วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รวบโจ๋17แก๊งแว้นยิงตำรวจบาดเจ็บ


วันนี้ ( 28 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.  ที่ สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รอง ผบก.น.9 รรท.ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.อ.ธนกฤต ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.บางขุนเทียน ช่วยราชการ บก.อก.บช.น. พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ สว.สส.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย สว.สส.สน.บางขุนเทียน และ ร.ต.อ.ภีรชาติ คุ้มสังข์ รอง สว.สส.สน.บางขุนเทียน แถลงจับกุมนายดำ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี เลขที่ จ.504/2555 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงานฯ โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในซอยสุขสวัสดิ์ 1 แขวงและเขตจอมทอง กรุงเทพฯ

พ.ต.อ.ทักษิณ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา นายดำ ผู้ต้องหารายนี้พร้อมกับนายสราวุธหรือเล็ก ทรัพย์ศิริ อายุ 27 ปี และ นายกฤษฎา หรือบอลแหว่ง ค้าแหวน อายุ 27 ปี ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงใส่คู่อริกลุ่มเด็กแว้นบริเวณหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาบางบอน เป็นเหตุให้ ด.ต.วัลลภ ใบศรี ผบ.หมู่ ป.สน.บางขุนเทียน ที่กำลังขับขี่รถ จยย.ไปตั้งด่านถูกกระสุนลูกหลงถากเข้าศีรษะได้รับบาดเจ็บ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.9 และฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน ได้ร่วมกันติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ 2 ราย เหลือเพียงนายดำ ซึ่งเป็นรายสุดท้ายโดนรวบตัวได้ในวันนี้

สอบสวนนายดำ รับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้ทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นภายในผับแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนฯ ก่อนจะออกมาข้างนอกและมาดักรอ ก่อนจะนั่งรถ จยย.ซ้อนท้ายนายกฤษฎา หรือบอลแหว่ง ค้าแหวน อายุ 27 ปี เพื่อนรุ่นพี่ และเมื่อกลุ่มที่มีเรื่องในร้านออกมา จึงใช้ปืนลูกโม่ ขนาด .32 ยิงใส่กลุ่มคู่อริไปจนหมด 8 นัด โดยไม่ทราบว่ากระสุนไปถูกใครบ้าง จากนั้นก็พากันแยกย้ายกันหลบหนี พร้อมนำปืนก่อเหตุไปโยนจากบนสะพานกรุงเทพ 1 ทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนดอดไปเที่ยวพัทยา 2 วันแล้วย้อนกลับเข้าบ้านพักจนถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว

“ปกติเป็นคนชอบยิงปืน มักจะไปซ้อมยิงปืนเป็นประจำ และเมื่อประมาณ 3 เดือน ผมเข้าไปดูในอินเตอร์เน็ต ก่อนตัดสินใจสั่งซื้ออาวุธปืนลูกโม่ .32 ราคา 25,000 บาท โดยนัดเจอเพื่อส่งปืนกัน ส่วนที่ซื้อปืนมาเพราะจะเก็บไว้ป้องกันตัว ซึ่งปืนกระบอกนี้ยังไม่เคยใช้ก่อเหตุมาก่อน” นายดำ กล่าว

ด้าน ด.ต.วัลลภ ใบศรี ผบ.หมู่ ป.สน.บางขุนเทียน เหยื่อกระสุน กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากตอนนั้นเลือดไหลออก จากศีรษะมาก โดยเพื่อนตำรวจช่วยกันนำตัวส่ง รพ.พระปิ่นเกล้า ให้แพทย์เย็บบาดแผล จำนวน 15 เข็ม จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจบาดแผลซ้ำอีกครั้ง โดยหลังเกิดเรื่องมีผู้บังคับบัญชาแสดงความห่วงใยมากมายทั้งที่เป็นตำรวจและ กต.ตร.ภาคเอกชน นำดอกไม้และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นมามอบให้

“โชคดีที่ไม่เสียชีวิตกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่ขณะนี้รู้สึกไม่สบายใจกับคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ธนกฤต ไปช่วยราชการที่ บช.น. 30 วัน ไม่ทราบจริงๆ ว่าท่านถูกสั่งย้ายด้วยเหตุอันใด เพราะที่ผ่านมา ผกก.สน.บางขุนเทียน ก็ดูแลสวัสดิการผู้ใต้บังคับบัญชาในโรงพักเป็นอย่างดีไม่มีบกพร่อง และในวันเกิดเหตุยังโทรศัพท์เข้ามาสอบถาม สวป. ซึ่งเข้าเวรในที่เกิดเหตุว่า อาการผมเป็นอย่างไร พร้อมกับกำชับให้ สวป. รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงโดยด่วนที่สุด ก่อนจะเดินทางมาเยี่ยมที่ รพ.ตำรวจ ขณะทำการตรวจรักษาบาดแผลด้วย ปัญหาน่าจะเกิดจากการสื่อสารผิดพลาด”  ด.ต.วัลลภ กล่าว

มติก.ต.เอกฉันท์ลูกสาว"สดศรี"ไม่ผิดคดีลักทรัพย์


วันนี้ ( 28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานศาลยุติธรรม สนามหลวงว่า เมื่อวันที่  27 ส.ค. ที่ผ่านมา นายไพโรจน์ วายุภาพ  ประธานศาลฎีกา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.)  รวม 15 คน โดยมีวาระสำคัญเกี่ยวกับการสอบข้อเท็จจริง  น.ส.กอนณา สัตยธรรม ผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี  ถูกกล่าวหาว่าลักทรัพย์ผู้อื่น

กรณีนี้สืบเนื่องจากพนักงานอัยการหญิงคนหนึ่ง  สังกัดสำนักงานวิชาการสำนักงานอัยการสูงสุด ปัจจุบันปฏิบัติราชการคณะทำงานของนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด (อสส.)ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงนายไพโรจน์ วายุภาพ ประธานศาลฎีกา เพื่อให้สอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ น.ส.กอนณา สัตยธรรม  ผู้พิพากษาศาลแพ่งธนบุรี บุตรสาวนางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า กระทำความผิดฐานลักทรัพย์  ระหว่างไปศึกษาต่อที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยคิวชู เมืองฟูกุโอกะประเทศญี่ปุ่น  ทางสำนักงานศาลยุติธรรมได้ส่ง น.ส.กอนณา และผู้พิพากษาหญิงอีก 1 คน ที่ได้รับทุน "Monbukagakusho Scholarship" จากรัฐบาลญี่ปุ่นไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโททางกฎหมายระหว่างประเทศ  ระหว่างเดือน ต.ค.2553  -  ก.ย.2554 ผู้ร้องอ้างว่า ทรัพย์สินส่วนตัวได้สูญหายไปจากตู้ล็อกเกอร์ จึงขอให้สอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้จนแล้วเสร็จ
นาย สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวทางสำนักงานศาลยุติธรรมไม่ได้นิ่งนอนใจ  ได้บรรจุเข้าเป็นวาระการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมหรือ ก.ต. มีนาย ไพโรจน์ วายุภาพเป็นประธาน พิจารณาแล้วเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า  เรื่องดังกล่าวไม่มีมูลอันเป็นความผิด จึงเห็นพ้องต้องกันให้ยุติการสอบข้อเท็จจริง คดีเป็นอันยุติ.

จับ"บังยาด"ขาใหญ่มีนบุรีลูกน้อง"บังรอน"


วันนี้ (28 ส.ค.) พ.ต.ท.สุทิน  สวนดอกไม้  รองผกก.ดส.  พ.ต.ต.ณกฤช   บุญศักดิ์   สว.กก.ดส.  ร่วมจับกุมนายเชษฐ์  หรือบังยาด  ขอดเกษม   อายุ  35  ปี  ได้ที่ห้อง 213 ชั้นสอง  กรพชร อพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 21  แขวงมีนบุรี  เขตมีนบุรี   กรุงเทพ ฯ  พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์)  5 ถุงเล็ก น้ำหนักรวม 1.4 กรัม บรรจุถุงพลาสติกใสวางอยู่ใต้หมอนบนเตียงนอนในห้อง และยาบ้า 4 เม็ด  บรรจุถุงพลาสติกใสอยู่ในกล่องโลหะวางอยู่ที่เตียงนอนในห้อง พร้อมเครื่องชั่งดิจิตอล  1 เครื่อง 
พ.ต.ท.สุทิน  เปิดเผยว่า ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายฤาชัย   หรือชัย   อุตะมะ  และรับว่าซื้อยาบ้ามาจากนายเชษฐ์หรือบังยาด  และยังทราบว่าที่ห้องดังกล่าวมียาไอซ์และยาบ้าซุกซ่อนอยู่อีก  จึงขยายผลจน จับกุมบังยาดได้  เมื่อตรวจสอบยังพบว่าบังยาด มีหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 629/2555 ลงวันที่ 13 ก.ค. 2555  ในข้อหาใช้ให้ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายท้องที่ สน.มีนบุรี และหมายจับที่ 1036/2550 ข้อหา ครอบครองยาเสพติด ประกันตัวแล้วหลบหนี ท้องที่ สน.ลำผักชี และหมายจับที่ 1731/2549 ข้อหา หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ท้องที่ สน.หนองจอก นำตัวผู้ถูกจับส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พ.ต.ท.สุทิน กล่าวอีกว่า บังยาดเป็นผู้กว้างขวางคนหนึ่งย่านมีนบุรีเและเคยเป็นลูกน้อง บังรอน ขณะถูกดำเนินคดีข้อหาเสพฯในเรือนจำมีนบุรี ได้สั่งให้นายหนุ่ม นายตี๋ และอีกคนจำชื่อไม่ได้ ผู้ต้องขังคดีเสพที่ติดอยู่ด้วยกันแต่คนละห้องขัง รุมทำร้าย นายเบียร์ ลูกน้องเก่าจนเสียชีวิต โดยอ้างกับตำรวจชุดจับกุมว่านายเบียร์ไปข่มขืนแฟน จึงเล่าเรื่องให้พวกที่ถูกขังฟัง จนพรรคพวกโกรธแทนจึงรุมทำร้ายจนเสียชีวิต แต่เจ้าหน้าที่ทราบมาว่าทั้งคู่ขัดแย้งเรื่องธุรกิจผิดกฏหมาย เมื่อมีโอกาสจึงสั่งให้ทำร้ายจนเสียชีวิต.

เกิดเหตุยิงถล่ม อบต.วังเย็น


เมื่อเช้า วันนี้ ( 28 ส.ค.) ร.ต.ท.วิชิต อาสากิจ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงถล่มห้องทำงานนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต.) วังเย็น อ.เมืองนครปฐม จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.วัฒนา พิมพ์อัฐ ผกก. ชุดสืบสวน และพ.ต.ท.สมหมาย โชติกะนาวิน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 นครปฐม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในห้องทำงานนายสมบัติ พูนขวัญ นายก อบต.วังเย็น อยู่ที่ชั้น 2  ห่างจากถนนประมาณ 20 เมตร  กระจกหน้าต่างแตกเป็นรู 4 รู ผ้าม่านขาดเป็นรู คมกระสุนเจาะทะลุเก้าอี้นายกฯ ตู้โชว์ และสิ่งของบนโต๊ะหมู่ ล้มกระจัดกระจาย ที่พื้นห้องพบหัวกระสุน  2 หัว เจ้าหน้าที่จึงบันทึกภาพและเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกันนี้ได้ลงไปตรวจหาปลอกกระสุนริมถนน พบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. 2 ปลอก 

สอบสวนนายธนภัทร พูนขวัญ อายุ 40 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้การว่า ขณะเกิดเหตุประมาณ 02.45 น.  ตนกับเพื่อน รปภ.อีกคน นั่งอยู่ในห้องพัก รปภ.ติดกับถนน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด เห็นมีรถกระบะสีดำวิ่งผ่าน แต่ก็ไม่แน่ใจเป็นคันที่มาก่อเหตุหรือไม่ สักครู่ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด พอเสียงปืนเงียบออกไปดูไม่เห็นอะไรแล้ว แต่ก็ยังไม่คิดว่ายิ่งใส่ อบต. เพราะปกติช่วงดึกๆ ก็จะมีเสียงปืนดังประจำ  จนเช้าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดถึงจะทราบว่าคนร้ายยิงห้องทำงานนายกฯ
ทางด้านนายสมบัติ  นายก อบต.วังเย็น ให้การว่า สาเหตุน่าจะมาจากการเมืองท้องถิ่น เพราะมีสัญญาณมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง มีชาวบ้านมาบอกผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามประกาศเอาจริง หากลงสมัครก็จะต้องถูกยิง หากได้รับการเลือกตั้งให้ทำงานไม่เกิน 3 เดือน ถึงปัจจุบันทำงานได้ 2 เดือนเศษ น่าจะเชื่อได้ว่าเป็นคู่แข่งทางการเมือง
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายอนุชา สะสมทรัพย์ ส.ส.จังหวัดนครปฐม เดินทางมาให้กำลังใจนายสมบัติ สอบถามถึงปัญหาและสาเหตุ ก่อนจะปิดห้องคุยกับนายกฯ ผกก.และชุดสืบสวน นานกว่า 20 นาที และออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ในส่วนของ ส.ส.ขอให้กำลังคนทำงานเพื่อประชาชน และจะช่วยหลักดันให้จังหวัดนครปฐมติดตั้งกล้องวงจรปิด อย่างน้อยจะได้มีช่องทางในการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

ทางด้าน พ.ต.อ.วัฒนา  ผกก.สภ.เมืองนครปฐม เปิดเผยว่า คนร้ายก่อเหตุลักษณะนี้เป็นการยิงข่มขู่ ไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิต แต่ก็ไม่ควรประมาท เบื้องต้นจะให้เจ้าหน้าที่มาคอยดูแลความสงบเรียบร้อย เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น  ส่วนสาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเรื่องการเมืองท้องถิ่น ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเลือกตั้ง ต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันและกัน  เบื้องต้นได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกหาภาพจากล้องวงจรปิดข้างเคียง เพื่อจะได้จับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

นัดประชุมก.ตร. แต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผบก.-รองผบช.


วันนี้ ( 28 ส.ค.)  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  ในฐานะกำกับดูแล สตช.  นัดประชุมกรรมการข้าราชการตำรวจ ( ก.ตร.) ครั้งที่ 12/2555 วันที่ 29 ส.ค. เวลา 14.00 น. มีวาระสำคัญ คือ เรื่องเสนอเพื่อพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผบก.-รองผบช. หรือเทียบเท่าวาระประจำปี 2555 การกำหนดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) (ด้านสืบสวน)  ,การปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งให้กับระดับกองบัญชาการต่างๆ ได้แก่  การกำหนดปรับโครงสร้างและกำหนดตำแหน่งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ  (สง.ก.ตร.) สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) สำนักงานกำลังพล (สกพ.) กองทะเบียนพล  (ทพ.) และตำแหน่งจเรตำรวจ  (จตร.) และหารือปัญหาข้อกฎหมายกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงข้า ราชการตำรวจ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ต้องพิจารณาเรื่องการเลื่อนเงินเดือนประจำปี 2555 ครั้งที่ 1 ครึ่งปีแรก (1 เม.ย.)  ให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ดำรงตำแหน่งผบก. หรือเทียบเท่าขึ้นไป และรองผบก.หรือเทียบเท่าที่รับอัตราเงินเดือนระดับส.6 และขอขยายเวลาการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.สบส. ส่วนเรื่องที่เสนอเพื่อทราบที่สำคัญรายงานการออกระเบียบก.ตร. ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินเพื่อพิจารณาเลื่อนตำแหน่งพนักงานสอบสวน พ.ศ.2555 และระเบียบ ก.ตร. ว่าด้วยการกำหนดจำนวนในการแต่งตั้งและอำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชาพนักงาน สอบสวน พ.ศ. 2555 และการขอทบทวนอัตราเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งที่มีเหตุพิเศษตำแหน่งผู้ทำ หน้าที่ปกครองโรงเรียน  (พ.ร.ต.)

ขณะที่มีรายงานแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ได้เลื่อนประชุม ก.ต.ช.ครั้งที่ 4 / 2555 ในวันที่ 31 ส.ค. เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยคาดว่าจะรอให้ก.ตร. เห็นชอบการเปิดตำแหน่ง ที่ปรึกษาสบ 10 ด้านการสืบสวนอีกตำแหน่งเสียก่อน  เพื่อให้เรื่องการเปิดตำแหน่งทั้ง 2  ตำแหน่ง เข้าก.ต.ช.อนุมัติภายในครั้งเดียว   จากนั้น ก.ตร. จะต้องประชุมเพื่อแต่งตั้งข้าราชการมาดำรงตำแหน่งดังกล่าวต่อไป.

กองปราบจับผู้ต้องหาหนีคดีพยายามฆ่า


เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (28 ส.ค.) พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป.สั่งการ พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1บก.ป. พ.ต.ท.พรัชต์ศรุต วัชรธนโยธิน สว.กก.1บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุมนายสมคิด หอมทรัพย์ หรือคิด อายุ 50 ปี อยู่เลขที่ 35/75 หมู่ 6 แขวงและเขตสายไหม กทม.ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 1364/2549 ลงวันที่ 8 ส.ค. 2549 ข้อหาพยายามฆ่า และพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จับกุมได้ที่วินจยย.ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2549 ผู้ต้องหา มีเรื่องทะเละวิวาทกับนายเอ เมื่อสู้ไม่ได้จึงไปหยิบปืนจากบ้านมายิงนายเอ บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง ต่อมาชุดจับกุมสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาขับรถจยย.รับจ้าง จึงติดตามจับกุมไว้ได้
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้ใช้ปืนยิง แต่ชกต่อยกันจริง ส่วนสาเหตุเกิดจากความโกรธแค้นที่นายเอ ตบหน้าภรรยา จึงบันดาลโทสะ อย่างไรก็ดี ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.คลองหลวง รับไว้ดำเนินคดีต่อไป.

ประชุมตร.อาเซียนแชร์ข้อมูลอาชญากรรมข้ามชาติ


วันนี้ (28 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง  เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองเเละหัวหน้าฝ่าย กงสุล กระทรวงการต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่16 เเละการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการข่าวหน่วยตรวจคนเข้าเมือง ครั้งที่8 วันที่ 3-7 ก.ย.ที่โรงเเรมฮิลตัน ภูเก็ต อาคาเดีย รีสอร์ท เเอนด์ สปา  จ.ภูเก็ตโดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งในระดับหัวหน้าหน่วยตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่กงสุล เเละเจ้าหน้าที่การข่าวของประเทศสมาชิกอาเซียน กว่า 50 คน เพื่อเเลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตรวจคนเข้าเมือง สร้างความร่วมมือด้านการข่าวระหว่างประเทศสมาชิก เเละการร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์เเละอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการเตรียมตัว รับมือการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี  2558
ทั้งนี้ พล.ต.อ เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ จะเป็นประธานเปิดการประชุมวันที่ 5ก.ย. โดยมีพล.ต.ท วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม.รับผิดชอบการประชุม. 

ตร.ตรวจปืนไม่พบตรงกับของคนร้ายยิงลูก "ชาดา"


วันนี้ ( 28 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่า  ทางศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3  ได้เก็บดีเอ็นเอ จากบุคคลที่อยู่ภายในรถ  6 คน เพื่อยืนยันว่าบุคคลใดนั่งอยู่จุดใดภายในรถ  ทั้งยังเป็นการยืนยันเหตุการณ์ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงเขม่าดินปืนทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของรถด้วย  ทั้งนี้ ทีมพิสูจน์หลักฐานที่ไปตรวจที่เกิดเหตุได้พบรอยเลือด 2 จุด คือ ล้อหลังด้านขวา และ บังโคลนด้านขวา  จึงตั้งสมมุติฐานได้ว่า อาจเป็นเลือดของคนใดคนหนึ่งที่โดยสารอยู่ภายในรถซึ่งมีบุคคลในรถคนหนึ่งได้ รับบาดเจ็บปากแตก  นอกจากนี้ยังพบเศษพลาสติกสีแดง หรือไฟท้ายรถ ซึ่งเตรียมตรวจสอบว่าเป็นรถของนายฟารุตหรือไม่ ถ้าไม่ใช่แสดงว่าเป็นเศษพลาสติกไฟท้ายที่มาจากรถของคนร้าย
พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวด้วยว่า ในที่เกิดเหตุมีการยิงปืนตอบโต้กัน โดยขณะนี้คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าซ้ายได้ยอมรับว่ายิงปืนออกไป จึงนำปืนของพยานมาตรวจเปรียบเทียบกับปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 7 ปลอก ขนาด 9 มม.  พบว่าเป็นปืนที่ยิงจากกระบอกเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีปลอกกระสุนปืน 9 มม.  3 ปลอก ซึ่งคาดว่าเป็นของรถคู่กรณี  และปลอกกระสุนขนาด .380 จำนวน 3  ปลอก ตกอยู่ภายในรถของนายฟารุต  พร้อมซองปืน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นของนายฟารุตหรือไม่

รายงานข่าว ระบุว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน  สภ.หมูสี ได้ประสานไปยังนายอำเภอปากช่องนำอาวุธปืน ขนาด 9 มม. ของคนในพื้นที่มาตรวจเปรียบเทียบกับปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ   12 กระบอก แต่ผลตรวจไม่ตรงกันแต่อย่างใด.

โปลิศมั่นใจแขวนระเบิดน้อยหน่ากระจกรถขู่หมอตุลย์


กรณีคนร้ายนำระเบิดสังหาร ชนิดเอ็มเคทู หรือระเบิดน้อยหน่า ที่เชื่อมต่อสายไฟฟ้าเข้ากับถ่านไฟฉาย ขนาดกลาง 2 ก้อน บรรจุในกระบอกกระดาษสีน้ำตาลทรงกลม ก่อนนำใส่ถุงกระดาษแล้วนำไปแขวนไว้ที่กระจกมองข้างรถเก๋งส่วนตัวของ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี ที่จอดไว้ในลานจอดรถชั้น 4 เอ ล็อค 23 ของรพ.จุฬาฯ ช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าคนร้ายต้องการเพียงแค่ข่มขู่นั้น
เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้ (28 ส.ค.) พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า หลังเกิดเหตุกองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าตรวจเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายที่รถ ของนพ.ตุลย์ เพื่อนำไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกำลังยังอยู่ระหว่างตรวจลายนิ้วมือ แฝง และดีเอ็นเอจากจากวัตถุระเบิดอยู่ ทั้งนี้หลังจากสอบปากคำพยานเป็น รปภ.ของรพ.จุฬาฯ ก็ระบุว่าไม่พบเห็นผู้ต้องสงสัย ส่วนนพ.ตุลย์ ก็ไม่ได้สงสัยใครเป็นพิเศษ และไม่มีสิ่งบอกเหตุ เช่น ถูกสะกดรอยตาม หรือถูกโทรศัพท์ข่มขู่มาก่อน
พ.ต.ท.พนม กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในอาคารจอดรถและ พื้นที่โดยรอบว่าจับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุไว้ได้หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบกล้องทางเข้าออกว่าพบบุคคลต้องสงสัยที่มีพิรุธในการเข้าออก หรือไม่ เนื่องจากอาคารจอดรถดังกล่าวเป็นอาคารเฉพาะที่จอดรถได้แค่แพทย์ กับเจ้าหน้าที่รพ.เท่านั้น ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกนำรถเข้ามาจอด และรถทุกคันที่จะเข้าไปจอดต้องติดสติกเกอร์รพ. อีกต้องแลกบัตรเพื่อเข้าไปจอดในช่องตามหมายเลขที่ระบุในบัตรด้วย
สำหรับนพ.ตุลย์ เองก็ไม่มีช่องจอดประจำของตัวเอง ต้องแลกบัตรก่อนเข้าจอดทุกครั้งเช่นกัน นอกจากนี้อาคารจอดรถที่เกิดหตุนั้นมีทางเชื่อมไปที่ตึกรักษาผู้ป่วย แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นนั้น น่าจะมีแค่เจ้าหน้าที่ภายในรพ.ใช้เดินเข้าออกเท่านั้น บุคคลภายนอกไม่น่าจะเดิน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังมุ่งประเด็นไปที่การข่มขู่ เพราะคนร้ายนำระเบิดไปแขวนไว้ที่กระจกมองข้างฝั่งคนขับเพื่อต้องการให้เห็น ชัดเจน.

รถหกล้อชนท้ายสองแถวตกคลองผู้โดยสารเจ็บระนาว


เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 28 สิงหาคม 2555 ร.ต.ท.ธวัธชัย เกริกสกุลทรัพย์  ร้อยเวร สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถบรรทุกหกล้อชนท้ายรถสองแถวโดยสารตกลงไปในคลองชล ประทานมีผู้บาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณริมถนนสุขุมวิทขาออกหลักกิโลเมตรที่ 32 หมู่ 2 ตรงข้ามทางเข้าสำนักงานเทศบาลตำบลบางปู ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยมูลนิธิปอเต็กตึ้งเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
  
ในที่เกิดเหตุภายในคลองชลประทานข้างทางได้พบรถสองแถวโดยสารสาย 36  ที่วิ่งระหว่างตลาดปากน้ำ-นิคมบางปู ยี่ห้อ อีซูซุ  รุ่น ดราก้อนอาย สีขาว ทะเบียน 10-4899 สมุทรปราการ  ตกลงไปในคลองดังกล่าวจมหายไปเกือบมิดคัน ในสภาพด้านท้ายข้างขวาถูกชนจนพังยับเยิน ในที่เกิดเหตุมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 6 รายที่นั่งมาในรถสองแถวคันดังกล่าวมาลอยคอยู่ในน้ำเจ้าหน้าที่มูลนิธิและชาว บ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้งหมดขึ้นมาจากน้ำก่อน รีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลรัทรินทร์บางปู –โรงพยาบาลเมืองสมุทรปากน้ำ และโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล สมุทรปราการ ตามสิทธิ์ประกันสังคม โดยรถสองแถวคันดังกล่าวมีนายสำอาง  ปิตตังทวน อายุ 48 ปี เป็นคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย  ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 เมตร  ได้พบรถบรรทุกหกล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน 71-2468 สมุทรปราการ ของ หจก.ร่วมทีมขนส่ง  จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าข้างซ้ายพังยับเยิน
   
จากการสอบสวนนายมาโนช  สุขธรรม อายุ 46 ปี ผู้ขับขี่รถบรรทุกหกล้อคันดังกล่าว ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขับรถคันดังกล่าวเข้าไปบรรทุกแผ่นรองสินค้าพาเลสที่บริษัท อีซูซุ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านสำโรงใต้  เพื่อที่จะเอามาส่งในบริษัทย่านนิคมอุตสาหกรรมบางปู โดยขับมาทางเลนซ้ายโดยมีรถสองแถวโดยสารคันดังกล่าววิ่งอยู่ด่านหน้า มาถึงที่เกิดเหตุสองแถวคันดังกล่าวได้เหยียบเบรกหยุดรถส่งผู้โดยสาร ในขณะที่ตนขับรถตามมาทางด้านหลังอย่างกระชันชิด ได้พยายามเหยียบเบรก แต่เอาไม่อยู่จึงได้ตัดสินใจหักหลบออกทางด้านขวา แต่ไม่พ้นด้านหน้าข้างซ้ายของรถตนได้ชนเข้าที่ด้านท้ายข้างขวาของรถสองแถว คันดังกล่าวเข้าอย่างแรง ทำให้รถสองแถวคันดังกล่าวเสียหลักพุ่งตกลงไปในคลอง ผู้โดยสารกระเด็กตกลงไปในน้ำได้รับบาดเจ็บ
        
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายมาโนช โชว์เฟอร์บรรทุกหกล้อ ว่าขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย ก่อนควบคุมตัวไว้เพื่อดำการตามกฎหมายต่อไป

อดีตผบ.ทบ.เลื่อนให้การแท็กซี่แดงถูกยิง


วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง ชาวจ.ยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร  ตายที่ไหน เมื่อใด สาเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา  มาตรา 150 ซึ่งนายพัน ถูกยิงเสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ท ลิงค์ สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่บริเวณราชประสงค์
เมื่อถึงเวลาพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ. พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษา รมว.กลาโหม อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 และ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 อดีต ผบ. พล.1 รอ. พยานที่ทนายความขอให้ศาลออกหมายเรียกมาไต่สวน ไม่ได้เดินทางมาศาล โดย พล.อ.อนุพงษ์ ได้ยื่นหนังสือแจ้งศาลว่า ได้รับหมายเรียกเร็วๆนี้และติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมาได้ ส่วน พล.อ.คณิต ยื่นหนังสือแจ้งว่า ติดภารกิจราชการต้องเดินทางไปประเทศเคนยาระหว่างวันที่ 28 ส.ค. – 4 ก.ย. นี้ ส่วนพล.ต.กัมปนาท ไม่ได้แจ้งเหตุผล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนพยานคดีนี้ ที่ผ่านมาเพียงพอที่จะทำคำสั่งได้แล้ว จึงนัดไต่สวนพยานที่นัดไว้แล้วในวันที่ 30 ส.ค. นี้ เวลา 09.00 น.
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความญาติผู้ตาย กล่าวว่า การไต่สวนคดีนี้ได้นำประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุมาไต่สวนครบ ถ้วนแล้ว แต่ที่ขอให้ศาลออกหมายเรียกพยานมาไต่สวนเพิ่มเติม ในสำนวนการสอบสวนยังมีพยานบางกลุ่มที่ยังไม่ได้สอบปากคำ โดยเฉพาะพยานในระดับที่เป็นผู้สั่งการที่ยังมีประเด็นที่ต้องการนำสืบให้ ปรากฏข้อเท็จจริง รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งขอเลื่อนเบิกความจากครั้งที่แล้วมาเป็นวันที่ 30 ส.ค. นี้ เมื่อไต่สวนเสร็จแล้วศาลนัดฟังคำสั่งในวันที่ 17 ก.ย. นี้ น่าจะเป็นคดีแรกใน 19 คดี ที่ได้ยื่นขอให้ศาลไต่สวนการเสียชีวิตของประชาชนในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อเดือนพ.ค. 2553 ที่ศาลจะมีคำสั่งว่าผู้ตายเป็นใคร  ตายที่ไหน เมื่อใด และสาเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย.

รอผลตรวจลายนิ้วมือคนร้ายวางระเบิดรถ"หมอตุลย์"



จากกณี นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเสื้อหลากสี ถูกมือดี นำระเบิดชนิดเอ็มเคทู มาแขวนไว้ที่กระจกมองข้างรถด้านคนขับ ขณะนำรถไปจอดที่ลานจอดรถชั้น 4 เอ ล็อค 23 ของโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อจะไปรับลูก ซึ่งนายสมพิศ ลีจาด รปภ.ของโรงพยาบาล ได้รับแจ้งจึงได้ขึ้นไปตรวจสอบ และพบระเบิดดังกล่าว

เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ ( 28 ส.ค.)  ร.ต.อ.หญิงคนึงนุช ทศไพรินทร์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในอาคารจอดรถ ชั้นดังกล่าว และจะเรียกพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม

ด้าน พ.ท.ท.สรกานต์ ดำกระบี่ สว.สส.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว แต่ภายในชั้นที่เกิดเหตุนั้นไม่มีกล้อง มีเพียงทางเข้าออกเท่านั้น อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบก็ไม่พบรถต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ต้องรอผลตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงบนระเบิดและตัวรถยนต์ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน.

ราชทัณฑ์เชือด25จนท.-27นักโทษ-ยกเครื่องเรือนจำเมืองคอน


วันนี้ ( 28 ส.ค.) นายกอบเกียรติ  กสิวิวัฒน์  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาขบวนการสั่งค้ายาเสพติดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ว่า  วานนี้(27 ส.ค.) ตนได้ลงนามคำสั่งย้ายผู้ต้องขังรายสำคัญที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเครือ ข่ายค้ายาเสพติดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช กระจายไปควบคุมตัวในเรือนจำความมั่นคงอื่น ๆ  27 ราย  ขณะนี้ยังเหลือผู้ต้องขังเครือข่ายยาเสพติดอยู่ในเรือนจำอีก 200 ราย
เครือข่ายผู้ต้องขังเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายท้องถิ่น และกลุ่มอิทธิพล ดังนั้นเชื่อว่าการย้ายผู้ต้องขังรายสำคัญชุดนี้ออกไปจะทำให้สถานการณ์ใน เรือนจำดีขึ้น ขณะเดียวกันล่าสุดในวันนี้ ตนยังได้ลงนามคำสั่งให้สับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่เรือนจำ 25 คนไปเรือนจำอื่น ๆ   มาตรการที่ดำเนินการในขั้นนี้เปรียบเหมือนการล้างเรือนจำครั้งใหญ่  ก่อนที่จะดำเนินการขั้นต่อไปถือการจัดระเบียบทุกจุดในเรือนจำตั้งแต่หน้า ประตู การตรวจค้น การควบคุมในแดนต่าง ๆ หากแบ่งความรับผิดชอบได้ชัดเจนแล้วเมื่อเกิดความผิดพลาดจะได้ไม่สามารถ ปฏิเสธความรับผิดชอบได้ 
“ขณะนี้เปรียบเหมือนการฟอร์แมทหรือล้างเครื่องเรือนจำใหม่  ก่อนที่จะลงซอฟแวร์เพื่อจัดระบบกันอีกครั้ง  เชื่อว่าการย้ายผู้ต้องขังและสับเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนจะช่วยให้ การจัดระบบแก้ไขปัญหาเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำดีขึ้นได้” นายกอบเกียรติ กล่าว
นายกอบเกียรติ  กล่าวอีกว่า หลังจากจัดระเบียบการดูแลในเรือนจำใหม่แล้ว จะมีการประเมินผลมาตรการดังกล่าว เพื่อพิจารณาว่าควรปรับเพิ่มมาตรการตรงจุดใดเพิ่มเติมอีก  เบื้องต้น คาดว่าหลังจากนี้อีก 1 เดือน จะใช้วิธีการตรวจปัสสาวะผู้ต้องขังทั้งเรือนจำ  หากพบว่ายังมีปัสสาวะสีม่วงแสดงว่าปัญหายังคงมีอยู่และต้องหาทางแก้ไขให้ เด็ดขาดต่อไป.

“ปลอด”เมินโต้“กิจจา” ตีปี๊บรัฐบาลจัดงานโชว์ผลงานการจัดการน้ำ



วันนี้ ( 28 ส.ค.)  ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ว่า รัฐบาลจะจัดงานที่ชื่อว่า “มุ่งมั่นทำงาน บริหารจัดการน้ำ เพื่อประชาชน” ที่ห้องบางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ในวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นงานนิทรรศการแสดงผลงานการบริหารจัดการน้ำ ใช้งบประมาณของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 12 ล้านบาท โดยในวันที่ 31 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส.) และนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวบนเวทีอธิบายและตอบข้อซักถามในสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไปทั้งหมดในการดำเนิน โครงการเร่งด่วนฟื้นฟูและบริหารจัดการน้ำ ซึ่งใช้งบประมาณ 120,000 ล้านบาท การชี้แจงนี้มี 2 รอบ รอบแรก เวลา 09.00-10.00 น. เป็นรอบสื่อมวลชน รอบต่อมาเวลา 10.30 น. เป็นการแถลงต่อคณะทูตานุทูตต่างประเทศและนักลงทุนชาวต่างชาติ
รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวอีกว่า จากนั้นช่วงบ่ายของวันดังกล่าว และในวันที่ 1-2 ก.ย. จะเปิดให้ทุกคนได้เข้าชมนิทรรศการและร่วมรับฟังการเสวนาวิชาการในเรื่องที่ เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เราได้ทำจดหมายเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ส.ส. และส.ว.มาร่วมงานนี้ด้วย ตนคาดหวังว่าการจัดงานนี้จะทำให้ประชาชนรับทราบถึงการทำงานของรัฐบาลโดย ละเอียดในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ทุกคนมั่นใจว่าประเทศไทยจะไม่เกิดน้ำท่วมอีกต่อไป
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการโครงการป้องกันน้ำท่วมไปแล้ว 6 หมวด คือ 1.การผันน้ำระหว่างแม่น้ำยมกับแม่น้ำน่าน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน  2.การย้ายประตูน้ำจุฬาลงกรณ์มายังริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ตอนบนของกรุงเทพฯ  3.การขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสาย และขุดสันดอนปากอ่าวหลายจุด  4.การปรับระบบการกักเก็บน้ำของเขื่อน จากเดิมที่เน้นเก็บมากที่สุด มาเป็นระดับบริหารจัดการให้น้อยลง รองรับปัญหาน้ำท่วม 5.การใช้ระบบสั่งการจากศูนย์กลางเพียงจุดเดียว หรือซิงเกิ้ล คอมมานด์ ซึ่งสร้างความเป็นเอกภาพในการป้องกันน้ำท่วม และ 6.การสร้างเขื่อนป้องกันสถานที่สำคัญ เช่น อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นิคมอุตสาหกรรม และการยกระดับถนนให้สูงขึ้น ระยะทาง 500 กิโลเมตร  ทั้งนี้ ในการประชุมครม.วันนี้ ตนได้นำเสนอเอกสารรายงานซิงเกิ้ล คอมมานด์ ต่อที่ประชุม ซึ่งสรุปจากรายงานของทุกหน่วยงานที่รายงานสถานการณ์ปัจจุบันในด้านต่างๆที่ เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำ และตนจะส่งเอกสารรายงานซิงเกิ้ล คอมมานด์ ต่อที่ประชุมครม.ทุกสัปดาห์
ส่วนกรณีที่นายกิจจา ผลภาษี กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการบริหารจัดการน้ำ (กยน.) เสนอให้นายกรัฐมนตรีสรรหาบุคคลอื่นมาทำหน้าที่บริหารจัดการน้ำทั้งระบบ แทนนายปลอดประสพนั้น นายปลอดประสพ กล่าวว่า ตนไม่มีความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวหรือโกรธกับนายกิจจา เพราะตนและนายกิจจาเป็นเพื่อนกัน ทั้งนี้ โดยพื้นฐาน เรื่องงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำนั้น อาจมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน เพราะมีความคิดเห็นจากหลายคนมารวมกัน และตนไม่อยากเอาตัวเองไปเทียบกับนายกิจจา และนายปราโมทย์ ไม้กลัด ที่เป็นอดีตอธิบดีกรมชลประทาน อย่างไรก็ตาม ตนไม่สนใจหรือตอบโต้ว่าใครจะพูดอะไร แต่ขอทำงานของตัวเองต่อไป.

“ปู” นั่งหัวโต๊ะคุมงาน พท.รุกเดินหน้านโยบายปีที่ 2


เมื่อเวลา 15.40 น. วันนี้ ( 28 ส.ค.)  ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคที่มี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเป็นประธาน ว่า ประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าเมื่อรัฐบาลบริหารงานครบหนึ่งปี ในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็ต้องปรับกระบวนการทำงาน เพิ่มสมาชิกเข้ามาช่วยงานในคณะกรรมการต่างๆ ของพรรคมากขึ้น ซึ่งจะมีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 รวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานประชุมคณะกรรมการประสานภารกิจ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนแต่ละโซนและแกนนำพรรคด้วยตัวเอง เพื่อขับเคลื่อนโยบายในปีที่ 2 เชิงรุกและเข้มข้นมากขึ้น

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือกันกรณีฝ่ายค้านและ ส.ว.บางคน กล่าวหาว่ารัฐบาลและ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมล้วงลูกกรณีเซ็นโยกย้ายปลัดกระทรวงกลาโหมไปช่วยราชการที่สำนักงาน รมว.กลาโหม ซึ่งอาจจะสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นระหว่างรัฐบาลและกองทัพนั้น ซึ่งฝ่ายบริหารบางท่านที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เรื่องดังกล่าวไม่ใช่การโยกย้ายแต่ให้มาช่วยราชการสำนักงาน รมว.กลาโหม ถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.กลาโหมฯ ส่วนจะเข้าข่ายผิดตาม ม.265 และ ม.266 ว่าฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำหรือไม่นั้น คิดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ยืนยันว่าพรรคไม่ได้ขัดแย้งกับกองทัพตามที่ฝ่ายค้านพยายามโยงเรื่องนี้เป็น ประเด็นการเมือง ซึ่งสมาชิกพรรคเข้าใจและเชื่อว่าจะไม่มีความขัดแย้งกับกองทัพเกิดขึ้น.

อสย.เผยครม.ขอดูรายละเอียดงบ1.5 หมื่นล้านอุ้มค่ายาง


วันนี้ (28 ส.ค.) นายชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ ผู้อำนวยการองค์การสวนยาง(อสย.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไม่ได้ตีกลับโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราที่นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ เสนอของบเพิ่มอีก 1.5 หมื่นล้านบาท แต่ที่ประชุมครม.ขอให้กระทรวงเกษตรฯกลับไปทำรายละเอียดเพิ่มเติมเข้ามาจะ ต้องใช้งบประมาณในโครงการนี้ทั้งหมดเท่าไหร่ จะได้ไม่ต้องขอเพิ่มอีก และให้เสนอรายละเอียดด้วยว่าจะบริหารโครงการอย่างไรให้เงินที่ได้ไปหมุน เวียนกลับมาใช้ในโครงการได้อีกเพื่อแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ
“กระทรวงเกษตรฯไม่ได้หน้าแตก หรือครม.ตีกลับโครงการ แต่นายกรัฐมนตรีถามว่า หากขอเงินก้อนนี้แล้วจะกลับมาขออีกหรือไม่ ถ้าต้องกลับมาขออีกให้ไปทำเรื่องใหม่ไปดูว่าต้องใช้ทั้งหมดเท่าไหร่และจะมี แนวทางการบริหารโครงการนี้อย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด  ซึ่งหลังจากนี้รมช.เกษตรฯจะเรียกประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไข” นายชนะชัย กล่าว.

ครม.อนุมัติโยกย้ายขรก.ระดับสูง


วันนี้ ( 28 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ( ครม.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ครม.ได้มีมติแต่งตั้ง นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่งรองปลัด (บริหารระดับสูง) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ดำรงตำหน่งปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2555 นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติแต่งตั้ง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ดำรงตำแหน่งปลัดดระทรวงสาธารณสุข มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2555
น.ส.ศันสนีย์ นาคพงษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 6  ตำแหน่ง คือ 1.นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง 2.นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ไปดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง 3.นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร 4.นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมศุลกากร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต 5.นายมนัส แจ่มเวหา รองปลัดกระทรวงการคลัง ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง และ 6.น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2555
นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบแต่งตั้งนายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) แทนนายสิงหะ นิกรพันธุ์ ที่หมดวาระในวันที่ 30 ก.ย.นี้
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ว่าที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ กล่าวถึงงานด้านสาธารณสุขที่จะดำเนินการสานต่อ ว่ามี 2 ส่วน คือ ด้านการส่งเสริมป้องกันในเชิงนโยบายสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขคงต้อง บูรณาการงานทุกกรมให้ชัดเจนด้วยการประสานงาน จัดการ ไมใช่ให้แต่ละกรมต่างทำงาน เพราะอาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนได้โดยมีเป้าหมายในทุกกลุ่มอายุ ส่วนงานด้านการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ประชาชนต้องร่วมจ่ายเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นั้นนพ.ณรงค์ กล่าวว่า คงต้องเน้นเรื่องประสิทธิภาพ คุณภาพการบริการแก่พี่น้องประชาชนให้ดีขึ้น

เมื่อถามว่าปัญหาความขัดแย้งของแพทย์กลุ่มต่าง ๆ ในกระทรวงจะดำเนินการอย่างไร  นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ภายในกระทรวงสารณสุขต้องเป็นเอกภาพในการทำงานร่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ของ ประชาชนเป็นหลัก ไม่ว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่หรือโรงพยาบาลขนาดเล็กต้องเป็นเหมือนบริษัทจำกัดไม่ เช่นนั้นคงไม่สามารถทำให้ระบบบริการมีประสิทธิภาพได้คนที่เป็นพี่เป็นน้อง กันไม่ว่าวิชาชีพใดคงต้องพูดคุยกันแบบเปิดอก

พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า เห็นชื่อปลัดกระทรวงคนใหม่ก็นอนตายตาหลับมองเห็นอนาคตของกระทรวงสาธารณสุข เพราะ นพ.ณรงค์เป็นคนตรง  กล้าหาญ มีความสามารถสูง ไม่ได้เอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขจะดีขึ้น.

“บิ๊กโอ๋” แจงเด้งปลัดกห. เหตุปูดขัดแย้งโผทหาร


เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ ( 28 ส.ค.)  ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล  สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติราชการกระทรวงกลาโหม โดยพล.อ.วิทวัส  รชตะนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงกลาโหม ได้มอบนโยบายการปฏิบัติการให้กับหน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม  จากนั้น พล.อ.อ.สุกำพลได้แถลงถึงสาเหตุการโยกย้ายพล.อ.เสถียร  เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.พิณภาษณ์ สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตราไปช่วยราชการสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมว่า การย้ายไปช่วยราชการเป็นสิทธิและอำนาจของรมว.กลาโหมที่มีกฎหมายรองรับชัดเจน ตนทำไปด้วยความจำเป็น เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการทำงานเริ่มมีอุปสรรคบ้าง เสมือนเป็นทีมฟุตบอล ตนเป็นผู้จัดการทีม ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นโค้ช เมื่อโค้ชไม่ดี แพ้บ่อยก็ต้องปรับตัวออกไปพักก่อน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการบริหารงาน ตนทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ประสิทธิภาพดีขึ้น

“เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมเป็นผู้ร้ายอยู่ 2 วัน เหมือนกับผมไปก้าวก่าย ต้องเรียนให้ทราบว่า การโยกย้ายของกระทรวงกลาโหม ผมไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะย้ายใครอย่างไร จะปฏิเสธตลอด เพราะขั้นตอนยังไม่เสร็จสิ้น มีการประชุมไปเพียงครั้งเดียวที่ห้องทำงานผม และยังไม่เห็นบัญชีโยกย้าย จนถึงเวลานี้ก็ยังไม่เห็น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะคนที่เป็นบอร์ดคณะกรรมการในการปรับย้าย ไม่ควรจะหลุดไปข้างนอก หรือบอกให้ใครรู้ หรือไปร้องเรียนอะไร นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ที่ต้องรู้อยู่แล้ว เมื่อเราดำเนินการเสร็จในขั้นตอนของกระทรวงกลาโหม มันต้องพูดกันได้ เพราะเป็นพี่น้องกัน มีอะไรก็พูดกัน ผมเป็นคนพูดง่าย ทำให้ต้องมีการตัดสินใจปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เพื่อให้ดีขึ้นและผมคิดว่า กระทรวงกลาโหมคงเป็นปึกแผ่น เรื่องนี้จะแถลงแค่ครั้งเดียว เพราะเป็นเรื่องที่น่าอายของกระทรวงกลาโหมที่ต้องแถลงเรื่องนี้ จะไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้นอีก ส่วนการจัดทำบัญชีโยกย้ายขณะนี้ขั้นตอนยังไม่เสร็จสิ้น คิดว่าคงเสร็จภายในสัปดาห์นี้ตามกติกา และการโยกย้ายที่จะทำต่อไปนั้น ต้องทำตามกติกาทุกอย่าง ผมมีเพียงเสียงเดียวและคณะกรรมการ 6 คนก็มีเสียงเดียวเหมือนกัน”รมว.กลาโหม กล่าว

 เมื่อถามว่า สาเหตุจริงๆในการโยกย้ายคือ การนำความลับเกี่ยวกับบัญชีโยกย้ายไปแจ้งให้นายกฯรับทราบใช่หรือไม่  พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นสิ่งหนึ่ง เพราะยังอยู่ในขั้นตอนกระทรวงกลาโหม และเป็นขั้นตอนที่น่าจะรู้กันเฉพาะในบอร์ด ไม่ควรให้ใครรู้ แต่กลับหลุดไปหมด สิ่งเหล่านี้ไม่ถูกต้อง เราเป็นทหาร ในวงการนี้ต้องเด็ดขาด ถ้าปกครองไม่ได้ มันก็อยู่ไม่ได้ เราอยู่ในเรื่องของความมั่นคง ดังนั้นต้องเด็ดขาด เมื่อถามต่อว่าแล้วขณะนี้ยังผลักดัน พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผบ.ทบ.เป็นปลัดกระทรวงกลาโหมอยู่หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้น คงจะพูดไม่ได้ ตนไม่เคยพูดว่าจะผลักดันใคร ทั้งนี้พล.อ.เสถียร ไม่มีสิทธิ์ที่จะร่วมประชุมบอร์ดคณะกรรมการปรับย้ายแล้ว โดยรักษาการปลัดกระทรวงกลาโหมจะมีหน้าที่เหมือนปลัดทุกอย่าง อย่าไปพูดว่า ตนเอาพล.อ.เสถียร ออกไปแล้ว เท่ากับตนสบายขึ้นในการโยกย้าย ตนมีเสียงเดียวเหมือนเดิม

 เมื่อถามว่าจะกลายเป็นมาตรฐานหรือไม่ว่าหากใครมาปฏิบัติอย่างนี้จะต้อง โดนโยกย้าย พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า การทำอะไรจะต้องรอบคอบ ทหารที่เกษียณออกไปจำนวนมากโทรมาให้กำลังใจตน แต่ตนไม่ได้ดีใจ เพราะเป็นเรื่องน่าอายของกระทรวงกลาโหม ที่คุยกันข้างในยังไม่พอ ต้องไปคุยกันข้างนอก ส่วนการดำเนินการต้องดูเป็นแต่ละกรณี ตนไม่ได้เป็นคนที่โหดเหี้ยม แต่ทำด้วยเหตุผล   ส่วนกรณีที่พล.อ.ชาตรี เตรียมทำเรื่องฟ้องร้องเรียนขอความเป็นธรรมนั้น ก็ว่ามา ตนก็จะให้ความเป็นธรรม ถ้าพล.อ.ชาตรีเดินมาคุย ตนก็จะคุยด้วย ใครก็แล้วแต่ตนคุยด้วยหมด ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมจะต้องมาจากอัตราจอมพลหรือไม่นั้น ระเบียบว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ระเบียบบอกไว้ชัดเจนว่า จะมาจากจอมพลก็ได้ หรือมาจาก พล.อ.ก็ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่พล.อ.เสถียร ระบุว่า อาจมีการย้ายผบ.เหล่าทัพในลักษณะเดียวกัน  พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ต้องดูเป็นกรณี เพราะผบ.เหล่าทัพไม่ได้ทำแบบนั้น และเขามีความรับผิดชอบที่ดี ตนอยู่ใกล้ชิดกับพล.อ.เสถียร ไม่น่าจะมีเรื่องแบบนี้ แต่ผบ.เหล่าทัพก็น่ารัก 

“ผมเป็นทหารในคราบนักการเมือง คือเป็นรมว.กลาโหมที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายทหาร แต่เป็นทหารตลอดชีวิต สามารถพูดกับน้องๆได้รู้เรื่อง เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผมทำด้วยความที่ต้องทำ และ ด้วยความถูกต้อง ผมไม่ใช่คนที่จะไปทุบโต๊ะทำแบบนั้น พูดตลอดเวลา น้องๆทุกคนเข้าใจดี และมาคุยกับผม ใครจะมาคุยกับผมก็ได้ รวมถึงทั้ง 3 คนที่ถูกโยกย้าย ไม่มีอะไร เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ส่วนเขาจะร้องเรียนอย่างไรต้องไปถามเขา ไม่สามารถตอบแทนได้ ซึ่งทั้ง 3 คน มีงานให้ทำ โดยจะเสนอวันนี้ว่า ให้ไปทำอะไรบ้าง ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีทราบเรื่องดังกล่าวแล้วจากสื่อมวลชน และได้รายงานให้ท่านทราบ การลงนามโยกย้าย เป็นการตัดสินใจของผมเอง และผมก็ทำเอง”รมว.กลาโหม กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงไม่เห็นด้วยกับการโยกย้ายครั้งนี้ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่เคยได้ยินข่าว ไม่เช่นนั้นทั้งสองท่านคงโทรมาท้วงติงกับตนแล้ว เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่า ปัญหาจะไม่จบง่ายๆ และมีคลื่นใต้น้ำสร้างความขัดแย้งออกไปอีก พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ถ้าสื่อไม่ขายข่าวมากก็จบ เพราะทหารคือทหาร ต้องเข้าใจ การโยกย้ายก็ยังมีต่อไป.

กสทช.สั่งปรับดีแทคกว่า10ล้านระบบเจ๊ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 11.00 น.วันนี้ (28 ส.ค.) เครือข่ายโทรศัพท์มือถือดีแทค ใช้งานไม่ได้หลายพื้นที่ จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.15 น.สัญญาณจึงกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ในระหว่างนั้นไม่สามารถติดต่อกับผู้ใช้เครือข่ายดีแทคได้ รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ของดีแทคด้วย ส่วนในหน้าแฟนเพจเฟซบุ๊กของดีแทค ก็มีลูกค้าเข้ามาระบายความรู้สึกเป็นจำนวนมาก
ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงานกสทช.)  นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดปัญหาเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ดีแทค) ล่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. สำนักงาน กสทช. มีหนังสือด่วนถึงดีแทคเพื่อให้เข้าชี้แจงแล้ว  เนื่องระบบดีแทคล่มเป็นครั้งที่ 5 แล้วส่งผลกระทบให้ลูกค้าผู้ใช้บริการมือถือ   รวมทั้งจะตั้งคณะกรรมการ พิจารณาค่าปรับ มีความเป็นไปได้ว่าตัวเลขค่าปรับจะสูงถึง 8 หลัก  ทั้งนี้อัตราค่าปรับจะคำนวณจากค่าเสียโอกาสจากการที่ผู้ใช้มือถือทั้งระบบ 130 ล้านราย
นายฐากร กล่าวว่า พอทราบข่าวว่า ดีแทคระบบล่มไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ จึงนำรถตรวจสอบรายงานเบื้องต้นพบว่า โครงข่าย 3 จี ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน ส่วนโครงข่าย 2 จี นั้นใช้ได้บางส่วนเท่านั้น  อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ กสทช. ได้มีมาตรการชัดเจนห้ามให้ดีแทคมีปัญหาด้านเครือข่ายอีก  เพราะถือว่าไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 33 พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544  ที่กำหนดค่าปรับเบื้องต้นไว้ที่วันละ 20,000 บาท ส่วนมาตรการเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ  ดีแทคจะต้องคิดค่าบริการคืนกลับให้ลูกค้าเหมือนกันเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา
ขณะที่ดีแทคได้ส่งแถลงการณ์ถึงสื่อมวลชน ระบุว่า  บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ได้ประสบปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของอุปกรณ์เอ็มพีแอลเอส ซิกแนล เราท์เตอร์ ( MPLS Signaling Router)  หนึ่งเครื่องในอุปกรณ์ดังกล่าวหลายคู่    ที่ใช้งานอยู่ที่ศูนย์สวิตซ์ชิ่ง เซ็นเตอร์ รังสิต ส่งผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้าของดีแทคประมาณ ร้อยละ 20 ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศ รวม 65 นาที  (ระหว่าง 11.06 น. ถึง 11.26 น. และ 12.00 น. ถึง 12.45 น.) ขณะนี้ บริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และบริการต่างๆได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว บริษัทฯ ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่งต่อลูกค้าของเราสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น ในครั้งนี้
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. จนท.ฝ่านเทคนิคดีแทคเข้าพบนายฐากร นาน 30นาที จากนั้นนายฐากร  กล่าวว่า สาเหตุที่เครือข่ายล่มเนื่องจากเราท์เตอร์ซึ่งเป็นสวิชต์ระหว่างเสาส่ง สัญญาณที่รังสิตรวมทั้งอุปกรณ์สำรองเสีย ทำให้เครือข่ายล่ม ขณะนี้ได้แก้ไขเป็นปกติแล้ว หลังล่มนานเกือบ 3 ชม.

"แก้ว"ขอบคุณ"เดลินิวส์"เปิดใจอยากปั๊มลูกชาย


วันนี้ (28 ส.ค.) มีความเคลื่อนไหวของฮีโร่นักชกเหรียญเงินโอลิมปิก 2012 “ลอนดอนเกมส์” แก้ว พงษ์ประยูร  โดย “เสธ.ศักดา” พ.อ.ศักดา เพ็ชรจินดา ประธานฝ่ายเทคนิคสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย พร้อมนายอนุกูล ฮึงสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการทีมนักมวยทีมชาติไทยชุดโอลิมปิกเกมส์ 2012  นำคณะนักชกไทยชุดโอลิมปิกเกมส์ 2012  ได้แก่ 3 นักชกไทย แก้ว พงษ์ประยูร,ฉัตร์ชัย บุตรดี และ สายลม อาดี พร้อมสต๊าฟฟ์โค้ช โอมาร์ มาลากอน จากคิวบา และ พ.ต.ธง ทวีคูณ  เดินสายขอบคุณสื่อมวลชน  โดยเมื่อเวลา 16.00 น. เดินทางมาขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ที่สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต ที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี โดยมี ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ต้อนรับ
ในโอกาสนี้ คณะนักชกไทยได้มอบกระเช้าดอกไม้ขอบคุณหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ ดร.ประภา ได้มอบของที่ระลึกให้คณะนักชกไทย พร้อมมอบสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท ให้ แก้ว เป็นกำลังใจด้วย  พร้อมกล่าวแสดงความยินดี ชื่นชมในความสำเร็จของทีมนักชกไทย  และให้กำลังใจกับนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยทุกคน รวมทั้งสต๊าฟฟ์โค้ช ให้ตั้งใจทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติต่อไป
ฮีโร่นักชกเหรียญเงินโอลิมปิก “ลอนดอนเกมส์”  แก้ว พงษ์ประยูร เปิดเผยว่า  สำหรับเงินรางวัลอัดฉีดที่ได้รับ เฉพาะเงินสด ไม่รวมสิ่งของและรถยนต์ ตอนนี้มีฝากเข้าบัญชีธนาคารแล้วประมาณ 20 ล้านบาท ตั้งใจใช้จ่ายอย่างประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย และจะแบ่งให้ สายลม และ ฉัตร์ชัย ที่พลาดเหรียญรางวัล คนละ 1 แสนบาท รวมทั้งสต๊าฟฟ์โค้ช  นอกจากนั้นจะแบ่งให้นักชกที่พลาดตกรอบคัดเลือก ไม่ได้ไป “ลอนดอนเกมส์” แต่ฝึกซ้อมร่วมกันมาที่แคมป์เก็บตัวทีมชาติด้วยกันตลอด ตามสมควรทุกคน
ส่วนเรื่องการที่มีผู้ติดต่อมาทาบทาบให้ไปเล่นหนัง หรือแสดงละครทีวีนั้น แก้ว เผยว่า ทราบจากผู้ประสานงานว่ามีติดต่อเข้ามาแล้วบ้าง แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียดว่าเป็นเรื่องแนวไหน ถ้าเป็นบทที่เหมาะสมตนก็อยากลองหาประสบการณ์ด้วยเหมือนกัน แต่เรื่องร้องเพลงคงไม่ถนัด  เรื่องการเบนเข็มไปเป็นโค้ชนั้น ก็อยากร่วมงานกับทีมชาติอีก เพราะอยากสร้างรุ่นน้องขึ้นมาคว้าเหรียญทองโอลิมปิก ต้องรอดูอีกครั้งหลังการเลือกตั้งนายกสมาคมมวยฯ ว่าใครจะเข้ามา เนื่องจาก “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ จะลาออกแน่นอนแล้ว
โดยส่วนตัวอยากได้คนที่รักกีฬามวย รู้เรื่องมวย มีเวลา และมีความพร้อมจริง เข้ามาพัฒนาวงการมวยของไทย และอยากฝากถึงนักชกรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมา ให้ตั้งใจ ความพยายาม ความอดทน อย่างแท้จริง อย่าท้อง่าย ๆ เพราะตนเองกว่าจะมาถึงจุดนี้ ก็เจออุปสรรคมามาก และต้องรอโอกาสถึง 12 ปี กว่าจะได้ขึ้นชกในกีฬาโอลิมปิก
แก้ว กล่าวอีกว่า สำหรับชีวิตครอบครัวนั้น ตอนนี้มีลูกสาวแล้ว 1 คน คือ “น้องแก้มใส”  ถือว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่อยากได้ลูกชายอีกสัก 1 คน ไม่รู้ว่าจะสมหวังหรือเปล่า แต่จากนี้ไปเลิกชกมวยแล้ว คงมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น จะเดินทางกลับบ้านเกิดที่จ.กำแพงเพชรวันที่ 30 ส.ค. นี้ ร่วมงานเลี้ยงต้อนรับของจ.กำแพงเพชร ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ เสร็จแล้วต้องรีบขึ้นกรุงเทพฯอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย. นี้  ยังมีคิวขึ้นมารับรางวัล และร่วมงานต่าง ๆ อยู่ รวมทั้งงานเลี้ยงฉลองชัยของสมาคมมวยฯ ในวันที่ 4 ก.ย.นี้.

สรรพากรยันรับเงิน-จ่ายภาษีแทน"พลอย"ผิดทั้งคู่


วันนี้ (28 ส.ค.) ที่กระทรวงการคลัง นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวการเสียภาษีของดารานักแสดง น.ส.ไลลา บุญยศักดิ์ อาจมีการเสียภาษีคลาดเลื่อนจากความเป็นจริงนั้น การเสียภาษีของดารานักแสดงต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 5% ของเงินที่ได้รับ และเมื่อหักแล้วก็ต้องนำส่งกรมสรรพากรภายใน 7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินได้ เมื่อสิ้นปี ดารานักแสดงก็ต้องนำเงินได้ทั้งหมดไปรวมคำนวณภาษีปลายปีโดยนำภาษีที่ถูกหัก ไว้มาเครดิตออกจากภาษีสิ้นปีได้
“การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเมื่อสิ้นปีนั้น ก็คำนวณโดยนำเงินได้ทั้งหมดหักด้วยค่าใช้จ่าย กฎหมายกำหนดให้หักได้ตามจริงหรือในอัตราเหมาที่กฎหมายกำหนดและหักค่าลดหย่อน ก่อนจะนำเงินได้สุทธิไปคำนวณอัตราภาษีเงินได้อัตราก้าวหน้า เมื่อได้ภาษีที่ต้องชำระแล้ว ก็นำภาษีที่ถูกหักไว้แล้วมาเครดิตได้” นายสาธิต กล่าว
และว่า สำหรับที่มีการหลีกเลี่ยงภาษีโดยการใช้บุคคลอื่นเป็นผู้รับเงินแทนและทำให้ การหักภาษี ณ ที่จ่ายผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงนั้น ผู้จ่ายและผู้รับเงินมีความรับผิดร่วม หากดาราได้รับเงินได้ในเดือนส.ค. บริษัทผู้จ่ายเงินได้ก็ต้องนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายภายในวันที่ 7 ก.ย.นี้ กรมสรรพากรจะตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายในทันที และหากสิ้นปียังยื่นแบบเสียภาษีประจำปีไม่ถูกต้องอีก ทั้งผู้จ่ายและผู้รับเงิน ต่างก็มีความผิด
อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรจะดำเนินการตามกฎหมายอีกครั้งต่อไป การนำบุคคลอื่นมารับเงินแทนเพื่อให้การเสียภาษี ไม่ถูกต้องครบถ้วน ผู้รับเงินที่แท้จริงต้องรับผิดชอบต่อกรมสรรพากร และหากผู้จ่ายเงินร่วมมือกับผู้รับเงินก็มีความผิดด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้ง กรมสรรพากรจะนำเรื่องคณะบุคคลกับห้างหุ้นส่วนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา เพื่อให้มีความชัดเจนในการเสียภาษี เพราะทั้ง 2 กรณีมีการเสียภาษีที่แตกต่างกัน.

ภท.ตั้ง“บุญจง” เป็นหัวหน้าทีมศึกษาเสนอแก้กม.อุทยาน


วันนี้ (28 ส.ค.) ที่พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย  ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่าที่ประชุมพรรค มีมติแต่งตั้งนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์  ส.ส.นครราชสีมา รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อศึกษาแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 เนื่องจากเห็นว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ล่วงเลยมากว่า 50 ปี ทั้งนี้แนวทางการยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคำพิพากษาถึงที่สุดให้รื้อถอน สิ่งก่อสร้างออกจากพื้นที่อุทยาน ให้ปรับเปลี่ยนเป็นการ เช่าที่แทนได้หรือไม่  ตรงนี้จะนำกรณีการก่อสร้างรีสอร์ทบริเวณวังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มาเป็นกรณีศึกษา เนื่องจาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ประกาศใช้ ในภายหลังจากที่มีประชาชนเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่แล้ว ซึ่งคนเหล่านี้ควรจะได้รับการเยียวยาเพราะไม่ได้มีเจตนาเข้าไปบุกรุกพื้นที่ ในอุทยานตั้งแต่แรก

โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายประนอม โพธิ์คำ ส.ศ.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย จะได้ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ถึงมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบหลังจากที่นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เข้าไปสั่งทุบรีสอร์ทจำนวนมาก  ซึ่งขณะนี้ผู้เสียหายทั้ง 2 อำเภอได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน ซึ่งได้ตั้งคณะอนุ กมธ.ขึ้นมาศึกษาเพื่อหามาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า.

ทหารช่วยประชาชนจากภัยแล้ง -น้ำท่วม -ไฟป่า


วันนี้ (28 ส.ค. ) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า  กองทัพบกได้ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยพิบัติต่างๆอย่างเร่งด่วน ทั้งสถานการณ์ไฟป่าพรุจ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง โดยขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กำลังทหาร 385 นาย พร้อมรถบรรทุกน้ำ 27 คัน จากกองทัพภาคที่ 4 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และกรมชลประทานในการเฝ้าระวัง และการเร่งระบายน้ำเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังอยู่ประจำศูนย์ปฏิบัติการควบคุมไฟป่า ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง พังงา สุราษฎร์ธานี และสงขลา  ทางกองทัพบกได้ส่งรถบรรทุกน้ำ 1,440,000 ลิตร ไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว และจะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ ที่ได้เกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากใน 5 ตำบลของ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นั้นทางจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ ได้ส่งชุดสำรวจความเสียหาย และเข้าช่วยเหลือประชาชนในทันที  ขณะที่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดดินสไลด์ทับเส้นทาง ที่ ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า และ ต.ทุ่งยาว อ.ปาย กองกำลังนเรศวรได้ส่งทหารพร้อมเครื่องมือเข้าสำรวจและเปิดเส้นทางทำให้การ สัญจรไปมาเป็นปกติแล้ว  ระยะนี้ทั่วประเทศยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและฝนตกหนัก บางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม กองทัพบกได้กำชับให้หน่วยทหารในทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงได้เฝ้าติดตาม สถานการณ์ พร้อมแจ้งเตือนประชาชน รวมถึงการเข้าช่วยเหลือทันทีหากเกิดสถานการณ์.

ทหารช่วยประชาชนจากภัยแล้ง -น้ำท่วม -ไฟป่า


วันนี้ (28 ส.ค. ) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า  กองทัพบกได้ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยพิบัติต่างๆอย่างเร่งด่วน ทั้งสถานการณ์ไฟป่าพรุจ.นครศรีธรรมราช และ จ.พัทลุง โดยขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ แต่กำลังทหาร 385 นาย พร้อมรถบรรทุกน้ำ 27 คัน จากกองทัพภาคที่ 4 ยังคงปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้และกรมชลประทานในการเฝ้าระวัง และการเร่งระบายน้ำเข้าไปในพื้นที่ที่เกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังอยู่ประจำศูนย์ปฏิบัติการควบคุมไฟป่า ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย สำหรับสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง พังงา สุราษฎร์ธานี และสงขลา  ทางกองทัพบกได้ส่งรถบรรทุกน้ำ 1,440,000 ลิตร ไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว และจะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนพื้นที่ภาคเหนือ ที่ได้เกิดเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากใน 5 ตำบลของ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ นั้นทางจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ ได้ส่งชุดสำรวจความเสียหาย และเข้าช่วยเหลือประชาชนในทันที  ขณะที่ใน จ.แม่ฮ่องสอน ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดดินสไลด์ทับเส้นทาง ที่ ต.สบป่อง อ.ปางมะผ้า และ ต.ทุ่งยาว อ.ปาย กองกำลังนเรศวรได้ส่งทหารพร้อมเครื่องมือเข้าสำรวจและเปิดเส้นทางทำให้การ สัญจรไปมาเป็นปกติแล้ว  ระยะนี้ทั่วประเทศยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นและฝนตกหนัก บางแห่ง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม กองทัพบกได้กำชับให้หน่วยทหารในทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงได้เฝ้าติดตาม สถานการณ์ พร้อมแจ้งเตือนประชาชน รวมถึงการเข้าช่วยเหลือทันทีหากเกิดสถานการณ์.

“เรืองไกร” ร้อง กกต.สอบ ปชป.ใช้รถทหารขนของ


วันนี้ ( 28 ส.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวก่อนการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการไต่สวนของนายทะเบียนพรรคการเมืองตาม หนังสือเชิญลงวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา   กรณีที่ได้ยื่นร้องต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ รับบริจาคน้ำดื่มบรรจุขวด  850 โหล มูลค่า 35,700 บาท จากบริษัทอีสต์วอเตอร์จำกัด มหาชน โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมนายทะเบียนฯ จึงให้แยกสอบเรื่องน้ำดื่ม ออกจากเรื่องการเงินบริจาค 1 ล้านบาทของอีสต์วอเตอร์ ทั้งที่เป็นเรื่องการรับบริจาคในคราวเดียวกัน แต่ถ้านายทะเบียนมองว่าเพื่อให้เกิดความรวดเร็วก็ไม่เป็นปัญหา  ทั้งนี้ยังติดใจว่าในครั้งที่ร้องต่อนายทะเบียนเพิ่มเติมขอให้สอบเรื่องการ รับบริจาคน้ำดื่มนั้น ตนได้ร้องขอให้สอบการใช้รถยนต์ทหารจัดส่งของบริจาคไปยัง จ.สงขลา  ซึ่งมีเอกสารของราชการทหารยืนยันชัดเจนว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ฝ่ายอำนวยการ3 กรมทหารขนส่งรักษาพระองค์ (ฝอ.3 กรม ขส.รอ.) มีหนังสือถึง ผู้บังคับการกรมทหารขนส่งรักษาพระองค์ (ผบ.กรม.ขส.รอ.) ว่า กองยุทธการได้รับการประสานจากกองยุทธการและการข่าว กรมการขนส่งทหารบก (กยข.ขส.ทบ.) ให้กรมทหารขนส่งรักษาพระองค์ (กรม ขส.รอ.) จัดยานพาหนะ รถยนต์บรรทุก (รยบ.)  5 คันพร้อมพลขับสนับสนุนศูนย์บรรเทาสาธารณภัย (ศบภ.ทบ.) เพื่อใช้บรรทุกสิ่งของบริจาคในวันที่ 23 พ.ย. 53 เวลา  08.30 น. โดยพร้อมที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นำส่ง จ.สงขลา และเดินทางกลับเมื่อจบภารกิจ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกให้การสนับสนุน  โดยการขอสนับสนุนรถจากทหารดังกล่าวมีภาพยืนยันชัดเจนในเว็บไซด์ของพรรคประชา ธิปัตย์  เป็นการปล่อยรถบรรทุกสิ่งของบริจาคจากพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 23 พ.ย. 53 แต่ทำไมที่เชิญตนมาให้ถ้อยคำครั้งนี้กลับระบุในหนังสือเชิญเพียงว่าขอให้มา ให้ถ้อยคำเรื่องน้ำดื่มเท่านั้น ซึ่งจะได้มีการสอบถามคณะกรรมการไต่สวนว่ามีการตัดประเด็นนี้ออกไปหรือไม่ เพราะเหตุใด
“ หากไม่มีประเด็นนี้ ผมจะผลักดันให้มีการสอบให้ได้ เพราะหลักฐานชัดเจนทั้งภาพการปล่อยรถบรรทุกของทหารแต่ป้ายผ้าที่ติดข้างรถ กลับเป็นป้ายพรรคประชาธิปัตย์  และเอกสาร เท่ากับว่าพรรครับหรือยอมรับที่จะใช้รถยนต์ของทางราชการทหาร ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 65 ของพ.ร.บ.พรรคการเมืองชัดเจน อีกทั้งในเอกสารของทหารฉบับนี้ยังระบุชัดว่า ค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งก็คือค่าน้ำมัน ค่าพลขับ หลวงเป็นคนจ่าย ทั้งที่ภาพฟ้องว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการทำในนามพรรค   ไม่ใช่รัฐบาล” นายเรืองไกร กล่าวและว่า เคยนำเรื่องนี้ไปสอบถามพรรคประชาธิปัตย์เพื่อขอคำอธิบายเมื่อวันที่ 6 ก.ค. แต่จนขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำชี้แจง.

จี้รัฐทบทวนแทรกแซงราคาข้าวเกษตรกรไม่พัฒนาการผลิต


วันนี้ (28 ส.ค.) นายจารึก สิงหปรีชา ผู้อำนวยการศูนย์ติดตามและพยากรณ์เศรษฐกิจการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ร่วมกับสำนักงานเศรษฐิกจการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์ข้่าวในปีนี้การส่งออกมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปีที่่ผ่านมาโดย ตัวเลขการส่งออกอยู่ประมาณ 6.5 ล้านตันในขณะทีี่ตลาดส่งออกหลักจะอยู่ที่ประเทศ ไนจีเรีย อินโดนีเซียและอิรัก
มีสัญญานการชะลอตัวการสั่งข้าวจากไทยลดลงจากประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย ลดสั่งซื้อข้าวจากไทย 40 เปอร์เซนต์ ฟิลิปปินส์ ลดการสั่งซื้อ 30 เปอร์เซนต์ เมื่อพิจารณาดูทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาพบว่าข้าวไทยปรับตัวสูงขึ้นจากปี ที่ผ่านมา  20 เปอร์เซนต์ เฉลี่ย 671 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน มีปัจจัยที่มีผลกระต่อการส่งออกข้าว เช่น ปริมาณสต็อกข้าวของอินเดียที่มีมากเพียงพอต่อการส่งออกทั้งปี ประเทศเวียดนามลดราคาข้าวเพื่อแข่งขันกับอินเดียที่ค่าเงินอ่อนค่าทำให้ราคา ข้าวในตลาดโลกยิ่งตกต่ำ ประกอบกับปากีสถานขยายปริมาณการส่งออกข้าวมากขึ้น  แต่มีปัจจัยเป็นบวกต่อสถานการณ์ข้าวไทยคือ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่่อนค่าลงขณะที่ความต้องการข้าวจีนเพิ่มขึ้น และสภาพภัยแล้งที่จะเกิดในปีนี้ทั้งที่อินเดียและสหรัฐอเมริกา
นายจารึก กล่าวต่อว่า  สำหรับผลประมาณการแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์ โดยใช้ฐานข้อมูลระหว่างปี 2540-2553 เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ปริมาณการผลิตข้าวภายในประเทศกับตัวแปรทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญพบว่าการเพิ่มขึ้นของราคาข้าวภายในประเทศ การเพิ่มขึ้นของราคาส่งออกข้าว การเพิ่มขึ้นของปริมาณส่งออกข้าว หรือการเพิ่มขึ้นของแรงงานทำนา แสดงให้เห็นผลที่ไม่แตกต่างกันมากนัก พบว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะส่งผลให้มีการขยายตัวของผลผลิตข้าว เนื่องจากการแทรกแซงตลาดโดยการรับจำนำเพิ่มระดับราคาขายข้าวสูงขึ้น เป็นผลทำให้บิดเบือนของกลไกราคา กรณีนี้จะมีผลเสียคือเกิดต้นทุนสังคมสูงขึ้นและค่าครองชีพสูงขึ้นด้วย ดังนั้นกรณีกำหนดราคาข้าวจึงจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบผลได้ในส่วน ของการขยายตัวของการผลิตข้าวและผลเสียจากการบิดเบือนราคาตลาดด้วย
"ทั้งนี้การแทรกแซงราคาในทางเศรษฐศาสตร์ จะต้องทำระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบิดเบือนกลไกตลาด และก่อให้เกิดส่งสัญณาญที่ผิดพลาดไปสู่เกษตกรได้เพาะราคาไม่อยู่บนความจริง จะทำให้เกษตกรขยายพื้นที่ปลูกอย่างมาก เพื่อผลิตมากๆและขายได้มากๆไม่ควบคุมคุณภาพและไม่เกิดการแข่งขันและการพัฒนา พันธุ์ข้าวคุณภาพดี เพราะไม่ว่าจะปลูกข้าวอย่างไรรัฐรับซื้อทั้งหมด รัฐจะต้องทบทวนว่าจะทำให้เกิดราคาภายในหรือภายนอกประเทศ ต้องหันไปลดต้นทุนการผลิตและส่งเสริมให้ปลูกข้าวคุณภาพดี  ถ้าปลายปีไทยไม่มีภัยพิบัติธรรมชาติคาดว่าปีหน้าปริมาณข้าวไทย ออกสู่ตลาด 25 ล้านตันข้าวสาร จากพื้นที่ปลูก 61ล้านไร่ โดยประเทศไทยอาจจะขึ้นอันดับสองของโลก แต่ราคาตลาดโลกจะไม่ขยับเพราะอินเดีย ยังมีสต๊อกข้าวอยู่ถึง 30 ล้านตันยกเว้นแต่ประสบภัยพิบัติ ในประเทศคู่แข่งสำคัญทำให้ราคาตลาดโลกสูงขึ้นแต่ไม่ถึงปี 2551 อย่างแน่นอน" นายจารึก กล่าว.

กลาโหมมอบงานใหม่ “เสถียร-ชาตรี”


วันนี้ ( 28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงกลาโหม ได้มีคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 383/55 เรื่องให้นายทหารช่วยปฏิบัติราชการโดยให้นายทหารสัญญาบัตร สังกัดปลัดกระทรวงกลาโหม ช่วยปฏิบัติราชการที่สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม และส่งมอบหน้าที่ราชการประจำ และให้รายงานตัวเพื่อปฏิบัติราชการ ณ สำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ถ.แจ้งวัฒนะ จ.นนทบุรี 3 นาย คือ 1.พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหน้าที่ให้คำปรึกษา และข้อพิจารณาเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของชาติ และการใช้ทหารพัฒนาใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ 2.พล.อ.ชาตรี ทัตติ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ปฏิบัติหน้าที่ให้คำปรึกษา และข้อพิจารณาเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและช่วย เหลือผู้ประสบภัยพิบัติ 3.พล.อ.พิณภาษณ์  สริวัฒน์ เจ้ากรมเสมียนตรา ปฏิบัติหน้าที่ให้คำปรึกษา และข้อพิจารณาเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการบริหารการจัดการ เพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ สั่งวันที่ 28 ส.ค. 2555 โดยมีพล.อ.วรวิทย์ ชินะนาวิน เลขานุการ รมว.กลาโหม เป็นผู้ลงนาม.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources