วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

หาม 14 คนงานส่งรพ.วุ่นแก๊สแอมโมเนียรั่วฟุ้งกระจาย


เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (22ก.ค.)  พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุท่อแอมโมเนียที่ใช้ในการผลิตน้ำแข็งของบริษัท อันดามัน ซีฟู้ด จำกัด หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง ระนอง รั่วจนก๊าซแอมโมเนีย รั่วไหลส่งผลให้คนงาน ส่วนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสูดเอาแก๊สดังกล่าวเข้าไป จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกุ้งแช่แข็งส่งออก  พบพนักงานจำนวนหนึ่งยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ภายในตัวอาคารโรงงานยัง มีกลิ่นแก๊สแอมโมเนียโชยออกมาเป็นระลอก ส่วนคนงานที่ได้รับเนื่องจากสูดสารพิษเข้าไปจนเกิดอาการระคายเคืองที่ตา ปากและจมูก 14 รายเป็นหญิงทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ ได้ลำเลียงส่งโรงพยาบาลระนอง แพทย์ได้รักษาจนอาการปลอดภัยและอนุญาติให้กลับบ้านแล้ว 10 รายและนอนดูอาการต่ออีก 4 ราย ล่าสุดสามารถปิดวาวล์และควบคุมการรั่วไหลของ แก๊สแอมโมเนียได้แล้ว
สอบสวนเบื้องต้น นายสัญญา  สังข์มรรคธร  อายุ 40 ปี ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของ บริษัท อันดามัน ซีฟู้ด ให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้ให้ช่างจากบริษัท ผู้ผลิตเครื่องทำการตรวจสอบและซ่อมแซม เครื่องภายในโรงงานเพื่อรองรับการผลิตน้ำแข็งในช่วงหน้าร้อน โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่โรงงานกำลังเดินเครื่องทำความเย็นอยู่นั้น แก๊สแอมโมเนียได้เกิดการรั่วไหลออกจากท่อซึ่งมีรอยปริแตกโดยไม่ทราบสาเหตุ  โดยไอระเหยของแก๊สได้ฟุ้งกระจายเข้าไปในตัวอาคารซึ่งพนักงานกำลังทำงานอยู่ ประมาณ 30 คน จนได้รับบาดเจ็บและต้องวิ่งหนีกันชุลมุนซึ่งทางบริษัทจะได้ประสานช่างเข้า ตรวจสอบหาสาเหตุที่ท่อแก๊สชำรุดและดำเนินการซ่อมแซมต่อไป.

แม่ใจร้ายทิ้งลูกน้อยซุกกองขยะ


เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 ก.ค. ร.ต.อ.สมเจตน์ พลเหลา พงส.(สบ1) สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุเด็กทารกถูกทิ้งไว้หลังโรงเรียนวัดเทพลีลา ซอยรามคำแหง 43 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณจุดให้ทิ้งขยะของชุมชนวัดเทพลีลา ห่างจากท่าเรือวัดเทพลีลาเพียง 30 เมตร เจ้าหน้าที่พบเด็กทารกเพศหญิง อายุไม่เกิน 1 สัปดาห์ถูกห่ออยู่ในผ้าเช็ดตัวสีชมพูร้องไห้จ้าเสียงดังและมีตุ่มแดงขึ้น เต็มหน้า เนื่องจากโดนแดดเผาและโดนมดกัด นอกจากนี้ พบว่าสายสะดือยังไม่ได้ถูกตัด ทางมูลนิธิร่วมกตัญญู จึงตัดสายสะดือออกและนำตัวมาที่สน.หัวหมาก
สอบสวนชาวบ้านให้การว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 13.00 น. มีคนเห็นคู่รักชายหญิงวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปีขับรถจยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาที่บริเวณดังกล่าว ก่อนจะเห็นผู้หญิงวางของลงกองขยะ ก็ไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นการเอาขยะไปทิ้ง แต่เมื่อทิ้งช่วงสักพักกลับได้ยินเสียงเหมือนเด็กร้องไห้หิวนมออกมาจากกอง ขยะ จึงไปคุ้ยดู พบเด็กถูกทิ้ง จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่และซื้อขวดนมกับขวดน้ำมาให้เด็กได้ดื่มกินทันที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังติดต่อกับมูลนิธิบ้านเด็กอ่อน พญาไทมารับตัว ส่วนพ่อแม่ใจยักษ์ที่ทิ้งลูก คาดว่าเป็นเด็กวัยรุ่นที่ประสบปัญหาตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ทำให้เมื่อเด็กเกิดมาไม่มีปัญญาเลี้ยงดู จึงต้องนำไปทิ้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและสอบสวนชาวบ้านบริเวณดังกล่าว หากจับตัวได้จะต้องถูกต้งข้อหาทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บก.น.3 แถลงข่าวระดมกวาดล้าง เปิดโครงการอบรมวินมอเตอร์ไซด์


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ห้องประชุมโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พล.ต.ต. มานิตย์   วงศ์สมบูรณ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.3 มูลนิธิร่มไทร บริษัทเอ.พี.ฮอนด้าร่วมเปิดโครงการฝึกอบรบ “สายลับสองล้อ ขับขี่ปลอดภัย ห่างไกลยาเสพติด” โดยนำผู้ขับขี่วินจยย.ในพื้นที่บก.น.2-3 มาอบรมให้ความรู้ในเรื่องการขับขี่รถอย่างปลอดภัย และเนื่องจากที่ผ่านมาวินจยย.เป็นส่วนสำคัญในการร่วมแก้ปัญหาหรือเป็นหูเป็น ตา สอดส่องดูแลสิ่งผิดปกติในพื้นที่ ที่ผ่านมามีการอบรมไปแล้ว 3 รุ่น รุ่นที่ 1และรุ่นที่ 2 อบรมเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนรุ่นที่ 3 อบรมในช่วงเช้าของวันนี้ โดยจะอบรมทั้งหมดรุ่นละ 1,000 คน โดยหลังจากอบรมเสร็จผู้เข้าอบรมจะได้เสื้อวินจยย.ใหม่ และหมวกกันน็อกสีขาวของทางบก.น.3
จากนั้นเมื่อเวลา 14.30 น. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.พรรคเพื่อไทย พล.ต.ต. มานิตย์   วงศ์สมบูรณ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น. พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.มีนบุรีพร้อมเจ้าหน้าที่จากทั้งบก.น.3 ร่วมแถลงข่าวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ พล.ต.ต.สุธีร์กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากผู้ขับขี่วินจยย.ในการให้ข้อมูลและ เป็นเครือข่ายภาคประชาชนในการปราบปรามอาชญากรรม โดยจับกุมผู้กระทำผิดได้ทั้งหมด 42 ราย เป็นชายทั้งหมด ยึดของกลาง รถจยย. 12 คัน อะไหล่รถจยย. 16 รายการ อาวุธมีด ขวาน สนับมือ รวมกัน 24 เล่ม สิ่งเทียมอาวุธปืน 1 กระบอก วัตถุระเบิดประกอบเอง 1 ลูก อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก ยาบ้า 169 เม็ด ยาไอซ์ 23 กรัม
สำหรับคดีที่น่าสนใจมีที่สน.มีนบุรี ชุดสืบสวนนำโดยพ.ต.ท. วีรศักดิ์  กลั่นเกิด สว.สส. พ.ต.ต. สมคิด  ประเชิญสุข สว.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกันจับกุมแก๊งลักรถจยย. สืบเนื่องจากเมื่อรุ่งเช้าของวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับกุมนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี พร้อมพวกรวม 6 คนซึ่งเป็นเยาวชนทั้งหมด รวมตัวกันลักรถจยย.ในซอยรามอินทรา 109 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา เจ้าหน้าที่เห็นทั้งหมดกำลังเข็นรถคันดังกล่าว จึงแสดงตัวขอค้นและจับกุม ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ตระเวนลักรถจยย.ในพื้นที่บก.น.3 รวม 11 คัน โดยใช้วิธีการหักคอรถ แล้วต่อสายตรง นำรถจยย.ไปแลกกับยาเสพติด บางคันที่ถูกลักมาก่อจะทำนำไปแต่งซิ่งรถในทางสาธารณะ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นแก๊งใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน มีไม่ต่ำกว่า 20 คน ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลเพื่อจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งที่ยังหลบหนีอยู่และ ประชาสัมพันธ์หากมีผู้เสียหายรายใดเคยถูกก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ให้เข้ามาดูประวัติคนร้ายและรถของกลางได้ที่สน.มีนบุรี ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ ถูกตั้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แบกเอ็ม16 บุกยิงถล่มเสี่ยโรงเลื่อย


  เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ ( 22 ก.ค.) พ.ต.ท.สุรพล ภักดี สวส.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งมีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่ม บ้านพักเลขที่  199/1 หมู่ 7 ริมถนนสายทุ่งใหญ่-จันดี ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จึงไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุเป็นบ้านของ นายสมเกียรติ อุ่นจิตร อายุ 51 ปี เจ้าของโรงงานเลื่อยไม้ยางพารา และบริการให้เช่าเต็นท์ โต๊ะ เครื่องครัวรายใหญ่ ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนบ้านควนลำภู สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเอ็ม 16 และขนาด .357 จนบ้านพรุนทั้งหลัง มีข้าวของเครื่องใช้ได้รับความเสียหายหลายอย่าง เจ้าหน้าที่สามารถเก็บปลอกกระสุนทั้ง 2 ขนาด ได้รวมกว่า 30 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดย
 สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะที่ นายสมเกียรติ กับภรรยากำลังนั่งกินข้าวอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังมาจากบ้านพักคนงานในสวนยางหลังบ้าน จากนั้นจึงได้ยินเสียงนายธีระยุทธ อุ่นจิตร อายุ 25 ปี บุตรชายวิ่งกระหืดกระหอบหนีตายและร้องขอความช่วเหลือมาแต่ไกล โดยได้เข้าไปหลบอยู่หลังเครื่องซักผ้าหลังบ้าน จากนั้นไม่นานคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ 3 คน ถืออาวุธครบมือ จึงวิ่งตามมาแล้วใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่ตัวบ้านอย่างต่อเนื่องเสียงดังสนั่น หวั่นไหว เมื่อเห็นนายธีระยุทธวิ่งหลบหนีเข้าบ้าน คนร้ายจึงกราดยิงใส่อีกระลอก กระสุนไปแฉลบถูกขาซ้ายของนางมรตีได้รับบาดเจ็บ สักพัก มีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน ขับมาจอดที่หน้าบ้าน คนร้ายจึงหยุดยิงและเดินไปขึ้นรถอย่างใจเย็น โดยหนึ่งใกลุ่มคนคนร้ายยังหันมายิงถล่มใส่ที่หน้าบ้านอีกรอบ ก่อนจะขึ้นรถคันดังกล่าวหลบหนีมุงหน้าไปทางถนนสายเอเชีย 41 จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ด้านนายสมเกียรติ ให้การว่า ตนและครอบครัวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ก่อนหน้านี้เคยเห็นคนแปลกหน้ามาวนเวียนหลายครั้ง ด้วยความระแวงจึงติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ 4 ตัว กระทั่งมีเหตุเกิดขึ้นจริง และกล้องก็สามารถจับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุเอาไว้ได้อย่างชัดเจน แต่ยังไม่ทราบสาเหตุว่ามาจากเรื่องใด อาจเป็นคู่แข่งขันทางธุรกิจ หรือแก๊งธุรกิจมืดไม่พอใจที่ตนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการแจ้งเบาะแสยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานอย่างละเอียด เพื่อจับกุมคนร้ายต่อไป.

เขย่าไฮโลหนีตำรวจโดดน้ำเจ้าพระยาหายต๋อม


เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (22 ก.ค.) พ.ต.ท.มนต์ชัย ประทีปพรศักดิ์ พนักงานสอบสวน สน.บางคอแหลม รับแจ้งมีนักพนันหนีการจับกุมของตำรวจกระโดดน้ำหายไปบริเวณท่าเรือด้านหลัง โกดังร้าง ซอยราษฎร์บูรณะ 11 แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยมูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบริเวณท่าเทียบเรือสินค้าติดแม่น้ำเจ้าพระยา มีชาวบ้านนับ 100 คน กำลังมุงดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้น โดยนักประดาน้ำพยายามทำการค้นหาร่างของนายต่าย นามสมมุติ อายุ 18 ปี ซึ่งตัดสินใจกระโดดลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา หนีเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าทำการจับกุมวงพนัน ซึ่งนักประดาน้ำทำการค้นหาอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง ท่ามกลางความเป็นห่วงของแฟนสาวและญาติที่เดินทางมาดูเหตุการณ์ พร้อมกับทำการจุดธูปเพื่อขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย เบื้องต้นยังไม่พบ
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บุคคโล ได้นำกำลังมาจับกุมวงพนันไฮโล ที่แอบเล่นกันในโกดังร้าง พอกลุ่มนักพนันเห็นตำรวจต่างตกใจ รีบวิ่งหนีกันไปคนละทิศคนละทาง โดยตำรวจสามารถตามจับได้ 5 คน ส่วนผู้ตายที่ทำหน้าที่ดูต้นทางตกใจ กระโดดลงสายน้ำที่ไหลเชี่ยวและหายตัวไปดังกล่าว.

หาม 14 คนงานส่งรพ.วุ่นแก๊สแอมโมเนียรั่วฟุ้งกระจาย


เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (22ก.ค.)  พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุท่อแอมโมเนียที่ใช้ในการผลิตน้ำแข็งของบริษัท อันดามัน ซีฟู้ด จำกัด หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง ระนอง รั่วจนก๊าซแอมโมเนีย รั่วไหลส่งผลให้คนงาน ส่วนหนึ่งได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสูดเอาแก๊สดังกล่าวเข้าไป จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกุ้งแช่แข็งส่งออก  พบพนักงานจำนวนหนึ่งยืนจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ภายในตัวอาคารโรงงานยัง มีกลิ่นแก๊สแอมโมเนียโชยออกมาเป็นระลอก ส่วนคนงานที่ได้รับเนื่องจากสูดสารพิษเข้าไปจนเกิดอาการระคายเคืองที่ตา ปากและจมูก 14 รายเป็นหญิงทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิระนองสงเคราะห์ ได้ลำเลียงส่งโรงพยาบาลระนอง แพทย์ได้รักษาจนอาการปลอดภัยและอนุญาติให้กลับบ้านแล้ว 10 รายและนอนดูอาการต่ออีก 4 ราย ล่าสุดสามารถปิดวาวล์และควบคุมการรั่วไหลของ แก๊สแอมโมเนียได้แล้ว
สอบสวนเบื้องต้น นายสัญญา  สังข์มรรคธร  อายุ 40 ปี ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของ บริษัท อันดามัน ซีฟู้ด ให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้ให้ช่างจากบริษัท ผู้ผลิตเครื่องทำการตรวจสอบและซ่อมแซม เครื่องภายในโรงงานเพื่อรองรับการผลิตน้ำแข็งในช่วงหน้าร้อน โดยก่อนเกิดเหตุขณะที่โรงงานกำลังเดินเครื่องทำความเย็นอยู่นั้น แก๊สแอมโมเนียได้เกิดการรั่วไหลออกจากท่อซึ่งมีรอยปริแตกโดยไม่ทราบสาเหตุ  โดยไอระเหยของแก๊สได้ฟุ้งกระจายเข้าไปในตัวอาคารซึ่งพนักงานกำลังทำงานอยู่ ประมาณ 30 คน จนได้รับบาดเจ็บและต้องวิ่งหนีกันชุลมุนซึ่งทางบริษัทจะได้ประสานช่างเข้า ตรวจสอบหาสาเหตุที่ท่อแก๊สชำรุดและดำเนินการซ่อมแซมต่อไป.

รวบโจรเหิมล้วงคองูเห่า งัดร้านกาแฟรองฯ ผู้การเชียงใหม่


เมื่อเวลา 01.20 น. วันนี้ (22 ก.ค.) พ.ต.ท.ไกรศรี จุฬพรรค์ สว.สส. พร้อมชุดร่วมกันจับกุมนายสมชาย ช่วยไทย อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 37 หมู่ 1 ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์ กำไรเขาควาย 1 อัน สร้อยข้อมืออำพัน 1 อัน จี้หินทรายทะเล 1 อัน จี้เทอร์ครอย 1 อัน กระเป๋าคาดเอว 1 ใบ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุตำรวจภูธรจังหวัด เชียงใหม่ ว่าเกิดเหตุคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านดี๊ดี๊พันพัน ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องประดับ เลขที่ 33 ถนนท่าแพ ต.ช้างคลาน จึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบ น.ส.ภูษณิศา เจริญสุข อายุ 28 ปี เจ้าของร้านให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ปีนรั้วสูงเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านดังกล่าว โดยทางร้านได้ติดกล้องวงจรปิดบันทึกภาพคนร้ายเอาไว้ได้ ส่วนทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปมีเงินสดจำนวน 9,800 บาท โทรศัพท์มือถือโนเกีย จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องประดับจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงนำภาพจากกล้อวงวงจรปิดไปตรวจสอบ และติดตามจับคนร้ายไว้ได้ที่หน้าโรงแรมศรีราชวงศ์ ถนนท้ายวัง ต.ช้างม่อย
เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุโจรกรรมร้านดังกล่าวมาจริง เนื่องจากกำลังตกงาน โดยก่อนหน้านี้เคยเข้าไปลักทรัพย์ร้านกาแฟริส เลขที่ 67/1 ถนนศรีภูมิ อ.เมือง ซึ่งเป็นร้านของ พ.ต.อ.สมบัติ สุภาภา รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเชียงใหม่ หรือกกต. ได้ทรัพย์สินและเงินสดไปจำนวนมาก พอใช้เงินหมดก็จึงกลับมาก่อเหตุใหม่และถูกจับกุมตัวในที่สุด.

คดียิง 3 นศ.ปวส.พลิก ตร.จับโจ๋มือยิงใหม่แถมฆ่าตำรวจ


เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (20 ก.ค.)  พล.ต.ต.คณิสร  น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เนื้อนวล ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นำตัว 3 ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายศักดิ์ชัย พัฒบุรม อายุ 21 ปี นายวีรยุทธ มาตแม้น อายุ 22 ปี และนายต่าย นามสมมุติ อายุ 17 ปี ชาวบ้านม่วงนา ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ร่วมกันฆ่าตำรวจสายตรวจตำบลม่วงนา และฆ่านักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้ง 3 ศพ  ภายหลังจากที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 145 หมู่ที่ 6 ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน ซึ่งเป็นบ้านของนายศักดิ์ชัย พร้อมอาวุธปืนพกขนาด จุด 38
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันฆ่า จ.ส.ต.กฤษดา แสงโทโพธิ์ ผบ.หมู่งาน (ป.) ต.ม่วงนา เสียชีวิตเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกเรียกตรวจหาสารเสพติด จึงได้ขับรถประกบยิงโดยเหตุเกิดห่างจากตู้สายตรวจ 1 กม. จากนั้นในคืนเดียวกันผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังก่อเหตุยังได้เข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงชื่อดัง และมีเรื่องเขม่นกับวัยรุ่นโต๊ะข้าง ๆ จึงชวนกันมาดักรอยิงคู่อริเสียชีวิตรวม 3 ศพ โดยทั้งหมดเป็นนักศึกษา ปวส.วิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันพยามฆ่า และพกพาอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย คุมตัวดำเนินคดีต่อไป ส่วน 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ จะทำเรื่องปล่อยตัวต่อไป.

คดียิง 3 นศ.ปวส.พลิก ตร.จับโจ๋มือยิงใหม่แถมฆ่าตำรวจ


เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (20 ก.ค.)  พล.ต.ต.คณิสร  น้อยนารถ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.เสริมศักดิ์ เนื้อนวล ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ นำตัว 3 ผู้ต้องหาประกอบด้วย นายศักดิ์ชัย พัฒบุรม อายุ 21 ปี นายวีรยุทธ มาตแม้น อายุ 22 ปี และนายต่าย นามสมมุติ อายุ 17 ปี ชาวบ้านม่วงนา ต.ม่วงนา อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ร่วมกันฆ่าตำรวจสายตรวจตำบลม่วงนา และฆ่านักศึกษาวิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้ง 3 ศพ  ภายหลังจากที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 145 หมู่ที่ 6 ตำบลม่วงนา อำเภอดอนจาน ซึ่งเป็นบ้านของนายศักดิ์ชัย พร้อมอาวุธปืนพกขนาด จุด 38
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันฆ่า จ.ส.ต.กฤษดา แสงโทโพธิ์ ผบ.หมู่งาน (ป.) ต.ม่วงนา เสียชีวิตเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกเรียกตรวจหาสารเสพติด จึงได้ขับรถประกบยิงโดยเหตุเกิดห่างจากตู้สายตรวจ 1 กม. จากนั้นในคืนเดียวกันผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังก่อเหตุยังได้เข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงชื่อดัง และมีเรื่องเขม่นกับวัยรุ่นโต๊ะข้าง ๆ จึงชวนกันมาดักรอยิงคู่อริเสียชีวิตรวม 3 ศพ โดยทั้งหมดเป็นนักศึกษา ปวส.วิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,ร่วมกันพยามฆ่า และพกพาอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย คุมตัวดำเนินคดีต่อไป ส่วน 3 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ จะทำเรื่องปล่อยตัวต่อไป.

ตร.ตามรวบอีก "2 โจ๋" แก๊งปล้นนักร้องเคพีเอ็น จบคดีสวย


วันนี้ ( 22 ก.ค.)  พ.ต.อ.สุวิจักข์ จันทร์เยี่ยม ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์  พ.ต.ท.พิเชษฐ์ จันทรัตน์ รอง ผกก.(ป.) พ.ต.ท.ประวิตร ณ บางช้าง สว.สส.พร้อมพวกจับกุมนายต้อย (นามสมมุติ)อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ที่ 136/55 ลงวันที่ 18 ก.ค. ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์  โดยจับกุมได้ที่วัดเขาหลุบ ต.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดีว่า พบผู้ต้องสงสัย ลักษณะรูปพรรณสัณฐานเหมือนหนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์และทำร้ายร่าง กาย นายธรรศภาคย์ ชี หรือบี้ และนายอนุรักษ์ หรือบอมบ์ บุญเพิ่มพูน 2 นักร้อง ค่าย เคพีเอ็น อวอร์ด ภายในซอยลาดพร้าว 23 เมื่อค่ำวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ สน.พหลโยธิน  หลบหนีมาบวชเป็นสามเณรในวัดดังกล่าว จึงไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาบวชเป็นสามเณร เพิ่งกลับจากบิณฑบาตร จึงสอบสวนจน สามเณรรูปดังกล่าวรับสารภาพว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่ปรากฏในหมายจับ และไม่เคยถูกจับในคดีนี้มาก่อน จึงเชิญตัวไปให้เจ้าอาวาสทำพิธีสึก นำตัวไปควบคุมไว้ที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ
สอบถามเบื้องต้น นายต้อย รับสารภาพว่า ร่วมกับนายเอ็ม และนายป็อป สองผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และนายโจ้ ที่ยังหลบหนีอยู่ก่อเหตุชิงทรัพย์เป็นเงินสดกว่า 1,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ ไอโฟน 1 เครื่อง แต่ผู้เสียหายพยายามต่อสู้ขัดขืน ตนจึงใช้ไม้เบสบอลตีจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้นำโทรศัพท์ไปขายที่ร้านรับซื้อแถวคลองหลอด ได้เงิน 8,000 บาท จึงนำมาแบ่งกันโดยตนได้ส่วนแบ่ง1,500 บาท จากนั้นจึงหลบหนี มาอยู่กับญาติที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ และบวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหนีความผิดโดยญาติไม่รู้ว่าตนกำลังหนีคดีอยู่
กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม โดยก่อนหน้านี้ตนเคยร่วมร่วมก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว 3-4 ครั้ง เพราะความเมาสุรา และคึกคะนอง และต้องการหาเงินไปเที่ยวเตร่ ไม่ได้ติดยาเสพติดหรือการพนัน ส่วนการเลือกเหยื่อแล้วแต่จังหวะหากพบจะลงมือทันที และครั้งนี้ก็ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นนักร้อง จนกระทั่งดูข่าวจึงทราบ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงประสานให้พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน เจ้าของคดีเดินทางมาอายัดตัวไปสอบสวนดำเนิคดีต่อไป
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายมอส ขณะหนีไปบวชเป็นสามเณร ที่จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเดินทางไปรับตัว ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุมนายโจ้ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหารายสุดท้ายได้ที่จ.ร้อยเอ็ด แล้ว ขณะนี้กำลังนำตัวกลับเข้ามาสอบสวนเพิ่มเติมตามขั้นตอนกฎหมาย และจะรีบนำตัวส่งศาลเยาวชนและครอบครัว ต่อไป เนื่องจากทั้งสองเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี

"เทพไท” ปูดรัฐบาล “ลับ ลวง พราง” แก้รธน. ดันปรองดองสนองตัณหา “นายใหญ่"


“สุริยะใส” ปูด “ทักษิณ” สั่งสภาฯลักไก่ พิจารณา กม.ปรองดอง 3 วาระรวด

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม 2555 เวลา 13:41 น.

วันนี้ (22 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะปรับแผนสั่งให้สภาผู้แทนราษฎร ลักไก่เอาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชขาติพ.ศ... ขึ้นมาพิจารณาก่อน ในระหว่างรอความชัดเจนถึงแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะเดินหน้าต่ออย่าง ไร เพราะหากจะรอแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเพื่อเป็นใบเบิกทางในการกลับประเทศนั้น ต้องใช้เวลายาวนานเพราะกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สามารถรวบรัดมัดมือชก ด้วยเสียงข้างมากแบบเดิม ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา เพราะทั้ง 2 เรื่องนี้มีเป้าหมายปลายทางเดียวกันคือการลบล้างความผิดและนิรโทษกรรมให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นเมื่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญติดขัดและไม่มีความแน่นอนอีกต่อไป ก็อาจจำต้องหันมาผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแทน

“วันนี้พรรคเพื่อไทยจึงเลือกปล่อย ข่าวแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญสารพัดแนวทาง เพื่อลวงความสนใจของประชาชน แต่ลึก ๆ แล้วเตรียมการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง แบบ 3วาระรวดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นความพยายามล้างผิด พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ต้องปรับแผนไปตามสถานการณ์เท่านั้นและต้องไม่ลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความสำคัญกับ ร่าง พ.ร.บ.ปรอบดองล้างผิดให้ตัวเองมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้เวลาและยิ่งเนิ่นนานออกไปประชาชนยิ่งรู้ทัน ว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นไปเพื่อคนๆเดียว จึงอยากเรียกร้องให้สังคมต้องช่วยกันจับตาการประชุมสภาฯ ที่จะเริ่มในไม่กี่วันนี้”นายสุริยะใสกล่าว

"เทพไท” ปูดรัฐบาล “ลับ ลวง พราง” แก้รธน. ดันปรองดองสนองตัณหา “นายใหญ่"


วันนี้ (22 ก.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  กล่าว ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ฝ่ายรัฐบาลกำลังพลิกแพลงใช้วิธีการ “ลับ ลวง พราง” เพื่อให้สังคมตายใจและจะฉวยโอกาสผลักดัน เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพ.ร.บ.ปรองดองฯให้สำเร็จตามที่นายใหญ่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ.ร.บ.ปรองดองมีการเสนอแนวความคิดเปิดเวทีประชาเสวนาขึ้น มาใน8 เวที ใน8กลุ่มจังหวัด ซึ่งเป็นวิธีการจัดฉากสร้างภาพซื้อเวลาออกไป ตรงกับยุทธศาสตร์ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์  ประธาน สภาผู้แทนราษฎรที่พูดไว้ในคลิปลับว่าให้ถอนพ.ร.บ.ปรองดองฯออกไปสัก 3 เดือน 6 เดือน แล้วไปจัดเวทีสานเสวนา ใช้ชื่อของรัฐเป็นกระบอกเสียง โฆษณาชวนเชื่อกับประชาชน แล้วค่อยกลับเข้ามาพิจารณาใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะถอนพ.ร.บ.ปรองดองออกไปอย่าง จริงจัง เป็นแค่กลลวงเพื่อจะฉวยโอกาสนำกลับคืนเข้ามาใหม่

การ จัดเวลาทีประชาเสวนาเพื่อสร้างความปรองดองเป็นแค่รูปแบบที่รัฐบาลต้องการ สร้างขึ้นมา ให้ครบองค์ประกอบตามคำแนะนำ ของสถาบันพระปกเกล้าเพื่อจะเป็นข้ออ้างกับสังคมว่ารัฐบาลได้รับฟังความคิด เห็นครบถ้วนทุกกระบวนการแล้ว ทั้งที่การจัดทำเป็นเพียงจัดในพื้นที่บางแห่ง  และ ใช้กลไกของรัฐ เช่นกรมการพัฒนาชุมชนเป็นฝ่ายเลขานุการ เข้าไปครอบงำแนวความคิดของประชาชน เพื่อหาข้อสรุปมาเป็นคำตอบกับสังคม ที่ต่อต้านพ.ร.บ.ปรองดองนายเทพไท กล่าว
นายเทพไท กล่าวว่าการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้ก็ยังมีความสับสนในพรรคเพื่อไทยและ ฝ่ายรัฐบาล อยากจะให้พรรคเพื่อไทยฟันธงออกมาว่าจะเอาอย่างไรกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ3 หากต้องการความชัดเจนเพื่อให้เดินหน้าไปตามที่นายใหญ่ต้องการก็ควรที่จะผลัก ดันให้มีการลงมติในวาระ3ในช่วงเผปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไปทันที เพื่อจะให้ได้รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหลังจากลงมติวาระ3 ไปแล้ว บ้านเมืองก็จะไม่อึมครึม ถกเถียงพูกกันไปมาไม่เป้นประโยชน์กับสังคมแต่อย่างใด ถ้าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลมั่นใจว่าการลงมติวาระ3 ไม่ขัดกับรัญธรรมนูญก็สนับสนุนให้ลงมติเลย แต่อะไรจะเกิดขึ้นตามมาพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบในผลการกระทำ ของตนเองด้วย ไม่ควรจะมาโอดครวญว่าถูกกลั่นแกล้ง หรือจ้องจับผิด หรือสองมาตรฐานอีกต่อไป.

ผยสัปดาห์นี้คำร้องกรณีอ้าง "มาร์ค" ใช้เอกสารปลอมรับราชการทหารถึงมือ "ศรีราชา"




เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่โรงแรมวินเซอร์ สวิทส์ กรุงเทพ ฯ  นายรักษเกชา แฉ่ฉาย  รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคำร้องของนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ยื่นคำร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม เนื่องจากละเลย เพิกเฉยการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้เอกสารปลอมในการเข้ารับราชการทหาร ว่า กรณีดังกล่าวนทางรมว.กลาโหมได้ส่งหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของตน เองตอบกลับมายังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลรายละเอียดของเอกสารต่าง ๆ อยู่ เพราะเอกสารที่ชี้แจงกลับมามีจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษานานพอสมควร ซึ่งในส่วนของรายละเอียดที่ชี้แจงกลับมานั้น ไม่สามารถที่จะเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเอกสารที่ต้องใช้ในการพิจารณาตรวจสอบ
ทั้งนี้ คาดว่าเอกสารทั้งหมดจะส่งถึงนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนนายศรีราชา จะนำคำร้องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการฯหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ หากเห็นว่าไม่จำเป็นก็อาจไม่ต้องนำคำร้องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการ แผ่นดินก็ได้ แต่หากต้องการความรอบคอบ หรือต้องการขอความคิดเห็นจากผู้ตรวจการแผ่นดินอีก 2 คน ก็อาจจะมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อพิจารณา ร่วมกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ระบุว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเร่งพิจารณาคำร้องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพราะเป็น เรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งในการดำเนินการ ก็จะพิจารณาบนหลักข้อเท็จจริง และเอกสารต่างๆ รวมถึงขอยืนยันว่าในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่เป็น เครื่องมือของฝ่ายการเมืองอย่างแน่นอน
   

"บิ๊กโอ๋" ปัดสั่งโฆษกกลาโหม แจงเรื่อง "มาร์ค"เกณฑ์ทหาร


เมื่อวันที่ 22 ก.ค. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ามีการมอบหมายให้พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข้อเท็จจริงเรื่องการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้มอบหมายให้พ.อ.ธนาธิปดำเนินการแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียด เรืื่องดังกล่าวแต่อย่างใด และยังไม่มีการชี้แจงใดๆทั้งนั้น ข่าวที่นำไปลงเพราะสื่อเอาไปลงผิด แต่ถ้ามีข้อสงสัยและถามกันมากก็อาจจะมีการชี้แจงให้ทราบในเร็วๆ นี้ก็ได้
ทั้งนี้การที่ตนให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  เพราะมีผู้สื่อข่าวมาถาม ซึ่งไม่มีอะไรต้องปิดบัง เป็นเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งมาถามที่กระทรวงกลาโหม ส่วนการที่อภิสิทธิ์ จะฟ้องร้องกระทรวงกลาโหมที่นำเรื่องนี้มาชี้แจง โดยระบุว่าต้องการช่วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงนั้น ตนไม่อยากตอบโต้ เพราะเขาชอบพูดแบบนี้เป็นปกติ อย่างที่บอกไปแล้วว่าที่ตนพูดเพราะมีนักข่าวมาถาม ก็ชี้แจงข้อเท็จจริงไม่ได้เกี่ยวกับใคร สำหรับที่นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าเอกสารผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ ไม่มีเจ้าหน้าที่ลงนามรับรองอาจเป็นการทำขึ้นเองนั้น ยังไม่ขอพูดตอนนี้ ไว้ชี้แจงในอีก 1-2 วันข้างหน้า

"สธ."ปิ๊งไอเดียตั้ง "อโรคยศาล"


วันนี้ ( 22 ก.ค.) นายวิทยา  บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า  กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนารูปแบบการดูแลผู้พิการจาก อุบัติเหตุจราจร และโรคเรื้อรัง เช่นหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก จนเกิดความพิการ ช่วยตัวเองไม่ได้ ซึ่งคาดว่ามีผู้ป่วยกลุ่มนี้ประมาณร้อยละ 2 ของทั้งประเทศหรือประมาณ 1 ล้านราย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคตจาก 2 ปัจจัย คือการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และประชาชนป่วยเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น  จำเป็นต้องสังเคราะห์ระบบใหม่และพัฒนาทีมงานที่เอื้อต่อการดูแลโรคเรื้อรัง จากการวิเคราะห์ล่าสุดในปี53 จำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั่วประเทศมี 1.7 ล้านราย   ขณะที่ในปี51 มีผู้ป่วย 1.4 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19  คาดว่าประเทศไทยจะมีมูลค่าการรักษาโรคเรื้อรังสูงถึงปีละ 52,000 ล้านบาทในปี 58  จึงมีแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ใช้ชื่อว่า "อโรคยศาล" เป็นโครงการนำร่อง 5 แห่งในแต่ละภาค ได้แก่โรงพยาบาลขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ โรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี  โรงพยาบาลห้วยยอด จังหวัดตรัง และที่สถาบันการแพทย์แผนไทย  ยศเส  กรุงเทพมหานคร ใช้งบลงทุน 54 ล้านบาท โดยให้กรมสนับสนุนบริการ พัฒนาอาคารสถานที่เครื่องมือ และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น
นายแพทย์อภิชัย  มงคล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  รูปแบบการบริการของอโรคยศาล จะมีโครงสร้างสำคัญ 2 ส่วน คือ การจัดระบบบริการสุขภาพของสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิ  ทั้งสถานที่  เครื่องมือ อุปกรณ์ ทีมสหวิชาชีพ 12 คนทำหน้าที่ดูแลคนไข้เช่น แพทย์  พยาบาล  เจ้าหน้าที่กายภาพบำบัด เจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นักโภชนาการ ผู้ช่วยเหลือดูแลจากชุมชน โดยเชื่อมโยงกับ หมอพื้นบ้าน เพื่อเป็นการสนับสนุนทรัพยากรในชุมชนให้เอื้อต่อการดูแลผู้ป่วยพิการ  ให้สามารถดูแลรักษาตนเองได้อย่างเหมาะสมและลดภาวะแทรกซ้อน   ลักษณะเฉพาะขอ งอโรคยศาล  จะเป็นอาคารชั้นเดียว  ระบบระบายอากาศดี แยกเป็นการเฉพาะออกจากหอผู้ป่วยทั่วไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจาก ผู้ป่วยเรื้อรังจะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ  เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย ภายในอาคารมีทั้งห้องผู้ป่วยรวมและห้องพิเศษ ห้องสันทนาการเพื่อทำกิจกรรม ห้องปฐมพยาบาล ห้องกายภาพบำบัด ห้องศาสนบำบัด คาดว่าจะเริ่มให้การดูแลตั้งแต่เดือนตุลาคม 55 เป็นต้นไป  และประเมินผลในอีก 1 ปี เพื่อดำเนินการต่อในพื้นที่อื่น .

โฆษกกลาโหม" มึนข่าว “บิ๊กโอ๋” สั่งแจงเรื่อง "มาร์ค" เกณฑ์ทหาร


วันนี้ (22 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวว่าภายหลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ทำพิธีต้อนรับนายแอฟตัน บี คาร์เตอร์ รมช.กลาโหมสหรัฐอเมริกาที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมอบหมายให้ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แถลงชี้แจงผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทางกระทรวง กลาโหมที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประธิปัตย์ ที่ใช้เอกสารเท็จในการเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและการ หลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทำให้มีสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมายังบก.ทอ. แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้า-ออก บก.ทบ. แจ้งว่างดไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวภายใน โดยระบุว่าเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไม่สะดวกให้บันทึกภาพทำข่าว เพราะเกรงเรื่องความปลอดภัยและการอารักขา รมช.กลาโหมสหรัฐอเมริกา
ด้านพ.อ.ธนาธิป ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่าพล.อ.อ.สุกำพลมอบหมายให้ชี้แจงรายละเอียดข้อ เท็จจริงการเข้ารับราชการทางทหารของนายอภิสิทธิ์ว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่ทางพล.อ.อ.สุกำพล มอบหมายให้แถลงข่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งน่าจะเป็นการเข้าใจที่คาดเคลื่อนหรือเป็นการประสานงานที่ผิดพลาดมากกว่า แต่ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพล.อ.อ.สุกำพลได้มีการชี้แจงเบื้องต้นใน เรื่องดังกล่าวนี้โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ส่งข้อมูลให้กับทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเรียนร้อยแล้ว
ต่อข้อถามว่านายอภิสิทธิ์ระบุว่าทางกระทรวงกลาโหมออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะต้องการช่วยคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกฟ้องอยู่ในขณะนี้ และอาจจะมีการฟ้องดำเนินคดีกระทรวงกลาโหมด้วย พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่มีผู้ร้องเรียนมายังสำนักงานผู้ ตรวจการแผ่นดิน และทางสำนักงานผู้ตรวจการฯก็ทำหนังสือขอข้อมูลจากกระทรวงกลาโหม ซึ่งตามระเบียบมีระยะเวลากำหนดว่าต้องส่งข้อมูลกลับภายในระยะเวลากี่วันและ ทางกระทรวงกลาโหมก็ได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานผู้ตรวจการฯเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมยืนยันว่าเราดำเนินการตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านพล.อ.อ.สุกำพล รู้สึกไม่พอใจต่อกระแสข่าวดังกล่าว เพราะกังวลว่าจะถูกข้อครหาเป็นการช่วยเหลือ นายจตุพร ที่ถูก นายอภิสิทธิ์  เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง ภายหลังจากที่ นายจตุพร ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ หนีทหาร ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยระบุว่า ว่ามีขบวนการจ้องทำลายตน โดยใช้กรณีดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือ เพื่อต้องการช่วยเหลือนายจตุพร.

นายกฯปู ให้จ่ายเงินน้ำท่วมกรุงตามข้อเท็จจริง



วันนี้ ( 22 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่กทม.ต้องการอำนาจจ่ายเงินเองเหมือนต่างจังหวัดว่า ที่กทม.ขอมาเป็นเงื่อนไขที่ต่างจากระเบียบกระทรวงมหาดไทย ที่ขอจ่ายอัตราเดียวกันทั่วประเทศ มิเช่นนั้นการดูแลพี่น้องประชาชน แต่ละจังหวัดจะไม่เท่าเทียมกัน มีระเบียบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) อยู่แล้ว ระเบียบให้จ่ายตามข้อเท็จจริง กำหนดวงเงินขั้นต่ำไม่ได้ ที่กทม.เสนอให้ขยายเวลายื่นคำร้องก็ได้แต่ไม่ใช่ขยายจนไม่มีขอบเขตจำกัด เพราะเราต้องปิดงบประมาณรายจ่าย ที่ผ่านมารู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ไหนเสียหายก็ต้องลงไปสำรวจ ไม่ใช่รออย่างเดียว ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าท้องถิ่นนั่งเทียนสำรวจความเสียหาย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอยู่มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปตรวจสอบเรื่องการเยียวยาให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมเท่าเทียมกัน

ชี้อีวี 71 โอกาสเข้าสมองเด็กเล็ก 1 ใน 300-500 คน 24 ก.ค.หาข้อสรุป 2 ขวบตายเพราะมือเท้าปาก



เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค กล่าวถึงการประชุมผู้เชี่ยวชาญในวันอังคารที่ 24 ก.ค.เพื่อสรุปกรณีการเสียชีวิตของ ด.ญ.วัย 2 ขวบเศษที่ รพ.นพรัตนราชธานี ซึ่งผลการตรวจพบเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ว่า ในการประชุมวันดังกล่าวประเด็นสำคัญคือ อยากได้ข้อมูลทั้งหมดของเด็กที่เสียชีวิตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น รพ.นพรัตนราชธานี ผลการตรวจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากตนยังไม่มีข้อมูลตรงนี้ หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญก็จะมาลงความเห็นกัน
“ในการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเสียชีวิตจากเชื้ออีวี 71 และเป็นโรคมือเท้าปากจะต้องมีข้อมูลครบถ้วนก่อน เพราะแม้แต่คนที่โดนยิงเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาก็ยังต้องมีกระบวนการสอบสวนและ ตรวจสอบ ให้แน่นอนและแม่นยำ มีหลักฐานอธิบายได้” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ กล่าวและว่ายืนยันว่าไม่มีอะไรต้องปิดบังเพราะหากมีอะไรก็จะให้ข้อมูลสื่อ ทั้งหมด เพื่อให้สามารถถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องต่อไปได้
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการโรคทางสมอง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีตรวจพบเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (อีวี 71 ) ใน ด.ญ.2 ขวบที่เสียชีวิตก็น่าจะเป็นโรคมือเท้าปาก แต่ถ้าจะให้ชัวร์ 100% ต้องนำชิ้นเนื้อสมอง ปอด หรือ หัวใจไปตรวจยืนยัน ส่วนการจะตรวจว่าเป็นอีวี 71 สายพันธุ์บี 5 หรือ ซี 4 ไม่มีความจำเป็นเพราะเป็นการตรวจเชิงระบาดวิทยาเท่านั้น เพื่อดูว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ใด ส่วนความรุนแรงของอีวี 71 ทั้ง 2 สายพันธุ์ไม่แตกต่างกัน  เพราะปัจจัยที่ก่อให้เกิดความรุนแรงมีหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ระบบภูมิคุ้มกัน สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือ กรณีที่มีคนตายมากขึ้นหรืออายุเกิน 14 ปีขึ้นไปมีผู้ป่วยมากขึ้นอย่างไรก็ตามอาการของโรคมือเท้าปากไม่จำเป็นเสมอไป ที่จะต้องมีตุ่มที่มือเท้าปาก อาการที่ปรากฏอาจไม่ครบทั้งหมด
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ  หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์  คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   กล่าวว่า จากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ)ของจุฬาฯ ปีนี้พบการระบาดของโรคมือเท้าปากจากไวรัสคอกซากี่เอ 6  ประมาณ 30% เดิมเชื้อที่ระบาดทุกปีเป็นคอกซากี่เอ 16  แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นคอกซากี่เอ 6 หรือ เอ 16 ก็เป็นไม่มีอาการรุนแรง และไม่เข้าสมอง  ส่วน อีวี 71  ปีนี้พบประมาณ 20 % เป็นสายพันธุ์บี 5 อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็น อีวี 71 บี 5 หรือ อีวี 71 ซี 4 ความรุนแรงเท่ากันหมด โดยโอกาสที่อีวี 71 จะเข้าสมองถ้าเป็นเด็กเล็กมีประมาณ 1 ใน 300-500 คน แต่ถ้าเป็นเด็กโตโอกาสที่อีวี 71 จะเข้าสมองประมาณ 1ในหลายพันคน
“จากการตรวจภูมิต้านทานของคนปกติ พบว่า ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ประมาณ 70 % ไม่มีภูมิต้านทานต่ออีวี 71  แต่ในคนอายุ 12 ปีขึ้นไป 90% มีภูมิต้านทานต่ออีวี 71 ดังนั้นกลุ่มเด็กเล็กจึงมีความเสี่ยง ส่วนผู้ใหญ่นั้นโอกาสจะเกิดโรคน้อยมาก” ศ.นพ.ยง กล่าวและว่า สำหรับอาการผู้ป่วยโรคมือเท้าปากนั้นไม่จำเป็นต้องมีอาการครบทุกอย่าง บางรายอาจจะไม่มีอาการมือเท้าปาก
ศ.นพ.ยง กล่าวถึงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากว่า ตอนนี้อยู่ในระยะเริ่มต้น โดยมีทางไต้หวันเป็นแกนหลักในการพัฒนา โดยทางจุฬาฯได้มีความร่วมมือกับไต้หวัน เนชั่นแนล เชียงกุง ยูนิเวอร์ซิตี้ โดยทุนซาตูเซาท์อีสเอเชียและไต้หวันยูนิเวอร์ซิตี้ฟอร์รั่ม นอกจากนี้ยังมีมาเลเซีย สิงคโปร์ ร่วมด้วย โดยทางจุฬาฯไปศึกษาระบบภูมิคุ้มกันร่วมกับทางไต้หวัน ทั้งนี้โรคมือเท้าปากส่วนใหญ่เป็นปัญหาในประเทศแถบเอเชีย อีวี 71 เริ่มครั้งแรกมีปัญหามากที่สุดมาเลเซีย จากนั้นไต้หวัน และระบาดเกือบทุกปี อย่างไรก็ตามสำหรับการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากในประเทศไทยคงอีกนาน เพราะเงินสนับสนุนการวิจัยน้อยมาก แทบไม่มีเลย 0.2% จีดีพี ถ้าเทียบกับเกาหลี สิงคโปรย์หรือไต้หวันเข้าไปถึง 3 % จีดีพี จะให้เราไปวิจัย ถ้านโยบายยังไม่สนับสนุน
แหล่งข่าวระดับสูงในแวดวงการแพทย์ กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจที่ฝ่ายการเมือง ไม่อยากให้มีผู้ป่วยโรคมือเท้าปากเสียชีวิต แสดงว่าไม่เข้าใจว่าโรคนี้เป็นแล้วโอกาสเสียชีวิตย่อมมี การตายเป็นเหตุสุดวิสัย แต่แนวโน้มตอนนี้ดูเหมือนผู้ที่รับผิดชอบไม่กล้าพูดความจริง ดังนั้นเกรงว่าจะมีปัญหาลูกโซ่ตามมา คือ รพ.อาจจะไม่รายงานตัวเลขผู้ป่วย หรือไม่เก็บตัวอย่างผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงส่งตรวจ เพราะกลัวว่าหากมีเสียชีวิตทางผู้บริหาร รพ.อาจมีปัญหาได้ หรือพอมีผู้ป่วยก็ส่งต่อไป รพ.ใหญ่ ๆ ซึ่งจะทำให้ไม่ทราบสถานการณ์การระบาดที่แท้จริงและไม่รู้ว่ามีการกลายพันธุ์ หรือไม่ ดังนั้นแทนที่กระทรวงสาธารณสุขจะมุ่งไปที่การนำเสนอตัวเลขผู้ป่วยว่ามีกี่คน แต่ควรมุ่งไปที่ผู้ป่วยโรคมือเท้าปากที่มีอาการหนัก ทางสมองหัวใจกล้ามเนื้อและปอดแทน

ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง เยือนไทย "ยิ่งลักษณ์" ถกร่วมพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย-แหลมฉบัง


เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และคณะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ด้วยเที่ยวบินพิเศษ  มีพล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา  รองนายกรัฐมนตรี ต้อนรับ โดยเข้าพักที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล
ต่อมาเวลา 14.15 น. ประธานาธิบดี เต็ง เส่ง  เดินทางไปอาคารศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย และการเชื่อมโยงภายในภูมิภาค โดยเฉพาะการเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกทวายกับพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมทั้งการพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนของไทย จากนั้นเดินทางไปที่หอบังคับการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ชมท่าเรือแหลมฉบัง  นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผอ.การท่าเรือแหลมฉบัง บรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ประธานาธิบดีต็ง เส่ง และ ครม.พม่า เข้ามาเยี่ยมประเทศไทย เพื่อร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมของ 2 ประเทศให้เชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังไปสู่ท่าเรือน้ำลึกทวาย เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการไทยอย่างมาก เช่น การส่งออกสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังไปประเทศอินเดีย ตะวันออกกลาง
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. กล่าวว่า  นายเต็ง เส่ง มีความพอใจในการเยี่ยมชมอย่างมาก คาดว่าจะนำระบบการจัดการต่างๆไปพัฒนาในพม่า เพราะอุตสาหกรรมของพม่าในตอนนี้เป็นสนใจของทั่วโลก โดยเฉพาะท่าเรือพม่าได้เปรียบกว่าท่าเรือแหลมฉบัง เพราะน้ำลึกกว่ารับเรือขนาดใหญ่ได้
งวีไอพี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสหภาพเมียนม่าร์ ว่า จะหาเรื่องข้อหาราชการโดยเฉพาะความร่วมมือการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายและต่อ ขยายไปถึงแหลมฉบัง ส่วนเรื่องการขอความช่วยเหลือให้ทางพม่าปล่อยตัว92คนไทยที่ถูกจับกุมนั้น การดูแลให้ความช่วยเหลือดังกล่าวได้ขอไปยังประธานาธิบดีพม่าไปแล้วก่อนหน้า นี้ ซึ่งการช่วยเหลืออยู่บนหลักการด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้นำพม่ารับปากจะดูแลคนไทยเต็มที่
อนึ่ง ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง จะปฏิบัติภารกิจในประเทศไทยจนถึงวันที่ 24 ก.ค. โดยวันที่ 23 ก.ค.  ช่วงเช้าประธานาธิบดีเมียนมาร์ มีกำหนดการเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลโดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้นำเหล่าทัพให้การต้อนรับ และทำพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างไทยกับเมียนมาร์ และประเด็นสำคัญอื่นๆ กับนายกรัฐมนตรีสำหรับการเดินทางมาของนายเต็ง เส่ง เป็นการเชื้อเชิญจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เข้าร่วมประชุม ครม. ร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศในวันที่ 23 ก.ค. นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี รมต.กระทรวงใหญ่ของพม่าเดินทางเข้าร่วมประชุมกว่า 10 กระทรวง เช่น กระทรวงคมนาคม, พาณิชย์, แรงงาน, ต่างประเทศ, พลังงาน เป็นต้น หลังจากนั้น ครม.จะเดินทางไปร่วมประชุมกับพม่าในครั้งต่อไปเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความ คิดเห็น และเดินทางกลับที่พัก จนกระทั้ง ในเวลา 18.30 น. จะเดินทางกลับมายังทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ณ ตึกสันติไมตรี

ส่วนวันที่ 24 ก.ค.เวลา 08.00 น. ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง จะเดินทางไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลา 09.00 น. เดินทางไปเยี่ยมชมบริษัทข้าวซีพี จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา และเวลา 16.00 น. ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง จะเดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ และคณะร่วมพิธีส่งประธานาธิบดีเดินทางกลับเมียนมาร์

ระบุ“พท.”เสนอร่างแก้ไขรธน.รายมาตราได้


วันนี้ (21 ก.ค.) นายพิทูร พุ่มหิรัญ  เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทย เตรียมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้น  ว่าสามารถทำได้ ตราบใดที่รัฐธรรมนูญมาตรา 291 ยังไม่ได้รับการลงมติในวาระ 3  และเมื่อมีผู้เสนอญัตติ จะพิจารณาไปตามขั้นตอนตามปกติ เมื่อไม่มีบทบัญญัติใดที่ขัดกับกฎหมายจะเข้าสู่การพิจารณาให้บรรจุในระเบียบ วาระต่อไป ส่วนการทำงานของคณะทำงานด้านกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับมอบหมายให้ ศึกษาในรายละเอียดและแนวทางการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 นั้น ในขณะนี้ยังไม่ได้สรุปในประเด็นใด เพราะต้องรอคำวินิจฉัยกลาง และคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน
ส่วนประเด็นที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่าคำวินิจฉัยกลางที่รอการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษานั้น เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่มีประเด็นสำคัญใดที่เปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยที่ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นตนมองว่าเป็นการอ่านคำวินิจฉัยในหลายประเด็นและเป็นไปไม่ได้ว่าจะ จับประเด็นในสาระสำคัญได้ทั้งหมด ดังนั้นกระบวนการใดๆ ของรัฐสภาที่จะดำเนินการเกี่ยวกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอพิจารณาในรายละเอียดของคำวินิจฉัยกลางอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.

"ปู" เผยฝรั่งเศสหนุนรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง


เมื่อวันที่ 21 ก.ค.  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผลการเดินทางเยือนสาธาณรัฐฝรั่งเศส อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ค. ว่า เป็นการเดินทางครั้งแรกหลังจากไม่มีนายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางมาเยือน ฝรั่งเศสกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งจากการหารือ ฝรั่งเศสยินดีทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในฐานะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใน ระบอบประชาธิปไตย โดยสิ่งที่ฝรั่งเศสให้ความสำคัญคือการดูแลประชาชนและการให้ความคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันที่จะจัดประชุมความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุน โดยไทยเป็นเจ้าภาพที่ประเทศไทยในเดือนต.ค.นี้ เพื่อสานต่อการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษาในระดับระดับอาชีวะศึกษา การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ การตรวจสภาพภูมิอากาศและอากาศยาน รวมถึงความร่วมมือศึกษาการพัฒนาแฟชั่นด้วยผ้าไทย และการพัฒนาด้านอัญมณี ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยเนื่องจากประเทศไทยมีแรงงานฝีมือและอัญมณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงการได้พบกับแรงงานไทยในฝรั่งเศสด้วยโดยยืนยันว่า ไม่ว่าคนไทยจะอยู่ที่ใด รัฐบาลพร้อมเข้าไปดูแลเพื่อให้ดำรงชีพได้อย่างสมศักดิ์ศรีและช่วยแก้ปัญหา ที่คนไทยต้องเผชิญในต่างประเทศ.

"เพื่อไทย" ปัดแก้ ม.165 ซัด "มาร์ค" จินตนาการ หวังทำลายรัฐบาล




เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ ( 22 ก.ค.)  ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาให้ข่าวว่าทางพรรคเพื่อไทยจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.165 เพื่อลดสัดส่วนของผู้ไปใช้สิทธิประชามติว่า ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคยังไม่เคยมีการหารือใน เรื่องนี้ การออกมาให้ข่าวดังกล่าวเป็นเพียงเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทางพรรคเพื่อไทยได้แถลงไว้แล้วว่า การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจะมีการมาหารืออีกครั้งหลังจากมีคำวินิจฉัยกลางของ ศาลรัฐธรรมนูญออกมา ซึ่งคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 26 ก.ค. หรือไม่เกิน 27 ก.ค. หลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะมีการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์ แกนนำพรรค และฝ่ายกฎหมายเพื่อกำหนดท่าที และหลังจากนั้นจะแถลงท่าทีว่าจะเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนให้ ประชาชนทราบอีกครั้ง โดยการแก้ ม.165 เป็นความเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่มีแกนนำ หรือกรรมการยุทธศาสตร์เข้าไปให้ฉันทานุมัติในเรื่องดังกล่าว และการแก้ ม.165 เพื่อลดสัดส่วนประชาชนที่ลงประชามติ ทางพรรคก็ไม่เห็นด้วย ขอให้พรรคฝ่ายค้านอย่าจินตนาการเรื่องนี้ไปเอง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ ออกมาขวางการแก้ไข ม. 309 เพราะให้เหตุผลว่าจะเป็นไปเพื่อการล้างผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตนคิดว่าเป็นการจินตนาการไปเอง เป็นการพูดเพื่อทำลายรัฐบาลทุกวิถีทาง ตนอยากให้ประชาชนเห็นธาตุแท้ของนายอภิสิทธิ์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาขัดขวางการแก้ไข ม.309 เห็นได้ว่าไม่เคารพความเห็นของประชาชน ไม่เคารพประชาธิปไตย แต่กลับไปรับรองและเห็นชอบรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหาร ประชาชนก็สะท้อนความคิดเห็นมาว่าผิดหวังกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่มีแนวคิดประชาธิปไตย ไม่มองเห็นหัวประชาชน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ พูดว่าการแก้ไขม.309 จะเป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ความเห็นตนมองว่าถ้ามีการแก้ไขมาตรานี้ในอนาคตก็จะทำให้เป็นประชาธิปไตยที่ ไม่มีร่างเงาของคณะรัฐประหารที่มาบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐธรรมนูญใหม่เป็นนิติรัฐมากขึ้น

   

“กมล” ยันเอกสารผ่อนผันทหาร “มาร์ค”ของปลอม



เมื่อเวลา 09.50 น. วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย  นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุการตรวจสอบเรื่องการหนีทหารและใช้เอกสารเท็จในการสมัครเข้ารับราชการ เป็นการกล่าวหาเรื่องเดิมๆว่า  ยืนยันว่า เป็นการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่กล่าวหาเรื่องเดิมๆ การที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า มีเอกสารการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารนั้น ขอยืนยันว่า เป็นเอกสารเท็จ เพราะเอกสารดังกล่าวที่นายอภิสิทธิ์นำมาแสดงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปี 2553 เป็นเอกสารลอยๆ ใครๆทำขึ้นมาก็ได้ ไม่มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองในสำเนา ที่สำคัญเอกสารที่อ้างไม่เคยมีอยู่ในหลักฐานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน ที่มีเจ้ากรมจเรทหารบกเป็นประธาน เมื่อปี 2542 เมื่อนายอภิสิทธิ์ชี้แจงเสร็จก็ไม่กล้ามอบเอกสารชิ้นนี้ให้แก่ประธานสภาผู้ แทนราษฎรในขณะนั้น ขอท้าให้นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ หรือใครก็ได้ หาหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารมาแสดงให้ได้ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่เซ็นรับรองมาด้วย ถ้าหาได้จะกราบงามๆ 3 ที  มั่นใจว่า ไม่มีใครกล้ารับรองเพราะเป็นเอกสารเท็จ กระทรวงกลาโหมก็รู้ และตนยังรู้ว่า มีพล.อ.คนหนึ่งที่เกษียณอายุไปแล้ว ร่วมมือกับนายทหารระดับ พ.อ. รวม 6 คน ร่วมกันทำเอกสารนี้ขึ้นมา 

นายกมลกล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์นำเอกสารการได้รับการผ่อนผันไปแสดงต่อศาล แสดงว่า เป็นการใช้เอกสารเท็จในชั้นศาล มีโทษจำคุก 3 ปี หรือ ปรับ 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ไม่รู้ว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง จะฟ้องในข้อหานี้ด้วยหรือไม่ เพราะพิสูจน์ได้ว่า เป็นเอกสารเท็จแน่นอน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ตนไม่กล้านำเอกสารการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์มาแสดงในชั้นศาล นั้น สาเหตุที่ไม่ยื่นเพราะเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารเท็จ  ตนใช้เวลา 12 ปีหาหลักฐานต่างๆ มั่นใจว่า ไม่มีเอกสารเรื่องการผ่อนผันแน่นอน  กว่าจะได้หลักฐานมาเป็นเรื่องยากมาก คงไม่กล้าใช้เอกสารเท็จมาใช้ เหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายเรื่องบิดาของนายบรรหาร ศิลปอาชา  ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อย่างแน่นอน.

   

2คนร้ายอุกอาจบุกปล้นศูนย์เก็บเงิน”แซมโก้”กรุงเก่า


เมื่อเวลา 19.30 น. วันนี้ (22 ก.ค.) พ.ต.ท.โกศล ภาคาหาญ สว.เวร สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีคนร้ายปล้นรถเงินภายในศูนย์รักษาความปลอดภัย แซมโก้ บริษัทสยามแอทมินนิส เทรทีฟ แมเนจเม้นท์ เลขที่ 139/4-5 หมู่ 3 ต.ไผ่ลิง บริเวณใกล้กับสี่แยกวงเวียนเจดีย์สามปลื้ม ห้างจากป้อมตำรวจ 300 เมตร รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นอาคารพานิชย์ 3 ชั้นเป็นแถวยาวหลายห้องติดกัน ห้องที่เกิดเหตุมีสองคูหา พบว่าด้านในมีการปิดกั้นด้วยลูกกรงเหล็กอย่างแข็งแรง มีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยคอมพิวเตอร์ ส่วนด้านนอกมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด พบพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทจำนวน 3 คนกำลังยืนอยู่ด้วยอาการตกใจ และพบว่าด้านหน้าศูนย์ฯมีปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 6 ปลอก
จากการสอบสวน นายชูชาติ รุ่งสว่าง อายุ 42 ปี พนักงานศูนย์ฯให้การว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังรอรับรถขนเงินที่จะเข้ามา โดยมีรปภ.อีก 2 นายอยู่ดูแล จากนั้นรถขนเงินที่ไปรับเงินจากห้างโลตัสโดยภายในรถมีเงินกว่า 10 ล้าน กำลังจะถอยเข้ามาจอดในอาคาร ปรากฏว่ามีคนร้ายสวม หมวกกันน็อก สวมเสื้อคลุมแจ๊กเก็ตสีดำ เปิดประตูของศูนย์เดินเข้ามาจ่อยิงที่รถหลายนัด คนขับซึ่งยังไม่ได้ลงจากรถเลยตัดสินใจเหยียบคันเร่งออกจากบริษัทอย่างรวด เร็ว ระหว่างนั้นมีรถขนเงินอีกคันซึ่งในรถมีเงินสดกว่า 10 ล้านเช่นกันกำลังจะเข้ามาในบริษัท คนร้ายเลยยิงใส่รถเพื่อขู่ให้คนขับตกใจวิ่งหนี แต่โชเฟอร์ตั้งสติดีรีบขับรถหลบหนีไปได้หวุดหวิด คนร้ายเห็นท่าไม่ดีเลยรีบหลบหนีไปโดยไม่ได้เงินสักบาทเดียว ต่อ มาตำรวจพบเสื้อคลุมกับหมวกกันน็อกของคนร้ายทิ้งไว้ริมถนน ขณะที่พยานคนหนึ่งระบุว่า เห็นชาย 2 คนวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ก่อนขึ้นเก๋งสีดำไม่ทราบทะเบียนหลบหนีไป จากนั้นจน ท.ได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เชื่อว่าคนร้ายมีการวางแผนมาอย่างดี และรู้ว่ารถจะต้องเข้ามาจอดขนถ่ายเงินที่ศูนย์แห่งนี้ โดยคนหนึ่งบุกเข้าไปใช้อาวุธปืนยิง โดยมีอีกคนยืมคุมเชิงอยู่ข้างตึก แต่คนร้ายรีบร้อนจึงไม่สามารถนำเงินไปได้ ซึ่งจนท.จะได้ติดตามคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป. 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources