วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

รวบ 2 พ่อค้ายาบ้านครปฐม


 เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 ก.ย.55 ที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อรรณพ นวมนาคะ ผกก.สภ.ดอนตูม พร้อมชุดสืบสวนร่วมแถลงผลการจับกุมนายภาคภูมิ แสนกรงแก้ว อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 1 ต.ลำเหย อ.ดอนตูม นายบวรศักดิ์ ศรีเจริญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 6 ต.ลำเหย อ.ดอนตูม พร้อมของกลางยาบ้า 1584 เม็ด ยาไอซ์ 10 ถุง น้ำหนัก 8.4 กรัม รถยนต์ปิกอัพอีซูซุ สีดำ ทะเบียน บว 2710 นครปฐม พระเลี่ยมทอง 17 องค์
โดยชุดสืบสวน สภ.ดอนตูม สืบทราบว่าทั้ง 2 คน เป็นผู้จำหน่ายยาเสพติดรายสำคัญ เครือข่ายเรือนจำเขาบิน จึงได้วางแผนเจรจาขอซื้อยาบ้า โดยนัดกันริมถนน หมู่ 12 ต.ลำเหย อ.ดอนตูม เมื่อถึงเวลานัดทั้ง 2 คน ขับรถปิกอัพคันดังกล่าวมา แล้วรู้ว่าเป็นตำรวจจึงพยายามขับรถชน เจ้าหน้าที่จึงต้องยิงยางรถเพื่อหยุดรถและจับกุมได้ สอบสวนให้การรับสารภาพ ร่วมกันก่อเหตุจริง โดยมีตัวแทนมาติดต่อและสั่งจากนักโทษในเรือจำเขาบิน

สืบเมืองโอ่งรวบแก๊งเด็กแว้น ตระเวนลักจักรยานยนต์


เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (5 ก.ย.) พล.ต.ต.นิพนธ์  ภู่พันธ์ศรี  ผบก.ภ.จว.ราชบุรี  และพ.ต.ท.สมบัติ  โพธิ์งาม  รอง ผกก.ป.สภ.เมืองราชบุรี ได้เข้าทำการสอบปากคำเยาวชนจำนวน 8 คน ซึ่งมีทั้งที่อยู่ในชุดนักเรียนและชุดนอก  หลังตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกันขโมยรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อคืน วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา มีคนร้าย 2 คน เข้าไปขโมยรถจยย.ที่บริเวณแฟลตที่พักของเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองราชบุรี  โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพใบหน้าและพฤติการณ์ของคนร้ายได้ จากนั้นย่ามใจแอบเข้ามาขโมยรถในแฟลตตำรวจอีกครั้งจึงจับกุมทั้งคู่ได้ขณะ กำลังจูงรถจยย.เตรียมหลบหนี จากนั้นขยายผลตามจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งได้อีก 6 คน โดยทั้งหมดเป็นเยาวชน อายุตั้งแต่ 13-18 ปี กำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคและโรงเรียนมัธยมใน จ.ราชบุรี
โดยทั้งหมดรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับเพื่อนอีกคนที่หลบหนีไปได้ อาศัยช่วงหลังเลิกเรียนจะออกตระเวณหารถจยย.ที่จอดไว้ในที่ลับตาคนในพื้นที่ อำเภอเมือง อำเภอโพธาราม และอำเภอดำเนินสะดวก   ซึ่งจะแบ่งกันทำงาน  โดยมีชุดที่ไปดูลาดเลาก่อน  เมื่อพบรถจยย.ตามที่ต้องการก็จะมีอีกชุดเข้าไปทำการลักออกมา  และอีกชุดจะเป็นชุดล่วงหน้าถ้าไม่มีด่านตำรวจจะโทรบอกเพื่อน จากนั้นชุดที่ลักรถออกมาจะขี่กลับไปที่บ้านซึ่งแล้วแต่จะตกลงกันว่านำไปบ้าน ใคร จากนั้นชุดที่เหลือช่วยกันถอดเครื่องรถออกเพื่อนำเครื่องไปขายให้กับ จักรยานยนต์คลาสสิกหรือรถโบราณ  ส่วนอะไหล่อื่นนำไปขายตามร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์มือสองทั่วไป  และเมื่อได้เงินมาก็จะนำมาแบ่งกันไปใช้เที่ยวเตร่และเสพยาบ้าซึ่งทำแบบนี้มา หลายครั้งแล้ว  แต่เพิ่งจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ดังกล่าว.

โจรทมิฬบุกปล้นแม่เฒ่าวัย 80 ปี ทุบปางตายชิงเงินกว่าหมื่นบาท


เช้าวันนี้ (5 ก.ย.) ร.ต.ท.ฉัตรชัย แสงรื่น ร้อยเวร สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีคนร้ายบุกเข้าไปใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายคนแก่ได้รับบาดเจ็บที่ อยู่ในบ้านเลขที่ 19 หมู่ 4 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา แล้วชิงเงินสดไปหลายหมื่นบาท  จึงเดินทางไปตรวจสอบพบนางบุญช่วย บุญปลูกอายุ 80 ปี เจ้าของบ้าน ที่ยังอยู่ในสภาพสะบักสะบอมที่ท้องน้อยมีรอยเขียวช้ำหลายแห่ง และยังมีอาการหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนตื่นนอนเพื่อจัดเตรียมอาหารไว้ถวายพระ หลังที่จัดเตรียมอาหารเสร็จได้กลับเข้ามาพักผ่อนในห้องนอน เพื่อรอเวลาใส่บาตรโดยไม่ได้ปิดประตูบ้าน ระหว่างนั้นมีคนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมหมวกไหมพรมถือมีดเข้ามาจ่อที่คอ พร้อมกับตะโกนบอกให้เพื่อนคนร้ายอีกคนให้ดูต้นทางเอาไว้ ก่อนขู่บังคับให้ตนบอกที่ซ่อนเงิน ด้วยความกลัวตนเลยบอกที่ซ่อนเงินที่ซ่อนไว้ในตู้กับข้าว แต่คนร้ายไม่เชื่อกล่าวหาว่าตนโกหก เลยเอาหมอนอุดปากอุดจมูกแล้วทุบที่ท้องและตามร่างกายหลายแห่งจนหายใจไม่ออก จากนั้นคนร้ายรื้อค้นของในห้อง แล้วนำเงินสดจำนวน 13,000 บาท ที่ซ่อนเอาไว้ใต้หมอน และแหวนทองคำหนักสองสลึงไปด้วย พอคนร้ายหนีไปแล้วตนได้ตะเกียกตะกายไปร้องเรียกนายไพฑูรย์ บุญปลูก ลูกชายที่อาศัยบ้านอยู่ใกล้กันให้ช่วยนำส่งโรงพยาบาล
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าเป็นคนในพื้นที่หรือใกล้ชิด เพราะรู้ว่านางบุญช่วยมีเงินเก็บไว้ เลยพาพวกบุกเข้ามาปล้นเนื่องจากรู้ว่าเหยื่อนอนบ้านคนเดียว ซึ่งจะติดตามคนใกล้ชิดมาสอบปากคำต่อไป.

ขรก.ป.ป.ท.แต่งชุดดำค้านย้ายเลขาฯป.ป.ท


วันนี้ (5 ก.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.กว่า 20 คน แต่งชุดสีดำมาทำงานเพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติโยกย้าย พ.ต.อ.ดุษฎี  อารยวุฒิ  เลขาธิการป.ป.ท. ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรม  พร้อมกันนี้ยังได้รวมตัวกันมอบกระเช้าดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับ พ.ต.อ.ดุษฎี  นำโดยนายประยงค์   ปรียาจิตต์  รองเลขาธิการป.ป.ท. ซึ่งกล่าวในฐานะตัวแทนเจ้าหน้าที่ป.ป.ท. ว่า  หลังจากทราบว่าพ.ต.อ.ดุษฎี ถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรมก็รู้สึกตกใจเนื่องจากการทำงานที่ผ่าน มากำลังไปได้ด้วยดี  เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความเชื่อมั่น  อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นเช่นนี้  พ.ต.อ.ดุษฎีจะอยู่ในใจของพวกเรา  แม้จะเหลือระยะเวลาการทำงานร่วมกันอีกเพียง 20 วัน  แต่จะใช้เวลาดังกล่าวทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ และแม้ว่าพ.ต.อ.ดุษฎีจะย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว พวกเราจะสานต่อเจตนารมณ์ อย่างไรก็ตามหากมีงานที่ต้องการใช้ก็ขอให้สั่งการมาได้ทันที พวกเรายืนยันว่าจะทำงานด้วยความมุ่งมั่นและยึดกฎหมายเป็นที่ตั้ง
ด้านพ.ต.อ.ดุษฎี  ซึ่งแต่งกายด้วยชุดสีดำเข้าทำงานกล่าวหลังรับมอบกระเช้าให้กำลังใจว่า  ประวัติการทำงานของตนที่ผ่านมา 10 ปี ถูกย้ายมา 10 ครั้ง  หลังการย้ายทุกครั้งไม่เคยมีเสียงไล่หลังว่าไปทำไม่ชอบที่ไหน   ดีใจที่มีโอกาสได้ร่วมทำงานกับทุกคนมากว่า  300 วัน ถือว่าได้เพื่อนร่วมงานเพิ่มอีกกว่า 200 คน ตนจะไปทำงานที่ไหนก็จะหาเพื่อนร่วมงานเพิ่มอีก  สักวันหนึ่งรับปากว่าจะเป็นหลักให้ทุกคนในกระทรวงยุติธรรม  มีอะไรปรึกษาได้ตลอด  ตนเห็นแล้วว่าผู้ใหญ่ในกระทรวงหลายคน ทั้งที่เป็นข้าราชการแต่เริ่มไม่เป็นหลัก ฉะนั้นถ้าต้องการหลักทำงานที่ดี  ถ้าไม่เกรงกลัวอิทธิพลว่าจะไม่ก้าวหน้าเหมือนรุ่นพี่บางคน  มาปรึกษากันได้  ตนรู้สึกเหนื่อยใจเหมือนกันเวลาขึ้นลงลิฟท์ที่กระทรวงยุติธรรมแล้วเห็นรุ่น น้องบางคนใส่เสื้อปักชื่อกระทรวงยุติธรรม  แต่ยังไม่รู้เลยว่าคนเหล่านี้ให้ความยุติธรรมกับใครได้บ้าง  แต่เมื่อได้มาอยู่ที่ป.ป.ท.มั่นใจว่า  เสื้อที่หน้าอกทุกคนที่เขียนว่าป.ป.ท. ทุกคนสามารถทำงานเพื่อประชาชนได้   จำไว้ว่าป.ป.ท.ไม่ได้หมายความว่าปกป้องทุกจริต แต่ย่อมาจากอะไรทุกคนรู้ดี  ขอให้ทำงาน ประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะช้าแต่ขอให้มั่นใจว่าว่าเราทำอะไรอยู่   ตนบอกมาตลอดว่าสิ่งถูกต้อง 100 ปี ก็ยังถูกต้อง  ถูกใจวันนี้อีกไม่นานจะมีคนมาตามเล่นงานทีหลัง  ตนไปไหนไม่ไกล  สิ่งสุดท้ายที่อยากฝากคือการทำให้ทุกคนรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด  ตนกล้าบอกว่า  ตนทำให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียว  รักตนแล้วอยากให้ทุกคนรักกันเองด้วย. 

ศาลอุทธรณ์ยืน จำคุก 2 ปี “สมยศ แกนนำ 24 มิถุนาฯ ” ปราศรัยใส่ความ “พล.อ.สพรั่ง”


ที่ห้องพิจารณาคดี 915 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (5 ก.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.3833/2550 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ฟ้องนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา คำฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.50 จำเลยกล่าวปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กล่าวหา พล.อ. สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีต ผช.ผบ.ทบ. และเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ว่า ใช้เงินในการกระทำปฏิวัติรัฐประหาร จำนวน 1,200 ล้านบาท และมีการเซ็นเบิกจ่ายเงินจำนวน 12 ล้านบาท ให้นายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ซึ่งเป็นญาติของ พล.อ.สพรั่ง เพื่อนำไปใช้ในการประชาสัมพันธ์เชิงลึก ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี ปรับ 200,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 1 ปี ปรับ 100,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี คุมประพฤติปีละ 4 ครั้ง และทำงานบริการสังคม 20 ชั่วโมง

ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นการใช้สิทธิปราศรัยตามรัฐธรรมนูญนั้น แม้จำเลยจะมีสิทธิ แต่จำเลยต้องคำนึงและเคารพสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน การกล่าวหาดังกล่าวตามฟ้อง เป็นการด่าทอโจทก์ ซึ่งจำเลยยอมรับกับศาลว่าเป็นการด่าทอจริง การกระทำของจำเลยทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตติชมด้วยความเป็นธรรม การแสดงความคิดเห็นต้องไม่ล่วงล้ำสิทธิของผู้อื่น อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืน.

เฉียดตาย!หนุ่มโชว์รูมรถซิ่งซีวิคแหกโค้งอัดเสาไฟฟ้า


เมื่อเวลา 03.30 น วันนี้ (5 ก.ย.)  ร.ต.ท.พงษ์วงษ์ ประเสริฐดี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนเสาไฟฟ้ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณทางโค้งระยองราม่า  ถนนสุขุมวิท ปากซอยสุขุมวิท 61 ต.ท่าประดู่ เขตเทศบาลนครระยอง จึงรุดไปตรวจสอบพบประชาชนมุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก ตรวจสอบพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กบ-699 ระยอง   ในสภาพด้านหน้าพังยับเยินอยู่ริมถนน พบผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อต่อมานายวศิน วงเวียน อายุ 33 ปี  พนักงานบริษัทนิสสันตะวันออกมอเตอร์เวิร์ค จำกัด ตั้งอยู่ถนนสาย 36 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง  ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอกเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งยังโรงพยาบาลระยอง
สอบสวนผู้ที่เห็นเหตุการณ์ เบื้องต้นทราบว่า เห็นรถยนต์ของนายวศิน วงเวียน  วิ่งมาจากตัวเมืองระยอง มุ่งหน้าไปทางตำบลตะพง อ.เมืองระยอง  ด้วยความเร็ว เมื่อถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง นายวศินได้ขับรถหลุดโค้งพุ่ง ชนเสาป้ายบอกซอย และเสาไฟฟ้าจนขาดสองท่อนและมีควันไฟออกมาที่บริเวณด้านหน้ารถ เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพรกุศลเร่งนำถังสารเคมีดับเพลิงมาฉีดสกัดไว้เพื่อไม่ ให้เพลิงลุกไหม้  พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดระยองทำการตัดกระแสไฟฟ้า เกรงจะมีอันตรายจากไฟฟ้ารั่ว ซึ่งทำให้ไฟฟ้าในบ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงดับกว่า 3 ชั่วโมง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำบันทึกที่เกิดเหตุก่อนจะเรียกผู้ได้รับบาด เจ็บมารับทราบค่าเสียหายเสาไฟฟ้าของหลวง พร้อมจะตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ได้รับบาดเจ็บว่ามีปริมาณเกินมาตรฐานหรือ ไม่.

ตำรวจซ้อมใหญ่รับมือสารพัดม็อบ


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันนี้ (5 ก.ย.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.  กล่าวว่า วันที่ 10-12 ก.ย. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ ผบ.ตร.จะเป็นผู้อำนวยการฝึกแก้ปัญหาที่บังคับการและการจำลองเหตุการณ์ โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์จริงจำนวน 160 นาย ซึ่งการฝึกแก้ปัญหาที่บังคับการ และการจำลองเหตุการณ์เป็นการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์กรณีเกิดเหตุการณ์ใน สภาวการณ์ที่ไม่ปกติ โดยได้จัดตั้งกองอำนวยการฝึกแก้ปัญหาที่บังคับการ ณ ศปก.ตร.ชั้น 20 มี พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฎฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าวิทยากรในการฝึก
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ผู้เข้ารับการฝึกประกอบด้วยข้าราชการตำรวจในสังกัดศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) 45 นาย ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายกำลังพล ฝ่ายการข่าว ฝ่ายนโยบายและแผน ฝ่ายส่งกำลังบำรุง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายการเงินและงบประมาณ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและฝ่ายศูนย์ปฏิบัติการ และศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล ( ศปก.น.) จำนวน 89 นาย เป็นส่วนของผู้บังคับบัญชา บช.น. 6 นาย หน.ฝอ.ศปก.น. เจ้าหน้าที่ฝอ.ศปก.น.แบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ 7 ฝ่ายเช่นเดียวกับในส่วนของศปก.ตร.รวม 40 นาย และมีผบก.น.1-9 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ ( สปพ. ) สืบสวนและจราจร รวม 13 นาย รองผบก.(ผู้ควบคุมกำลัง) ผบ.ร้อยคฝ.ในสังกัดน.1-9 อคฝ.รวม 30 นาย และจะมีผู้สังเกตุการณ์ ระดับผบก.และรองผบก.อีก 26 นาย
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า สำหรับการฝึกจะมีการปฐมนิเทศ ให้ความรู้ก่อนการฝึกและในการฝึกปฏิบัติจริงจะมีการกำหนดแนวโน้มสถานการณ์ ที่มีความรุนแรงที่สุดจากสถานการณ์เบาสุดระดับ 2 ไปจนถึงสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุดระดับ 5 โดยสถานการณ์ความรุนแรงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา.

อายัดทรัพย์ก่อการร้ายภาคใต้โยงตาลีบัน


ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.ดร. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.แถลงข่าวการดำเนินการตามกฏหมายฟอกเงินกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมีผลการดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา 4 ราย รายแรกนายสุริยันต์ พงศ์มานะวุฒิ กับพวก ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวในความผิดฐานฟอกเงิน จำนวน 170 รายการ มูลค่ากว่า 16  ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นทองรูปพรรณ ธนบัตรรัฐบาลไทย และธนบัตรรัฐบาลมาเลเซีย 2.นายแสงทิตย์ คติสมสกุล กับพวก ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวในความผิด ฐานฟอกเงิน จำนวน 35 รายการ มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และสิทธิเรียกร้องตามสลากออมสิน 3.นางประนอม แปรโคกสูง กับพวก ได้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวเป็นความผิด มูลฐานเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ จำนวน 3 รายการ ซึ่งเป็นธนบัตรรัฐบาลไทย อาวุธปืน และสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ และเงินฝากในบัญชีธนาคารจำนวน 57 รายการอยู่ระหว่างการประเมินราคา และ 4. คดีนายอุเซ็ง ปุโรง กับพวก คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติในการประชุมครั้ง 10/2555 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2555 อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการก่อการร้าย มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน จำนวน 3 รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่ง

พ.ต.อ.ดร. สีหนาท กล่าวว่า คดียาเสพติดและการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลายคดีมีความเชื่อโยงกัน ผู้ก่อการร่ายมีการใช้ที่พัก สวนยางพารา โรงเรียนสอนศาสนาเป็นแหล่งผลิตอาวุธ ซ่องสุมกำลัง ผลิตระเบิดในโรงเรียน เก็บอาวุธจำนวนมาก ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินมีเงินทุนสนับสนุนเข้ามาที่โรงเรียนแห่งนี้จาก มูลนิธิหลายแห่งทั้งในประเทศและประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งจะมีการประสานกับ ปปง. ตะวันออกกลางเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด น่าเชื่อว่าบางส่วนมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มตาลีบัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความ ว่าผู้ที่สนับสนุนทางการเงินเหล่านี้จะรู้เห็นหรือสนับสนุนการก่อการร้าย เพียงแต่ผู้ที่ก่อความไม่สงบนำเงินเหล่านี้มาใช้ก่อเหตุ นอกจากนี้ยังพบโรงเรียนในพื้นที่ภาคใต้อีก 2-3 แห่งที่ได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรต่างประเทศมีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท ซึ่งอาจจะนำไปสนับสนุนการก่อการร้าย ทาง ปปง. กำลังตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 12.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้หารือและร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ห้องรับรองชั้น 2 ตึกสำนักงานเลขาธิการ ครม. โดยมี พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ว่าที่ ผบ.ตร. เข้าร่วมด้วย คาดว่าเป็นการหารือถึงการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปในวันที่ 5 ก.ย.นี้

รวบวินมอเตอร์ไซค์หื่นอ้างโปลิศหลอกเด็กพาเข้าแมนชั่นข่มขืน


วันนี้( 5 ก.ย.) พ.ต.ต.จตุภูมิ มุดซาเคน พงส.(สบ 2) สน.ประเวศ  ได้รับแจ้งจากพนักงานดูแล วลีไพแมนชั่น ซอยอ่อนนุช53 ถนนอ่อนนุช แขวงประเวศ เขตประเวศ ว่ามีเด็กผู้หญิงถูกล่อลวงมาข่มขืน ภายในห้องพักเลขที่ 109 ของแมนชั่น จึงนำกำลังไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นแมนชั่นให้เช่ารายวันและรายเดือน ที่หน้าแมนชั่นพบ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 5 ปี และด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 3 ปี ยืนร้องไห้ตัวสั่น โดยมีพนักงานดูแลแมนชั่นคอยปลอบอยู่ข้างๆ เด็กทั้งสองคนบอกว่า พี่สาวของตนคือ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี  ได้ถูกนายวัชระ วงษ์บาท อายุ 34 ปี วินจยย. พาเข้าไปข่มขืนภายในห้องพักเลขที่ 109 และยังอยู่ในห้องดังกล่าว  จึงนำกำลังไปตรวจสอบก็พบ นายวัชระ มีอาการคล้ายคนเมาอยู่ภายในห้องกับ ด.ญ.ซี จริง โดยมีขวดเบียร์ตั้งอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงดังกล่าวด้วย จึงควบคุมตัวมาสอบสวน

จากการสอบถาม ด.ญ.ซี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและน้องๆ คือ ด.ญ.เอ ด.ญ.บี และด.ช.เอฟ(นามสมมุติ) น้องชายอีกคนที่หลบหนีไปได้ รวม 4 คน ซึ่งพักอยู่ใกล้ๆกับที่เกิดเหตุ พากันเดินออกมาซื้อข้าวให้แม่กิน และขณะเดินอยู่นายวัชระก็ขี่รถมาใกล้ๆ แล้วยังอ้างว่าเป็นตำรวจจะพาไปที่สน.ประเวศ จากนั้นก็ลงมากระชากตนและน้องๆ ขึ้นรถ แต่ ด.ช.เอฟ น้องชายวิ่งหนีไปได้ ต่อมานายวัชระก็พาตนเองและน้องอีก 2 คน ขี่รถจยย.มาที่แมนชั่นดังกล่าว พอเข้าไปในห้องก็บังคับให้ตนเองถอดเสื้อผ้าออกให้หมด พร้อมบังคับให้ดื่มเบียร์อีกด้วย จากนั้นก็ลงมือข่มขืนตนเองจนสำเร็จความใคร่ โชคดีที่น้องๆหลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากพนักงานของแมนชั่นได้ ไม่อย่างนั้นตนอาจจะต้องอยู่ในห้องนั้นทั้งคืนและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

จากการสอบสวน นายวัชระ ให้การอ้างว่า ได้ขี่รถจยย.รับจ้างอยู่ที่วินหน้าห้างบิ๊กซี สาขาพระโขนง สวมเสื้อเบอร์ 37 ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถเข้าไปในซอยอ่อนนุช 9 เพื่อจะไปหาซื้อยาบ้ามาเสพ ต่อมาก็เห็น 4 พี่น้อง เดินอยู่ภายในซอย จึงขี่รถเข้าไปหาพร้อมแสดงตัวว่าเป็นสายลับของตำรวจ สน.ประเวศ  อ้างว่า ด.ญ.เอ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะพามาตรวจที่ สน. แต่เด็กผุ้ชายเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหลบหนีไป เลยพาเด็กทั้ง 3 คนที่เหลือขึ้นรถ แล้วพาเข้าไปที่วลีไพแมนชั่น เพื่อเปิดห้องพัก เมื่อเข้าไปภายในห้องพัก จากนั้นก็บังคับให้ ด.ญ.เอ ถอดเสื้อผ้าให้หมด แล้วให้ทุกคนดื่มเบียร์ด้วย แต่ไม่ได้ลงข่มขืนใคร พอช่วงเผลอ ด.ญ.บี กับ ด.ญ.ซี จึงได้วิ่งหนีออกไปจากห้องแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม  โดยเพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้เคยถูกตำรวจ สน.บางขุนนนท์ จับในข้อหาเสพยาเสพติด เมื่อปี 54

ด้าน พ.ต.ต.จตุภูมิ เปิดเผยว่า นายวัชระให้การว่าไม่ได้ข่มขืน ก็เป็นคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ หลังจากนี้จะพา ด.ญ.เอ ไปตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ เพื่อหาร่องรอยการถูกข่มขืนและใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี  ส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าพึ่งทำเป็นครั้งแรกจะทำการตรวจประวัติอีกครั้งเพื่อ ดูว่าเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาหรือไม่  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากับนายวัชระว่า พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยไม่มีเหตุอันควรเพื่อการอนาจาร และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน เพื่อดำเนินคดีต่อไป

“เจ๋ง ดอกจิก” คอตกนอนคุก ศาลยกคำร้องปล่อยชั่วคราว


ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.10 น. วันนี้ (5 ก.ย.) ศาลอ่านคำสั่งขอปล่อยชั่วคราวนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก"  ผู้ช่วยเลขานุการรมช.มหาดไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และจำเลยที่ 7 ในคดีก่อการร้ายที่ถูกศาลสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวไว้ หลังจากที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความใช้เงินสด 6 แสนบาท ยื่นคำร้องขอประกันตัวใหม่เมื่อวันที่ 3 ก.ย. โดยมีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.มหาดไทย มาเบิกความรับรองความประพฤติให้จำเลย เมื่อถึงเวลานัด ศาลได้เบิกตัวนายยศวริศมาฟังคำสั่ง โดยมีนางกรุณา มอริส ภรรยาของนายยศวริศ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช. และกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมาร่วมฟังคำสั่งและให้กำลังใจนายยศวริศด้วย
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 7 เคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวมาแล้ว แต่จำเลยยังกระทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขในการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวที่ศาล กำหนด และยังกระทำการในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายประการอื่น ศาลจึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ 7 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.55 การที่จำเลยมายื่นคำร้องขออนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในครั้งนี้ โดยจำเลยที่ 7 เบิกความในชั้นไต่สวนว่าจำเลยมีความสำนึกผิดแล้ว หากได้รับการอนุญาตให้ประกันตัวจากศาลอีกครั้งขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะปฏิบัติ ตามเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด จะทำหนังสือขอโทษต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 7 และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 7 อีก และจะระมัดระวังการกระทำของตนเองมิให้เป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทหรือ กระทำการใดๆ อันเป็นการละเมิด กระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงเกียรติยศของบุคคลอื่น
ส่วนกรณีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรมช.มหาดไทย และอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยมาเบิกความรับรองความประพฤติของจำเลยที่ 7 นั้น พยานทั้งสองเพียงแต่ให้คำรับรองตามความเห็นของพยานเอง ส่วนคำมั่นที่จำเลยให้ไว้กับการบรรเทาผลร้ายที่จะกระทำต่อตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญทั้ง 7 จำเลยเพียงแต่กล่าวอ้างขึ้น โดยยังไม่มีพฤติการณ์แสดงออกชัดว่าได้เริ่มดำเนินการไปแล้วบ้างหรือไม่ หรือหากศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในครั้งนี้ จำเลยจะกระทำการตามที่แถลงไว้จริง จากเหตุผลที่วินิจฉัยมาดังกล่าวข้างต้นประกอบกับการสูญเสียอิสรภาพของจำเลย ในเวลาอันสั้น ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ศาลเชื่อได้ว่าจำเลยรู้สำนึก มีความรู้สึกยับยั้งชั่งใจในการคิดใคร่ควรว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ มีความรู้สึกเข็ดหลาบและหลาบจำต่อการกระทำความผิดของตน หากจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไปจะไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขในการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและจะไม่กระทำการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดภยันตรายประการอื่นอีก จึงเห็นสมควรให้ยกคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 7 และคืนหลักประกันให้แก่ผู้ประกัน
ด้านนายวิญญัติ กล่าวภายหลังว่า หลังจากนี้จะทำหนังสือแสดงความสำนึกผิดส่งถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมด ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อแสดงให้ศาลอาญาให้เห็นว่าเราได้รู้สึกสำนึกผิดและได้มีการปฏิบัติอย่าง ชัดเจนตามคำสั่ง โดยเนื้อหาของหนังสือที่จะส่งถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ให้เห็นว่าเราไม่ มีเจตนาจะทำร้ายบุคคลใด ที่ทำไปเพราะขาดความยับยั้งชั่งคิด ส่วนที่มีความจำเลยถึงขั้นต้องให้มีหนังสือรับรองจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ เห็นว่าไม่ต้องถึงขั้นนั้น เพราะเมื่อเราตั้งใจทำหนังสือแสดงความสำนึกก็จะปรากฏต่อสาธารณชนอยู่แล้ว ขณะที่การพิจารณายื่นขอประกันตัวใหม่น่าจะไม่เกินเดือนต.ค.นี้ ซึ่งหลักทรัพย์อาจจะใช้จำนวนเดิม เพราะคำสั่งศาลวันนี้ไม่มีการพูดถึงเรื่องหลักทรัพย์ว่าน้อยไป รวมทั้งไม่ได้พูดถึงข้อกฎหมายอื่นที่จะไม่ให้ยื่นประกันอีก.

รองโฆษกปชป.ซัดรัฐบาลซ้อมระบายน้ำ


วันนี้ ( 5 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายณัฎฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กรุงเทพฯ และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์  แถลงผลการติดตามการทดลองการระบบระบายน้ำของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและ อุทกภัย ( กบอ.) ว่า เดิมรัฐบาลระบุว่าจะทดลองปล่อยน้ำปริมาณ30 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาทีแต่ปรากฏว่าจะมีการปล่อยน้ำเพียง 3 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งการปล่อยน้ำลักษณะดังกล่าวไม่สามารถวัดผลของระบบการระบายน้ำได้อย่างแท้ จริง ดังนั้น แทนที่จะทดลองระบบระบายน้ำรัฐบาลควรกลับมาตรวจสอบว่าได้ดำเนินการขุดลอกคู คลองและเส้นทางระบายน้ำลงสู่ทะเลใน 7 จุดที่เป็นปัญหาจนก่อให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 54 เสร็จเรียบร้อยหรือไม่มากกว่า
นายณัฎฐ์ กล่าวว่า สำหรับ 7 จุดที่มีปัญหาประกอบด้วย 1.แนวคันกั้นน้ำตลอดคลองประปาที่รัฐบาลได้ปล่อยน้ำเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2554 จนเป็นสาเหตุทำให้น้ำท่วม 2.แนวคลองรังสิต บริเวณจุดกลับรถห้างเซียร์รังสิต  3.ประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์บริเวณคลอง 1 ได้ซ่อมแซมเสร็จแล้วหรือไม่ 4.ประตูระบายน้ำฝั่งตะวันตก 14 บาน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรสาคร 5.ประตูระบายน้ำฝั่งตะวันออกของคลองระพีพัฒน์ โดยเฉพาะประตูระบายน้ำคลอง 8 – 13 ได้เสริมคันดินและซ่อมประตูระบายน้ำแล้วหรือไม่ 6.คลองหนองจอก ซึ่งเป็นจุดที่นักการเมืองบ้านเลขที่ 111 เข้ามาห้ามไม่ให้เปิดก่อนที่กทม.จะมาดำเนินการในภายหลัง และ 7. คลองย่อยบริเวณแก้มลิงฝั่งตะวันออกจังหวัดสมุทรปราการ ตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่จะระบายน้ำลงสู่ทะเล จึงอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะไม่เช่นนั้นหากปีนี้น้ำไม่ท่วมรัฐบาลก็จะบอกว่าระบบระบายน้ำทำได้ดี แต่ถ้าน้ำท่วมรัฐบาลก็จะโบ้ยให้กทม.หลังจากในงานนิทรรศการน้ำของรัฐบาลที่ ผ่านมาก็มีความพยายามโยนว่าปัญหาเรื่องน้ำเกิดมาก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้า มาบริหารประเทศ.

“ยงยุทธ” แก้ปัญหาปลูกบ้านรุกที่ริมคลองลาดพร้าว


วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้แต่ละจังหวัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าเพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำระบบ ใหม่ให้แล้วเร็จภายในสัปดาห์นี้ว่า ได้ดำเนินแล้วกว่า 1 เดือน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่มีปัญหา อย่ากังวลอะไร  เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมการแก้ปัญหาในการทำงานของกทม.และรัฐบาลอย่างไร หลังการทดสอบระบบระบายน้ำของกทม. นายยงยุทธ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องทดสอบก็เพราะเหตุผลนี้ เวลาจะซื้อเสื้อก็ต้องลองว่าแขนยาวไปหรือไม่ ถ้าคอไม่ตึงก็ต้องแก้ เช่นเดียวกันถ้าทดลองการระบายน้ำแล้วสะดวก ก็สบายใจได้
เมื่อถามว่าหลายคลองอาจยังไม่ปัญหา เช่น คลองเปรมประชากร หรือคลองลาดพร้าว เป็นต้น นายยงยุทธ กล่าวว่า  คลองเปรมประชาชนร่วมกับรับผิดชอบหลายฝ่ายทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หนังสือพิมพ์มติชน ถือเป็นคลองตัวอย่างได้ ส่วนคลองลาดพร้าวนั้น เราได้ขุดลอกไปมากแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ส่วนบ้านเรือนที่ปลูกรุกล้ำพื้นที่ริมน้ำนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทย จะเข้าไปช่วยดูแล.

ใบปลิวว่อนกระทรวงยุติธรรม โจมตีย้ายเลขาฯ ป.ป.ท.


วันนี้ (5 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้ที่กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้มีการแจกจ่ายใบปลิวสืบเนื่องจากกรณีที่มีการย้าย พ.ต.อ.ดุษฎี  อารยวุฒิ  เลขาธิการป.ป.ท.  ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม  โดยเนื้อหาใบปลิวระบุถึงสาเหตุที่มีการย้ายพ.ต.อ.ดุษฎี  ว่าเป็นเพราะเข้าไปทำคดีเกี่ยวกับการบุกรุกที่ดิน จ.ภูเก็ต  ซึ่งเป็นที่ดินของส.ส.คนดังในพรรครัฐบาล  การเข้าไปตรวจสอบกรณีนำเข้ารถหรูหลีกเลี่ยงภาษี  ซึ่งเป็นเพื่อนลูกชายนักการเมือง  รวมถึงการตรวจสอบงบภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งมีความพยายามขอเคลียจากรัฐบาล แต่ไม่ได้ผลดังที่หวังจึงทำให้ต้องย้าย  ส่วนผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท.คนต่อไป  รัฐบาลพยายามผลักดันพ.ต.อ.ประเวศน์  มูลประมุข   รองอธิบดีดีเอสไอ  ทั้งที่ยังไม่ได้เรียกประชุมเพื่อคัดเลือก แต่ทราบรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งแล้ว  อย่างนี้เขาเรียกว่าทุจริตเชิงนโยบายของแท้   ที่เขาเรียกว่าวิธีแก้ปัญหาทุจริตของรัฐบาลเริ่มต้นจากการทุจริตสรรหาผู้ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท.
หลังจากนี้ขอให้จับตาผลที่รัฐบาลคาดหวังจากตำแหน่งเลขาธิการป.ป.ท. คือ 1. ระงับการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีบุกรุกที่ที่จ.ภูเก็ต  ในซีกของส.ส.พรรครัฐบาล แต่ให้ไปทำเพิ่มเติมในที่ดินของส.ส.ฝ่ายตรงข้าม 2.ระงับการตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์เลี่ยงภาษี โดยระบุว่าป.ป.ท.ไม่มีอำนาจตรวจสอบ ควรส่งเรื่องให้กรมศุลกากรรับไปดำเนินการภายในเอง 3.ตรวจสอบงบภัยพิบัติ เน้นงบไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะพบการทุจริตมากมายโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกระทำผิด ซึ่งจะทำให้รัฐบาลได้ผลงานและคะแนนความนิยมในการแก้ปัญหาการทุจริต.

"ปชป." อัดระบายข้าวล้มเหลวพบข้าวไร้คุณภาพ



ที่รัฐสภา วันนี้ ( 5 ก.ย.)  นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก รมช.พาณิชย์เงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ว่า รัฐบาลตั้งเป้าที่จะระบายข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ จากโกดังจำนวน 7.53 แสนตันแต่ปรากฏว่า รัฐบาลระบายข้าวได้เพียง 2.3 แสนตันเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง นอกจากนั้นยังพบว่าข้าวหอมมะลิที่ตั้งเป้าไว้ระบาย 499,068 ตันแต่สามารถระบายได้เพียง 71,040ตันเท่านั้น และพบว่ามีการนำข้าวหอมมะลิจังหวัดมาผสมทำให้ข้าวไม่ได้คุณภาพ จึงทำไม่มีความเชื่อมั่นในคุณภาพของข้าว นอกจากนั้นกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า การจำนำข้าว 5 เปอร์เซ็นต์ที่เกษตรกรจะได้ในราคา 16,300 บาท ต่อตันจากราคาตลาด  23,000 บาทต่อตัน ทำให้ขาดทุนถึง 7,000 บาท ซึ่งรัฐบาลควรที่จะเร่งเข้าไปตรวจสอบ
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า  ขอเรียกร้องว่า การประมูลครั้งต่อไปรัฐบาลควรที่จะเปิดซองประมูลราคาข้าวทันทีเพื่อไม่ให้ เกิดการทุจริต เพราะจากการปัญหาจากการระบายข้าวครั้งแรกจะทำให้เกิดการทุจริตกันอย่างมาก ยังพบว่ายังมีการนำข้าวขาวที่ออกไปแล้วมาเวียนเข้าโกดังรัฐบาลอีกรอบ เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า ข้าวขาวดังกล่าวได้ถูกนำมาประมูลแล้วหรือไม่ ดังนั้นขอให้รัฐบาลมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเพราะเชื่อว่า ต่อไปจะมีการโกงอย่างมหาศาลแน่นอน

“สาธิต”ยื่นผู้ตรวจฯเอาผิด”ประชา”รับรอง”เจ๋ง ดอกจิก”


วันนี้ (5 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะรมต.สำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า  ในวันนี้ (5ก.ย.) จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ดำเนินการกับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ฐานกระทำผิดประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ข้อ 4 ที่ระบุว่า ข้าราชการการเมืองต้องไม่คบหาหรือให้การสนับสนุนแก่ผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และเสื่อมเสีย
โดยพล.ต.อ.ประชา มีพฤติกรรมให้การสนับสนุนให้พรรคพวกของตนเองซึ่งเป็นผู้ที่กระทำผิดกฏหมาย คือ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ที่พล.อ.ต.ประชา มีหนังสือรับรองและไปให้ปากคำกับศาล ระหว่างขอประกันตัว ว่า นายยศวริศจะไม่ขึ้นเวทีและมีพฤติกรรมขัดกับเงื่อนไขของศาล และไม่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก ทั้งที่นายยศวริศ มีคดีที่อยู่ในชั้นศาล 3 คดี คือ รับจ้างเลือกตั้ง ขึ้นเวทีปราศรัยล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และตกเป็นผู้ต้องการในคดีก่อการร้ายในเหตุการชุมนุมทางการเมืองปี 52-53 ทั้งนี้ หากทางผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบแล้วพบว่า พล.อ.ประชามีความผิดร้ายแรงก็ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปรามปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อดำเนินการชี้มูลเพื่อถอดถอนต่อไป.

ทดสอบประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาก่อนทดลองจริง


เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (5 ก.ย.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.กทม. เขตทวีวัฒนา  พรรคประชาธิปัตย์ เดิน ทางมารับฟังการเตรียมพร้อมทดสอบของเครื่องผลักดันน้ำกับ นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผอ.กองระบบอาคารบังคับรับน้ำ สำนักการระบายน้ำ ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา สำนักการระบายน้ำ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา โดยทำการเปิดประตูน้ำ 50 ซม.ตั้งแต่เวลา 08.00-11.00 น.

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะมีการทดสอบดังกล่าว ตนได้ลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนบริเวณริมคลองทวีวัฒนาและพื้นที่ใกล้เคียง โดยในตอนแรกต่างกังวลเพราะเข้าใจว่าเป็นการจำลองเหตุการณ์น้ำท่วม แต่เมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้วว่าการทดสอบครั้งนี้ เป็นการคือการทดสอบเครื่องผลักดันน้ำ ทางประชาชนรู้สึกสบายใจ ทั้งนี้หากตอนทดสอบนั้นเกิดฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานานทาง กทม. จะทำการหยุดการทดสอบทันที  

นายสมพงษ์เปิดเผยว่า การทดสอบในช่วงเช้าเป็นการทดสอบระบบและศักยภาพของเจ้าหน้าที่ เพื่อหาปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านประตูในแต่ละช่วงว่าจะมีปริมาณเท่าไหร่ โดยเปิดประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนาที่ระดับ 50 ซม. ปรากฏว่ากระแสไหลด้วยความเร็ว 2-3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จนกระทั่งเปิดประตูที่ระดับ 230 ซม. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดกระแสน้ำไหลด้วยความเร็ว 16 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการเปิดเครื่องผลักดันน้ำ โดยในช่วงบ่ายจะเป็นการทดสอบแบบเต็มระบบโดยเปิดประตูระบายน้ำที่ 55 ซม.กระแสน้ำจะไหลด้วยความเร็ว 7 ลูกบาศก์ต่อเมตรต่อวินาที ตนเชื่อว่าการทดทดสอบปล่อยน้ำพร้อมกับเปิดเครื่องผลักดันน้ำประชาชนที่อาศัย อยู่ในบริเวณโดยรอบจะไม่ได้รับผลกระทบในครั้ง.

ศาลปกครองไต่สวนคดีร้อง "บิ๊กโอ๋" ย้ายปลัดกลาโหม


วันนี้ (5 ก.ย.) เวลา 09.00 น. ศาลปกครองกลางได้นัดคู่กรณีไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ 1746/2555 ที่พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และคดีหมายเลขดำที่1747/2555พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์  ปลัดกระทรวงกลาโหม ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่ากระทรวงกลาโหม กรณีขอให้เพิกถอนคำสั่ง กระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่383/55 เรื่องให้พล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรี ไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักรัฐมนตรีกระทวงกลาโหม ฉบับลงวันที่ 27 ส.ค. 55 เนื่องจากเห็นว่าเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยการไต่สวนในครั้งนี้เป็นไปตามคำขอของพล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรี ผู้ฟ้องคดีที่ขอว่า ระหว่างที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาคดีขอให้ศาล มีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำสั่งทางปกครองโดยสั่งระงับคำสั่งที่ให้ พล.อ.เสถียร และพล.อ.ชาตรีไปช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไว้ก่อน ซึ่งทั้งผู้ฟ้องคดี และผู้ถูกฟ้องคดี ต่างไม่ได้เดินทางมาชี้แจงองค์คณะด้วยตนเอง

ทั้งนี้ ในส่วนของพล.อ.เสถียรและพล.อ.ชาตรี มอบหมายให้นายธนพนธ์ ชูชยานนท์ ผู้รับมอบอำนาจทำการชี้แจง ขณะที่พล.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม มอบหมายให้ พล.ต.พินิจ ฉัตรเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยเจ้ากรมเสมียนตรา และพ.อ.ภานุ  พรหมดิเรก ผอ.กองนิติธรรม กรมพระธรรมนูญ ทำการชี้แจงแทน ซึ่งหลังการไต่สวนผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายต่างหลบผู้สื่อข่าวที่ไปรอทำข่าวออกทางประตูด้านหลังห้องไต่สวน
อย่างไรก็ตามนายธนพนธ์ เปิดเพียงสั้น ๆ ว่า ศาลจะมีการไต่สวนต่อในช่วงบ่าย เนื่องจากช่วงเช้าเป็นการไต่สวนในส่วนของพล.อ.เสถียร ช่วงบ่ายจะเป็นเรื่องของพล.อ.ชาตรี เนื่องจากทั้ง 2 เรื่องมีความแตกต่างกัน แต่ขณะนี้ศาลได้รับฟ้องคดีของผู้ฟ้องทั้ง 2 รายไว้พิจารณาแล้วซึ่งในกรณีดังกล่าวนี้ผู้ฟ้องคดีสามารถฟ้องคดีต่อศาล ปกครองได้เลยเนื่องจากตำแหน่งปลัดกระทรวงถือเป็นตำแหน่งสูงสุดที่ไม่ต้อง ยื่นอุทธรณ์ต่อหน่วยงานก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามขั้นตอนของศาลแล้ว หลังการไต่สวนองค์คณะจะพิจารณาว่าจะรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัย หรือไม่ หากมีความเห็นรับคำฟ้องก็จะพิจารณาต่อไปว่าจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้คำ สั่งทางปกครองตามที่ผู้ฟ้องคดีร้องขอหรือไม่ จากนั้นจึงจะมีคำสั่งแจ้งคู่กรณีทราบในคราวเดียวกัน.

“ชาดา” คาใจมือสังหารหมกเม็ดฆ่าลูกชาย แต่เชื่อตำรวจไม่จับแพะ


วันนี้ (5 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา แถลงผลการติดตามคดีคนร้ายยิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ บุตรชายว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 ผบก.ภ.นครราชสีมา ผกก.หมูสี และนายตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ทุกคน เชื่อว่าช่วงติดตามคดีนี้ได้ใช้งบส่วนตัวจำนวนมากจนผู้ต้องหาออกมามอบตัว ตนเชื่อว่าเป็นตัวจริง แต่ผู้ต้องหาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมดว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดด้วย ก่อนหน้านั้นที่มีการขับรถแซงรถตนก็ไม่พูดถึง แต่เชื่อว่าเขามีที่ปรึกษาทางกฎหมายดีคอยให้คำแนะนำ และพยายามพูดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง อาวุธปืนก็ทิ้งไกลจากที่เกิดเหตุกว่า 5-10 ก.ม. และหากดูวงจรปิดตั้งแต่ออกจากร้านแม็คโดนัลมาราว 200 เมตร ตนได้ส่งสัญญาณมือบอกให้ลูกชายหรี่ไฟหน้า เพราะขับรถบีเอ็มฯนำหน้าอยู่ไฟมันส่องมา ซึ่งลูกชายก็เปิดไฟหรี่ตลอดเส้นทาง ถ้าสาดไฟสูงน่าจะเป็นรถตนมากกว่า แต่นั้นก็ไม่มีเหตุอะไร เพราะคนร้ายขับรถแซง 2 ครั้งแล้วจอด แต่มาแซงครั้งสุดท้ายตนจึงไม่ยอม และวิ่งรถสวนกับรถที่ตนนั่ง ตามที่ให้การก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าเขาพูดความจริงไม่หมด
นายชาดากล่าวอีกว่า คนทำไม่ได้มาคนเดียวแน่นอน เพราะทั้งตนและญาติผู้หญิงที่นั่งในรถ ซึ่งไม่ใช่เพื่อนสาว เห็นเหมือนกันและตนได้ให้การไปแล้ว  เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยังตั้งข้อสงสัยว่าใครเป็นฝ่ายยิงก่อนกันแน่ นายชาดากล่าวว่า ลูกชายของตนขับรถอยู่ ก็ไม่ทราบได้ แต่ให้ปากคำไปหมดแล้ว พยาน 4-5 ปากยืนยันว่าเขายิงก่อน แต่ไปเชื่อผู้ต้องหาปากเดียวว่าทางนี้ยิงก่อน เหตุที่เกิดขึ้นสื่อมวลชนและประชาชนคงสงสัยว่าทำไมมันถึงกลับตาลปัตรอย่าง นี้ เมื่อถามว่ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขอขุดศพลูกชายขึ้นมาพิสูจน์อีกครั้ง นายชาดากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่กระทบกระเทือนจิตใจตนมาก ในวันแรกที่เกิดเหตุไม่มีใครมาสอบถามเลย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาหาก็คุยกับน้องสาวตนที่อยู่โรงพยาบาล ทางเราก็บอกว่ายินดีตั้งแต่ครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่อยู่ที่นั่นก็บอกว่าเอาเฉพาะบริเวณปากแผล ซึ่งมีดินปืน เขม่าอะไรต่างๆ ในรถมีหัวกระสุนอยู่นัดหนึ่ง ก็ไม่จำเป็นแล้ว เราก็ประกาศว่าให้รีบทำภายในวันเดียว เขาก็บอกว่าเพียงพอแล้ว เรื่องนี้ฟังแล้วตลก ไม่ทราบว่าข่าวมาจากทางไหนว่าจะมาขุดศพลูกชายตนมาพิสูจน์ ให้ไปหาปืนคนร้ายให้เจอดีกว่า เพราะคนร้ายรับสารภาพแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาหัวกระสุน ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ
“ทางหลักศาสนาอิสลามแค่กล่าวถึงก็เป็นเรื่องที่ไม่ให้เกียรติกันแล้ว ผมบอกว่าทำใจได้ที่ลูกชายเสียชีวิต แต่ไม่ยอมและทำใจไม่ได้ที่จะมาทำกับศพลูกแบบนี้ ในความเป็นพ่อต้องปกป้องอย่างเต็มที่ ซึ่งศพลูกชายผมไม่ใช่สาระสำคัญของคดี ไปหาปืนดีกว่า ขุดขึ้นมาแล้วจะเจอปืนหรือไม่ เป็นการโยนหินถามทางกันมากกว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เกิดจากที่ปรึกษากฎหมายของผู้ต้องหาแน่นอน และเชื่อว่าจุดนี้จะมีผลต่อการเจอปืนหรือไม่เจอปืน คำตอบอยู่ในนี้ ขอบอกว่าผมเองทำใจกับเรื่องนี้ได้ แต่อย่าให้เหตุลักษณะแบบนี้เกิดขึ้น เพราะถือว่าให้อภัยกับผู้ที่ก่อเหตุแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่จบไปแล้ว แต่อย่ามาสร้างเรื่องสตรอรี่เรื่องยาวให้เป็นที่คลางแคลงใจกัน” นายชาดากล่าว
ต่อข้อถามว่าขณะที่ยืนยันว่ารถผู้ต้องหามีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่าหนึ่งคน แต่ทางฝ่ายสืบสวนระบุว่ามีคนเดียว จะหาข้อเท็จจริงอย่างไร นายชาดาตอบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ยืนยันว่ามีคนเดียว แต่คนร้ายให้การอย่างนี้ก็เป็นสิทธิ เขาคงไม่เอาใครมาเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย ก็รับคนเดียวไป ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเทคนิคการสู้คดีเขาจะมีเหตุอะไรที่จะเอาผู้ร่วมก่อเหตุมา มอบตัวด้วย แต่ทั้งตนและญาติก็ยืนยันว่าเห็นจริงๆ เห็นคนร้ายจี้ปืนใส่มาที่ตนด้วย และตนจำหน้าแม่นมาก ขอย้ำว่าจำหน้าได้แม่นมาก และเป็นเหตุการณ์ที่ตนจินตนาการไม่ได้ ว่าไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อถามย้ำว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาคนร้ายอีกคนไม่ได้ จะดำเนินการอย่างไร นายชาดากล่าวว่า ถือเป็นผู้ร่วมขบวนการ ไม่ได้ติดใจอะไร ต้องพิสูจน์ต่อไปในวันข้างหน้า หากตนเจอตัวก็อาจต้องชี้ให้เจ้าหน้าที่จับ
“อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคนลองนึกว่าถ้าเป็นผมตายไปข่าวจะใหญ่หรือไม่ ถ้ากลายเป็นเหตุที่เกิดจากจิ๊กโก๋ข้างถนนเรื่องก็จบ นี่คือโจทย์ที่ตั้งไว้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเขาก็ทำไปตามหลักฐาน แต่ผมมั่นใจว่าหลักฐานในที่เกิดเหตุไม่ครบถ้วน เพราะผู้ที่เข้ามอบตัวคนนี้ได้ไปยืนดูตรงจุดเกิดเหตุด้วย มีชาวคลองเดื่อเห็นแล้วโทรมาบอกว่าเขายังส่งบุหรี่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไป เฝ้า ทำตัวเป็นปกติ เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรปิดกันไม่ลับ แม้แต่ที่ทำงานของเขาก็ปิดว่าไม่ได้ไปรับเหมา มีการระบุว่าทำงานที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ชาวบ้านโทรมาบอกลักษณะนิสัยว่าปกติเป็นคนขับรถเปิดเพลงเสียงดัง เขาก็คงมีทั้งคนรักและไม่รัก”นายชาดา กล่าว
เมื่อถามว่าบอกว่าจำคนร้ายได้แม่น ได้ยืนยันข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่หรือไม่ นายชาดากล่าวว่า แจ้งไปแล้ว ทางตำรวจจะให้ตนสะเก็ดภาพ ก็บอกว่าคงทำไม่ได้ ไม่ได้จำว่าปากหนาอย่างไร แต่จำแม่นแม้แต่เสื้อที่ใส่ บอกไปเดี๋ยวจะกลายเป็นจินตนาการมากกว่า เมื่อถามว่ามีการพูดคุยส่วนตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ขอให้ติดตามจับกุมคนร้ายอีกคนให้ได้ภายในกี่วันหรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ไม่ เขาเป็นแค่ผู้ร่วมกระทำผิด ตัวจริงมาแล้ว แต่เรื่องจับตัวได้ไม่ได้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจคงไม่สามารถทำอะไร ได้มากกว่านี้ในเมื่อเขายืนยันว่ามาคนเดียว แต่ที่สำคัญคือรถที่อ้างว่าถูกยิงในวันแรกที่เรียกมาสอบ แล้วปล่อยกลับไป อยากถามว่าในทางความรับผิดชอบของผู้ที่เรียกรถมา เมื่อเห็นมีรอยกระสุน น่าจะสอบถามว่ารถถูกยิงทั้งที่มีคดีอยู่  ไม่ใช่รถอยู่ดีๆถูกยิงแล้วปล่อยไป ถึงบอกว่าคนร้ายมีที่ปรึกษา แต่เสียใจอยู่นิดเดียวว่าจับรถมาแล้วมีรอยกระสุนปืนแล้วปล่อยกลับไปอ้างรถคน ละยี่ห้อ ถึงแม้จะคนละยี่ห้อแต่รถถูกยิงไม่ว่าจะคดีไหนก็ต้องสอบสวน หลังจากนั้นก็เอารถไปทำ ถือว่าเป็นเรื่องทะแม่ง ๆ แม้จะอ้างว่าเป็นคนละยี่ห้อก็ตาม จึงต้องสอบถามในความรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าแสดงว่าไม่มั่นใจการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายชาดากล่าวว่า ตนมั่นใจ ตำรวจเขาทำไปตามหลักฐาน แต่จะถูกบิดเบือนไปอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะว่าผู้ที่เข้ามอบตัวบ้านก็อยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ  เมื่อถามว่าคนที่มามอบตัวเป็นมือยิงหรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ เขาไม่ได้พูดความจริง เมื่อถามว่าสันนิษฐานหรือไม่ว่าเป็นที่ปรึกษาของคนร้าย เกี่ยวโยงกับเรื่องธุรกิจ หรือการเมืองหรือประเด็นอะไร นายชาดา กล่าวว่า หากจะมีก็มีเรื่องการเมือง เป็นธรรมดาของคนที่มีเรื่องต้องปรึกษาทนาย เขามีเวลาตั้งตัวหลายวันกว่าจะเข้ามอบตัว เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่จะไปพิสูจน์ว่าใครผิดหรือถูก แม้แต่อาชีพเขาก็บอกผิดว่าเป็นวิศวกร ซึ่งไม่ใช่ เพราะเขาไม่ได้จบวิศวะ อาจเป็นเพราะอยากให้เกิดความน่าเชื่อถือมากกขึ้น แม้แต่ชื่อรีสอร์ทที่บอกตอนแรกว่าไปเฝ้าอยู่ ก็ไม่ใช่ ซึ่งชาวคลองเดื่อรู้ดีว่าเขาทำงานอยู่ที่ไหน
ต่อข้อถามว่าปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องการเมือง นายชาดากล่าวว่า ความเชื่อของตนคือความเชื่อส่วนตัว แต่ขอให้สื่อมวลชนและประชาชนพิจารณาดูว่ามันทะแม่งๆหรือไม่ ตนเป็นผู้สูญเสียแต่กำลังจะกลายเป็นจำเลยไปแล้ว เมื่อถามว่าคนร้ายอีกคนคุ้นหน้ามาก่อนหรือไม่ นายชาดากล่าวว่า รูปร่างอาจจะมีซ้ำกับคนอื่น แต่ไม่เคยคุ้นตามาก่อน แต่เห็นชัดเจนมาก จำแม่น ยืนยันว่าจำบุคคลคนนั้นแม่นมาก เมื่อถามว่าจะมีการสืบคู่ขนานกับทางตำรวจหรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ไม่ใช่สาระสำคัญ คงไม่ขอให้สืบสวนอะไรเพิ่มเติม แล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ความเป็นผู้ต้องหาเป็นผู้ต้องสงสัย เขามีสิทธิจะอ้างกฎหมาย ตนก็เคยตกเป็นจำเลยในสภาพนี้ รู้ว่าการกระทำนี้เป็นอย่างไร เขาต้องให้การในทางที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ตนไม่ก้าวล่วง จะผิดหรือไม่ผิดลูกตนก็คงไม่ฟื้นขึ้นมา บอกแล้วว่าให้อภัยหมดแล้ว แต่อย่ามีบางคนพยายามสร้างเรื่องราวให้ยาว แล้วกลายเป็นว่าตนกับผู้ที่เข้ามอบตัวบาดหมางกัน
“ผมบอกลูกหลานตระกูลไทยเศรษฐ์ไม่ให้ติดใจอะไรทั้งนั้น ได้คุยกันหมดทุกคนแล้ว อยากให้เรื่องมันจบ เพราะได้ให้อภัยเขาหมดแล้ว ที่เหลือเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เราพร้อมจะรับทุกสภาพ เขาจะติดคุกหรือไม่ ไม่ได้ติดใจ ส่วนทางเราจะโดนอะไรก็พร้อมรับสภาพหมด ผมไม่รู้แนวทางการสอบสวนจะต้องเพิ่มเติมอะไร หัวกระสุนก็มีอยู่แล้ว 1 หัว ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอก แต่ไม่ทราบว่าเป็นการโยนข่าวมาจากทางไหนว่าจะขอผ่าศพ ข่าวที่ออกมาเป็นข่าวลวงมากกว่า เรารู้สเต็ปนะครับว่าจะออกมาแบบนี้ เราก็ทราบอยู่แล้วและคาดคะเนอยู่แล้ว”นายชาดากล่าว
เมื่อถามว่าหากวันนั้นเป็นตัวเองที่โดน ในทางการเมืองจะเป็นอย่างไร นายชาดากล่าวว่า ถ้าเกิดมีส.ส.ตาย 1 คน สื่อมวลชนต้องประโคมข่าว ผู้ที่กระทำก็อยากให้จบว่าเป็นจิ๊กโก๋ข้างถนน คดีก็จบและปิดฉากได้ง่าย ไม่เช่นนั้นจะถูกกดดัน ถ้าไม่มีตนการเมืองจะเปลี่ยนแปลงถึง 2 จังหวัด คือ จ.อุทัยธานี และจังหวัดข้างเคียง สิ่งที่กล่าวเช่นนี้เพราะก่อนหน้าเกิดเหตุมีการเตือนมาก่อนแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ตนย่อมคิดไปได้ และเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่คาดไว้ คือเป็นเรื่องเหตุซึ่งหน้า เมื่อถามต่อว่าสิ่งที่เชื่อกับผลตรวจสอบทางคดีมันยังขัดแย้งกันอยู่ นายชาดากล่าวว่า ไม่ใช่ขัดแย้ง ความเชื่อของตนคือความเชื่อส่วนตัว ไม่ก้าวล่วงการทำงานของตำรวจ เมื่อถามว่าหลังเกิดเหตุมีคนออกมาเตือนอะไรอีกหรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ขออนุญาตไม่พูด อยากให้จบตรงนี้ จบแบบนี้ก็ดีแล้ว จบกันไป แต่ดูไปเรื่อยๆ ก็น่าจะรู้ เมื่อถามว่าตอนนี้ยังระแวงอยู่หรือไม่ นายชาดากล่าวว่า ใครที่โดนอย่างตนก็ต้องระวังทั้งนั้น การระวังตัวเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน ต้องขอบคุณผบก.ภ.อุทัยธานี ที่ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแล.

"บิ๊กโอ๋" ถกจ่าฝูงเหล่าทัพ หารือตำแหน่ง "ปลัดกลาโหม"


วันนี้ ( 5 ก.ย.)  เวลา 08.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2556 โดยมีพล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รองปลัดกระกลาโหม ทำหน้าที่รักษาการแทนพล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. และพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. เข้าร่วมการประชุม
ทั้งนี้ คาดว่าวาระสำคัญในการประชุมคือเรื่องการแต่งตั้งปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.สุกำพลได้ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีที่ศาลปกครองนัด ไต่สวนว่าจะมีคำสั่งคุ้มครองมาตรการชั่วคราวก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือไม่ หลังจากที่ พล.อ.เสถียร ได้ยื่นฟ้อง เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการโยกย้าย โดยพล.อ.อ.สุกำพล ยิ้มและกล่าวเพียงสั้นๆว่า "ไม่ขอพูดเรื่องนี้" หลังจากนั้นได้เดินขึ้นห้องทำงานชั้น2 ทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศระหว่างการประชุม มีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เป็นระยะๆ  เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัย

“สาธิต”ยื่นผู้ตรวจฯเอาผิด”ประชา”รับรอง”เจ๋ง ดอกจิก”


วันนี้ (5 ก.ย.) ที่รัฐสภา นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะรมต.สำนักนายกรัฐมนตรีเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า  ในวันนี้ (5ก.ย.) จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ดำเนินการกับพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ฐานกระทำผิดประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ข้อ 4 ที่ระบุว่า ข้าราชการการเมืองต้องไม่คบหาหรือให้การสนับสนุนแก่ผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และเสื่อมเสีย
โดยพล.ต.อ.ประชา มีพฤติกรรมให้การสนับสนุนให้พรรคพวกของตนเองซึ่งเป็นผู้ที่กระทำผิดกฏหมาย คือ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ที่พล.อ.ต.ประชา มีหนังสือรับรองและไปให้ปากคำกับศาล ระหว่างขอประกันตัว ว่า นายยศวริศจะไม่ขึ้นเวทีและมีพฤติกรรมขัดกับเงื่อนไขของศาล และไม่คุกคามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีก ทั้งที่นายยศวริศ มีคดีที่อยู่ในชั้นศาล 3 คดี คือ รับจ้างเลือกตั้ง ขึ้นเวทีปราศรัยล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และตกเป็นผู้ต้องการในคดีก่อการร้ายในเหตุการชุมนุมทางการเมืองปี 52-53 ทั้งนี้ หากทางผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบแล้วพบว่า พล.อ.ประชามีความผิดร้ายแรงก็ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปรามปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อดำเนินการชี้มูลเพื่อถอดถอนต่อไป.

โร่ร้องกองปราบฯ อดีตประธานสภาดังหายตัวลึกลับหวั่นถูกอุ้ม


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (5 ก.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นางสมพร จีมขุนทด อายุ 43 ปี ผู้สมัครสมาชิก อบต.โคกปรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ และนายบุญเกิด จีมขุนทด อายุ 55 ปี กำนัน ต.โคกปรง ซึ่งเป็นภรรยาและพี่ชายของนายชวลิต จีมขุนทด หรือยุ่ง อายุ 44 ปี อดีตประสภา อบต.โคกปรง อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ 9 ต.โคกปรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ต่อมหล้า พงส.(สบ 3) กก.4 บก.ป.กรณีที่นายชวลิต ขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่กลับบ้านและไม่สามารถติดต่อได้ เกรงว่าจะได้รับอันตรายเนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาขัดแย้งกับการเมือง ท้องถิ่นฝ่ายตรงข้าม
นางสมพรกล่าวว่า สามีเคยเป็นประธานสภา อบต.โคกปรง เมื่อหมดวาระและมีการสมัครรับเลือกตั้งใหม่ก็ส่งตนลงสมัครแทน ส่วนสามีเตรียมตัวจะลงสมัครชิงตำแหน่ง นายก อบต.โคกปรง ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ทั้งนี้ ก่อนที่สามีจะหายตัวไปก็ไม่ได้มาปรับทุกข์ใดๆ ให้ฟัง และไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น จะมีเพียงแค่การโทรศัพท์ติดต่อกับคนที่ชื่อ “ดาบน้อย” ค่อนข้างบ่อย และเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านไปก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตเพราะยังสอนการบ้านลูกสาว และไปนั่งเล่นที่บ้านนายบุญเกิด พี่ชาย แต่ระหว่างนั้นมีคนโทรศัพท์มาหา 4-5 ครั้งๆ สุดท้ายทราบว่าสามี เรียกคนที่โทรศัพท์มาหาว่า “ลูกพี่” เมื่อวางสายก็เร่งรีบขับรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ ทะเบียน บบ 7777 เพชรบูรณ์ ออกจากบ้านไปรับนายไพศานติ์ จันลา อายุ 42 ปี ผู้สมัครสมาชิก อบต.โคกปรง ที่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 1 ต.โคกปรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ไปพร้อมกัน แต่หลังจากออกไปวันนั้นก็หายตัวไปและติดต่อไม่ได้อีกเลย

นางสมพรกล่าวต่อว่า หลังเกิดเรื่องได้แจ้งความไว้ที่ สภ.วิเชียรบุรี ซึ่งการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามีพยานเห็นรถกระบะ ของสามีครั้งสุดท้ายที่ถนนวิเชียรบุรี-ซับบอน ต.กันจุ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งห่างออกไปประมาณ 20-30 กิโลเมตร โดยจอดอยู่ริมถนนและมีรถยนต์ 2 คัน จอดอยู่ด้านหน้าหนึ่งคัน และด้านหลังหนึ่งคัน จากนั้นทั้ง 3 คัน ก็ขับออกไปพร้อมกันโดยไม่ทราบว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด ตนเชื่อว่าคนที่สามีไปพบนั้นต้องสนิทสนมกันมากเพราะเขาเรียกว่า ลูกพี่ และการออกจากบ้านไปทั้งๆ ที่ใส่กางเกงขาสั้นอยู่ และไม่ได้พกปืนติดตัวไปด้วย เพราะปกติสามี จะพกปืนติดตัวตลอดเวลา เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วเคยมีข่าวว่าถูกปองร้ายสาเหตุขัดแย้งการเมืองท้อง ถิ่นอย่างรุนแรง เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับสามี หรืออาจถูกลวงหรือถูกอุ้มตัวหายไปอย่างมีเงื่อนงำ และไม่ทราบชะตากรรมของสามีว่าตอนนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร.

ดับไฟใต้ฝ่ายค้านต้องจับมือรัฐบาล "เหลิม" ลั่นสำเร็จพร้อมยกเครดิตให้ "มาร์ค"


วันนี้ (5 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหนังสือเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และส.ส.ภาคใต้ มาหารือในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ ว่า การที่ตนทำหนังสือเชิญพรรคประชาธิปัตย์มาหารือเรื่องแก้ไขปัญหาจังหวัดชาย แดนภาคใต้ เพราะตนมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์รู้ข้อเท็จจริงดีกว่าคนอื่น เพราะ มีส.ส.อยู่แทบทุกพื้นที่ภาคใต้ และมองว่าเรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลหรือของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของส่วนรวมและคนในชาติ ส่วนฝ่ายค้านบางคนไม่อยากตอบรับคำเชิญเนื่องจากต้องการให้นายกรัฐมนตรีมารับ ฟัง ด้วยตัวเองมากกว่ารองนายกฯที่อาจจะไม่ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ทำไมจะไม่ได้ประโยชน์ เพราะหากเสนอมาตนต้องกราบเรียนนายกฯ เพราะเรื่องนี้นายกฯได้มีบัญชากับตนให้เชิญผู้นำฝ่ายค้านและส.ส.ภาคใต้ ทำไมจะไม่ฟัง ดังนั้นอย่ามาตั้งแง่เลย มาช่วยกันเถอะ อยากรู้ว่ารองนายกฯต่ำต้อยอย่างไรถึงไม่อยากมา
ต่อข้อถามว่าประเด็นอะไรที่รัฐบาลอยากได้คำแนะนำจากฝ่ายค้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าอยากรู้ว่ามีแนวคิดอย่างไรที่ทำให้เหตุการณ์สงบ และหากสงบขึ้นมาตนจะบอกเลยว่าเป็นฝีมือพรรคประชาธิปัตย์ รัฐบาลไม่มีอาย และหากสถานการณ์ดีขึ้นตนจะขอขอบคุณผ่านสื่อให้คนทั้งประเทศรู้ว่าคือฝีมือ ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามย้ำว่า การส่งหนังสือเชิญเหมือนเป็นการยอมรับว่ารัฐบาลแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แล้วรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์แก้ได้หรือไม่ 99 วันที่ขึ้นคัตเอาท์แก้ได้หรือไม่ เรื่องนี้ไม่ง่าย อีก 10 รัฐบาลก็แก้ไม่ได้ แต่จะเบาบางลงแค่ไหนก็แล้วแต่สถานการณ์ เพราะมีปัจจัยหลายด้านตนรู้แต่พูดไม่ได้
ต่อข้อถามว่าตอนนี้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้เปิดตัวเยอะ เหตุใดจึงยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการเมืองเอี่ยว อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่านายกฯ ถึงพื้นที่ (จ.นราธิวาส) แล้วหรือยัง แต่เมื่อสักครู่ได้รับรายงานจากศชต.ว่ามีระเบิดดักหน้าแล้ว แต่เวลาพรรคประชาธิปัตย์ไปนั่งกินน้ำชาไม่มีอันตราย ระเบิดไม่มีเงียบกริบ  เมื่อถามถึงกรณีที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจสอบพบเส้นทางการเงินของโรงเรียนอิสลามบูรพา อ.เมือง จ.นราธิวาส ว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มตาลิบัน รองนายกฯ กล่าวว่า ป.ป.ง.ได้มาอย่างไรตนไม่ทราบ เพราะป.ป.ง.เป็นหน่วยงานอิสระ แม้ตนเป็นผู้บังคับบัญชาแต่ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว "พรรคประชาธิปัตย์มีความเชี่ยวชาญมาสิ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ก็รู้เยอะมาช่วยผม คุณไม่รักบ้านเกิดเมืองนอนหรือ บ้านพวกคุณไม่ใช่บ้านพวกผม แต่เป็นประเทศของผม รัฐบาลต้องมีหน้าที่ดูแล เราต้องช่วยกัน เป็นเรื่องบ้านเมือง อย่ามาว่ารัฐบาลชุดนี้เลยว่าทำไม่ได้ แก้ไม่ได้ แล้ว 2 ปี 8 เดือน ล่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าเชิญแล้วไม่มาก็เป็นสิทธิของเขา" ร.ต.อ.เฉลิมเผย.

อุทธรณ์ยืนยกฟ้อง "เทพเทือก" หมิ่น "ทักษิณ" อยากเป็นประธานาธิบดี


ที่ห้องพิจารณา  907 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (5 ก.ย.) ศาลฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำ อ.425/2552 ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ เป็นโจทก์ฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี  และส.ส. พรรคประชาธิปัตย์  เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 3 ก.พ.52 นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมชุมนุมนั้น เพราะต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดีและข้อความอื่น ๆ  ซึ่งล้วนเป็นเท็จ

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็น ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่ได้มุ่งใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท คดีจึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณาด้วย ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยชี้ว่าคดีไม่มีมูลนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน .

สั่งปรับดีแทค 10 ล้าน "กสทช."เชือดสังเวยเครือข่ายล่ม


วันนี้(5 ก.ย) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรทคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงานกสทช.) นายฐากรตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช.เปิดเผยว่า  ได้ยื่นหนังสือเรื่องค่าปรับทางปกครองให้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมูนิเคชั่น จำกัด (หมาชน) หรือ ดีแทค เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาในการยื่นชำระค่าปรับ 15 วัน โดยนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  และดีแทคมีสิทธิในการยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 15 วัน หลังเกิดเหตุการณ์วันที่ 28 ส.ค. คณะกรรมการฯ ได้พิจารณากำหนดค่าปรับ โดยคำนวณจากค่าเสียหาย 3 ประเภทคือ 1.การไม่ได้โทรออกนอกโครงข่าย 2.การไม่ได้โทรออกภายในเครือข่ายและ 3.การไม่ได้ใช้บริการด้านข้อมูล เอสเอ็มเอส เอ็มเอ็มเอส และโมบาย อินเทอร์เน็ต โดยคิดจากฐาน 130 ล้านเลขหมายทั่วประเทศของทุกเครือข่าย
นายจอน เอ็ดดี้ อับดุล ลาห์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแทค กล่าวว่า  ได้รับหนังสือแจ้งเรื่องค่าปรับจาก กสทช.แล้ว และจะไม่มีการยื่นอุทรณ์แต่อย่างใด  ขณะเดียวกันดีแทคได้ชดเชยความเสียหายลูกค้าที่โทรเข้ามาจำนวน 3 ล้านเลขหมาย คิดเป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาท โดยอิงจากการใช้บริการในวันอังคารที่มีคนใช้งานกว่า  4.8 ล้านเลขหมาย  ส่วนในวันที่เกิดเหตุการณ์ปรากฏว่ามีผู้ใช้งานประมาณ  3.2 ล้านเลขหมาย ซึ่งมีผลกระทบต่อลูกค้า 1.6 ล้านเลขหมายในช่วงระยะเวลา65 นาที การเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้กระทบจิตใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาดีแทคมั่นใจในระบบเครือข่าย มีความเร็วและดาวน์โหลดที่รวดเร็ว  และเสียใจกับสิ่งที่เกิดจากข้อผิดพลาดของกระบวนการเทคนิค.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources