ดัตช์บุกมากกว่าแต่ตามหลัง
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 รอบสุดท้าย ที่โปแลนด์ และยูเครน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิ.ย. เป็นการแข่งขันในกลุ่ม B "กรุ๊ป ออฟ เดธ" หรือ "กลุ่มแห่งความตาย" คู่แรก ที่สนามเมตาลิสต์ สเตเดี้ยม เมืองคาร์คีฟ ประเทศยูเครน ฮอลแลนด์ หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ พบกับ เดนมาร์ก โดยนัดนี้ เบิร์ก ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือชาวดัตช์ ตัดสินใจส่ง เยโทร วิลเลมส์ กองหลังวัย 18 ปีลงสนามเป็นตัวจริง ส่วนตำแหน่งปราการหลังตัวกลางใช้ รอน ฟลาร์ ลงเล่นแทน โยริส มาไธจ์เซน ที่บาดเจ็บ แนวรุกมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี, อาร์เยน ร็อบเบน, เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ และอิบราฮิม อเฟลลาย ลงล่าตาข่าย ทาง เดนมาร์ก นำทัพโดย 3 สตาร์ดัง ดาเนียล แอกเกอร์, คริสเตียน อิริคเซน และนิคลาส เบนด์เนอร์
เริ่มเกมเป็น "กังหันสีส้ม" ที่เดินหน้าลุยทำเกมรุกใส่ทีมแดนโคนมอย่างหนัก ได้จังหวะลุ้นประตูจากการยิงของ ฟาน เพอร์ซี กับ อเลฟฟาย แต่ยังไม่สำเร็จผล ในนาที 24 เดนมาร์ก ที่ตั้งรับอยู่นาน สบโอกาสบุกขึ้นมาบ้าง เป็น ไมเคิล โครห์น-เดห์ลี มิดฟิลด์จากทีมบรอนด์บี ที่ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ล็อคบอลหลบแนวรับฮอลแลนด์ ก่อนยิงลูกลอดด่าน มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารอัศวินสีส้ม เข้าไปเป็นประตูให้ เดนมาร์ก ขึ้นนำ 1-0 ทั้งที่รูปเกมเป็นรอง
ถูกนำไปก่อน ฮอลแลนด์ ลุยแหลกยิ่งกว่าเก่า และน่าจะตีเสมอได้สุด ๆ จากการยิงของ ร็อบเบน แต่ซัดไปชนเสา จากนั้นเป็นคิวของ อเลฟฟาย ทว่า ยิงข้ามคานไป อีกครั้งจาก ฟาน เพอร์ซี ที่ยิงติดเซฟ สเตฟาน อันเดอร์เซน โกลแดนโคนม หมดครึ่งแรก เดนมาร์ก ยังนำอยู่ 1-0
กังหันไม่คมพ่ายโคนมหวิว
เข้าสู่ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น รูปเกมยังคงเป็นขุนพลชาวดัตช์ที่เดินหน้าบุกแหลกเหมือนเดิม โดยได้โอกาสยิงเป็นชุดจาก ร็อบเบน, ฟาน เพอร์ซี, มาร์ค ฟาน บอมเมล และอเฟลลาย แต่ยังตีเสมอไม่ได้ โดยเฉพาะจังหวะยิงของ ฟาน บอมเมล ที่ถูก อันเดอร์เซน บินเซฟเอาไว้ได้หวุดหวิด นาที 63 ร็อบเบน ได้โอกาสวิ่งเข้าโหม่ง แต่โขกไม่ตรงกรอบอีก
หลังเกมแข่งครบหนึ่งชั่วโมงนิด ๆ ฮอลแลนด์ เครื่องเริ่มดับ เกมรุกไม่ค่อยต่อเนื่องเหมือนช่วงแรก นาที 70 เดนมาร์ก เกือบนำห่าง 2-0 จากจังหวะยิงของ โครห์น-เดห์ลี ผู้ทำประตูแรก แต่ สเตเคเลนเบิร์ก ยังล้มตัวเซฟไว้ได้ อีก 1 นาทีต่อมา ฟาน มาร์ไวค์ ตัดสินใจแก้เกมเปลี่ยน 2 ตัวสำรอง คลาส แยน ฮุนเตลาร์ กับ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต ลงมาแทน อเฟลลาย และไนเจล เดอ ยองก์ ตามลำดับ หวังพลิกสถานการณ์ให้ทีมหนีพ้นความปราชัย ทาง เดนมาร์ก ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนตัวเอา คริสเตียน อีริคเซน ออก ส่ง ลาสส์ โชน ลงมาทำหน้าที่แทน
นาที 74 กังหันสีส้มน่าตีเสมอได้ ฮุนเตลาร์ ที่เพิ่งลงมาได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบโทษ แต่ยิงติดเซฟ อันเดอร์เซน บอลมาเข้าทางปืน ฟาน เพอร์ซี แต่ อันเดอร์เซน ก็ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง ท้ายเกม นาที 85 ฮอลแลนด์ แก้เกมหนสุดท้าย เอาแบ๊กขวาอย่าง เกรกอรี ฟาน เดอร์ วีล ออก ส่ง เดิร์ก เคาต์ ลงมาเสริมเกมรุกเพิ่ม แต่ไม่ได้ผล แม้ช่วงทดเจ็บ ฟาน เพอร์ซี จะได้โอกาสจบอีกครั้ง แต่ก็ข้ามคานไปอีก หมดเวลาการแข่งขัน เดนมาร์ก เฉือนชนะ ฮอลแลนด์ หวุดหวิด 1-0 เก็บสามคะแนนเต็มได้อย่างพลิกความคาดหมาย.
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 รอบสุดท้าย ที่โปแลนด์ และยูเครน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มิ.ย. เป็นการแข่งขันในกลุ่ม B "กรุ๊ป ออฟ เดธ" หรือ "กลุ่มแห่งความตาย" คู่แรก ที่สนามเมตาลิสต์ สเตเดี้ยม เมืองคาร์คีฟ ประเทศยูเครน ฮอลแลนด์ หนึ่งในทีมเต็งแชมป์ พบกับ เดนมาร์ก โดยนัดนี้ เบิร์ก ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือชาวดัตช์ ตัดสินใจส่ง เยโทร วิลเลมส์ กองหลังวัย 18 ปีลงสนามเป็นตัวจริง ส่วนตำแหน่งปราการหลังตัวกลางใช้ รอน ฟลาร์ ลงเล่นแทน โยริส มาไธจ์เซน ที่บาดเจ็บ แนวรุกมี โรบิน ฟาน เพอร์ซี, อาร์เยน ร็อบเบน, เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ และอิบราฮิม อเฟลลาย ลงล่าตาข่าย ทาง เดนมาร์ก นำทัพโดย 3 สตาร์ดัง ดาเนียล แอกเกอร์, คริสเตียน อิริคเซน และนิคลาส เบนด์เนอร์
เริ่มเกมเป็น "กังหันสีส้ม" ที่เดินหน้าลุยทำเกมรุกใส่ทีมแดนโคนมอย่างหนัก ได้จังหวะลุ้นประตูจากการยิงของ ฟาน เพอร์ซี กับ อเลฟฟาย แต่ยังไม่สำเร็จผล ในนาที 24 เดนมาร์ก ที่ตั้งรับอยู่นาน สบโอกาสบุกขึ้นมาบ้าง เป็น ไมเคิล โครห์น-เดห์ลี มิดฟิลด์จากทีมบรอนด์บี ที่ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ล็อคบอลหลบแนวรับฮอลแลนด์ ก่อนยิงลูกลอดด่าน มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก นายทวารอัศวินสีส้ม เข้าไปเป็นประตูให้ เดนมาร์ก ขึ้นนำ 1-0 ทั้งที่รูปเกมเป็นรอง
ถูกนำไปก่อน ฮอลแลนด์ ลุยแหลกยิ่งกว่าเก่า และน่าจะตีเสมอได้สุด ๆ จากการยิงของ ร็อบเบน แต่ซัดไปชนเสา จากนั้นเป็นคิวของ อเลฟฟาย ทว่า ยิงข้ามคานไป อีกครั้งจาก ฟาน เพอร์ซี ที่ยิงติดเซฟ สเตฟาน อันเดอร์เซน โกลแดนโคนม หมดครึ่งแรก เดนมาร์ก ยังนำอยู่ 1-0
กังหันไม่คมพ่ายโคนมหวิว
เข้าสู่ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น รูปเกมยังคงเป็นขุนพลชาวดัตช์ที่เดินหน้าบุกแหลกเหมือนเดิม โดยได้โอกาสยิงเป็นชุดจาก ร็อบเบน, ฟาน เพอร์ซี, มาร์ค ฟาน บอมเมล และอเฟลลาย แต่ยังตีเสมอไม่ได้ โดยเฉพาะจังหวะยิงของ ฟาน บอมเมล ที่ถูก อันเดอร์เซน บินเซฟเอาไว้ได้หวุดหวิด นาที 63 ร็อบเบน ได้โอกาสวิ่งเข้าโหม่ง แต่โขกไม่ตรงกรอบอีก
หลังเกมแข่งครบหนึ่งชั่วโมงนิด ๆ ฮอลแลนด์ เครื่องเริ่มดับ เกมรุกไม่ค่อยต่อเนื่องเหมือนช่วงแรก นาที 70 เดนมาร์ก เกือบนำห่าง 2-0 จากจังหวะยิงของ โครห์น-เดห์ลี ผู้ทำประตูแรก แต่ สเตเคเลนเบิร์ก ยังล้มตัวเซฟไว้ได้ อีก 1 นาทีต่อมา ฟาน มาร์ไวค์ ตัดสินใจแก้เกมเปลี่ยน 2 ตัวสำรอง คลาส แยน ฮุนเตลาร์ กับ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ต ลงมาแทน อเฟลลาย และไนเจล เดอ ยองก์ ตามลำดับ หวังพลิกสถานการณ์ให้ทีมหนีพ้นความปราชัย ทาง เดนมาร์ก ไม่น้อยหน้า เปลี่ยนตัวเอา คริสเตียน อีริคเซน ออก ส่ง ลาสส์ โชน ลงมาทำหน้าที่แทน
นาที 74 กังหันสีส้มน่าตีเสมอได้ ฮุนเตลาร์ ที่เพิ่งลงมาได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบโทษ แต่ยิงติดเซฟ อันเดอร์เซน บอลมาเข้าทางปืน ฟาน เพอร์ซี แต่ อันเดอร์เซน ก็ยังเซฟไว้ได้อีกครั้ง ท้ายเกม นาที 85 ฮอลแลนด์ แก้เกมหนสุดท้าย เอาแบ๊กขวาอย่าง เกรกอรี ฟาน เดอร์ วีล ออก ส่ง เดิร์ก เคาต์ ลงมาเสริมเกมรุกเพิ่ม แต่ไม่ได้ผล แม้ช่วงทดเจ็บ ฟาน เพอร์ซี จะได้โอกาสจบอีกครั้ง แต่ก็ข้ามคานไปอีก หมดเวลาการแข่งขัน เดนมาร์ก เฉือนชนะ ฮอลแลนด์ หวุดหวิด 1-0 เก็บสามคะแนนเต็มได้อย่างพลิกความคาดหมาย.