วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Code facebook

<div style='float:right;padding-right:10px;'>
<div class='addthis_toolbox addthis_default_style '>
<a class='addthis_button_facebook_like' fb:like:layout='button_count'></a>
<a class='addthis_button_tweet'></a>
<a class='addthis_button_google_plusone' g:plusone:size='medium'></a>
<a class='addthis_counter addthis_pill_style'></a>
</div>
<script src='http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js#pubid=4rifin' type='text/javascript'></script></div>
<div style='float:right;padding:2px 10px 0px 0px;font:normal 12px Arial;color:#eceaea;text-shadow: 1px 1px 1px #000'>
<strong>Share this article</strong> :

</div>
</div>
Share this article :

25 ปี แห่งความคิดถึง ดูโอเพลงรัก‘เบิร์ด กะ ฮาร์ท’


ปิดฉากไปอย่างสวยงาม สำหรับ “เบิร์ด & ฮาร์ท ทูเก็ตเตอร์ คอนเสิร์ต” เวทีแห่งความคิดถึง ในวาระครบรอบ 25 ปี ของสองตำนานเพลงรัก เบิร์ด กะ ฮาร์ท โดยมี สไปร์ซซี่ ดิสก์ เป็นโต้โผ โดยจัดขึ้นที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของพวกเขา ทำเอาแฟนเพลงต่างตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน เพราะแต่ละบทเพลงล้วนเป็นเพลงได้ชื่อว่าเป็นระดับตำนานเพลงรักของวงการเพลง เมืองไทยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเพลง ’ฝน“, ’ลืม“, ’ไม่ลืม“, ’รอรัก“, ’เพ้อ“, ’ห่างไกล“ เป็นต้น รวมถึงเพลงพิเศษที่แต่งขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะอย่าง “เพลงรักที่ยังไม่ลืม”

เริ่มต้นด้วยภาพที่บรรดาแฟนเพลงตั้งตารอมานานกว่า 5 ปี เบิร์ด กะ อาร์ท แหวกม่านเดินออกมาจากหลังเวที ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนได้กลับมาเจอเพื่อนเก่า และยังมาพร้อมเพลงเปิดตัวคอนเสิร์ต ’มอร์ เอน มอร์“ (More n More) เพลงพิเศษที่น้องชายสุดที่รัก แชมป์–ศุภวัฒน์ พีรานนท์ เขียนให้เพื่อพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อดูโอคู่นี้ หลังจากนั้นก็หยิบเพลงโดนใจถูกหูแฟนคลับมาเอาใจแบบต่อเนื่อง อาทิ ’ซูซาน โจน“, วันซ์ อะเกน“ จากนั้นมาถึงคิวแขกรับเชิญคนแรก! แชมป์–ศุภวัฒน์ ที่มาช่วยสร้างสีสันให้เวทีครั้งนี้ด้วยบทเพลง ’รักสีส้ม“ และ ’ไอ ทรัสท์ อิน ยู“ ถัดจากนั้นก็ถึงคิว โอ–วรต หรือ หมอโอ เจ้าของเพลง ’ประกอบรัก“และมาต่อด้วย กาเนชา วงดนตรีแบ๊กอัพฝีมือไม่ธรรมดา ที่กระโดดขึ้นโชว์พลังเสียงกับเขาด้วย และต่อด้วยคิวของเจ้าพ่อเพลงดิสโก้เมืองไทย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ขึ้นร้องแจมกับ เบิร์ด และ ฮาร์ท เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งภาพแห่งความประทับใจ แถมยังมีซีนเซอร์ไพร้ส์ที่ลากเอา บัวขาว ป. ประมุข ขึ้นมาแซวดูโอเจ้าของงาน หลังจากนั้นก็เป็นคิวของแขกคนสุดท้าย บอย ฟรายเดย์ ที่นำชื่อเพลงเก่า ๆ ของ เบิร์ด และ ฮาร์ท มาร้อยเป็นเนื้อเพลงใหม่ ให้เกิดเป็นเพลงพิเศษขึ้นมาด้วย และแล้วก็มาถึงช่วงสุดท้ายที่รูดม่านปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์ พร้อมภาพความประทับใจที่ไม่มีวันลืมเลือนจริง ๆ.

“อุ้ม” ขำ ๆ โดนแซวนมโตเท่าบอล ลดเซ็กซี่ไม่ให้คนติดภาพลักษณ์


เรียกเสียงฮือฮาพอสมควรสำหรับสาว อุ้ม-ลักขณา วัธนวงค์ศิริ บนปกแม็กซิมเล่มล่าสุด ที่ขนาดมีคนแซวว่าหน้าอกของสาวอุ้มนั้นเหมือนลูกบอลเลย ซึ่งงานนี้สาวอุ้มก็ขำ ๆ ไม่คิดมาก ส่วนหวานใจอย่าง เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ก็เข้าใจดี ซึ่งต่อไปนี้สาวอุ้มก็ตั้งใจที่จะลดเซ็กซี่ลง เพราะคิดว่าโตแล้ว และอยากมีภาพลักษณ์ที่หลากหลายขึ้น
อุ้ม เผยว่า “ก็ค่อนข้างได้รับความฮือฮามาก ด้วยความที่เป็นชุดกีฬา แต่เขาก็ทำให้เซ็กซี่มากขึ้น จริง ๆ มันคือเสื้อกล้ามธรรมดา แต่เขาตัดข้างล่างไปครึ่งหนึ่ง ทำให้มันเห็นเต้าข้างล่าง โชว์เต้าบนเยอะแล้วไง เขาเลยบอกว่าโชว์เต้าล่างบ้าง แต่ว่ามันดูใหญ่มาก จนทุกคนบอกว่ามีลูกบอล 3 ลูก แต่พอดีมันเป็นซิลิโคนตะขอหน้า มันเลยดันหน้าอกให้มันชิดมากขึ้น เลยดูใหญ่มาก เห็นรูปก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไมมันมหึมาอลังการขนาดนั้น มีคนแซวก็เขินค่ะ เพราะเราก็ไม่อยากให้คนเอาไปเปรียบเทียบแบบนั้น ด้วยคอนเซปต์มันเป็นต้อนรับยูโรพอดี เต๋อก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ เพราะวันนั้นเต๋อก็ไปถ่ายด้วย แล้วตอนที่เห็นเล่มจริงออกมาก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็มีบางรูปที่เราขอเขาไว้ไม่ให้เอาลง เพราะเรารู้สึกว่ามันแรงเกินไป คือเราก็มีการพูดคุยกับทีมงาน ถ้ามากเกินไปเราก็ไม่แฮปปี้ทั้งตัวเราเอง แฟนเรา ครอบครัวเรา ผลกระทบที่มันจะออกมา และอันนี้มันเป็นชุดกีฬา มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหวือหวาขนาดนั้น ส่วนตัวก็ชอบนะคะ สวยดี อุ้มรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก เพราะส่วนใหญ่คนจะเห็นเราถ่ายแต่บิกินี โดนแซวก็ไม่ซีเรียสค่ะ เวลาที่อุ้มไม่ทำงาน ไม่ใช่การถ่ายแบบ อุ้มจะไม่แต่งตัวโป๊เลย เวลาที่ออกงานก็เลยอยากซอฟต์ลงหน่อย อุ้มอยากให้คนเห็นอุ้มในลุคที่หลากหลายค่ะ อยากให้โฟกัสในเรื่องการแสดงมากกว่า เพราะตอนนี้อุ้มก็มีละคร 3 เรื่อง แต่ละเรื่องก็แต่ละบทบาทไป ไม่ได้เซ็กซี่ทั้ง 3 เรื่อง ถ้าเป็นเรื่องการถ่ายแบบมันก็ห้ามไม่ได้ มันเป็นภาพลักษณ์ของอุ้มที่มันเป็นมาอย่างนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องของชีวิตจริงอุ้มเวลาไปเดินไหน ก็ไม่อยากให้คนมาติดว่าต้องเซ็กซี่ตลอดเวลาค่ะ จริง ๆ ก็มีติดต่อเข้ามาเป็นหนังที่โป๊มาก เราก็ปฏิเสธไป อุ้มไม่ได้รู้สึกว่าต้องเสียดายทุกงาน ต้องรับให้หมดจนไม่ได้คิดถึงภาพลักษณ์หรืออนาคตของตัวเอง เพราะตอนนี้เราก็อายุเยอะแล้ว ก็มองเรื่องการวางรากฐาน ตอนนี้อุ้มก็กำลังทำธุรกิจกับนิวเคลียร์ (น้องสาว) เราเลยเหมือนหาอะไรที่มันรองรับนอกจากงานแสดงหรืองานถ่ายแบบอย่างเดียว ส่วนเรื่องเซ็กซี่ คือเราก็โตขึ้นด้วย และถ้าเราเพลาลงได้และยังมีงานที่เป็นละครต่อเนื่องมันก็โอเค อุ้มเข้าใจค่ะ ดาราบางทีก็ต้องอาศัยกระแส เราอยู่จุดนี้มันก็ต้องมีกระแสด้วย มันก็ไม่ได้แปลกอะไรที่จะถ่ายแบบเซ็กซี่ เราไม่ได้ไปถ่ายนู้ดหรือทำอะไรที่น่าเกลียด แล้วอุ้มก็เป็นภาพแบบนี้ตั้งแต่เข้าวงการอยู่แล้ว เพียงแต่ ณ ตอนนี้อาจจะเลือกมากขึ้น ทำอะไรที่ค่อนข้างโตมากขึ้น มุ่งไปทางละครมากขึ้น”.

“กี้” เผยโพสอินฯแค่อารมณ์ขัน ยันคบกับอานัสแค่พี่น้อง


กลายเป็นประเด็น “ศึกชิงชาย” กันไปแล้ว สำหรับกรณีที่นักแสดงสาว กี้-รฐกร สถิรบุตร โพสต์รูปเอาสุนัขนั่งตักหนุ่มนิรนาม แล้วเขียนว่า “สุนัขคาบไปรับประทาน” ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นตักพระเอกหนุ่ม อานัส ฬาพานิช เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยพูดทำนองว่าคบหาดูใจกับอานัสมาก่อนนักแสดงสาว แก้ม-กวินตรา โพธิจักร และเมื่อเร็ว ๆ นี้กี้ยังให้สัมภาษณ์ว่า ความรักของแก้มและอานัส กำลังมีปัญหากัน ล่าสุดเจอกี้ เจ้าตัวก็ตอบแบบกวน ๆ ถึงเรื่องที่ปล่อยข่าวว่าแก้มเลิกกับอานัสว่าก็แค่พูดกวน ๆ เท่านั้น
กี้ กล่าวว่า “มันก็เป็นรูปหมานั่งบนตักคนธรรมดาเป็นอารมณ์ขันของกี้ ไม่ได้พูดพาดพิงว่าใครทั้งนั้น” คนมองว่าตักนั้นเป็นตักอานัส? “ก็ช่างสังเกตเนอะ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ว่าผู้ชายที่กี้รู้จักหรือถ่ายรูปต้องเป็นพี่อานัส นี่” สถานะกี้กับอานัสตอนนี้เป็นไง? “ก็ดี คุยกันเป็นพี่น้องเหมือนเดิม” กี้เคยบอกว่าก่อนหน้านี้มีคนที่คบอยู่และคบมานานแล้ว คนนั้นใช่อานัสมั้ย? “ไม่นะ ก็เขามีแฟนแล้วจะไปคบซ้อนได้ไง” แต่มีข่าวว่าก่อนหน้านี้ก็คบซ้อนอยู่? “ไม่ เขาก็ยังคบกันอยู่ ไม่ใช่สไตล์กี้” คบซ้อนแต่เราไม่รู้รึเปล่า? “เราไม่ได้คบกันอย่างนั้นนะ” แก้มบอกว่าคบกับอานัส มา 3-4 ปีแล้ว? “กี้ไม่รู้ กี้ไม่ใช่ดารารับเชิญหรือส่วนร่วมอะไรตรงนั้น” แล้วที่กี้บอกว่าเขาเลิกกันล่ะ? “กี้ก็พูดกวน เห็นมั้ยว่าการที่กี้พูดกวนทำให้เป็นแบบนี้ แต่ก็ได้ยินว่าเขามีปัญหาเหมือนว่าจะเลิก ๆ กัน แต่กี้ก็ไม่รู้ไม่ได้ตามข่าวมากมาย ถ้าคบกันก็ยินดีด้วยค่ะ ขอให้รักกันไปนาน ๆ” แปลว่าที่เคยบอกว่ามีคนที่คบมา 1 ปี ไม่ใช่อานัส? “ไม่ค่ะ แต่มันไม่ค่อยเวิร์กด้วยข่าวที่มันยาว เป็นใคร ๆ ก็สงสัยเราเลยไม่สนิทกันเหมือนเดิม” พร้อมเปิดมั้ยว่าเขาเป็นใคร? “แต่ก่อนอาจจะพร้อม แต่ตอนนี้ไม่รู้ มันกลายเป็นว่าข่าวเรื่องนี้กลายเป็นจุดหลักที่เป็นปัญหา ทำให้เราห่าง ๆ กัน” อยากให้ผู้ชายออกมาเคลียร์มั้ย เหมือนผู้หญิง 2 ฝ่ายเปิดศึกกัน? “ไม่ใส่ใจเลย คนรอบข้างกี้และเพื่อนสนิทรู้ว่าเป็นใครและเรื่องจริงเป็นไง ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริงเดี๋ยวคนก็เห็นเอง”
กลัวถูกจับคู่เกาเหลากับแก้มจนทำให้มองหน้ากันไม่ติดมั้ย? “ไม่กลัวค่ะ เพราะไม่ได้สนิทอะไร” แก้มบอกว่าตอนถ่ายละครก็สนิทกัน แต่ถ่ายจบก็ไม่ได้คุยกัน? “หลังจากมีสิ่งที่เขาพูดกับกี้ ก็ไม่สนิทกันแล้ว ไม่อยากพูดว่าคืออะไร เดี๋ยวกลายเป็นว่าต้องเอาเรื่องส่วนตัวที่เราไม่อยากให้ทั้งโลกรู้มาพูด แล้วน้องเขาดูไม่ดี มันมีแต่เสียกับเสีย กี้ยืนยันว่ากี้ไม่ได้แย่งใครจากใครมา” แปลว่าเคยคุยกับอานัสแต่รู้ว่ามีใครเลยไม่คุย? “ไม่ใช่ค่ะ เราคุยกันแบบพี่น้องเหมือนเดิม กี้อาจจะเป็นเด็กดูเป็นมิตรเข้ากับคนอื่นง่าย คนเลยดูสนิทกว่าคนอื่นในกอง” อย่างก่อนหน้านี้มีเรื่องแหวนที่กี้ใส่ คนมองว่าอานัสซื้อให้? “ไม่หรอก เป็นแหวนวันเกิดที่เพิ่งผ่านมา พ.ย.ปีที่แล้ว” อานัส ซื้อ? “ไม่ใช่ค่ะ” เป็นจังหวะเดียวกับที่กี้มีคนคบแล้วเหมือนจะเปิดแต่สุดท้ายก็ไม่เปิดเลยถูก โยง? “อ้าว ไหนบอกว่ารักกันดีไงแก้ม (ยิ้มแล้วหันไปมองกล้อง)” แปลว่าหนุ่มตัวจริงของกี้ตอนนี้คือห่างกันไปแล้ว? “ก็ไม่สนิทเหมือนเดิม ตอนนี้รักแต่งาน เป็นเพราะประเด็นของข่าวมันนานไป เป็นกี้ก็คงคิดสะสม เขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่จบซะที เรื่องเล็กน้อยก็โยงได้”.

"วุ้นเส้น" เซอร์ไพร์ส“ชาคริต” เช่าพระเป็นของขวัญวันเกิด


จัดเซอร์ไพร้ส์ฉลองวันเกิด 34 ปี ให้สามีสุดที่รัก ชาคริต แย้มนาม ไปได้อย่างชื่นมื่น ทำเอา วุ้นเส้น-วิริฒิภา เป็นปลื้ม งานนี้พอมีโอกาสเจอตัววุ้นเส้นที่งานประกวด “จีไอที เจม แอนท์ จิวเวอรี่ ดีไซด์ อวอร์ด 2012” ที่สยามพารากอน เจ้าตัวเปิดใจให้ฟังว่าได้ให้ของขวัญเป็นพระหลวงพ่อหลิวขี่เต่าที่หนุ่ม ชาคริตอยากได้  ส่วนเรื่องลูกขอจังหวะดีกว่านี้มีแน่นอน
วุ้นเส้น เผยว่า “ก็ดีใจที่เขาชอบ เพราะเมื่อวานบอกเขาว่าเดี๋ยวไปกินข้าวกัน 2 คนเขาเลยชิลชิลไม่รีบซักที พอเรารู้สึกว่าเขาเริ่มช้าแล้ว ก็เลยต้องบอกเขาว่าเนี่ยมีเพื่อนเราคนหนึ่งรออยู่เขาท้องด้วยอย่าให้เขารอ เลยรีบออกจากบ้านกะเซอร์ไพร้ส์ เอาเพื่อนสนิท ๆ ไม่ได้อลังการอะไร แล้วพวกเพื่อนก็ไปรอกันที่ร้าน 6 โมงที่โรงแรมเซนท์รีจีส ร้านวิว จองที่ข้างหน้าเป็นครัวใหญ่ ๆ แล้วให้เชฟฝรั่งเศสมาทำอาหารให้เรานั่งเห็นวิธีการทำหมดเลย เขาก็แฮปปี้พอเขาเห็นพี่เรย์และเพื่อน ๆ เขาก็มารอเป็นชั่วโมงที่เราไปแอบนัด เวลาเราแอบคุยกับเพื่อนเขา เขาก็สงสัยเราคุยอะไรก็แอบงอน ๆ เรา เราก็อย่างอนซิทำเพื่อตัวเองอยู่แต่บอกไม่ได้” เคยทำอะไรแบบนี้มั้ย? “ไม่เคยนะ เขาก็รู้สึกดีมาก เพราะไม่คิดว่างานวันเกิด เราจะทำอะไรให้ขนาดนี้ เขาปลื้ม เหมือนเขาเห็นสิ่งที่เราทำให้ เราทำแล้วคุ้มกับสิ่งที่เขาให้เรามา” ของขวัญล่ะ? “เช่าพระให้ เป็นหลวงพ่อหลิวขี่เต่า เขาก็ใส่พระอยู่แล้ว คนขายบอก 20 ปีแล้วยังไม่มีใครเอาไป เหมือนเราคนที่เป็นเจ้าของจริง ๆ เราก็คิดเก็บไว้ให้ดีกว่า ราคาไม่แพงมาก แต่มีราคาเพราะเลี่ยมทอง” เราเช่ามาแล้วก็แอบให้? “ใช่ เวลาแอบก็ยากเพราะเราคุยกันทุกเรื่อง รู้ตลอดอยู่ไหน พอหายไปชั่วโมง ก็อ้าวหายไปไหน เราก็ไม่อยากโกหก แต่อยากเซอร์ไพร้ส์บ้าง เขาดีใจมาก เขาอยากได้แต่ยังคิดอยู่เลย เมื่อเช้ายังไปถามพี่ ๆ ว่าหลวงพ่อหลิวเป็นยังไง พอตอนกลางคืนได้จากเราก็ดีใจ”
คนมองคู่เรายิ่งแต่งยิ่งหวานขึ้นทุกวัน? “วุ้นว่าเป็นทุกคู่แหละ คนที่แต่งงานแล้วก็น่าจะคิดว่าคนนี้แหละเป็นคนคนเดียวที่เราจะให้ทุกอย่าง แล้ว ทุ่มเทอะไรให้ก็ให้หมด แต่เราก็ต้องเรียนรู้กันไปยังคิดเห็นไม่ตรงกันบ้างแต่ตราบใดที่เรายังอยาก อยู่ด้วยกันเราก็ต้องยอม ๆ กันบ้าง จะให้ทำตามใจทุกอย่างก็ไม่ได้ วุ้นไม่ใช่คนเอาแต่ใจ แต่จะมีบ้างนะก็ต้องผลัดกันยอมกัน” มีแบ่งเวลามั้ยเวลานี้ของฉันเวลานั้นของเธอ? “มีค่ะ ส่วนใหญ่เวลาส่วนตัวของวุ้นแค่ไปทำเล็บทำผม แต่เวลาของพี่คริตไปดื่มไปชิลบ้าง ก็ไม่ห้ามค่ะ เขาบอกแต่ก่อนแทบทุกวันที่ใช้ชีวิตแบบนี้ แต่ตอนนี้มีอีกคนแล้ว วุ้นก็ไม่แตะของพวกนี้เลยด้วย เขาไปอาทิตย์ละวันสองวันก็ได้ แต่ถ้าทุกวันคงไม่ไหว” อนาคตเรื่องน้องล่ะ? “ก็รอลงตัวก่อนค่ะ อยากให้เราโตเต็มที่ทั้งคู่ก่อน ตอนนี้ก็คุมนะเพราะเดี๋ยวจะเสียงานเสียการ ไว้เราพร้อมก่อนดีกว่า ยังไม่ใช่ปีนี้”.

“แก้ม” ข้องใจอินสตาแกรม “กี้” ยันคุย “อานัส” 4 ปี ใครคาบใคร!


รู้กันทั้งบางอยู่แล้วนักแสดง แก้ม-กวินตรา โพธิจักร กำลังคบหาดูใจกับพระเอกหนุ่ม อานัส ฬาพานิช แต่ล่าสุดจู่ ๆ นักแสดงสาว กี้-รฐกร สถิรบุตร ก็มาให้สัมภาษณ์กับ นสพ.บันเทิงเล่มหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้เคยคบหาดูใจกับอานัส แถมยังขึ้นอินสตาแกรมรูปขา อานัสด้วย พร้อมเขียนว่า “สุนัขคาบไปรับประทาน” ล่าสุดได้มีโอกาสเจอแก้มในงานมอบรางวัลเรตติ้งละครสูงสุด 4 สัปดาห์ติดต่อกัน ที่ รร.เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวก็ตอบทันทีว่าไม่เคยแย่งของใคร เธอกับอานัสคุยกันเกือบ 4 ปีแล้ว
แก้ม กล่าวว่า “หนูไม่รู้ใครคาบใครค่ะ (เสียงสูง) หนูไม่รู้สึกยังไง เฉย ๆ ไม่ขอคอมเมนต์ เพราะว่าเป็นอินสตาแกรมของเขาค่ะ” ในข่าวเขียนว่าเขาลงเพื่อเหน็บแนมเรา? “ต้องไปถามเขาอีกแหละว่าใช่รึเปล่า  เพราะว่าหนูดูแลอินสตาแกรมตัวเองนะ ไม่ได้ไปดูแลของใครค่ะ” แต่คนก็โยงเรื่องมาถึงเรา? “ส่วนที่โยงเรื่องก็ไม่ทราบ ต้องดูก่อนว่าโยงอะไรมา” เขาพูดทำนองว่าเขามาก่อนแล้วแก้มไปแย่งอานัสมา? “หนูต้องไปแย่งด้วยเหรอ หนูคุยมา 4 ปีแล้วนะ คงไม่ต้องไปแย่งใครมั้งคะ ถ้าเขาจะไปคงปล่อยให้เขาไปน่ะค่ะ คงไม่แย่งใคร” เขาพูดทำนองว่าตอนที่เราคุยกับอานัสอยู่ เขาก็คุยกับอานัสเหมือนกัน? “ในส่วนตรงนี้ไม่ทราบนะ ต้องถามเจ้าตัวเองทั้งสองคน แต่ในส่วนแก้มคุยก็แฮปปี้ ทุกอย่างยังปกติเหมือนเดิม แล้วยังไม่ใช่แฟนนะคะ พี่นัสยอมรับว่าเป็นคนดีคนนึง ถึงแม้จะมีนิสัยผู้ชายพอ ๆ กับคนอื่นนะ คือนิสัยที่ไม่ปฏิเสธที่จะคุย เป็นคนอัธยาศัยดีที่จะคุยกับใครก็ได้” ได้ถามพี่อานัสเรื่องรูปขาที่ขึ้นในอินสตาแกรมกี้มั้ย? “ถามค่ะ เขาก็บอกว่าเป็นขาของเขาเอง แต่ขานี้ถ่ายกันตั้งแต่เล่น “เสาร์ 5” ซึ่งนานมาแล้ว” พี่อานัสเคลียร์ยังไงบ้างที่มีเราและกี้ถูกโยงมาเกี่ยวข้องกัน? “พี่เขาโตแล้ว คงไม่มานั่งสนใจเรื่องไร้สาระแบบนี้” เรื่องความสัมพันธ์อานัสเคลียร์ให้เรามั่นใจอะไรหรือเปล่าว่าใครมาก่อนอะไร ยังไง? “ไม่จำเป็นต้องเคลียร์อะไร เพราะตัวแก้มเองก็บอกตั้งแต่แรกว่าเราเป็นพี่น้องกัน และระยะเวลาที่คุยกันมา 3-4 ปีถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี”
ช่วงถ่ายละคร “เสาร์ 5” แก้มต้องถ่ายกับกี้ด้วย สนิทกันมั้ย? “สนิทกันในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างทำงาน” ที่ไม่ค่อยสนิทกันแล้ว ไม่ใช่เพราะเรื่องรักสามเส้าใช่มั้ย? “ไม่จำเป็นต้องคุย ต้องถามเขาว่ายังไง หนูบอกได้แค่ว่าหนูคุยกับพี่อานัสในช่วงเวลานี้ แล้วถ้าจะมีอะไรก็ควรจะเป็นในช่วงเวลาที่หนูคุยหรือเปล่า หรือพี่เขาอาจจะคุยกันมาก่อนหนูก็ไม่รู้หรือเปล่า หนูไม่รู้” คนมองว่าเราเกาเหลากับกี้? “หนูไม่เกาค่ะ” แต่ใน นสพ.บันเทิงเล่มหนึ่งกี้ให้สัมภาษณ์ว่าแก้มกับอานัสเลิกกันแล้ว? “ว้าว!ติดตามข่าวหนูด้วยเหรอ” เขาบอกว่าจริง ๆ เราห่างกับอานัสมาสักพักแล้ว? “หนูก็ไม่ทราบค่ะ ในส่วนของหนู หนูยังคุยกันทุกวันเป็นปกติค่ะ” แก้มพูดมาขนาดนี้เหมือนความสัมพันธ์มากกว่าพี่น้องแล้ว แต่ไม่ใช้คำว่า “แฟน”? “ความสัมพันธ์เนี่ยรู้สึกดีที่พี่เขาดูแลเทคแคร์เราดีในฐานะพี่น้องที่ใกล้ ชิดกันและมีอะไรเราสามารถปรึกษาเขาได้”  คิดอยากคุยเคลียร์กัน 3 คนเลยมั้ย? “แก้มว่าคนเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง วันนี้เรายังไม่เป็นแฟนกันต่างคนต่างสามารถเลือกได้” ถ้าพี่อานัสไปฝั่งกี้เราก็ยินดีใช่มั้ย? “ยินดีค่ะ”.

"กาละแมร์" รับเป็นผู้หญิงเยอะ ไม่แคร์...แม้จะขึ้นคาน - ดาวต่างมุม


"กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ" สาวคนนี้หลายคนยอมรับและยกให้เธอเป็นผู้หญิงเก่งอีกคนหนึ่ง เพราะนอกจากฝีปากกล้าแล้ว ในเรื่องของปลายปากกาเธอก็เก่งกาจไม่น้อยหน้าใคร แถมมีแฟนคลับเยอะแยะมากมายในประเทศนี้ และนอกเหนือกว่านั้นที่เด่นชัดคือในเรื่องความรัก ที่เธอยืนหยัดให้ผู้หญิงลุกขึ้นสู้และมีความเป็นตัวเอง เอ๊า...เกริ่นสรรพคุณมาขนาดนี้ เราว่าไปคุยกับกาละแมร์ ดีกว่าไปเรียนรู้กันว่า ตัวจริงเสียงจริง เป็นอย่างไร

ดูเป็นสาวฮอตที่มีงานเยอะตลอดปีนะ?

“ในช่วงปีหนึ่งจะมีช่วงที่เรียกว่าหฤโหดหรือนรกแตกสำหรับแมร์อยู่ช่วงหนึ่ง คือ ช่วงเดือนเมษายน กับช่วงเดือนตุลาคม ที่จะงานเยอะ ๆ เลย และจะมีงานหนังสืองอกออกมาด้วยในช่วงนั้น งานหนังสือเล่มหนึ่งไม่ใช่แค่เขียนเสร็จแล้วจบกัน แต่เนื่องจากว่าเราเป็นคนที่ชอบแบบอยากรู้ทุกสิ่งว่าขั้นตอนแต่ละขั้นตอนเขา ทำอะไรกันบ้าง ก็ลงไปดูเขาหมด เริ่มตั้งแต่เริ่มคิดว่าเราจะเขียนอะไร คอนเซปต์หนังสือเราคืออะไร ตอนนี้เขียนมา 19 เล่มแล้ว มันก็ต้องคิดเยอะ ซึ่งมันยากในการที่จะคิดหาสิ่งใหม่ ๆ ให้ตัวเองตลอด และหลังจากนั้นพอเขียนเสร็จก็ไปเลือกทีมงาน เลือกสี เลือกปก คือทำทุกอย่าง เหลือแต่เพียงยกหนังสือขึ้นรถไปส่งตามร้านเท่านั้นแหละที่ไม่ได้ทำ (หัวเราะ) แล้วพอหนังสือเสร็จก็ต้องออกงานไปเจอคนอ่าน เพื่อที่จะรู้ว่าเขาชอบหนังสือเราไหม เขาคิดยังไง เพื่อที่จะเอามาปรับปรุงหนังสือเราเล่มต่อไป”

ทำงานเยอะนะ ทั้งพิธีกร ลงเสียง แล้วทำไมไม่เล่นละครอะไรกับเขาบ้าง?

“คือเรื่องคิวยาก เพราะงานพิธีกรก็ปาเข้าไป 5 รายการ คือคิวเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะถ้าจะไปลงละครหรือเล่นหนังมันยาก เพราะเรามีสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าไปรับเชิญหนุก ๆ ไป อย่างไปรับเชิญ ชอบกดไลค์ ใช่กดเลิฟ เขาบอกว่าไปสมุย แมร์ก็บอกเป็นไปไม่ได้ เขาบอกไปวันเดียว แมร์ก็บ้าแล้ว แต่เขาบอกว่าไปแล้วกลับ ถึงปุ๊บถ่ายแต่แค่ 3 ฉาก แล้วกลับ (หัวเราะ) แค่นั้นจริง ๆ  ทะเลอะไรไม่ได้เห็น เห็นแค่รันเวย์เท่านั้นเอง จริง ๆ อยู่แค่นั้นถ่ายเสร็จกลับเลย (หัวเราะ) แบบนี้สั้น ๆ ได้ แต่ถ้าเป็นคิวยาว ๆ มันยาก”

ทำงานเยอะขนาดนี้ เอาเงินไปเก็บไว้ไหน?

“เงินก็เอาไปลงทุนทำนั่นนี่ เอาไปงอกเงย”
เพื่อนในกลุ่มเห็นเป็นเจ้าของกิจการกันหมดแล้ว แมร์ ไม่อยากทำรายการหรืออะไรที่เป็นของตัวเองบ้างเหรอ?

“ก็มีงานหนังสือนี้แหละค่ะ ที่ทำเป็นของตัวเอง ส่วนเรื่องรายการเพราะว่าเห็นเพื่อนทำแล้วมันวุ่นกันมาก เห็นแล้วนับถือจริง ๆ เพราะว่ามันวุ่นมาก ทั้งแก้ปัญหาโน่นนี่ เห็นแต่ละคนก็บ่นนะ เลิกดีไหมออกมารับพิธีกรอย่างเดียวดีกว่าไหม เหนื่อยเหลือเกิน เราเห็นโอเค แต่เพื่อนทุกคนผ่านความทุกข์ยากเหล่านั้นกันไปได้นะ

แต่เรารู้จักตัวเองดีว่า เป็นคนที่ชอบรับผิดชอบชีวิตตัวเองและทำชีวิตตัวเองให้มันดีขึ้น และใช้ชีวิตไปพร้อม ๆ กับการทำงานและสนุกไปด้วย ไม่อยากต้องมานั่งเครียด ต้องมานั่งรับผิดชอบชีวิตคนเยอะ ๆ ลูกน้องและครอบครัวเขาอีก ตรงนี้มันก็นำความไม่สนุกมาสู่ชีวิตแล้ว เพื่อนเก่งในการที่จะวางโน่นนี่ได้ แต่เรารู้จักตัวเองดีว่าเราไม่ได้ต้องการที่จะรวยมากมาย เอาแค่มีพออยู่พอกินได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการแค่นั้นโอเค”

ดูเป็นสาวติสต์ มีโลกส่วนตัว?

“มันก็นิดหนึ่ง เราอาจจะดูเป็นศิลปินที่แค่อยากจะทำงานของเราให้ดี รับผิดชอบตัวเอง ดูแลตัวเอง ดูงานของเราพัฒนางานของเรา ทำไงให้งานเราดีขึ้น ศักยภาพของเราดีขึ้น สุขภาพเราดีพร้อมที่จะไปทำงาน นี่คือการรับผิดชอบตัวเองของเราอยู่ คือดูแลตัวเอง คือโอเคเรามีคนดูแลคิว มีผู้จัดการ แต่อย่าลืมว่าตัวเราเองไม่มีใครดูแลตัวเราเองได้ดีเท่าตัวเอง เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่อันใหญ่หลวงที่เราต้องดูแลกาละแมร์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย”

การดูแล กาละแมร์ ต้องทำไงบ้าง?

“กาละแมร์ เยอะสิ่ง ต้องออกกำลังกาย กินกาแฟก็ต้องไม่ใส่น้ำตาล ต้องใส่นมถั่วเหลือง (หัวเราะ) และที่สำคัญต้องดันเอาเวลาที่จะออกกำลังกายเข้าไปอยู่ในตารางชีวิตแต่ละวัน ของเราให้ได้ เหนื่อยหนักแค่ไหนก็ต้องมีเวลาออกกำลังกาย หลายคนมองว่าอึดนะ แต่จริง ๆ เรื่องออกกำลังกายสำคัญและเราต้องทำให้เป็นวินัย ถ้าเราไม่ไปมันจะขี้เกียจไปเรื่อย ๆ ทำเรื่องนี้ให้มันเหมือนแปรงฟัน อาบน้ำส่วนเรื่องของกินยอมรับว่าดูแลมากขึ้น แต่เราควบคุมแบบไม่ให้เครียด เพราะถ้าควบคุมมากมันจะเครียด ก็ต้องหาทางแบบเอาให้พอเหมาะพอดี ถ้าวันนี้กินหนักกินอร่อย มื้อต่อไปก็ต้องเบาลง เราต้องแพลนดี ๆ มีการทดแทนกัน คือมันไม่สามารถได้ทุกอย่างทั้งหมดในมื้อเดียวกัน แต่เรากินทุกมื้อ อย่าทำให้เครียด ตอนแรกอาจจะยากในการปรับตัว แต่พอเราได้เริ่มแรกมันจะกลายเป็นวินัยของเราไปเองทุกวันนี้แมร์ชอบที่จะ เข้าซูเปอร์ฯ เอง ไปเลือกซื้อของเอง แมร์จะได้กินในสิ่งที่แมร์อยากกิน เวลาที่เข้าซูเปอร์ฯแมร์ใช้เวลานานมาก แมร์จะอ่านข้างกล่อง แล้วเปรียบเทียบกันทุกยี่ห้อว่าอะไรมากน้อยแค่ไหน พอเรารู้จักวิธีการอ่าน เราจะรู้ยี่ห้อนี้น้ำตาลเยอะ ยี่ห้อนี้เกลือเยอะ แต่เราอ่านแล้วเรารู้แล้วเราจะเลือกได้ว่าอะไรที่เหมาะกับเรา แล้วเราก็กลับมาทำอาหารเอง ได้กินในสิ่งที่เราอยากกิน มันสนุกนะซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าเราจะทำได้”
มีอะไรบ้างที่เคยคิดว่าไม่น่าจะทำได้?

“อย่างก่อนหน้านี้กลัวม้ากมาก กลัวความสูงและมันเร็ว ก็รู้สึกว่าเราจะกลัวไปอีกนานไหม ก็เลยไปเรียนขี่ม้า เพราะอยากจะเอาชนะความกลัวตัวเองแล้วไปเรียนแล้วมันสนุกมาก แล้วเราไม่กลัวม้าอีก มันรู้สึกได้เลยนะว่าเราทำได้ สนุก โล่ง ใจสำคัญมาก และอีกอย่างคือที่ไม่เคยว่าจะทำได้เลยก็คือ การไปเที่ยวเมืองนอกคนเดียว ก็ล่าสุดไปเยอรมนีคนเดียว ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าจะไปได้ และอีกอย่างคือกลัวความสูง นั่งเครื่องบินไม่กลัว แต่ล่าสุดไปอัดรายการฉันไปค้างคืนกับซุป‘ตาร์ เขารู้เรากลัวความสูง มันก็จัดให้เราโหนสลิง และปีนเขา คือทำไม่ได้ แต่สุดท้ายเราต้องตั้งสติ และฟังครู พอเราปีนไปถึงยอดน้ำตาไหลเลย มันกลัว ๆ แต่เราทำได้แล้ว เราชนะความกลัวได้แล้ว มันสุดยอดนะในความรู้สึกอีกเรื่องคือเรื่องทำกับข้าว คือเป็นคนทำอะไรไม่เป็นเลย แต่อยู่ ๆ ก็อยากทำก็ทำเลย แรก ๆ เลยก็ผัดกะเพรา ก็ไม่เปิดอะไรเลย ทำเลยแต่ก็กินได้ แล้วพอหลัง ๆ ก็เริ่มทำอะไรที่มันยากขึ้น เลือกว่าเราอยากกินอะไรเราก็ทำ กินได้บ้างไม่ได้บ้าง (หัวเราะ) ก็ทำไปแล้วเราได้สมาธิ ไม่ต้องแข่งกับใคร เอาชนะตัวเองได้ พอเราชนะในตัวเองได้หลาย ๆ ครั้งมากขึ้นเราก็มีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นนะ”

ดูเป็นคนจัดระเบียบตัวเองอย่างจริงจัง?

“ค่ะ แมร์ชอบวางแพลนชีวิตตัวเอง อย่างที่บอกว่าเรามีกาละแมร์ที่ต้องดูแล ก็ต้องคิดเลยว่าการเงินเป็นยังไง เพราะถ้าไม่มีใครเข้ามาในชีวิต หรือถ้ามีใครเข้ามาในชีวิตเราก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่ใช่เป็นหนี้ไปตลอดชีวิต เราต้องดูแลชีวิตตัวเองได้มั่นคง พี่น้อง พ่อแม่ ก็ไม่ต้องลำบาก ไหนอยากใช้ชีวิตอยากเดินทางเราก็ต้องได้ไป”

เคยเครียดบ้างไหม?

“ก็มีนะ แมร์เป็นคนคิดเยอะ โน่นนี่นั่น แต่จะพยายามรู้ให้ทันตัวเอง ว่าเอ้า...เครียดเหรอเนี่ย ก็ปล่อยวางไปก็หายเครียดแล้ว”

ขอถามความรักบ้าง เป็นโสดมานานแล้วนะ?

“ไม่ได้นับนะว่าโสดมากี่เดือนหรือกี่ปี แต่รู้สึกว่าการโสดเนี่ยมันทำให้มีพัฒนาการทางความคิดมากขึ้นนะ เมื่อก่อนตอนโสดแรก ๆ ตามหา แต่มันยังไม่คลิกไม่ลงล็อก มันยังไม่ใช่ แต่แมร์ว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะไหนก็ตามนะ ไม่ว่าจะมีคู่หรือโสด เราต้องทำให้ชีวิตเรามีความสุข แต่ถ้ามีคู่แล้วไม่มีความสุข เป็นโสดดีกว่าไหม แล้วเป็นโสดอย่างไรให้มีความสุข”

เข็ดหรือเปล่า?

“ไม่หรอก คือจริง ๆ แมร์เป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตคู่นะ รู้สึกมันสนุกดี แบบมีรสชาติของชีวิตดี ผู้หญิงต้องมีดราม่านิดหนึ่ง (หัวเราะ) ไม่ใช้แบบชีวิตไม่มีทุกข์เรื่องอะไรเลย (หัวเราะ) แล้วชอบคิดไปเองนะ (หัวเราะ) ในทางธรรมนะ เขาบอกว่าการไม่มีภรรยา สามี ลูก คือไม่มีห่วง แต่เรายังอยู่ในทางโลกยังตัดไม่ได้ มีก็คิดฟุ้งซ่านไป หลายอย่างนะ แต่อย่างที่บอกไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน อยู่ให้มีความสุขดีกว่า”

เคยคิดว่าจะขึ้นคานไหม?

“ไม่ได้มีปัญหาเรื่องว่าจะได้แต่งงานหรือไม่แต่งงานนะ เพราะด้วยสถานะที่อยู่ตอนนี้เราพอใจแล้ว เรามีความสุขแล้ว ส่วนการแต่งงานก็คิดนะ ถ้าแต่งแล้วมันจะมีอะไรในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปมั้ยล่ะ คือรู้สึกว่าชอบชีวิตตัวเองแบบนี้แล้ว สมมุติว่าถ้าเราแต่ง เราจะจดทะเบียนสมรสไหม จดแล้วถ้าเกิดหย่ากันแล้วต้องแบ่งทรัพย์สินสมรสมั้ย เอ๊ะ....จะยังไงดีหรือว่าไม่จดดีไหม (หัวเราะ) ไม่ได้งกนะ แต่มันเป็นความจริงของชีวิตนะเรื่องนี้ เอ๊ะ....หรือว่าจะไม่แต่งดีไหม หลายสิ่งนะ (หัวเราะ) ต้องถามตัวเองให้ดีว่าเราอยากแต่งงานหรือว่าเราอยากมีปาร์ตี้

แล้วถ้าสมมุติว่าถ้าจะต้องอยู่บนคาน ก็มีคนปีนขึ้นมาหาเรื่อย ๆ ( หัวเราะ) ถ้าเขาอยากอยู่ก็อยู่ไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเขาอยากจะปีนลงไปก็ไม่เป็นไร เราเอาที่เรามีความสุขของเรา เราชอบชีวิตของเราที่เป็นแบบนี้ คือตอนนี้ในเรื่องนี้ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ เดี๋ยวนี้ไม่เร่งแล้ว เมื่อก่อนเร่งและคาดหวัง แล้วมันไม่เวิร์กตอนนี้เรียนรู้แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ไขว่คว้า มาก็มา ระหว่างที่เป็นอยู่เราก็ดูแลตัวเองให้ดี มีความสุข ใช้ชีวิตของเราไปให้มีคุณค่า พอใจในสิ่งในชีวิตที่ตัวเองเป็นแล้ว และถ้าเราทำอะไรที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ก็ทำ พอเราทำให้คนอื่นแล้ว มันจะย้อนมาหาตัวเอง ไม่ต้องเป็นรูปธรรมนะ มันจิตใจล้วน ๆ รู้แล้วว่าเกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและได้ช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

ถึงแม้จะไม่สวยระดับนางเอก แต่ก็มีความเป็นตัวเองและมีจุดยืนที่ชัดเจนที่สุด สำหรับเธอคนนี้ กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ.

"เมย์" เปิดใจหลังผ่าตัดช็อคโกแล็ตซีสต์


 กรณีดาราสาวเมย์ เฟื่องอารมย์ เข้ารับการผ่าตัดช็อกโกแลตซีสต์ที่รังไข่ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาล BNH เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้( 25 มิ.ย.) ดาราสาวได้เปิดใจให้สัมภ่ษณ์ พร้อมหวานใจ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย โดยสาวเมย์ที่ยังอยู่ในช่วงพักฟื้น มีท่าทีสดใสแข็งแรง เพราะได้รับกำลังใจจากแฟนหนุ่มที่คอยดูแลเป็นอย่างดี เปิดใจถึงการเข้ารับการผ่าตัดที่ผ่านมาว่ารู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ได้พบคุณ หมอเก่ง ต้องขอบคุณ นัท มีเรีย ด้วยเพราะพี่หนุ่มไปปรึกษากับนัท แล้วก็ดาราหลายคนที่เคยมีประสบการณ์ในการผ่าตัด แล้วคุณนัทก็แนะนำคุณหมอที่เก่งให้ ก็เลยเลือกผ่ากับคุณหมอคนนี้ เดิมทีเมย์ตรวจแล้วเจอช็อกโกแลตซีสต์ 1 ก้อน ขนาด 4.6 ซม. ที่ปีกมดลูกด้านซ้าย อีกข้างนึงเป็นเดอร์มอยซีสต์เป็นไขมัน 2 ซม. พอผ่าเข้าไปคุณหมอก็ตกใจเพราะว่าเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิด เลยทำให้เกิดพังผืดไปเกาะตามลำไส้ คุณหมอต้องค่อยๆ เลาะพังผืดออกจากลำไส้ แบบเยอะอ่ะ ตอนนี้ก็เอาออกหมดแล้วค่ะ ช่วงนี้อาจจะมีอาการท้องแน่น เพราะลมตีขึ้น ทานอะไรยังไม่ได้เพราะลำไส้ยังผิดปกติอยู่”
ดาราสาวเปิดใจต่อไปว่า จริงแล้วแพทย์อนุญาติให้กลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ได้เลย แต่เนื่องจากเมย์ยังมีอาการปวดท้องตลอด จึงต้องฉีดยาเข้าเส้นก็ต้องดูก่อน ถ้าไม่ได้พี่หนุ่มบอกว่าถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ให้นอนต่อ ไม่ต้องรีบกลับบ้าน ให้พักให้ดีก่อนค่ะ ซึ่งแพทย์ก็บอกให้พัก 2 สัปดาห์ แต่ว่าก็ต้องลองดู ตอนนี้ไม่ได้รับงานมา 2 สัปดาห์แล้ว ส่วนจะกลับมาเป็นใหม่ในอนาคตหรือไม่ตนก็จะพยายามคุมไม่ให้กลับมาเป็นอีก คุณหมอจะให้ฮอร์โมนไปทานป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกค่ะ โดยแพทย์กำชับไม่ให้ยกของหนัก ไม่ใส่ส้นสูง อย่าทำอะไรแรงๆ อย่าเผลอตัวทำงานเยอะ หนักๆ ข้างนอกอาจจะดูไม่เป็นไร แต่ข้างในอาจจะต้องสมานแผลไปค่ะคิดว่าคงต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณเดือนนึง แต่วันพฤหัสบดีนี้มีงานรับรางวัล เขาขอมาว่าอยากให้ไปมาก ก็ยังไม่ตัดสินใจไม่ถูก ทั้งนี้สาวเมย์ ยังได้ออกปากชมหวานใจ ว่าคอยดูแลให้กำลังใจอย่างดีเลยทีเดียว “ดีมากค่ะ ยกนิ้ว พี่หนุ่มดูตลอดเลย ดูจนตัวเองป่วยแล้วตอนนี้.

สิ้นแล้ว หวังเต๊ะ ลำตัดศิลปินแห่งชาติ


 เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ ( 26 มิ.ย.)  นายณรงค์ ศรีโคตร อายุ 33 ปี หลานชายของ นายหวังดี นิมา หรือหวังเต๊ะ อายุ 87 ปี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงพื้นบ้านประเภทลำตัดเปิดเผยว่า นายหวังดีได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคมะเร็งตับ มะเร็งปอด และโรคหัวใจที่ห้อง 1056 ชั้น10 ตึกผู้ป่วยใน รพ.บำรุงราษฎร์ หลังจากเข้ารักษาตัวด้วยอาการปอดรั่ว ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.54 ที่ผ่านมา รวมระยะเวลา 11 เดือน หลังจากเมื่อปี 53 นางประยูร ยมเยี่ยม อายุ 77 ปี ภรรยานายหวังดีเพิ่งจะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจกำเริบ  โดยตนได้แจ้งให้ญาติและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรมทราบแล้ว เพื่อจะได้เดินทางไปร่วมไว้อาลัยในพิธีศพตามหลักศาสนาอิสลามโดยในเวลาเวลา 06.00 น. จะทำการเคลื่อนศพนายหวังดีไปไว้ที่ มัสยิดเนียะมาติ้นแระ หมู่3 ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อรอทำพิธีทางศาสนาอิสลามในเวลา 15.00 น. ส่วนเรื่องดินพระราชทานเป็นเรื่องของทางสำนักพระราชวังอนุมัติให้ตนไม่ทราบ รายละเอียด สำหรับประวัติของ "หวังเต๊" นายหวังดี นิมา เกิดที่จ.ปทุมธานี เมื่อเดือนมีนาคม ปีพ.ศ.2468นับถือศาสนาอิสลาม เป็นศิลปินเพลงพื้นบ้านที่มีความเชี่ยวชาญเพลงลำตัดเป็นพิเศษ ได้ตั้งคณะลำตัดชื่อ “คณะหวังเต๊ะ” และรับงานแสดงมาโดยตลอด ด้วยเป็นคนที่มีความสามารถในการใช้ภาษาและศิลปะการแสดง ทำให้คณะหวังเต๊เป็นที่ชื่นชอบและมีชื่อเสียงโด่งดัง กระทั่งปี 2531 หวังเต๊ะก็ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(เพลงพื้นบ้าน).

มท.1 สั่งระงับโควต้าจัดซื้อปืน


ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.40 น. วันที่ 27 มิ.ย. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาที่มีอาวุธปืนจำนวนมากที่กระทรวงมหาดไทยอนุมัติให้ มีการจัดซื้อไปอยู่ในมือคนร้าย ว่า แนวทางการแก้ปัญหาคือตนจะไม่ให้มีการเพิ่มใบอนุญาตให้มีการซื้ออาวุธปืนอีก ทั้งในส่วนของร้านขายอาวุธปืน และจำนวนปืน ตนจะไม่เซ็นอนุญาตให้อีกเด็ดขาด
ยกเว้นในส่วนของตำรวจที่ไม่ได้นำอาวุธปืนไปเพื่อประโยชน์ทางการค้า แต่สำหรับประชาชนทั่วไป รวมทั้ง อส.จะไม่มีการอนุญาตให้มีการเพิ่มโควต้าการซื้ออีกแน่นอน อย่างไรก็ตามคงไม่สามารถไปลดใบอนุญาตที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้ได้ เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาแล้ว จะไปยึดคืนไม่ได้ ส่วนปัญหาที่มีการนำไปประกอบคดีอาชญากรรมนั้น ก็คงต้องติดตาม และทำประวัติกันต่อไป หากใครทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ

"มาร์ค"จวก“ตู่”กดดัน-ลดอำนาจศาล



เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่แปลกใจที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำนปช.ออกมากดดันการทำหน้าที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ยื่นให้ศาลอาญาพิจารณาการถอนประกันตัวนายจตุพร เพราะบุคคลทั้งสองต้องการเข้าไปแทรกแซงการทำหน้าที่ของศาลหรือไม่ และมีเป้าหมายทำให้ศาลและองค์กรอิสระเป็นคู่ขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่การลดอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากต้องการไม่ให้มีใครตรวจสอบการใช้อำนาจ
ขณะเดียวกันนายจตุพร รู้เงื่อนไขที่ศาลอนุญาตให้มีการปล่อยตัวชั่วคราว แต่นายจตุพรกลับปราศรัยปลุกระดม ซึ่งขัดต่อเงื่อนไขของศาล

ปชป.ไม่กลัว“เรืองไกร” ยื่นยุบพรรค


ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 กรณีที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก่อความวุ่นวายในสภา ว่าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ไม่กลัวการสู้คดี แต่ไม่อยากเสียเวลาในการเขียนคำร้องแก้ข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นเรื่อง เพราะมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68
เนื่องจากการที่ส.ส. เข้าไปก่อความวุ่นวายในสภา ไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข นายเรืองไกรน่าจะเพี้ยนไปแล้ว และที่ผ่านมาในเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทย เราจะเห็นคนนี้อยู่ข้างเวทีตลอด จึงไม่ทราบว่าการเดินสายยื่นเรื่องเอาผิดกับพรรคประชาธิปัตย์เป็นเพราะมีใคร ส่งสัญญาณมาหรือไม่ เรื่องนี้ทำให้ตนนึกถึงคำพูดที่ว่าคนโง่ หากรู้ว่าตัวเองโง่ก็มีโอกาสที่จะเป็นบัณฑิตได้ แต่ถ้ายังคิดว่าตัวเองฉลาดก็ยังคงโง่ดักดานอยู่เช่นนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีการยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด แต่ศาลก็ยกฟ้องไม่เห็นมีใครออกมารับผิดชอบกับการกระทำเลยสักคน

“ยงยุทธ” มั่นใจรัฐบาลปูอยู่ยาว8 ปีแน่


ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังให้การต้อนรับเอคอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ที่เดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ ถึงกรณีที่นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ ออกมาวิเคราะห์ว่าอายุรัฐบาลอาจอยู่ได้ไม่ถึงสิ้นปีนี้ ว่า “ทั้งตัวผม  ทั้งตัวท่านสุชาติไม่ทราบ ไม่แน่ แต่ตัวนายกฯยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลคงจะอยู่สักระยะหนึ่ง ไม่ใช่แค่สิ้นปี แต่คงจะนานกว่านั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ขณะนี้สถานการณ์หลายอย่างดูเหมือนรุมเร้ารัฐบาลมากขึ้น นายยงยุทธ กล่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดา  ทางเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ที่มาอำลาตำแหน่งก็ถามตนเช่นกัน ซึ่งตนก็บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา การเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกับเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษนั้น ต่างกัน ถ้าลองเอานายกรัฐมนตรีอังกฤษมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย วันเดียวท่านก็คงหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นายสุชาติพูด จะทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่นั้น ตนไม่มีความเห็น ต้องถามนายสุชาติ และประชาชนเอง

เมื่อถามว่าที่บอกว่าอายุของรัฐบาลจะอยู่อีกระยะหนึ่ง แสดงว่าเริ่มไม่มั่นใจแล้วใช่หรือไม่ว่าอาจอยู่ได้ไม่ครบเทอม นายยงยุทธ กล่าวปฏิเสธว่า ที่ตนพูดหมายถึง 8 ปี โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีอยู่ครบเทอมแน่  อย่างไรก็ตามเวลามีข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) มักจะมีแรงกระเพื่อมทุกครั้งเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีปัญหาอะไร ถือเป็นเรื่องปกติของประเทศไทย และที่มักมีข่าวตนถูกปรับออกนั้น ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร ตนดีใจที่ได้มีโอกาสทำงานมาตั้งแต่ปลัดอำเภอจนถึงรัฐมนตรี ซึ่งตำแหน่ง รมว.มหาดไทย มีคนเก่งจำนวนมาก แต่ควรจะมีการปรับครม. หรือไม่นั้น อยู่ที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ซึ่งการปรับก็มีเหตุผลเดียวคือเพื่อประโยชน์ของการบริหารราชการแผ่นดิน และประชาชน ส่วนจะปรับเมื่อไหร่ตนไม่สามารถตอบได้

ทูตมะกันทวีตเคารพการตัดสินใจของรัฐบาลไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางคริสตี้ เอ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้เขียนข้อความลงในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ โดยใช้ชื่อว่า ‏@KristieKenney https://twitter.com/#!/KristieKenney ตอบคำถามถึงการจะครบกำหนดที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(นาซา) ประเทศสหรัฐอเมริกา จะดำเนินการโครงการการศึกษาการก่อตัวของเมฆที่อาจมีผลกระทบต่อสภาพอากาศใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในไทย ว่าพวกเราเคารพการตัดสินใจของรัฐบาลไทย และยังคงสานต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯในด้านวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประโยชน์ของประชาชนทุกคน

ส.ส.ร.40 ชนศาลรธน.ตัวการก่อวิกฤติรอบใหม่


ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. กลุ่มสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 40 (ส.ส.ร.40) ประมาณ 20 คน นำโดย นายคณิน บุญสุวรรณ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ นายบุญเลิศ คชายุทธเดช นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ได้หารือร่วมกันถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 วรรคแรก พร้อมกับมีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอการลงมติในวาระสามของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
ภายหลังการหารือกลุ่มส.ส.ร.40 ได้ออกจดหมายเปิดผนึกในนามของกลุ่มส.ส.ร.40 โดยนายคณินกล่าวว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 ส่วนใหญ่ลอกมาจากรัฐธรรมนูญปี 40 โดยเฉพาะมาตรา 68 ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาขณะนี้ ก็ลอกมาจากมาตรา 63 ของปี 40 เพียงแต่มีการเพิ่มเติมบทลงโทษไว้ในวรรคสี่ คือยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ถือเป็นการจงใจเบี่ยงเบนเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 40 ในการสัมมนาภายหลังการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2543 ได้กำหนดกรอบปฏิบัติของศาลรัฐธรรมนูญเป็นบรรทัดฐานมาเกือบ 9 ปี ว่าทุกเรื่องผู้ร้องจะต้องเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ที่อัยการสูงสุดจะยื่นหรือไม่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

นายคณินกล่าวว่า ที่ผ่านมาส.ส.พรรคไทยรักไทย เคยยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นเรียกร้องขอนายกฯพระราชทานตามมาตรา 7 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2549 ยังปฏิเสธไม่รับคำร้อง โดยให้ไปยื่นผ่านอัยการสูงสุดก่อน การอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี 40 ถูกยกเลิกไป ศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ไม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของชุดเดิม ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีบรรทัดฐานอะไรเลย ขณะที่เจตนารมณ์ดั้งเดิมของรัฐธรรมนูญ 40 คือการบัญญัติการกระทำผิดตามมาตรา 63 ว่าการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข คือการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจเท่านั้น

“ดังนั้นการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการล้มล้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียเอง ถึงขั้นบัญญัติรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่โดยพลการ ไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรย่อมก่อให้เกิดความเสียหายทั้งขึ้นทั้งล่อง เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว จากนี้ไปไม่ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ส.ส. ส.ว. หรือแม้แต่ประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 คน ก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวแตะต้อง หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกต่อไป หมายความว่านอกจากศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจตีความแล้ว ยังมีอำนาจในการควบคุมรัฐสภา ควบคุมครม. และควบคุมประชาชนอีกด้วย ซึ่งจะเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้ง และเกิดวิกฤติครั้งร้ายแรงที่สุดจนมิอาจพยากรณ์ได้ว่าสุดท้ายจะเกิดหายนะต่อ บ้านเมืองอย่างไร” นายคณิน กล่าว 

น.1 เฉ่ง “บก.น.7”สันหลังยาว


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 มิ.ย. ที่ห้องประชุมใหญ่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น. พร้อมรอง ผบช.น. เรียกประชุมบริหารประจำเดือน ครั้งที่ 3/2555  โดยมี ผบก.น.1-9, ผบก.สส., ผบก.สปพ., ผบก.อคฝ., ผบก.จร., ผบก.อก., ผบก.ประจำ บช.น.  รอง ผบก.  ผกก.ทุก สน. รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า ก่อนหน้านี้ตนมารักษาราชการเป็น ผบช.น. 30 วัน แต่หลังจากที่มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งผบช.น. จึงต้องเรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน โดยเฉพาะหัวหน้าโรงพักทั้งหมด เพราะตนถือว่าระดับ ผกก. เป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หากผกก. ทำงานไม่เต็มที่ประชาชนก็เดือดร้อน ต่อไปนี้คนที่จะมาเป็นผกก. ต้องทำงานให้เต็มที่ ถ้าอยากไปอยู่โรงพักที่มีปริมาณงานมาก แต่ขีดความสามารถไม่ถึง ตนจะบันทึกข้อมูลเอาไว้ ยกตัวอย่างผลการระดมจับกุมอาวุธปืน ปรากฏว่าโรงพักใหญ่บางโรงพักไม่มีผลการจับกุมสักกระบอกเดียว ต้องฝากผู้บังคับบัญชาด้วย ถ้าสักแต่ว่าวิ่งเต้นมาลงโรงพักที่มีปริมาณงานมาก แต่ทำงานไม่ได้ ตนจะตรวจสอบตั้งแต่ระดับ ผกก.ลงไปด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าหากความสามารถไม่ถึง ก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนในทันที พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า  ตนจะเปลี่ยนทันที เพราะที่ตนมาไม่มีต้นทุนอยู่แล้ว ผู้บังคับบัญชาพิจารณามา ตนจะทำเพื่อพี่น้องประชาชนเท่านั้น  คดีที่เกิดขึ้นมีการใช้อาวุธปืนยิงกันจำนวนมากจน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ต้องสั่งการลงมา เอารถเอ็กซเรย์มาช่วยในการตรวจค้น แต่ถ้าระดับผกก.ไม่มีประสิทธิภาพ ประชาชนชนจะอยู่ได้อย่างไร หากมีการพิจารณาแต่งตั้ง ตนจะชี้แจงให้ผู้บังคับบัญชาเห็นว่า คนไหนทำงานยังไง ได้ผลยังไง คดีเกิดไม่เคยลงไปจี้คดี ระดับ ผบก. หากมีคดีเกิด คดีสำคัญต้องไปสั่งการเอง ตนอยู่ในจุดนี้ยังไปตรวจสอบเองทุกคดี

เมื่อถามว่าเมื่อมาดำรงตำแหน่งผบช.น. จะไม่มีการมาวิ่งเต้นในสำนักงานใช่หรือไม่ พล.ต.ต.คำรณวิทย์กล่าวว่า ไม่มี ตนยืนยันได้เลย และเตรียมห้องไว้ อย่างกรณีนี้ การจับอาวุธปืนครั้งนี้ เห็นชัดเจนว่าผกก.คนไหน หัวหน้าโรงพักคนไหน ทำงานหรือไม่ทำงาน  เดือนหน้าจะมีการระดมอีกขออีก 3-5 วัน หากไม่มีผลการจับกุมซ้ำสอง ให้เตรียมตัวมาได้เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า สน.ใดที่ไม่มีผลการจับกุม พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า มีหลายโรงพัก แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ บอกได้แค่ว่าอยู่ในพื้นที่ บก.น. 7 ตนไม่พอใจ ทั้งนี้ยังไม่ได้คุยกับผบก.น.7 แต่เดี๋ยวจะพูดในที่ประชุม จะตำหนิในที่ประชุมเลย การที่ตนมาเป็น ผบช.น.ไม่ได้คาดหวัง พอจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจก็ไปอยู่ภูธรมาตลอด กลับมาอีกทีเป็นผู้การ 191 อยู่ได้ 1 ปีก็ออกไปอีก ไม่คิดว่าวันนี้จะมานั่งอยู่ตรงนี้ แต่ขอยืนยันว่าจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และในส่วนของคดีที่เกิด หากเป็นคดีสำคัญตนจะลงไปดูเอง ซึ่งช่วง 20 กว่าวันที่ผ่านมาคงรู้ว่าตนทำงานสไตล์ไหน ทำงานอย่างไร ฝากผู้การฯไว้ด้วย และในส่วนของการระดมกวาดล้างที่ผ่านมา ขอให้ทุกคนไปคิดใหม่ว่าขนาด ผบ.ตร. ยังลงมาสั่งการเอง มาดูเอง เอารถเอ็กซเรย์มาใช้ มาดูการฝึกเอง โทรศัพท์มาถามตนว่าผลการจับกุมเป็นอย่างไรบ้าง แต่มีหลายพื้นที่ไม่สนองนโยบาย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน บอกได้เลยว่าซวยที่สุด

“ผลการระดมกวาดล้างที่ออกมา 234 กระบอก ผมขอบคุณคนที่ทำงาน เดี๋ยวผมมีรางวัลให้ แต่คนไหนที่ไม่ทำงาน  ไม่มีผลจับกุมเลย อย่าง บก.น.7 อยู่ได้ยังไงได้ 5 กระบอก คุณสนองนโยบายอะไรบ้าง โรงพักสำคัญทั้งนั้น แต่ไม่มีผลการจับกุมเลย  แล้วอยากจะอยู่โรงพักปริมาณงานมากแต่คุณไม่ทำ ผมบันทึกไว้หมดแล้ว หากเดือนหน้ามีการระดมอีก หากไม่มีผลการจับกุมอีก คุณขึ้นมาได้เลยเตรียมตัวเลย มาอยู่ยาว เดี๋ยวจะจัดห้องให้มาเซ็นชื่อ มีอาหารให้กินเสร็จ  ผมบอกได้เลยว่าไม่พอใจ เพราะเป็นการกินแรงของโรงพักที่เขาทำงาน  ให้ ผบก.น.7 ไปดูซะ  เพราะโรงพักที่คุณปกครองเป็นโรงพักใหญ่ๆทั้งนั้น  แต่จับไม่ได้สักกระบอกเดียวให้ไปลองคิดดู” รรท.ผบช.น. กล่าว

หิ้วฆาตกรฆ่าแหม่มทำแผนหวิดประชาทัณฑ์


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท..พิสัณห์ จุลดิลก รอง ผบก.ภ.8 พล.ต.ต.วีรศักดิ์ มีนะวานิช ผบก.สส.ภ.8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันชัย ปาลาวัน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณ์วิมล รอง ผกก.ป. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องรวมถึงเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธร จังหวัดภูเก็ต
ร่วมกันคุมตัวนายสุรศักดิ์ สุวรรณโชติ อายุ 26 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช และนายสุรินทร์ ทัศทอง อายุ 37 ปี ชาว จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าและพยายามชิงทรัพย์นางมิเชลล์ อลิซเบท สมิท อายุ 59 ปี เสียชีวิต และนางแทมมี ลี ลิน อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บ ทั้งคู้เป็นนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุถนนกะตะน้อย ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต ห่างจากโรงแรมกะตะธานี ภูเก็ต บีช รีสอร์ท ที่เหยื่อพักเพียง 200 เมตร

สำหรับบรรยากาศเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากมามุงดู บางคนชูป้ายต่อต้าน ขณะที่บางส่วนตะโกนด่าและพยายามจะเข้ารุมประชาทัณฑ์ เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังนับร้อยนายกระจายกำลังกันผู้ไม่เกี่ยวข้องให้ออก ห่าง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมตัวกลับไป เพื่อเตรียมส่งผลัดฟ้องฝากขังในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ ต่อไป.

นายดาบเลือดร้อนฆ่าผัวกิ๊กโร่มอบตัว


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ด.ต.สามารถ เพนเทศ ผบ.หมู่ งานสายตรวจ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 365/2555 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น. และพล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. หลังก่อเหตุยิงนายเอกอนันต์ ลิ้มสกุล อายุ 40 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดหน้าบ้านเลขที่ 52/2 ซอยพระราม 2 ที่ 30 แขวงบางมด เขตจอมทอง เมื่อเวลา 04.20 น. วันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ ด.ต.สามารถ ซึ่งรักใคร่ชอบพอกับนางเกศรินทร์ พูลทวี ภรรยาของผู้ตาย ถึงขั้นเปิดร้านอาหารตามสั่งและกาแฟสดให้ด้วย ทำให้เมื่อพบกันมักเกิดปากเสียงเรื่องหึงหวงกันเป็นประจำ วันเกิดเหตุนางเกศรินทร์และผู้ตาย นั่งดื่มสุราและดูฟุตบอลอยู่ที่บ้าน ดาบสามารถ ขับรถเก๋ง ฮอนด้า ซิตี้ ทะเบียน ภภ 5084 กรุงเทพมหานคร มาจอดขวางประตูหน้าบ้าน และลงมาชึ้หน้าต่อว่านางเกศรินทร์ ในลักษณะหึงหวง จนเกิดทะเลาะกับ นายเอกอนันต์ อีก ด้วยความโมโหจึงใช้อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม. ยิงนายเอกอนันต์ แล้วหลบหนีไป

"หลังจากที่รู้ว่าตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงได้ติดต่อผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดเพื่อขอมอบตัว เบื้องต้นเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น แต่จากหลักฐาน และคำให้การของพยานในที่เกิดเหตุ เชื่อว่าสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน แม้ผู้ต้องหาจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่มีการช่วยเหลือกันเด็ดขาด" รรท.ผบช.น. กล่าว.

หลาน “ปวีณา” โวยบริษัทรับสร้างบ้านเบี้ยวเยียวยา



วันอังคารที่ 26 มิถุนายน 2555 เวลา 17:10 น.
เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 26 มิ.ย. นางชัชวดี อุชุปาละนันท์ อายุ 45 ปี หลานสาวของนางปวีณา หงสกุล เข้าร้องเรียนต่อพ.ต.อ.สุนทร คงกล่ำ ผกก.สน.บางซื่อ ว่าถูกบริษัทรับสร้างบ้านชื่อดัง  ผิดสัญญาก่อสร้างบ้านไม่แล้วเสร็จและไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง

นางชัชวดี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2553 ได้ทำสัญญาว่าจ้างออกแบบและก่อสร้างบ้านพักอาศัยความสูง 3 ชั้น 1 หลัง บนที่ดินโฉนดเลขที่ 9626 เลขที่ดิน 191 ซอยพหลโยธิน 8 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กับบริษัท ซื่อดังแห่งหนึ่ง ในราคาจ้างเหมารวม 14,674,710 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จภายใน 420 วันนับจากวันตอกเสาเข็ม หลังจากนั้นทางบริษัทก็ได้เข้าทำการรื้อถอนบ้านหลังเก่าและเริ่มลงมือสร้าง บ้าน ในเดือน ธ.ค.2553 หลังจากเริ่มสร้างบ้านได้ไม่นาน ทางบริษัทได้ขาดหายไปไม่มาทำการก่อสร้างต่อ โดยหายไปประมาณ 3 เดือน จากนั้นประมาณเดือน มิ.ย.2554 ทางบริษัทจึงได้เริ่มทำการก่อสร้างต่อ
นางชัชวดี กล่าวต่อว่า การก่อสร้างดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งเดือน ก.ย.2554 ช่วงนั้นจ่ายเงินไปแล้วถึง 8,800,000 บาท แต่พบว่าบริษัทได้ก่อสร้างบ้านผิดไปจากแบบที่ได้รับการอนุญาต มีการเปลี่ยนแปลงแบบตั้งแต่คานคอดิน โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบแต่อย่างใด นอกจากนี้การก่อสร้างยังมีการชำรุดบกพร่องหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นคาน เสา พื้นและผนังหลายแห่ง จนเป็นเหตุให้ต้องทำการรื้อถอนบ้าน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 ก.พ.2555 ทางบริษัทได้ยอมรับว่าไม่สามารถทำการก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้างบ้านไม่ เป็นไปตามสัญญา จึงตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 8 ล้านบาท แต่ต่อมาทางบริษัทได้ผิดนัดและไม่ได้ชำระเงินตามที่ได้ตกลงกันไว้ ตนจึงเข้าปรึกษาและร้องเรียนดังกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.สุนทร กล่าวว่า สำหรับเรื่องดังกล่าวตนได้มอบหมายให้ ร.ต.ต.สุชาติ วงศ์แก้ว รับเรื่องและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบในการฟ้องร้องคดีแพ่ง สำหรับในส่วนของคดีอาญา ทางนางชัชวดีได้ฟ้องร้องนายสมศักดิ์ ในข้อหาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แห่งวิชาชีพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 แล้ว โดยเรื่องอยู่ระหว่างไต่สวนมูลฟ้องของทางศาลอาญารัชดา ซึ่งในข้อหาดังกล่าวมีฐานความผิด จำคุก 5 ปีปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
สำหรับบริษัท ดังกล่าว เคยเป็นข่าว โด่งดังเมื่อถูกทางนายณกรณ์ กรณ์หิรัญ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง “วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก” ออกมาโวยว่าผิดสัญญาการก่อสร้างบ้าน โดยครั้งนั้นมีวงเงินก่อสร้างสูงถึง 46 ล้านบาท เมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว.

สังคมเสื่อม!ทิ้งทารกน้อยหวิดตายอนาถ


เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. พ.ต.ท.สุทธิชล ธงชัยภูมิ พนักงานสอบสวน สภ.บางปู จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีผู้พบทารกถูกทิ้งในป่าหญ้าข้างทางเลียบถนนคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ใกล้ศาลาริมน้ำชุมชน หมู่ 1 ตรงข้ามวัดตาเจี่ย ซอยเทศบาลตำบลบางปู 115 ต.บางปู อ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิบางปู 811
ที่เกิดเหตุพบนางทิพย์ วงษ์สุวรรณ อายุ 58 ปี ชาวบ้านที่เป็นผู้พบนั่งอุ้มทารกน้อยเพศชายวัยประมาณเดือนเศษ ผิวขาว หน้าตาน่ารักน่าชัง ซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูสีฟ้า โดยมีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าวต่างพากันซื้อข้าวของเครื่องใช้ เด็กอ่อนมาให้หนูน้อย จำนวนมาก
สอบสวนนางทิพย์ ให้การว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์แฟนของลูกชายได้ยินเสียงเด็กร้องบริเวณป่าหญ้าดังกล่าว จึงพากันออกไปเดินตามหา กระทั่งเจอหนูน้อยนอนร้องไห้ถูกมดและยุงกัดอย่างน่าเวทนา จึงเก็บมาเลี้ยงด้วยความเอ็นดูอยู่ 1 วัน เพราะเข้าใจว่าอาจมีผู้ปกครองมารับตัว กระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านจึงตัดสินใจแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงนำทารกน้อยส่งโรงพยาบาลสมุทรปราการ เพื่อตรวจร่างกาย และดูแลให้แข็งแรงก็ประสานเจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนจังหวัด สมุทรปราการมารับไปดูแลตามขั้นตอน และเร่งหาข่าวเพื่อหาที่มาที่ไปของทารกน้อย เบื้องต้นคาดอาจเป็นฝีมือแม่ใจยักษ์หรือแก๊งลักเด็ก ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแสเพื่อไขปริศนาต่อไป.

โปลิศเมืองโคราชฟิตโชว์รวบหนุ่มนักตุ๋น


เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดภาลผล  ผบช.ภ. 3 พ.ต.อ.สนธยา แต่แดงเพชร ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา และชุดสืบสวนร่วมแถลงข่าวจับนายศุภกร กลิ่นกลาง หรือ นายศุภวริชย์ อัศวเมธากร หรือ นายศุภกร กลิ่นบุญฟุ้งสุข อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 228/1 ถนนสำราญราษฏร์ ต.โนนสูง  อ.โนนสูง  จ.นครราชสีมา พร้อมของกลาง เครื่องแบบปฏิบัติการเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 5 ชุด บัตรประจำตัว ข้าราชการ สังกัดกระทรวงสาธารณสุขปลอม 2 ใบ เอกสารใบกู้เงินปลอมและเอกสารประจำตัวของบุคคลอื่นจำนวนมาก สมุดบัญชีเงินฝากของนายชิตพล นามคำ สาขาอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นบัญชีของเพื่อนผู้ต้องหาที่อาศัยอยู่ด้วยกัน 1 เล่ม ยอดเงินคงเหลือ 500,000 บาท และทองรูปพรรณน้ำหนัก  2 บาท
พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า สืบเนื่อง ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ไปหลอกพระฟ้าลั่น สันติกาโร พระลูกวัดบูรพ์  อ.เมืองนครราชสีมา ว่าจะจัดผ้าป่าไปทอดที่วัดจำปา ต.หนองบัว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระฟ้าลั่น แต่ขอเงินไปเป็นทุนค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์ซองและใบฎีกาก่อน จึงหลงเชื่อให้ไป 33,540 บาท หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็หายหน้าไปเลย นอกจากนี้ผู้ต้องหายังสวมรอยเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไปหลอกขายยาให้กับนาง ประจวบ พงษ์เจริญ ชาวบ้านในพื้นที่จนสูญเงินไปกว่า 70,000 บาทด้วย ทั้งนี้อยากฝากไปถึงผู้ที่เคยถูกหลอกในลักษณะดังกล่าวมาดูตัวเพื่อแจ้งความ ดำเนินคดีหนุ่มนักตุ๋นรายนี้เพิ่มเติมต่อไป.

ผวา!ภาพติดวิญญาณผีสาวกลางตลาดไท


วันนี้ (26 มิ.ย.) นายณรงค์ ชัยวัน อายุ 28 ปี ได้นำภาพถ่ายติดวิญญาณของหญิงสาวลึกลับ ภายในตลาดไท ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบว่าเป็นภาพวิญญาณจริงหรือไม่
นายณรงค์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้ามืดวันเดียวกัน ตนได้เดินทางไปซื้อของที่ตลาดสดภายในตลาดไท โดยเมื่อเดินมาถึงบริเวณโซนขายไก่สด ก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียขึ้นมาทดลองถ่ายภาพ หลังจากถ่ายเสร็จจึงลองเช็คภาพดูก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าภาพที่ถ่ายมีรูปหญิงสาวผมยาวสวมชุดสีขาวมองจ้องมาทางตนตาเขม็ง เมื่อสอบถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นต่างก็ไม่เห็นมีลูกค้าที่ไหนเป็นหญิงสาวใส่ ชุดคลุมสีขาวมาซื้อของหรือมาเดินภายในตลาดแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นวิญญาณของหญิงสาว เลยนำภาพมาให้สื่อมวลชนช่วยพิจารณา

หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้ดูภาพที่นายณรงค์ถ่ายมาได้ในโทรศัพท์ พบว่าเป็นภาพหญิงสาวผมยาวถึงกลางหลัง ใบหน้ารูปไข่คมสวย สวมชุดคลุมสีขาว อยู่บริเวณมุมด้านซ้ายของภาพ จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่ตลาดไท เพื่อสอบถามหาข้อมูลที่มาที่ไปของวิญญาณสาวคนดังกล่าวที่ปรากฏอยู่ในรูป ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดสดต่างก็บอกว่าไม่เคยพบเห็นหรือมีลูกค้าที่หน้าตา เหมือนกับผู้หญิงที่อยู่ในภาพนี้มาก่อน และสถานที่แห่งนี้ก็ไม่เคยมีเหตุหญิงสาวถูกฆาตกรรมแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีเมื่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงผู้ที่มาจับจ่ายซื้อของเมื่อเห็นภาพติดวิญญาณดังกล่าว ก็ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นา ๆ จนเป็นที่ฮือฮาทั้งตลาด.

ยิงดับซ่านายทุนเงินกู้ดับอนาถคาซอย


เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 26 มิ.ย. พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ พีรพจน์ พนักงานสอบสวน (สบ3) สน.สำเหร่ รับแจ้งเหตุชายถูกยิงเสียชีวิตภายใน ซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 9 แขวงสำเหร่ เขตธนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.จีรศักดิ์ ขำคง รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.สำเหร่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 84/8 เจ้าหน้าที่พบศพนายนัฐเมธี บุษปวนิช หรือเบียร์ อายุ 35 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธขนาด .38 เข้าที่บริเวณท้ายทอยจำนวน 1 นัด ชายโครงซ้ายจำนวน 1 นัด และสะบักขวาจำนวน 1 นัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือดสภาพคว่ำหน้า นุ่งกางเกงขาสั้นสีครีม สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขวา มือขวากำเงินสด ตรวจสอบภายในร่างกายไม่พบเอกสารใด ๆ

สอบสวนนางเจ๊กเฮียง แซ่ซิ้ม อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนนั่งอยู่ภายในบ้าน และก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ก่อนผู้ตายจะวิ่งมาล้มลงที่หน้าบ้าน จากนั้นคนร้ายก็ใช้อาวุธปืนยิงซ้ำเข้าที่ท้ายทอยจำนวน 1 นัด และใช้เท้าถีบที่บริเวณหลังของผู้ตาย ก่อนจะวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ด้าน พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนญาติผู้ตายให้การว่า ผู้ก้อเหตุคือนายประทีป ลีเลิศสุมานนท์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 4 ต.บางจาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี พักอยู่ภายในซอยดังกล่าว ซึ่งพ้นโทษจำคุกในคดีจำหน่ายเสพติดที่ สน.สำเหร่ และได้ลงไปอาศัยอยู่กับบ้านญาติที่ทางภาคใต้ โดยไปกลับอยู่เป็นประจำ และเมื่อ 2 วันก่อนได้เดินทางมาเยี่ยมญาติที่ซอยดังกล่าว ก่อนจะมีเรื่องกับผู้ตาย เนื่องจากน้องสาวของผู้ต้องหาได้ถูกผู้ตายขับขี่รถจักรกยานยนต์เฉี่ยวภายใน ซอย และได้มีปากเสียงกันขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ผู้ต้องหาไม่พอใจ และได้มีพูดจาเคลียร์กัน ซึ่งทางผู้ตายคิดว่า เรื่องนี้ยังไม่จบแน่ เพราะผู้ต้องหาข่มขู่เอาไว้ ก่อนจะมาลงมือก่อเหตุจริง ทั้งนี้ยังไม่ตัดประเด็นเรื่องยาเสพติด และปล่อยเงินกู้ เพราะทราบมาว่า ผู้ตายปล่อยเงินกู้ให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงด้วย

"ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่ติดตามไปยังสถานที่ที่คนร้ายจะหลบ หนี ไม่ว่าจะเป็นสถานีขนส่งสายใต้ หรือบ้านญาติ คาดว่าคงหลบหนีไปได้ไม่ไกล อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับเพื่อตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป" พ.ต.ท.ทวีศักดิ์ กล่าว.

ทบ.มั่นใจบริสุทธิ์ไม่ได้ยิง 6 ศพ โยนศาลสรุปคดี ชี้เป็นสิทธิ์”แม่น้องเกด”ร้องศาลโลก


เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงกรณีที่นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาขอ งน.ส.กมลเกด หรือน้องเกด อักฮาด ที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม เดินทางไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อหารือแนวทางการฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้อง และผู้สั่งการสลายการชุมนุมในปี 2553 ว่า เป็นเรื่องของผู้สูญเสียที่จะไปดำเนินการ แต่ในส่วนของกองทัพบกไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไป เราทำได้เพียงการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน และมอบให้กับเจ้าหน้าที่สอบสวนไปแล้ว ทั้งนี้กองทัพบกมีทนายความและเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมาย ดูแลเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ในชั้นศาลที่จะสรุปและหาสาเหตุของการเสียชีวิตว่าเกิดจาก อะไร บางครั้ง บางสถานการณ์ บางคดีมีพยานหลายปาก และให้ข้อมูลที่แตกต่างกันไป แต่ที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาเป็นการให้ปากคำของพยานปากแรกเท่านั้น ในส่วนของทบ.เองถ้ามีโอกาสจะพูดให้เป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามการออกมาชี้แจงดังกล่าว ไม่ได้ที่จะหักล้างการให้การของพยาน ยืนยันว่ากองทัพบกไม่ได้ทำร้ายประชาชน ในกรณี 6 ศพในวัดปทุมวนารามเรามีพยานหลักฐานในส่วนของเจ้าหน้าที่ เก็บรวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว.

ครม.สัญจรย้ายไป “สุรินทร์” แทน “เมืองลับแล"


วันนี้ (26 มิ.ย.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ประจำเดือน ก.ค. นี้ ที่จากเดิมมีการกำหนดว่าจะเดินทางไปประชุมที่จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง คือ จ.อุตรดิตถ์ นั้น แต่เมื่อมีการหารือกันจึงเห็นว่าควรปรับเปลี่ยนสถานที่ ไปจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยได้กำหนดให้ประชุมที่ จ.สุรินทร์ โดยมอบหมายให้นายปรีชา เร่งสมบูรณ์ รมว.ทรัพยากรฯ กับนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณะสุข เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบ ซึ่งจะมีการกำหนดวันและเวลา ชี้แจงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง.

ยันไม่ปลด ”ไก่อู” พ้นโฆษก


 เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปลด พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ออกจากตำแหน่งโฆษกกองทัพบกว่า  อยากถามว่าใครจะปลดเขาเรื่องอะไร ขณะนี้ พ.อ.สรรเสริญ ยังเป็นโฆษกกองทัพบกอยู่ แต่ทีมงานโฆษกกองทัพบกมีหลายคน และช่วงนี้ พ.อ.สรรเสริญมีงานมาก เพราะเป็นผอ.กองปฏิบัติการจิตวิทยาด้วย ต้องทำโครงการต่าง ๆ มากมายขอให้เขาอยู่เบื้องหลังบ้างไม่เห็นเป็นไร ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรนำไปเขียนให้เกิดความแตกแยก และการที่บอกว่าเขาอยากเป็นนายพลแล้วไม่ได้เป็นนั้นเคยถามตัวเขาแล้วหรือ ยัง

ผบ.ทบ.กล่าวย้ำอีกว่า ตนขอบอกว่าเราทำงานอย่าไปคาดหวังว่าเป็นอะไร หรือได้ทำอะไร ตนไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ และตนมาถึงวันนี้ไม่เคยต้องไปขอใคร และไม่เคยต้องไปวิ่งเต้น ทำงานมาทำให้ดีที่สุด และผู้บังคับบัญชาจะเห็นว่าดีหรือไม่ดี ให้เป็นอะไรได้ หรือไม่ได้ การจะเติบโตต้องดูอาวุโส รุ่นและอายุ การที่ไปเขียนว่าเตรียมทหารรุ่น 23 เป็นนายพลไม่กี่คน อยากบอกว่าทั้งรุ่นมีเกือบ 200 คน เป็นนายพลคนเดียว และไม่ได้อยู่ในกองทัพบก ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหลักด้วย เพราะในกองทัพบกจัดระเบียบ และมีลิมิตว่า พล.ต.ประมาณ รุ่น 20 พล.ท. รุ่น 15 พล.อ.ต้องประมาณรุ่น 12-13 ถึงตนจะอยู่ในกองทัพบกมานานแต่อยู่ในเกณฑ์ไม่ได้ขึ้นเร็วไป ถ้า รุ่น 23 แล้วอยู่ในตำแหน่งหลัก ถามว่าใครจะเป็นรุ่นน้อง ตอนนี้ รุ่น 24-25 ยังเป็นผู้การกรมฯ รุ่น 23 ส่วนใหญ่เป็นพันเอกพิเศษ ถือว่าเร็วแล้ว.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources