วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

เตรียมออกหมายจับ 2 มือบึ้มลีการ์เดนส์


วันนี้(4 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา  ผบช.ภ.9 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับสองคนร้ายที่ก่อเหตุในอีกไม่เกินสองวัน รอเพียงการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกบางส่วน โดยสองคนร้ายที่เตรียมออกหมายจับนั้นเป็นสองคนร้ายที่ได้จากภาพกล้องวงจรปิดของโรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่าบันทึกไว้ได้ขณะขับรถเก๋งคาร์บอมเข้าไปจอดและเดินออกจากโรงแรมและได้มีการเปิดเผยไปก่อนหน้านี้และเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ระเบิดในจ.ยะลาเนื่องจากสารที่ประกอบระเบิดเป็นชนิดเดียวกันและคนร้ายมาจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และเชื่อว่าขณะนี้ยังคงอยู่ในพื้นที่ นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้ตั้งรางวัลนำจับทั้งสองคนเพิ่มเป็นคนละ1 ล้านบาท นอกเหนือจากที่ทางผู้ว่าราชการจ.สงขลาได้ตั้งรางวัลนำจับไปเมื่อวานนี้คนละ5 แสนบาท
ที่ห้องประชุมหอการค้า จ.สงขลา พล.ต.อ.สุวัฒน์  จันทร์อินธิกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ฉัตรชัย  โปตระนันท์ ที่ปรึกษา(สบ10)  พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา(สบ10)  เรียกประชุมร่วมกับ นายสุรชัย  จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจ.สงขลา และตัวแทนภาคธุรกิจในอ.หาดใหญ่ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ธุรกิจส่งออกและธุรกิจนำเที่ยวและฝ่ายปกครองจ.สงขลา เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อ.หาดใหญ่ร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูบรรยากาศการท่องเที่ยวและเร่งสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์โดยเฉพาะในระยะสั้นก่อนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์
ภายหลังการประชุมนานกว่า2 ชั่วโมง พล.ต.อ.ฉัตรชัย เปิดเผยว่า มาตรการที่ทั้งเจ้าหน้าที่และภาคธุรกิจจะเริ่มดำเนินการคือจะมีการตั้งด่านตรวจบนถนนสายหลักทั้ง4 สายรวมทั้งสายรองและเส้นทางลัดอีกอย่างน้อย40 เส้นทางตลอด24 ชั่วโมงโดยเน้นการตรวจค้นรถยนต์และบุคคลต้องสงสัยป้องกันการเข้ามาก่อเหตุโดยใช้กำลังทั้งฝ่ายตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองเข้ามาร่วมกัน  นอกจากนี้จะกำหนดโซนนิ่งพื้นที่ย่านเศรษฐกิจการค้ากลางเมืองหาดใหญ่ให้เป็นสัดส่วน และรถยนต์ที่ติดแก๊สห้ามลงไปจอดบริเวณชั้นใต้ดินของโรงแรมหรือศูนย์การค้าอย่างเด็ดขาด รวมทั้งตรวจเช็คสภาพความพร้อมของกล้องจรปิดทุกจุดในเมืองหาดใหญ่ซึ่งมีอยู่กว่า1 ตัวว่ายังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ รวมทั้งนำสุนัขดมกลิ่นเข้ามาตรวจหาวัตถุระเบิดนอกเหนือจากเครื่องมือที่อาจไม่เพียงพอ นอกจากนี้จะมีการจัดอบรม รปภ.ตามสถานประกอบการต่างๆเกี่ยวกับวิธีการตรวจและสังเกตุรถต้องสงสัยและป้ายทะเบียนปลอมซึ่งจะจัดอบรมในวันที่10 เมษายนนี้
ด้านนายสุรชัย จิตภักดีบดินทร์  ประธานหอการค้าจ.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ความสูญเสียทางเศรษฐกิจหลังเกิดระเบิดในหาดใหญ่ประมาณ800 ล้านบาทเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยยกเลิกการเดินทางทั้งหมดส่วนมาเลเซียยกเลิกไปบางส่วน เช่นเดียวกับนักธุรกิจชาวต่างชาติที่มีแผนจะเข้ามาดูงานในหาดใหญ่ก็ยกเลิกการเดินทางทั้งหมด หรือแม้แต่ภาคการขนส่งในภาคกลางก็มีการเรียกร้องเพิ่มเงินค่าเสี่ยงภัยและค่าใช้จ่ายต่างๆในการขนสินค้าลงมาหาดใหญ่เพิ่มขึ้นเพราะไม่มีใครกล้าลงมา
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ยะลาตรวจเข้มรถทุกชนิดหวั่นซ้ำรอยคาร์บอมบ์


ยะลาตรวจเข้มรถยนต์-จยย. เข้าเมืองและสถานที่ราชการ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสเด็ด เชื่อคาร์บอมบ์ 2 จุด เป็นฝีมือลูกน้อง "อุซตาสโซ๊ะ"
วันนี้(1 เม.ย.) พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้สั่งการให้จุดตรวจ 4 มุมเมือง ประกอบด้วย จุดตรวจท่าสาป เส้นทางมาจาก อ.ยะหา  อ.กาบัง จุดตรวจมลายูบางกอก เส้นทางมาจาก อ.รามัน อ.บันนังสตา อ.ธารโต  จุดตรวจขุนไว เส้นทางมาจาก อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และจุดตรวจเมืองทอง เส้นทางมาจาก อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ตั้งด่านตรวจเข้มรถยนต์  รถจยย. และบุคคล จะตรวจหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักทุกคน เพื่อตรวจหาผู้ที่มีหมายจับทั้ง หมาย พ.ร.ก. และ หมาย ป.วิอาญา ซึ่งอาจจะเข้ามายังตัวเมืองยะลา อย่างละเอียดเข้มงวด และให้ควบคุมรถยนต์ และรถจยย. ที่ขาดการเสียภาษี ตลอดจนไม่สามารถนำหลักฐานการเป็นเจ้าของมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ได้ หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ 2 จุด ใจกลางเมืองยะลา มีผู้เสียชีวิต จำนวน 11 ราย และ ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก บ้านเรือน ร้านค้า เสียหาย จำนวนหลายคูหา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 มี.ค.55 ที่ผ่านมา และหน่วยงานด้านความมั่นคงมีแจ้งเตือนอยู่ตลอดเวลา ให้มีความระมัดระวัง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ อาจจะก่อเหตุครั้งใหม่ โดยอาจจะประกอบวัตถุระเบิด ซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ และ รถจยย. เพื่อเตรียมก่อเหตุร้ายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา อีกครั้ง หวังแสดงศักยภาพ และช่วงชิงการเป็นผู้นำขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
 
ส่วนทางเข้าของหน่วยงานต่าง ๆ หรือ สถานที่ราชการ โดยเฉพาะทางเข้าภายในศาลากลางจังหวัดยะลา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) มีการตรวจค้นรถยนต์ และ รถจยย. ของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในศาลากลางอย่างละเอียด เพราะเกรงว่ากลุ่มคนร้ายอาจจะนำระเบิด ซุกซ่อนไปผูกติดกับรถยนต์ของเจ้าหน้าที่เพื่อก่อเหตุในสถานที่ราชการ ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารมีการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่รอบนอกเขตเทศบาลนครยะลา พร้อมร่วมทำการตรวจค้นรถยนต์ และรถจยย. รวมทั้งบุคคลเป้าหมาย ที่อาจแฝงตัวเข้ามาก่อเหตุร้ายในเขตเทศบาลนครยะลา รวมทั้งในพื้นที่ต่างอำเภอ ก็มีการกำชับให้มีการตรวจเข้มรถยนต์ทุกชนิดเช่นกัน

สำหรับความคืบหน้าด้านคดีที่คนร้ายลอบวางคาร์บอมบ์ 2 จุด กลางเมืองยะลานั้น พล.ต.ต.พีระ เปิดเผยว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารหน่วยเฉพาะกิจยะลา ที่ 11 อ.เมืองยะลา  เจ้าหน้าที่ทหารพราน 41 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 จ.ยะลา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนภูธรจังหวัดยะลา และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กว่า 150 นาย ทำการปิดล้อมตรวจค้นภายในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.บันนังสาเร็ง อ.เมือง หลังมีพยานที่่เชื่อถือได้ แจ้งเบาะแสว่า รถยนต์คาร์บอมบ์ ทั้ง 2 คัน ออกมาจากโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจค้น ก็พบร่องรอยของสติกเกอร์ ที่ถูกแกะออก มีตัวเลขตรงกับป้ายรถยนต์ที่ใช้ติดที่รถยนต์คาร์บอมบ์ เศษสายไฟ แผงวงจรไฟฟ้า แผงวงจรอิเลคทรอนิคส์ เศษเหล็กเส้นที่ตัดแล้วจำนวนหนึ่ง น็อตตัวผู้ - ตัวเมีย ปุ๋ยยูเรียจำนวนหนึ่ง และสีสำหรับแต่งรถยนต์ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานที่ 10 จ.ยะลา ได้ตรวจยึดสิ่งของทั้งหมด เพื่อนำไปตรวจสอบทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ และนำไปเปรียบเทียบดีเอ็นเอ ว่ามีส่วนตรงกันกับหลักฐานทั้งหมด ที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุคาร์บอมบ์ ทั้ง 2 จุด หรือไม่อย่างไร หากพบว่ามีส่วนตรงกัน ก็ต้องมีการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป

ส่วนกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุคาร์บอมบ์ ในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่มุ่งเป้าไปยัง กลุ่มของนายอิสมาแอ ระยะหลง หรือ อุซตาสโซ๊ะ แกนนำก่อเหตุรุนแรง ระดับสั่งการ ที่สั่งการให้แนวร่วมในพื้นที่ ที่มีความชำนาญในการประกอบวัตถุระเบิด รวมตัวลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ สำหรับมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยก็มีความเข้มกว่าเดิม 2 – 3 เท่า ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในย่านการค้า และ ในย่านชุมชน เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

แก๊งขี้ยาเหิมดักปล้นทรัพย์ทหารเรือ


ตำรวจสัตหีบ เร่งล่าตัวแก๊งขี้ยาสุดเหิม ดักปล้นทรัพย์ทหารเรือ กลางตลาดสด ขู่บังคับเอาทรัพย์สินหลบหนีไปเพียบ
วันนี้(4 เม.ย.) ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี พงส.(สบ 1) สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก พลฯ จเร ยอดศรี อายุ 23 ปี สังกัด กองเรือยามฝั่ง ประจำเรือตรวจการณ์หมายเลข 14 ว่า ขณะเดินซื้อของอยู่บริเวณหน้าร้านสมพรประดิษฐ์ ถนนเลียบชายทะเล กลางตลาดสัตหีบ หมู่ 1 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ ได้ถูกคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น  4 คน ข่มขู่บังคับให้เข้าไปในซอยเปลี่ยว ก่อนแสดงตัวเป็นโจรปล้นเงินสดที่อยู่ในตัว 5,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และแหวนรุ่น ก่อนชิงรถจยย. ฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่ขับขี่มาด้วย หลบหนีไป
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานชุดสืบสวน ให้นำตัวผู้เสียหายไปดูภาพประวัติอาชญากร คนร้าย ผู้เสพ และผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ ปรากฏว่าคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 4 คน เป็นกลุ่มวัยรุ่นในละแวกดังกล่าว ที่เคยต้องคดีค้ายาเสพติด และเสพยาบ้า ซึ่งขณะนี้ทราบชื่อทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

โจรใต้เหิมลอบกดบึ้มหวังปลิดชีพทหาร


วันนี้( 4 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นหน้าปั้ม ปตท. ริมถนนสายปัตตานี-ยะลา หมู่ 5 บ้านพงสตา ต.ยะรัง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ จุดเกิดเหตุอยู่บริเวณสวนต้นไม้ข้างปั้ม พบหลุมระเบิดกว้าง 30 ซม. และชิ้นส่วนกล่องเหล็กบรรจุดินระเบิด สะเก็ดระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ สะเก็ดระเบิดยังกระเด็นไปถูกกระจกรถยนต์ ยี่ห้อฮุนได ทะเบียน ฮน 7105 กทม. ได้รับความเสียหายด้วย แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สอบสวนทราบว่า ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร  3 นาย กำลังรักษาความปลอดภัยเส้นทางถนนสายดังกล่าวในช่วงกลางคืนบริเวณด้านข้างของปั้มเป็นประจำเช่นทุกคืน ปรากฏว่าขณะเจ้าหน้าที่กำลังยืนอยู่บริเวณดังกล่าวนั้น คนร้ายได้กดฉนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 5 กก.ที่ฝังไว้จนเกิดเสียงดังสนั่น เจ้าหน้าที่ต้องกระโดดหลบสะเก็ดระเบิด เมื่อเสียงสงบจึงวิทยุแจ้งกำลังเข้าตรวจสอบ
ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายได้ฝังระเบิดไว้หมายสังหารเจ้าหน้าที่ เนื่องจากรู้ว่าเจ้าหน้าที่จะมายืนรักษาความปลอดภัยทุกคืน แต่โชคดีที่คืนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนจุดเฝ้าระวังห่างจากจุดที่คนร้ายฝังระเบิดไว้เพียง 2 เมตร จึงรอดตายหวุดหวิด
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

191รวบยาไอซ์เครือข่ายคุกกรุงเก่า


วันนี้(3 เม.ย.) ที่ บก.สปพ. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.สปพ.(191) พ.ต.ท.ชูตระกูล ยศมาดี รองผกก. งานสายตรวจ ร.ต.อ.ทศพล จันทรสูตร ร.ต.ท.ชูชีพ วงษ์บุญเพ็ง รองสว.งานสายตรวจ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายขวัญชัย รักทรัพย์ อายุ 27 ปี นายวิรัตน์ มีแก้ว อายุ 35 ปี และ น.ส.กนกวรรณ สมคะเน อายุ 27 ปี พร้อมของกลาง ยาไอซ์ 1 กิโลกรัม พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เปิดเผยว่าการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายขวัญชัย มีพฤติกรรมค้ายาไอซ์ จึงวางแผนให้สายลับติดต่อล่อซื้อยาไอซ์ 1 กิโลกรัมในราคา 1.6 ล้านบาท โดยนัดหมายส่งมอบของกันที่ หน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายขวัญชัย ได้นำยาไอซ์มาส่งให้เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม

สอบสวน นายขวัญชัย รับสารภาพว่าอยู่ในเครือข่ายยาเสพติดของ นายเอ็กซ์ ผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้เมื่อตกลงขายยาไอซ์ให้ลูกค้าทุกครั้งจะมี นายวิรัตน์ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมแก๊งนำยาจากที่ซ่อนมาส่งให้ก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้าอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงขยายผลติดตามจับกุมตัว นายวิรัตน์ ได้พร้อม น.ส.กนกวรรณ ที่ด่านเก็บเงินอนุสรณ์สถาน ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

เตือนจยย.รับจ้างขับเร็วโดนยิงตาย


กลางดึกที่ผ่านมาวันนี้ ( 3 เม.ย.) ร.ต.อ.สายันต์ จันทะปัญญา พงส. (สบ1) สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในซอยรัชดาภิเษก 32 แยก 5-4 แขวงจันทรเกษม เขตจักตุจักร  ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สำเริง  สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
 
ที่เกิดเหตุพื้นบนถนน หน้าเพิงไม้สร้างไว้สำหรับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หน้าคอนโดชื่อ ไดม่อน 2 พบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายสนาม ภูสถาน อายุ 48 ปี คนขี่รถจยย.รับจ้างเสื้อวินสีส้มเบอร์ 73 ที่ใบหน้าพบรอยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณจมูกข้างขวา 1 นัด และกองเลือดจำนวนมาก ข้างกันยังพบมีดดาบยาว 70 ซม. และหมวกกันน็อคสีน้าเงิน 1 ใบตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และขวดโซดาแตกกระจายอยู่
 
จากการสอบสวนนายสมชาย จันทรเสน อายุ 38 ปี เพื่อนคนตาย ให้การว่า  ก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากันภายในวินหน้าคอนโด หลังจากนั้นได้พูดถึงการขับรถแบบหวาดเสียวของวินเบอร์ 20 ที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ จึงเรียกกันว่านายอ้วน ที่อยู่กลางซอยลาดพร้าว 23  ต่อมานายอ้วนได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาส่งผู้โดยสารพอดี ตนจึงได้เดินเข้าไปบอก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนายอ้วน จึงกลับไปตามพรรคพวกมากัน 3 คนแล้วเข้ามาถามหาว่าใครไม่พอใจ
 
หลังจากนั้นจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น เมื่อนายอ้วนสู้ไม่ได้จึงล่าถอยกลับไปตามพรรคพวกมาใหม่อีก 7-8 คน หลังจากนั้นจึงเกิดการชกต่อยชุลมุนขึ้นอีกครั้ง ผู้ตายจึงเข้าไปห้ามปรามและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัดถูกคนตายดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจจะติดตามนายอ้วนกับพวกมาดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ตชด.เครียดยิงหัวตัวเองบนรถทัวร์


กลางดึกที่ผ่านมา ( 3 เม.ย.) ร.ต.ท.ฐาปกรณ์ ชูดละเอียด ร้อยเวร สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้ง จากนายโกศล รามัญอุดม อายุ 46 ปี พนักงานขับรถทัวร์ของบริษัทขนส่ง เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพจำกัด ว่า ได้มีผู้โดยสารเป็นเพศชายใช้อาวุธปืนจ่อยิงตัวเองเสียชีวิตคาเบาะนั่งบนรถทัวร์ ที่สถานีรถโดยสารประจำทางชุมพรเมืองใหม่ ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร จึงเดินทางรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยสายชล
พบรถทัวร์สองชั้น ยี่ห้อวอลโว่ ทะเบียน 15-2789 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 992-1112 จอดนิ่งอยู่ รอบๆรถมีผู้โดยสารจำนวนมากที่ ลงมายืนรุมดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่าง โดยบริเวณเบาะนั่งเลขที่ 9 ใกล้ประตูฉุกเฉินด้านขวาของรถ เจ้าหน้าที่พบศพ ส.ต.ต.ธีรเทพ ทองจันทร์ อายุ 32 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตำแหน่งผบ.หมู่ ตชด. ที่ 44 จ.ยะลา สภาพถูกยิงที่ศรีษะขมับด้านซ้าย มีอาวุธปืนสั้น ขนาด 357 มม.ตกอยู่ที่พื้นที่รถ
จากการสอบถามนายโกศล ให้การว่า รถคันดังกล่าวได้ออกจาก อ.หาดใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 2 เม.ย.55 โดยผู้เสียชีวิตได้ซื้อตั๋วและได้ที่นั่ง หมายเลขที่ 9 ตลอดระยะการเดินทางก็ไม่มีเหตุอะไรบ่งบอกว่าผู้เสียชีวิตแสดงอาการเครียดให้เห็นแต่อย่างใด แม้ขณะตอนรถแวะให้ผู้โดยสารได้รับประทานอาหารระหว่างการเดินทาง ผู้เสียชีวิตก็ลงมาทานข้าวเหมือนคนอื่น จนกระทั่งรถได้เดินทางต่อมาถึงเขตเมืองชุมพร ใกล้กับจุดลงเวลาในสถานีรถโดยสารประจำทางชุมพรเมืองใหม่ เพียง 1 กม.ได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืน ซึ่งครั้งแรกคิดว่ารถถูกกลุ่มกวนเมืองยิง
ต่อมาได้มีผู้โดยสารได้ลงมาบอกว่า มีผู้โดยสารคนหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงตัวตายอยู่ที่นั่งชั้นบน จึงได้จอดรถริมทางและขึ้นไปตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียชีวิตจริง จึงได้นำรถเดินทางต่อมาจอดที่สถานีฯ ก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐานภายในตัว พบบัตรแสดงตัวเคยรับการบำบัดจาก รพ.จิตเวช และนอกจากยังนี้พบจดหมายฉบับหนึ่งที่ระบายถึงพันตำรวจโทนายหนึ่งซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เกี่ยวกับการขอย้ายออกนอกพื้นที่ จ.ยะลา แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาทั้งที่ได้ทำหนังสือขอย้ายมาแล้วหลายครั้ง  เบื้องต้นสันนิฐานคาดน่าจะเครียดจากการที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะประสานทางต้นสังกัดและญาติมารับศพไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ตั้งค่าหัวล่าแก๊งคาร์บอมบ์ “ลีการ์เดนท์” 1 ล้าน


จากเหตุการณ์คนร้ายลอบก่อวินาศกรรม คาร์บอมบ์และจยย.บอมบ์พร้อมกันหลายจุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ทั้งที่โรงแรม ลี การ์เดนส์ พลาซ่า กลางเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ย่านการค้าในเขตเทศบาลนครยะลา และที่ ต.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก บาดเจ็บอีกกว่า 500 ราย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจากภาพกล้องวงจรปิด ภายในลานจอดรถโรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิด เป็นภาพชายต้องสงสัย 2 คน เจ้าหน้าที่กำลังพลิกแผ่นดินไล่ล่าตัวอยู่ในขณะนี้ ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
วันนี้(3 เม.ย.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ 10) ดูแลความมั่งคง ได้เดินทางลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและติดตามความคืบหน้าของคดี ระบุว่า จากการตรวจวัตถุพยานในที่เกิดเหตุพบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่อง ชนิดเอ็มโฟร์ ใช้สารแอมโมเนียไนเตรทผสมน้ำมัน บรรจุถังแก๊สขนาด 15 กิโลกรัมสองถัง ส่วนการสืบสวนเกี่ยวกับคนร้ายนั้นเจ้าหน้าที่กำลังหาเบาะแสของผู้ต้องสงสัยจากภาพกล้องวงจรปิด  โดยทั้งสองคนเป็นแนวร่วมที่มีประวัติอยู่แล้ว
รายงานจากชุดสืบสวนของ บช.ภ.9 และตำรวจภูธร จ.สงขลา ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวสองคนร้ายที่ขับรถคาร์บอมบ์แล้ว ทั้งสองคนมีความเชี่ยวชาญในการก่อวินาศกรรมและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจากประเทศที่สาม และลักษณะของคาร์บอมบ์ต้องการที่จะให้เกิดความสูญเสียมากที่สุด เนื่องจากจุดที่คนร้ายขับรถลงไปจอดบริเวณชั้นบี3 นั้นเป็นจุดกึ่งกลางบริเวณลานจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดินทั้ง 5 ชั้น โดยต้องการที่จะให้แรงระเบิดกระจายในลักษณะของโดมิโน่ลุกลามไปติดรถยนต์คันอื่นๆ ส่วนรถเก๋งฮอนด้าซิวิคประกอบระเบิดในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส พร้อมกับรถยนต์กระบะอีกคันที่เตรียมนำไปก่อเหตุที่ว่าการ อ.แว้ง จ.นราธิวาส แต่เกิดประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง เนื่องจากลักษณะการประกอบระเบิดใกล้เคียงกัน สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ อ.หาดใหญ่ นั้นมีอย่างน้อย 5 คน โดยในจำนวนนี้ที่เจ้าหน้าที่ทราบชื่อแล้วคือ นายสบาเฮ นายิง ชาว อ.สะบ้าย้อย และนายเจะมะ หรือไคโร หรือมาค่อม ยานิ ชาว อ.จะนะ ซึ่งมีหมายจับคดีลอบยิง นายสุนันท์  แก้วละเอียด นายช่างชลประทาน ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา
ด้าน นายกฤษฎา บุญราช  ผวจ.สงขลา เปิดเผยว่า ได้ตั้งรางวัลนำจับสำหรับผู้ที่สามารถแจ้งเบาะแสคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งสองคนๆ ละ 5 แสนบาท ขณะเดียวกันได้เรียกประชุมหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในพ้นที่ เพื่อเดินหน้าฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่และหามาตรการรักษาความปลอดภัย โดยได้ขอให้ห้างร้านต่างๆปรับปรุงทางเข้าออกให้เหลือน้อยที่สุดซึ่งง่ายต่อการควบคุม และจัดเจ้าหน้าที่มาอบรม รักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับการตรวจสอบยานพาหนะ  และกิจกรรมต่างๆที่จะจัดขึ้นในเร็วๆนี้เช่นเทศกาลสงกรานต์ก็ยังคงมีเหมือนเดิม ส่วนการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิตนั้นจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามมติของครม.ในปี 2548 โดยผู้เสียชีวิตหรือเป็นข้าราชการรายละ5 แสนบาท ส่วนประชาชนรายละ 1 แสนบาท ผู้บาดเจ็บสาหัสรักษาตัวเกิน 20 วันจ่าย 5 หมื่นบาทหากน้อยกว่า20 วัน ก่อนจะลดหลั่นกันไป โดยในเบื้องต้นทางจังหวัดได้ช่วยเหลือให้กับผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทั้ง 337 คนไปแล้วรายละ 14,000บาท ส่วนกรณีของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน
ที่วัดศรีสว่างวงศ์ หรือวัดเกาะเสือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายสุรพล พนัสอำพล รองผู้ว่าฯ เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายโลเกียงโฮ ชาวมาเลเซียที่เสียชีวิตจากเหตุลอบวางระเบิดที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า ซึ่งเสียชีวิตพร้อมกับ นางยุพิน พุทธิมา ภรรยาชาวไทยซึ่งได้นำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักเขต อ.สะเดา
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การแสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาภาคใต้ก็ต้องระวังอย่างมาก ทั้งการพูดคุยหรือเจรจา ซึ่งสถานการณ์ภาคใต้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เพราะเขาใช้ยุทธวิธีเลียนแบบการก่อการร้ายแบบกองโจร เขาต้องการท้าทายอำนาจรัฐเพื่อลบความเชื่อมั่นของเจ้าหน้าที่ และทำให้มีผลกระทบโดยรวม อยากขอให้สื่อช่วยติดตาม และนำเสนอผลงานการทำงานของทุกกระทรวงทบวง กรม ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ประเทศชาติได้รับรู้ และอยากให้คน 2 ล้านคน 4 ล้านตา ช่วยกันจับจ้องก็จะไม่มีใครสามารถทำอะไรเราได้ เราจะต้องคิดให้ทันโจร ผมอยากประณามคนพวกนี้ว่ามันเลว มันฆ่าคนผู้บริสุทธิ์ ไม่สนใจว่าเป็นไทยพุทธ หรือ ไทยมุสลิม ซึ่งคนพวกนี้ใช้ไม่ได้ มันคือโจร มันเป็นสุนัขลอบกัด ส่วนงานด้านการข่าวเรารู้ ซึ่งไม่ใช่การข่าวเหมือนในภาพยนตร์ เรารู้แต่เพียงคร่าว ๆ ว่าเขาจะทำตรงนั้นตรงนี้ แต่ไม่สามารถระบุความชัดเจนได้ และงานด้านการข่าวก็ไม่ได้สร้างภายในวันสองวัน ซึ่งที่ผ่านมาแหล่งข่าวของเราก็ถูกทำลายไปเยอะวันนี้เราก็กำลังสร้างขึ้นมาใหม่อีก 
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ชี้แจงกรณีเสนอข่าวว่าตนเอง ไปเจรจากับ แกนนำ บีอาร์เอ็น ว่า เรื่องที่มีการนำเสนอข่าวเป็นเรื่องที่ไม่มีความเป็นจริง ที่ผ่านมาตนเดินทางไปพบ กลุ่มคนหลายฝ่าย ทั้งในประเทศและในประเทศมาเลเซีย แต่ไม่ใช่แกนนำของ บีอาร์เอ็นฯ อย่างที่เป็นข่าว ที่มาเลเซียตนไปพบกลุ่ม ต้มยำกุ้ง” ซึ่งเป็นคนใน 3 จังหวัด ที่ไปประกอบอาชีพเปิดร้านอาหารในมาเลเซีย เพื่อช่วยเหลือ ให้ทำงานได้อย่างถูกกฎหมาย เพราะมีจำนวนมากที่เข้าไปอยู่ไม่ถูกต้อง ส่วนในพื้นที่ มีการพบปะพูดคุยกับ ผู้นำกลุ่มต่างๆ เพื่อทราบปัญหาที่จะต้องแก้ไข แต่ไม่มีการพูดคุยกับ แกนนำ ของ บีอาร์เอ็นฯ และที่มีข่าวว่า มีการตั้งนายนัจมุดดีน อูมา อดีต สส.พรรคเพื่อไทยเป็นที่ปรึกษา ก็ไม่เป็นความจริง ตั้งแต่มารับตำแหน่งเลขาธิการ ศอ.บต. ยังไม่มีการแต่งตั้งใครเป็นที่ปรึกษาแม้แต่คนเดียว 

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources