วันนี้(26 ก.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.สาโรจน์
พรหมเจริญ รองผบช.น. ดูแลงานด้านยาเสพติด พร้อมด้วยพล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง
รองผบช.น. แถลงข่าว เจ้าหน้าที่กก.สส.บก.น.7 นำโดย พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธุ์
ผกก.สส.บก.น. 7 พร้อมพวก นำกำลังเข้าจับกุมตัวสมาชิกแก๊ง B 13
ที่ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและมีอาวุธปืน จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย
1.นายภัคคเนศร์ หมวกผัน 2.น.ส.อนัญญา ทัตพงศกร 3.นายอนุพล พงษ์มณี
4.นายเกมส์ (นามสมมติ) 5.นายรุ่งอรุณ ยิ้มยวน 6.นายมนชัย คงกระพัน
7.นายองอาจ มงคลปัญญาเลิศ และ8.นายนิระยุทธ กำไมล์ พร้อมของกลางยาเสพติด
เคตามีน จำนวน 26 ขวด อาวุธปืน ออโตเมติก 9 มม. 3 กระบอก
อาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 126 นัด
เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร 4
เล่ม
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมยาเสพติดกันที่ห้องเช่าเลขที่ 2228 อาคารลุมพินีพาร์ค ปิ่นเกล้า ถ.บรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายภัคคเนศร์ และ น.ส.อนัชญา พร้อมพวกกำลังมั่วสุมอยู่ภายในห้องดังกล่าว จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบของกลางดังกล่าวภายในห้องพัก จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหารวมตัวกันตั้งตัวเป็นแก๊งใช้ชื่อ B13 โดยเลียนแบบมาจากภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง B13 ที่ตัวแสดงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติดและอาวุธปืน มีการดัดแปลงอาวุธปืน 1 แม็กกาซีนสามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 30 นัด มีการขูดลบเลขทะเบียนปืน และมีเสื้อเกราะเอาไว้ใส่ป้องกันตัว ผู้ต้องหาแก๊งนี้จะมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติด และเที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิง เมื่อไม่มีเงินก็มาซื้อยาก็จะออกตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ซึ่งแก็งนี้มีนายคธาวุธ เวียงคำ หรือเบิร์ด บี 13 เป็นหัวหน้าแก๊ง แต่ถูกตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะจับกุมคดีในยาเสพติดเมื่อต้นปี ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาแก๊ง B13 แต่ละคนพบว่าล้วนแล้วแต่เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว โดยนายภคคเนศร์ เคยต้องโทษคดีชิงทรัพย์และยาเสพติด ท้องที่สน.บางกอกใหญ่ นายมนชัย เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.ตลิ่งชัน นายรุ่งอรุณ เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.มักกะสัน นายองอาจ เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.นางเลิ้ง และนายเกมส์ เคยต้องโทษคดียาเสพติด ท้องที่สน.บางขุนนนท์เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง มียาเสพติดให้โทษประเภท 3 เคตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มียุทธภัณฑ์ เสื้อเกราะ ไว้ในครอบครอง ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมยาเสพติดกันที่ห้องเช่าเลขที่ 2228 อาคารลุมพินีพาร์ค ปิ่นเกล้า ถ.บรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กทม. จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายภัคคเนศร์ และ น.ส.อนัชญา พร้อมพวกกำลังมั่วสุมอยู่ภายในห้องดังกล่าว จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบของกลางดังกล่าวภายในห้องพัก จากการสืบสวนทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหารวมตัวกันตั้งตัวเป็นแก๊งใช้ชื่อ B13 โดยเลียนแบบมาจากภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง B13 ที่ตัวแสดงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องยาเสพติดและอาวุธปืน มีการดัดแปลงอาวุธปืน 1 แม็กกาซีนสามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 30 นัด มีการขูดลบเลขทะเบียนปืน และมีเสื้อเกราะเอาไว้ใส่ป้องกันตัว ผู้ต้องหาแก๊งนี้จะมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติด และเที่ยวเตร่ตามสถานบันเทิง เมื่อไม่มีเงินก็มาซื้อยาก็จะออกตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ซึ่งแก็งนี้มีนายคธาวุธ เวียงคำ หรือเบิร์ด บี 13 เป็นหัวหน้าแก๊ง แต่ถูกตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะจับกุมคดีในยาเสพติดเมื่อต้นปี ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาแก๊ง B13 แต่ละคนพบว่าล้วนแล้วแต่เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว โดยนายภคคเนศร์ เคยต้องโทษคดีชิงทรัพย์และยาเสพติด ท้องที่สน.บางกอกใหญ่ นายมนชัย เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.ตลิ่งชัน นายรุ่งอรุณ เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.มักกะสัน นายองอาจ เคยต้องโทษคดีครอบครองยาเสพติด ท้องที่สน.นางเลิ้ง และนายเกมส์ เคยต้องโทษคดียาเสพติด ท้องที่สน.บางขุนนนท์เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง มียาเสพติดให้โทษประเภท 3 เคตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มียุทธภัณฑ์ เสื้อเกราะ ไว้ในครอบครอง ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.