วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ตร.กก.สส.บก.น. 7 รวบวัยรุ่น ตั้งแก๊ง B 13เลียนแบบหนังฝรั่ง


วันนี้(26 ก.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. ดูแลงานด้านยาเสพติด พร้อมด้วยพล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผบช.น. แถลงข่าว เจ้าหน้าที่กก.สส.บก.น.7 นำโดย พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธุ์ ผกก.สส.บก.น. 7 พร้อมพวก นำกำลังเข้าจับกุมตัวสมาชิกแก๊ง B 13 ที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและมีอาวุธปืน จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายภัคคเนศร์ หมวกผัน 2.น.ส.อนัญญา ทัตพงศกร 3.นายอนุพล พงษ์มณี  4.นายเกมส์ (นามสมมติ)  5.นายรุ่งอรุณ ยิ้มยวน  6.นายมนชัย คงกระพัน 7.นายองอาจ มงคลปัญญาเลิศ  และ8.นายนิระยุทธ กำไมล์  พร้อมของกลางยาเสพติด เคตามีน จำนวน 26 ขวด  อาวุธปืน ออโตเมติก 9 มม. 3 กระบอก อาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก  เครื่องกระสุนปืน 126 นัด  เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว  โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง  และสมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมยาเสพติดกันที่ห้องเช่าเลขที่ 2228 อาคารลุมพินีพาร์ค ปิ่นเกล้า ถ.บรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายภัคคเนศร์ และ น.ส.อนัชญา พร้อมพวกกำลังมั่วสุมอยู่ภายในห้องดังกล่าว จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบของกลางดังกล่าวภายในห้องพัก จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหารวมตัวกันตั้งตัวเป็นแก๊งใช้ชื่อ B13 โดยเลียนแบบมาจากภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง B13 ที่ตัวแสดงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติดและอาวุธปืน มีการดัดแปลงอาวุธปืน  1 แม็กกาซีนสามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 30 นัด มีการขูดลบเลขทะเบียนปืน และมีเสื้อเกราะเอาไว้ใส่ป้องกันตัว ผู้ต้องหาแก๊งนี้จะมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติด และเที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิง เมื่อไม่มีเงินก็มาซื้อยาก็จะออกตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ซึ่งแก็งนี้มีนายคธาวุธ เวียงคำ หรือเบิร์ด บี 13 เป็นหัวหน้าแก๊ง แต่ถูกตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะจับกุมคดีในยาเสพติดเมื่อต้นปี ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาแก๊ง B13 แต่ละคนพบว่าล้วนแล้วแต่เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว โดยนายภคคเนศร์ เคยต้องโทษคดีชิงทรัพย์และยาเสพติด ท้องที่สน.บางกอกใหญ่ นายมนชัย เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.ตลิ่งชัน นายรุ่งอรุณ เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.มักกะสัน นายองอาจ เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.นางเลิ้ง และนายเกมส์ เคยต้องโทษคดียาเสพติด ท้องที่สน.บางขุนนนท์เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง  มียาเสพติดให้โทษประเภท 3 เคตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย  มียุทธภัณฑ์ เสื้อเกราะ ไว้ในครอบครอง ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

ป.ป.ช.ฟันแล้ว “เทพ เทือก” ส่ง19ส.ส.ช่วยงาน วธ.


วันนี้(26ก.ค.)ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ  จ.นนทบุรี   นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช. แถลงผลการประ ชุม ป.ป.ช. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ สมัยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์ที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญใน การลงนามหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อส่ง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์และบุคคลอื่นรวม 19 ราย ไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2552 อันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฎิบัติราชการหรือดำเนินงานในหน้าที่ประจำ ของข้าราชการเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ซึ่งเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1)  พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังได้พิจารณากรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รู้เห็นเป็นใจกับนายสุเทพ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีในการส่ง ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ไปช่วยราชการกระทรวงต่างๆ เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่นหรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายโอนเลื่อนตำแหน่ง อันเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 ของรัฐธรรมนูญ
นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า ป.ป.ช. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงสรุปได้ว่านายสุเทพได้มีหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรีลง วันที่ 25 ก.พ. 2552 เรื่องขอช่วยราชการรายกระทรวงถึง รมว.วัฒนธรรม แจ้งความประสงค์ของส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวน 19 คนไปช่วยราชการที่กระทรวงโดยหนังสือดังกล่าวถึงกระทรวงในวันที่ 27 ก.พ. 2552 จนกระทั่งวันที่ 2 มี.ค. 2552 นายสุเทพได้สั่งให้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองไปขอรับหนังสือดัง กล่าวคืน เนื่องจาก รมว.วัฒนธรรมแจ้งต่อนายสุเทพว่าไม่ประสงค์รับ ส.ส.ไปช่วยราชการที่กระทรวง โดยนายสุเทพได้รับหนังสือคืนมาเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 255 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เปิดโอกาสให้นายสุเทพเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาและได้ไต่สวนผู้ร้องรวมทั้ง พยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง และพยานบุคคลที่ให้ความเห็นในข้อกฎหมายทั้งหมดแล้วเห็นว่าคำชี้แจงแก้ข้อ กล่าวหาของนายสุเทพในประเด็นมีการใช้สถานะหรือตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหรือ ไม่ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการส่งหนังสือดังกล่าวถึง รมว.วัฒนธรรมซึ่งเป็นหนังสือราชการ นายสุเทพได้ใช้สถานะหรือตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา  268 ประกอบมาตรา 266 (1)
นายกล้านรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง งานของกระทรวงวัฒนธรรมหรือก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการ ดำเนินงานในหน้าที่ประจำของ รมว.วัฒนธรรมหรือไม่นั้น  ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าเนื่องจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ได้ นิยามคำว่าการก้าวก่ายหรือแทรกแซง จึงต้องไปพิจารณาตามความหมายของพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 คำว่า “ก้าวก่าย” หมายความว่าล่วงล้ำเข้าไปยุ่งเกี่ยวหน้าที่ผู้อื่น,เหลื่อมล้ำไม่เป็น ระเบียบ เช่น งานก้าวก่ายกัน ส่วนคำว่า “แทรกแซง” หมายความว่าแทรกเข้าไปเกี่ยวข้องในกิจการของผู้อื่น ดังนั้นเมื่อพิจารณาตามบทบัญญัติในมาตรา  268 ประกอบมาตรา 266 (1) แล้วจึงเห็นว่าการกระทำของนายสุเพทเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติ ราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของ รมว.วัฒนธรรม
นายกล้านรงค์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนประเด็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีถือเป็นการกระทำเพื่อ ประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมืองไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่นหรือของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญมาตรา  268 ประกอบมาตรา 266 (1)  หมายถึงประโยชน์ค่าตอบแทนที่สามารถคำนวณเป็นเงินได้ รวมถึงประโยชน์ค่าตอบแทนที่ไม่สามารถคำนวณเป็นเงินได้ เช่น ชื่อเสียงเกียรติยศ การมีอิทธิพล เหนือบุคคล การสร้างฐานคะแนนหรือประโยชน์อื่นใดทางการเมือง และต้องพิจารณาต่อไปว่าการจะขอช่วยราชการของ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ดังกล่าวนั้น มีหน้าที่ตามกฎหมายในการขอช่วยราชการหรือไม่  ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า ส.ส. ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ตรากฎหมายและควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ของ ครม. หรือฝ่ายบริหารให้เป็นไปตามนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ และนโยบายของ ครม. ที่แถลงต่อสภา เช่น การอภิปรายในรัฐสภา การตั้งกระทู้ การพิจารณากฎหมาย การปฏิบัติหนที่ในกรรมาธิการชุดต่างๆ แต่การไปช่วยราชการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารจึงไม่ใช่หน้าที่ของ ส.ส.  อีกทั้งการแก้ปัญหาความเดือดร้อน การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวง วัฒ นธรรม ก็เป็นหน้าที่ของข้าราชการ หรือลูกจ้าง ในกระทรวงที่ปฏิบัติอยู่แล้ว และเป็นหน้าที่โดยตรงของรมว.วัฒนธรรม ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารที่จะต้องรับผิดชอบฝ่ายนิติบัญญัติจึงไม่สามารถเข้าไป ก้าวก่ายหรือแทรกแซง ในการปฏิบัติราชการหรือดำเนินหน้าที่ประจำของ รมว.วัฒนธรรม
“คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงเห็นว่าการกระทำของนายสุเทพเป็นไปเพื่อประโยชน์ของตนเองในทางการเมือง ในการสร้างฐานเสียง เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น คือ รมว.วัฒนธรรม เพื่อประโยชน์ของ ส.ส.หรือของพรรคการเมือง คือ พรรคประชาธิปัตย์ในด้านฐานเสียง คะแนนเสียง ไม่ว่าโดนทางตรงหรือทางอ้อม ส่วนประเด็นการใช้สถานะรองนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา หรือไม่นั้น ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่านายสุเทพไม่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการ กระทรวงวัฒนธรรมและไม่มีอำนาจหน้าที่ในการแต่งตั้งหรือจัดส่ง ส.ส. ไปช่วยราชการกระทรวงวัฒนธรรม และไม่ใช่อำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา และสำหรับประเด็นการขอถอนเรื่องคืนของนายสุเทพจะถือว่าไม่มีการก้าวก่ายหรือ แทรกแซงการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของ รมว.วัฒนธรรมหรือไม่นั้น ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของนายสุเทพเป็นการใช้สถานะหรือตำแหน่งรอง นายกรัฐมนตรีก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการของกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อ ประโยชน์ทางการเมืองในการสร้างฐานเสียง และเพื่อประโยชน์ของ ส.ส. หรือของพรรคประชาธิปัตย์ ในด้านฐานเสียงหรือคะแนนเสียงอันเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา  268 ประกอบมาตรา 266 (1) ดังนั้นจึงมีมติว่านายสุเทพมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐ ธรรมนูญและให้ส่งเรื่องไปยังประธานวุฒิสภา เพื่อพิจารณาโดยเร็วต่อไป” นายกล้านรงค์ กล่าว
นายกล้าณรงค์ กล่าวว่า ทั้งนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้พิจารณากรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์รู้เห็นเป็นใจกับนายสุเทพ ในการส่ง ส.ส. ไปช่วยราชการกระทรวงต่างๆ และเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมด้วยนั้น เมื่อไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วไม่ปรากฏพยานหลักฐานหรือข้อเท็จจริงว่านาย อภิสิทธิ์ได้รู้เห็นเป็นใจกับนายสุเทพตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด  จึงเห็นว่าข้อกล่าวหานั้นไม่มีมูล จึงให้ข้อกล่าวหาตกไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้นายสุเทพพ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว การยื่นถอดถอนจะมีผลหรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ส.ว.จะมีมติถอดถอนนายสุเทพหรือไม่ ซึ่งการถอดถอนต้องใช้เสียง ส.ว. 3 ใน 5 หากส.ว.มีมติถอดถอนจะมีผลให้บุคคลดังกล่าวต้องถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการ เมือง 5 ปีทันที ส่วนจะมีผลกระทบให้ต้องหลุดจากตำแหน่งส.ส.ในปัจจุบันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการดำเนินการของส.ว. และขอให้ไปดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (14) ประกอบ
ด้านนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้หลังจากที่ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดออกมายังถือว่า นายสุเทพยังดำรงตำแหน่งส.ส.อยู่ แต่หากที่ประชุมวุฒิสภามีมติถอดถอนนายสุเทพด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 5 แล้วนอกจากจะต้องถูกห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 274 แล้ว นายสุเทพยังหลุดจากตำแหน่งส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันด้วย.

รวบ 2 สาวแม่ลูกอ่อน เจ้าแม่ค้ายาบ้า


วันนี้(26 ก.ค.)นายภวัต เลิศมุกดา นายอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย นายชวัฒน์ เทพทัพ ปลัดฝ่ายความมั่นคง น.ส.รัดใจ บันดิษฐศิลป์ กำนันตำบลสัตหีบ และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอำเภอสัตหีบ ได้ร่วมกันจับกุมตัว นางพรพรรณ หรือจูง ทศานนท์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.8 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และน.ส.จรินทร์พร หรือเจี๊ยบ ทองปลั่ง อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/27 ม.7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี สองสาวแม่ลูกอ่อน ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 200 เม็ด ธนบัตรล่อซื้อ 15,000 บาท และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ได้ภายในบ้านเลขที่ 26/77 ซ.หลังวัดเทพประสาท ม.4 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
  นายภวัต กล่าว เมื่อช่วงกลางดึกทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม น.ส.ชุติมา หรือนุ่น ชูยิ้ม อายุ 21 ปี นักศึกษาระดับปริญญาตรี ปี 1 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยชื่อดัง  ต่อมาจึงขยายผล ได้มีการขยายผลโดยน.ส.ชุติมา เป็นสายลับนำเงินสด เข้าล่อซื้อยาบ้าจำนวน 200 เม็ด จากนางจูง และน.ส.เจี๊ยบ  หลังถูกจับกุม ทั้งคู่อยู่ในอาการตกใจ ก้มลงกราบขอให้เจ้าหน้าที่ปล่อยตัว โดยอ้างว่าไม่มีคนเลี้ยงลูกที่ยังเล็ก
                สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งสอง ให้การรับสารภาพว่า รับยาบ้ามาจากเอเย่นต์รายใหญ่ ชื่อเจ๊แดง อายุประมาณ 40 ปี อยู่ในหมู่บ้านทุ่งละหาร ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ก่อนจะนำมาขายต่อให้กับ น.ส.ชุติมา เพื่อไปจำหน่ายในกลุ่มนักศึกษาด้วยกัน เนื่องจากมีกำไรถึงเท่าตัว 

ตำรวจ-ทหารนาวิกโยธิน ทลายแหล่งประกอบระเบิดโจรใต้ 220 โล


วันนี้( 26 ก.ค.) น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.หน่วยนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส และ พ.ต.ท.ธนาธิป โสภาพ สว.สภ.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ ได้ร่วมสนธิกำลังจำนวน 50 นาย กระจายกำลังกันตรวจค้นบริเวณทุ่งนาร้างชายป่าหลังหมู่บ้านปะลุกาสาเมาะ ม.6 ต.ปะลุกาสามเมาะ หลังสืบทราบว่า นายอับดุลเลาะ โล๊ะมะ ซึ่งเป็นแกนนำกองกำลังติดอาวุธและพวกจำนวนหนึ่ง ได้แฝงตัวเคลื่อนไหวเพื่อจะทำการประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง เพื่อกระจายให้กลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส ลักลอบก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ในช่วง 2-3 วันที่จะถึงนี้
                เมื่อถึงเป้าหมายเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่าย ได้แยกย้ายกันเดินหน้ากระดาน หาค้นหาอุปกรณ์ในการประกอบระเบิด โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการค้นหานานกว่า 1 ชั่วโมง พบกระสอบใส่ปุ๋ยสีขาว จำนวน 15 กระสอบ ถูกวางซุกอยู่ในบริเวณกอหญ้าที่รกทึบ โดยกลุ่มคนร้ายได้ใช้ผ้าสีขาวตัดผูกไว้เป็นสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแกะกระสอบปุ๋ยออกทีละกระสอบ พบว่า ภายในกระสอบได้แยกอุปกรณ์ประกอบระเบิดไว้ จำนวน 4 ส่วน คือ 1.ส่วนที่เป็นถังแก๊สปิกนิคและถังดับเพลิง รวม 11 ถัง ซึ่งแต่ละถังสามารถประกอบระเบิดได้ลูกละ 20 ก.ก. รวมน้ำหนักทั้งหมด 220 ก.ก. 2. ในส่วนของสะเก็ดระเบิด ที่คนร้ายได้ตัดเหล็กเส้นและลูกปลาย 3. ในส่วนของอุปกรณ์ที่ใช้จุดชนวนระเบิด อาทิ สายไฟ วงจรจุดชนวนระเบิด แบตเตอรี่ และปุ๋ยยูเรีย และ 4. ในส่วนของเหล็กแผ่นที่คนร้ายใช้ประกอบเป็นภาชนะสี่เหลี่ยม จำนวน 27 แผ่น สามารถประกอบระเบิดได้ จำนวน5 ลูก หนักลูกละ 5 ก.ก. รวมน้ำหนัก 25 ก.ก. เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางทั้งหมดไปทำการตรวจสอบเพื่อหาคราบลายนิ้วมือแฝง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับวัตถุพยาน ที่เคยตรวจสอบพบในที่เกิดเหตุต่างๆ ว่าคนร้ายกลุ่มนี้เป็นใครบ้าง เพื่อขยายผลไปสู่การจับกลุ่มมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด เผยว่า ของกลางที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ ของกลางทั้งหมดสามารถประกอบระเบิดได้ จำนวน 16 ลูก โดยแยกเป็นน้ำหนักลูกละ 20 ก.ก. ได้จำนวน 11 ลูก และแยกเป็นน้ำหนักลูกละ 5 ก.ก. ได้จำนวน 5 ลูก ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจยึดมาได้ เจ้าหน้าที่กองกำลังในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ จะถูกสังเวยชีวิตกับระเบิดแสวงเครื่องชุดนี้ จำนวนมาก เนื่องจากคาดว่าระเบิดชุดนี้จะนำไปใส่รถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะที่คนร้ายได้ ขโมยมาก่อนหน้านี้กว่า 10 คัน ซึ่ง 1 ในจำนวนนั้น ได้ใช้เป็นระเบิดคาร์บอมบ์หน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์แอนด์โอเอไทยแลนด์จำกัด เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 55 ที่ผ่านมา

เสนอตั้งคณะทำงานสอบ“สุพจน์”ร่ำรวยผิดปกติ


เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการคดีพิเศษและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) มีมติเอกฉันท์เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ชี้มูลความผิดนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ถึง 64,738,787.52 ล้านบาท และเตรียมส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณายื่นฟ้องว่า ขณะนี้อัยการรอสำนวนพยานหลักฐานจาก ป.ป.ช. โดยคาดว่า ป.ป.ช.จะใช้เวลารวบรวมเอกสารหลักฐานสักระยะ จึงจะส่งสำนวนมา และเมื่ออัยการสูงสุดได้รับสำนวน ป.ป.ช.แล้ว ตนจะแต่งตั้งคณะทำงานอัยการมาพิจารณาเพื่อตรวจสอบสำนวนดังกล่าว ก่อนจะสรุปความเห็นเสนอให้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด เป็นผู้พิจารณากลั่นกรองและชี้ขาดในการยื่นฟ้อง โดยขั้นตอนทั้งหมดกฎหมายกำหนดให้อัยการมีเวลาตรวจสอบภายในเวลา 90 วัน
ทั้งนี้ จากการติดตามข่าวจากสื่อมวลชนเห็นว่าป.ป.ช.ได้ชี้มูลในความผิดข้อหาร่ำรวย ผิดปกติเท่านั้น ซึ่งการพิจารณาจะเป็นเรื่องคดีทางแพ่ง เพื่อยื่นฟ้องศาลแพ่งให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าหากมีการฟ้องคดีแล้วสุดท้ายจะมีผลอย่างไร เนื่องจากยังไม่เห็นสำนวน ส่วนความผิดทางอาญานั้นเท่าที่ติดตามข่าว ป.ป.ช. ยังไม่ได้ระบุถึงการกระทำของนายสุพจน์ จึงยังไม่ทราบว่าสำนวนของ ป.ป.ช.ที่จะส่งมาให้อัยการ จะได้มีความเห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำที่จะเป็นความผิดทางอาญาของนายสุ พจน์หรือไม่. 

ฆ่าอำมหิตสาวนิรนามหมกรีสอร์ทหรู


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ก.ค. พ.ต.ท.นิธิวัชร์ อัครสุพัฒน์กุล พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุหญิงสาวถูกฆ่าหมกห้องพักภายในเทียนทะเลรีสอร์ท ถนนบางขุนเทียนชายทะเล แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สส.บก.น.9 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุมีลักษณะเป็นรีสอร์ทให้เช่าแบบชั่วคราวและค้างคืน ภายในห้อง เลขที่ซี 8 พบศพหญิงสาวชาวไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 25-30 ปี ตัดผมรองทรงสั้น สูงประมาณ 165 เซนติเมตร ผิวดำแดง ทาเล็บมือและเล็บเท้าสีดำ สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีขาวด้านหน้าสกรีนตัวอักษร CONSEPTION ไม่สวมเสื้อชั้นใน ท่อนล่างเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดที่อวัยวะเพศ มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมที่ลำคอด้านขวา 1 แห่ง ที่ลำคอมีร่องรอยคล้ายถูกบีบ เบื้องต้นแพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-10 ชั่วโมง

ตรวจสอบในห้องที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้น มีขวดน้ำอัดลมถูกดื่มจนหมดแล้ว จำนวน 2 ขวด และแก้วเปล่า 2 ใบวางอยู่บนโต๊ะ ที่บริเวณพื้นปลายเตียงนอนพบเสื้อคลุมสีดำ กระโปรงสั้นสีชมพู เสื้อชั้นในสีน้ำตาล และกางเกงในสีขาว คาดว่าเป็นของผู้ตายกองอยู่ โดยไม่พบกระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ หรือเอกสารที่ระบุว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน

จากการสอบสวน น.ส.ชุติกาญจน์ ธัญญลักษณ์เมธี อายุ 30 ปี แคชเชียร์ของรีสอร์ท ให้การว่า ช่วงเย็นวานนี้ เห็นผู้ตายนั่งรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา ไม่ทราบทะเบียน มากับผู้ชาย ขอเปิดห้องพักแบบค้างคืน จากนั้นอีก 20 นาทีต่อมา รถกระบะคันดังกล่าวก็ขับออกจากรีสอร์ทไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีผู้ใดเอะใจนึกว่าคงไปทำธุระแล้วกลับมาพักใหม่ กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น.วันเดียวกันมีรถมอเตอร์ไซค์ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่น และหมายเลขทะเบียนแบบผู้หญิงสีครีมมาจอดหน้าห้อง โดยไม่มีใครทราบว่ารถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวขับออกไปตั้งแต่เมื่อใด เพราะเป็นช่วงที่พนักงานรีสอร์ทเปลี่ยนเวรพอดี จนกระทั่งวันนี้เวลา 13.00 น.แล้วยังผู้ตายยังไม่คืนกุญแจห้อง เมื่อเข้าไปตรวจสอบจึงพบศพดังกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะถูกคนรู้จักฆ่าชิงทรัพย์ ส่วนจะถูกข่มขืนด้วยหรือไม่ต้องรอผลการผ่าชันสูตรจากทางแพทย์นิติเวชอีกครัง จากการสอบสวนพนักงานรีสอร์ทรายอื่นๆ ทราบว่า เคยเห็นผู้ตายมาใช้บริการห้องพักตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ไม่มีใครรู้จักผู้ตายมาก่อน ขณะที่ระบบการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับยานพาหนะหรือรายชื่อแขกก็ทำได้ ไม่ละเอียดเท่าที่ควร ส่วนกล้องวงจรปิดก็เพิ่งมาเสียได้เพียง 2 วัน เบื้องต้นจึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนออกลงพื้นที่ไปแกะรอยหากล้องวงจรปิดใน ละแวกใกล้เคียงเพื่อหาเส้นทางหลบหนีของคนร้ายตามรูปพรรณของยานพาหนะที่ พนักงานรีสอร์ทพอจดจำได้ อย่างไรก็ตามหากประชาชนท่านใดสงสัยว่าผู้ตายเป็นญาติหรือรู้จักกันมาก่อนขอ ความกรุณาติดต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อแจ้งเบาะแสหาเกี่ยวกับตัวคนร้ายก่อนตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.

เผยขั้นตอนการดำเนินคดีกับเยาวชน


เมื่อวันที่ 25 ก.ค.นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงขั้นตอนที่ดำเนินการกับนักเรียนที่ก่อเหตุใช้เก้าอี้ฟาดหน้าแม่บ้าน แล้วถูกนักท่องเที่ยวต่างชาติถ่ายคลิปไว้ได้ว่า เป็นไปตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ.2553 โดยกฎหมายระบุว่า ให้นำเด็กที่ถูกจับกุม ไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อตรวจสอบการจับกุมว่า เป็นไปโดยชอบหรือไม่ ถ้าการจับโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลจะสั่งปล่อยตัวเด็กหรือเยาวชนนั้นไป และถ้าเด็กยังไม่มีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย หรือทนายความ ศาลจะสั่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายให้ และถ้าการกระทำของเด็กไม่มีพฤติการณ์ที่อาจเป็นภัยต่อบุคคลอื่นอย่างร้ายแรง ศาลอาจมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กแก่บิดามารดา ในระหว่างการดำเนินคดี
ส่วนมาตรการ การควบคุมตัวเด็ก กฎหมายให้สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ทำหน้าที่ควบคุมตัวในระหว่างสอบสวนหรือในชั้นศาล และระหว่างตำรวจควบคุมตัวเด็กก่อนส่งตัวไปศาล ก็ห้ามควบคุมตัวปะปนกับผู้ใหญ่ นอกจากนี้กฎหมายยังบัญญัติให้มีการนำ "มาตรการพิเศษแทนการดำเนินคดีอาญา" มาใช้กับคดีเด็ก คือนำตัวเด็กไปทำแผนแก้ไขฟื้นฟู ก่อนฟ้องคดีและในชั้นพิจารณาคดี ทั้งนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย คือตัวเด็ก ผู้ปกครอง โรงเรียน นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เพื่อให้เด็กมีโอกาสปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเอง และมีการบรรเทาผลร้ายอย่างเหมาะสม โดยเด็กจะต้องมีความสำนึกในการกระทำและพร้อมที่จะกลับตัวเป็นคนดีได้.

จตุพร”เบิกความปม“มาร์ค”หนีทหาร


วันที่ 25 ก.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332 กรณีเมื่อวันที่ 29 ม.ค.-15 ก.พ.2553 จำเลยกล่าวปราศรัยต่อกลุ่มคนเสื้อแดงและประชาชนที่รับชมสถานีโทรทัศน์ ช่องพีเพิ่ล แชนแนล กล่าวหาว่าโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีที่สั่งฆ่าประชาชนและหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร

โดยในวันนี้นายจตุพร ขึ้นเบิกความสรุปว่า ขณะที่โจทก์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปลายปี 2551-พ.ค. 2554 พยานได้ปราศรัยถึงโจทก์ในคดีนี้รวม 2 วัน คือ กรณีที่โจทก์หนีเข้ารับการเกณฑ์ทหาร ใช้เอกสารเท็จเข้าเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. และการปราศรัยที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับการป้องปรามโจทก์ไม่ให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชน สำหรับเรื่องการเกณฑ์ทหารชายไทยเมื่ออายุครบ 17 ปี ต้องขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกิน และเมื่ออายุครบ 20 ปี ต้องเข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ มีตัวอย่างที่ชัดเจนคือนายธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรีและองคมนตรี หลังศึกษาจบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และไปเรียนต่อปริญญาโทด้านกฎหมายที่ประเทศอังกฤษแล้ว กลับมายังต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหาร
เมื่อ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ไปพบและสอบถามทราบว่าจบเนติบัณฑิต ที่ประเทศอังกฤษ จึงนำตัวมาช่วยราชการที่กรม ซึ่งเรื่องนี้พยานได้ตรวจสอบและเปิดผลการสอบสวนของจเรทหารบก เมื่อวันที่ 19 พ.ค.42  กรณีที่มีการร้องเรียนว่าโจทก์เลี่ยงการเกณฑ์ทหารและใช้เอกสารเท็จมาเผยแพร่ เพราะพยานต้องการตรวจสอบและตั้งคำถามต่อโจทก์ก่อนเข้ารับตำแหน่งนายก รัฐมนตรีว่าได้มีเลี่ยงเกณฑ์ทหารและใช้เอกสารเท็จในการสมัครเป็นอาจารย์ที่ โรงเรียนนายร้อย จปร.หรือไม่ เมื่อพยานสอบถามโจทก์ในเรื่องดังกล่าว โจทก์ไม่ชี้แจ้งทั้งในการอภิปรายสภาและนอกสภา

นายจตุพร เบิกความต่อว่า สำหรับโจทก์เกิดวันที่ 3 ส.ค. 07 เมื่อมีอายุครบ 17 ปี ย่างเข้า 18 ปี  โจทก์ต้องเข้ารับการขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกินในปี 2524-2525 และต้องได้รับหมายเรียกเกณฑ์ทหารเมื่ออายุครบ 20 ปี ในปี 2527 และต้องเข้ารับการตรวจเลือกเกณฑ์ทหารในปี 2528 แต่ในปี 2524 โจทก์อ้างว่าไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จึงไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกิน กระทั่งเรียนจบในเดือนมิ.ย. 2529 โจทก์ไปขึ้นทะเบียนเป็นทหารกองเกินที่จะได้ใบ สด.9 ในวันที่ 4 ก.ค. 2529 ขณะนั้นโจทก์มีอายุ 22 ปี โดยสัสดีเขตพระโขนงเขียนเป็นลายมือให้โจทก์มารับใบ สด.9 ในเดือนม.ค. 2530 และโจทก์ต้องเข้ารับเกณฑ์ทหารในวันที่ 7 เม.ย. 2530 แต่โจทก์ไม่ได้ไปเข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารเกณฑ์ โจทก์จึงเป็นคนขาดการตรวจเลือก การที่โจทก์ไม่ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินเมื่อมีอายุครบกำหนด จึงมีโทษจำคุกทั้งจำทั้งปรับ และจากรายงานการสอบสวนของจเรทหารบก ลงวันที่ 19 พ.ค.2542 ปรากฏชัดเจนว่า โจทก์ไม่เคยได้รับการผ่อนผันหรือเคยเกณฑ์ทหาร แต่โจทก์ได้พยายามขึ้นทะเบียนทหารกองเกินในภายหลัง และมีการประสานกระทรวงกลาโหมและโรงเรียนนายร้อย จปร. ทำหนังสือจากกรมสารบัญ ทหารบก (สบ.ทบ.) ส่งเรื่องถึงโรงเรียนนายร้อย จปร.ให้รับโจทก์เป็นอาจารย์

ขณะที่โรงเรียนนายร้อย จปร.ทำหนังสือตอบกลับมาเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2529 ว่า โจทก์สามารถเข้ารับราชการได้ นอกจากนี้ พยานตรวจสอบพบพิรุธอีกว่า เมื่อโรงเรียนนายร้อย จปร.ตอบรับบรรจุโจทก์แล้ว หลังจากนั้นวันที่ 4 พ.ย.2529 กลับมีชื่อโจทก์ขอลาไปศึกษาต่อต่างประเทศในปี 2530-2532 ขณะที่ข้อเท็จจริงพบว่าโจทก์ได้ไปเขียนใบสมัครเป็นอาจารย์ในวันที่ 12 ม.ค.32  เพราะถ้าไปเรียนต่อต่างประเทศจริง โจทก์จะมาเขียนใบสมัครได้อย่างไร

นายจตุพร เบิกความด้วยว่า การสอบสวนของจเรทหารบกลงวันที่ 19 พ.ค.42 ยังพบว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดหลายคน โดยมีบางคนเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับนายพล จึงไม่สามารถลงโทษทางวินัยได้ แต่ทำได้เพียงลงทัณฑ์พันเอกหญิงคนหนึ่ง และให้ดำเนินคดีอาญากับสัสดี โดยเป็นการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับข้าราชการผู้ให้ความช่วยเหลือโจทก์ แต่ไม่เน้นการดำเนินคดีโจทก์ เพราะอะไรพยานไม่ทราบ แต่ขณะนั้นมีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรมว.กลาโหม ส่วนโจทก์เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

นายจตุพร เบิกความอีกว่า ส่วนการปราศรัยวันที่ 15 ก.พ.53 ที่หน้าสำนักงาน กกต. นั้น เพื่อป้องปรามไม่ให้โจทก์ใช้กำลังปราบปรามประชาชนดังเช่นเหตุการณ์เมื่อ เดือนเม.ย.52 โดยพยานได้รับเอกสารจากนายทหารผู้หวังดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นเอกสารเกี่ยว กับแผนปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทหารในปี 2553 รวม 37 หน้า โดยขณะนั้นมีการนัดหมายกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมกันในวันที่ 14 มี.ค.53 จึงพูดปราศรัยเพื่อป้องปราม เนื่องจากรู้สึกกังวลใจและมีเหตุการณ์ที่ผิดปกติเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ และเกรงว่าจะมีการสร้างสถานการณ์ คือ กรณีที่มีผู้ขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ เบียดเข้าขบวนรถยนต์ของโจทก์ แต่ปรากฏว่าไม่มีการสอบสวนหรือดำเนินคดีกับผู้ขับรถยนต์ดังกล่าว รวมทั้งกรณีที่มีผู้ขับรถยนต์แท็กซี่มีสัญลักษณ์คนเสื้อแดงเบียดขบวนรถยนต์ ของโจทก์อีกครั้ง แต่ไม่มีการสอบสวนและดำเนินคดีเช่นกัน.

จับแก๊งโจรจิ๋วขโมยรถจยย.


เมื่อวันที่ 25 ก.ค. พ.ต.ท.ศรศักดิ์  ทองมี และพ.ต.ต.จุมพล สินศิริพงษ์  สว.สส.สน.วัดพระยาไกร  ร.ต.อ. วุฒิกร  มีแก้ว และ ร.ต.อ. สุทัศน์  เศรษฐนันท์ รอง สว.สส.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน    สน.วัดพระยาไกรร่วมกันจับกุม นายโต้ง (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีแดง หมายเลขทะเบียน กนม  765 ยโสธร พร้อมลูกกุญแจ 1 ดอก จับกุมได้บริเวณซอยชุมชนวัดไผ่เงิน แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่  9 ก.พ.  เวลาประมาณ  07.30 น. นายยุทธภูมิ เอื้อสามาลย์ อายุ 19 ปี ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ว่า รถจักรยายนต์ถูกคนร้ายขโมยหายไปจากในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร จึงนำกำลังออกสืบสวนจับกุม จนกระทั่งพบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์ท่าทางมีมีพิรุธ จึงแสดงตัวจับกุมไวได้ ในเบื้องต้นแจ้งข้อลักทรัพย์ผู้อื่นหรือรับของโจร นำตัวไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้จับกุมนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่  หมายเลขทะเบียน ลธต  744  กทม.  พร้อมกุญแจ 1 ดอก จับกุมได้ที่บริเวณหน้าวัดไทร ซอยประดู่ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม  กรุงเทพมหานคร แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์  หรือรับของโจร

ซีพีออล์จัดโครงการเซเว่นที่พึงพิงหญิงไทย


วันที่ 25 ก.ค. ที่อาคารสีบุญเรือง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการจัดเสวนาในหัวข้อ เซเว่น ที่พึงพิงผู้หญิงไทย โดยบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด มหาชน ร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มูลนิธิเพื่อนหญิงและมูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ สายด่วน โดยมีผู้เสวนา ประกอบไปด้วย นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด พ.ต.ท.หญิง พญ. อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และน.ส.ธนวดี ท่าจีน ผอ.มูลนิธิเพื่อนหญิง โดยมีน.ส.มีสุข แจ้งมีสุข เป็น ผู้ดำเนินรายการเพื่อสานต่อโครงการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงในประเทศไทย ทั้งนี้ร้านเซเว่น มีสาขามากกว่า 6600 แห่งทั่วประเทศจะอำนวยความสะดวกในการขอความช่วยเหลือสำหรับผู้หญิงที่ถูก ล่วงละเมิดและขอความช่วยเหลือต่าง ๆ เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง  อย่างไรก็ตามโครงการนี้จะเริ่มในวันที่ 1 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ตรงกับวันสตรีไทย โดยทุกเซเว่นจะมีสติกเกอร์โครงการติดอยู่หน้าเซเว่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเซเว่นดังกล่าวเข้าร่วมโครงการ รวมทั้งในสติ๊กเกอร์จะมีข้อความระบุเบอร์โทรศัพท์ของสถานีตำรวจและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย.

โจรใต้คาร์บอมบ์5ศพถล่มตำรวจคุ้มครองครู



เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าธง อ.รามัน จ.ยะลา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด บนถนนสายบ้านอูเป๊าะ-บ้านปากาซาแม หมู่ 7 ต.วังพญา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงรีบประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ โดยระหว่างทางเข้าจุดเกิดเหตุคนร้ายได้โปรยตะปูเรือใบ เพื่อสกัดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าช่วยเหลืออย่างสะดวก

ที่เกิดเหตุบริเวณสะพานข้ามคลองปากาสะแม พบซากรถปิกอัพอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ผค-4883 สงขลา สภาพพังยับเยิน ส่วนอีกฝั่งของถนนพบรถปิกอัพมาสด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน บจ-3454 ยะลา ในสภาพพังยับกลายเป็นเศษเหล็ก ด้านหน้ารถทิ่มลงไปข้างทาง ในจุดเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นตำรวจ สภ.ท่าธง จำนวน 5 นาย นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนถนนเป็นที่น่าสยดสยอง ประกอบด้วย ร.ต.ท.สุธรรม อ้นทอง รอง สวป. ด.ต.แวอูเซ็ง แวเด็ง ด.ต.จักรกฤช ไชยสาลี ส.ต.อ.ณัฐพงษ์ บุญโกมล และส.ต.อ.วิชานนท์ นามภักดี ผบ.หมู่ ป. นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกนำส่งรพ.รามัน ทราบชื่อ ส.ต.อ.ประเสริฐ รอดกุล ผบ.หมู่ ป.

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าธง นำโดย ร.ต.ท.สุธรรม ขับรถปิกอัพมาสด้าออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยครูโรงเรียนบ้านอู เป๊าะ โดยเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ คนร้ายซึ่งวางแผนนำรถปิกอัพอีซูซุมาจอดที่ข้างทาง และนำระเบิดมาซุกไว้ภายในรถ จุดชนวนระเบิดจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บดังกล่าว และกลุ่มคนร้ายยังเข้ามาชิงอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ รวม 6 กระบอก หลบหนีไปด้วย เบื้องต้นคาดว่าเป็นฝีมือกลุ่มของนายกามัน ไชยชนะ คนร้ายที่มีหมายจับในคดีความมั่นคง และรับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่.

วุฒิสภา”กำหนดเลือกปธ.10,14,17 ส.ค.นี้


วันที่ 25 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา 2 มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา)  มีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 เป็นประธาน โดยในที่ประชุมได้หยิบยกกรณีพล.อ.ธีรเดช ขึ้นมาหารือ โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง

ด้าน นายนิคม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาในเบื้องต้นว่า ต้องสรรหาประธานวุฒิสภาคนใหม่ แต่ขอดูรายละเอียดคำพิพากษาจากศาลอาญาก่อน โดยมอบหมายให้นายชูชัย เลิศพงษ์อดิศร ส.ว.เชียงใหม่ เลขานุการวิปวุฒิสภา ไปคัดลอกคำพิพากษา เพื่อนำมาประกอบการนำชื่อประธานวุฒิสภาคนใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง โดยกำหนดวันเพื่อดำเนินการสรรหาประธานวุฒิสภาไว้ 3 ช่วง คือ วันที่ 10 หรือวันที่14 หรือวันที่ 17 ส.ค.นี้
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในฐานะ ส.ว.คนหนึ่งคงไม่ได้กำหนดว่าประธานวุฒิสภาคนใหม่จะต้องมาจากส.ว.สรรหาหรือ ส.ว.เลือกตั้ง เพราะทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสมของผู้มาเป็นประธานคือต้องได้รับความนับถือ และยอมรับจากสมาชิก เพราะต้องดำรงสถานะขอผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิฯ ดังนั้นหากมีผู้เสนอชื่อแล้วมีสมาชิกเห็นชอบพร้อมกันย่อมจะรับและใน เบื้องต้นคงไม่สามารถไปกำหนดได้ว่าประธานควรมาจากส.ว.เลือกตั้งหรือส. ว.สรรหา เพราะสมาชิกทุกมีคนมีคุณสมบัติเป็นได้ทุกคน

“ธีรเดช”พ้อแล้วแต่บุญแต่กรรม


วันที่ 25 ก.ค. ที่รัฐสภา นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพล.อ.ธีรเดช ว่า ถึงแม้ผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร ขอให้ดำรงตำแหน่งส.ว.ต่อไป เพื่อช่วยกันทำงาน ไม่อยากให้ออก ทางพล.อ.ธีรเดช ตอบสั้นๆว่า “แล้วแต่บุญแต่กรรม” ส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ.ธีรเดช คงรู้สึกเครียดกับคำพิพากษา เนื่องจากประเด็นการขึ้นเงินเดือนและค่าตอบแทนให้ตัวเอง พล.อ.ธีรเดช คงไม่มีเจตนา เพราะเป็นเรื่องที่มีการหารือกันมาจนแล้วเสร็จ ก่อนที่ชุดของ พล.อ.ธีรเดช จะเข้ามาสานต่อ

นายพิเชต กล่าวต่อว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาและความเห็นส่วนตัวเห็นว่า พล.อ.ธีรเดช ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมด้วยการลาออกจากสถานะภาพ ส.ว. เพราะความผิดยังไม่ถึงที่สุด และยังเป็นแค่ศาลชั้นต้นเท่านั้น แต่ พล.อ.ธีรเดช จะดำเนินการอย่างไร ตนยังไม่ทราบและต้องขึ้นอยู่กับเจ้าตัว แต่คงมีการหารือกัน และเมื่อถามย้ำว่าบุคคลที่เป็นถึงระดับ ส.ว.ควรมีระดับจริยธรรมที่สูงกว่าคนทั่วไปหรือไม่ นายพิเชต ได้แต่ส่ายหัว ไม่ยอมตอบคำถาม.

มท.1 สั่งรับมือพายุ วีเซนเต



วันที่ 25 ก.ค.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุ วีเซนเต ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิง เขา ทางน้ำไหลผ่าน และที่ลุ่มริมแม่น้ำ ในภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ประสานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัด เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกำชับมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ โดยหมั่นตรวจวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง หากมีปริมาณน้ำฝนมากกว่า 100 มิลลิเมตรและมีฝนตกอย่างต่อเนื่องให้แจ้งเตือนประชาชนอพยพไปยังพื้นที่ ปลอดภัยตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุ วีเซนเต จะอ่อนกำลังลงและสลายตัวบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ที่ราบลุ่มระมัดระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนักในช่วงวันที่ 25-27 กรกฎาคม โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดส่วนประชาชนที่อาศัยตามแนวชายฝั่งทะเล อันดามันและอ่าวไทยให้ระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการปภ.เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย โดยประสาน ผวจ.กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนป้องกันภัยฯ ของจังหวัด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีที่ เกิดภัย

“ยิ่งลักษณ์” เชิญ รมว.กลาโหม คาดถกโผโยกย้ายทหาร


วันที่ 25 ก.ค. เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เรียก พล.อ.อ.สุกำพล  สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ทนงศักดิ์  อภิรักษ์โยธิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก  (ผช.ผบ.ทบ.) และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ  (ผช.ผบ.ทอ.) หารือเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างของกองทัพ รวมทั้งติดตามผลงานการดำเนินงานต่าง ๆ ของกองทัพบกและกองทัพอากาศ เพื่อสอบถามผลการปฏิบัติงานในช่วงที่ผ่านมา และติดตามข้อมูลการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยหารือเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี นี้ด้วย

สำหรับ พล.อ.ทนงศักดิ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่11 ถือเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่จะก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมแทน พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 13 ถือเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์  ผบ.ทอ.ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้เช่นเดียวกัน โดยในการหารือครั้งนี้ใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 30 นาที ก่อนที่คณะของพล.อ.อ.สุกำพล พล.อ.ทนงศักดิ์  และพล.อ.อ.ประจิน จะเดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการหารือแต่อย่างใด

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติตต่อ พล.อ.อ.สุกำพล เพื่อถามผลการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี แต่ พล.อ.อ.สุกำพล ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือ โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด”

“อภิสิทธิ์”จับตาพ.ร.ฎ.อภัยโทษหวั่นลักไก่ช่วย“ทักษิณ”


วันที่ 25 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ 101 องศาข่าว ทางสถานีวิทยุ 101 ถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจศาล องค์กรอิสระ ว่า เคยพูดมาหลายครั้งว่า ส่วนหนึ่งที่รัฐบาลพยายามจะรื้อรัฐธรรมนูญมาจากเรื่องคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอีกส่วนหนึ่งเป็นการลดทอนอำนาจการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ทั้งศาล และองค์กรอิสระ แม้กระทั่ง ป.ป.ช. ในขณะที่รัฐบาลไม่ทำตามข้อแนะนำของ ป.ป.ช. และขณะนี้พยายามจะดึงดันบอกว่า การปราบปรามทุจริตนั้นให้กลับไปอยู่ในหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรมและขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี จึงดูเหมือนย้อนยุคไปสมัยที่เรียกว่า ป.ป.ป. ที่ก่อนปี 40 หน่วยงานปราบปรามทุจริตไม่ได้เป็นองค์กรอิสระเป็น ป.ป.ป.และเป็นเสือกระดาษ  เพราะไม่กล้าทำอะไรกับคนที่มีอำนาจ เนื่องจากยังอยู่ในฝ่ายบริหาร

“อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ครม.มีมติในเรื่องของพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ แต่ไม่มีรายละเอียด จึงมองกันว่าจะเหมือนเหมือนกับเมื่อตอนปลายปีที่แล้ว ที่พยายามเปลี่ยนหลักเกณฑ์ว่าไม่ต้องมารับโทษ และมีสิทธิ์ขอพระราชทานอภัยโทษได้ กฎหมายเคยเว้นความผิดเรื่องการทุจริตว่าไม่อยู่ในข่ายในการที่จะได้รับ ประโยชน์จากตรงนี้ และมีการลบออกไปหรือเปล่า ตรงนี้เป็นเรื่องที่ต้องติดตามอีกเช่นเดียวกัน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

มาร์คอวยพรวันเกิด”แม้ว”ขอให้ปล่อยวาง


เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ 101 องศาข่าว โดยได้อวยพรวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า วันเกิดปีนี้ก็ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้คิดว่า ชีวิตจะมีความสุขก็น่าจะละวางประโยชน์ส่วนตน แล้วยึดประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งจะทำให้ชีวิตของพ.ต.ท.ทักษิณมีทางออก

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร. บินไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตนไม่ได้ข้องใจในเรื่องนี้ แต่เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจไปหาคนที่มีหมายจับอยู่ ตนไม่ได้ปฏิเสธความเป็นญาติกันที่ต้องผูกพัน แต่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์สวมหมวก 2 ใบ ก็ต้องเอาหน้าที่การงานและสถานะส่วนรวมมาก่อน ไม่ใช่เรื่องของส่วนตัวมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแน่นอน

“ ไม่เป็นไรหรอก คือคนผูกพันกัน จะไปหากันวันเกิดก็ไม่ว่ากันนะ แต่อย่างที่บอกก็ต้องดูสถานะว่าเป็นอย่างไร เพราะว่ามันก็มีประมวลจริยธรรม มีกฎต่างๆ กำกับอยู่ เกี่ยวกับบุคคลซึ่งหลบหนีความผิดกฎหมาย ตรงนี้ก็เป็นประเด็นหนึ่ง ส่วนเป็นประเด็นที่ว่าจะแทรกแซงการเมือง ก็รู้ ๆ กันอยู่นะ ไม่รู้จะวิจารณ์กันไปอีกทำไม ผมถึงบอกว่า สำคัญมากกว่า คือมาช่วยกันยึดประโยชน์ส่วนรวมดีกว่า”นายอภิสิทธิ์ กล่าว.

“มาร์ค”งงถูกปั่นคดีหนีทหารจ่อฟ้องกราวรูด


เมื่อวันที่ 25 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการ 101 องศาข่าว ทางสถานีวิทยุ 101 ถึงข้อกล่าวหาเรื่องหนีทหารว่า ขณะนี้คนพากันงงว่า เป็นเรื่องเก่าเหตุใดจึงโผล่มาตอนนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังฟ้องหมิ่นประมาทนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ทั้งนี้ยืนยันว่า ตนเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย และกว่าจะได้รับพระราชทานยศก็ต้องไปฝึกทหาร เหมือนกับหลักสูตร รด. ซึ่งความจริงตนฝึกในหลักสูตรนี้ และได้ที่ 1 ในรุ่นด้วย แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนประเด็นว่าตนใช้เอกสารไม่ถูกต้อง ผิดหลักเกณฑ์ในการเข้ารับราชการในช่วงนั้น ซึ่งก็เคยชี้แจงในสภาไปแล้วและเคยแสดงเอกสารว่า ตนมีชื่อในบัญชีผ่อนผันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ทางป.ป.ช. และกระทรวงกลาโหมยุคนั้นก็บอกว่าตนไม่ผิด แต่กระทรวงกลาโหมในยุคนี้สืบพยานเริ่มต้นวันที่ 6 ก.ค.มาสอบสวนกันช่วงนี้ เพื่อเอาเอกสารมาแถลงวันที่ 10 ก.ค. ประชุมเสร็จแล้วก็แถลง ก็ยังแปลกใจว่าเอกสารยังไม่ได้เปิดเผยกับสาธารณะ แต่ปรากฏว่าเอกสารนั้นถูกนำไปใช้ในศาลโดยฝ่ายจำเลยเรียบร้อย เพราะฉะนั้นคดีนี้ในศาลจะมีการสืบพยานอีก1-2 วันก็จบ และกำลังดูอยู่ว่าต้องฟ้องร้องใครเพิ่มเติมบ้าง.

จำคุก92คนไทยบุกรุกพม่าปลูกยาง3ปี6 ดือน


วันที่ 25 ก.ค. เวลา 18.30 น. นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศพม่า ได้ตรวจสอบข้อมูลกับศาลเกาะสอง ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้และได้รับแจ้งจากศาลเกาะสองว่า เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลเกาะสองได้ตัดสินคดีที่คนไทย 92 คน มีความผิดในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายและข้อหาบุกรุกป่า โดยให้จำคุกคนไทยกลุ่มนี้เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน

ทั้งนี้ แยกเป็นโทษในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย 3 ปี และข้อหาบุกรุกป่า 6 เดือน อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทย ได้แจ้งต่อทางการพม่า เพื่อขอเข้าเยี่ยมคนไทยในเรือนจำ และอยู่ระหว่างกำลังรอคำตอบ  ส่วนการที่ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง รับปากจะพิจารณาลดหย่อนให้กับคนไทยนั้นจะ ต้องรอให้กระบวนการดำเนินคดีเสร็จสิ้นทั้งหมดก่อน.

ลูกโอ๊คสร้างห้องสมุดฉลองวันเกิด“ทักษิณ”


วันที่ 25 ก.ค.. เวลา 16.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการผอ.พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องสมุด “ทักษิณ ชินวัตร” บริเวณชั้น 1 อาคารที่ทำการพรรคเพื่อไทย ก่อนมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ว่า การจัดทำห้องสมุดเกิดจากความตั้งใจและการลงขันออกทุนของคนในครอบครัวชินวัตร นำโดยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย เพื่อให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ให้ความสำคัญกับการศึกษา การให้ความรู้ ภายในห้องสมุดส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ และผลงานที่เคยทำไว้ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงหนังสือสำคัญที่แขกผู้มีเกียรติจากต่างประเทศมอบให้ขณะเดินทางเยือน ไทย โดยมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

จากนั้นเวลา 10.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ จะวีดีโอลิงก์จากเกาะฮ่องกงมาพูดคุยและร่วมกิจกรรมวันคล้ายวันเกิดด้วย นอกจากนี้ในงานจะแจกของชำร่วยเป็นหนังสือ “ตาดูดาว เท้าติดดิน ภาคพิเศษ” ที่พ.ต.ท.ทักษิณเขียนคำนำขึ้นใหม่ในโอกาสพิเศษอีกด้วย.

นายกฯ โชว์รูปเฟซบุ๊ก กลบข่าวบินไปเบิร์ทเดย์แม้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ว่า นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 09.30น. โดยได้หารืออย่างไม่เป็นทางการกับทีมเศรษฐกิจ อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน  นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (สศช.) เป็นต้น จากนั้น เวลา 11.45 น. น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำพระสงฆ์ซึ่งเป็นนิสิตวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ และร่วมถ่ายภาพกับนิสิตวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. ทางทีมงานของนายกรัฐมนตรี ได้นำภาพที่นายกรัฐมนตรีถ่ายกับคณะนิสิตวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ขณะเยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า มาโพสต์ลงในเฟสบุคสวนตัวนายกรัฐมนตรี “ Yingluck Shinawatra” คาดว่าเพื่อต้องการกลบกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้นอย่างหนาหูตลอดวันเดียวกันนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีบินไปอวยพรวันคล้ายวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีครบ 64 ปี  ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ที่เกาะฮ่องกง.

“เฉลิม”ไม่ขัดผบ.ตร.บินพบแม้ว ยันไม่ถอนปรองดอง


วันที่ 25 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ต้องการให้รัฐบาลถอนร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ก่อนวันที่ 1 ส.ค.นี้ ว่า ร่างพ.ร.บ.ปรองดองอยู่ในสภาฯ ไม่ได้เสนอโดยรัฐบาลแล้วจะให้ไปถอนได้อย่างไร และรู้สึกแปลกใจที่จะให้รัฐบาลไปถอนพ.ร.บ.ปรองดองฯ เพราะเป็นเรื่องของสภาฯและของผู้ยื่นพ.ร.บ.ปรองดองฯ และแสดงความเห็นเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่ แต่ถ้าใช้ร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯฉบับที่ตนเสนอ รับรองว่าไม่มีใครประท้วง แต่ต้องให้พรรคเพื่อไทยตกผลึกก่อน อีกทั้งตนจะไม่ทำแบบงุบงิบ และจะแจกร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว พร้อมกับชี้แจงทางโทรทัศน์ว่ามาตราไหนเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองจะร้อนขึ้นหรือไม่ หลังจากเปิดการประชุมรัฐสภา สมัยสามัญทั่วไปแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองต่างฝ่ายต่างแสดงความเห็น หากรัฐบาลไม่ทุจริต นายกรัฐมนตรีจะอยู่ครบวาระ และพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านต่อไป และหากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยชนะมากกว่าเดิม เพราะมีผลงานออกมาเรื่อย ๆ และตอนนี้เพิ่ง 11 เดือนเอง

ส่วนกรณีที่มีข่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ขอลากิจเพื่อเดินทางไปอวยพรวันเกิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะฮ่องกงนั้น ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ยังไม่ทราบว่าเดินทางไปจริงหรือไม่ แต่เกาะฮ่องกงเป็นต่างประเทศ ไม่ใช่ประเทศไทย หากไปจริงก็ถือเหมาะสม เพราะทุกคนมีสิทธิ ลากิจได้ตามกฎหมาย แต่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีหน้าที่เฉพาะในประเทศไทย ทั้งนี้คิดว่าไม่ได้ไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะแม้แต่ตนไปฮ่องกง ยังไม่ได้พบ พ.ต.ท.ทักษิณ และคำว่าเป็นเจ้าพนักงานละเว้นนั้น เราต้องมีหน้าที่ เพราะถ้าเป็นในประเทศไทย ถือว่าละเว้นแน่นอน แต่กฎหมายของไทยไปใช้ที่ฮ่องกงไม่ได้ เพราะเมื่อก้าวขาออกนอกประเทศ ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อถามว่า หากมีหลักฐานออกมาว่าทั้ง 2 คนได้พบกันจริง ในฐานะที่ ร.ต.อ.เฉลิม กำกับดูแลตำรวจ จะลงโทษอย่างไร หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีบทลงโทษ แต่จะถามว่าพี่น้องคุยอะไรกันบ้าง.

ศาลรธน.เลื่อนแถลงคำวินิจฉัยกลางปมแก้ไขรธน.มาตรา 291


วันที่ 25 ก.ค.) เวลา 14.15 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าทีมโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ในการประชุมวันนี้คณะตุลาการได้พิจารณาคำวินิจฉัยกลาง กรณีคำร้อง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ว่า เป็นการล้มล้างการปกครองฯตามมาตรา 68 หรือไม่ ตามที่ได้อ่านไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ตุลาการได้พิจารณาคำวินิจฉัยกลางเสร็จสิ้นแล้ว แต่อยู่ระหว่างตรวจสอบเนื้อหาข้อเท็จจริง เพื่อให้คำวินิจฉัยกลางออกมาสมบูรณ์ที่สุด  เนื่องจากคำวินิจฉัยกลางต้องประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะต้องตรวจสอบและพิจารณาคำวินิจฉัยให้เรียบ ร้อยก่อนส่งเวียนให้ตุลาการแต่ละคนลงนาม และคาดว่าคำวินิจฉัยกลางน่าจะเผยแพร่ลงเว็บไซด์ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 27 ก.ค.นี้ โดยเนื้อหาของคำวินิจฉัยกลางมีประมาณ 30 หน้า
นายพิมล แถลงต่อว่า ส่วนคำวินิจฉัยส่วนตนอยู่ระหว่างที่คณะทำงานของตุลาการของแต่ละคน ตรวจสอบเนื้อหาคำวินิจฉัยส่วนตนที่ได้ยกร่างเสร็จแล้วตั้งแต่วันที่ 13  ก.ค. ก่อนมีการอ่านคำวินิจฉัย เพียงแต่เวลานี้เป็นการตรวจสอบคำถูกต้องเท่านั้น เพื่อให้เนื้อหามีความถูกต้องและสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับคำวินิจฉัยกลาง ทั้งนี้หากคำวินิจฉัยส่วนตนของตุลาการเสร็จทั้งหมดแล้ว จะสามารถเผยแพร่ลงในเว็บไซด์ของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญพร้อมกันทั้ง 8 คน
“คำวินิจฉัยกลาง จะไม่มีการแก้ไขในส่วนของผลคำวินิจฉัยที่ตุลาการได้อ่านไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา จะเป็นเพียงการปรับปรุงรูปแบบ ถ้อยคำ การเว้นวรรคตอน การตรวจสอบตัวสะกดเท่านั้น แต่ในส่วนข้อเท็จจริงของคำวินิจฉัยกลางยังคงเหมือนเดิม”นายพิมลกล่าว
นายพิมล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในที่ประชุมตุลาการยังได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคำร้อง จำนวน 2 คำร้อง ประกอบด้วยคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ว่า การที่กรรมาธิการและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคการเมืองหลายพรรคหรือสมาชิก วุฒิสภา มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นการล้มล้างการปกครองฯ เนื่องจากนายเรืองไกร ขอถอนคำร้องดังกล่าว และศาลได้อนุญาต เนื่องจากศาลมีคำวินิจฉัยในประเด็นเดียวกันไปแล้วว่า ไม่เป็นการล้มล้างการปกครองฯ ศาลจึงเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป จึงจำหน่ายคำร้องดังกล่าว และคำร้องของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)  และพวก ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 212 ว่า การที่นายสุนัย จุลพงศธร กับพวก 416 คน มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เป็นการล้มล้างการปกครองฯ ตามมาตรา 68 โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื้อหาของคำร้องนี้เป็นประเด็นเดียวกันกับคดีที่ศาลได้มีการวินิจฉัยยกคำ ร้องไปแล้ว และไม่มีข้อเท็จจริงอื่นที่เป็นประโยชน์แก่คดี จึงจำหน่ายคำร้องดังกล่าวเช่นกัน
นายพิมล กล่าวด้วยว่า ศาลยังมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาอีก 4 คำร้อง ประกอบด้วย 1.คำร้องนายเรืองไกร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า องค์อิสระตามรัฐธรรมนูญและพรรคการเมือง ใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มล้างการปกครองฯ ตามมาตรา 68 ประกอบตามมาตรา 62 หรือไม่ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องดังกล่าว ศาลได้มีคำวินิจฉัยและยกคำร้องในประเด็นเดียวกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะไปพิจารณาในคำร้องดังกล่าว จึงไม่รับคำร้องนี้ไว้  2.คำร้องของ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนมติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 7 คน ที่ลงมติให้รับคำร้องว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ขัดกับมาตรา 68 หรือไม่ 3.คำร้องของนายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ กับคณะ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกเลิกคำสั่งที่ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งประธานรัฐสภา รอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อน และ4.คำร้องของนายวานิช พาชารี ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกเลิกคำสั่งที่ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งประธานรัฐสภา รอการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อน โดยคำร้องที่ 2 ถึง 4 ศาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการขอให้วินิจฉัยที่ผู้ถูกร้องเป็นตุลาการเอง หากศาลรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้วจะขัดต่อหลักยุติธรรมที่ห้ามบุคคล เป็นผู้วินิจฉัยคดีของตนเอง
เมื่อถามว่า การประชุมตุลาการในวันนี้มาครบหรือไม่ นายพิมล กล่าวว่า ในช่วงเช้า นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ขออนุญาตไปพบแพทย์ตามที่แพทย์นัดไว้ แต่กลับมาทันการพิจารณาในช่วงเช้าของวันนี้ เนื่องจากนายอุดมศักดิ์ เกรงว่าหากไม่กลับเข้ามาประชุม จะถูกนำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นทางการเมือง.

นพดลไม่ผิดคาด ทักษิณโดนคดีกรุงไทย



วันที่ 25 ก.ค. นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งอีเมลถึงสื่อมวลชนชี้แจงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมือง สั่งรับฟ้องคดีที่อัยการสูงสุดฟ้อง กรณีปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ระบุว่าตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งรับฟ้อง คดีที่อัยการสูงสุดฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวก รวม 27 รายทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวกร่วมกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อจำนวนกว่า 9,000 ล้านบาทแก่กลุ่มบริษัทกฤษดามหานครนั้น เรื่องนี้ไม่อยู่เหนือความคาดหมาย เพราะเป็นคดีที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารในปี 2549 และจากการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐ ( คตส.) ที่คณะรัฐประหารตั้งคนเป็นปฏิปักษ์ทางการเมืองกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ให้มาทำการสอบสวน ซึ่งขัดกับหลักนิติธรรมตั้งแต่ต้น

นายนพดล ระบุด้วยว่า นอกจากนั้นข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ คือธนาคารเป็นคนปล่อยเงินกู้  โดยที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ และไม่ได้ไปสั่งให้ปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มบริษักฤษดามหานคร แต่อย่างใด แล้วจะมาเอาผิด พ.ต.ท. ทักษิณ ได้อย่างไร ธนาคารมีคณะกรรมการสินเชื่อพิจารณาอยู่แล้ว อุปมาอุปมัยเหมือนรถไฟตกรางและชนคนตาย แต่มาฟ้อง รมว.คมนาคมฐานร่วมกันกับคนขับรถไฟข้อหาทำให้คนตาย จึงเห็นว่าไม่สามารถกระทำได้ และส่วนตัวคิดไม่ออกว่าจะโยงมาเอาผิด พ.ต.ท. ทักษิณ ได้อย่างไร.

แม่บ้านรุดพบตร. คดีนร.ใช้เก้าอี้ฟาดหน้า


จากกรณีเด็กนักเรียนวัยรุ่นใช้เก้าอี้ฟาดหน้าแม่บ้านต่อหน้านักท่อง เที่ยวชาวต่างชาติกลางกรุง จนมีการนำไปลงในเว็บไซต์ต่างประเทศ สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ประจำศูนย์ขอนแก่นได้เดินทางไปพบนางสมจิตร พลายเนาว์ แม่บ้านเคราะห์ร้าย ที่บ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงใต้ถุนโล่ง เลขที่ 7/1 บ้านห้วยไผ่ หมู่ 3 ต.วังแสง อ.ชนบท จ.ขอนแก่น เมื่อไปถึงนางสมจิตรกำลังนั่งอยู่กับญาติ พร้อมเพื่อนบ้าน 4 – 5 คน ที่มาให้กำลังใจ พร้อมกันนั้นนายทองเปลว ชะทา อายุ 56 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านห้วยไผ่ มาสอบถามเหตุการณ์ซึ่งทำให้ได้รับบาดเจ็บหน้าแตกต้องเย็บถึง 12 เข็ม จากการสังเกตนางสมจิตรมีรอยแผลแตกจากหน้าผากมาที่ขอบจมูกด้านขวา แพทย์ได้ใช้ผ้าปิดแผลไว้ และเห็นรอยฟกช้ำตามใบหน้าขอบตาอีกหลายแห่ง

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางสมจิตรไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใด ๆ และพยายามเดินหนีตลอด ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เรียกเข้า คาดว่าจะเป็นตำรวจหรือแพทย์ที่ได้โทรมาสอบถามเหตุการณ์ ได้แต่บ่นว่าตอนนี้ปวดแผลมากพูดอะไรไม่ได้อยากพักผ่อน และไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วตอนนี้กลัวมากๆ

อย่างไรก็ตามญาตินางสมจิตรได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ค.เวลา 19.00 น.นางสมจิตรเลิกงานจากการทำงานเป็นแม่บ้านที่บริษัท บีซีเอส. จึงเดินทางกลับบ้านโดยเดินผ่านสยามเซ็นเตอร็ 4 แยกมาบุญครอง เมื่อมาถึงบริเวณหน้าหอศิลป์วัฒนธรรมไทย รู้สึกว่ามีสิ่งของมาติดที่รองเท้าผ้าใบที่สวมใส่มา จึงสลัดเท้าแต่สิ่งของดังกล่าวไม่หลุด จึงก้มลงดูพบว่าเป็นนาฬิกา จากนั้นได้หยิบมาถือแล้วเดินต่อไปข้างหน้า

แต่ยังไม่ทันไรมีชายวัยรุ่น 2 คนแต่งชุดนักเรียนเดินตามหลังมา แล้วเข้ามาถามว่าเก็บนาฬิกาได้หรือเปล่า ตอนแรกนางสมจิตรตอบไปว่าไม่ได้เอาไป เด็กทั้ง 2 คน จึงได้ไปเดินหาต่อแต่ก็ไม่พบ ได้ย้อนกลับมาถามซ้ำอีก จนนางสมจิตรบอกว่าเก็บได้ และกำลังจะคืนให้เด็กไป แต่เด็กทั้ง 2 คน ก็ได้ต่อว่านางสมจิตรด้วยวาจาหยาบคาย ก่อนเด็กอีกคนใช้เก้าอี้ฟาดหน้าจนหน้าหงายเกือบล้มทั้งยืน ก่อนจะพากันเดินหนีไป ขณะเดียวกันคนขับรถสามล้อเครื่องซึ่งเห็นเหตุการณ์ จึงเข้าช่วยเหลือและรีบนำร่างโชกเลือดส่งที่ รพ.ตำรวจ โดยได้นอนพักรักษาตัวอยู่ถึงวันที่ 19 ก.ค. ก่อนที่พี่สาวและน้องสาว จะเดินทางมารับตัวกลับมาพักฟื้นที่บ้าน จ.ขอนแก่น

ต่อมาเวลา 19.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเพิ่มเติม กรณีนักเรียนชั้น ม.6 ก่อเหตุใช้เก้าอี้ฟาดหน้าแม่บ้านพบว่า ตำรวจกำลังตรวจสอบประวัติย้อนหลัง เมื่อทราบเบาะแส ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงเด็กนักเรียนต่างโรงเรียนจนได้รับบาด เจ็บมาแล้วเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. โดยผู้ปกครองของนายกอล์ฟ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านเทเวศน์ ได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.ปทุมวันว่า ลูกชายถูกนายเติ้ล ใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่ลำคอขณะที่กำลังเดินเล่นกับกลุ่มเพื่อนในห้างมาบุญ ครอง ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน

ในกรณีผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยโทรศัพท์ไปสอบถามบิดาของนายกอล์ฟ ก็ได้รับการชี้แจงว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.00 น.ขณะที่ลูกชายตนกับเพื่อนในกลุ่มกำลังเดินเล่นอยู่ภายในห้างดังกล่าว ก็พบนักเรียน ม.6 คนดังกล่าวกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เดินสวนกันบนบันไดเลื่อน จากนั้นก็มีการพูดท้าทาย เมื่อเห็นท่าไม่ดี ลูกชายของตนจึงเดินไปแจ้งให้ รปภ.ทราบว่า แต่ไม่ได้รับความสนใจ จนกระทั่งนักเรียน ม.6กับเพื่อนได้ย้อนกลับขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะควงอาวุธมีดพูดจาข่มขู่ ลูกชายจึงพูดขอโทษ ระหว่างนั้นนักเรียน ม.6 ทำท่าเหมือนจะเก็บมีด แต่ก็ตวัดมีดแทงคอลูกชายตนเข้าด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บ เมื่อ รปภ.ของห้างเห็นจึงรีบพาส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ทันที ก่อนจะย้ายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท แพทย์แจ้งว่า บาดแผลนั้นเฉียดลูกกระเดือกกับกล่องเสียง ห่างเส้นเลือดใหญ่ไปแค่ 2-3 มิลลิเมตรเท่านั้น ตนจึงเดินทางมาแจ้งความแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผู้ปกครองของนายกอล์ฟ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นก็มีการโพสต์คลิปการทำร้ายร่างกายแม่บ้านทางอินเตอร์เน็ต เพื่อนของลูกชายซึ่งจำหน้านักเรียน ม.6 ผู้ก่อเหตุ จึงโทรมาบอกตนว่า ได้ดูคลิปดังกล่าวแล้วก็พบว่าเป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายแม่บ้าน ตนจึงประสานไปยังฝ่ายคู่กรณีให้ผู้ปกครองพาตัวนายเติ้ลผู้ก่อเหตุมาไกล่ เกลี่ยกัน โดยฝ่ายคู่กรณีก็ยินยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับค่าทำขวัญให้ลูกชายตน ฝ่ายตนก็ไม่อยากเอาเรื่องเนื่องจากเห็นคู่กรณีเรียนอยู่ชั้น ม.6 และกำลังจะจบการศึกษาแล้ว ส่วนเรื่องของคดีความนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไป

ด้าน พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า ทราบเรื่องกรณีนี้แล้ว และกำลังให้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนำสำนวนมาตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากทางตำรวจยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า นักเรียน ม.6 เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงเด็กนักเรียนต่างโรงเรียนด้วยหรือไม่ ต้องให้พนักงานสอบสวน ประสานไปยังเด็กผู้เสียหายที่ถูกแทงได้รับบาดเจ็บให้มาทำการชี้รูปยืนยันอีก ครั้ง หากผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นคนเดียวกัน ก็จะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ต่อไป.

อย่างไรก็ตาม ทั้งนางสมจิตรและญาติ ๆ ไม่อยากจะติดใจเอาความกับเด็กทั้งสองเพราะเป็นเยาวชน แต่ทางผู้ใหญ่บ้านบอกว่าได้รับการประสานงานกับตำรวจให้พาตัวนางสมจิตรไปสอบ ปากคำกับตำรวจที่ สน.ปทุมวัน

จับแล้ว"กะหัง"ที่แท้กู้ภัยเมายาลวนลามสาว


จากกรณีชาวบ้านถนนโค้ง บ้านหนองบัว และบ้านโนนสว่าง ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา พากันแตกตื่น ต่างยืนยันว่ามีสิ่งลึกลับเป็นร่างของมนุษย์ แต่งกายใส่เสื้อยืดสีดำ และนุ่งกางเกงในสีดำเพียงตัวเดียว บุกเข้าไปนอนกกอดทำอนาจารหญิงสาววัยรุ่นในหมู่บ้านหลายราย โดยเมื่อเด็กรู้สึกตัวร้องเอะอะโวยวาย จนพ่อแม่หรือผู้ปกครองตื่นขึ้นมา ร่างของสิ่งลึกลับจะวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ในลักษณะเท้าไม่ติดดินคล้ายกับคนบินได้ จนชาวบ้านพากันเรียกว่า “ลิงลม”หรือ“ผีกระหัง” ทำให้เป็นที่หวาดผวาเป็นอย่างมาก จนผู้นำชุมชนต้องร้องขอให้ตำรวจร่วมกับอาสาสมัครหมู่บ้าน เข้าเวรยามเพื่อคุ้มครองชาวบ้านนั้น

ความคืบหน้าเมื่อ วันที่ 25 ก.ค. นายประภาส รักษาทรัพย์ นายอำเภอสีคิ้ว จ.นครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประโยชน์ งามมุข ผกก.สภ.สีคิ้ว ได้นำตัวนายเดิมเชียงแสน หรือหนุ่ม ปล้องสูงเนิน อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/1 หมู่ 13 บ้านซับตะเคียน ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิฮุก 31 นครราชสีมา ออกมาแถลงข่าวที่สภ.สีคิ้ว ท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบข่าว แห่ไปดูหน้าผู้ต้องหาเกือบพันคน โดยหลายคนมีทีท่าว่าจะเข้ารุมประชาทัณฑ์ แต่ตำรวจได้ระดมกำลังกว่าร้อยคน เข้าคุ้มกันผู้ต้องหา เลยรอดจากการถูกรุมประชาทัณฑ์อย่างหวุดหวิด

พ.ต.อ.ประโยชน์ กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ชาวบ้านหวาดผวามาก จนกระทั่งตำรวจได้หลักฐานชิ้นสำคัญเป็นโทรศัพท์มือถือของคนร้ายที่ทำตกในที่ เกิดเหตุ ระหว่างบุกเข้าทำอนาจารหญิงสาวรายหนึ่ง โดยเมื่อเปิดดูภาพที่ถ่ายเก็บไว้ในโทรศัพท์ พบแต่ภาพของเด็กสาวที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐาน นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้พร้อมของกลางยาบ้า 2 เม็ด อาวุธปืนขนาด .32 พร้อมกระสุนจำนวน 6 นัด วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง เมื่อตรวจค้นในห้องนอน ยังพบเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง มีเสื้อยืดสีดำรวมอยู่ด้วย 3 ตัว กางเกงในสีดำ 3 ตัว วีซีดีลามก 3 แผ่น หนังสือลามก 4 เล่ม รูปภาพดาราสาวหน้าตาดีขยายใส่กรอบตั้งโชว์ไว้บนหัวเตียง 3-4 ภาพ

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุบุกเข้าลวนลามหญิงสาวในหลายหมู่บ้านจริง ที่ทำไปเพราะติดยาบ้าจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เมื่อเสพยาจนเมาแล้วจะมีอารมณ์ทางเพศกับเด็กสาว แต่ไม่คิดจะข่มขืนใคร ขอเพียงได้จับเนื้อต้องตัวเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป 

คากาวะยิงนำผีแดงเฉือนเซี่ยงไฮ้


ศึกฟุตบอลนัดอุ่นเครื่องปรี-ซีซั่น ที่สนามเซี่ยงไฮ้ สเตเดี้ยม สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เดินทางไปทัวร์ทวีปเอเชีย ลงสนามดวลแข้งกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว ทีมมหาเศรษฐีของแดนมังกรจีน ที่ทุ่มเงินก้อนโตคว้าตัว 2 อดีตดาวยิงเชลซี นิโกลาส์ อเนลกา กับ ดิดิเยร์ ดร็อกบา มาเสริมทัพ แต่ในนัดนี้ทั้งคู่ไม่ได้ลงเล่น นั่งชมเกมอยู่บนที่นั่งคนดูเท่านั้น
สำหรับผลการแข่งขันปรากฏว่า ผีแดงเฉือนหวิว 1-0 ได้ประตูชัยจาก ชินจิ คากาวะ นักเตะใหม่จากแดนปลาดิบ ในนาทีที่ 68 จากการผ่านบอลของ เบเบ ดาวเตะชาวโปรตุกีส.

สตช.ขยับแต่งตั้งผู้ช่วย-รองผบ.ตร.-ลือ"เพรียวพันธ์"หอบโผพบแม้วถึงฮ่องกง


เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสำนักงานกำลังพล ได้จัดทำบัญชีรายชื่ออาวุโสระดับรอง ผบ.ตร- ผบช.เรียบร้อย และประกาศให้ทราบโดยทั่วกันทางเว็บไซต์ของกองบังคับการทะเบียนพล และส่งให้หน่วยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว รายงานข่าวแจ้งว่าการเดินทางไปเกาะฮ่องกงของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์  ดามาพงศ์  ผบ.ตร.เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นการนำบัญชีรายชื่อตำรวจที่จะได้รับการแต่งตั้ง และโยกสลับไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีพิจารณาด้วย ก่อนที่จะมีการนัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ในวัน 1 ส.ค.นี้ เวลา 13.00 น.เพื่อดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับนายพล (รองผบ.ตร. – ผบช .)  ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ นายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการสำนักงานข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ.จะเป็นประธานบอร์ดพิจารณาคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรอง และรองผบ.ตร.และจตช.เป็นคณะกรรมการ ซึ่งเป็นไปตามมติ ก.ตร.ให้เสนอรายชื่อให้กับ คณะกรรมการ ก.ตร. พิจารณาก่อนการแต่งตั้ง 3วัน ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวด้วยว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.นำรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายไป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนรตีถึงฮ่องกงอีกด้วย

สำหรับตำแหน่งว่างระดับ รองผบ.ตร.มี 5 ตำแหน่ง ระดับ ผช.ผบ.ตร.10 ตำแหน่ง และระดับ ผบช.23 ตำแหน่ง โดย ผช.ผบ.ตร.ที่ขึ้นที่ปรึกษา สบ 10 เป็นไปตามอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วย พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง พล.ต.ท.ชัชชวาลย์ สุขสมจิตร์ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน และพล.ต.ท.เจตน์  มงคลหัตถี  สำหรับ ผบช. ที่ขึ้นเป็นผช.ผบ.ตร. เป็นไปตามอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ ประกอบด้วย พล.ต.ท.สมเดช  ขาวขำ ผบช.สทส. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์  จริตเอก ผบช.ศ. พล.ต.ท.พีระพงศ์  ดามาพงศ์  ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.เอกรัตน์  มีปรีชา จตร.สบ8 พล.ต.ท.พงษ์สันต์  เจียมอ่อน จตร.สบ 8 พล.ต.ท.สันติ  เพ็ญสูตร  ผบช.ภ. 8 พล.ต.ท.ภัทรชัย  หิรัญญะเวช  ผบช.กมค. พล.ต.ท.จงเจตน์  อาวเจนพงษ์  นพ.ใหญ่สบ 8 พล.ต.ท.จักรทิพย์  ชัยจินดา  ผบช.ภ. 9 และพล.ต.ท. อรรถพร  อุทยานานนท์  จตร.สบ 8

ทั้งนี้คาดว่าระดับผบช.จะมีการโยกย้ายด้วยเช่นกัน  โดยคาดว่า พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ. 1 ย้ายมาเป็นผบช.ภ.2 แทนพล.ต.ท.ปัญญา  มาเม่น  ที่อาจโยกไปเป็นผบช.ส. แทนพล.ต.ท.ธนากร ศิริอัฐ ที่เกษียณอายุราชการ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3  คนสนิทคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร โยกไป ผบช.สตม.แทนพล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ที่เกษียณอายุราชการ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 โยกสลับกับ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. สำหรับ รองผบช. ที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นผบช.ยึดหลักอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ของตำแหน่งที่ว่าง   ประกอบด้วย  พล.ต.ต.วัฒนา  สักกวัตร  รองผบช.ภ. 5 พล.ต.ต.สุชีพ  หนูนาง รองผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สมโชค  เจริญพร  รองผบช.สกพ. พล.ต.ต.วรเทพ  เมธาวัธน์  รองผบช.สตม. พล.ต.ต.กวี  สุภ านันท์  รองผบช.ภ. 4 พล.ต.ต. สุวิระ  ทรงเมตตา  รองผบช.รร.นรต. พล.ต.ต.สุรพงษ์  เขมะสิงคิ รองผบช.ศชต. และ พล.ต.ต.อนิรุต  กฤษณะการะเกตุ  รองผบช.ศชต.

ส่วน รอง ผบช.ที่คาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งเลื่อนขึ้น  พล.ต.ต.เชิด  ชูเวช รองผบช.ก. ได้ขึ้นเป็นผบช.ภ. 3 พล.ต.ต.นเรศ  นันทโชติ รองผบช.น.นรต. 37 เพื่อนร่วมรุ่น วปอ. น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  เป็น ผบช.ภ. 1  พล.ต.ต.อรรถชัย  เกิดมงคล  รองผบช.ตชด. นรต. 32  ลูกหม้อ ตชด.  เป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.พิสัณห์  จุลดิลก รองผบช.ภ. 8 ขึ้นเป็นผบช.ภ. 8  พล.ต.ต.สฤษฎ์ชัย   อเนกเวียง รอง ผบช.ศชต. ขึ้นเป็น ผบช.สพฐ.ตร. และพล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัฒน์ รองผบช.สตม. เป็นผบช.สทส.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources