบไปลอกท่อตามหมู่บ้านต่างๆ  ก็ได้รับแจ้งว่าลอกท่อไม่เต็มที่ ทำให้น้ำไหลลงไม่สะดวก นอกจากนี้ในพื้นที่ฟลัดเวย์ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำฝั่งตะวันออก แต่ปรากฏว่ามีหมู่บ้านสร้างใหม่ขึ้นอยู่บนพื้นที่ฟลัดเวย์จำนวนมาก ทั้งในเขตคลองสามวา มีนบุรีและหนองจอก ซึ่งหมู่บ้านเหล่านี้ได้ใบอนุญาตปลูกสร้างจาก กทม.ได้อย่างไร ทั้งนี้ในส่วนของพื้นที่แก้มลิง เช่น บึงลำพังพวย เขตบางกะปิ ก็ไม่เคยเข้าไปดูแลและขุดลอกเลย และในพื้นที่แก้มลิงใกล้เคียงก็มีบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไป โดย กทม.ไม่เคยใส่ใจดูแลเลย

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เขตคลองสามวา คันนายาว กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พื้นที่ฝังตะวันออก มีมติยกเลิกทดสอบระบายน้ำอย่างไม่มีกำหนด โดยได้แจ้งให้นายกฯ ทราบแล้ว เนื่องจากพบว่าคลองในฝั่งตะวันออกจำนวนมาก ยังไม่ได้ดำเนินการขุดลอกครบทุกคลอง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีดำริถึง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที ในฐานะประธานโซน ให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและรายงานผลภายใน 15 วัน
“นอกจากนี้ขอเรียกร้องไปยังผู้นำฝ่ายค้านกรณีวิพากษ์วิจารณ์สิ่งต่างๆ แบบไม่ฟังข้อมูล ข้อเท็จจริง เช่น กรณีน้ำท่วมนาข้าว 800 กว่าไร่ ใน จ.อยุธยา ซึ่งฝ่ายวิชาการของกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ออกมาระบุแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่เกิดน้ำท่วมใน กทม. แต่ต้องถามกลับว่าที่ กทม.ลักไก่แอบเปิดประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาก่อนการทดสอบของคณะกรรมการ บริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)นั้นหมายความว่าอย่างไร” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว.

ผวากลางงานศพรถจยย.เร่งเครื่องเองได้ เชื่อวิญญาณคนตายขึ้นมานั่งบิดคันเร่ง


เรื่องราวคลิปผวารายนี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปวีดีโอเป็นภาพจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า นูโว สีเขียว จอดอยู่หน้าเมรุ โดยตั้งขาหยั่งคู่ ในภาพแสดงให้เห็นเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเร่งขึ้นเอง และเบาเป็นจังหวะ และยังมีลักษณะคล้ายกับมีคนนั่งคล่อมพยายามขี่รถจักรยานยนต์ดังกล่าว จึงได้สืบหาที่มาขอคลิปดังกล่าว กระทั่งทราบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ของนายณัฐวุฒิ หรือนิว เฉลิมภาค อายุ 16 ปี บ้านอยู่ ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 ก.ย.เวลา 01.00 น. ขณะขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าสมาย สีเขียวดำ ทะเบียน กนจ.921 พระนครศรีอยุธยา เพื่อกลับบ้านแล้วเกิดพุ่งชนกับจยย.อีกคันที่ถนนคู่ขนานสายเอเชีย มุ่งหน้าเข้าอยุธยา ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเหตุให้นายณัฐวุฒิ เสียชีวิต ซึ่งญาติได้นำศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดกล้วย ม.11 ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยา และทำการฌาปนกิจในวันที่ 6 ก.ย.เวลา 16.00 น.
น.ส.หทัยชนก รื่นศิลป์ อายุ 30 ปี น้าสาวของผู้เสียชีวิตเปิดเผยถึงเหตุการณ์ก่อนพิธีฌาปนกิจว่า เวลาประมาณ 15.30 น.วันที่ 6 ก.ย. ขณะที่ญาติพี่น้องมาครบ และมีเพื่อนๆของนายณัฐวุฒิ มาร่วมงานกันจำนวนมาก พี่ชายของนายณัฐวุฒิ คือนายมดดำ ทองเกิด อายุ 18 ปี ได้เข็นรถจักรยานยนต์ไปจอดที่หน้าเมรุสองคัน ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่นายณัฐวุฒิชอบขี่อย่างมาก จากนั้นก็สตาร์ทรถจักรยานยนต์ทั้งสองคันไว้  โดยพี่ชายยังได้บอกว่าติดเครื่องให้แล้ว ให้นิวลงมาขี่ได้เลย ปรากฎว่าคันหนึ่งคือคันที่อยู่ในคลิปเป็นคันที่นายณัฐวุฒิ เพิ่งซื้อมาไม่ถึงสองอาทิตย์ และได้ทำการแต่งเพื่อที่จะไปลงแข่งทางเลียบที่สนามจังหวัดปทุมธานี ได้เร่งเครื่องเองเสียงดังลั่นวัด และยังเบิ้ลเครื่องเป็นจังหวะ สร้างความแตกตื่นให้กับคนในงานเป็นเวลานานกว่า 10 นาที จนกระทั่งญาติพี่น้องต้องจุดธูปไหว้และบอกให้นิวไปสู่สุคติ จึงสงบ
นายมดดำ พี่ชายของนายณัฐวุฒิ ยังบอกด้วยว่านายณัฐวุฒิชอบขี่จักรยานยนต์มาก กลางคืนก็จะออกไปขี่กับเพื่อนๆ ซึ่งญาติพี่น้องก็เป็นห่วง และในที่สุดก็มาเสียชีวิต สำหรับรถคันที่เร่งเครื่องเองนั้น เชื่อว่าวิญญาณของนิวคงมาขี่รถคันนี้ เนื่องจากรักรถคันนี้มาก และทางบ้านก็เพิ่งทำบุญครบ 7 วันให้เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา และจะทำอีกครั้งเมื่อครบ 100 วัน ซึ่งรถคันนี้ก็จะเก็บเอาไว้เป็นอนุสรณ์ของนายณัฐวุฒิ ไม่ขายเด็ดขาด ซึ่งหลังจากที่ภาพคลิปของรถจักรยานยนต์คันนี้แพร่ออกไปได้สร้างความฮือฮาให้ กับบรรดาวัยรุ่นนักแข่งรถจักรยานยนต์เป็นอย่างมาก.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources