วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“บิ๊กอ๊อด"แฉคาร์บอมบ์ที่ปัตตานีฝีมือเครือข่ายเดิม“ธรรมาวิทยามูลนิธิ-วัฒนธรรมอิสลาม”


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ขอให้ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนจากข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีไม่พอใจ การจัดทำแผนงานของศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์ การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ซึ่งที่จริงแล้ว นายกรัฐมนตรีบอกว่า แผนการปฏิบัติที่ถูกส่งมานั้น เป็นแผนปฏิบัติงานปกติของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 17 กระทรวง แต่ไม่ใช่แผนแก้ไขปัญหา จึงขอให้กลับไปปรับปรุงเป็นแผนยุทธศาสตร์ร่วมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงต้องมีการจัดลำดับความเร่งด่วนของแผนแต่ละกระทรวง ตรงกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วส่งไปยังกปต.หรือเลขาธิการสม ช.เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรี สำหรับโครงสร้างระบบการทำงานของศปก.กปต.ได้ถูกจัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการปรับการทำงานที่ไม่มีความซ้ำซ้อน แต่มีการประสานการทำงานและตอบสนองต่อปัญหาลักษณะวันต่อวัน เน้นงานด้านการข่าวที่เป็นเอกภาพ ทั้งนี้ตนจะลงนามในเย็นวันเดียวกันนี้(17 ส.ค.) แล้วเสนอต่อนายกรัฐมนตรีลงนามอนุมัติต่อไป

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการอนุมัติโครงสร้างนี้แล้ว จะเริ่มปฏิบัติงานได้ทันที โดยใช้พื้นที่ของตึกสมช. ทั้งนี้ยังไม่มีการกำหนดตัวบุคคลมาทำหน้าที่เลขานุการศูนย์นี้ แต่รองเลขานุการ มี 3 คนจาก สมช. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ส่วนการรวมข่าวและติดตามสถานการณ์นั้น เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจ จะมาทำงานร่วมกันที่สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(สขช.) เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน ตลอด 24 ชั่วโมง แล้วส่งข่าวมารวมกันเพื่อให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูล และหน่วยงานปฏิบัติสามารถนำข่าวตรงนี้ไปใช้ในการแก้ปัญหานี้ได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้เชื่อว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ จะเห็นผลความรุนแรงจะค่อย ๆ ลดลง และเห็นภาพของปัญหาที่ชัดขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงเวลาเดียวนี้จะมีการปรับตัวบุคลากรในการทำงาน โดยให้อิสระในการคัดเลือกทีมงานแล้ว เช่น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีสิทธิ์เลือกผู้ใต้บังคับบัญชามาทำงาน ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเลือกนายอำเภอ รวมถึงให้อำนาจแก่แม่ทัพภาคที่ 4 เลือกคนทำงานเช่นกัน และถ้าคัดเลือกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ผู้บังคับบัญชาจะถูกพิจารณาเป็นคนแรก

ส่วนเหตุคาร์บอมบ์ที่ลานจอดรถหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้ตนลงไปทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง อีกทั้งยังแสดงความห่วงใยเรื่องนี้ และสอบถามถึงจุดอ่อนที่ต้องได้รับการแก้ไข  ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในช่วงที่ไม่มีการสูญเสีย เพราะเขาไม่ต้องการให้มีการเสียชีวิต เนื่องจากมีญาติพี่น้องของเขาทำงานอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ถึงสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม ตลอดจนการย้ำเตือนให้พูดคุยกับกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่พลเรือนในพื้นที่ว่า ต้องมีการตรวจตราเข้มงวดมากขึ้น เพราะรถที่ถูกใช้ทำระเบิดครั้งนี้เป็นรถที่เรากำลังตามหาถูกปล้นมาจากจ.ยะลา และป้ายทะเบียนติดอยู่ด้านหน้ากับด้านหลังรถเป็นคนละป้าย

อีกทั้งเป็นรถคันเดียวกับที่ใช้ในเหตุการณ์ไล่ยิงทหาร 4 นาย อย่างไรก็ตาม ได้พูดคุยกับฝ่ายตำรวจแล้วว่าต่อไปนี้ขอให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยานพาหนะที่ เข้า-ออกสถานที่ราชการต่าง ๆ ของพลเรือน เช่น ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล เป็นต้น เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอจนถูกฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เพราะที่ผ่านมาไม่มีตรวจตรา ผู้ก่อเหตุจึงเข้าไปได้ในฐานะผู้เข้ามาติดต่องาน นอกจากนี้พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเครือข่ายเดิมของโรงเรียนธร รมาวิทยามูลนิธิ และโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม ร่วมมือกัน และอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ก่อเหตุอยู่และคาดว่าคงใช้เวลาไม่นานจะสามารถ จับกุมตัวไว้ได้.

ซัดฝ่ายปกครองหลวม เลยตกเป็นเป้าโจรใต้


เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าแม้ งานการข่าวรู้การเตรียมก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ล่วงหน้า แต่ไม่อาจป้องกัน หรือ ระงับเหตุร้ายได้ เนื่องจากพื้นที่กว้าง และ มีกำลังเจ้าหน้าที่น้อย  อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการเพิ่มกำลังทหาร  แต่จะเพิ่มกำลังตำรวจตระเวณชายแดน หรือ ตชด. เข้าไปเสริมในพื้นที่ให้มากขึ้น และ เจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปฎิบัติงานให้มากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ที่มีความหละหลวมอยู่ในขณะนี้ จำเป็นต้องดูแลอย่างเข้มงวดขึ้น เพราะจุดไหนที่หละหลวมก็จะเป็นเป้าหมายของคนร้ายได้ง่าย ซึ่งทหารก็จะช่วยเข้าไปดูแลในส่วนนี้ ทั้งนี้กลุ่มก่อเหตุในพื้นที่มี 3 กลุ่ม ประกอบด้วย  กลุ่มแบ่งแยกดินแดน  กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด  และ กลุ่มผู้มีอิทธิพลค้าน้ำมันเถื่อน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กัน  โดยประชาชนได้ร้องเรียนมายังรัฐบาล ถึงเรื่องการระบาดของยาเสพติดในพื้นที่  จึง ได้หารือกับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เพื่อเพิ่มด่านตรวจตราสะกัดกั้นยาเสพติด และ การตรวจเข้มผู้ที่เดินทางผ่านเข้าออกบริเวณชายแดนให้มากขึ้นด้วย ทั้งนี้ หากผ่านพ้นเดือนรอมฎอนไปแล้ว คาดว่าสถานการณ์เหตุรุนแรงในพื้นที่จะดีขึ้น
                                                                             
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.)นั้น จะเสนอโครงสร้างให้นายกรัฐมนตรี  ลงนามได้ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ และ เชื่อว่า หากการทำงานตามโครงสร้างใหม่ ที่สนับสนุนให้หน่วยงานทั้ง 17 กระทรวงลงไปร่วมแก้ไขปัญหา สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 100%  แผนปฏิบัติงานก็จะเห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมได้ภายใน 2 เดือน.

โฆษก พท.เย้ย “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ก้นร้อน


วันที่ 18 ส.ค.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเดินหน้าสอบสวนเหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่มีผู้เสียชีวิต 98 ศพและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งวันนี้ฝ่ายค้านโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีออกมาพูดในลักษณะร้อนรน ไม่หลงเหลือภาวะผู้นำ พยายามตีปลาหน้าไซ ต่างๆนาๆ ดักคอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งที่ความจริงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งก็สงสัยว่าเหตุใดรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีการเร่งสอบสวนในเรื่อง นี้หรือพยายามกดทับอะไรไว้อยู่ เมื่อรัฐบาลชุดปัจจุบันจะเดินหน้าสอบสวนค้นหาความจริงกลับออกมาตีโพยตีพาย คล้ายคนเสียจริต โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพพยายามเบี่ยงเบนประเด็นลดความน่าเชื่อถือของ รัฐบาลให้สังคมและประชาชนมองว่าถูกรังแกโดยการใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็น เครื่องมือ ก็อยากเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์และทุกฝ่าย ทุกคนที่เกี่ยวข้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นพร้อมยอมรับผลการสอบสวนที่จะ ออกมาดีกว่า.

เพื่อไทยชื่นชมฝ่ายค้านให้ความร่วมมือถกงบฯ 56 ตามกรอบ


เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2556 ที่เพิ่งแล้วเสร็จว่าขอชื่นชมฝ่ายค้านที่ให้ความร่วมมือในการอภิปรายตามกรอบ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา แม้จะมีบางคนที่ล้ำเส้นและพูดพาดพิงบุคคลที่ 3 บ้างแต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่พอรับได้ อย่างไรก็ตามในแง่ของเนื้อหาต้องถือว่า ฝ่ายค้านสอบตกไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ที่น่าสนใจ แค่เอาข่าวตัดแปะจากหนังหนังสือพิมพ์มาอภิปรายเท่านั้นทั้งยังเอาแต่ร้องแรก แหกกระเชอขอเอกสารซึ่งได้มอบให้ไปหมดแล้ว จึงอยากฝากพรรคประชาธิปัตย์ว่าในการอภิปรายแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปีรวมทั้ง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้ทำการบ้านมากกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่คุยโม้แล้วสุดท้ายก็มาพูดจาวกวน ซ้ำซาก ไร้สาระ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากความสะใจของตัวเอง.

เพื่อไทย เริ่มทำโพลล์เช็คเรตติ้ง รัฐบาล-ส.ส.


เมื่อวันที่ 18 ส.ค.นายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้เริ่มทำการลงพื้นที่ทั่วประเทศจัดเก็บข้อมูลสำรวจความพึงพอ ใจที่ประชาชนมีต่อนโยบายและผลการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ต่อตัวส.ส.และผู้ปฏิบัติงานของพรรคตลอดจนข้อเสนอแนะที่ประชาชนมีต่อพรรคและ รัฐบาล เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานของพรรคและรัฐบาลให้ดีขึ้น คาดว่าจะประมวลได้ในเดือน ก.ย.นี้ สำหรับกรณีของส.ส.นี่ไม่ใช่การให้เกรดการทำงาน แต่พรรคจะแจ้งผลให้ทราบเป็นรายบุคคลเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการทำงานต่อไป

นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะมีขึ้นหลังแถลงผลงานรัฐบาลที่จะมีขึ้นปลายเดือน ส.ค.นี้ ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงหรือหนักใจ ก็ยังเดินหน้าทำงานตามปกติ แต่ก็เห็นใจพรรคฝ่ายค้าน ดูเหมือนว่ายังไม่มีประเด็นอะไร เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นก็ไม่มี อาจมีเพียงความไม่สมบูรณ์ของการดำเนินบางโนยายบ้าง เช่น นโยบายรับจำนำข้าว ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปรับปรุง ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวตัวผู้นำพรรคประชาธิปัตย์นั้น ส่วนตัวก็ติดตามเรื่องนี้อยู่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน เพราะท่ามกลางข่าวที่หลายท่านวิเคราะห์กันนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาปฏิเสธ ว่าไม่มีอะไรแต่ขณะเดียวกันก็ออกมาแก้ข่าวพัลวัน.

นายกฯ วอนปปช.-เอกชนร่วมรักษาคูคลอง


วันที่ 18 ส.ค.  น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ตอนหนึ่งถึงโครงการ รวมแรงไทย รักษาน้ำใสทุกคูคลองว่าจากสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าคูคลองต่างๆ มีขยะ ผักตับชวา และสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำเป็นอย่างมาก รัฐบาลจึงร่วมกับทุกภาคส่วนในการขุดลอกคูคลองทั้งหมดโดยเน้นลำคลองหลักใน พื้นที่ กทม. จำนวน 307 คลอง อย่างไรก็ตามหากขุดลอกลำคลองแล้วประชาชนไม่ช่วยกันดูแลรักษา ยังมีการทิ้งขยะลงคูคลองก็จะทำให้เกิดปัญหาขยะอุดตันและกีดขวางการไหลของน้ำ ขึ้นอีก ก็จะกลับไปสู่ปัญหาเดิม ดังนั้นจึงคิดว่าทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือกันในการดูแลรักษาคูคลอง โดยดึงภาคเอกชนมาร่วมด้วยในรูปแบบการทำกิจกรรมเพื่อสังคมหรือซีเอสอาร์ และหากต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติมก็ให้ประสานมาได้ โดยขณะนี้มีภาคเอกชนให้ความสนใจร่วมดำเนินการใน 277 ลำคลองจากทั้งหมด307 คลองหลักในพื้นที่ กทม. แล้ว ทั้งนี้เมื่อทุกฝ่ายช่วยกันรักษาลำคลองนอกจากจะช่วยในเรื่องการแก้ปัญหาน้ำ ท่วมแล้ว  ยังจะเกิดทัศนียภาพที่สวยงาม และยังจะช่วยในเรื่องการท่องเที่ยวของกทม. ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นในเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม ยังจะมีการวัดระดับน้ำในคูคลองสำคัญต่างๆ อยู่เสมอ เช่น ในพื้นที่คลองสามวา จะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อดูระดับน้ำด้วย จะได้ไม่เกิดปัญหาแตกตื่นเหมือนในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งให้มีให้มีสารวัตรคลองมาร่วมตรวจสอบสิ่งกีดขวางในแม่น้ำลำคลองด้วย โดยจุดประสงค์คือให้ทั้งภาคเอกชนและประชาชนรู้สึกเป็นเจ้าของลำคลองต่างๆ ร่วมกัน .

“ทักษิณ” ถึงเกาหลีแล้วก่อนปักหลักเมืองจีน


เมื่อวันที่ 18 ส.ค.นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางออกจากเกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกาและเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้แล้ว จากนั้นจะเดินทางไปประเทศจีนซึ่งจะใช้เวลาพำนักที่จีนระยะหนึ่งเพื่อพบปะพูด คุยกับเพื่อนนักธุรกิจ ซึ่งน่าจะมีบางส่วนที่สนใจการลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้การเดินทางออกจากสหรัฐของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นไปตามแผนการเดินทางที่มีอยู่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือทางการสหรัฐขอ ให้เดินทางออกนอกประเทศอย่างที่มีข่าวลือแต่อย่างใด.

นายกฯรัฐศาสตร์เกษตรฯ ค้าน “เขื่อนแม่วงก์”


วันที่ 18 ส.ค. ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการจัดโครงการสัมมนาสาธารณะเรื่อง “ เขื่อนแม่วงก์:ได้ (กี่) อย่าง ก็ต้อง (?) เสีย (กี่)อย่าง” นายธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อ่านแถลงการณ์สมาคมฯ เรื่อง “โครงการเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์” โดยระบุว่า สืบเนื่องจากการเร่งรัดมีมติโครงการเขื่อนแม่วงก์อย่างเร่งรัด ปราศจากการมีส่วนร่วมหรือรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวางของ ครม. ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมานั้น สมาคมรัฐศาสตร์ฯ ขอแสดงจุดยืนและเรียกร้องไปยังภาคส่วนต่างๆ ดังนี้ คือ 1.สมาคมฯ ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการสูญเสียพื้นที่ป่า โดยเฉพาะพื้นที่ป่าที่มีระดับความสูงไม่ถึง 200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้และสัตว์ป่าทั้งหลายต่างระบุว่าพื้นที่ป่าดัง กล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำรงชีพของสัตว์ป่า เพื่อแลกกับเขื่อน ที่ยังไม่มีความชัดเจนหรือคงเส้นคงวาแต่ประการใดว่าจะสามารถก่อให้เกิด ประโยชน์ขึ้นกับประเทศชาติ ไม่ว่าจะด้านเกษตร หรือบรรเทาปัญหาอุทกภัย  2.สมาคมฯ ขอไว้อาลัยแด่ขบวนการนักอนุรักษ์ของประเทศไทย ทั้งที่อยู่ในภาครัฐและภาคเอกชน ที่ไม่สามารถแม้แต่จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ที่จะปกป้องผืนป่า และ 3. หลังการสัมมนาในครั้งนี้ สมาคมฯ จะยกระดับการเคลื่อนไหวให้กว้างขวาง และเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยการเปิดเวทีตามมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาคีอื่นๆ ทั่วประเทศ รวมถึงเข้าพบและยื่นหนังสือต่อทุกพรรคการเมืองโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ใน ฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้าน เพื่อเป็นปากเป็นเสียงในรัฐสภา ในโอกาสแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาลต่อรัฐสภา และการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในสมัยการประชุมนี้ นอกจากนั้นในเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันเสียชีวิตของสืบ นาคะเสถียร  ตนจะนำพวงหรีดไปไว้วางหน้าอนุสาวรีย์ 3 บูรพาจารย์ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อไว้อาลัยและตั้งคำถามกับมหาวิทยาลัย

ปธ.กกต.เผย ต้นเดือนก.ย.น่าจะรู้ผล อีสวอร์เตอร์


วันที่ 18 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.ให้ กกต.ตรวจสอบเงินบริจาค 1 ล้านบาทของบริษัทอีสวอเตอร์ จำกัด (มหาชน)  ที่ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากที่นายเรืองไกร ยื่นเรื่องเพิ่มเติมเข้ามาให้สอบการบริจาคน้ำดื่มเพิ่มเข้ามา 850 โหล ว่า เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมานั้นนายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมือง เสนอความเห็นของคณะกรรมการไต่สวนมาให้ตนพิจารณา ว่า ควรแยกเรื่องออกจากการพิจารณาเรื่องอีสวอเตอร์ ฯ เพราะเห็นเป็นคนละประเด็นกันโดยเห็น ซึ่งตนก็ได้เซ็นเห็นชอบไปแล้วว่าควรจะแยกเรื่องออกจากกัน และเรื่องการสอบกรณีอีสวอร์เตอร์ก็เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างที่คณะกรรมการไต่สวนจะสรุปเสนอความเห็นมาให้ตนพิจารณาต่อไป และเจ้าหน้าที่ก็ได้ราบงานว่าจะส่งให้ตนพิจารณาได้อย่างช้าภายในสัปดาห์ของ ต้นเดือนก.ย.

นายอภิชาต ยังกล่าวถึงกรณีการสอบถุงยังชีพ ที่ก่อนหน้านี้ก็ได้มีคำสั่งให้แยกสอบก่อนจากคำร้องอีสวอร์เตอร์ด้วยว่า กรณีดังกล่าวก็อยู่ระหว่างที่คณะกรรมการไต่สวนฯ ได้ขอขยายเวลาออกไปอีก เพราะต้องดำเนินการสอบพยานเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งทราบว่ามีเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวนี้ที่ทางคณะกรรมการไต่สวนได้เชิญนายปรีชา เรืองจันทร์ ผวจ.นครสวรรค์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง ผวจ.พิษณูโลกไปแล้วนั้น นายปรีชาก็ได้ส่งคำชี้แจงมายังคณะกรรมการไต่สวนแล้ว

แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งแจ้งว่า สำหรับกรณีการสอบคำร้องอีสวอร์เตอร์ฯ นั้น คณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ตั้งขึ้นมาดำเนินการนั้นได้ดำเนินการสอบพยานทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้อง เสร็จสินไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. แต่นายเรืองไกร ยังอ้างว่ายังมีข้อมูลส่งให้พิจารณาเพิ่มเติมและได้ส่งคำร้องมาให้ตรวจสอบ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ทำให้คณะกรรมการไต่สวนฯ กรณีการบริจาคน้ำดื่มจำนวน 850 โหล ทั้งนี้หลังจากที่คณะกรรมการไต่สวนฯ พิจารณาแล้ว เห็นควรเสนอให้กับประธานกกต.พิจารณาแยกเรื่องพิจารณา ไม่ควรไปรวมกับเรื่องอีสวอร์เตอร์ เพราะห็นว่าเป็นเรื่องการบริจาคทรัพย์สินไม่ใช่เป็นเรื่องของเงินบริจาค ซึ่งไม่เหมือนกับกรณีคำร้องอีสวอร์เตอร์.

"สมิท" ถามกบอ.ใช้เงิน3แสนล้านไปทำอะไร


เมื่อวันที่ 18 ส.ค.นายสมิท ธรรมสโรช คณะกรรมการ กยน.เปิดเผยถึงภาพรวมของสถานการณ์ลักษณะสภาพอากาศทั่วโลกว่ามีความแปรปรวน มากทุกภูมิาคต่างเผญิชกับภัยธรรมชาติที่รุนแรนมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากอธิพลของร่องงความชื้น หรือร่องความกดอากาศต่ำที่ทำให้เกิดฝนที่ควรจะอยู่ใกล้ศูนย์สูตร แต่กลับขึ้นไปอยู่ใกล้ขั่วโลกเหนือ ตอนนี้เกิดปราการร์แอลนิโน่ หรือสภาวะแห้งแล้ง เกิดขึ้นทั่วโลกในมหาสุมทรแปซิฟิก ตอนบนของมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้สภาพอากาศร้อนมากเพราะปริมาณฝนน้อย ในบริเวณทวีปอเมริกา เอเซีย อินเดีย ต้องประสบสภาวะแล้งแทนที่ฤดูฝนซึ่งปกติประเทศไทยจะต้องมีพายุเข้าในเดือนสืง หาคมนี้เข้าสักสองลูกสองลูกแล้วแต่ขณะนี้ยังไม่เข้าซึ่งเลยกลางเดือนสิงหาคม มาแล้ว ภาคอีสานเกิดภัยแล้งแล้งมีไร่นาเสียหายเป็นพันๆไร่ต้องไปถามรัฐบาล ว่าจะทำอย่างไรให้รัฐบาลชี้แจงเพราะน้ำในเขื่อนในภาคอีสานน้ำแห้งทุกเขื่อน แล้ว ชาวนารอน้ำฝนหากเดือนกันยายน ไม่มีฝนตก ความเสียหายมากมาย รอต้นเดือนกันยายนไม่มีพายุเข้่าภาคอีสานจะแห้งแล้งรุนแรงมาก ภาคเหนือมีน้ำในเขื่อนภูมิพล ก็เหลือเพียง 40 เปอร์เซนต์ ถ้าไม่มีพายุเข้าเดือนกันยายนนี้น้ำไม่พอใช้แน่นอน คนกรุงเทพฯจะไม่มีน้ำอุปโภคบริโภค เพราะจากอธิพลของร่องความกดอากาศเหนือประเทศไทยทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนได้ ไม่มาก
นายสมิท กล่าวต่อว่าประชาชนต้องติดตามดูสภาพอากาศหากปลายเดือนสิงหาคมและเดือน กันยายน ไม่มีพายุเข้าไทยเกิดภัยแล้งวิฤกติ ขาดน้ำรุนแรง เพราะว่าน้ำในเขื่อนนปล่ยอ มาหมดแล้ว รัฐบาลกลัวน้ำท่วมมากกว่าภัยแล้ง ปริมาณน้ำเขื่อนไม่พอการบริโภคอุปโภค ทั้งเขื่อภูมิพล เขื่อนสืริกิต์ ใช้มากว่าน้ำที่เก็บไว้ ภัยแล้งเป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงมาก ถามว่ารัฐบาลมีนโยบายอย่างไร มีความคิดรอบครอบหรือไม่ เพราะบริหารน้ำไม่เป็นก็จะเกิดปัญหาไม่น้ำท่วมหนักก็แล้งหนัก เป็นบทเรียนที่เอาคนไม่เป็นไม่รู้เรื่องน้ำมาบริหาร กยน.ทำโครงการไว้แล้วสามารถทำได้ทันทีลงมือได้เลยแต่ไม่ได้ทำ ที่ทำไปแล้วก็เสร็จเพียง 5 เปอร์เซนต์ หากมีพายุเข้าฝนมาท่วมกรุงเทพอีกเพราะการทำคันกันน้ำก็เอาดินมาโปะยกถนนชั่ว คราวทนทานน้ำไม่ได้ น้ำมาจริงคันพวกนี้พังเกิดเสียหายเหมือนปีที่แล้ว
"ต้องติดตามผู้บริหารเรื่องน้ำของไทยขณะนี้อยากให้ต่างชาติเอาเงินไปใช้ ก่อน ผมกับนายปราโมทย์ ไม้กลัด ยังเป็น กยน.อยู่ อยากถามรัฐบาลว่าแผนงานของ กยน กนอ.ไม่่เห็นทำ แล้วเอาเงินตั้งมากมาย 3.5 แสนล้านไปทำอะไร มีคนหวังดีต่อประเทศชาติเข้าไปพูดอะไรให้ข้อมูลไม่ทำ หาว่าเราเป็นแกะดำ กลัวเสียภาพพจน์ประเทศนักลงทุนไม่มา ผมสงสารประเทศไทย โครงการใน กยน.ลงมือทำได้ทันทีมัวเถียงกันเพราะเอาทุกอย่างเป็นการเมือง อะไรที่เป็นประโยชน์เกิดยากโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ อยากเกิดเป็นคนไทยต้องทนต่อไปหรือหนีไปอยู่ประเทศอื่นตราบใดที่ประเทศไทยยัง เป็นอย่างนี้โอกาสน้ำท่วมในปี 55 ยังมีมากอยู่พายุเข้าลูกเดียวก็ท่วม การวางแผนทำคันกัน การผันน้ำ ยังไม่เห็นคืบหน้าขนาดมีเงินตั้ง 3.5 แสนล้านบาทไม่รู้ว่าไปทำหรือไปไหนแค่ไหน ประตูน้ำบางโฉมศรี ประตูน้ำบางบัวทอง ตัวทำน้ำท่วมกรุงเทพ ยังไม่ทำให้เสร็จ พายุเข้า ไม่รอด แน่และไม่ทันแล้ว"นายสมิท กล่าว.

เผยตร.บาห์เรนช่วย10หญิงไทยถูกขังบำเรอกามแล้ว


เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายเสข วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการช่วยเหลือหญิงไทย 10 คน ในประเทศบาห์เรน หลังจากที่มีหญิงไทย 3 คน ร้องทุกข์ ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวและเกรงว่าจะตกเป็นเหยื่อค้าประเวณี ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบาห์เรนได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้หญิงอีก 7 คน ออกมาจากสถานที่ดังกล่าวแล้ว ซึ่งทุกคนปลอดภัยดี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนจากตำรวจบาห์เรน ส่วนหญิงไทย 3 คนที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์นำไปสู่การช่วยเหลือหญิงไทยรายอื่นนั้น ยังคง พักอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย แต่สำหรับรายชื่อนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
นายเสข กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ทางการตำรวจบาห์เรนจะสอบสวนหญิงไทยกลุ่มนี้เพื่อแยกแยะว่าตกเป็น เหยื่อจริงหรือไม่ และได้เดินทางมาประเทศบาห์เรนเพื่อประกอบอาชีพอะไร ในชั้นนี้คาดว่า อาจมีบางส่วนที่ถูกหลอกลวงจริง แต่รายละเอียดจะต้องรอการสืบสวนให้เสร็จเสียก่อน ทั้งนี้ทางสถานเอกอัครราชทูตไทยฯจะคอยดูแลอำนวยความสะดวกให้กับทุกคน หากต้องการเดินทางกลับประเทศไทย.

เมืองคอนขอบคุณฝนหลวงช่วยดับไฟป่าพรุ


เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯเปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟไหม้ที่ป่าพุควรเครง จ.นครศรีธรรมราช ว่าวันนี้ผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช ได้โทรศัพท์มาขอบคุณกระทรวงเกษตรฯที่ได้ส่งหน่วยปฏิบัติการบินฝนหลวง ไปทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่และทำให้สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพุดีขึ้น "ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช โทรศัพท์มาขอบคุณหน่วยฝนหลวง ที่ขึ้นบิน 120 เที่ยวทำให้ฝนตก ดีใจกันใหญ่ สถานการณืไฟไหม้ดีขึ้น ฝนตกที่พุ โดยฝนหลวงเข้าไปตั้งฐานที่จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพื่อช่วยบรรเทาภัยแล้ง จนในขณะนี้ในตัวเมืองนครฯต้องเปิดปิดการใช้น้ำปะปาเป็นเวลาแล้ว ถือว่าเกิดวิกฤติภัยแล้ง"นายธีระ กล่าว
นายธีระ กล่าวต่อว่าส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง ภาคอีสาน ลุกลามไปมากแล้ว โดยได้ตั้งหน่วยปฎิบัติการฝนหลวง เพื่มที่จ.อุบลราชธานี และ จ.อุดรธานี ซึ่งก่อนหน้าได้ทำฝนหลวงทำมานานแล้วตั้งฐานที่จ.ข่อนแก่น โคราช เมื่อเพิ่มหน่วยปฎิบัติการดูแลทำได้ทันเมื่อความชื้นสัมผัสเหมาะสมขึ้นบิน ได้ทันที ในขณะที่มีร่องความกดอากาศอยู่ประเทศไทย ทำให้ฝนตกไม่มาก มีฝนตกที่ จ.ศีรสะเกษ เพียง 22 มิลลิเมตรเท่านั้น ซึ่งภาคตะวันออเฉียงเหสือฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยมานาน รวมทั้งภาคใต้ ฝนน้อย เกิดฝนทิ้งช่วง สอดรับกับการรายงานกรมอุตุนิยมฯ น่าห่วงกับสถานการณ์น้ำปีนี้ สภาพน้ำในเขื่อนน้ำใช้งานเหลือร้อยละ 25 จากปริมาณน้ำในเขื่ออนทั่วประเทศทั้งอยู่ที่ระดับเก็บกักร้อยละ 57.

ผบ.ทบ.ส่งลูกน้องแจ้งจับทนายเสื้อแดง


วันที่ 18 ส.ค.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. มอบหมายให้ พ.ท.สายัณห์ ขุนขจี  นายทหารพระธรรมนูญ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.บดินทร์ คำผุย พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ให้ดำเนินคดีกับนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ชาวแคนนาดา ทนายความคนเสื้อแดง และหญิงไทย ไม่ทราบชื่อและนามสกุล ซึ่งเป็นล่ามแปลและเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท ในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมกับนำแผ่นซีดีบันทึกคำปราศรัยของนายโรเบิร์ตกับพวก จำนวน 1 แผ่น ไปมอบให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานด้วย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2555 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.10 น. นายโรเบิร์ตพร้อมกับพวก ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณแยกราชประสงค์ เป็นภาษาอังกฤษ โดยมีล่ามแปลเป็นภาษาไทย ผ่านเครื่องขยายเสียงของสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท ซึ่งข้อความในการปราศรัยได้หมิ่นประมาทถึงกองทัพบก ทำให้ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี เพื่อให้ดำเนินคดี เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ผ่านมา
ด้าน พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ดูแลงานกฎหมายและสอบสวน เปิดเผยว่า  ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และรายงานให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ทราบแล้ว ขณะนี้ให้ทาง บก.น.5 ตั้งคณะพนักงานสอบสวนระดับ บก.เพื่อพิจารณาคดีดังกล่าว ซึ่งตนจะควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาที่นายโรเบิร์ต ขึ้นพูดระบุว่า กองทัพได้ซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกาเพื่อมาเข่นฆ่าประชาชน  รัฐบาลอเมริกาส่งสไนเปอร์มาสอน สไนเปอร์ไทย ให้กระทำกับประชาชน โดยไม่รู้ถึงสิทธิเสรีภาพ

ไต้ฝุ่น “ไคตั๊ก”ถล่มญวนสังเวยแล้ว 4 ศพ


เมื่อวันที่ 18 ส.ค.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนามว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพ จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “ไคตั๊ก” พัดถล่มพื้นที่ตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ส่งผลให้เกิดลมกระโชกแรงและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ รวมทั้งในกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามด้วยไต้ฝุ่น “ไคตั๊ก” ได้พัดขึ้นฝั่งเวียดนาม เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา แม้จะลดระดับลงเป็นเพียงพายุดีเปรสชั่นแล้วในวันนี้ แต่ยังคงทำให้มีฝนตกหนัก ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอยู่แล้ว
ตามรายงานของคณะกรรมการกลางว่าด้วยอุทกภัยและวาตภัยแห่งชาติของเวียดนาม ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ ได้แก่คนขับรถแท็กซี่เสียชีวิตเพราะต้นไม้หักโค่นลงมาทับรถแท็กซี่ของเขาใน กรุงฮานอย ส่วนอีก 2 คนเสียชีวิตเพราะไฟฟ้าช็อต ที่เมืองซอน ลา ทางตอนเหนือของเวียดนาม และรายที่ 4 เป็นหญิงวัย 46 ปี เสียชีวิตเพราะดินถล่มลงมาจากภูเขาทับบ้านของเธอช่วงกลางดึก ในจังหวัดบัค เกียงเรือกว่า 11,000 ลำ ซึ่งก็มีเรือนำเที่ยวหลายร้อยลำที่อ่าวฮาลอง แหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ได้รับคำสั่งให้เข้าจอดเทียบท่าชายฝั่งขณะเดียวกัน กองทัพเวียดนามได้สั่งการให้กำลังทหาร 20,000 คน พร้อม เฮลิคอปเตอร์, เรือกู้ภัย และเรือแคนู เตรียมพร้อมรับคำสั่งกรณีสถานการณ์ฉุกเฉินจากภัยธรรมชาติครั้งนี้พายุ ไต้ฝุ่น “ไคตั๊ก” พาดผ่านเกาะลูซอนเกาะใหญ่ทางเหนือของฟิลิปปินส์ ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่และมีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ศพ.

ฟื้น30บาทรักษาทุกโรค เริ่มเก็บ 1 กันยายน


วันที่ 18 ส.ค. ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ จ.นครราชสีมา นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า  ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มเดินหน้าโครงการร่วมจ่ายค่าธรรมเนียมบริการ 30 บาท ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าตามนโยบายรัฐบาลพร้อมกันทั่วประเทศ โดยจะดำเนินการในระดับโรงพยาบาลชุมชนขึ้นไปจนถึงโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ และในโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ประชาชนจะร่วมจ่ายในกรณีที่มีการรับยาเท่านั้น หากผู้ป่วยรายใดไม่ประสงค์จะจ่าย 30 บาท ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ และผู้ที่เคยได้รับสิทธิยกเว้นการร่วมจ่าย 30 บาทมีทั้งหมด 21 กลุ่ม ก็จะได้รับการยกเว้นร่วมจ่ายเหมือนเดิม ขณะนี้ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจประชาชนในพื้นที่ และให้โรงพยาบาลทุกแห่งพัฒนาความพร้อมให้บริการที่ดีขึ้นทุกด้านทั้งผู้ป่วย ฉุกเฉิน ผู้ป่วยเรื้อรัง บริการผู้สูงอายุ ผู้พิการ โดยไม่มีเวลาหยุดพักเที่ยง

นอกจากนั้น ยังได้ให้สิทธิประชาชนสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการที่พอใจได้ปีละ 4 ครั้ง จากเดิมเปลี่ยนได้ปีละ 2 ครั้ง โดยใช้บัตรประชาชนหรือเอกสารทางราชการที่มีเลข 13 หลักเป็นหลักฐาน เพิ่มความสะดวกประชาชนยิ่งขึ้น ในเขตกทม.สามารถยื่นเปลี่ยนได้ที่สำนักงานเขต ส่วนต่างจังหวัดยื่นที่สถานบริการสาธารณสุข  โดยจะประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ในวันที่ 21 ส.ค. 2555 เพื่อให้ระบบบริการราบรื่นเหมือนกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลชุมชนที่มี 875 แห่ง ให้จัดแพทย์ตรวจรักษาอย่างน้อย 2 คน

รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการร่วมจ่ายนี้จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนไปใช้บริการที่ หน่วยบริการปฐมภูมิในพื้นที่ใกล้บ้านมากขึ้น ซึ่งสามารถดูแลประชาชนได้ดี เหมือนโรงพยาบาลใหญ่ ทั้งการส่งเสริมสุขภาพ การตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน ความดัน การตรวจรักษาโรคทั่วไป โดยใช้ระบบการสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้รักษาในโรง พยาบาลใหญ่โดยตรง ซึ่งทางด้านสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.โดยจะจัดทำคู่มือบัตรทองจำนวน 3 ล้านฉบับ แจกให้ประชาชน เพื่อชี้แจงเรื่องการร่วมจ่ายด้วย.

แก๊งค้ายาเรือนจำเมืองคอนเหิมสั่งตายผู้คมตงฉิน


เมื่อวันที่ 18 ส.ค ร.ต.ท.มนตรี ปานอ่อน พนักงานสอบสวนสภ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีคนร้ายไล่ยิงผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเสียชีวิตริมถนน สายเบญจมราชูทิศ-พระพรหม บ้านหนองเข้ หมู่ 5 ต.นาสาร ไปตรวจสอบพร้อมด้วย นายสุรพล  ช่วยเรียง นอภ.พระพรหม  นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สนธิชัย  อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช  พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่กองวิทยาการเขต 43  แพทย์เวร รพ.มหาราช และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยประชาร่วมใจ ที่เกิดเหตุ พบศพนายออด แซ่ผั่ว  อายุ 49 ปี เป็นพนักงานผู้ช่วยเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นอนตายในลักษณะคว่ำหน้าอยู่กับพื้นดิน  ขาพาดอยู่บนรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดงคาดดำ ทะเบียน คงธ-270 นครศรีธรรมราช ซึ่งล้มอยู่ริมถนน สภาพ ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.เข้าที่ลำตัว 5 นัด เสียชีวิตจมกองเลือดใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ 5 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า นายออดเป็นลูกจ้างประจำของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ในตำแหน่งผู้ช่วยพนักงานฝ่ายการพยาบาล แต่ละวันจะเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจอาหารที่ญาติๆ ผู้ต้องขังนำมาฝากเยี่ยมผู้ต้องขัง และถือเป็นคนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและสามารถตรวจจับยาเสพติดและ สิ่งผิดกฎหมายที่ญาติผู้ต้องขังพยายามที่จะซุกซ่อนรูปแบบต่างๆ ไว้ในอาหารเพื่อส่งให้กับผู้ต้องขัง ก่อนเกิดเหตุนายออดได้ไปเข้าเวรที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชตั้งแต่เวลา 16.00 น. วันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา และจะออกเวรในตอน 08.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ระหว่างขี่ จยย.กลับบ้านมาถึงที่เกิดเหตุได้มีคนร้ายจำนวน 4 คนใช้รถ จยย.และรถกระบะเป็นพาหนะขับไล่ตามประกอบนายออด ก่อนคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายรถ จยย.จะชักอาวุธปืนออกมารัวยิงใส่ 5 นัดซ้อน ด ทำให้รถ จยย.เสียหลักล้มคว่ำทั้งคนทั้งรถ นายออดเสียชีวิตคาที่ จากนั้นหลบหนีไป
             
พ.ต.อ.สนธิชัยเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายออด ซึ่งนายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำ ยืนยันว่า นายออดเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดกวดขันตรงไปตรงมา โดยเฉพาะในช่วงการปฏิบัติการตรวจกวาดล้างยาเสพติด ล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2555 ที่ผ่านมา นายออดได้จับกุมยาไอซ์ที่ซุกซ่อนเข้าไปในเรือนจำ จนทำให้เครือข่ายค้ายาเสพติดไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโทรศัพท์ข่มขู่เอาชีวิต ซึ่งนายออดได้รายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเหตุการณ์โดยตลอด จึงเชื่อว่าสาเหตุการไล่ประกบสังหารนายออดมาจากเครือข่ายค้ายาเสพติดเรือนจำ กลางนครศรีธรรมราชโกรธแค้น จึงปฏิบัติการไล่ล่าสังหารโหดนายออดอย่างอุกอาจเย้ยกฎหมายดังกล่าว

ด้านนายโสภณ  ธิติธรรมพฤกษ์  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อทราบเหตุจึงตัดสินใจเดินทางไปยัง จ.นครศรีธรรมราช ทันที ขณะที่นายสุรพล  แก้วภราดัย  ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากนี้ต้องวางแผนร่วมกับตำรวจในพื้นที่เพื่อให้เข้มงวดดูแลความปลอดภัย ของเจ้าหน้าที่เรือนจำให้มากขึ้น  ทั้งนี้แต่เดิมมีการประสานกำลังตำรวจเฝ้า ระวังความเรียบร้อยบริเวณรอบเรือนจำอยู่แล้ว  แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ห่างจากเรือนจำประมาณ 5-6 กิโลเมตร ดังนั้น คงต้องหารือถึงมาตรการเสริมอื่น ๆ ให้รัดกุมที่สุด โดยในส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำระยะนี้ต้องกำชับให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในเส้น ทางเปลี่ยวลำพัง  อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้า หน้าที่เรือนจำแน่นอน เพราะผู้ร่วมงานถูกทำร้ายจนเสียชีวิต โดยส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีการตั้งค่าหัวกับเจ้าหน้าที่บางรายที่ปฏิบัติ หน้าที่ตรงไปตรงมา และเท่าที่ทราบผู้คุมที่เสียชีวิตไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตกเป็นเป้าสังหารของผู้ ที่เสียประโยชน์ จึงยังคงใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ระวังตัว

“ไก่อู”จวกดีเอสไอสอบคดีเสื้อแดงเอียง-นชป.โต้ไม่ใช้สไนเปอร์แล้วใช้อะไรยิงเสธ.แดง


เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก แถลงถึงกรณีที่พ.ต.อ.ประเวศน์  มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงเหตุการณ์การสลายการ ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553ว่า ขอชี้แจงกรณีที่หัวหน้าชุดสอบสวนระบุว่าจะเรียกทหารสไนเปอร์ในภาพชุดมาสอบ สวนนั้น ยืนยันว่าคลิปดังกล่าวเป็นภาพชุดของพลระวังป้องกันถืออาวุธประจำกายปืนเอ็ม 16 อยู่ในท่าตรวจการณ์ด้วยกล้องที่ติดอยู่กับตัวปืน ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตามท้องตลาด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการมองเห็น ไม่ใช่อาวุธสไนเปอร์แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันกองทัพบกต้องขอบคุณนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอที่เข้าใจความรู้สึกของกองทัพ แต่ในส่วนพ.ต.อ.ประเวศน์ ที่ระบุว่าที่ผ่านมากองทัพไม่ได้ส่งข้อมูล หลักฐานที่ทหารอ้างว่า มีชายชุดดำทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และฆ่าประชาชน ทั้งนี้หลังจากที่เหตุการณ์สิ้นสุดลง ทางกองทัพได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องส่งมอบให้พนักงานสอบสวนไปหมด แล้ว เช่น กรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารถืออาวุธประจำกายที่เรียกว่า พลระวังป้องกัน ซึ่งเหตุการณ์ขณะนั้นชุลมุนมีทั้งชายชุดดำและผู้ไม่หวังดีปะปนกับผู้ชุมนุม ตลอด และใช้อาวุธยิงไปในสถานที่ต่าง ๆ สื่อมวลชนก็รับทราบ ขณะนั้นเราอธิบายชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่เป็นพลระวังป้องกัน ไม่ได้มีจุดประสงค์ดักซุ่มยิง หรือทำร้ายใคร แต่มีหน้าที่ตรวจการณ์ป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีทำร้ายเจ้าหน้าที่ และประชาชน  เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จึงมีความจำเป็นต้องใช้อาวุธ
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ส่วนหลักฐานที่กองทัพบกได้ส่งให้พนักงานสอบสวน เช่น เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ที่กองทัพบกนำเฮลิคอปเตอร์ไปโปรยใบปลิวเพื่อยุติการชุมนุม ขณะนั้นได้มีการยิงอาวุธขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ เมื่อเหตุการณ์จบลง ได้มีการจับกุมผู้กระทำความผิด 3 ราย ยึดของกลางได้จำนวนมาก ทั้งอาวุธสงคราม เอ็ม 16 ปืนอาก้า กระสุนปืนความเร็วสูงเป็นพันนัด และได้ส่งหลักฐานให้พนักงานสอบสวนไปแล้ว แต่ปรากฏว่า การพิจารณาของศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานประกอบ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมายต้องการได้รับความเป็นธรรมเช่น เดียวกัน จึงอยากถามว่า เอกสารหลักฐานที่ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนหายไปไหน เหตุใดไม่ได้นำมาประกอบหลักฐานในการพิพากษา ทั้งนี้ไม่อยากระบุว่า เป็นความผิดของใคร เพียงแต่ต้องการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้เกี่ยวข้องกับการสอบสวนคดีความ ระบุว่าทหารไม่ได้นำหลักฐานไปให้ แต่ความจริงได้ให้ไปแล้ว และสมัยนั้นนายธาริต เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ร่วมประชุมทุกครั้ง รับรู้เหตุการณ์ และร่วมกันตกลงใจ และตัดสินใจมาโดยตลอด ซึ่งน่าจะทราบเหตุการณ์ดีว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำอะไรลงไปบ้าง
“ส่วนกรณีที่ของชายชุดดำที่นั่งรถตู้สีขาวเข้ามาที่บริเวณสี่แยกคอกวัว และใช้อาวุธสงครามยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่จนทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากและ เสียชีวิต โดยกองทัพให้รายละเอียด ข้อมูลทั้งหมดกับพนักงานสอบสวนไปแล้วทั้งทะเบียนรถ ชื่อเจ้าของรถเชื่อว่า น่าจะเชื่อมโยงหาผู้กระทำความผิดได้ แต่เรื่องกลับเงียบหายไปอีก กองทัพบกหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พนักงานสอบสวนจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่กองทัพบกส่งไปให้ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และหวังว่า คดีความต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปี 53 ไม่ว่า จะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะผู้ถูกกล่าวหา และเจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ให้มีความคืบหน้าในลักษณะใกล้เคียงกันอย่าเน้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจนทำให้ผู้ ปฏิบัติหน้าที่เกิดความไม่สบายใจ เพราะคดีที่เจ้าหน้าที่เป็นผู้ถูกกระทำไม่คืบหน้า แต่คดีที่เจ้าหน้าที่ตกเป็นผู้ต้องหากลับคืบหน้า”โฆษกกองทัพบก กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า กองทัพไม่อยากมีปัญหากับทุกฝ่าย แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีความได้ให้ข้อมูลกับสังคมในรายละเอียดเนื้อหา สำนวนการสอบสวน ทั้งที่กระบวนการไต่สวนทั้งหลายยังไม่จบ ถามว่าสามารถทำได้หรือไม่ และหัวหน้าของท่านก็เป็นหนึ่งในศอฉ. ได้สอบถามข้อมูลจากนายธาริตหรือไม่ ส่วนกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่อยากให้ทหารไม่สบายใจนั้น ต้องฝากขอบคุณร.ต.อ.เฉลิมที่เข้าใจกองทัพ ทั้งนี้ที่ผ่านมากองทัพไม่เคยออกมาชี้แจงอะไรก่อนหรือกวนน้ำให้ขุ่น อย่างไรก็ตามกองทัพบกไม่ได้รู้สึกเสียเปรียบหรือต้องการได้เปรียบใคร เพราะไม่ต้องการทำร้ายประชาชน แต่วันนี้ผู้เกี่ยวข้องดูเหมือนจะเร่งรัดคดีทางด้านหนึ่ง และไม่คืบหน้าอีกด้านหนึ่ง ปัจจุบันทหารที่บาดเจ็บและตายจากเหตุการณ์การชุมนุมก็อยากได้รับความ ยุติธรรมเช่นเดียวกับทุกฝ่าย  ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในรูปคดีมีความมั่นคง และยุติธรรมตามหลักการก็ไม่น่ากังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง ทั้งนี้มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมและในหน่วยงานทั้งหลายมีจรรยาบรรณ
ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีทหารใช้อาวุธทำร้ายประชาชนในเหตุการณ์เม.ย.-พ.ค .53 ว่า ยุคนี้การสื่อสารทันสมัย หลังเหตุการณ์มีทั้งคลิปวีดิโอและภาพนิ่งออกมาเผยแพร่มากมาย ที่บอกว่าไม่มีสไนเปอร์ไปยิงประชาชน แล้วที่เห็นในคลิปวีดิโอ ทั้งเสียงสั่งการและไฟจากกระบอกปืนนั่นจะว่าอย่างไร ส่วนเหตุการณ์10เม.ย. ที่มีทหารเสียชีวิต นปช.พร้อมรอพิสูจน์ความจริงเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ขอถามผบ.ทบ.ว่าใครกันแน่ ที่ไม่ยอมให้มีการชันสูตรศพนายทหารที่เสียชีวิต
“ประเทศนี้ต้องอยู่กันด้วยความจริง จึงจะเดินหน้าไปได้ คำก็ว่าล้มเจ้า สองคำว่าเผาบ้านเผาเมือง ทุกวันนี้ที่ศาลยกฟ้องคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ไปแล้ว 2 คดีจะว่าอย่างไร ขอเรียกร้องมายังกระบวนการยุติธรรมให้ทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็วที่สุด คนเสื้อแดงไม่ขอให้มาเข้าข้าง เพราะอาวุธที่สำคัญของคนเสื้อแดงคือความจริง ขอให้คนเสื้อแดงระวังการรัฐประหารไว้ด้วย เพราะเกรงว่าจะซ้ำรอยเหมือนเหตุการณ์สมัย 6 ตุลา 19 ที่มีการเผยความจริงออกมามาก ๆ จนผู้สั่งการต้องออกมาทำรัฐประหาร” นางธิดา กล่าว
ด้าน นายสมหวัง อัสราษี รองประธานนปช. กล่าวว่า คนเสื้อแดงไม่ใช่ควาย เหตุการณ์10 เม.ย.-19พ.ค.53 มีแต่ทหารเท่านั้นที่อยู่รอบพื้นที่ชุมนุมและอยู่บนยอดตึก การเสียชีวิตของพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ถ้าไม่ใช่สไนเปอร์และเกิดจากอะไร ผบ.ทบ.ยอมรับความจริงดีกว่า นปช.ต้องการพิสูจน์ความจริง เพื่อให้นำไปสู่กระบวนการยุติธรรม และดำเนินคดีกับผู้ที่สั่งการให้ฆ่า เท่านั้น ส่วนการที่ผบ.ทบ.ชอบใช้อารมณ์กับสื่อเวลาให้สัมภาษณ์ ถือเป็นการแสดงออกถึงคนที่ขาดวุฒิภาวะทางอารมณ์ ซึ่งอาจขู่ทางดีเอสไอได้ แต่คนเสื้อแดงไม่กลัว
ขณะที่ นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษกนปช. กล่าวว่า วันที่ 19 ก.ย.นี้ เป็นวันครบรอบ 6 ปีการรัฐประหาร นปช.เตรียมจัดงานรำลึกเหตุการณ์นี้อย่างยิ่งใหญ่ ในวันที่ 15 ก.ย. เพื่อให้เห็นถึงความอัปยศ และดูว่า 6 ปี ประเทศมีอะไรดีขึ้นมาบ้าง วันนี้หัวหน้าคณะรัฐประหารเริ่มกลับตัวเป็นนักการเมืองที่ดี แต่ลิ่วล้อยังทำตัวเหมือนเดิม
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ไม่พอใจต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เปิดเผยผลการสอบสวนคดีผู้เสียชีวิตในการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 จำนวน 98 ศพ โดยมีการเชื่อมโยงว่าทหารใช้สไนเปอร์ฆ่าประชาชน ว่า การพูดเพื่อปกป้ององค์กรหรือบุคคลในองค์กร เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะตอนนี้คดียังไม่ถึงที่สุดและศาลยังไม่มีคำตัดสิน ทุกฝ่ายจึงต้องใช้ความระมัดระวัง โดยฝ่ายที่สืบสวนต้องมีความละเอียดอ่อนในการให้ข้อมูล ส่วนฝ่ายที่ถูกกล่าวหาหรือได้รับความเสียหาย ก็ต้องแสดงความคิดเห็นอย่างรอบคอบ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมที่กำลังเดินหน้าอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ เดินหน้าได้ต่อไปโดยไม่มีคำครหา ขณะเดียวกันเรื่องของความจริงนั้น ถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้น ขณะนี้เรื่องทั้งหมดกำลังเข้าใกล้ไปถึงคนที่เป็นผู้บงการหรือสั่งให้ทหารออก มา จึงควรให้กระบวนการยุติธรรมทำงานต่อไป.

"สุรพงษ์"เยือนชิลีเร่งคลอดเอฟทีเอ


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 17-20 ส.ค.นี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐชิลีและสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายอัลเฟรโด โมเรโน่ ชาร์คเม รมว.ต่างประเทศชิลี และนายอันโตนิโด เด อะกีอาร์ ปาตริตา รมว.ต่างประเทศของบราซิล

ในการเยือนชิลีครั้งนี้ นายสุรพงษ์ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายเซบัสเตียน ปีเญร่า เอเชนีค ประธานาธิบดีชิลี และหารือทวิภาคีกับนายอัลเฟรโด โมเรโน่ ชาร์คเม รมว.ต่างประเทศชิลี รวมทั้งส่งมอบหนังสือและศิลปวัตถุแก่สถาบันการทูตของชิลี และการปลูกต้นราชพฤกษ์ที่สวนสาธารณะ Plaza Tailandia กรุงซานติอาโก ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯไปทรงเปิดสวนสาธารณะดังกล่าว เมื่อครั้งเสด็จเยือนชิลีอย่างเป็นทางการในปี 2553 และขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงซานติอาโก กำลังก่อสร้างศาลาทรงไทยที่สวนสาธารณะดังกล่าวให้เสร็จในปีนี้ เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ด้วย ทั้งนี้นายสุรพงษ์ จะผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี ชิลี-ไทย ให้ลุล่วงและคาดว่าจะเจรจาเสร็จสิ้นภายในปีนี้

นายเสข กล่าวอีกว่า ส่วนภารกิจการเดินทางเยือนบราซิลของนายสุรพงษ์ ที่กรุงบราซิเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคลาตินอเมริกาสูง และมีบทบาทนำในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ  นายสุรพงษ์จะได้หารือทวิภาคีกับนายอันโตนิโอ เด อะกีอาร์ ปาตรีออตา รมว.ต่างประเทศบราซิล และจะร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ คือบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมือง และเอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการไตรภาคี.

สภาฯผ่านม.11ก.เกษตรฯ7.2 หมื่นล.จี้“เต้น”ไขก๊อกแก้ราคายางเหลว


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สือข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจาณณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ในวาระที่ 2 ได้พิจารณามาตรา 11 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 72,882,914,000 บาท โดยประธานการประชุม เปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง นานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดสรรงบประมาณว่า เป็นการจัดงบลงพื้นที่ของส.ส.ซีกรัฐบาล โดยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในแต่ละพื้นที่อย่างเป็นธรรม และเท่าเทียม รวมถึงบัตรเครดิตเกษตรกรที่มีแต่ก่อหนี้สินให้แก่เกษตรกรมากขึ้น และการบริหารจัดการราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำอย่างหนัก โดยเฉพาะราคายางพารา
น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในเมื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไม่สามารถแก้ปัญหายางพาราตกต่ำได้ ถึงขอเงินไปแทรกแซงแล้วแต่ราคาก็ยังตกต่ำอยู่ ขอให้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่ง แต่ในที่สุดที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบ 
ทั้งนี้ หลังอภิปรายนานกว่า 2 ชั่วโมง ท้ายที่สุมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 เสียงไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการ 113 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง.

สภาผ่านมาตรา12งบกท.คมนาคมฉลุย


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เวลา16.20น. ที่ประชุมเริ่มพิจารณา มาตรา 12 กระทรวงคมนาคม จำนวน  75,948,723,100 บาท โดยการอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวาง เน้นไปที่การบริหารงานในสนามบินสุวรรณภูมิที่ผิดพลาด  อาทิ ปัญหารันเวย์ร้าว รวมไปถึงความล้มเหลวจากนโยบายรถยนต์คันแรก ที่จะยิ่งสร้างปัญหาด้านการจราจร รวมถึงการการนำเงินภาษีไปจ่ายให้หลายหมื่นล้านก็ไม่คุ้มค่า และปัญหาการสร้างทางด่วนไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้รถตกทางด่วนหลายครั้ง เป็นต้น ในที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 ต่อ 104 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง

บัวแก้วขอคืนทรัพย์สิน92คนไทยแต่ต้องยึดกฎหมายพม่า


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีญาติของคนไทย 92 คนที่ถูกทางการพม่าดำเนินคดีลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายบุกรุกป่าและบางส่วน พัวพันยาเสพติดและครอบครองอาวุธออกมาเรียกร้องให้ทางการไทยเร่งดำเนินการนำ ทรัพย์สินที่ถูกทางการพม่ายึดไป กลับคืนมา ว่า ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ นครย่างกุ้ง ประเทศพม่ากำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีทรัพย์สินของคนไทยกลุ่มนี้ ส่วนจะสามารถนำออกมาคืนก่อนได้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมายของพม่า

ขณะที่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลพม่าได้เบิกตัวผู้ต้องหาไทยในคดีพัวพันยาเสพติดและครอบครองอาวุธขึ้นไต่ สวน โดยทนายความชาวพม่าที่ทางกระทรวงฯว่าจ้างให้ช่วยว่าความให้คนไทยกลุ่มนี้ ระบุว่า ศาลพม่ามีแนวโน้มที่จะเบิกตัวเจ้าหน้าที่กลุ่มที่เข้าจับกุมผู้ต้องหาขึ้น ไต่สวนด้วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ ศาลจึงจะมีคำตัดสิน.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources