วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

มอส.ป่วนอีกพบลักลอบจัดสอบป.โท


วันนี้( 24 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ในฐานะกรรมการควบคุมมหาวิทยาลัยอีสาน (มอส.) เปิดเผยผลประชุมคณะกรรมการควบคุมฯ ที่มี นายสมนึก พิมลเสถียร อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้อนุมัติสำเร็จการศึกษาให้กับนักศึกษา มอส. รวม 40 คน แบ่งเป็น นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิต (ป.บัณฑิต) วิชาชีพครู จำนวน 28 คน และสาขาวิชาอื่นๆ 12 คน สำหรับนักศึกษาหลักสูตรป.บัณฑิต ขณะนี้ยังเหลือ 774 คน ที่รอการแก้ไข อย่างไรก็ตามพบว่า นักศึกษาที่กำลังประสบปัญหาหนัก ได้แก่ นักศึกษาป.บัณฑิต 100 กว่าคน และ นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ จำนวน 44 คน ที่ขอจบการศึกษาแต่ติดปัญหาไม่สามารถหาหลักฐานการชำระค่าเล่าเรียนได้ โดยที่ประชุมมอบหมายฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยจัดทำแบบคำร้องเพื่อให้นักศึกษายืนยันว่าได้ชำระค่าเล่าเรียนครบถ้วนแล้ว จากนั้นจะต้องให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้ง มอส.เซ็นต์รับรองคำร้องเป็นรายบุคคล เพื่อส่งกลับให้คณะกรรมการควบคุมฯ พิจารณาให้จบการศึกษาได้แบบมีเงื่อนไข อย่างไรก็ตามหากฝ่ายผู้รับใบอนุญาตฯ ไม่รับรองคำร้องก็จะส่งผลเสียต่อนักศึกษาทำให้เกิดความล่าช้าในการอนุมัติจบ
“นักศึกษากลุ่มที่มีปัญหาดังกล่าวได้ยืนยันแล้วว่าจ่ายค่าเล่าเรียนแล้ว แต่หาหลักฐานไม่ได้ ซึ่งทางผู้รับใบอนุญาตและอดีตผู้บริหารเองก็ไม่ยอมรับรองว่านักศึกษาได้จ่ายเงินแล้ว ดังนั้นคณะกรรมการควบคุมฯ จึงมีมติให้ทำแบบฟอร์มคำร้องเพื่อให้นักศึกษายืนยันและให้ผู้รับใบอนุญาตฯ เซ็นต์รับรอง เพราะมหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นถือเงินนั้นและไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินนั้นเข้ามา ดังนั้นทางผู้รับใบอนุญาตฯ จะต้องยืนยันว่าเด็กได้จ่ายเงินแล้วหรือไม่ได้จ่าย ทางใดทางหนึ่ง ถ้าหากไม่สามารถยืนยันได้ก็แสดงว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีระบบในการบริหารจัดการเลย ดังนั้นก็คงไม่สามารถไว้ใจให้บริหารงานมหาวิทยาลัยได้เช่นกัน ทั้งนี้หากมีการตรวจพบภายหลังว่านักศึกษาให้ข้อมูลเท็จก็จะถอนใบปริญญาบัตรคืน” รศ.นพ.กำจร กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา มีกลุ่มบุคคลแอบจัดสอบให้กับนักศึกษาปริญญาโท 15 ห้องสอบ รวมจำนวนกว่า 300 คน ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดโดยหลอกให้นักศึกษาเชื่อว่าจัดการสอบได้ ทางมหาวิทยาลัยได้มีแจ้งนักศึกษาแล้วว่ายกเลิกการสอบและไม่รับผลการสอบนั้น พร้อมสั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงว่าการจัดสอบนั้นมีการเรียกเก็บเงินนักศึกษาหรือไม่ ส่วนการดำเนินการแก้ปัญหาให้กับนักศึกษาปริญญาโท ซึ่งขณะนี้มียอดนักศึกษาที่ขอจบการศึกษาจำนวน 4,044 คนนั้น ทางมหาวิทยาลัยจะต้องทำการจ้างอาจารย์ที่ปรึกษาที่มีคุณวุฒิตามเกณฑ์ สกอ. เบื้องต้นจำนวน 30 คน โดยมอบหมาย รศ.ดร.อานนท์ เที่ยงตรง ประธานสภาวิชาการ มอส. ดำเนินการแผนงานว่าจ้างอาจารย์เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และให้เสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 22 พ.ค.55
“ทั้งนี้การว่าจ้างอาจารย์นั้นจะใช้เงินของมหาวิทยาลัยที่ยังมีพอสำหรับบริหารจัดการได้ แต่หากคณะกรรมการควบคุมฯ ยังพบว่ามีปัญหาการหลอกเก็บเงินนักศึกษาทำให้เงินไม่เข้าสู่ระบบ หรือมีข้อขัดขวางในการดำเนินงานอีกก็จะพิจารณาเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการยกเลิกการควบคุม และเช่นเดียวกันกับการพิจารณาให้เปิดรับนักศึกษาใหม่ ปีการศึกษา 2555 ที่ประชุมเห็นว่าจะพิจารณาเรื่องนี้ในการประชุมครั้งต่อไป โดยจะดูสถานการณ์และความเป็นไปได้ในการบริหารจัดการมหาวิทยาลัยอีกระยะหนึ่งก่อน เพื่อไม่ให้มีกรณีเปิดรับนักศึกษาใหม่เข้ามาแล้วเกิดปัญหาขึ้นอีก” รศ.นพ.กำจร กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องการสรรหาอธิการบดี มอส.คนใหม่นั้น ที่ประชุมเห็นว่า การทำงานของ ดร.ฉันทวิทย์ สุชาตานนท์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่อธิการบดี มอส. นั้น ได้รับความร่วมมือจากผู้รับใบอนุญาตฯ และบุคลากรภายใน มอส. มากขึ้นในระดับหนึ่งแล้ว จึงเห็นควรให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่ากระบวนการสรรหาอธิการบดีคนใหม่จะเสร็จสิ้น สำหรับการเสนอชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดี มอส.คนใหม่ มีจำนวนรวม 13 คน โดยมีการถอนตัวออกไป 3 คน เหลือ 10 คน ในจำนวนนี้เป็นบุคคลที่ผู้รับใบอนุญาตฯ เสนอรายชื่อเข้ามา 3 คน ที่ประชุมมีมติให้ฝ่ายเลขานุการสรุปภาระหน้าที่ของอธิการบดี มอส. เพื่อให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อพิจารณาพร้อมเงินเดือนที่จะได้รับ จากนั้นจะสอบถามผู้ได้รับการเสนอชื่อและหารือกันภายในคณะกรรมการควบคุมฯ คาดว่าใช้เวลาอีก 1-2 เดือน และจะให้อธิการบดีคนใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ในเดือน ส.ค.55
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

หุ้นไทยผันผวนปิดบวก 1.50 จุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 25 เม.ย. ดัชนีอ่อนตัวในแดนลบและบวก ตามแรงซื้อสลับกับแรงเทขายทำกำไร โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,204.73 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,196.45 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,201.36 จุด เพิ่มขึ้น 1.50 จุด หรือ 0.13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31,395.47 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 303.88 จุด เพิ่มขึ้น 3.52 จุด มูลค่าซื้อขาย 1,284.16 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ
1. ซีพีออลล์ ปิดที่  74.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
2. จัสมิน ปิดที่ 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท
3. ซีพีเอฟ ปิดที่  40.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
4. ธ.กรุงเทพ ปิดที่  184.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
5. ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 154.50 บาท ลดลง 0.50  บาท

นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนทั้งในแดนบวกและลบ หลังนักลงทุนเข้าเก็งกำไรผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 1/55  ที่ได้ทยอยประกาศออกมา โดยบางบริษัทมีกำไรดีกว่าที่คาดการณ์

ส่วนแนวโน้มวันที่ 26 เม.ย.นี้  มองว่า ดัชนีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นต่อ จากการเข้าเก็งกำไรผลประกอบการของบจ.โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งน่าจะออกมาเป็นเชิงบวกมากกว่าลบ เพราะกำไรจะฟื้นตัวหลังไตรมาส 4/54ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประเมินแนวรับที่ 1,198-1,200 จุด แนวต้านแรกที่ 1,210 จุด แต่หากดัชนีดาวโจนส์และราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแรงอาจไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,214 จุด ด้านกลยุทธ์ ผู้ที่มีเงินสดแนะนำรอจังหวะซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ชี้ยอดแอดมิชชั่น 122,169คน


วันนี้(25 เม.ย.) ศ.ดร.สมคิด  เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)  ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.)  กล่าวถึงยอดรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาหรือแอดมิชชั่นกลาง  ปีการศึกษา 2555 ว่า มีผู้สมัครและชำระเงิน จำนวน  122,169 คน  ซึ่งยอดสมัครใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา  แม้ปีนี้มีระบบรับตรงผ่านเคลียริ่งเฮาส์ซึ่งรับไปก่อนแล้ว  อาจเป็นเพราะนักเรียนบางคนที่ติดรับตรงแล้วแต่ได้คณะที่ไม่ชอบจึงสละสิทธิ์ และมาสมัครแอดมิชชั่นกลางแทน 
ทั้งนี้ในวันที่ 29-30 เม.ย.นี้ สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(สอท.) จะเปิดให้นักเรียนเข้ามาตรวจเช็ครายชื่อของตนเองว่าถูกตัดสิทธิจากแอดมมิชชั่นกลางหรือไม่ และเช็คข้อมูลผลคะแนนสอบต่าง ๆ ที่ใช้ในแอดมมิชชั่นกลางที่มีอยู่ในมือกับที่สอท.มีอยู่นั้นตรงกันหรือไม่ เช่น คะแนนการทดสอบวัดความถนัดทั่วไปหรือแกตและการทดสอบความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพหรือแพต   เป็นต้น โดยตรวจเช็คได้ที่เวบไซต์ สอท. www.cuas.or.th และถ้าตรวจเช็คแล้วพบว่าข้อมูลไม่ตรงกันให้ติดต่อที่สอท.โดยตรง โทร.0-2354-5155-6
ด้านนายอภิชาติ  จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)  กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการดำเนินโครงการทุนอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีมติเห็นชอบปฎิทินการดำเนินการรับสมัครนักเรียนที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในประเทศให้แก่เยาวชนที่มีภูมิลำเนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ทุนอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 2  ปีการศึกษา 2555  เฉพาะนักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียน จำนวน 125 ทุน   รับสมัคร วันที่ 9-11 พ.ค. 55 ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี  ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ วันที่ 25 พ.ค.55 สอบสัมภาษณ์  สถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัด วันที่ 28-30 พ.ค. 55  และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา วันที่ 5 มิ.ย. 55 ทั้งนี้นักเรียนสามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ ทางเว็บไซต์ www.mua.go.th ช่วงต้นเดือนพ.ค. 55 หรือสอบถามโทร. 0-2610-5468
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

'เมย์' ฉุนแฟนคลับด่ายั่ว 'บิ๊กแบง' ปัดทะเลาะ 'โย' เหตุเพราะแย่งชุด


จู่ ๆ ก็ถูกแฟนคลับเกาหลีถล่มด่าในทวิตเตอร์ด้วยถ้อยคำหยาบคายเพราะมีข่าวว่านางร้ายเซ็กซี่ เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร ตามไปดักเจอนักร้องเกาหลีสุดหวงวงบิ๊กแบง แบบส่วนตัวที่โรงแรม ร้อนถึงผู้จัดการเลยต้องเข้าแจ้งความหาต้นตอคนทำเสียชื่อ พอเจอตัวสาวเมย์เลยถามถึงเรื่องนี้พร้อมเคลียร์ข่าวหวิดลงมือตบตีแย่งชุดในงานเดินแบบกับนางแบบสาว โย-ยศวดี หัสดีวิจิต เจ้าตัวเลยถือโอกาสเปิดใจเคลียร์หมดเปลือก

เมย์ เผยว่า “เมย์เป็นคนที่ชอบดูคอนเสิร์ตเกาหลี และล่าสุดเมย์ได้ไปดูคอนเสิร์ตหนึ่งเสร็จก็กลับ แต่มีคนเข้าไปเขียนข้อความในอินเทอร์เน็ตปั่นขึ้นมาทั้งที่ไม่เป็นความจริงเลยและตัวเมย์เสียหาย ตอนแรกก็งง เราไม่ได้ทำและไม่ได้รู้จักศิลปินเลย เราแค่ชอบดูคอนเสิร์ต ตอนแรกก็แค่คิดว่ามีเด็กเข้ามาถามแบบกัด ๆ สักพักก็เริ่มมีแฟนคลับของศิลปินกลุ่มกระหน่ำด่าเราด้วยคำหยาบคายทุกวัน และก็มีแฟนคลับของเมย์เริ่มส่งข้อความต่าง ๆ มาให้เมย์และผู้จัดการดู เริ่มรู้สึกว่ามันไม่โอเคแล้ว เลยให้ผู้จัดการไปแจ้งความเอาไว้ ในเบื้องต้นอยากบอกให้น้องกลุ่มนั้นหยุดซะ เพราะเมย์ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะคะ ถ้าหยุดทุกอย่างก็จะจบ ถ้าไม่หยุดเราก็จะให้กฎหมายจัดการต่อไป วันนั้นไปดูแล้วก็กลับ แต่เขากล่าวหาว่าไปอ่อยศิลปินของเขา มันเป็นการปั่นที่ทำให้เด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่เขารักศิลปินของเขา เกิดอาการไม่พอใจ และต่อต้านเราขึ้นมา ซึ่งเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย และเขาเป็นเด็กเล็ก ๆก็ไปปั่นหัวเขา ก็อยากให้หยุดค่ะ ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องเลย เมย์ก็อยู่ตรงนี้มานานแล้ว และไม่ชอบให้มีปัญหาเรื่องคดีเลย อายุขนาดนี้แล้วเราชอบดูคอนเสิร์ตและชอบศิลปินเกาหลีจริง ๆ แต่เราไม่มีความคิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นหรอกค่ะ เรามีพ่อแม่ เราเป็นผู้หญิงไทยนะคะ มีศักดิ์ศรีไม่ใช่ที่จะไปกับใครก็ได้ที่เราไม่รู้จักและไปอ่อยเขา ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราว่าอยู่เฉย ๆ แล้วมีคนมาด่าเรา มีเด็กอายุ 14 ปีส่งเมสเสจมาด่าเราว่าอย่ามายุ่งกับผัวฉันนะ เมย์รู้สึกว่ามันโหดร้ายไปสำหรับเยาวชน เราไม่ได้เครียดที่เราโดนรุม แต่เราเครียดตรงที่ว่าเขายังเด็กอยู่เลยทำไมถึงหยาบคายจังเลย ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้อยากให้จบด้วยดีและยังยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรและพิสูจน์ได้ด้วยค่ะ

มีข่าวว่าเมย์ทะเลาะกับโยเรื่องแย่งชุดกันถึงขั้นวางมวยจะตบตีกัน? “ข่าวนี้เมย์งงมากเพราะมันเป็นข่าวแซว มีคนตัดมาให้ดูและเมย์ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น วันก่อนหน้านั้นเมย์ไปเดินแบบกับพี่โยจริง ๆ เป็นงานซูเปอร์คาร์ค่ะ และมีการเอาชุดมาให้เมย์ใส่ พอเมย์ใส่ปุ๊บเขาก็เปลี่ยนชุดและเมย์ก็ไม่รู้ว่าชุดแรกเป็นของพี่โยหรือเปล่า แต่สุดท้ายเมย์ก็ไม่ได้ใส่ชุดนั้น เมย์ก็ใส่ชุดสีแดงที่ลงหน้าหนึ่งหลาย ๆ เล่มน่ะค่ะ เมย์ไม่ได้ใส่ของเขา แต่ถ้าเกิดว่าเมย์ทำให้พี่โยเสียใจก็ขอโทษแล้วกัน และเมย์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย มันเป็นการหยิบผิดมาให้เราฟิตติ้งแล้วเราก็ใส่แค่นั้น แต่พี่โยก็ไม่ได้โกรธ เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลยทักทายกันตามปกติ” งงกับข่าวนี้หรือเปล่า? “มันก็ตลกดี บางทีการเมาท์อะไรนิดนึงมันก็ไปไกลได้ค่ะ อยากให้ทุกคนใช้ความคิดนิดนึงในการฟังอะไรต่อ ๆ มา” ได้โทรฯ ไปเคลียร์กับโยหรือเปล่า? “ไม่มีค่ะ แต่ถ้าเจอเขาก็จะขอโทษเขา เพราะเมย์ไม่รู้เรื่องจริง ๆ ค่ะ”.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“เต๋อ-ฉันทวิชช์” ชวนเที่ยวงาน “จีทีเอช ฟันเพซ”


จีทีเอช ร่วมกับ ซานโตรินี่ จัดงาน “จีทีเอช ฟันเฟซ แอท ซานโตรินี่ พาร์ค ชะอำ” ในวันเสาร์ที่ 2 มิ.ย. 55 ตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน โดยงานนี้จะได้ร่วมกิจกรรมสนุกสนานมากมาย พร้อมกระทบไหล่ดาราดังจากค่าย จีทีเอช อาทิ เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, คริส หอวัง, พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ, โบ-ธนากร ชินกูล, เผือก-พงศธร จงวิลาส ฯลฯ มันต่อกับคอนเสิร์ตศิลปินดัง เจ็ทเซ็ทเตอร์, ป๊อบ แคลอรี่ บลาห์ บลาห์, พาราด็อกซ์ และ วงซัคซี้ด

เต๋อ-ฉันทวิชช์ เผยว่า “จีทีเอช ฟันเฟซ เป็นงานที่ผมอยากเชิญชวนแฟน ๆ ทุกท่าน มาร่วมสนุกกับพวกเรา ซึ่งงานนี้มีเหล่าผู้กำกับ นักแสดง จีทีเอช มาร่วมกิจกรรมกันอย่างมากมาย จะได้กระทบไหล่แบบตัวต่อตัว ซึ่งการจัดงานที่ซานโตรินี่ ชะอำ ในครั้งนี้ เราได้ตกแต่งสถานที่ไว้อย่างสวยงาม เพื่อให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปกับบรรยากาศสวย ๆ แล้ว ยังจะได้มาร่วมเล่นกีฬาสีแบบใกล้ชิดกับ ผม, ดีเจโบ , ดีเจเผือก มีบูธถ่ายภาพแบบหน้าแนบชิดกับดาราคนโปรด ซันนี่, คริส, ไอซ์, เต้ย, พีค มีกิจกรรมโฟโต้แรลลี่ และกรี๊ดสนุกสุดเหวี่ยงกับคอนเสิร์ตของ วงซัคซี้ด, เจ็ทเซ็ทเตอร์, ป๊อบ แคลอรี่ บลาห์ บลาห์ และพาราด็อกซ์ รีบจองบัตรตั้งแต่วันที่  1 พ.ค. ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ นะครับ เพราะมันเหมือนขึ้นสวรรค์เลยครับ แฟน ๆ จีทีเอช และผู้ที่อยากมาร่วมสนุกกับเราไม่ควรพลาดจริง ๆ ครับ บัตรราคา 249 บาทเท่านั้น คุ้มค่าจริง ๆ ครับ ผมรับประกันความมัน”.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“พีช-พชร” ดี๊ด๊า..ได้เล่นหนัง “เดอะเคาต์ดาวน์” ประชันบทบาทกับ 2 นางเอก “พีค-เต้ย”


พีช-พชร จิราธิวัฒน์ พระเอกสุดฮอตจากภาพยนตร์ “ท๊อปซีเคร็ต วัยรุ่นพันล้าน” ค่าย จีทีเอช ออกอาการดี๊ด๊า สุดแสนดีใจได้เล่นหนังอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้เล่นหนัง “เดอะเคานท์ดาวน์” ของผู้กำกับหน้าใหม่ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ

พีช-พชร เผยว่า “ผมดีใจมากครับ ที่ได้รับโอกาสดี ๆ จากผู้ใหญ่ และพี่บาสผู้กำกับที่ไว้วางใจให้ผมมาแคสต์บทนี้ ซึ่งเป็นบทที่ท้าทาย ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เล่นหนังดี ๆอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เรื่อง ซัคซี้ด ห่วยขั้นเทพ, ท๊อปซีเคร็ต วัยรุ่นพันล้าน จนมาถึงเรื่อง เดอะเคานท์ดาวน์ ซึ่งตอนนี้ได้มีการไปเวิร์กช็อปกับ 2 นักแสดง พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ และ เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ไปบ้างแล้ว ทั้ง 2 คนฝีมือการแสดงเยี่ยมมาก มันทำให้เราต้องพัฒนาผลงานการแสดงของเราให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงพี่ ๆ เค้า โอกาสสำหรับคนเราไม่ได้มีเข้ามาบ่อย ๆ ผมจะพยายามทำโอกาสที่ได้มานี้ให้ดีที่สุด สมกับที่ทุกคนไว้วางใจครับ ตอนนี้ก็เรียนหนักด้วย แต่ผมก็พยายามแบ่งเวลามาเล่นหนัง เพราะหนังคือสิ่งที่ผมรัก และทำให้คนรู้จักผมครับ”
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ธนา” สั่งเนรมิต “เวที แซท” กลางเมืองพัทยา


หลังแถลงข่าว จีเอ็มเอ็ม แซด เอาจริง!! ประกาศรุกทำตลาดทีวีดาวเทียมเต็มสูบ พร้อมปรับโลโก้และเปลี่ยนแบรนด์ใหม่เรียบร้อยไปแล้ว ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ GMM Z) พร้อมรุกต่อกับความสนุกที่มอบให้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมจัดส่งความสำเร็จในการคืนกำไรสร้างสีสันให้กับผู้ชมในงานระดับชาติ กับงานเทศกาลดนตรี พัทยา อินเตอร์เนชั่นแนล มิวสิก เฟสติวัล 2012 พร้อมเปิดตัว “เวที แซท” ที่สร้างสีสันดีไซน์ ไม่เหมือนใคร พร้อมฉีกปรากฏการณ์ความสนุก “แซ่บ มาก มาก” อีกครั้ง ในงาน ณ “เวที แซท” เวทีใหญ่ GMM Z บริเวณลานจัดกิจกรรม ชั้น 1เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช ระหว่างวันที่ 27-29 เมษายน 2555
พร้อมศิลปินมหาชนคับคั่ง ไม่ว่าจะเป็น (27 เม.ย.) ลุลา, กอล์ฟ พิชญะ , ไอซ์ ศรัณยู , บุดด้า เบลส , (28 เม.ย.) นิว – จิ๋ว ,ว่าน ธนกฤต, เจ็ทเซ็ตเตอร์, ซีล, โดม ปกรณ์ ลัม , Sound of Thonglor Dj. Roxy June, (29 เม.ย.) Bottom Blues, เพลย์กราวด์,พาราด็อกซ์, Sound of Pattaya และเตรียมพร้อมพบกับสีสันความสนุกในงานมากมาย.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

เชียงกงพระรามสามติดป้ายประท้วงค้านกฎหมายนำเข้าตัวถัง


พ่อค้าเซียงกงยั๊ว ขึ้นป้ายโชว์หลากลางถนนพระราม 3 ยานนาวา ประท้วงรัฐบาลออกกฎหมายนำเข้าตัวถัง ชี้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
วันนี้ (25 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.40 น.  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่เซียงกงพระรามสาม ซอย 52 ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา  พบว่าผู้ประกอบการร้านค้าอุปกรณ์รถต่าง ๆ ได้ติดป้ายการคัดค้านกฎหมายนำเข้าตัวถัง ตามนโยบายของรัฐบาล จำนวนทั้งหมด 3 ป้าย  โดยในป้ายมีข้อความว่า “ด่วนมาก ร่วมคัดค้านกฏหมายนำเข้าตัวถัง นโยบายรัฐบาล ห้ามนำเข้า ชิ้นส่วน อะไหล่ รถยนต์เก่า  ใครได้-ใครเสีย ผลประโยชน์รถยนต์เก่าจะหาซื้ออะไหล่ที่ไหน เบี้ยประกันต้องแพงขึ้นเท่าไหร่ รถจะหายอีกเท่าไหร่ เพื่อจะได้เป็นอะไหล่ ประกันประเภทที่ 3 ต้องชดใช้ด้วยอะไหล่ใหม่ ”ซึ่งติดอยู่บริเวณหน้าปากซอยทางเข้า และภายในซอยดังกล่าว 

จากการสอบถามผู้ประกอบการร้านค้า เผยว่า ป้ายดังกล่าวทางผู้ประกอบการนำเข้าอะไหล่มือสองได้นำมาติดไว้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลเตรียมออกกฎหมายนำเข้าตัวถังรถ ทำให้ผู้ประกอบร้านต่าง ๆ เดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมองว่าการที่รัฐบาลออกกฎหมายนำเข้าตัวถังจะเกิดปัญหามากมายตามมาภายหลัง รวมทั้งผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้รถอาจต้องแบกรับภาระมากกว่าเดิม จึงอยากวิงวอนขอให้ทางรัฐบาลทบทวนร่างกฏหมายดังกล่าวอีกครั้ง
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ผงะพบแก๊สพิษร้ายแรงบริเวณแผ่นดินเดือด


ตรวจพบแก๊สพิษสะสมบริเวณแผ่นดินเดือด"นครไทย" ทางอำเภอต้องประกาศเตือนเป็นเขตอันตรายห้ามเข้าใกล้ ยันไม่ใช่พื้นที่ภูเขาไฟ
วันนี้ (25เม.ย.) นายกิตติ พุฒิกานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค นำเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือตรวจวัดแก๊สพิษในชั้นบรรยากาศ มาทำการตรวจวัดในพื้นที่บริเวณพื้นที่ หมู่ 9 บ.โนนตาโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หลังจากที่ นายเกรียงวิชญ์ ไกรพวิมล นายอำเภอนครไทย ได้เข้ามาตรวจสอบก่อนหน้านี้พร้อมกับสั่งกั้นพื้นที่เป็นเขตอันตราย เนื่องจากในพื้นดิน มีความร้อน และมีควันพวยพุ่งออกมาจากบริเวณพื้นดิน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่โรงเลื่อยเก่า ติดริมถนนสายพิษณุโลก-นครไทย

ภายหลังจากเข้าตรวจสอบแล้ว นายกิตติ เปิดเผยในภายหลังว่า กรมควบคุมโรคได้นำเครื่องมือตรวจวัดแก๊สพิษในบรรยากาศได้มากกว่า 100 ชนิด มาทำการตรวจหาแก๊สพิษรอบๆหลุมไฟ ผลปรากฏว่า พบแก๊สหลายชนิด ทั้งมีเทน  แอมโมเนียที่มีปริมาณน้อย แต่ตัวที่มีปัญหามากมี 2 ชนิด คือ คาร์บอนไดซัลไฟล์ ตรวจพบรอบหลุมไฟอยู่ที่ 23 พีพีเอ็ม เกินค่ามาตรฐานทั่วไปที่ 20 พีพีเอ็ม และซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.12 พีพีเอ็ม แต่ตรวจพบมากกว่าค่ามาตรฐาน 55 เท่า
สำหรับคาร์บอนไดซัลไฟล์ที่ตรวจพบเกินค่ามาตรฐาน เป็นแก๊สที่อันตรายสำหรับผู้สูดดมอย่างมาก สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ทั้งทางผิวหนัง และ ทางเดินหายใจ ในระยะสั้นจะมีการระคายเคืองที่ดวงตาและผิวหนัง และถ้าได้รับเวลาหลายวัน จะมีอาการทางจิต มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง ประสาทตาอักเสบ ถ้าระยะยาว จะเจ็บหน้าออก ปวดกล้ามเนื้อ ความจำเสื่อม คล้ายคนป่วยโรคพารากิลสันที่สั่นตลอด  รวมทั้งอาจผิดปกติทางสมอง เส้นประสาทอักเสบ หลอดเลือดแดงแข็งตัว ถือเป็นอันตรายมากสำหรับคนที่อยู่ใกล้ เราแนะนำว่าควรจะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 500 เมตร เพราะอาจมีลมพัดสารพิษตัวนี้ไป สิ่งหนึ่งที่อยากเตือนเป็นพิเศษคือคนท้องไม่ควรมารับสารพิษชนิดนี้ อาจจะมีผลต่อการก่อมะเร็ง
ส่วนแก๊สมีเทนมีปริมาณที่น้อยมาก เบื้องต้นได้ประสานกับอบต.หนองกะท้าว ให้นำป้าย และเชือกมากั้น และจัดเวรยามเฝ้าระวังประชาชน ไม่ให้เข้าไปใกล้ในระยะอันตรายแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกรียงวิชญ์ ไกรพวิมล นายอำเภอนครไทย ร่วมกับนายสกล แก้วพวงคำ ปลัดอำเภออาวุโสอำเภอนครไทย ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบยังพื้นที่ หมู่ 9 บ.โนนตาโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก หลังจากทราบข่าวจากประชาชนว่าเกิดกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากบริเวณพื้นดิน บริเวณพื้นที่โรงเลื่อยเก่า ติดริมถนนสายพิษณุโลก-นครไทย โดยก่อนหน้านี้มีคนงานก่อสร้าง หลงเดินเข้าไปแล้วขาตกหลุมดิน ได้รับบาดเจ็บจากความร้อน 2 ราย
เมื่อไปถึงพบว่า  ที่บริเวณดังกล่าวพบเป็นเนินดินกว้าง กว่า 1 ไร่  มีกลุ่มชาวบ้านจำนวนมาก กำลังจับกลุ่มมุงดูอยู่บริเวณรอบๆเนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเอง โดยเจ้าหน้าที่ อบต.หนองกะท้าวได้นำป้ายไม่อัดสีแดง เขียนข้อความว่า “เขตอันตรายห้ามเข้า” มาปักดินไว้และนำเชือกขึงเป็นเขตอันตราย เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปยังจุดอันตราย ซึ่งในพื้นที่เขตอันตรายนั้นยังมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากใต้พื้นผิวดินเป็นระยะ ลักษณะของพื้นที่ดังกล่าวนั้นจะเป็นลักษณะคล้ายดินทรายเมื่อโยนก้อนหินหรือเศษไม้เข้าไปก็จะเกิดกลุ่มควันลุกขึ้นมา โดยบริเวณรอบรอบจะเกิดการยุบตัวของพื้นดิน ซึ่งมีความร้อนสูง

ทั้งนี้ นายเกรียงวิชญ์ ได้ทำการลองใช้ไม้ทิ่มลงไปบนผิวดิน ก็จะมีกลุ่มควันพร้อมกับมีประกายไฟลุกไหม้ขึ้นมา และทดสอบด้วยการใช้กระดาษจี้ลงไปยังพื้นดิน ก็จะเกิดเปลวไฟลุกไหม้กระดาษทันที จนชาวบ้านที่มายืนจับกลุ่มต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถึงสาเหตุในครั้งนี้ ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากใต้ดินเป็นป่องภูเขาไฟ หรืออาจเป็นแหล่งแก๊ซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม นายเกรียงวิชญ์ ได้ติดต่อขอรถบรรทุกน้ำของ ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ให้นำรถน้ำมาฉีดเพื่อดับความร้อน บริเวณดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำน้ำมาฉีดเข้าไปในบริเวณพื้นที่ที่มีความร้อน ก็เกิดกลุ่มควันดำพรวยพุ่งออกมาจำนวนมาก จนเจ้าหน้าที่ต้องหยุดการฉีดน้ำ เพราะเกรงจะเกิดอันตรายกับประชาชนที่มายืนมุงดู ประกอบกับมีไอความร้อนสูงแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ จนชาวบ้านต้องถอยออกจากพื้นที่ดังกล่าวเพราะเกรงได้รับอันตราย

ด้านนายเกรียงวิชญ์  กล่าวว่า ทางอำเภอได้ประกาศเตือนให้เป็นพื้นที่อันตราย ห้ามผู้ใดเข้าไปในบริเวณดังกล่าวแล้ว พร้อมกับได้ประสานรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นไปยังจังหวัดเพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่ที่ในด้านธรณีวิทยา เข้ามาทำการตรวจสอบหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า  ก่อนหน้านี้ บริษัท ทวินซ่า ออยด์ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานจาก กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้เจาะสำรวจปิโตรเลียม ของแปลงสำรวจบน บกหมายเลข L 7/50 ในพื้นที่ของตำบลหนองกะท้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงปี 51-52 ที่ผ่านมา บริษัท ฯ เคยสำรวจวัดคลื่นไหวสะเทือน ประเมินแล้วน่าจะมีก๊าซและน้ำมันดิบ เป็นจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพราะบริเวณดังกล่าว เป็นแหล่งธรรมชาติ

ทางด้าน รศ.ดร.กิจการ  พรหมมา  อาจารย์ภาควิชาทรัพย์ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพย์ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุการณ์พบความร้อนที่พื้นดิน หมู่ 9 ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย ในเบื้องต้นตนเองยังไม่ได้ไปดูที่เกิดเหตุ แต่จากที่ติดตามข่าวสาร นั้น คาดว่าน่าจะมีสาเหตุมากจากไฟรั่ว เพราะสภาพผิวดินมีความร้อนจัดจนน้ำที่มีอยู่ในดินระเหยทำให้ดินร่วนซุยได้ง่าย  ด้วยความร้อนถ้าโยนกระดาษเข้าไปทำให้เกิดการลุกไหม้ได้ เพราะเกิดความร้อนสูงมากไม่น่าจะมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ของธรรมชาติอย่างอื่นได้

ส่วนการสันนิษฐานความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือการทำปฏิกิริยาของฟอสฟอรัสขาว  ซึ่งฟอสฟอรัสขาวนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดินที่มีน้ำท่วมขังซึ่งทราบว่าจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากแม่น้ำแควน้อยไม่มากนัก อาจเป็นไปได้ว่า เมื่อปริมาณแม่น้ำแห้งลง ทำให้ฟอสฟอรัสขาวโผล่พ้นน้ำทำให้เกิดปฏิกิริยากับอากาศ จนทำให้เกิดความร้อนได้ แต่จากรายงานที่เกิดเหตุยังไมพบฟอสฟอรัสขาวแต่อย่างไร จึงต้องให้ผู้เชียวชาญเข้าไปตรวจสอบอย่างระเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนคำถามที่ว่า อาจเกิดจากเดิมที่เป็นภูเขาไฟ หรือไม่  ขอยืนยันว่าไม่น่าจะใช่ เนื่องจาก การสำรวจพื้นที่ในประเทศไทยนั้นยังไม่พบว่ามีพื้นที่รอยแยกที่จะเกิดภูเขาไฟ และจะมีความร้อนของการแทรกตัวของลาวาขึ้นมาผิวดิน ซึ่งพื้นที่รอยแยกที่จะพบนั้นต้องเป็นที่บริเวณกว้างเป็นแนวยาว ซึ่งต่างจากพื้นทีที่พบนั้นมีขนาดเล็กไม่กว้างมากนักจึงคิดว่าเป็นไปได้ยาก
จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นโรงเลื่อยเก่า จึงสันนิษฐานในเบื้องต้นอาจจะเป็นการสะสมของขี้เลื่อยมาเป็นเวลายาวนาน อาจทำให้เกิดก๊าซใต้ดินได้ แต่ถ้าจะให้เกิดไฟลุกถึงขั้นกระดาษไหม้นั้น ความร้อนจากแสงแดดน่าจะต้องอยู่ ที่ 200-300 องศาเซลเซียส

โดยล่าสุดทางด้านสำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขต 9 พิษณุโลก ได้นำอุปกรณ์เครื่องตรวจวัดแก๊สพิษเข้าไปในพื้นที่เพื่อทำการตรวจหาสารพิษ หรือแก๊สพิษ ในพื้นที่ เพื่อเป็นการป้องกัน หากสาเหตุที่เกิดนั้นเกิดจากแก๊สใต้ดิน  จึงต้องนำอุปกรณ์ตรวจหาแก๊สพิษเข้าไปดำเนินการตรวจหา ตามคำสั่งด่วนของกระทรวงสาธารณสุข ที่มีคำสั่งให้เร่งนำอุปกรณ์เข้าไปดำเนินการตรวจหาแก๊สพิษ เพื่อเป็นการควบคุมอันตรายที่อาจจะเกิดกับประชาชนในพื้นที่
ทางด้าน นายทินกร ทาทอง ผอ.ศูนย์ปฎิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรธรณีได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในพื้นที่หมู่  9 บ้านโนนตาโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย  จ. พิษณุโลก ที่มีไฟระอุจากใต้พื้นดินกว่า 100 ตารางวาแล้ว  พบว่าลึกลงไปใต้ดินไม่มากมีขี้เลื่อยสะสมอยู่ในช่วงประมาณ 30 ปี กินพื้นที่ประมาณ 15 คูณ 40 เมตร หนาประมาณ 2 เมตร เมื่อเวลาผ่านไปก็มีตะกอนดินไหลลงมาทับถมปิดด้านบน เมื่อขี้เลื่อยดังกล่าวถูกหมักหมมเป็นเวลานาน ประกอบกับอากาศร้อนจัดจึงเกิดติดไฟลุกขึ้นมา เหมือนในสมัยโบราณที่มักจะเกิดปรากฎการณ์ส้วมระเบิด เพราะมีการหมักหมมจนเกิดก๊าซมีเทนเพราะไม่มีที่ระบายอากาศ  เรื่องนี้ไม่ใช่เหตุการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์อะไร แต่สามารถอธิบายปรากฎการณ์ด้วยวิทยาศาสตร์ได้
เมื่อถามว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ มากน้อยแค่ไหน นายทินกร กล่าวว่า  ขึ้นอยู่กับว่าใต้พื้นดินมีอินทรีย์วัตถุหมักหมมอยู่หรือไม่ หากมีการหมักหมม และไม่มีการระบายอากาศ ก็มีโอกาสจะเกิดเปลวไฟลุกขึ้นมาเช่นนี้ได้อีก เมื่อถามอีกว่าห้องส้วมที่มีอยู่ในประเทศไทย มีโอกาสหมักหมมจนเกิดการระเบิดอีกหรือไม่ นายทินกร กล่าวว่า ส้วมสมัยนี้  ถูกออกแบบให้มีรูระบายอากาศเอาไว้อยู่แล้ว จึงมีโอกาสเกิดการระเบิดขึนน้อยมาก

ตุ๊ก สภาพครอบครัวไม่ดีขึ้น ลูกรับได้ปรับตัวไปตามสภาพ


เรียกว่าสถานภาพครอบครัวยังคงคลุมเครือ สำหรับ ตุ๊ก-ชนกวนัน และสามี บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ ที่ล่าสุดสาวตุ๊กได้เผยในงาน “เซเว่น ซีส์ เซเว่น แชรริ่ง ลูกรักอิ่มท้อง แบ่งน้องอิ่มด้วย” ที่โรงเรียนอนุบาลเซนต์จอห์น ว่าตอนนี้ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรอัพเดท ซึ่งเรื่องการที่ครอบครัวเป็นแบบนี้ลูกก็ต้องรับและปรับตัวให้ได้ เพราะมันเป็นความจริง แต่อย่างไรก็แล้วแต่ทั้งคู่ก็พร้อมทำหน้าที่คุณพ่อคุณแม่ให้ดีที่สุดอยู่แล้ว
ตุ๊ก เผยว่า “ที่ช่วงหลังเห็นแต่ตุ๊กออกงานกับลูกสองคนไม่มีพี่บ๊วยนั้น จริง ๆ พี่บ๊วยมีภารกิจในเรื่องงานของเขา ปกติเราจะเลี้ยงลูกเป็นหลักอยู่แล้ว จริง ๆ ชีวิตมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ซีเรียส เราก็ปรับตัวตามสภาพค่ะ” เรียกว่าดูแลลูกตามลำพัง? “ไม่ค่ะ ถ้ามีเวลาพี่บ๊วยก็อยากอยู่กับลูก พ่อก็ต้องใช้เวลาอยู่กับลูก แต่เวลาที่พี่บ๊วยอยู่กับลูกเป็นที่บ้าน เลยไม่มีใครเห็น ตอนนี้เรายังอยู่บ้านด้วยกันค่ะ” มีโอกาสออกงานพร้อมกันทั้งครอบครัวมั้ย? “ไม่มีงานอะไรที่จำเป็นต้องออกครบค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่เห็นใครติดต่อมาเลย ถ้าติดต่อมาตัวตุ๊กเองไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่งานคู่ถ้าอยากออกก็ต้องพร้อมทั้งสองฝ่าย ค่อยว่ากันไปตามกรณีค่ะ” ลูก ๆ มีถามบ้างหรือเปล่าว่าทำไมพ่อไม่ไปงานด้วย? “ปกติเขาไม่มีหน้าที่ต้องไปงานอะไร คงไม่รู้สึกอะไร ไม่ค่อยรับรู้ว่าไปหรือไม่ไป เขารับรู้แค่ว่าเห็นสองคนอยู่ในบ้านก็จบแล้ว เด็ก ๆ คงยังคิดอะไรไม่ได้”
เราบอกลูกอย่างไรบ้างกับสถานการณ์ครอบครัวตอนนี้? “ปล่อยไปตามธรรมชาติ เขาก็ต้องรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรเลวร้ายมาก ถ้ามันจะเป็นเรื่องจริง อะไรมากขึ้นน้อยลงก็เป็นไปตามธรรมชาติ เด็ก ๆ เขามีหน้าที่ปรับตัวไป เพราะมันคือชีวิต คือครอบครัว ครอบครัวเราเป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้นไป” สงกรานต์ไปเที่ยวที่ไหน? “อยู่กรุงเทพฯ ค่ะ ก็มีพาลูกไปเล่นกับลูกเพื่อนบ้าน ส่วนกิจกรรมในครอบครัวที่ทำร่วมกันโดยรวมก็น้อยลง ซึ่งเด็ก ๆ เขาต้องรับรู้ว่าต้องเป็นไปในรูปแบบนั้น ก็ไม่เป็นไรค่ะ เราสองคนก็พยายามทำหน้าที่คุณพ่อคุณแม่ให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ในมุมมองแต่ละคน” สถานภาพครอบครัวตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? “อย่างที่พูดคุยครั้งสุดท้ายทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรอัพเดทเลยค่ะ” สภาพจิตใจของตุ๊กตอนนี้ล่ะ? “ปรับไปตามสภาพค่ะ เราต้องรับกับความเป็นจริง และเราก็ต้องเข้มแข็งเพราะเรายังมีอีกสองคนที่เราต้องจูงมือเขาเดิน ถ้าเราไม่เข้มแข็งเขาก็ไม่สามารถเดินต่อไปได้” ที่บ้านตุ๊กว่าอย่างไรบ้าง? “ท่านไม่ได้ว่าอะไร ด้วยว่าท่านรู้จักเรามาตั้งแต่เด็ก จะรู้ว่าเราสามารถอธิบายได้แค่ไหน และเราก็ยังไม่ได้จัดการอะไร แค่อยู่กับปัจจุบันเท่านั้น ตุ๊กไม่ได้คิดถึงอดีต หรืออนาคต ทำแค่ปัจจุบันเท่านั้นค่ะ”.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ม็อบสลากรวมตัวไล่ปลัดคลัง


ม็อบสลากกว่า 200 คน รวมตัวประท้วงขับไล่ "ปลัดกระทรวงการคลัง" หลังมีคำสั่งเลิกจ้าง "ผอ.สลาก" หากไม่คืบจะยื่นหนังสือถึงนายกฯ
วันนี้ (25 เม.ย.)ที่กระทรวงการคลัง กลุ่มพนักงานและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกว่า 200 คน รวมตัวประท้วงขับไล่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล หลังมีคำสั่งเลิกจ้างนายสมชาติ วงศ์วัฒนาศานต์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการนำรถเคลื่อนที่ขยายเสียงตั้งเป็นเวทีปราศรัย และมีตัวแทนสหภาพฯ ขึ้นสลับกันปราศรัยโจมตีอย่างดุเดือด ก่อนม็อบพนักงานทั้งหมดจะมายืนเขย่าประตูเพื่อพังเข้ากระทรวงหวังบุกถึงห้องปลัดกระทรวงการคลัง หากไม่ยอมลงมาเจรจาด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลกว่า 100 นาย ต้องรีบมาตรึงกำลังที่หน้าประตูเพื่อป้องกันไม่ให้พังประตูเข้ามา ส่วนการจราจรบริเวณด้านหน้ากระทรวงการคลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำแผงเหล็กมากั้นไม่ให้รถวิ่งผ่าน เพื่อป้องกันรถติด

ตัวแทนกลุ่มสหภาพฯ กล่าวว่า วันนี้เราได้เดินทางมาทวงถามนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.กระทรวงการคลัง ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลคณะกรรมการสลากโดยตรงหลังยื่นหนังสือเรียกร้อง 3 ข้อ ประกอบด้วย 1.ขอให้มีการทบทวนมติคณะกรรมการสลากกรณี ผอ.กองสลาก ถูกเลิกจ้างก่อนกำหนด โดยมีผลภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.55 ที่มีหนังสือแจ้งเลิกจ้าง 2.ขอให้มีการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการสลากกรณีเกิดความขัดแย้งภายใน 3.ขอให้แก้ไขปัญหาสลากเกินราคา ไปแล้วนั้น แต่คำตอบที่ได้รับไม่ตรงกับคำถามที่สหภาพฯ และพนักงานต้องการ วันนี้เราต้องการความชัดเจนมากกว่านี้ หรือท่านไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ดูแลความสงบเรียบร้อยของสำนักงานฯ ได้หรือมีอุปสรรคใดขวางกั้นมิให้ท่านทำได้ ทางสหภาพฯ เห็นว่า รมช.ต้องแสดงความกล้าหาญให้สังคมได้รับทราบว่า ท่านยังคงมีจริยธรรมตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนไทยและคนทั้งโลกได้เห็น หากไม่ดำเนินการใดๆ ทางสหภาพฯจะยังคงปักหลักประท้วงที่กระทรวงการคลัง และจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

นายหน้าแสบตุ๋นคนทำงานโอมานเสียหายกว่า 4 รวบล้าน


บก.ปคม.ซิวแก๊งแสบหลอกพาชาวบ้านทำงานต่างประเทศ พอได้เงินแล้วกลับเชิดหนี ระบุตัวการมี 4 คน จับได้แค่ 2 กำลังตามจับกุมสมาชิกที่เหลือ
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์(บก.ปคม.) พล.ต.ต.เชิด ชูเวท รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ประคัลภ์ แสงส่องฟ้า รอง ผบก.ปคม. , พ.ต.อ.ยุทธภูมิ ปั้นลายนาค ผกก.2 ปคม. ร่วมกันแถลงการจับกุม 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ประกอบด้วย  นายวิฑูรย์ สงวนธรรม อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 23/2555 น.ส.วิมล จุลรัตน์พันธ์ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 24/2553 ข้อหาร่วมกันจัดหาคนงานเพื่อเดินทางไปทำงานต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต 
สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2552 กลุ่มผู้ต้องหา ได้เดินทางไปยังจังหวัดหนองคาย เพื่อหาคนไปทำงานที่ประเทศโอมาน ลักษณะงานคือการสร้างสนามบิน โดยแต่ละรายให้เงินกับกลุ่มผู้ต้องหาคนละ 50,000 - 60,000  บาท แต่กลับไม่ได้ไปทำงานที่ประเทศโอมาน อีกทั้งมีคนงานหลงเชื่อเป็นจำนวนกว่า 30 ราย  รวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาทและต่อมาเมื่อเดือน ธ.ค. 2552 ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้เดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย เพื่อชักชวนคนไปทำงานที่ประเทศโอมานอีก ลักษณะงานคือการสร้างสนามบินเช่นเดิม โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้เปิดบริษัทบังหน้าใช้ชื่อบริษัท ว่า บีอาร์ ไทย-ทีม จำกัด ซึ่งมีคนงานหลงเชื่อกว่า 54 คน โอนเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาร่วม 2 ล้านบาทเศษ แต่ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ รวมมีผู้เสียหายทั้งสิ้นกว่า 84 ราย มูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 4 ล้านบาท
ทั้งนี้เนื่องด้วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานว่ามีผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น ได้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี จึงได้ติดตามสืบสวน และสามารถจับกุมได้ในที่สุด นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีก 2 ราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

รวบแล้วมือยิงอริดับคาวงเวียน22


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.วิชัย สังช์ประไพ รองผบช.น. พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.พลับพลาไชย 2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายภัคพล หรือเอิน ผุดประภากุล อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายจาตุรณต์ ผ่องสว่าง อายุ 18 ปี เสียชีวิต บริเวณวงเวียน 22 เมื่อกลางดึกวันที่ 25 เม.ย. โดยจับกุมตัวได้ภายในห้องพักเลขที่ 48 ตรอกกระทะ ถนนเยาวพานิช แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ กทม. พร้อมของกลาง เสื้อยึดแขนสั้น สีดำที่ใส่ในคืนก่อเหตุ มีดปลายแหลมยาว 17 นิ้ว จำนวน 2 เล่ม เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 20 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.ชนิดหัวธรรมดา จำนวน 25 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. ชนิดหัวระเบิด 20 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด.22 มม.จำนวน 45 นัด แม็กกาซีนอาวุธืนขนา 9 มม.1 อัน และรถจยย.ยามาฮ่า ฟีโน่ สีม่วงขาว หมายเลขทะเบียน สกข -413 กรุงเทพมหานคร

พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายจาตุรณต์  อายุ 18 ปี เสียชีวิต และมีเพื่อนได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย บริเวณวงเวียน 22 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนจนทราบว่า คนร้ายคือนายภัคพล จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัว พร้อมกับยึดของกลางได้หลายรายการโดยเฉพาะเครื่องกระสุนปืน สำหรับสาเหตุการสังหารในครั้งนี้เกิดจากการทะเลาะวิวาทกัน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นอกจากนี้จะเร่งติดตามจับกุมตัวเพื่อนของผู้ตายที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวนนายภัคพล ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน จากนั้นเพื่อนก็โทรศัพท์มาตาม บอกว่ากำลังมีเรื่อง นัดชกต่อยกับคู่อริ ตนจึงรีบออกไปพร้อมกับอาวุธปืน เมื่อไปถึงก็พบว่าเพื่อนและคู่อริได้แยกย้ายกันไปแล้ว แต่จู่ๆก็มีรถจยย.ขับเข้ามา 2 คัน ซึ่งเพื่อนก็พยามตะโกนบอกว่า “นั่นแหละๆๆใช่เลย พวกนี้แหละ ที่ปาขวดปามีดเข้ามา” ตนจึงเข้าไปถามว่ามีอะไร มาทำไม และเด็กแถวไหน จากนั้นเพื่อนที่ไปกับตนได้ใช้อาวุธมีดฟัน เมื่อเห็นว่าผู้ตายพยายามจะต่อสู้ จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ 2 นัด จากนั้นผู้ตายเหมือนจะลุกขึ้น จึงยิงซ้ำไปอีก 2 นัด ส่วนอาวุธปืนได้นำไปโยนทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยาที่กลางสะพานพระปกเกล้าฯ
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources