วันนี้ ( 29 ก.ค.) พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ สว.สรรหา กล่าวว่า สว.สรรหา
กับสว.เลือกตั้ง
ต่างถือว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยเหมือนกันตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีการแตกแยกกันตามที่มีบางคนเข้าใจ
ตนอยู่ในสภาก็เห็นทุกคนรักใคร่สนิทสนมกัน
เวลาจะพูดคุยกันก็ไม่เห็นมีใครมาพูดว่าคนนี้มาจากการเลือกตั้งหรือคนนั้นมา
จากการสรรหา เพราะฉะนั้นอย่าเข้าใจผิดว่ามีการแบ่งแยกกัน
ไม่มีหรอกแต่อาจมีบางคนที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกันไป
ซึ่งก็เป็นธรรมดาในระบอบประชาธิปไตยที่มีความเห็นแตกต่างได้
“ สว.สรรหาคนหนึ่งอาจมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างหนึ่ง แต่จะไปเหมาว่าสว.สรรหาคนอื่นๆอาจมีความคิดเห็นเหมือนกันนั้น เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกันหากสว.เลือกตั้งมีความเห็นทางการเมืองอย่างหนึ่ง ก็จะเหมารวมว่าสว.เลือกตั้งทุกคนมีความคิดเห็นเหมือนกัน ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน” พล.ต.อ.จงรัก กล่าว
สว.สรรหา กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเรื่องประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความรู้ความสามารถมากกว่าที่มาของผู้ที่จะมา เป็น ไม่ต้องคำนึงถึงที่มาว่าต้องมาตากการสรรหาหรือมาจากการเลือกตั้ง ใครก็ได้ที่มีความเหมาะสมก็เป็นได้ทั้งนั้น ข่าวที่ออกมาดูเสมือนว่าจะมีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายว่าเป็นฝ่ายสรรหากับฝ่าย เลือกตั้ง ซึ่งตนเห็นว่าจริงๆแล้วไม่มี ทุกคนสนิทสนมกันทั้งนั้น ไม่มีการแย่งอำนาจกันตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีรายชื่อสว.หลายคนน่าจะถูกนำเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น โดยส่วนตัวแล้วในฐานะที่เคยเป็นรองผบ.ตร.มาก่อนแล้วอยู่ในฝ่ายบริหาร ตามหลักแล้วเมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่งก็ควรจะแต่งตั้งผู้ที่ทำ หน้าที่เป็นรองขึ้นมาแทนเพราะผู้ที่เป็นรองเป็นผู้ที่ทำหน้าที่มาอยู่แล้ว มีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อเข้าทำหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ทันทีต่อเนื่องเลย ไม่ต้องมาศึกษางานอะไรกันอีก
“มันคงเป็นเรื่องแปลกเมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่งแล้วไปเอาคน อื่นกระโดดข้ามเข้ามาเป็น ทั้งๆที่รองหัวหน้าฝ่ายบริหารนั้นยังนั่งอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจะทำอย่างไรก็มาคิดกัน สรุปแล้วผมเห็นว่าท่านนิคม ไวยรัชพาณิชย์ ซึ่งเป็นรองประธานคนที่ 1 มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นประธานวุฒิสภาคนต่อไปมากที่สุด”พล.ต. อ.จงรัก กล่าว
“ สว.สรรหาคนหนึ่งอาจมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างหนึ่ง แต่จะไปเหมาว่าสว.สรรหาคนอื่นๆอาจมีความคิดเห็นเหมือนกันนั้น เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกันหากสว.เลือกตั้งมีความเห็นทางการเมืองอย่างหนึ่ง ก็จะเหมารวมว่าสว.เลือกตั้งทุกคนมีความคิดเห็นเหมือนกัน ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน” พล.ต.อ.จงรัก กล่าว
สว.สรรหา กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาเรื่องประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น เห็นว่าขึ้นอยู่กับคุณสมบัติความรู้ความสามารถมากกว่าที่มาของผู้ที่จะมา เป็น ไม่ต้องคำนึงถึงที่มาว่าต้องมาตากการสรรหาหรือมาจากการเลือกตั้ง ใครก็ได้ที่มีความเหมาะสมก็เป็นได้ทั้งนั้น ข่าวที่ออกมาดูเสมือนว่าจะมีการแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายว่าเป็นฝ่ายสรรหากับฝ่าย เลือกตั้ง ซึ่งตนเห็นว่าจริงๆแล้วไม่มี ทุกคนสนิทสนมกันทั้งนั้น ไม่มีการแย่งอำนาจกันตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
พล.ต.อ.จงรัก กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีรายชื่อสว.หลายคนน่าจะถูกนำเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น โดยส่วนตัวแล้วในฐานะที่เคยเป็นรองผบ.ตร.มาก่อนแล้วอยู่ในฝ่ายบริหาร ตามหลักแล้วเมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่งก็ควรจะแต่งตั้งผู้ที่ทำ หน้าที่เป็นรองขึ้นมาแทนเพราะผู้ที่เป็นรองเป็นผู้ที่ทำหน้าที่มาอยู่แล้ว มีความรู้ความเข้าใจในหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อเข้าทำหน้าที่ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ทันทีต่อเนื่องเลย ไม่ต้องมาศึกษางานอะไรกันอีก
“มันคงเป็นเรื่องแปลกเมื่อหัวหน้าฝ่ายบริหารพ้นจากตำแหน่งแล้วไปเอาคน อื่นกระโดดข้ามเข้ามาเป็น ทั้งๆที่รองหัวหน้าฝ่ายบริหารนั้นยังนั่งอยู่ แต่นี่เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจะทำอย่างไรก็มาคิดกัน สรุปแล้วผมเห็นว่าท่านนิคม ไวยรัชพาณิชย์ ซึ่งเป็นรองประธานคนที่ 1 มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะเป็นประธานวุฒิสภาคนต่อไปมากที่สุด”พล.ต. อ.จงรัก กล่าว