ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. นายธานิศ เกศวพิทักษ์ รองประธานศาลฎีกา
เจ้าของสำนวนทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร (กทม.)
พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา นัดพร้อมเพื่อกำหนดประเด็นคำถามสืบพยาน
คดีหมายเลขดำ อม.5/2554 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
(ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย, นายประชา
มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย, นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์,
พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ
อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. , บริษัท สไตเออร์
เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด (STEYR - DAIMLER - PUCH Spezial
fahrzeug AG&CO KG) และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.
เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ
หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้
ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และการกระทำผิดตาม
พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542
จากกรณีการจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย
ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยกทม.มูลค่า 6,687,489,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาติดภารกิจที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ องค์คณะฯ จึงเลื่อนนัดพร้อมออกไปเป็นวันที่ 18 ก.ย.นี้ เวลา 14.00 น.
ขณะที่นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความของ ป.ป.ช.โจทก์ กล่าวว่า คู่ความทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันตรวจดูพยานหลักฐาน และกำหนดประเด็นซักถามพยานของแต่ละฝ่าย พร้อมทั้งเสนอให้องค์คณะฯ พิจารณาแล้ว รอเพียงร่วมกันกำหนดวันนัดไต่สวนพยานว่าจะนำสืบพยานแต่ละฝ่ายกี่นัด วันใดบ้าง ซึ่งพยานของโจทก์-จำเลยจากเดิมกำหนดไว้ 100 กว่าปากได้ตัดเหลือพยานที่รู้เห็นและมีความเกี่ยวข้องจริงเพียง 36 ปาก ส่วนใหญ่เป็นพยานกลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและทำเอกสาร ส่วนพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารได้มีการรับรองจากหน่วยราชการของ 2 ฝ่ายร่วม 20,000 ชุด
โดยส่วนตัวคิดว่าหากเริ่มการไต่สวนในแบบที่ศาลจะนำสืบพยานอย่างต่อเนื่อง น่าจะใช้เวลาประมาณ 9 สัปดาห์คงจะสืบพยานแล้วเสร็จ ทั้งนี้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะต้องรอองค์คณะ ฯ กำหนดวันไต่สวนพยานที่ชัดเจนอีกครั้ง
นายสิทธิโชค ยังกล่าวถึงกรณีบริษัทสไตเออร์ ฯ จำเลยที่ 5 ซึ่งก่อนหน้านี้องค์คณะ ฯ มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อตรวจสอบสถานะบริษัท ว่า ล่าสุดได้รับเอกสารที่มีการรับรองจากหน่วยราชการตามขั้นตอนจากสถานทูตไทยใน ประเทศออสเตรีย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ส่งมาให้ ป.ป.ช.และส่งให้องค์คณะฯ พิจารณาแล้วเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเอกสารยืนยันสถานะบริษัทสไตเออร์ฯ ว่า ยังประกอบกิจการและยังมีกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท แต่กรรมการชุดนี้จะเป็นชุดเดียวกับที่ทำสัญญาเรื่องนี้หรือไม่ยังไม่ชัดเจน ต้องรอฟังการวินิจฉัยของศาลเรื่องสถานะจำเลยที่ 5 อีกครั้งในวันที่ 18 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาติดภารกิจที่ไม่อาจก้าวล่วงได้ องค์คณะฯ จึงเลื่อนนัดพร้อมออกไปเป็นวันที่ 18 ก.ย.นี้ เวลา 14.00 น.
ขณะที่นายสิทธิโชค ศรีเจริญ ทนายความของ ป.ป.ช.โจทก์ กล่าวว่า คู่ความทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันตรวจดูพยานหลักฐาน และกำหนดประเด็นซักถามพยานของแต่ละฝ่าย พร้อมทั้งเสนอให้องค์คณะฯ พิจารณาแล้ว รอเพียงร่วมกันกำหนดวันนัดไต่สวนพยานว่าจะนำสืบพยานแต่ละฝ่ายกี่นัด วันใดบ้าง ซึ่งพยานของโจทก์-จำเลยจากเดิมกำหนดไว้ 100 กว่าปากได้ตัดเหลือพยานที่รู้เห็นและมีความเกี่ยวข้องจริงเพียง 36 ปาก ส่วนใหญ่เป็นพยานกลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและทำเอกสาร ส่วนพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารได้มีการรับรองจากหน่วยราชการของ 2 ฝ่ายร่วม 20,000 ชุด
โดยส่วนตัวคิดว่าหากเริ่มการไต่สวนในแบบที่ศาลจะนำสืบพยานอย่างต่อเนื่อง น่าจะใช้เวลาประมาณ 9 สัปดาห์คงจะสืบพยานแล้วเสร็จ ทั้งนี้ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะต้องรอองค์คณะ ฯ กำหนดวันไต่สวนพยานที่ชัดเจนอีกครั้ง
นายสิทธิโชค ยังกล่าวถึงกรณีบริษัทสไตเออร์ ฯ จำเลยที่ 5 ซึ่งก่อนหน้านี้องค์คณะ ฯ มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อตรวจสอบสถานะบริษัท ว่า ล่าสุดได้รับเอกสารที่มีการรับรองจากหน่วยราชการตามขั้นตอนจากสถานทูตไทยใน ประเทศออสเตรีย ผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ส่งมาให้ ป.ป.ช.และส่งให้องค์คณะฯ พิจารณาแล้วเมื่อ 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเอกสารยืนยันสถานะบริษัทสไตเออร์ฯ ว่า ยังประกอบกิจการและยังมีกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท แต่กรรมการชุดนี้จะเป็นชุดเดียวกับที่ทำสัญญาเรื่องนี้หรือไม่ยังไม่ชัดเจน ต้องรอฟังการวินิจฉัยของศาลเรื่องสถานะจำเลยที่ 5 อีกครั้งในวันที่ 18 ก.ย.นี้