วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ดัตช์จบไม่คมเปิดหัวพ่ายพลิกโคนมหวิว


ดัตช์บุกมากกว่าแต่ตามหลัง

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 รอบสุดท้าย ที่โปแลนด์ และยูเครน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิ.ย. เป็นการแข่งขันในกลุ่ม B "กรุ๊ป ออฟ เดธ" หรือ "กลุ่มแห่งความตาย" คู่แรก ที่สนามเมตาลิสต์ สเตเดี้ยม เมืองคาร์คีฟ ประเทศยูเครน ฮอลแลนด์ หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ พบกับ เดนมาร์ก โดยนัดนี้ เบิร์ก ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือชาวดัตช์ ตัดสินใจส่ง เยโทร วิลเลมส์ กองหลังวัย 18 ปีลงสนามเป็นตัวจริง ส่วนตำแหน่งปราการหลังตัวกลางใช้ รอน ฟลาร์ ลงเล่นแทน โยริส มาไธจ์เซน ที่บาดเจ็บ แนวรุกมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี, อาร์เยน ร็อบเบน, เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ และอิบราฮิม อเฟลลาย ลงล่าตาข่าย ทาง เดนมาร์ก นำทัพโดย 3 สตาร์ดัง ดาเนียล แอกเกอร์, คริสเตียน อิริคเซน และนิคลาส เบนด์เนอร์

เริ่มเกมเป็น "กังหันสีส้ม" ที่เดินหน้าลุยทำเกมรุกใส่ทีมแดนโคนมอย่างหนัก ได้จังหวะลุ้นประตูจากการยิงของ ฟาน เพอร์ซี กับ อเลฟฟาย แต่ยังไม่สำเร็จผล ในนาที 24 เดนมาร์ก ที่ตั้งรับอยู่นาน สบโอกาสบุกขึ้นมาบ้าง เป็น ไมเคิล โครห์น-เดห์ลี มิดฟิลด์จากทีมบรอนด์บี ที่ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ล็อคบอลหลบแนวรับฮอลแลนด์ ก่อนยิงลูกลอดด่าน มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารอัศวินสีส้ม เข้าไปเป็นประตูให้ เดนมาร์ก ขึ้นนำ 1-0 ทั้งที่รูปเกมเป็นรอง

ถูกนำไปก่อน ฮอลแลนด์ ลุยแหลกยิ่งกว่าเก่า และน่าจะตีเสมอได้สุด ๆ จากการยิงของ ร็อบเบน แต่ซัดไปชนเสา จากนั้นเป็นคิวของ อเลฟฟาย ทว่า ยิงข้ามคานไป อีกครั้งจาก ฟาน เพอร์ซี ที่ยิงติดเซฟ สเตฟาน อันเดอร์เซน โกลแดนโคนม หมดครึ่งแรก เดนมาร์ก ยังนำอยู่ 1-0
กังหันไม่คมพ่ายโคนมหวิว

เข้าสู่ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น รูปเกมยังคงเป็นขุนพลชาวดัตช์ที่เดินหน้าบุกแหลกเหมือนเดิม โดยได้โอกาสยิงเป็นชุดจาก ร็อบเบน, ฟาน เพอร์ซี, มาร์ค ฟาน บอมเมล และอเฟลลาย แต่ยังตีเสมอไม่ได้ โดยเฉพาะจังหวะยิงของ ฟาน บอมเมล ที่ถูก อันเดอร์เซน บินเซฟเอาไว้ได้หวุดหวิด นาที 63 ร็อบเบน ได้โอกาสวิ่งเข้าโหม่ง แต่โขกไม่ตรงกรอบอีก

หลังเกมแข่งครบหนึ่งชั่วโมงนิด ๆ ฮอลแลนด์ เครื่องเริ่มดับ เกมรุกไม่ค่อยต่อเนื่องเหมือนช่วงแรก นาที 70 เดนมาร์ก เกือบนำห่าง 2-0 จากจังหวะยิงของ โครห์น-เดห์ลี ผู้ทำประตูแรก แต่ สเตเคเลนเบิร์ก ยังล้มตัวเซฟไว้ได้ อีก 1 นาทีต่อมา ฟาน มาร์ไวค์ ตัดสินใจแก้เกมเปลี่ยน 2 ตัวสำรอง คลาส แยน ฮุนเตลาร์ กับ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต ลงมาแทน อเฟลลาย และไนเจล เดอ ยองก์ ตามลำดับ หวังพลิกสถานการณ์ให้ทีมหนีพ้นความปราชัย ทาง เดนมาร์ก ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนตัวเอา คริสเตียน อีริคเซน ออก ส่ง ลาสส์ โชน ลงมาทำหน้าที่แทน

นาที 74 กังหันสีส้มน่าตีเสมอได้ ฮุนเตลาร์ ที่เพิ่งลงมาได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบโทษ แต่ยิงติดเซฟ อันเดอร์เซน บอลมาเข้าทางปืน ฟาน เพอร์ซี แต่ อันเดอร์เซน ก็ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง ท้ายเกม นาที 85 ฮอลแลนด์ แก้เกมหนสุดท้าย เอาแบ๊กขวาอย่าง เกรกอรี ฟาน เดอร์ วีล ออก ส่ง เดิร์ก เคาต์ ลงมาเสริมเกมรุกเพิ่ม แต่ไม่ได้ผล แม้ช่วงทดเจ็บ ฟาน เพอร์ซี จะได้โอกาสจบอีกครั้ง แต่ก็ข้ามคานไปอีก หมดเวลาการแข่งขัน เดนมาร์ก เฉือนชนะ ฮอลแลนด์ หวุดหวิด 1-0 เก็บสามคะแนนเต็มได้อย่างพลิกความคาดหมาย.

อินทรีเหล็กเฉือนหวิวโปรตุเกส"โกเมซ"โขกนำชัย


เกมจืดฝอยทองหวิดนำท้ายครึ่ง
ศึกฟุตบอลยูโร 2012 เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิ.ย. ในกลุ่ม B "กรุ๊ป ออฟ เดธ" หรือ "กลุ่มแห่งความตาย" คู่ที่ 2 ที่สนามอารีนา ลวีฟ เมืองลวีฟ ประเทศยูเครน เป็นแมตช์ระหว่าง "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี หนึ่งในทีมตัวเต็งแชมป์ พบศึกหนักกับ "ฝอยทอง" โปรตุเกส ที่นำทัพโดย คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลก
เกมช่วงแรกเป็น เยอรมนี ที่ทำเกมรุกได้ดีกว่าเล็กน้อย และได้โอกาสยิงก่อนจาก มาริโอ โกเมซ แต่ยังไม่เป็นประตู หลังผ่าน 10 นาทีแรก ทั้งสองฝ่ายเริ่มระมัดระวังตัวกันมากขึ้น ทำให้เกมส่วนใหญ่อยู่บริเวณตรงกลางสนาม จังหวะจบสกอร์มีค่อนข้างน้อย แต่หลังผ่านนาทีที่ 25 เกมเริ่มเปิดมากขึ้น ทว่า โอกาสทำประตูกันก็ยังแทบไม่มี ถือเป็นเกมที่ค่อนข้างจืดชืดผิดคาด ทั้ง ๆ ที่เป็นบิ๊กแมตช์ประจำวัน โดยเกมรุกของทั้งคู่เจาะเกมรับของฝั่งตรงข้ามไม่เข้าเลย อย่างไรก็ดี ท้ายครึ่งแรก มีจังหวะที่ทำให้แฟนบอลได้ตื่นเต้น โปรตุเกส เกือบขึ้นนำจากลูกเตะมุม บอลกระดอนมาเข้าทางปืนของ เปเป กองหลังแข้งโหดที่หนุนขึ้นมาสูง ได้โอกาสยิงในกรอบโทษ แต่บอลพุ่งไปชนคานกระดอนลงพื้นยังไม่ข้ามเส้นประตู ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0 ชนิด เยอรมนี รอดตัวไปอย่างหวุดหวิด
เบียร์เฉือนหวิวโกเมซโขกนำชัย
เข้าสู่ครึ่งหลัง เกมดูมีสีสันมากขึ้น เมื่อทั้งสองฝ่ายพยายามเปิดเกมรุกเพื่อทำประตูกันให้ได้ โดยทาง เยอรมนี มีโอกาสเปิดบอลจากทางกราบทั้งสองข้างเข้ากลางบ่อยครั้ง แต่บอลยังไม่เข้าทางปืนตัวจบสกอร์สักที
นาที 64 โปรตุเกส ได้โอกาสทอง เมื่อ โรนัลโด ได้บอลจ่ายจากเพื่อน หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะยิงถูก เจอโรม บัวเต็ง กองหลังอินทรีเหล็ก พุ่งเข้ามาบล็อกเอาไว้ได้หวุดหวิด
เกมย่างเข้านาที 72 ก็มีประตูแรกของเกมจนได้ เมื่อ ซามี เคดิรา ได้โยนบอลทางกราบขวา ลูกแฉลบผู้เล่นโปรตุเกส ทำให้บอลลอยมาเข้าทาง มาริโอ โกเมซ พอดิบพอดี และดาวยิงจากสโมสรบาเยิร์น มิวนิก ก็ไม่ทำให้แฟนบอลเมืองเบียร์ผิดหวัง ทะยานขึ้นโขกบอลพุ่งเสียบตาข่าย ส่งให้ เยอรมนี ออกนำ 1-0
นาที 82 โปรตุเกส เกือบตีเสมอได้ เมื่อ โรนัลโด ได้โอกาสสับไกพังประตู แต่ มานูเอล นอยเออร์ โกลเมืองเบียร์ พุ่งเซฟไว้ได้ จากนั้นอีก 2 นาที "ฝอยทอง" หวิดตีเจ๊าได้อีกครั้ง นานี โยนบอลจากกราบขวาเข้ากลาง และเกือบเป็นประตู แต่บอลชนคาน ทำให้ เยอรมนี ยังรักษาสกอร์นำเอาไว้ได้แบบฉิวเฉียด
ท้ายเกม นาที 88 ซิสเวสเตร วาเลรา ดาวรุ่งของโปรตุเกส ได้ยิงจ่อ ๆ ในกรอบเขตโทษ แต่ถูกผู้เล่นเยอรมนีช่วยกันบล็อกลูกยิงไว้ได้
ช่วงทดเจ็บ โรนัลโด ได้บอลหลุดไปถึงเส้นหลัง ก่อนหักกลับมาให้ นานี ได้โอกาสยิงในกรอบโทษ แต่ยังติดกองหลังเยอรมนีออกไปอีก หมดเวลาการแข่งขัน เยอรมนี เฉือนหวิว โปรตุเกส หวุดหวิด 1-0 เก็บสามคะแนนเต็มได้สำเร็จ

ฮีตเปิดบ้านอัดเซลติกส์ลิ่วชิงดำเอ็นบีเอ


ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ รอบชิงแชมป์สายออก นัดที่ 7 ซึ่งเป็นนัดตัดสิน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา (ตรงกับช่วงเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาประเทศไทย) ไมอามี ฮีต โชว์ฟอร์มแกร่งเปิดรัง อเมริกัน แอร์ไลน์ส อารีนา เอาชนะ บอสตัน เซลติกส์ 101-88 คะแนน ส่งผลให้เอาชนะซีรีส์ไปหวุดหวิด 4-3 เกม คว้าแชมป์สายตะวันออกไปครอง พร้อมผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยจะเข้าไปดวลกับ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ แชมป์สายตะวันตกต่อไป
เกมนี้ 3 ผู้เล่นบิ๊กทรีของเจ้าถิ่นต่างทำผลงานได้ดี โดย เลบรอน เจมส์ ทำไป 31 แต้มกับ 12 รีบาวด์ ส่วน ดเวย์น เวด บวกเพิ่มอีก 23 แต้ม ขณะที่ คริส บอช ทำอีก 19 คะแนน โดยเฉพาะในควอเตอร์ที่ 4 ที่ทุกแต้มของ ฮีต ในควอเตอร์นี้มาจากการทำคะแนนของทั้ง 3 คนล้วน ๆ ขณะที่ เซลติกส์ ได้ รายอน รอนโด ทำไป 22 แต้ม 14 แอสซิสต์ กับ 10 รีบาวด์ ส่วน พอล เพียร์ซ บวกเพิ่มอีก 19 คะแนน แต่ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ทีมชนะ
สำหรับรอบชิงชนะเลิศ เอ็นบีเอ ระหว่าง ไมอามี ฮีต กับ โอกลาโฮมา ซิตี ธันเดอร์ จะลงสนามเกมแรกกันในคืนวันอังคารที่ 12 มิ.ย. นี้ หรือตรงกับช่วงเช้าวันพุธ ตามเวลาประเทศไทย


"ปาเกียว"แพ้แต้มเสียแชมป์ WBO


ศึกกำปั้นชิงแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวต ขององค์กรมวยโลก (WBO) ระหว่าง แมนนี ปาเกียว ยอดนักชกชาวฟิลิปปินส์ เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก 8 เส้น กับ ทิโมธี แบร็ดลีย์ ผู้ท้าชิงจากสหรัฐ ที่เอ็มจีเอ็มแกรนด์ อารีนา, ลาส เวกัส, สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาไทย ยกแรก แบร็ดลีย์ ซึ่งอ่อนกว่า "เดอะ แพ็คแมน" ถึง 5 ปี อาศัยความสดเดินหน้าเข้าใส่แชมป์โลกก่อนตามสไตล์ แต่จากนั้น ปาเกียว ก็ใช้ความเก๋ากลับมาคุมเกมการชกได้เกือบหมดก่อนที่ทั้งคู่จะหาจังหวะแลกหมัด ใส่กันอย่างสนุก

กระทั่งยก 4-5 สถานการณ์ของยอดมวยตากาล็อกเริ่มเป็นต่อชัดเจน เมื่อสามารถปล่อยหมัดใส่ผู้ท้าชิงเจ้าถิ่นได้เป็นชุดจน แบร็ดลีย์ ออกอาการเซอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังประคองตัวไม่ให้โดนน็อกต์ได้ ทำให้ช่วงนี้ ปาเกียว โกยคะแนนไปเต็ม ๆ จนถึงยก 8 สถานการณ์ยังเป็นของ ปาเกียว ทั้งหมด และทั้งคุมจังหวะเกม และดักต่อยได้สวย ๆ หลายครั้ง จน แบร็ดลีย์ ต้องถอยไปพิงเชือก และเหมือนจะถอดใจ

อย่างไรก็ตาม ใน 3 ยกสุดท้าย ผู้ท้าชิงชาวอเมริกัน กลับมีแรงฮึดขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ และเดินเข้าใส่แชมป์โลก และดักทำแต้มสวย ๆ ได้หลายครั้ง ขณะที่ ปาเกียว ที่อายุมากกว่าเยอะเริ่มอ่อนแรง และออกหมัดไม่คมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เมื่อหมด 12 ยก ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมั่นใจว่าตนเองจะเป็นผู้ชนะ แต่ผลการให้คะแนนปรากฏว่า มีกรรมการให้คะแนน 2 คนให้ แบร็ดลีย์ ชนะ 115-113 คะแนน ขณะที่อีกคนให้ ปาเกียว ชนะ 115-113 คะแนน ทำให้ยอดมวยฟิลิปปินส์แพ้เป็นไฟต์แรกในรอบ 7 ปี และเสียเข็มขัดแชมป์โลกไปเรียบร้อย

ภายหลังความพ่ายแพ้แบบน่ากังขา ปาเกียว ที่ชกเข้าเป้ามากกว่า แบร็ดลีย์ ถึง 94 หมัด ออกมาเผยว่า รู้สึกช็อกกับการตัดสินมาก โดยเผยว่า "ผมทำดีที่สุดแล้ว แต่ผมคิดว่า ความพยายามของผมอาจจะยังไม่พอ เขาต่อยผมไม่ได้เลย หมัดของเขาส่วนใหญ่โดนแขนผมทั้งนั้น"

ขณะที่เจ้าของแชมป์โลกคนใหม่ กล่าวว่า "ผมคิดว่าผมชนะ ผมไม่เห็นว่าเขาจะดีเหมือนที่ใคร ๆ พูดกันเลย ผมแทบไม่รู้สึกถึงพลังหมัดของเขาด้วยซ้ำ"

พ่อร้องสื่อลูกสาว6ขวบถูกข่มขืนคดีไม่คืบหน้า


วันนี้ (9 มิ.ย.) นายวีระ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ได้พา ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 6 ปี บุตรสาว เข้าร้องเรียนกับ นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย กรณีบุตรสาวถูกกระทำชำเรา และได้เข้าแจ้งความกับตำรวจแล้วแต่คดีไม่มีความคืบหน้า โดยนายวีระ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมาลูกสาวได้หายไปจากบ้านพักย่านประชาชื่น จึงออกตามหาจนกระทั่งมาถึงบริเวณหน้าบ้านของนายธงชัย(นามสมมุติ) เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกเดียวกัน พบลูกสาววิ่งลงมาจากชั้น 2 ส่วนนายธงชัยได้วิ่งตามลงมา บอกว่าได้พาลูกสาวขึ้นไปดูการ์ตูนบนบ้าน ตนจึงไม่ได้เอะใจอะไร
นายวีระ กล่าวต่อว่า จนผ่านไปนานกว่า 10 วัน ลูกสาวมักร้องว่าเจ็บอวัยวะเพศเวลาปัสสาวะ จึงสอบถามลูกสาวและทราบว่า ในวันที่ลูกสาวหายตัวไปถูกนายธงชัยให้ดูหนังโป๊ ก่อนจะลงมือกระทำชำเรา และให้เงิน 20 บาทเป็นค่าขนม พร้อมกำชับว่าห้ามนำเรื่องไปบอกใคร ตนจึงพาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ โดยแพทย์ระบุว่า พบร่องรอยฉีกขาดบริเวณอวัยวะเพศ 3 แห่ง จากนั้นได้ไปแจ้งความ กับ พ.ต.ท.วิชัย ประทุมสุวรรณ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ประชาชื่น
“ต่อมาทางตำรวจได้เชิญตัวนายธงชัยมาที่ สน. แต่ก็ไม่เห็นสอบปากคำอะไรก่อนจะปล่อยตัวกลับไป โดยทางตำรวจแจ้งว่าต้องรอผลตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อน ต่อมามีชายอ้างว่าเป็นน้องของนายธงชัย ได้โทรศัพท์มาเสนอให้เงิน 1 แสนบาทเป็นค่าขอให้ยุติเรื่อง แต่ผมไม่ยอมและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ต่อมาวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางตำรวจได้เรียกไปสอบปากคำ จนกระทั่งขณะนี้คดีไม่มีความคืบหน้า เมื่อสอบถามไปยังตำรวจก็ได้รับคำตอบเพียงว่าต้องรอผลตรวจร่างกายจากแพทย์ ก่อน ทำให้ไม่สามารถเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนได้ จนมาทราบว่านายธงชัย ได้หลบหนีไปแล้ว” นายวีระ กล่าวอย่างหัวเสีย
ด้านนายไพโรจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องไว้ พร้อมกับประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อขอทราบผลตรวจโดยแพทย์ระบุว่า ด.ญ.บี มีร่องรอยถูกกระทำชำเราจริง แต่ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ขอผลพิสูจน์จากทางโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามจะประสานไปยัง สน.ประชาชื่น เพื่อสอบถามผู้บังคับบัญชาถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมกับมอบให้ทนายความประจำสมาคมฯเป็นผู้ดำเนินการร่วมสอบสวนในคดีนี้ด้วย
ด้าน พ.ต.ท.วิชัย เจ้าของคดี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาวันที่ 14 พ.ค. ด.ญ.บี ได้เล่าเรื่องให้ผู้ปกครองฟัง หลังจากนั้นผู้ปกครองพร้อม ด.ญ.บี ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับตน ซึ่งได้รับเรื่องไว้ก่อนส่ง ด.ญ.บี ไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจ ส่วนทางคดีเมื่อเกิดเหตุในลักษณะนี้ต้องมีนักสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำผู้เสีย หายด้วย อีกทั้งยังต้องใช้พนักงานสอบสวนหญิงเป็นผู้สอบปากคำอีกด้วย โดยได้มีการนัดหมายสอบปากคำในวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางญาติของผู้เสียหายอาจไม่เข้าใจ คิดว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินการให้ สำหรับคดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ นอกจากนี้ผู้เสียหายเป็นเด็กด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุอย่างแน่นอน
“ส่วนกรณีที่มีการนัดเจรจากันระหว่างญาติผู้เสียหายกับตัวแทนผู้ถูกกล่าว หาซึ่งเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เป็นเพียงการจ่ายค่าเสียหายเหตุบรรเทาโทษเท่านั้น มิได้เกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างไร ทั้งนี้ทางผู้ที่ถูกกล่าวหาหากกระทำผิดก็ต้องได้รับโทษอยู่แล้ว เวลานี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาสอบปากคำแล้ว ซึ่งถ้าไม่มา ทางเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับต่อไป” พ.ต.ท.วิชัย กล่าว.

ตีนแมวแสบบุกลักคอมร้านเน็ต18 เครื่อง


เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 9 มิ.ย. พ.ต.ท.ณัฎฐพัชร สุรพงรักตระกูล พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.ประชาชื่น รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ ภายในร้านคอนเน็กดอทเน็ต เลขที่ 1510/3 ถนนประชาราษฎร์สาย 1 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถว 3 ชั้น 1 คูหา ด้านล่างเปิดเป็นร้านอินเทอร์เน็ต พบว่าคนร้ายได้เข้าไปลักเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 18 เครื่องไป พร้อมกับกล้องวงจรปิด และอุปกรณ์ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ รวมมูลค่าประมาณ 4 แสนบาท
สอบสวน นายทรงวุฒิ ภู่ขวัญพงษ์ อายุ 53 ปี พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ฝ่ายกองปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ บางกรวย เจ้าของร้าน ให้การว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาทางพนักงานประจำร้านก็ปิดร้านตามเวลาปกติ แต่พอช่วงเช้าวันนี้มาเปิดร้านก็พบว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หายไป จำนวน 18 เครื่อง จากจำนวน 30 เครื่อง โดยที่ภายในร้านไม่มีร่องรอยการงัดแงะแต่อย่างใด จึงสงสัยว่าคนร้ายอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ภายในร้าน ก่อนที่ร้านจะปิด
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บรอยนิ้วมือแฝงในที่เกิดเหตุเอาไว้ พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทางด้านนอก ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์  เพื่อหารูปพรรณของคนร้าย ทั้งนี้คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 คน เนื่องจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แต่ละชิ้น มีน้ำหนักพอสมควร ต้องใช้คนหลายคนในการขนย้าย.

สลดต้นไม้ทับพนักงานส่งของดับคาที่


เมื่อเวลา 17.10 น.วันที่ 9 มิ.ย. พ.ต.ท.จักริน พันธ์ทอง พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุต้นไม้ล้มทับคนเสียชีวิต และมีรถยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 7 คัน ที่บริเวณด้านหลังร้านอาหารฟาลาเบลล่า ถนนราชดำริ แขวงและเขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นลานจอดรถด้านหลังร้าน พบต้นหางนกยูงขนาดความสูง 15 เมตร หักโค่นล้มทับรถยนต์ที่จอดอยู่ จำนวน 7 คัน โดยที่บริเวณด้านหลังรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ทะเบียน ณว 5687 กรุงเทพมหานคร พบศพ นายวิชิต เผ่าภูธร อายุ 34 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพนักงานขับรถส่งของบริษัทเจริญชัย มงคลลิเคอร์ จำกัด สภาพนอนหงาย มีบาดแผลแตกฉกรรจ์ที่ศีรษะ และต้นคอ  ใกล้กันพบถังเบียร์สดตั้งอยู่ 6 ถัง และรถเข็นขนของ 1 คัน
สอบสวน นายชัยวัฒน์ ครรชิตจารุสิทธิ์ อายุ 25 ปี เพื่อนผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและผู้ตายได้ขับรถมาส่งเบียร์สดที่ทางร้านสั่งไว้ ในระหว่างที่กำลังลำเลียงของลงจากรถ ขณะนั้นได้มีฝนตกและลมพัดแรง ทำให้ต้นหางนกยูงขนาดใหญ่ที่อยู่หลังร้าน หักโค่นล้มลงมาฟาดศีรษะของผู้ตายจนเสียชีวิตทันที.

บุกจับครูสอนภาษาชาวอเมริกันตุ๋ยดช.10ขวบ


วันนี้ (9 มิ.ย.) นายพลิศร โนจา หรือ ครูจา ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์และเด็กถูกล่วงละเมิด ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางเอ (นามสมมุติ) ว่า ด.ช.บี (นามสมมุติ) บุตรชายวัย 10 ขวบ ได้หายออกจากบ้าน และคาดว่าน่าจะถูกชาวต่างชาติล่อลวงไปกระทำอนาจาร จึงประสาน พ.ต.ต.หญิง กิ่งแก้ว เจริญพิทักษ์ประชา สว.ช่วยราชการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชน และสตรี ตำรวจภูธรภาค 2 นำกำลังตำรวจออกสืบสวนหาข่าว
ต่อมาทราบเจ้าหน้าที่ทราบจากเพื่อนของ ด.ช.บี ว่ามีชาวต่างชาติขับรถมารับและเดินทางไปที่บ้านพักเลขที่ 78/48 หมู่บ้านโชคชัยการ์เด้นท์โฮม 4 ซอยเขาน้อย หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงตามไปตรวจสอบพบ ด.ช.บี นั่งอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวกับ นายโกรกอรี่ มายด์ อายุ 48 ปี สัญชาติอเมริกัน เจ้าของบ้าน เป็นครูสอนภาษาอยู่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง จากการตรวจค้นพบกระดาษชำระที่ใช้แล้ว มีคราบอสุจิเปื้อนอยู่ นอกจากนี้ยังยึดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของนายโกรกอรี่ไว้ตรวจสอบข้อมูลภายใน เครื่อง
นายพลิศร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายโกรกอรี่เดินทางมาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ประมาณ 8 ปีแล้ว  โดยยึดอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ภายหลังตำรวจสืบทราบว่านายโกรกอรี่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ และมักจะล่อลวงเด็กชายชาวไทย อายุระหว่าง 10-15 ปี มากระทำอนาจารในบ้านพักเป็นประจำ โดยจะให้ค่าจ้างครั้งละ 200-500 บาท แต่ตำรวจไม่มีหลักฐานแน่ชัดจึงไม่สามารถจับกุมได้ กระทั่งมีผู้ปกครองมาขอความให้ช่วยติดตามหาบุตรชายที่หาย จึงออกหาข่าวและทราบว่าถูกนายโกรกอรี่ล่อลวงไปข่มขืนที่บ้านพัก จึงประสานตำรวจบุกจับได้แบบคาหนังคาเขาดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.ต.หญิง กิ่งแก้ว เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายโกรกอรี่ เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจมีหลักฐานและพยานที่แน่นหนา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ผงะ!พบขามนุษย์ตกกลางถนนหน้าปั๊มแก๊ส


วันนี้ (9 มิ.ย.) เวลา 19.00 น. พ.ต.ท.คเชนทร์ นิยมทอง พนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รับแจ้งพบขามนุษย์ตกอยู่บนพื้นถนนทางเข้าปั๊มแก๊ส รวมยนต์นครปฐม จำกัด เลขที่ 83 ถนนเพชรเกษม หมู่ 5 ต.ศีรษะทอง อ.นครชัยศรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบขามนุษย์ข้างขวา ช่วงหัวเข่าลงมาถึงเท้า มีรอยฉีกขาดคล้ายถูกแรงระเบิด เลือดแห้งเกรอะกรัง ห่างออกไปเล็กน้อยพบเศษกระดูกเปื้อนเลือดตกอยู่ 1 ชิ้น ฝาถังน้ำมัน 200 ลิตรเปื้อนเลือดตกอยู่ จึงเก็บรายละเอียดที่พบทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
เบื้องต้นทราบว่า ขามนุษย์ที่พบเป็นขาของนายจิ  คนงานร้านรับซื้อของเก่า ชื่อ "ต.รุ่งโรจน์ สตีล" ที่อยู่ติดกับปั๊มแก๊สดังกล่าว โดยนายจิถูกถังน้ำมัน 200 ลิตร ระเบิดใส่จนขาขาดได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุเพื่อนคนงานช่วยกันนำผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.ศูนย์นครปฐม แพทย์ต้องรีบให้การช่วยเหลือนำเข้าห้องไอซียู
จากการสอบสวนนายสมชาย จาดประดิษฐ์ อายุ 57 ปี คนงานร้านรับซื้อของเก่า ให้การว่า ก่อนเกิดผู้ได้รับบาดเจ็บกำลังใช้แก๊สตัดถังน้ำมัน 200 ลิตร อยู่ที่หน้าร้าน ขณะที่คนงานส่วนใหญ่ทำงานอยู่หลังร้าน จู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ทุกคนวิ่งออกมาดูก็พบผู้ได้รับบาด เจ็บนอนจมกองเลือด ขาข้างขวาขาดหายไป จึงช่วยกันหาแต่ไม่พบ จึงรีบนำส่ง รพ.ก่อน  เบื้องต้นจะต้องสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บและเพื่อนคนงานทั้งหมด ก่อนสรุปสาเหตุที่แท้จริง พร้อมประสานให้เจ้าของร้านที่เกิดเหตุนำหลักฐานการทำงานของผู้ได้รับบาดเจ็บ มาลงบันทึกประจำวัน และจะได้แจ้งให้ญาติผู้ได้รับบาดเจ็บทราบอีกครั้ง.

อินทรีเหล็กเฉือนหวิวโปรตุเกส"โกเมซ"โขกนำชัย



วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2555 เวลา 03:43 น.
เกมจืดฝอยทองหวิดนำท้ายครึ่ง
ศึกฟุตบอลยูโร 2012 เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิ.ย. ในกลุ่ม B "กรุ๊ป ออฟ เดธ" หรือ "กลุ่มแห่งความตาย" คู่ที่ 2 ที่สนามอารีนา ลวีฟ เมืองลวีฟ ประเทศยูเครน เป็นแมตช์ระหว่าง "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี หนึ่งในทีมตัวเต็งแชมป์ พบศึกหนักกับ "ฝอยทอง" โปรตุเกส ที่นำทัพโดย คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลก
เกมช่วงแรกเป็น เยอรมนี ที่ทำเกมรุกได้ดีกว่าเล็กน้อย และได้โอกาสยิงก่อนจาก มาริโอ โกเมซ แต่ยังไม่เป็นประตู หลังผ่าน 10 นาทีแรก ทั้งสองฝ่ายเริ่มระมัดระวังตัวกันมากขึ้น ทำให้เกมส่วนใหญ่อยู่บริเวณตรงกลางสนาม จังหวะจบสกอร์มีค่อนข้างน้อย แต่หลังผ่านนาทีที่ 25 เกมเริ่มเปิดมากขึ้น ทว่า โอกาสทำประตูกันก็ยังแทบไม่มี ถือเป็นเกมที่ค่อนข้างจืดชืดผิดคาด ทั้ง ๆ ที่เป็นบิ๊กแมตช์ประจำวัน โดยเกมรุกของทั้งคู่เจาะเกมรับของฝั่งตรงข้ามไม่เข้าเลย อย่างไรก็ดี ท้ายครึ่งแรก มีจังหวะที่ทำให้แฟนบอลได้ตื่นเต้น โปรตุเกส เกือบขึ้นนำจากลูกเตะมุม บอลกระดอนมาเข้าทางปืนของ เปเป กองหลังแข้งโหดที่หนุนขึ้นมาสูง ได้โอกาสยิงในกรอบโทษ แต่บอลพุ่งไปชนคานกระดอนลงพื้นยังไม่ข้ามเส้นประตู ทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ 0-0 ชนิด เยอรมนี รอดตัวไปอย่างหวุดหวิด
เบียร์เฉือนหวิวโกเมซโขกนำชัย
เข้าสู่ครึ่งหลัง เกมดูมีสีสันมากขึ้น เมื่อทั้งสองฝ่ายพยายามเปิดเกมรุกเพื่อทำประตูกันให้ได้ โดยทาง เยอรมนี มีโอกาสเปิดบอลจากทางกราบทั้งสองข้างเข้ากลางบ่อยครั้ง แต่บอลยังไม่เข้าทางปืนตัวจบสกอร์สักที
นาที 64 โปรตุเกส ได้โอกาสทอง เมื่อ โรนัลโด ได้บอลจ่ายจากเพื่อน หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะยิงถูก เจอโรม บัวเต็ง กองหลังอินทรีเหล็ก พุ่งเข้ามาบล็อกเอาไว้ได้หวุดหวิด
เกมย่างเข้านาที 72 ก็มีประตูแรกของเกมจนได้ เมื่อ ซามี เคดิรา ได้โยนบอลทางกราบขวา ลูกแฉลบผู้เล่นโปรตุเกส ทำให้บอลลอยมาเข้าทาง มาริโอ โกเมซ พอดิบพอดี และดาวยิงจากสโมสรบาเยิร์น มิวนิก ก็ไม่ทำให้แฟนบอลเมืองเบียร์ผิดหวัง ทะยานขึ้นโขกบอลพุ่งเสียบตาข่าย ส่งให้ เยอรมนี ออกนำ 1-0
นาที 82 โปรตุเกส เกือบตีเสมอได้ เมื่อ โรนัลโด ได้โอกาสสับไกพังประตู แต่ มานูเอล นอยเออร์ โกลเมืองเบียร์ พุ่งเซฟไว้ได้ จากนั้นอีก 2 นาที "ฝอยทอง" หวิดตีเจ๊าได้อีกครั้ง นานี โยนบอลจากกราบขวาเข้ากลาง และเกือบเป็นประตู แต่บอลชนคาน ทำให้ เยอรมนี ยังรักษาสกอร์นำเอาไว้ได้แบบฉิวเฉียด
ท้ายเกม นาที 88 ซิสเวสเตร วาเลรา ดาวรุ่งของโปรตุเกส ได้ยิงจ่อ ๆ ในกรอบเขตโทษ แต่ถูกผู้เล่นเยอรมนีช่วยกันบล็อกลูกยิงไว้ได้
ช่วงทดเจ็บ โรนัลโด ได้บอลหลุดไปถึงเส้นหลัง ก่อนหักกลับมาให้ นานี ได้โอกาสยิงในกรอบโทษ แต่ยังติดกองหลังเยอรมนีออกไปอีก หมดเวลาการแข่งขัน เยอรมนี เฉือนหวิว โปรตุเกส หวุดหวิด 1-0 เก็บสามคะแนนเต็มได้สำเร็จ

หนุ่มช่างไฟปืนลั่นดับปริศนาคาห้องนอน


เมื่อกลางดึกวันนี้(10มิ.ย.)พ.ต.ท.ธารา เครือละม้าย สว.สส.สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุมีชายใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 310/57 ซ.รามคำแหง 72 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมด้วย และฝ่ายสืบสวน พฐ. และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์เฮาส์ขนาด 2 ชั้น ภายในห้องนอนชั้นที่ 2 พบศพนายเอกชัย นวลจุ้ย อายุ30 ปี อยู่บ้านเลขที่104 ม.9 ต.ท่าพระยา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นอนหงายเสียชีวิตอยู่บนเตียงนอน สภาพศพไม่สวมเสื้อ สวมกางเกงลายพรางแบบทหารขายาว ที่ศรีษะมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับขวาเป็นแผลเหวอะหวะจนสมองกระจาย ข้างกายพบอาวุธปืนแบบลูกโม่ ขนาด.357 และกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวน 5 ตกอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนน.ส.นัชชา บุญประเสิฐ อายุ36 ปี ภรรยาผู้ตายให้การว่าสามีตนทำงานเป็นช่างไฟฟ้า ดูแลรับผิดชอบปั๊มเอ็นจีวี ของบริษัทปตท. แถวย่านนิมิตใหม่ ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 22.30น. ผู้ตายได้กลับมาบ้านหลังจากออกไปดื่มกินกับเพื่อนแต่ก็ไม่ได้มีอาการมึนเมา แต่อย่างใด ซึ่งตนก็กำลังนั่งเล่นอยู่กับลูกวัย3ขวบที่ชั้นล่างอยู่ จากนั้นผู้ตายได้ขึ้นไปบนห้องนอนนอน ตนจึงเดินขึ้นไปเพื่อเปิดแอร์ให้ผู้ตาย พบผู้ตายกำลังนั่งทำความสะอาดปืนอยู่ ซึ่งปืนกระบอกนี้พ่อผู้ตายได้มอบให้ตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว และขณะที่ตนกำลังหันไปเก็บเสื้อเข้าตู้เสื้อผ้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น จึงหันไปดูด้วยความตกใจ ก็พบว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้ว ปกติผู้ตายจะเป็นคนนิสัยดี ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร ปกติเวลาดื่มกินกับเพื่อนแล้วกลับมาที่บ้านก็เล่นกับลูกอยู่เป็นประจำ ซึ่งตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดผู้ตายจึงคิดยิงตัวตาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากผู้ตายมีความ เครียดส่วนตัว หรือเกิดอุบัติเหตุขณะทำความสะอาดปืน เนื่องจากผู้ตายออกไปดื่มกินกับเพื่อนมาก่อน จึงอาจเกิดความผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้เรียกญาติผู้ตายที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน มาสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป.

ซิ่งสยองปิคอัพพุ่งชนกำแพงบ้าน


กลางดึกวันนี้(10มิ.ย.)ร้อยตำรวจเอกสมัย  เจริญราช ร้อยเวร สภ.สำโรงใต้สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งชนกำแพงบ้านเรือนประชาชนมีผู้บาด เจ็บและผู้เสียชีวิต ที่ภายในซอยวัดมหาวงษ์  หมู่ 6 ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ หลังรับแจ้งพร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุได้พบรถยนต์ กระบะ โตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน ถห 9384  กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าแตก ยางหน้าทั้งสองระเบิด ประตูทั้งสองด้านไม่สามารถเปิดได้ ภายในรถพบผู้เสียชีวิตคาที่ 1ราย ทราบชื่อคือนายมรกต  ชูพลาย  อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ 9 ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ นอนเสียชีวิตอยู่ในแคบด้านหลัง ในสภาพที่ศรีษะถูกกระแทกอย่างแรงมีเลือดไหลออกจากปาก จมูกและหู เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันดึงร่างออกมา  นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกสองราย ชื่อนายธวัชชัย  อินทร์จันทร์ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นขับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายที่สองคือนายภัทรพล  อิสสระ  อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ทั้งสองรายถูกนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์  ห่างไปเล็กน้อยได้พบกำแพงรั้วของบ้านเลขที่ 50 /11 หมู่ 6 ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านของนายพีรสิทธุ์  เกล็ดสุวรรณ อายุ 44 ปีถูกชนชนพังทะลุเป็นช่องขนาดใหญ่
จาการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุรถยนต์กระบะคันดังกล่าวที่ขับมาด้วยความ เร็ว มาถึงเกิดเหตุได้เสียหลักพุ่งชนกำแพงบ้านหลังดังกล่าวชนพังทะลุเป็นช่องขนาด ใหญ่ ในสภาพด้านหน้าพังยับเยินมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป

"ในหลวง"เสด็จฯทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.8


เมื่อเวลา 17.20 น. วันที่ 9 มิ.ย.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ณ พระบรมราชานุสาวรีย์  เชิงสะพานพระราม 8 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อม ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล 
ครั้นเสด็จฯถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  นางสาวิตรี บริพัตร ณ อยุธยา  ภริยาผู้ว่าฯ กทม. ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นางนันทพร วีรกุลสุนทร ภริยานายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ประธานสภา กทม. ทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัย แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จากนั้นประทับรถนั่งเสด็จฯ เข้าโถงชั้นล่างของพระบรมราชานุสาวรีย์
นายกฯ กราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ผู้ว่าฯกทม. กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของพระบรมราชานุสาวรีย์ พร้อมทั้งทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานสภากทม. ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม. ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรและหนังสือที่ระลึก แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  จากนั้นทอดพระเนตรนิทรรศการพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอา นันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
จากนั้นเสด็จฯขึ้นสู่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ ชั้นบนโดยลิฟท์ เพื่อเสด็จฯไปทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมพระบรมรูปฯ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ทหารกองเกียรติยศ  ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ชาวพนักงานประโคมกระทั่ง แตร มโหระทึก ก่อนเจ้าพนักงานพระราชพิธีถวายพุ่มดอกไม้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯไปวางที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ จากนั้นเสด็จลงโถงชั้นล่าง โดยลิฟท์ แล้วประทับรถพระที่นั่งเข้าพลับพลาพิธี
เจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องสักการะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร และพระพุทธรูปประจำพระชนมวารพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แล้วพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปวางที่โต๊ะหมู่บูชา
เจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องทองน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี และสมเด็จพระนางเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แล้วพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปวางที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์  และพระฉายาลักษณ์  เจ้าพนักงานศุภรัตอาราธนาพระปริตร พระสงฆ์ 10 รูปสวดพระพุทธมนต์   เจ้าพนักงานศุภรัตนิมนต์ พระธรรมเจดีย์  วัดกัลยาณมิตร ขึ้นนั่งยังธรรมาสน์  เจ้าพนักงานฯ ถวายเทียนดูหนังสือเทศน์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์ และพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปตั้งที่ธรรมาสน์
ต่อมาเจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องทรงธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม และพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปตั้งที่หน้าพระราชอาสน์  เจ้าพนักงานฯ เข้าถวายเครื่องทองน้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย และพระราชทานให้เจ้าพนักงานฯ เชิญไปวางที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์ แทนพระบรมอัฐ และพระอัฐ ทรงธรรม ทรงศีล ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์อนุโมทนา ถวายอดิเรก ทรงคมไปยังที่หน้าเครื่องนมัสการพระพุทธรูป หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ และพระฉายาลักษณ์  ก่อนประทับรถนั่งเสด็จออกจากพลับพลาพิธี  ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับเมื่อเวลา 19.15 น.
อนึ่งในช่วงเช้าวันเดียวกัน   ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  ผู้ว่าฯกทม.  ได้เป็นประธานในพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร   โดยพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณวิบูลย์ เวทย์บรมหงษ์ พรหมพงศ์พฤฒาจาริย์ หัวหน้าคณะพราหมณ์ เป็นผู้อ่านโองการบวงสรวง จากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เป็นประธานในพิธีอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร     ออกจากหอพระภายในศาลาว่าการ กทม.  เพื่อนำไปประดิษฐานบนโต๊ะหมู่บูชาในพลับพลาพิธี   เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานทรงอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระ ปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร 
ส่วนทางด้านนอกมีประชาชนจำนวนมากมาเฝ้ารอรับเสด็จฯ และชื่นชมพระบารมี โดยส่วนใหญ่สวมเสื้อสีชมพู ถือธง ภปร. และธงชาติท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ก่อนที่ทั้งสามพระองค์จะเสด็จฯมาถึงบริเวณพิธี

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources