วงการสงฆ์เศร้าพระธรรมทูตไทย 3 รูป เกิดอุบัติเหตุในยูเค

พระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนถึงแก่มรณภาพพร้อมกัน 3 รูป สร้างความสลดใจแก่พุทธศาสนิกชนชาวพุทธทั้งที่เมืองไทยและต่างประเทศ เร่งหารือหาข้อสรุปจัดพิธีศพจะจัดที่สหราชอาณาจักร หรือรับกลับไทย

วันนี้ (26 ธ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 24 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นในสหราชอาณาจักร ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันจนพลิกคว่ำบนถนนสาย A68 ทางภาคตะวันออกของประเทศสกอตแลนด์ ก่อนถึงกรุงเอดินบะระ เขตมิดโลเธียน เป็นเหตุให้พระธรรมทูตไทย 3 รูป คือ พระมหาประนอม ธมฺมวิริโย   อายุ 44 ปี เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธาราม เมืองอเบอร์ดีน ประเทศสกอตแลนด์    และ พระมหาเกรียงไกร นิรุตฺติเมธี อายุ 34 ปี พระธรรมทูตวัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน และพระมหาชัย สุตเมธี อายุ 36 ปีสังกัดเดิมวัดพระงาม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตที่วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ตั้งแต่ ปี 2547 ทั้งหมดเป็นพระธรรมทูตสายประเทศอังกฤษถึงแก่มรณภาพ ณ สถานที่เกิดเหตุ ส่วนสุภาพสตรีที่เป็นคนขับและฆราวาสผู้ชายที่นั่งมาด้วยรอดชีวิต
โดยเหตุการณ์ดังกล่าว พระพรหมสิทธิ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 10 ในฐานะหัวหน้าพระธรรมทูตสาย 6 เปิดเผยว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช  ในฐานะแม่กองงานพระธรรมทูตมอบหมายให้ดูแลพระธรรมทูตในประเทศแถบยุโรปทั้งหมด เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย จึงถือว่าพระธรรมทูตทั้ง 3 รูป เสียสละอย่างมาก ต้องขอชื่นชม จากการสอบถามไปยังที่วัดพุทธปทีป ที่กรุงลอนดอน ถึงความคืบหน้าการจัดการเรื่องศพนั้น ตอนนี้ต้องรอผลการหารือกับทางญาติของพระแต่ละรูป ตอนนี้มีอยู่ 2 แนวทาง คือการจัดพิธีศพ อาจจะจัดขึ้นที่ต่างประเทศหรือว่าจะนำศพกลับมาทำพิธีที่ประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ทางวัดพุทธปทีป ได้ประสานกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอนไว้เบื้องต้นแล้ว หากท้ายที่สุดเห็นตรงกันว่าจะนำศพกลับมาประเทศก็พร้อมดำเนินการทันที เนื่องจากขณะนี้กระบวนการชันสูตรศพได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันนท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตอนนี้พระพรหมสิทธิ ในฐานะกำกับดูแลพระธรรมทูตทั้ง 3 รูป กำลังเร่งประสานกับญาติอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ซึ่งหากเห็นว่าต้องนำศพกลับเมืองไทยอาจจะต้องใช้เวลานาน เนื่องจากช่วงนี้เป็นวันหยุดเทศกาลปีใหม่และมีขั้นตอนต้องปฏิบัติตามระเบียบ ของกฎหมายของทั้งสองประเทศ แต่ก็พร้อมดำเนินการ  ส่วนเรื่องเงินช่วยเหลือครอบครัวและค่าใช้จ่ายต่างๆนั้นยังต้องหารือกัน อีกว่าจะดำเนินการส่วนใดได้บ้าง
ขณะเดียวกัน วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง พระธรรมทูตมรณภาพจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในสหราชอาณาจักร ฉบับ ที่ 1 ระบุว่า พระธรรมทูตที่มรณภาพจากอุบัติเหตุครั้งนี้ คือ
1.พระมหาประนอม ธมฺมวิริโย อายุ 43 ปี สังกัดเดิมวัดเที่ยงพิมลมุข จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระธรรมทูตมาปฏิบัติศาสนกิจที่วัดมหาธาตุ คิงส์บรอมลี่ตั้งแต่ปี 2550 ต่อมาปี 2554 ชุมชนชาวไทยในเมืองอเบอร์ดีน ประเทศสกอตแลนด์ ได้อาราธนาให้ไปเป็นประธานสงฆ์ที่วัดไทยพุทธาราม เมืองอเบอร์ดีน
2.พระมหาชัย สุตเมธี อายุ 34 ปี สังกัดเดิมวัดพระงาม จ.นครปฐม มาปฏิบัติหน้าที่เป็นพระธรรมทูตที่วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอนตั้งแต่ปี 2547
3.พระมหาเกรียงไกร นิรุตฺติเมธี อายุ 34 ปี  สังกัดเดิมวัดพระงาม จ.นครปฐม มาปฏิบัติศาสนกิจเป็นพระธรรมทูตชั่วคราว  6 เดือนที่วัดสังฆปทีป แคว้นเวลส์ และมีกำหนดที่จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 5 ม.ค. 2556 ทั้งนี้ในส่วนพิธีศพนั้นคณะสงฆ์วัดพุทธปทีป และองค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร จะเคลื่อนย้ายศพทั้ง 3 รูป กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลและสวดอภิธรรมที่วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายศพกลับประเทศไทยต่อไป
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า การสูญเสียพระธรรมทูตไทยพร้อมกัน 3 รูปจากอุบัติเหตุครั้งนี้ นับว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่พระธรรมทูตไทยได้เดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจที่สหราชอาณาจักรตลอด ระยะเวลากว่า 45 ปี วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน องค์กรพระธรรมทูตไทยในสหราชอาณาจักร และชุมชนชาวไทย ขอแสดงความไว้อาลัย.

This entry was posted in News

Read More

สื่อทำเนียบฯตั้งชื่อรัฐบาล“พี่คนแรก”นายกฯ"ปูกรรเชียง"

สื่อทำเนียบฯ ให้ฉายารัฐบาล “พี่คนแรก” วาทะแห่งปี “คำว่าลอยตัวนั้นไม่ต่างกับคำว่าไม่รับผิดชอบ” ส่วนนายกฯ เป็นได้แค่ “ปูกรรเชียง” ด้าน “เหลิม” เป็น “กันชนตระกูลชิน”

วันนี้ (26 ธ.ค.) สื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาล ให้ฉายารัฐบาลประจำปี 2555 โดยฉายารัฐบาลประจำปีนี้ คือ “พี่คนแรก”  ความหมายเป็นการล้อคำมาจากนโยบายที่ขึ้นชื่อของรัฐบาล เช่น รถคันแรก บ้านหลังแรก แต่ด้วยความที่รัฐบาลต้องทำงานบริหารประเทศ โดยมีเงาของพี่ชาย พี่สาว พาดผ่านเข้ามา รวมไปถึงปัญหาต่าง ๆ ก็มาจากเรื่องของพี่ ทั้งปัญหาของบ้านเมือง ข้าวของแพง ปัญหาปากท้องของชาวบ้าน ข้อครหาทุจริตไม่ได้รับการแก้ไข หรือชี้แจงอย่างชัดเจน เรียกได้ว่า เอะอะอะไรก็พี่ เรื่องของพี่ต้องมาก่อน ต้องมาเป็นอับดับแรก
ส่วนวาทะแห่งปี คือ  “ คำว่าลอยตัวนั้นต่างกับคำว่าไม่รับผิดชอบ” เป็นคำพูดของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 พ.ย.55 ที่ได้กล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ หลังถูกกล่าวหาเรื่องการขาดความรับผิดชอบ ลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ชี้แจงประเด็นที่ถูกกล่าวหา โดยเฉพาะเรื่องนโยบายรับจำนำข้าว โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่ถูกตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใส และ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง
ขณะที่ฉายา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปีนี้ ได้แก่   “ ปูกรรเชียง ” ล้อมาจากชื่อเล่นของนายกรัฐมนตรี คือ “ปู”  ลักษณะของปู คือ เดินเซไปเซมา ไม่ตรงทาง อีกทั้งในการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีที่ต้องแบกภาระ และใบสั่งจากพี่ชายชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร และ พี่สาว (เจ๊ ด.)   แม้แต่คนรอบข้างก็คอยลากไปลากมา ทำงานไม่เห็นผลงานที่เป็นรูปธรรม ได้แต่เดินโชว์ไปโชว์มา เมื่อมีปัญหาทางการเมือง ก็มักจะตีกรรเชียง ลอยตัวหนีปัญหา
ฉายาของรัฐมนตรีอีก 9 คนที่เหลือ ได้แก่ 1. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา “กันชนตระกูลชิน” ความหมาย คือ เป็นบอดี้การ์ดคอยปกป้องนายกรัฐมนตรี และ นายใหญ่ โดยเฉพาะคนตระกูลชินวัตร  ทุกรูปแบบทั้งงานในสภา และ ม๊อบต้านรัฐบาล เดินหน้าท้าชนทุกเรื่อง แต่กลัวการลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้   ผลงานโดดเด่น คือการปราบปรามยาเสพติด
2. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้ฉายา “ลูกไก่ไวท์ไล” ความหมาย คือ เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลงานด้านเศรษฐกิจของประเทศ  แต่กลับดิสเครดิตตัวเองจากกรณีโกหกสีขาว  คือ การตั้งเป้าทางเศรษฐกิจเกินจริง จนถึงถูกตราหน้าว่า ขี้โกหก เหมือนเด็กเลี้ยงแกะส่วนคำว่าลูกไก่ ล้อจากชื่อเล่น “โต้ง” แต่เนื่องจากผลงาน และประสบการณ์ทางการเมืองยังไม่เด่นชัด และเก่งกาจตามที่ถูกคาดหวัง จึงเป็นได้เพียงลูกไก่ ไม่ใช่ไก่โต้ง
3. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้ฉายา “ตามล่าหน้าหล่อ” ความหมาย คือมีตำแหน่งใหญ่โตแต่กลับไม่มีผลงานโดดเด่นด้านความมั่นคง ผลงานเป็นที่ประจักษ์เพียงอย่างเดียว คือ การไล่ล่า อดีตนายกรัฐมนตรีหน้าหล่อ ที่ชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อถอดยศในกรณีหนีการเกณฑ์ทหาร  นอกจากนี้ ยังถูกหลาน “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สั่งสอน ข่าวลอบทำร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งๆที่ นายพานทองแท้ เป็นเพียงเด็ก ที่ผ่านการเรียน ร.ด.มาเท่านั้น แต่สามารถสั่งสอนคนระดับนายพลได้
4. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ได้ฉายา “ไพร่เทียม” ความหมาย คือเป็นโควต้าหนึ่งเดียวของ นปช. คนเสื้อแดง ที่ได้เป็น รัฐมนตรี แม้ในการปรับ ครม.ล่าสุด ก็ยังคงเป็นได้เป็นรัฐมนตรี ส่งผลให้ นายจตุพร พรหมพันธ์ 1 ในแกนนำ นปช. ที่ได้รับการคาดหมาย จะได้รับตำแหน่งต้องพลาดหวัง  ขณะที่ผลงานไม่เด่นชัด มีชัดเจนเพียงการพูดเก่ง ดีแต่ปาก ขณะที่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรี กลับใช้ชีวิตและการทำงาน ลักษณะอำมาตย์ ไม่ต่างจากคำว่าไพร่เทียม 
5.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์  ได้ฉายา “บุญทรุด” ความหมายคือเป็นรัฐมนตรีที่รับผิดชอบนโยบายหลักของรัฐบาล ทั้งนโยบายรับจำนำข้าว การแก้ปัญหา สินค้า ราคาแพง แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่สามารถแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะเรื่องการรับจำนำข้าว แทนที่จะเป็นผลงาน กลับกลายเป็นจุดอ่อน ให้ถูกโจมตี ข้อกล่าวหาต่าง ๆไม่สามารถชี้แจงได้ อาทิ สัญญาซื้อขายข้าว แบบ จีทูจี ขณะเดียวกันกลับถูกมองว่า ที่ยังสามารถเป็นรัฐมนตรีอยู่ได้เพราะเป็นเด็กเจ๊ ด.
6. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   ได้ฉายา “ด.ดันดี” ความหมาย คือเป็นเด็กเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผลงานไม่เป็นที่ปรากฎ แต่ไม่เคยถูกปรับออกจาก ครม.  ยึดเก้าอี้ได้เหนียวแน่น แถมล่าสุด ยังไต่ระดับ ขึ้นมาเป็น รัฐมนตรีว่าการเลยทีเดียว เชื่อว่ามีแรงดันดีจากเจ๊ ด.อีกคน
7. นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม  ได้ฉายา “โฟร์แมนสแตนด์บาย” ความหมาย คือเป็นรัฐมนตรีน้องใหม่ และเป็นที่คาดหวังของรัฐมนตรีน้ำดี ซึ่งถูกมอบหมายให้ทำงานสารพัด  ไฟแรง เป็นคนเก่ง ประกาศไม่ขอยุ่งการเมือง เร่งผลักดันงานด้านคมนาคม รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าต่างๆ  เป็นคนที่มีหุ่นล่ำทรมานใจสาวๆ
8. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา “ปั้นน้ำเป็นทุน” ความหมาย คือมีผลงานโดดเด่น คือรับผิดชอบการแก้ปัญหาน้ำท่วม และเนื่องจากปีนี้น้ำไม่ท่วม  แต่กลับมั่นใจว่าเป็นฝีมือของตนเอง จึงคุยโม้ และ แอคอ๊าท โดยเฉพาะเมื่อได้รับการเลื่อนขั้นจากรัฐมนตรี ขึ้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่ได้ดูแลโปรเจ็คน้ำมูลค่ากว่า 3.5 แสนล้าน
และ 9. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ได้ฉายา “สิงห์สำรอง” สิงห์คือสัญลักษณ์ของกระทรวงมหาดไทย  แต่เส้นทางการเข้ามาทำหน้าที่ของนายจารุพงษ์ ทั้งตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถูกมองว่า เป็นเพียงหุ่นเชิด ไม่ใช่ตัวจริง อีกทั้งเป็นการเดินตามรอยนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีต รมว.มหาดไทย ที่เจอวิกฤติการเมืองจนต้องลาออกไป จึงถูกมองว่าเป็นได้เพียงสิงห์สำรองเท่านั้น.

This entry was posted in News

Read More

อาเบะนั่งเก้าอี้นายกฯญี่ปุ่นตามคาด

นายชินโสะ อาเบะ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ หลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ

วันนี้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นลงมติเห็นชอบให้นายชินโสะ อาเบะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนใหม่ ซึ่งเป็นสมัยที่ 2 ของเขาแล้ว หลังกวาดชัยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายด้วยนโยบายสายเหยี่ยวที่จะใช้การ ทูตแบบแข็งกร้าว ไปพร้อมกับการแก้ไขเศรษฐกิจ โดยสภาผู้แทนราษฎร สภาล่างที่ทรงอำนาจของญี่ปุ่นเสนอชื่อนายอาเบะ วัย 58 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศ หลังนำพาพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี ชนะเลือกตั้งเหนือพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น หรือดีพีเจ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
นายบันเมอิ อิบูกิ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวหลังการลงคะแนนหนุนนายอาเบะด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 328 เสียง และเลือกนายบันรี ไคเอดะ ผู้นำคนใหม่ของพรรคดีพีเจ เพียง 57 เสียง ว่า สภาแห่งนี้ตัดสินใจเสนอชื่อนายชินโซ อาเบะเป็นนายกรัฐมนตรี


นายอาเบะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ของญี่ปุ่น ในระยะเวลาไม่ถึง 7 ปี โดยเขาเข้ามารับหน้าที่แทนนายโยชิฮิโกะ โนดะ จากพรรคดีพีเจ ซึ่งก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 2552 แต่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาอย่างหมดรูป คณะรัฐมนตรีของโนดะได้ลาออกยกชุดในเช้าวันพุธ ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะเสนอชื่อนายอาเบะเป็นผู้นำคนต่อไป ตามคาด
นายอาเบะ เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2549-2550 คาดว่าจะตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทันทีในวันพุธ (26 ธ.ค.) เพื่อเร่งร่างงบประมาณเพิ่มเติมกระตุ้นเศรษฐกิจ สื่อญี่ปุ่นคาดว่า นายอาเบะจะแต่งตั้งคนสนิทและสมาชิกอาวุโสของพรรคนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีสำคัญ เช่น นายทาโร อาโสะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง นายฟูมิโอะ คิชิดะ อดีตรัฐมนตรีกิจการโอกินาวาและดินแดนตอนเหนือของญี่ปุ่นเป็นรัฐมนตรีต่าง ประเทศ นายอิสึโนริ โอโนเดะรา อดีตรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศเป็นรัฐมนตรีกลาโหม
นายอาเบะให้สัญญาว่าจะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินอย่างแข็งกร้าว และเพิ่มค่าใช้จ่ายภาครัฐ ที่มีภาระหนี้สินอยู่ เพื่อขจัดปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และทำให้เงินเยนอ่อนลง เพื่อการส่งออกของญี่ปุ่นจะได้มีการแข่งขันมากขึ้น

This entry was posted in News

Read More

ฮือฮาพบเสือโค่ง14ตัวจากห้วยขาแข้งหาบ้านใหม่

กรมอุทยานฯ ปลื้มปี 55 พบเสือโคร่งป่าแม่วงก์ 10 ตัว คลองลานอีก 4 ตัว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอมาก่อน คาดล้นจากห้วยขาแข้งที่มีอยู่ 90 ตัวออกมาหาบ้านใหม่

วันนี้ (26 ธ.ค.) นายศักดิ์สิทธิ์ ซิ้มเจริญ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 จ.นครสวรรค์ และผู้เชี่ยวชาญเรื่องเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เสือโคร่งในป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ปี 2555 ถือว่า ค่อนข้างดีมาก ภายใต้พื้นที่ประมาณ 1.7 ล้านไร่ของผืนป่าที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศ พบเสือโคร่งตัวเต็มวัยประมาณ 70 ตัว ในจำนวนนี้เป็นเสือแม่ลูกอ่อน มีลูกเล็กๆอีก 5-6 ตัว เสือแม่ลูกอ่อนแต่ละตัวมีลูกประมาณ 2-4 ตัว คาดว่า ป่าห้วยขาแข้งน่าจะมีเสือโคร่งอยู่ราว 85-90 ตัว เป็นอย่างน้อย โดยเฉลี่ยแล้ว พบว่า ภายใต้พื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตรนั้น จะมีเสือโคร่งหากินอยู่ประมาณ 2.4 ตัว
ก่อนหน้านี้ คาดว่าน่าจะมีมากกว่านี้ แต่เนื่องจากเสือแต่ละตัว มีอาณาเขตหากินค่อนข้างกว้าง คือ ตัวผู้จะใช้พื้นที่ประมาณ 200-300 ตารางกิโลเมตร ตัวเมียประมาณ 60-80 ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุด ไม่แคบ และไม่หลวมจนเกินไป แต่จากการสำรวจพื้นที่ป่าโดยรอบห้วยขาแข้ง คือ ที่บริเวณอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และอุทยานแห่งชาติคลองลาน พบว่าทั้ง 2 พื้นที่ เราไม่เคยสำรวจพบเสือเลย ตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ปีนี้เราถ่ายรูปเสือโคร่งตัวเต็มวัยได้มากถึง 10 ตัว ที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และที่อุทยานแห่งชาติคลองลานได้อีก 3-4 ตัว เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวต่อว่า คาดการว่า สาเหตุที่พบเสือในอุทยานแห่งชาติ ที่อยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ทั้งที่ไม่เคยเจอมาก่อนนั้น เป็นเพราะเสือที่เคยอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าห้วยขาแข้งเริ่มล้นพื้นที่หากิน เพราะธรรมชาติของเสือโคร่งแล้วจะไม่หากินทับพื้นที่ซึ่งกันและกัน หากทับพื้นที่กัน ตัวใดตัวหนึ่ง จะหลีกออกไปหาพื้นที่ของตัวเอง โดยพื้นที่ใหม่ที่เข้าไปอยู่นั้น ต้องเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีเหยื่อให้กินอย่างเพียงพอ แสดงว่าทั้งคลองลานและป่าแม่วงก์นั้นอุดมสมบูรณ์พอที่จะทำให้เสือขนาดใหญ่ อย่างเสือโคร่งอยู่ได้
“ในบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดนั้น ไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์เรื่องเสือมากที่สุด คือ อุดมสมบูรณ์ทั้งในแง่ของที่อยู่อาศัย และเหยื่อ ซึ่งทำให้เสือสามารถมีชีวิตได้อย่างมีความสุข ความจริงแล้ว เสือโคร่งจะอยู่ในพื้นที่ป่าที่เป็นป่าแบบทุ่งราบ มีแหล่งน้ำ ซึ่งป่าอนุรักษ์ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นป่าอนุรักษ์ที่เป็นภูเขาและเป็น เนินเขา ต่างกับที่อินเดียและรัสเซีย ที่พื้นที่ป่าอนุรักษ์จะเป็นที่ราบและมีแหล่งน้ำเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เสือกระจายพันธุ์มากกว่าในไทย”นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อเพิ่มเสือในป่าอนุรักษ์ให้มากขึ้นกว่านี้ นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า เสือจะอยู่ไม่ได้หากไม่มีเหยื่อ และไม่มีพื้นที่หากิน ซึ่งวันนี้ ถือเป็นโชคดีของเสือในป่าอนุรักษ์ในไทย ค่อนข้างจะอยู่ดีและอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ไม่สามารถวางใจได้เต็มร้อย เพราะมูลค่าทางเศรษฐกิจของเสือนั้นสูงมาก มีคนอยากได้ไปครอบครองมาก มีความพยายามที่จะล่าเสือในป่าตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ก็เห็นบ้างในป่าห้วยขาแข็ง ที่พรานป่าพยายามจะเข้าไปล่า วางยาเบื่อ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนแบบเข้มข้นขึ้น ก็พบน้อยลง แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถวางใจได้.

This entry was posted in News

Read More