วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ดูหนัง The Moon พุ่มพวง HD





พุ่มพวง | เรื่องย่อ
เมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งฝันอยากเป็นนักร้อง วินาทีแห่งการไขว่คว้าเพื่อความฝันอันยิ่งใหญ่ และการเดินทางของชีวิตจึงเริ่มต้นขึ้น … ผึ้ง (รับบทโดย เปาวลี พรพิมล) เกิดและโตที่จ.สุพรรณบุรี ด้วยฐานะทางบ้านยากจน เรียนจบเพียงแค่ชั้นป.2 แต่มีความฝันอยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เธอจึงตัดสินใจเดินทางออกตามหาความฝัน ด้วยการมุ่งหน้าเข้ามาเผชิญโชคในเมืองกรุง ผึ้งเริ่มต้นจากตำแหน่งหางเครื่องในวงดนตรีของ ครูไวพจน์ เพชรสุพรรณ (รับบทโดย บุญโทน คนหนุ่ม) จนได้พบรักกับธีระพล แสนสุข (รับบทโดย ณัฐวุฒิ สกิดใจ) นักดนตรีเป่าแซกโซโฟนในวง และทำให้ความฝันอยากเป็นนักร้องกลับฝันสลาย เพราะความรักของทั้งคู่เป็นตัวก่อเหตุให้โดนไล่ออกจากวงไวพจน์ ทั้งคู่ยอมอดทน ฝ่าฟันอุปสรรคต่อสู้กับชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างยากลำบาก จนเมื่อได้พบกับครูมนต์ เมืองเหนือ (รับบทโดย วิทยา เจตะภัย) ผึ้งขอฝากตัวเป็นศิษย์ ครูมนต์จึงตั้งชื่อใหม่ให้เป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” และปั้นเธอให้เป็นนักร้อง

ถึงแม้จะอ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ เผชิญกับความผิดหวังเสียใจ การพรากจากของคนรัก หรือการเจ็บป่วย สิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจะเป็นอุปสรรคทำให้เธอท้อถอยและถอดใจจากความฝัน แต่กลับกลายเป็นความน่าอัศจรรย์ในความเป็นอัจฉริยะของ “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ที่จดจำเนื้อเพลงได้มากกว่า 500 เพลง และเป็นนักร้องลูกทุ่งอันเป็นที่รักของคนไทยทุกระดับชั้น จนถูกยกย่องให้เป็น “ราชินีลูกทุ่ง” เพียงหนึ่งเดียวตลอดกาล
ข้อมูลจาก:http://www.majorcineplex.com/movie_detail.php?mid=900&page=all

จี้ดีเอสไอสอบโกงเข้าตำรวจ


          เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์  เลขาธิการกลุ่มภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติ (ภตช.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือให้ดีเอสไอตรวจสอบการทุจริตการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบ ตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท       นายมงคลกิตติ์  กล่าวว่า จากกรณีที่มีการจับกุมผู้ต้องหาและของกลางอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสารได้จำนวน มาก รวมถึงการขยายผลผู้อยู่เบื้องหลังและพบกลวิธีทุจริตอย่างเป็นระบบ ซึ่งนอกจากทุจริตการสอบเข้าตำรวจแล้ว  ภตช.ยังพบขบวนการทุจริตสอบเข้ารับราชการอีกหลายหน่วยงานและการทุจริตสอบของ สถาบันกวดวิชา หรือติวเตอร์หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง  โดยเฉพาะวิชาที่มีลงเรียนจำนวนมากเช่น วิชาภาษอังกฤษ  EN101  ส่วนวิธีการทุจริตสอบจะมีทั้งการใช้อุปกรณ์สื่อสาร จ้างคนสอบแทน การปลอมใบเสร็จและปลอมบัตรนักศึกษาเพื่อให้คนอื่นไปสอบแทน ดังนั้นภตช.ขอเรียกร้องให้ดีเอสไอตรวจสอบขบวนการของติวเตอร์สอบนายสิบตำรวจ และการทุจริตสอบของม.รามคำแหง  มีข้อมูลว่าติวเตอร์หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงมีสายสัมพันธ์กับผู้บริหาร ของกระทรวงศึกษาธิการ        
       อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ แกนนำภตช. ยังได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ครุภัณฑ์การศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา งบประมาณไทยเข้มแข็ง 2553 มามอบให้ดีเอสไอเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาด้วย  ส่วนใหญ่เป็นเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ข้อกำหนดขอบเขตงาน(ทีโออาร์)  นอกจากนี้ ยังขอให้ดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารในวิทยาลัยต่าง ๆเพื่อป้องกันการถูกทำลายจากผู้ไม่หวังดี

แนะรัฐยึดโมเดลแก๊งค์ซามูไร40 แก้นักเรียนนักเลง


         วันนี้ ( 18 มิ.ย. ) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนจะเข้าสู่วาระการประชุม นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ได้หารือว่า ปัญหานักเรียนตีกันคือตัวอย่างของความเป็นรัฐล้มเหลว รัฐไม่ใช่รัฐ กฎหมายไม่ใช่กฎหมาย ทำทุกอย่างตามที่ตัวเองเชื่อ พอยิงเสร็จก็อ้างว่ายิงผิดตัว มีการแก้แค้นกันเพราะอยู่กันคนละสถาบัน แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังคือกรณีที่ทางภาครัฐประกาศถนนบางสาย ให้เป็นเส้นทางพึงระวังในการเดินทาง จึงสงสารประชาชนที่ต้องเดือดร้อน ปัจจัยการแก้ปัญหาเรื่องนี้ คือ นายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ โดยนายกฯจะบัญชา รมว.ศึกษาธิการเฉยๆไม่ได้  รัฐบาลต้องเจียดเงินจากโครงการจัดซื้อแทปเล็ตซัก 100 ล้านบาท มาทำเรื่องนี้ เพราะช่วง 3-4 เดือนจากนี้ จะมีเหตุนักเรียนตีกันทุกวัน อยากให้รัฐบาลถอดบทเรียนกรณีแกงค์ซามูไร40 จ.เชียงราย ชื่อกลุ่มเอ็นดีอาร์ ที่ทางกลุ่มบริษัทบ้านปูให้เงินแก่คนกลุ่มนี้ไปพัฒนา จนเปลี่ยนจากพลังรบเป็นพลังบวก จากพลังทำลายเป็นพลังสร้างสรรค์ จนวันนี้ไม่มีเหตุแล้ว เด็กเหล่านี้ต้องได้คิดว่าเขาเป็นทางออก เป็นคนที่จะแก้ปัญหานี้เอง รัฐต้องไปถอดบทเรียนเหล่านั้นมาเป็นแนวทางแก้ปัญหา และควรสนับสนุนด้านงบประมาณ

นัดสืบ"ฮาเวิร์ด หวัง"ซุกกัญชา


            เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 715 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นาย วิลลี่ หวัง หรือวิลลี่ หวัง ไวลี หรือฮาเวิร์ด หวัง  อายุ  27 ปี อดีตนักร้องนำวงไจแอนต์ และนายแบบ เป็นจำเลยในความผิดฐาน มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ม.4 ,7,8,26 ,76
           โดยโจทก์ฟ้องสรุปว่า วันที่ 3 ส.ค.54 จำเลยมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5  รวม  1 ถุง น้ำหนัก 3.792 กรัม ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. จำเลยให้การปฏิเสธ
           ทั้งนี้อัยการโจทก์และทนายความจำเลยแถลงขอนำพยานเข้าสืบฝ่ายละ 2 นัด  ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกวันที่ 24 ก.ค. นี้  เวลา 09.00  -  16.30 น. และ สืบพยานจำเลยวันที่ 25 ก.ค.55 เวลา 09.00 – 16.30 น.

เลื่อนสืบพยานคดี“ตู่"หมิ่นฯ"มาร์ค"


           เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.  ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยในคดีดำ อ.1962/52 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา จากกรณีที่นายจตุพร  กล่าวหาหมิ่นประมาทใส่ความทำนองว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้สั่งทหาร ยิงคนเสื้อแดง ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมช่วงเดือน เม.ย. 2553
        
          อย่างไรก็ตาม นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร  แถลงต่อศาลขอเลื่อนสืบพยานจำเลยออกไปก่อน เนื่องจากนายจตุพร มีอาการป่วย ไอ เจ็บคอ เสียงหาย  พร้อมนำใบรับรองแพทย์จาก เจริญกรุงการแพทย์ มาแสดงต่อศาล

         ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้เลื่อนสืบพยานออกไป เป็นวันที่ 25 มิ.ย.นี้ แต่หาก มีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนสืบพยานจำเลยอีก ก็ให้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 27 มิ.ย. นี้ เพราะมีกำหนดนัดคดีอยู่แล้ว ส่วนคดีที่ นายจตุพร หมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ ทำนองว่า นั่ง ตีตนเสมอเจ้านั้น ศาลได้พิจารณาคดีเสร็จแล้วและนัดฟังคำพิพากษา วันที่ 10 ก.ค. นี้  เวลา 09.00 น.

นัดสืบพยาน“กำนันเซี๊ยะ”รุกที่กรมธนารักษ์


                เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณาคดี 712 ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ  ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดี หมายเลขดำ อ.4849/2554 ที่พนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ ฟ้องนายประชา โพธิพิพิธ  หรือ กำนันเซี๊ยะ ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ และนาง เขมพร ต่างใจเย็น ภรรยา เป็นจำเลยที่ 1 – 2 ในความผิดฐาน ร่วมกันเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดิน หรือก่นสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน ในที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน เนื้อที่เกินกว่า50 ไร่
                โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 29 พ.ย.44 – 8 ก.พ.45 จำเลยทั้งสองร่วมกันบุกรุก ที่ดินของสำนักงานธนารักษ์ จ.กาญจนบุรี ที่หมู่ 2 ต.ช่องด่าน และ ต.หลุมรัง อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ และกองทักบกมีหน้าที่ดูแลรักษาเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการทหารโดยไม่ได้รับ อนุญาตและขอให้จำเลย และบริวารออกจากที่ดิน ด้วย
โดยวันนี้อัยการโจทก์ยื่นบัญชีพยานจำนวน 60 ปาก  ซึ่งศาลได้สอบถามประเด็นและรายละเอียดพยาน ของโจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่ามีพยานบางส่วนที่ฝ่ายจำเลยรับได้ เช่นเจ้าหน้าที่ที่ดินที่จะต้องส่งประเด็นไปสืบในศาลจังหวัดกาญจนบุรีและศาล จังหวัด นครปฐม ศาลจึงให้ส่งประเด็นไปสืบยังศาลจังหวัดดังกล่าวโดยเริ่มที่ศาลจังหวัด กาญจนบุรีในวันที่ 3 ก.ย.นี้ 09.00น. และเมื่อ สืบพยานดังกล่าวเสร็จแล้วให้รวบรวมประเด็นส่งกลับมาที่ศาลอาญาเพื่อสืบพยาน ต่อไป
                นอกจากนี้ฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอสืบพยานลับหลังจำเลย ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยได้ประสงค์ต่อสู้คดีในชั้นศาลแล้วประกอบกับคดี นี้มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี จึงอนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้
                นาย ทนงศักดิ์ โพธิพิพิธ ทนายจำเลยกล่าว หลังศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีนี้ว่าโจทก์ได้ยื่นบัญชีสืบพยานจำนวน 60 ปาก แต่เนื่องจากพยานโจทก์บางปากซ้ำกับพยานจำเลยและจำเลยรับข้อเท็จจริงบาง ประเด็นได้ พยานโจทก์ที่จะนำสืบจึงเหลือประมาณ 24 ปาก ซึ่งจะต้องส่งประเด็นไปสืบในศาลจังหวัด กาญจนบุรี และ นครปฐม อย่างไรก็ดี ทางพยานจำเลยได้เตรียมไว้ 4 ปากแต่อาจจะเพิ่มเติมในภายหลังได้ถ้ามีประเด็นมากขึ้น

10วันบอลยูโรรวบนักพนันเกือบพันราย


       เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขัน ฟุตบอลยูโร 2012(ศปพ.น.) แถลงผลการประชุมประเมินผลการปราบปรามจับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล ว่า เมื่อวันที่ 17  มิ.ย.  ที่ผ่านมา สามารถจับกุมผู้ลักลอบเล่นพนันได้ 87 ราย เป็นเจ้ามือ 1 ราย ผู้เล่น 86 ราย ของกลางเป็นเงินสด 7,530 บาท มูลค่าในโพย 258,170 บาท ส่วนผลการจับกุม 10 วันนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร สามารถจับกุมผู้ที่ลักลอบเล่นพนันบอลรวมทั้งสิ้น 972 ราย ของกลางเงินสด 134,530 บาท มูลค่าในโพย 5,164,000 บาท และจากการสำรวจผู้เล่นพนันที่สามารถจับกุมได้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 25-30 ปี  241 คน อายุ18-24 ปี 220 คน อายุ31-35 ปี 190 คน อายุ 36-40 ปี 130 คน อายุ 41 ปีขึ้นไป 205 คน
     พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวอีกว่า จากการสำรวจกลุ่มอาชีพพบว่ามีเพียง 9 คน หรือร้อยละ 4 ของผู้ที่จับได้ทั้งหมดเท่านั้นที่ยังเป็นนักเรียน-นักศึกษา นอกนั้นทำอาชีพค้าขาย 14 คน รับจ้าง 148 คน และไม่ได้ประกอบอาชีพ 30 คน ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้เล่นที่เป็นนักเรียน นักศึกษายังมีเป็นส่วนน้อย สำหรับผลการจับกุมของแต่ละพื้นที่พบว่าพื้นที่ที่มีผลการดำเนินการมากที่สุด หลังจากที่มีการจับกุมมาแล้ว 10 วัน คือพื้นที่ของบก.น.1 จับกุมได้ 157 คน รองลงมาคือบก.น. 9 จับได้ 151 คน บก.น.8 จับได้ 133 คน และบก.น. 2 จับได้ 108 คน  พื้นที่ที่มีผลการจับกุมไม่ถึง 100 ราย ได้แก่พื้นที่บก.น.3 บก.น.4 และบก.น.6

“ธาริต” โยนอัยการขอศาลถอนประกันแกนนำแดง


       วันนี้ (  18 มิ.ย.  ) นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ดีเอสไอยื่นคำร้องขอถอนประกัน ตัวนายณัฐวุฒิ  ไสยเกื้อ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  นายจตุพร  พรหมพันธุ์  และนายยศวริศ  ชูกล่อม  ในคดีก่อการร้าย เนื่องจากมีพฤติกรรมปราศรัยปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย  ซึ่งถือว่าขัดกับเงื่อนไขประกันตัวว่า  ขณะนี้เรื่องดังกล่าวถือว่าอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลและอัยการ  ในส่วนของดีเอสไอถือว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนที่รับผิดชอบแล้ว   โดยดีเอสไอเป็นผู้ทำสำนวนสั่งฟ้องแต่อัยการเป็นผู้พิจารณาส่งฟ้องศาล ดังนั้น อำนาจการขอถอนประกันจึงอยู่ที่อัยการ

ข่มขืนฆ่าเจ้าของร้านเครื่องสำอางหมกคอนโดฯ


      เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. พ.ต.ท.จักรวาล แก่นเรณู พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางขุนเทียน รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายในห้องชุดเลขที่ 184/6 ชั้นล่างอาคาร 2/2 เมโทรพาร์คคอนโดมิเนียม ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สุนทร โตรอด รอง ผบก.น.9  พ.ต.อ.ธนกฤต ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.ไกรวิทย์ อุณหก้องไตรภพ พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย สว.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู
      ที่เกิดเหตุเป็นห้องชุดขนาด 42 ตารางเมตร บริเวณประตูทางเข้าห้องถูกปิดล็อกจากด้านในแต่ประตูกระจกบานเลื่อนด้านหลัง ติดสระว่ายน้ำสามารถเปิดเข้าออกได้ทำให้มองเห็นร่องรอยการต่อสู้และคราบ เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นยาวไปถึงบริเวณหน้าห้องนอน เมื่อเจ้าหน้าที่เดินเข้าไปตรวจสอบในห้องนอนพบศพหญิงสาวถูกฆ่าเปลือยมีผ้า ห่มสีเทาคลุมร่างกายอยู่บนเตียง ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.นวรัตน์ หรือฝ้าง (ขอสงวนนามสกุล)  อายุ 28 ปี  มีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเข้าที่ราวนมขวา ต้นคอซ้าย หัวไหล่ขวา และสะบักหลัง รวม 7 แผล ที่อวัยวะเพศพบคราบอสุจิแห้งกรังแพทย์สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 48 ชั่วโมง
     จากการสอบสวน น.ส.รุ่งนภา พานิช อายุ 41 ปี ลูกจ้างของผู้ตายซึ่งพบศพเป็นคนแรก ให้การว่า เป็นลูกจ้างทำงานที่ร้านขายเครื่องสำอางและคอนแทคเลนส์ของผู้ตายในห้างเม เจอร์ซีนีเพล็กซ์สาขานนทบุรี ก่อนเกิดเหตุไม่สามารถติดต่อกับผู้ตายได้ โทรศัพท์มาหาก็ไม่ยอมรับสายจึงเดินทางมาหาที่ห้อง พบประตูด้านหน้าถูกปิดล็อกแต่ภายในเปิดแอร์ทิ้งไว้เย็นฉ่ำ ประกอบกับเมื่อก้มมองลอดช่องประตูเข้าไปเห็นคราบเลือดเปื้อนพื้นเต็มไปหมด คาดว่าน่าจะเกิดเหตุร้ายจึงเดินไปบอก รปภ.ของโครงการให้ช่วยประสานช่างเข้ามาตรวจสอบปรากฎว่าประตูบานเลื่อนด้าน หลังไม่ได้ล็อกเมื่อลองเดินฝ่ากองเลือดเข้าไปดูในห้องนอนพบเจ้านายกลายเป็น ศพไปแล้ว จึงรีบแจ้งให้ตำรวจรุดเดินทางมายังที่เกิดเหตุ
      ต่อมานายนิกร องค์วุฒิธรรม อายุ 45 ปี แฟนของผู้ตาย ได้เดินทางมาดูศพพร้อมให้การว่า คบกันมานาน 5 ปีแล้ว ปกติผู้ตายจะพักอยู่ที่ห้องเพียงลำพังส่วนตนจะไปมาหาสู่นานๆ ครั้ง ล่าสุดเพิ่งแวะมาหาเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาก็ยังไม่มีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเหตุร้าย แต่ก่อนหน้านี้ผู้ตายมักบ่นให้ฟังว่าเวลากลับจากขายของมาถึงที่ห้องจะพบว่า ประตูกระจกบานเลื่อนด้านหลังถูกปลดล็อกคล้ายมีคนบุกรุกเข้ามาในช่วงกลางวัน ทีแรกตนเชื่อว่าอาจเป็นเพราะผู้ตายลืมล็อกประตูเอง แต่เพื่อความสบายใจของผู้ตายจึงไปหาซื้อเครื่องซ๊อตไฟฟ้าและเครื่อง เซ็นเซอร์ส่งสัญญาณเสียงมาวางไว้ที่ประตูด้านหลัง ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุสลดขึ้นจนได้
      ด้าน พ.ต.อ.สุนทร กล่าวว่า หลังรับแจ้งเหตุได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาหลักฐานเกี่ยวกับ กล้องวงจรปิดในโครงการและเสาะหาพยานแวดล้อมให้ได้มากที่สุด โดยขณะนี้พบพยานปากสำคัญรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ได้ยินเสียงชายหญิงทะเลาะกันดังออกมาจากห้องที่เกิดเหตุเมื่อช่วงเที่ยงคืน วันที่ 17 มิ.ย. สอดคล้องกับระยะเวลาการเสียชีวิตของผู้ตาย แต่พยานไม่ได้เอะใจคิดว่าสามีภรรยาทะเลาะกันเลยไม่ได้แจ้ง รปภ.ให้มาระงับเหตุจนกระทั่งมีผู้มาพบศพ อย่างไรก็ตามขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันทำงานอีกสักระยะเชื่อว่าจะ ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน

วิฯ"ชาต สุดใจ"ขนยาบ้าแหกด่าน


      เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.  พ.ต.ท.วินัย ศรีสัตตบุษย์ พงส.(สบ2) สภ.สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่สายตรวจ สภ.สำรอง ว่า ได้ทำการวิสามัญคนร้าย 1 ราย ที่บริเวณกลางไร่อ้อย หมู่ 9 บ้านกลาง ต.หนองตากยา อ.ท่าม่วง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ประภัสร์ ประยูรหงษ์ ผกก. พ.ต.ท.เวช พิสูตร์ รอง ผกก.(ป)  พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.กสส.ภ.จว. ไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบศพนายอภิชาต สุดใจ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 3 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี สภาพศพนอนคว่ำหน้าถอดเสื้อ สวมกางเกงยีน ใส่สร้อยคอทองคำ 1 เส้น ตรวจสอบร่างกายพบร่องรอยถูกอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม.ยิงเข้าบริเวณหน้าอก 1 นัด ก้นกก 1 นัด และขาขวา 1 นัด  ข้างตัวพบอาวุธปืนขนาด .38  ตกอยู่  ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร พบรถกระบะอีซูซุ ดีแม๊กซ์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บร 6622 ราชบุรี ตกลงไปที่ไหล่ทาง จากการตรวจค้นภายในรถพบหญิงสาว 1 คน คาดน่าจะเป็นแฟนสาวของนายอภิชาต และพบอาวุธปืนลูกซอง 1 กระบอก ยาบ้า 30 เม็ด และเงินสดอีกประมาณ 400,000 บาท
     พ.ต.อ.ประภัสร์ เปิดเผยว่า นายอภิชาตผู้ตายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และขณะขับขี่มาในหมู่บ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่สายตรวจพยายามเรียกให้หยุดเพื่อทำการตรวจค้น แต่นายอภิชาตได้ขับรถหลบหนีด้วยความรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ขับไล่ตามมาจนถึงบริเวณถนนกลางหมู่บ้าน สายบ้านหนองสองห้อง-หนองตากยา รถของคนร้ายตกลงไปไหล่ทาง นายอภิชาตได้วิ่งไปที่กลางไร่อ้อยแล้วชักอาวุธปืนยิงใส่ เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ถูกคนร้ายเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนนายอภิชาตมีหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี  ที่16/2555 ในข้อกล่าวหา ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ของผู้อื่น และมีส่วนพัวพันในเรื่องการขายยาเสพติดในเขตต.หนองตากยา และเคยยิงต่อสู้กับตำรวจมาแล้วหลายครั้ง

ยิงเอ็ม 79 ถล่มฐานทหารดับ 3 นาย บาดเจ็บ 7


เมื่อเวลา 17.15 น. วันนี้(16 มิ.ย.) ศูนย์วิทยุ สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุระเบิดภายในโรงเรียนบ้านตะโละซูแม หมู่ 4 บ้านตะโละซูแม ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา มีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนหลายนาย จึงประสานไปยัง  ร.ต.ต.สุวรรณ นาคสง่า  ร้อยเวร สภ.กรงปินัง นำกำลังออกไปตรวจสอบ พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา เจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10ยะลา  เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลยะลา รวม  10 ราย ทราบชื่อ   จ.ส.อ.ชวนากร วงษ์ตระ  ส.ท.ณัฐพงษ์ เสือกะจิตร  ส.ท.คมสันต์ ใจปินตา  พลทหารสหรัฐ ใจตั้ง  พลทหารอานนท์ หาญกิจอุดมสุข  พลทหารเอกพล  คำแดง  พลทหารไพสิฐ จันสุข  พลทหารพิพัฒน์  รัตนเสถียร  และพลทหารสมบัติ  ไม้มะตาม   โดย จ.ส.อ.ชวนากร วงษ์ตระ พลทหารสมบัติ  ไม้มะตาม  พลทหารอานนท์ หาญกิจอุดมสุข   ได้เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาล
ทั้งนี้จากการตรวจสอบบริเวณสนามหน้าเสาธง พบหลุมที่เกิดจากแรงระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง  ตัวอาคาร105/27 ซึ่งเป็นอาคารเรียนชั้น ป.4-5  ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อย  สอบสวนเบื้องต้นทราบว่าในขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 10 นาย  กำลังเข้าเวรอยู่ภายในโรงเรียน คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ยิงลูกระเบิดชนิด เอ็ม 79 มาจากด้านหลังของโรงเรียน ซึ่งเป็นทุ่งนา มาตกลงตรงกลางสนาม ที่มีเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวอยู่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อเป็นฝีมือของกลุ่มของนายอาบะ เจ๊ะอาลี  พร้อมพวก ซึ่งเป็นลูกน้องของนายอิสมาแอ ระยะหลง หรืออุสตาซโซ๊ะ ซึ่งรับผิดชอบก่อเหตุในพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา

รวบรอง สวป.เชียงม่วน จ.พะเยา ร่วมโกงสอบตำรวจ


เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (17 มิ.ย.)  พล.ต.ต.วัฒนา สักกวัตร รอง ผบช.ภ.5 พ.ต.อ.นันทวิทย์ เทียมบุญธง รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง ได้นำตัว ร.ต.ต.เพชร พรหมทวีพร รอง สวป.สภ.เชียงม่วน จ.พะเยา อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 10 ต.เชียงม่วน จ.พะเยา และนายธีรศักดิ์ นันทะเสน อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ที่ 4 ต.น้ำแก่น อ.ภูเพียง จ.น่าน มาแถลงข่าวที่ห้องประชุมชั้น 2  สภ.เมืองลำปาง

โดย พล.ต.ต.วัฒนา กล่าวว่าที่ผ่านมาตำรวจภูธรภาค 5 ได้จับกุมผู้ทุจริตสอบเข้าตำรวจได้ 4 คนมีอุปกรณ์ในการทุจริต ต่อมาได้สืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ กระทั่งพบผู้กระทำผิดเป็นผู้ที่หาอุปกรณ์เครื่องส่งสัณญาณ และเรียกรับเงินจากผู้ที่เข้าสอบ โดยเรียกค่าใช้จ่ายเบื้องต้นรายละ 3 แสนบาท หากสอบได้จะต้องจ่ายเพิ่มอีกรายละ 3.5 แสนบาทต่อมาคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัด ลำปาง ออกหมายจับบุคคลทั้ง 2 ในข้อหา”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งศาลได้อนุมัติให้ออกหมายจับ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะจับกุมตัวได้ และนำตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปางดำเนินคดีต่อไป ในส่วนของผู้ร่วมขบวนการในการทุจริตและกระทำผิดในเรื่องดังกล่าว เชื่อว่ามีอีกหลายราย ซึ่งตำรวจ ภาค 5 จะได้สืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดต่อไป.

ดูหนัง HITMAN โคตรเพชฌฆาต 47 HD




ฮิทแมน | เรื่องย่อ
HITMAN โคตรเพชฌฆาต 47 สร้างอ้างอิงจากวิดีโอเกมส์ที่ขายดีติดอันดับต้นๆ ตีแผ่เรื่องราวของ เพชฌฆาตมือฉมังที่ผ่านกระบวนการดัดแปลงพันธุกรรมให้เป็นเซียนนักฆ่าเด็กมูฟวี่ซึ่งรู้จักกันเพียงชื่อ เพชฌฆาต 47

เพชฌฆาต 47 ทำงานมีประสิทธิภาพ แม่นยำราวจับวาง และภาคภูมิใจในผลงานทุกภารกิจเสมอมา แต่แล้ววิถีชีวิตของเพชฌฆาต 47 ที่ “ไม่เคยว่อกแว่ก” มาก่อนก็มีอันต้องหวั่นไหวเมื่อสาวรัสเซี่ยนลึกลับเข้ามารบกวนจิตใจ และสร้างความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอย่างที่เขาเองก็ไม่คุ้นเคย

ทิโมธี่ โอลิแฟ้นท์ (Timothy Olyphant จาก Deadwood และ Live Free or Die Hard หรือ Die Hard 4.0) รับบทนำแสดงเป็น เพชฌฆาต 47 บุรุษ ลึกลับและซับซ้อนที่กำลังเผชิญหน้ากับปรัชญาการดำเนินชีวิตครั้งสำคัญ เขาเกิดมาในแวดวงที่เต็มไปด้วยอาชญากรโหดระดับโลก แต่ถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ท่ามเด็กมูฟวี่กลางความอบอุ่นของผู้เคร่งครัดในคุณงามความดี ตามหลักศาสนา การมีชีวิตอยู่ของเขาเปรียบดังตราบาป แต่เขาก็พยายามลบล้างมลทินนั้นด้วยการทำสงครามหมายกำจัดโลกแห่งมารอย่าง เงียบ ๆ เขาฉลาดปราดเปรื่อง, มีเสน่ห์อย่างแรง, และน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน – แต่เขาก็ไม่เคยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเลย ไม่เคยแม้จะมีชื่อ และเป็นที่รู้จักกันเพียง ตัวเลขสองหลัก ที่สักเป็นรูปบาร์โค้ดอยู่ตรงท้ายทอยเท่านั้น

ภาพยนตร์เรื่อง HITMAN หรือ ฮิทแมน โคตรเพชฌฆาต 47 ยังได้นักแสดงชื่อดังระดับโลกมาร่วมแสดงด้วยมากมาย อาทิ ดูเกรย์ สก๊อต (Dougray Scott จาก Mission Impossible II และ Desperate Housewives), โอลก้า คูริเลนโก้ (Olga Kurylenko จาก Paris je t’aime), โรเบิร์ต เน็พเปอร์ (Robert Knepper จาก Prison Break), อูริช ธอมเซ็น (Ulrich Thomsen จาก Festen), เฮนรี่ เอียน คูซิค (Henry Ian Cusick จาก Lost), และไมเคิ้ล ออฟฟี่ (Michael Offei จาก Casino Royale)

ดูหนัง 2499 อันธพาลครองเมือง





เรื่องราวทั้งหมดเล่าโดยผ่านความทรงจำของ เปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์ (สุริยัน ศักดิ์ไธสง-เสียงบรรยายโดย รุจน์ รณภพ) ก่อนปี พ.ศ. 2500 สมัยที่กรุงเทพ ฯ ยังถูกเรียกว่าพระนคร อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มหลั่งไหลมายังกลุ่มวัยรุ่นเมืองไทย แดง (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เป็นหัวโจกเด็กวัยรุ่น แดงเป็นลูกของ โฉม (ปาริชาติ บริสุทธิ์) โสเภณีที่ตรอกไบเล่ย์ ข้างหัวลำโพง เขาจึงสร้างปมเด่นขึ้นมาด้วยการเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาลเพื่อกลบปมด้อยที่เป็นลูกโสเภณี แดงมีเพื่อนสนิทคือ ปุ๊ (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) , ดำ (ชาติชาย งามสรรพ์) , แหลม (นพชัย มัททวีวงศ์) และ เปี๊ยก (อรรถพร ธีมากร) แดงสร้างชื่อจากการสังหารเฮียหมา นักเลงท้องถิ่นในงานฉลองวันขึ้นปีใหม่ วันหนึ่งในงานเจมส์ ดีนรำลึก พวกแดงได้เจอกับนักร้องสาวคนหนึ่งชื่อ วัลลภา (แชมเปญ เอ็กซ์) วัลลภามีท่าทีสนใจแดงทั้งสองคนจึงได้รู้จักกัน ครั้งนึงปุ๊ไปมีเรื่องกับเด็กในแก๊งของเปี๊ยก ทำให้เปี๊ยกออกรับหน้าแทนจึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น ทำให้เปี้ยกต้องติดคุกและโดนไล่ออกจากโรงเรียนในภายหลัง เป็นชนวนเหตุให้แก๊งระเบิดขวดที่นำโดยปุ๊ และแก๊งไบเล่ย์ของแดงเกิดบาดหมางและก่อให้เกิดเรื่องราวความรุนแรงในเวลาต่อมา

ทั้งคู่ยกพวกตีกันหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่ถนนสิบสามห้าง ย่านบางลำพู หรือในที่ใด ๆ ก็ตาม จนเมื่อเกิดการรัฐประหารโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี พ.ศ. 2501 ความเด็ดขาดที่จะปราบปรามแก๊งวัยรุ่น ทำให้แดงและเปี๊ยกต้องหนีไปพึ่ง หมู่เชียร (อภิชาติ ชูสกุล) ลูกพี่เก่าที่อู่ตะเภา หมู่เชียรกำลังจะเปิดคาสิโนแห่งใหม่ที่นั่นเพื่อรองรับเหล่าทหารอเมริกันที่มารบในสงครามเวียดนาม จึงรับแดงและเปี๊ยกเข้ามาเป็นลูกน้อง ต่อมาไม่นานแหลมก็ตามมา รวมทั้งปุ๊และดำด้วย แดงไม่เห็นด้วยที่หมู่เชียรรับปุ๊และดำ ในที่สุดปุ๊และดำก็ทรยศ โดยไปเข้ากับผู้ใหญ่เต๊ก ผู้ทรงอิทธิพลคู่แข่งหมู่เชียร ในที่สุดหมู่เชียรก็ถูกยิงตาย แดงและพวกจึงเป็นอิสระ และล้างแค้นให้หมู่เชียรโดยยิงกับพวกปุ๊กลางตลาด
ต่อมา แม่ของแดงขอให้แดงบวช แดงยอมบวช แต่ในงานบวช ปุ๊และดำก็มาป่วน แดงและพวกยิงกับปุ๊และดำกลางงาน หลายคนตาย แดงก็บาดเจ็บสาหัสหนัก ที่สุดเขาก็ไม่ได้บวช และไปเป็นลูกน้องเสี่ยจิว ผู้ทรงอิทธิพลที่ชลบุรี และท้ายที่สุดเขาก็รถคว่ำตาย ด้วยวัยเพียง 24 ปี แบบเดียวกับ เจมส์ ดีน วีรบุรุษที่เขารัก















ประชาชนมั่นใจ"ทัวร์นกขมิ้น"แก้น้ำท่วมได้


ตามที่น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  ลงพื้นที่ตรวจการปฏิบัติงานในการป้องกันน้ำท่วมที่ผ่านมา ปรากฎเป็นข่าวในสื่อมวลชนต่างๆและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนต่อการลงพื้นที่ดังกล่าว “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศเพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการดำเนินงาน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้   1,851 คน  ระหว่างวันที่ 11-16 มิ.ย. สรุปผลเผยแพร่ในวันนี้ (17มิ.ย.) ดังนี้
1. ประชาชนคิดอย่างไร? กับการออกตรวจป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา อันดับ 1 ได้เห็นสภาพที่แท้จริงและรับรู้ปัญหาในแต่ละพื้นที่ ได้พบปะใกล้ชิดประชาชน41.57% อันดับ 2แสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจัง เป็นการทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน25.18% อันดับ 3 เป็นการกระตุ้นให้จังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการป้องกันน้ำ ท่วมอย่างเร่งด่วน20.19% อันดับ 4 หลังจากจบทัวร์นกขมิ้นควรมีการติดตามและให้แต่ละจังหวัดรายงานผลความก้าว หน้าเข้ามาเป็นระยะๆ13.06%
2. การที่นายกฯ ลงพื้นที่ทัวร์นกขมิ้น จะช่วยกระตุ้นให้จังหวัดต่างๆเกิดความตื่นตัวในการทำงานหรือไม่? อันดับ 1 ตื่นตัว 57.75% เพราะ ทำให้หน่วยงานราชการในแต่ละจังหวัดเพิ่มความตระหนัก ให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วมมากขึ้น อันดับ 2คงเหมือนๆเดิม 42.25%เพราะ ทัวร์นกขมิ้นเป็นเพียงกระแสช่วงหนึ่งเท่านั้น เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาแบบระยะยาว  3. จากที่ฝ่ายค้านมองว่า “ทัวร์นกขมิ้น” เป็นการทำเพื่อหวังผลทางการเมือง ประชาชนมีความคิดเห็นอย่างไร? อันดับ 1 เห็นด้วย 56.31% เพราะ เป็นเรื่องปกติของการเมืองที่จะต้องทำผลงานเพื่อให้เป็นที่พึงพอใจของ ประชาชน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน ว่าจะมองในแง่บวกหรือลบ เป็นการสร้างภาพเพื่อเรียกคะแนนนิยมและเป็นการกลบกระแสข่าวอื่นๆ อันดับ 2ไม่เห็นด้วย43.69% เพราะ เรื่องน้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญและ สนใจ ,รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการทำหน้าที่ แก้ปัญหาน้ำท่วมให้ประชาชน และมีอำนาจในการสั่งการ มอบหมายให้แต่ละจังหวัดดำเนินการอยู่แล้ว

4. ประชาชนคิดว่า “ทัวร์นกขมิ้น”จะสามารถช่วยป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมได้หรือไม่?อันดับ 1คงจะได้ 49.82% เพราะนายกฯ ได้สั่งการให้แต่ละจังหวัดมีการเตรียมพร้อมในการรับมือกับน้ำท่วม เช่น การทำแนวกั้นน้ำ ขุดลอกคูคลอง อันดับ 2 ไม่น่าจะได้20.05% เพราะกลัวว่าปริมาณน้ำในปีนี้จะมีมากและถ้ามีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องถึงจะมี การเตรียมพร้อมอย่างไร ก็ไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ อันดับ 3ไม่ได้16.27%เพราะ การป้องกันน้ำท่วมต้องใช้ระยะเวลาในการเตรียมการพอสมควรและตอนนี้เข้าสู่ ช่วงหน้าฝนแล้ว บางหน่วยงานยังไม่ได้ลงมือทำหรือทำแล้วแต่ยังไม่มีความก้าวหน้าจึงไม่น่าจะ รับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้ได้ อันดับ 4ได้แน่นอน13.86% เพราะ  รัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรับผิดชอบเรื่องน้ำท่วม นายกฯแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่

ปูถกผบ.เหล่าทัพ -จ่อไฟเขียว“นาซ่า”ใช้อู่ตะเภา


          เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 08.00 น. ที่ โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เมืองพัทย จ.ชลบุรี  ผบ.เหล่าทัพประกอบด้วยพล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร.  พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.  พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส.  พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.  ได้ทยอยเดินทางมาร่วมประชุมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อหารือกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาขอใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โดยกองทัพของสหรัฐฯขอใช้เพื่อเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและความช่วยเหลือด้าน มนุษยธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(องค์การนาซ่า) ขอใช้เพื่อจอดอากาศยานขึ้นบินเพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ
              โดยพล.อ.อ.สุกำพล เปิดเผยก่อนการหารือว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นกับกระทรวงการต่างประเทศ มีความเห็นด้วยในทิศทางเดียวกันว่า ไม่มีผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศ เบื้องต้นทราบว่าจะมีเครื่องบินขององค์การนาซาบินเข้ามา 3 ลำ เพื่อสำรวจและเจ้าหน้าที่ของไทยที่เกี่ยวข้องิสามารถเข้าร่วมสังเกตการกับ องค์การนาซาได้ทุกขั้นตอน ยืนยันว่าไม่มีนอกมีในอย่างที่หลายฝ่ายวิตกอย่างแน่นอน   เมื่อถามว่า ข้อมูลในเชิงความลับทางความมั่นคงจะไม่รั่วไหลใช่หรือไม่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีทางรั่วไหล และต้องทราบก่อนว่าในส่วนของประเทศไทยต้องการดูอะไร หากเปิดเว็บไซต์ของกูเกิล ก็ดูได้แล้ว อย่างบ้านตนเห็นถึงหลังคา
            " ยืนยันว่างานด้านความมั่นนคงไม่มีอะไรที่จะเกิดความเสียหาย  ผมแคร์เรื่องนี้และการสำรวจของนาซา หลายประเทศก็ทำมาก่อนแล้ว ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ติดกับเรา เช่น กัมพูชา ก็ให้สหรัฐฯบินผ่านได้ ทุกวันนี้ไม่ต้องกลัวในเรื่องที่บินถ่ายรูปแล้วเก็บข้อมูลของเราไป เพราะทุกวันนี้ดาวเทียมมีอยู่เต็มไปหมด และถ้าอยากได้ภาพที่ชัดเจรก็ยอมเสียเงินนิดหน่อยใช้เว็บไซต์ของกูเกิล ก็ สามารถขยายภาพเห็นได้ชัดและใหญ่กว่า ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรีเรียกคุยวันนี้เพื่อให้เกิดความรอบครอบ ในเมื่อท่านรับผิดชอบสูงสุดก็จะฟังว่าแต่ละฝ่ายมีความคิดเห็นอย่างไร" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
            เมื่อถามว่าการอนุญาตให้องค์การนาซ่ามาใช้อู่ตะเภา ไม่เกี่ยวกับการที่สหรัฐฯจะให้วีซ่าคืนกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ รมว.กลาโหมกล่าววา พวกที่ออกมาพูดเช่นนั้นเป็นพวกที่ทำให้รัฐบาลเสีย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปแลกวีซ่าของอดีตนายกรัฐมนตรี มันเป็นเรื่องตลกที่พูดเช่นนี้ เรื่องนี้ดูที่คนพูดก็น่าจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าเป็นเรื่องตลก
             ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า องค์การนาซาได้ทำหนังสือมายังกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่าน มา เพื่อที่จะขอมาสำรวจเมฆเพื่อใช้ในการพยากรณ์อากาศ ซึ่งตอนนั้นได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคงกระทรวงวิทยาศาสตร์ กองฝนหลวง กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งก็มีข้อห่วงใยในการที่จะมาใช้สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งต้องบินผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ทางไทยจึงให้องค์การนาซาเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านก่อน ซึ่งในที่สุดก็ไม่มีใครคัดค้าน องค์การนาซาจึงทำหนังสือมาถึงตนอีกครั้ง เมื่อต้นเดือนมฺิ.ย.ที่่ผ่านมา และมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.ไปแล้ว ซึ่งองค์การนาซาต้องการใช่สถานที่อู่ตะเภาแค่2เดือน คือเดือนส.ค.และก.ย.  โดยจะมีเจ้าหน้าฝ่ายไทยขึ้นบินด้วยทุกครั้ง เพื่อเอาตัวอย่างของเมฆไปวิเคราะห์ ส่วนที่มีความห่วงใยว่าสหรัฐฯจะมาถ่ายภาพละเห็นกองกำลังของฝ่ายความมันคงไทย นั้นยืนยันว่าจะไม่เกี่ยวกันเลย ส่วนกรณีที่ พล.อ.มาติน อี.เดมพ์ซี่ย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐอเมริกาหรือผบ.สส.ของสหรัฐฯที่มาพบนายกฯในช่วง ที่ผ่านมา ยืนยันว่าเป็นคนละส่วนกัน อีกทั้งองค์การนาซาที่จะเข้ามาดำเนินการที่ฮ่องกงมาก่อนแล้ว ซึ่งฮ่องกงก็อยู่ในดินแดนของประเทแศจีนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
             "การที่หลายฝ่ายอกมาพูด ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ทำให้เกิดปัญหา ในข้อเท็จจริงนาซาเข้ามาใช้งานแค่2เดือน มาแค่เก็บตัวอย่สงเมฆเท่านั้น โดยจะบินมาเข้ามาทางประเทศสิงคโปร์และมาไทย เพื่อมาดูในเรื่องภัยพิบัติ และการพยากรณ์อากาศ" รมว.กต.กล่าว
               เมื่อถามว่า จะตรวจเช็คอย่างไรว่าข้อมูลในชั้นความลับของเราจะไม่รั่วไหล รมว.กต.กล่าวว่า นาซาไม่สามารถที่จะบินเดี่ยวได้ ทั้งนี้ทางฝ่ายความมั่นของเราได้มีการประชุมเรียบร้อยแล้วส่วนที่มีข่าวว่า ทางการจีนมีความเป็นห่วงในเรื่องนั้นยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
             "ทางการจีนไม่ได้ห่วงมีแต่คนไทยเท่านั้น โดยเฉพาะอีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่เข้าใจ ซึ่งผมจะมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและอธิบดีกรมสารนิเทศ เชิญตัวแทนจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยี่และและกองฝนหลวงมาร่วมแถลงข่าว เพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น รมว.ต่างประเทศ กล่าว
            
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หากเรื่องนี้ผ่านความเห็นชอบจากครม.ไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภา เพราะไม่เข้าข่ายมาตรา190  ซึ่งทางนี้พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเข้าใจดีการพูดโดยใช้การเมืองมาพูดมันไม่ สร้างสรรค์
            "ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนำวีซ่าไปแลกกับพ.ต.ท.ทักษิณ   เพราะคนอย่างนายกฯทักษิณ หากให้เลือกระหว่างประโยชน์ของตัวเองและประโยชน์ของประเทศชาติ ท่านต้องเลือกกประโยชน์ประเทศชาติอยู่แล้ว  นายสุรพงษ์ กล่าว
             เมื่อถามว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมครม.ในวันที่19มิ.ย.นี้ใช่หรือ ไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นไปได้   แต่ต้องหาข้อสรุปให้ตรงกันก่อน ซึ่งนอกจากเรื่องที่นาซาจะมาขอให้พื้นที่อู่ตะเภาแล้ว ยังมีเรื่องการช่วยเหลือมนุษย์ที่ประสบภัยพิบัติ  และตนตั้งใจว่าในเรื่องของการฝึกร่วมเพื่อให้การช่วยเหลือดังกล่าวตนจะเชิญ ทางการจีน ออสเตรเลีย และประเทศที่เจริญแล้วมาร่วมด้วย เพราะหากภูมิภาคเกิดภัยพิบัติจะได้ช่วยกันทัน   ซึ่งสาเหตุที่มาใช้สนามบินอู่ตะเภา มีทั้งท่าเรือและสนามบิน
        รมว.ต่างประทศ กล่าวอีกว่า จะถือโอกาสรายงานการหารือกับ นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ ให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ทั้งเรื่องการนัดพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายโอบามาร์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และการขอความร่วมมืองทางการสหรัฐเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การลักลอบค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน การป้องกันการก่อการร้าย ซึ่งสหรัฐฯเขามีการจัดการที่ดี นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องเมียนมาร์ ทะเลจีนได้ ซึ่งในเดือน กรกฎาคมนี้ไทยจะเป็นผู้ประสานงานระหว่างอาเซียนกับจีน ซึ่งเป็นงานที่หนักมา
          ขณะที่พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า   จากการที่สหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาในการพยากรณ์อากาศ และใช้เพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถือว่าเป็นประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญต้องดูขอบเขตและวัตถุประสงค์ว่า เป็นอย่างไร เบื้องต้นเห็นว่า ได้มีการชี้แจงประเทศเพื่อนบ้านเราแล้ว และชี้กับทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้วก็ไม่มีประเทศไหนท้วงติงกลับมา

ส.ว.หวั่นปชป.-พท.ปั่นหัวชาวบ้าน


         วันนี้ ( 18 พ.ค. )  ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนจะเข้าสู่วาระการประชุม นายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง ได้หารือถึงร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน วันนี้แต่ละกลุ่มได้ตั้งกลุ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเสื้อเหลือง เสื้อแดง ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ทำให้เห็นว่าโอกาสที่จะปรองดองเกิดขึ้นยาก เพราะในร่างพ.ร.บ.ฯก็เขียนไว้กว้างขวาง การย้อนหลังไปถึงปี 48 หมายความว่าอย่างไร อยากให้ระบุให้ชัดว่ามีกรณีไหนบ้างที่จะไม่ผิด อย่างคดีที่ศาลพิพากษาไปแล้วจะพ้นความผิดอย่างไร ประเด็นเหล่านี้ต้องชัดเจน เพราะอาจเป็นปัญหาต่อไปในวันหน้า รัฐบาลจะให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมได้ไหม อย่างคดีการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ที่อัยการเพิ่งส่งฟ้องก็ชัดเจน ที่สำคัญต้องสอบถามประชาชนทั่วประเทศก่อนว่าจะให้เรื่องไหนบ้างที่ไม่มีความ ผิด
           ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา แกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวว่า ขณะนี้พ.ร.บ.ปรองดองอยู่ในช่วงพักรบชั่วคราว แต่สามารถนำขึ้นมาพิจารณาได้ เพราะอยู่ในวาระแรกของการประชุม รู้สึกไม่สบายใจที่มีคนไปพูดในรายการวิทยุรัฐสภา เพื่อโน้มน้าวประชาชน ว่าจะทำให้เกิดความปรองดอง วันนี้ทุกคนกินข้าวรู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นการนิรโทษกรรมแน่นอน ทำไมต้องย้อนไปถึงปี 48 เพราะเกี่ยวข้องคดีทุจริตทั้งสิ้น ทั้งคดี ซีทีเอ็กซ์ เอ็กซิมแบงก์ คดีขายหุ้นโดยไม่ต้องจ่ายภาษี รวมถึงการอนุมัติโครงการต่างๆ และต่อเนื่องมาจนถึงปี 54 ที่เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมทุกคดี ดังนั้นรัฐบาลต้องแจงว่ามีทั้งหมดกี่คดี ทั้งของฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายต่อต้าน และคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตจะมีการนิรโทษกรรมหรือไม่
              นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า สิ่งที่กังวลคือเมื่อรัฐสภาปิดแล้ว ทั้งพรรคฝ่ายค้าน พรรครัฐบาลไปตั้งเวทีนอกสภา เพื่อปลุกระดมขยายผลความคิดของตัวเอง ซึ่งมีทั้งมวลชนและโทรทัศน์เลือกข้างเป็นเวทีปลุกระดม ที่จะเป็นปัญหากับบ้านเมือง ความสามัคคีไม่เกิดความปรองดองไม่มี แต่ที่ต้องขอบคุณคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่พูดเตือนสติให้คนที่ยั่วยุทหารทำรัฐประหาร ให้ไปทำปฏิวัติเอง อย่างไรก็ตามหากเป็นไปได้อยากให้เสนอเปิดเวทีให้กับส.ว.ได้พูดคนละ 5-10 นาที เพื่อให้ข้อเสนอแนะแก่รัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ดีกว่าปล่อยบ้านเมืองไปอย่างนี้

“มาร์ค”ปัดร่วมรัฐบาลกับพท.


วันนี้ ( 18 พ.ค. ) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งคนกลางมาเจรจาให้เลิกขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการออกพ.ร.บ.ปรองดองฯ แลกกับเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ว่า นายสุเทพ และอีกหลายท่าน ได้มาเล่าให้ตนฟังเป็นระยะและหลายครั้ง ว่ามีการติดต่อมา รวมถึงมีข้อเสนอในการจัดตั้งรัฐบาลสองพรรคด้วย ซึ่งเมื่อตนทราบก็ได้เชิญผู้มีบทบาทสำคัญในพรรคมาแจ้งให้รับทราบในเรื่องดัง กล่าว เนื่องจากเกรงว่าจะมีคนมาพูดว่ามีการติดต่อประสานงานกัน ซึ่งต้องขอยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีแนวคิดดังกล่าว และทุกคนก็เห็นตรงกันว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าการติดต่อมามีปรากฏมาเรื่อยๆ เราไม่สามารถระบุชัดเจนได้ว่าเริ่มจากใคร แต่มั่นใจว่าสิ่งที่นายสุเทพ พูดนั้นไม่ผิดแน่นอน  และการที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า เป็นการเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกนั้น เขาเหล่านั้นจะไปรู้เรื่องอะไร พวกนี้ก็ทำเป็นบริสุทธิ์ไปได้ น่าจะรู้จักพ.ต.ท.ทักษิณดี
ส่วนจุดมุ่งหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาทำทุกวิถีทาง โดยลักษณะของพ.ต.ท.ทักษิณ อะไรที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับตัวเองเขาก็ทำทุกทาง ทางไหนใช้ได้ดีเขาก็เอา และที่สำคัญคือ พ.ต.ท.ทักษิณ เปลี่ยนจุดยืนตลอดเวลา อาทิ ขอไม่ติดคุก ไม่เอาเงินคืน ไม่เล่นการเมือง แต่ขณะนี้เขาพูดค่อนข้างชัดว่าอยากจะกลับเข้ามาสู่การเมืองอีกครั้ง และชัดเจนว่า ทุกอย่างที่เขาพูดก็เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ส่วนการที่ตนพูดบนเวทีปราศรัยบนเวที ผ่าความจริง หยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง โดยระบุว่า โรคขี้ข้าทักษิณ กำลังระบาดที่ดูไบนั้น  ขอยืนยันว่าไม่มีการระบาดมาที่พรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ และรัฐธรรมนูญ ที่มีความพยายามที่จะให้เกิดการประนีประนอมกับทางพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ยินสัญญาณการประนีประนอมทั้งนั้น เพราะนี่เป็นแค่เป้าหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต้องการจะล้างผิดตัวเอง ไม่ต้องการอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ส่วนประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไรนั้น  สังคมต้องอดทน ไม่จำนนต่อความไม่ถูกต้อง เพราะถ้าทำเช่นนั้น เราจะทำลายบ้านเมืองที่ปกครองด้วยกฎหมาย ปัญหาก็จะตามมามากขึ้น ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการเอาชนะกับความไม่ถูกต้อง ซึ่งการที่พรรคประชาธิปัตย์เดินสายตั้งเวทีก็เพื่อให้ความจริงกับประชาชนโดย เฉพาะกฎหมายปรองดอง
เมื่อถามว่าบนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำคนเสื้อแดง ระบุว่า ถ้าอยากให้บ้านเมืองพังก็จะช่วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าทางแกนนำเสื้อแดง ทำอะไรก็ได้ เพราะต้องการที่จะเอาชนะ แต่ต้องถามว่านี่เป็นแนวทางที่พ.ต.ท.ทักษิณ สนับสนุนใช่หรือไม่ และบ้านเมืองจะยอมให้เขาทำเช่นนี้หรือไม่ ต่อข้อถามว่าคนเสื้อแดงควรจะเรียนรู้พฤติกรรมของพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้พูดมาตลอดว่าให้ติดตามการกระทำ และคำพูดของทุกฝ่าย และน่าจะทราบว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เห็นคุณค่าอะไร นอกจากใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่า นั้น

วุฒิแจ้งส่งคำร้องถอดถอน “ขุนค้อน”ให้ป.ป.ช.


               ที่รัฐสภา  ( 18 มิ.ย. )  ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช  รองประธานวุฒิสภา เป็นประธาน ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า หลังจากมีผู้ยื่นคำร้องขอให้ถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกจากตำแหน่ง ต่อประธานวุฒิสภา ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานคำร้องถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์ จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อไป จากนั้นจึงเริ่มพิจารณาตามวาระคือ ร่างพ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง ซึ่งที่ประชุมมีมติรับหลักการในวาระแรก
             จากนั้นนายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ได้เสนอให้ที่ประชุมร่วมแสดงความเห็น และข้อเสนอแนะทางออกของสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมืองในปัจจุบัน โดยนางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกฝ่ายกำลังสร้างปัญหา ไม่ใช่แก้ปัญหาให้บ้านเมือง รัฐบาลกำลังนำองค์กรตัวเองเข้าไปสู่ปัญหา วันนี้บ้านเมืองมีปัญหามากอยู่แล้วโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ จากวิกฤติยูโรโซน ความขัดแย้งไม่ใช่สิ่งพึงปรารถนา ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเสนอพ.ร.บ.ปรองดองเข้ามาให้เกิดความกดดันกัน เอาเวลาไปมุ่งแก้ปัญหาปากท้อง จะได้ประโยชน์และได้เครดิตกว่า การตั้งเวทีซ้อนเล่นกันช็อตต่อช็อตไม่ใช่แนวทางที่ดี
               นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า มีคนพูดว่าเดือนนี้เผาหลอก เดือนต.ค.เผาจริง ต่างฝ่ายต่างพูดยุแยงประชาชนให้ต่อสู้กัน ทุกอย่างมาจากแกนนำ แต่ประชาชนต้องเดือดร้อน เรื่องนี้แก้ง่ายถ้าผู้นำยอมไม่เสนอ ไม่ว่าจะเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ยังไม่หนักหนาเท่า ร่างพ.ร.บ.ปรองดอง หากไม่เสนอก็ไม่มีคนออกชุมนุมไล่ ชื่อปรองดองแต่เนื้อในเป็นพ.ร.บ.แตกแยก
               นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลายคนพยากรณ์ว่าเลือดจะนองท้องช้าง จะเกิดความรุนแรงมากกว่าครั้งใดๆ ซึ่งตนห่วงตามที่หลายคนวิเคราะห์แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เลี่ยงไม่ได้เพราะเป็นความขัดแย้งทางโครงสร้าง ห่วงผลกระทบเพราะเล็งเห็นว่าความรุนแรงที่จะเกิดมันน่ากลัว ความคิดความเชื่อที่ขัดกันจะไม่มีปัญหาเลยถ้าประโยชน์มันไม่ขัดกัน ความรุนแรงเริ่มมาจากความรู้สึกเกลียด จากนั้นนำไปสู่ความคิดและการกระทำ
             จากนั้นนางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภา ประธานการประชุม ได้แจ้งผลงานของวุฒิสภา ในสมัยสามัญนิติบัญญัติ และให้ที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติใน วันที่ 19 มิ.ย.

ขู่ “แม้ว” พท.แตก-ดึงปชป.ร่วมรัฐบาล


        วันนี้ (18 มิ.ย.)ที่รัฐสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.  แถลงถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ส่งตัวแทนมาคุยกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อขอให้เข้าร่วม จัดตั้งรัฐบาลว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงแล้วพบว่าสิ่งที่นายสุเทพพยายามให้ข้อมูลกับ สังคมไม่เป็นความจริง คงเป็นแค่อาการเพ้อของนายสุเทพที่อยากเป็นรัฐบาลจนตัวสั่น เรื่องนี้มองในแง่ใดมิติใดก็เป็นไปไม่ได้ นายสุเทพไม่ได้มองในสิ่งที่เป็นจริงในสังคมเป็นการมองเพียงด้านเดียวเพื่อ เพื่อให้คนเสื้อแดงเกิดความหวาดระแวงต่อพ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นจะทำให้เกิดความโกธรเคืองมาที่รัฐบาล ตรงนี้ถือเป็นยุทธศาสตร์ของอำมาตย์ที่มองว่าถ้าคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย แตกหักกันได้จะทำให้ล้มรัฐบลได้ไม่ยากเหมือนที่เคยทำลายรัฐบาลสมชายและสมัคร มาแล้ว
     “ขอให้สังคมไปดูนายสุเทพพูดเรื่องเก่าๆ ว่าเชื่อถือได้แค่ไหนไม่ว่าจะเป็นเรืองส.ป.ก.4-01สมัยเป็นรมว.เกษตรที่ บอกว่าจะแจกให้คนยากจนแต่สุดท้ายก็ไปแจกเศรษฐี หรือเรื่องผังล้มเจ้าก็เป็นผังลวงโลก หรือเรื่องชายชุดดำก็เป็นชายใจดำ ยืนยันกับคนไทยทั้งประเทศได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงเป็นเรื่องที่ ปล่อยข่าวให้สังคมไขว้เขว ถ้าวันนี้คุณทักษิณไปทำอย่างนั้นจริงๆ พรรคเพื่อไทยก็ได้แค่พรรคประชาธิปัตย์พรรคการเมืองน้ำเน่าหนึ่งพรรค แต่สูญเสียมวลชนที่เป็นมิตรยังไงก็ไม่คุ้ม เชื่อว่าเป็นแค่แผนลวงโลกเท่านั้น”นายก่อแก้ว กล่าว
           ผู้สื่อข่าวถามว่า  ล่าสุดนายอภิสิทธิ์ได้ออกมายอมรับว่ามีการทาบทามจริง นายก่อแก้ว กล่าวยืนยันว่า ตรงนี้ถือเป็นแผนลวงโลกอยากให้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพนำพยานหลักฐาน และวันเวลามาชี้แจงเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง เมื่อถามย้ำว่าได้มีการพูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ แล้วหรือยังจึงมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องจริง นายก่อแก้ว กล่าวว่า ตนไม่ได้คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณโดยตรงแต่ได้คุยกับคนรอบข้างที่ล้วนแต่เป็นบุคคล ที่มีต่อการตัดสินใจและรับทราบแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณ จึงทราบว่าไม่เป็นความจริง เพราะทุกเรื่องถ้าเป็นเรื่องใหญ่ต้องมีการนำเข้าสู่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของ พรรค
           ผู้สื่อข่าวถามว่า ตรงนี้มองเป็นเรื่องส่วนตัวของพ.ต..ท.ทักษิณที่ไปทาบทามให้มาตั้งรัฐบาลใช่ หรือไม่ นายก่อแก้วนิ่งไปสักพักแล้วตอบว่า “ถ้าทำจริงพรรคก็ต้องแตก พรรคพวกผมตายไปร้อยกว่าคนจะให้ผมไปจับมือกับนานยสุเทพคงไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวถือเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ อีก ถ้าตั้งรัฐบาลขึ้นจริงพรรคก็แตกปั๊บทันที”
          ผู้สี่อข่าวถามอีกว่ามองหรือไม่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณหลอกใช้คนเสื้อแดง นายก่อแก้วกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่คนโง่ หากต้องเลือกระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับคนเสื้อแดงทั้งประเทศ โดยในระยะยาวพ.ต.ท.ทักษิณจะตอบกับสังคมไม่ได้ถ้าทำแบบนี้

“ปู”ลั่น พท.ไม่มีทางร่วมปชป.


วันนี้  (18 มิ.ย. )  ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งคนใกล้ชิดมาขอให้พรรคประชาธิปัตย์ยุติการเคลื่อนไหวคัดค้านร่างพ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติ แล้วจะให้เข้าร่วมรัฐบาล ว่า ตนไม่เคยได้ยินและไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อน  เมื่อถามว่าแล้วนายกรัฐมนตรีคิดว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นายกรัฐมนตรี หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้
เมื่อถามว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยคิดว่าจะไปด้วยกัน ได้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราต้องทำหน้าที่ของเรา ทุกคนต้องทำหน้าที่ของพรรคบนกลไกของกระบวนการประชาธิปไตย และทำทุกอย่างทุกภารกิจ ในวันนี้พรรคเพื่อไทยมีหน้าที่ในเรื่องการบริหารบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำหน้าที่ในส่วนของพรรคเขา ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ของตนเอง คงไม่มีการเจรจาแบบนี้  เมื่อถามว่าคิดว่าการที่นายสุเทพ ประกาศเช่นนี้ มีวัตถุประสงค์ใด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว แต่เดินแหวกวงล้อมผู้สื่อข่าวเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและ เอกชน (กรอ.) ทันที
ด้านนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  นายสุเทพอย่าฝันมากไป วันนี้ประเด็นการเมืองมีหลากหลาย แต่ประเด็นการเมืองที่สำคัญวันนี้คือรัฐบาลยังคงทำงานอยู่ และมีเสียงส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องไปชวนฝ่ายค้านให้เข้ามาร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อสู้ที่ผ่านมาทั้งนโยบายของพรรคและแนวทางของพรรคเข้า กันไม่ได้ จึงไม่มีทางที่รัฐบาลจะเชิญพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล และถ้ามีการเชิญมาร่วมรัฐบาลก็คงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด
“ผมคิดว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในกลุ่มก้อนของ พรรคเพื่อไทย รัฐบาล และกลุ่มคนเสื้อแดง วันนี้ต้องยืนยันว่าทุกกลุ่มทำงาน และสนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีกระบวนการที่จะทำให้เกิดความแตกแยกใดๆ” นายสุรนันทน์ กล่าวและว่า ตนอยากขอความกรุณาประชาชนและสื่อมวลชนว่าขณะนี้มีความพยายามปล่อยข่าวลือ สร้างความสับสน รัฐบาลยังยืนหยัดว่าวันนี้จะทำงานบริหารประเทศโดยเอาผลงานเป็นตัวตั้ง และอยากจะพิสูจน์ด้วยผลงาน ไม่ใช่การเมือง ส่วนการที่ใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลหรือไม่นั้น คงต้องรอการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ใช่จะมาทำให้เกิดความแตกแยกตรงนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ควรออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจนด้วยตัวเองหรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ได้ปฏิเสธไปแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงคงต้องไปถามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทุกคนปฏิเสธแล้ว นายสุเทพก็คงต้องไปถามกับตัวเองและในพรรคประชาธิปัตย์ว่าการปล่อยข่าวเช่น นี้มีความประสงค์ใด ตนคิดว่าวันนี้นายสุเทพเล่นเกมกับสื่อมากกว่า

เพื่อไทยซัด “สุเทพ” ท้าเผยชื่อ “ทักษิณ” สั่งทนายฟ้องฐานหมิ่นประมาท


        วันนี้ ( 18 มิ.ย. ) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคเพื่อไทยว่า ที่ประชุมมีการหารือถึงกรณีที่ขณะนี้มีฝ่ายตรงข้ามบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ ประชาชนสับสนโดยเฉพาะการกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการเสนอร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย ความปรองดองแห่งชาติ เป็นการทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมมีมติให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยชี้แจงกรณีดังกล่าวต่อประชาชนผ่าน การจัดกิจกรรม 3 รูปแบบ ในระหว่างที่มีการปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ คือ 1.โครงการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ทางการเมืองจำนวน 300 เขตทั่วประเทศ  2.การจัดเวทีปราศรัย 19 โซนๆละ 2 จังหวัด และ 3. มีการจัดเวทีสัมมนาในวันที่ 23-24 ก.ค. เพื่อกำหนดท่าทีของพรรคในการทำหน้าที่การประชุมสมัยสามัญทั่วไป
         โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามีการพ.ต.ท.ทักษิณส่งคนกลางมาเจรจาโดยมี 1 ชาย 2 หญิงเป็นล็อบบี้ยิสต์นั้นถือเป็นเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์  นายสุเทพ หวังเสี้ยมให้มวลชนแตกแยกจากพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นลักษณะว่าพ.ต.ท.ทักษิณ หรือคนในรัฐบาล ไปหักหลังคนเสื้อแดง หักหลังมวลชน ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เป็นการเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใจคนอื่น สิ่งนี้ขอปฏิเสธว่าไม่มีทางเป็นไปได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ไม่มีใครไปติดต่ออย่างแน่นอน ขอให้นายสุเทพ หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เปิดเผยรายชื่อออกมาไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการ โกหกลวงโลก อย่างไรก็ตามขณะนี้ทราบว่าฝ่ายกฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ กำลังศึกษาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทผ่านการโฆษณา และในส่วนของพรรคก็จะรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

“เฉลิม” ปูดพบเงิน 520ล.ผ่านเมียนักการเมืองใหญ่


        วันนี้ ( 18 มิ.ย. ) ที่สวนนงนุช จ.ชลบุรี  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบนโยบายให้กับตำรวจภูธรภาค 2 ว่า วันที่17 มิ.ย.ที่ผ่านตนได้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการท่องเที่ยวเพื่อขับ เคลื่อนนโยบายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาทภายใน5ปี โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานในการบูรณาการบริหารบุคลากร ซึ่งพบว่าปัญหาการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจทสกี เรื่องรถป้ายดำ ตนจึงมอบหมายให้พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น   ผบช.ภ.2 ให้ระดมความคิดเห็นและทำแผนในการแก้ปัญหาในพื้นที่ โดยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 22 มิ.ย.เพื่อนำไปเป็นต้นแบบในพื้นที่อื่นๆต่อไป ส่วนในพื้นที่ภาค 2 ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอาชญากรรม โดยในพื้นที่ที่มีผู้มีกำลังซื้อมาก เพราะสถานบริการ สถานบันเทิง จำนวนมาก จึงอยากให้ดูแลเรื่องการปิด ไม่ให้เกินตี2นาฬิกา 30 นาที และขอให้เข้มงวดเรื่ิองเด็กอายุไม่ถึง20 ปี เข้าสถานบันเทิง เพราะอาจนำไปสู่การเสพยาเสพติด 
           ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การเมืองก็มีประเด็นทั้งเรื่อง อีทวอร์เตอร์ที่อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่องสัญญาบีทีเอส นอกจากนี้มีคนบอกว่ามีภรรยานอกสมรสของนักการเมืิองใหญ่รายหนึ่ง มีความเคลื่อนไหวทางบัญชี 520 ล้านบาท
          จากนั้นร.ต.อ. เฉลิม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า มีเรื่องภรรยานักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่อยู่คนหนึ่ง ที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีเงินเข้าบัญชีตั้งแต่เดือน ก.ย.54 - พ.ค. 55 เป็นจำนวนเงิน 520 ล้านบาท ในระยะเวลา9เดือน มีการโอนติดต่อกันเดือนละ 57 ล้านบาท มีคนเขามาบอก แต่ตนก็ยังไม่เชื่อว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่ตนนอนฝันเมื่อคืนหลังจากที่เขาบอกแล้ว ฝันว่าเป็นเรื่องจริง ใช้วิธีการผ่านตลาดหลักทรัพย์  เรื่องนี้ถ้าสื่อสนใจให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ใช่เรื่องของการคุกคามข่มขู่  เป็นข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องทราบความเป็นจริงที่สังคมไทยต้องรับรู้  ว่าใครเป็นคนดี และใครคนชั่ว  และเรื่องนี้ถ้าอยากรู้อยากทราบก็รวมตัวมาถามตนบ่อยๆ และตนจะเปิดเผยข้อมูลให้  เมื่อถามว่า เป็นการออกมาพราะขณะนี้มีกระแสข่าวเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ อยู่หรือไม่  ร.ต.อ.เฉลิม  กล่าวว่า ตนยังไม่ได้บอก ว่าเมียผู้ยิ่งใหญ่คนไหน แต่ถึงแม้จะมีอะไรก็ตาม ถ้าข้อเท็จจริงมันไม่มีอยู่จริง มันก็พูดไม่ได้ มันต้องเป็นเรื่องจริง  เรื่องนี้ไปกล่าวหาไม่ได้ เมื่อถามว่า เงินก้อนนี้เกี่ยวข้องในส่วนไหน ร.ต.อ. เฉลิม  กล่าวว่า  เราต้องตามหา  เมื่อถามย้ำว่านำเข้ามาใช้ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่  ร.ต.อ. เฉลิม  กล่าวว่า ไม่บอกแต่ตนมีหลักฐาน 100%  ส่วนกรณีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายืนยันกรณีที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  มาเจรจากับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ  ร.ต.อ. เฉลิม  กล่าวว่า  ตนไม่รู้จริงๆ  อะไรที่ตนไม่รู้ตนจะไม่พูด เมื่อถามย้ำว่า นายอภิสิทธิ์ก็พยายามโยงว่า  สิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำเพื่อให้ได้ประโยชน์ของตัวเองมากที่สุด ร.ต.อ. เฉลิม กล่าวว่า จริงแล้วมีใครไปชวนหรือเปล่า ชวนแล้วประชาธิปัตย์มาหรือไม่ มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้  ในสายตาตนไร้สาระ เอาอย่างนี้ดีกว่าให้ตนแฉว่าใครที่เป็นคนโกงบ้านโกงเมือง ใครเป็นนักการเมืองที่คอรัปชั่น ใครเป็นผู้ยิ่งใหญ่หาประโยชน์  ส่วนเรื่องที่ใครจะรวมกับใคร เป็นเรื่องไร้สาระ

ปูถกผบ.เหล่าทัพ -จ่อไฟเขียว“นาซ่า”ใช้อู่ตะเภา


          เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 08.00 น. ที่ โรงแรมรอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป เมืองพัทย จ.ชลบุรี  ผบ.เหล่าทัพประกอบด้วยพล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร.  พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.  พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส.  พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.  ได้ทยอยเดินทางมาร่วมประชุมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพื่อหารือกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาขอใช้ประโยชน์จากพื้นที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โดยกองทัพของสหรัฐฯขอใช้เพื่อเป็นศูนย์บรรเทาสาธารณภัยและความช่วยเหลือด้าน มนุษยธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ(องค์การนาซ่า) ขอใช้เพื่อจอดอากาศยานขึ้นบินเพื่อตรวจสอบสภาพอากาศ
              โดยพล.อ.อ.สุกำพล เปิดเผยก่อนการหารือว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นกับกระทรวงการต่างประเทศ มีความเห็นด้วยในทิศทางเดียวกันว่า ไม่มีผลกระทบกับความมั่นคงของประเทศ เบื้องต้นทราบว่าจะมีเครื่องบินขององค์การนาซาบินเข้ามา 3 ลำ เพื่อสำรวจและเจ้าหน้าที่ของไทยที่เกี่ยวข้องิสามารถเข้าร่วมสังเกตการกับ องค์การนาซาได้ทุกขั้นตอน ยืนยันว่าไม่มีนอกมีในอย่างที่หลายฝ่ายวิตกอย่างแน่นอน   เมื่อถามว่า ข้อมูลในเชิงความลับทางความมั่นคงจะไม่รั่วไหลใช่หรือไม่ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่มีทางรั่วไหล และต้องทราบก่อนว่าในส่วนของประเทศไทยต้องการดูอะไร หากเปิดเว็บไซต์ของกูเกิล ก็ดูได้แล้ว อย่างบ้านตนเห็นถึงหลังคา
            " ยืนยันว่างานด้านความมั่นนคงไม่มีอะไรที่จะเกิดความเสียหาย  ผมแคร์เรื่องนี้และการสำรวจของนาซา หลายประเทศก็ทำมาก่อนแล้ว ซึ่งฝ่ายความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ติดกับเรา เช่น กัมพูชา ก็ให้สหรัฐฯบินผ่านได้ ทุกวันนี้ไม่ต้องกลัวในเรื่องที่บินถ่ายรูปแล้วเก็บข้อมูลของเราไป เพราะทุกวันนี้ดาวเทียมมีอยู่เต็มไปหมด และถ้าอยากได้ภาพที่ชัดเจรก็ยอมเสียเงินนิดหน่อยใช้เว็บไซต์ของกูเกิล ก็ สามารถขยายภาพเห็นได้ชัดและใหญ่กว่า ซึ่งการที่นายกรัฐมนตรีเรียกคุยวันนี้เพื่อให้เกิดความรอบครอบ ในเมื่อท่านรับผิดชอบสูงสุดก็จะฟังว่าแต่ละฝ่ายมีความคิดเห็นอย่างไร" พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
            เมื่อถามว่าการอนุญาตให้องค์การนาซ่ามาใช้อู่ตะเภา ไม่เกี่ยวกับการที่สหรัฐฯจะให้วีซ่าคืนกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่ รมว.กลาโหมกล่าววา พวกที่ออกมาพูดเช่นนั้นเป็นพวกที่ทำให้รัฐบาลเสีย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปแลกวีซ่าของอดีตนายกรัฐมนตรี มันเป็นเรื่องตลกที่พูดเช่นนี้ เรื่องนี้ดูที่คนพูดก็น่าจะรู้ว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าเป็นเรื่องตลก
             ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า องค์การนาซาได้ทำหนังสือมายังกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่าน มา เพื่อที่จะขอมาสำรวจเมฆเพื่อใช้ในการพยากรณ์อากาศ ซึ่งตอนนั้นได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคงกระทรวงวิทยาศาสตร์ กองฝนหลวง กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งก็มีข้อห่วงใยในการที่จะมาใช้สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งต้องบินผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ทางไทยจึงให้องค์การนาซาเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านก่อน ซึ่งในที่สุดก็ไม่มีใครคัดค้าน องค์การนาซาจึงทำหนังสือมาถึงตนอีกครั้ง เมื่อต้นเดือนมฺิ.ย.ที่่ผ่านมา และมีการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมครม.ไปแล้ว ซึ่งองค์การนาซาต้องการใช่สถานที่อู่ตะเภาแค่2เดือน คือเดือนส.ค.และก.ย.  โดยจะมีเจ้าหน้าฝ่ายไทยขึ้นบินด้วยทุกครั้ง เพื่อเอาตัวอย่างของเมฆไปวิเคราะห์ ส่วนที่มีความห่วงใยว่าสหรัฐฯจะมาถ่ายภาพละเห็นกองกำลังของฝ่ายความมันคงไทย นั้นยืนยันว่าจะไม่เกี่ยวกันเลย ส่วนกรณีที่ พล.อ.มาติน อี.เดมพ์ซี่ย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐอเมริกาหรือผบ.สส.ของสหรัฐฯที่มาพบนายกฯในช่วง ที่ผ่านมา ยืนยันว่าเป็นคนละส่วนกัน อีกทั้งองค์การนาซาที่จะเข้ามาดำเนินการที่ฮ่องกงมาก่อนแล้ว ซึ่งฮ่องกงก็อยู่ในดินแดนของประเทแศจีนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
             "การที่หลายฝ่ายอกมาพูด ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงก็ทำให้เกิดปัญหา ในข้อเท็จจริงนาซาเข้ามาใช้งานแค่2เดือน มาแค่เก็บตัวอย่สงเมฆเท่านั้น โดยจะบินมาเข้ามาทางประเทศสิงคโปร์และมาไทย เพื่อมาดูในเรื่องภัยพิบัติ และการพยากรณ์อากาศ" รมว.กต.กล่าว
               เมื่อถามว่า จะตรวจเช็คอย่างไรว่าข้อมูลในชั้นความลับของเราจะไม่รั่วไหล รมว.กต.กล่าวว่า นาซาไม่สามารถที่จะบินเดี่ยวได้ ทั้งนี้ทางฝ่ายความมั่นของเราได้มีการประชุมเรียบร้อยแล้วส่วนที่มีข่าวว่า ทางการจีนมีความเป็นห่วงในเรื่องนั้นยืนยันว่าไม่เป็นความจริง
             "ทางการจีนไม่ได้ห่วงมีแต่คนไทยเท่านั้น โดยเฉพาะอีกฝ่ายหนึ่งเขาไม่เข้าใจ ซึ่งผมจะมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศและอธิบดีกรมสารนิเทศ เชิญตัวแทนจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยี่และและกองฝนหลวงมาร่วมแถลงข่าว เพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น รมว.ต่างประเทศ กล่าว
            
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หากเรื่องนี้ผ่านความเห็นชอบจากครม.ไม่ต้องผ่านการพิจารณาของสภา เพราะไม่เข้าข่ายมาตรา190  ซึ่งทางนี้พรรคประชาธิปัตย์น่าจะเข้าใจดีการพูดโดยใช้การเมืองมาพูดมันไม่ สร้างสรรค์
            "ยืนยันว่าไม่มีเรื่องนำวีซ่าไปแลกกับพ.ต.ท.ทักษิณ   เพราะคนอย่างนายกฯทักษิณ หากให้เลือกระหว่างประโยชน์ของตัวเองและประโยชน์ของประเทศชาติ ท่านต้องเลือกกประโยชน์ประเทศชาติอยู่แล้ว  นายสุรพงษ์ กล่าว
             เมื่อถามว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมครม.ในวันที่19มิ.ย.นี้ใช่หรือ ไม่ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า เป็นไปได้   แต่ต้องหาข้อสรุปให้ตรงกันก่อน ซึ่งนอกจากเรื่องที่นาซาจะมาขอให้พื้นที่อู่ตะเภาแล้ว ยังมีเรื่องการช่วยเหลือมนุษย์ที่ประสบภัยพิบัติ  และตนตั้งใจว่าในเรื่องของการฝึกร่วมเพื่อให้การช่วยเหลือดังกล่าวตนจะเชิญ ทางการจีน ออสเตรเลีย และประเทศที่เจริญแล้วมาร่วมด้วย เพราะหากภูมิภาคเกิดภัยพิบัติจะได้ช่วยกันทัน   ซึ่งสาเหตุที่มาใช้สนามบินอู่ตะเภา มีทั้งท่าเรือและสนามบิน
        รมว.ต่างประทศ กล่าวอีกว่า จะถือโอกาสรายงานการหารือกับ นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ ให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ทั้งเรื่องการนัดพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรีและนายโอบามาร์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และการขอความร่วมมืองทางการสหรัฐเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การลักลอบค้ายาเสพติดตามแนวชายแดน การป้องกันการก่อการร้าย ซึ่งสหรัฐฯเขามีการจัดการที่ดี นอกจากนี้ยังมีการหารือเกี่ยวกับเรื่องเมียนมาร์ ทะเลจีนได้ ซึ่งในเดือน กรกฎาคมนี้ไทยจะเป็นผู้ประสานงานระหว่างอาเซียนกับจีน ซึ่งเป็นงานที่หนักมา
          ขณะที่พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า   จากการที่สหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาในการพยากรณ์อากาศ และใช้เพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถือว่าเป็นประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญต้องดูขอบเขตและวัตถุประสงค์ว่า เป็นอย่างไร เบื้องต้นเห็นว่า ได้มีการชี้แจงประเทศเพื่อนบ้านเราแล้ว และชี้กับทางประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้วก็ไม่มีประเทศไหนท้วงติงกลับมา

“สุเทพ”เปิดมือดิวแม้ว-2หญิงชั้นสูง-1สุภาพบุรุษ”


      วันนี้ (  18 มิ.ย. )นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ปราศรัยบนเวทีพรรคประชาธิปัตย์ระบุพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ส่งคนกลางมาเจรจาให้เข้าร่วมรัฐบาล กล่าวว่า การต่อสู้ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ต้องการล้มล้างรัฐบาล เพราะหากเราจะเป็นรัฐบาลก็เป็นได้อยู่แล้ว เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ได้เชิญพรรคประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลด้วย ตนขอยืนยันด้วยเกียรติยศในสิ่งที่ได้พูดไป ซึ่งกระบวนการติดต่อมีการส่งคนมาเจรจา แต่ไม่ใช่คนในพรรคเพื่อไทย โดยเริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ.55 หลังเหตุการณ์น้ำท่วม มีการส่งสุภาพสตรีชั้นสูงเป็นที่รู้จักมีชื่อเสียงในสังคม 2 ท่านมาเจรจากับตนต่างกรรมต่างวาระ โดยขอให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ขอให้ร่วมมือกับพ.ต.ท.ทักษิณ เชิญให้ตนไปหาพ.ต.ท.ทักษิณที่ดูไบ แต่ตนไม่ไป และได้อธิบายให้สุภาพสตรีแต่ละท่านเข้าใจว่า ท่านไม่เข้าใจ และบริสุทธิ์ใจเกินไป เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มีเจตนาดีอย่างที่คิด วันนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯแล้ว พวกตนก็ไม่ได้ทำอย่างกลุ่มนายจตุพร พรหมพันธุ์นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ได้ออกไปทุบรถ ก่อจราจลเผาบ้านเผาเมือง จึงไม่ต้องมาตื้ออีก แต่ก็ยังมีการมาบอกว่าถ้าตนไปต่างประเทศเมื่อไหร่ ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าพบด้วย ตนก็บอกว่าตนไม่มีอะไรจะคุย เพราะตนไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคหรือเลขาธิการพรรค แต่ก็ยังมาตื้ออีกว่า ให้ฟังเงื่อนไขเขาหน่อย
               นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนคนที่ 3 เป็นสุภาพบุรุษ ตนได้ไปพบที่บ้านของบุคคลดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ตนเคยคบค้าสมาคม ทำหน้าที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างตนกับพ.ต.ท.ทักษิณ หลายครั้ง ส่วนจะเป็นอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ขออย่ามาตั้ง 20 คำถามให้ตนตอบเลย เพราะคนเสื้อแดงจะนำไปด่าบนเวที จนกระทั่งมีการเจรจาครั้งสุดท้ายวันที่  3 มิ.ย.เวลา 17.45 น. ส่วนจะเป็นใครมาเจรจาตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าเขาจะถูกคนเสื้อแดงคุกคาม จึงไม่ต้องมาท้าทาย แต่ตนได้แนะนำไปว่า ถ้ามีเจตนาเห็นบ้านเมืองสงบ ขอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหยุดพฤติกรรมที่ได้ทำมา ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายลบล้างความผิด และหันไปสนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยอย่าไปครอบงำเขา พรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่มีเหตุผล ปฏิบัติในกรอบกฎเกณฑ์ กติกา หากพ.ต.ท.ทักษิณยังไม่หยุดเรื่องนี้ตนพร้อมจะต่อสู้ทั้งในและนอกสภา
            “ผมอยากเรียนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความลับ ทุกครั้งที่มีการติดต่อผมได้เรียนให้หัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ทราบ เพราะเกรงว่าต่อไปจะมีการนำมาบิดเบือนใส่ร้าย ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความจริงมีเรื่องมากกว่านี้แต่ไม่อยากพูด เพราะจะไปลำบากคนอื่น ผมคิดว่าถ้านายกฯรู้แก่ใจและผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยรู้แก่ใจ แต่ถ้าไม่อยากพูดความจริงก็ไม่ต้องออกมาพูด ที่ผมพูดเพราะต้องการประกาศให้ชัดเจนว่าอย่ามาตอแยกับผม ไม่ต้องมาเซ้าซี้ผมไม่เกี้ยเซี้ยไม่ร่วมมือด้วย ไม่ต้องส่งใครมาอีกแล้วเพราะผมไม่เชื่อคุณทักษิณ และไม่ต้องการเป็นคนรับใช้คุณทักษิณ และก็ให้คุณณัฐวุฒิ คุณจตุพร รับใช้ไป แต่ไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่จะรับใช้คุณทักษิณ”นายสุเทพ กล่าว
           นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาท้าทายตนนั้น ขอบอกว่าไม่ต้องมาท้าทาย และขอให้กลับไปถามนายใหญ่จะดีกว่า ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดไม่ได้ต้องการเสี้ยมคนเสื้อแดงให้ขัดแย้งกับพ.ต.ท. ทักษิณ เชื่อว่าตัวเขาคงจะรู้ดีอยู่แล้ว ซึ่งในการเจรจาได้มีการแจ้งสิ่งที่เขาต้องการคือ 1. อย่าต่อต้านเรื่องการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ 2. อย่าต่อต้านเรื่องกฎหมายปรองดอง และขอให้พรรคประชาธิปัตย์ยุติเรื่องการตั้งเวทีในที่ต่าง ๆ ซึ่งตนได้ปฏิเสธไป เพราะเห็นว่า 2 เรื่องนี้หยุดไม่ได้แน่นอน แต่เขายังพูดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีเยื่อใย และคดีความของตนรวมถึงคดีเขาแพงของลูกชายตน พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมช่วย แต่ตนบอกว่าไม่ต้องมาช่วย ตนพร้อมที่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมทุกอย่าง ขอขอบคุณ  เพราะตนไม่หวั่นไหว แต่การเจรจาไม่เคยมีการต่อสายตรงกับพ.ต.ท.ทักษิณ เลย และนอกจากพยายามติดต่อกับกับตนแล้วยังมีการพยายามต่อสายกับคนอื่นในพรรคประ ชาธิปัตย์ด้วย
              เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ในวันนี้กับพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องแยกแยะ ตนกับพ.ต.ท.ทักษิณ เคยดีกันก่อนที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะมาเป็นนายกฯ ในสมัยที่ตั้งพรรคการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยไปบ้านตนหลายครั้งเพื่อชวนตนเข้าพรรคไทยรักไทย แต่ตนปฏิเสธไปเพราะอุดมการณ์ทางการเมืองต่างกัน แต่เมื่อมีเหตุการณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ยุบสภา จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคมหาชนและพรรคชาติไทย ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และตนก็ได้พบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่บ้านพิษณุโลก ซึ่งได้บอกว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง พ.ต.ท.ทักษิณ จงได้ให้พวกตนช่วยคิดหาวิธีแก้ปัญหาว่าจะเดินหน้าปฏิรูปการเมืองอย่างไร แต่ในที่สุดพ.ต.ท.ทักษิณ ก็เบี้ยว ตกลงไว้อย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง และยังให้เครือข่ายพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาใส่ร้ายว่าตนไปรับเงินพ.ต.ท.ทักษิณ 2 พันล้านบาทแล้วเบี้ยว จากนั้นตนก็ไม่ได้พูดกับพ.ต.ท.ทักษิณอีกเลย ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ จึงใช้คนกลางมาเจรจากับตน
            ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่าประเทศนี้สามารถต่อรองได้ จะเป็นอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ตนสันนิษฐานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับข้อมูลมาจากนายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่าฝ่ายต่าง ๆ ไฟเขียวแล้ว ซึ่งเป็นการรายงานที่ผิด คนที่ไปหาพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบ ส่วนใหญ่เป็นคนประจบสอพลอ เอาเรื่องดี ๆ ไปพูด พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ไกล ก็ไม่รู้เรื่อง มองไม่เห็นเหตุการณ์ จึงคิดว่าทุกอย่างเคลียร์ได้เรียบร้อย แต่ความจริงไม่ใช่ ตนเห็นว่าเรื่องธรรมดา ๆ ก็คุยกันได้ แต่เรื่องที่จะเสียหายกับบ้านเมืองจะเคลียร์อย่างไรก็ไม่ได้ จะมาต่อรองกับตนก็ไม่ได้

"อภิสิทธิ์"ย้อน“ปู”เรื่องทาบทาม


วันนี้(19มิ.ย.)ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ระบุให้ชัดว่าใครที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีส่งมาเจรจากับพรรคประชาธิปัตย์ให้ผ่านร่างกฎหมายปรองดองและ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า เป็นดุลยพินิจของนายสุเทพ ที่ได้เล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ฟังทางการเมืองเท่าที่จะเล่าได้ ไม่เสียมารยาท เพราะคนที่รับอาสามาพูดคุยคงไม่ต้องการเปิดเผยตัว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำอีกว่า ซึ่งกรณีนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงจุดยืนไปแล้วว่าไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค เพื่อไทย และพรรคเพื่อไทยก็ประกาศว่าไม่ต้องการร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาเรียกร้องในทำนองจะเอามวลชนมากดดัน ทั้งนี้ไม่กังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะฟ้องหมิ่นประมาท  เพราะยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรผิดกฎหมาย นายสุเทพเล่าตามข้อเท็จจริง แต่หากจะใช้สิทธิทางกฎหมายก็ทำได้ และรัฐบาลควรที่จะดำเนินคดีกับคนที่ข่มขู่คุกคามคนอื่นจะดีกว่า เนื่องจากมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมย้อนถามนายกรัฐมนตรีกรณีที่ปฏิเสธว่าพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ส่งคนไปติดต่อ พรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายกรัฐมนตรีทราบทุกเรื่องที่พี่ชายทำหรือไม่

ตะครุบผญบ.หัวหน้าสายโกงสอบตร.


เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.วัฒนา สักกวัตร รอง ผบช. ภ.5 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิด ผบก.สส.  พล.ต.ต.พรชัย พักตร์ผ่องศรี ผบก.ภ.จว.ลำปาง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายประพัทธ์ บุญใบ อายุ 27 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโนนม่วง หมู่ 15 ต.แวงน่าง อ.เมืองมหาสารคาม พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เครื่องรับสัญญาณ 6 เครื่อง เอกสารการคำนวณสูตรการสอบ 1 ชุด สมุดบัญชีธนาคาร 3 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 6 ใบ และหนังสือคู่มือการสอบ 2 เล่ม
พล.ต.ต.วัฒนา เปิดเผยว่า ในการสอบนักเรียนนายสิบตำรวจเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา  โดยศูนย์ฝึกตำรวจภาค 5 จังหวัดลำปางเป็นเจ้าภาพสอบที่โรงเรียน18แห่ง มีผู้เข้าสอบ 28,000 กว่าคน ซึ่งในการสอบพบการทุจริตเป็นขบวนการ หลังจากนั้นได้ตรวจการทุจริตในกระดาษข้อสอบย้อนหลัง ก็พบรายที่กระทำความผิดอีก 17 ราย รวมทั้งหมดในเขตพื้นที่ภาค 5 จำนวน 21 ราย และยังพบว่าในจำนวนผู้เข้าสอบทั้งหมด 18 สนามสอบ ทั้งสิ้น 28,000 ราย มีผู้ไม่เข้าสอบถึง 4,900 ราย  มีเอเย่นต์หาลูกค้าและเป็นนายหน้าอยู่ 3 ราย  สายแรกเป็นสายห้างฉัตร มีว่าที่ ร.ต.เอกชัย  ใจคำท้าว อายุ 26 ปี เป็นแกนนำ ถูกจับกุมไปแล้ว  อีกสายเป็นสายพะเยา - น่าน มี ร.ต.ต.เพชร พรหมทวีพร รอง สวป. สภ.เชียงม่วน จ.พะเยา อายุ 56 ปี เป็นแกนนำ ถูกจับไปแล้วเช่นกัน  ส่วนนายประพัทธ์ถือเป็นรายที่สาม มาจากสายมหาสารคาม โดยเอาเด็กที่จะสอบจาก จ.มหาสารคาม ขึ้นรถตู้ 9 คน มาสอบที่ จ.ลำปาง  ซึ่งสายของว่าที่ ร.ต.เอกชัย กับ ร.ต.ต.เพชร คิดรายละ 20,000 - 30,000 บาท แต่รายของนายประพัทธ์ คิดแค่ 5,000 บาท เฉพาะอุปกรณ์ หากสอบได้ก็จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 250,000 - 300,000 บาท  หลังการสอบสวนผู้กระทำความผิดแล้ว จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับและติดตามไปจับกุมที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม
วันที่ 18 มิ.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร) เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์  ดามาพงศ์ ผบ.ตร .เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนขบวนการทุจริตการสอบเข้า เป็นตำรวจชั้นประทวน โดยมีพล.ต.อ.ปานศิริ  ประภาวัต  รอง ผบ.ตร.  พล.ต.ท.กฤษฎา  พันธุ์คงชื่น  พล.ต.ท.เจตน์  มงคลหัตถี ผู้่ชวย ผบ.ตร. พล.ต.ท.เรืองศักดิ์  จริตเอก ผบช.ศ.  พล.ต.ต.รณศิลป์  ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น.  รวมถึง ร.ต.อ.หญิง เสาวนีย์  แสวงผล  ผอ.สำนักงานตรวจสอบและวิเคราะห์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง โดยวีดิโอคอนเฟอร์เร็นซ์ไปยัง บช.ภ. ต่าง ๆ ทั่วประเทศ  ใช้เวลาการประชุมประมาณ 2 ชม.
      
พล.ต.อ.ปานศิริ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าการสืบสวนอย่างต่อเนื่องไปมาก ล่าสุดสามารถจับกุมผู้กระทำผิดที่เป็นเครื่อข่ายของขบวนการนี้ได้ 32 รายแล้ว  ในจำนวนนี้มี 6 รายที่หลบหนีอยู่  และหนึ่งในนี้คือ นายวิบูลย์ศักดิ์  หรือ อบ แสนจักร์  ที่ได้เผยแพร่รูปภาพให้สื่อทราบแล้ว  เราทราบว่าคนนี้เป็นฝ่ายเทคนิคของขบวนการนี้   เป็นผู้สั่งซื้อเครื่องส่งและรับสัญญาณ นอกจากนี้ยังเป็นตัวกลางสำคัญที่คอยประสานไปยังผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ของขบวนการนี้  เมื่อสอบสวนไปยังเครือข่ายต่าง ๆ ก็กล่าวอ้างมายังนายวิบูลย์ศักดิ์  ทำให้เชื่อได้ว่านายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นทั้งฝ่ายประสานด้านวิชาการ และเทคนิค  จึงกำชับในที่ประชุมให้ พล.ต.ท.กฤษฏา  หัวหน้าทีมสืบสวน  เร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้   และจากข้อมูลนายวิบูลย์ศักดิ์ยังหลบหนีอยู่ในกรุงเทพมหานคร
     
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวด้วยว่า ได้สั่งการในที่ประชุมให้ดำเนินการใน 3 ส่วนสำคัญ  เรื่องแรก การสืบสวนสอบสวน จากการดำเนินการที่ผ่านมา พบว่า นอกจาก บช.ภ. 2, 3, 5, 6, 9 และ ศชต. ที่พบการกระทำผิด ยังพบ บช.อื่น มีการทุจริตด้วย  จึงได้สั่งการให้ตรวจข้อสอบทั้งหมด เพื่อหาหลักฐานโดยเชื่อว่ามีการทุจริตข้อสอบในทุกบช.
     
พล.ต.อ.ปานศิริ  กล่าวต่อว่า สำหรับข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดมูลฐานในการยึดทรัพย์ตามกฎหมาย ปปง.จึงได้เชิญผู้แทนจาก ปปง. มาร่วมประชุมด้วย  และจะเน้นการยึดทรัพย์หัวหน้าระดับแกนนำ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วใน บช.ภ. 3 เครือข่ายนางเตือนใจ  พงษ์พันธ์  ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ศรีสะเกษ  ส่วนตำรวจที่มีการพาดพิงจากผู้เข้าสอบหรือผู้ต้องหา ต้องถูกดำเนินการทางวินัยและปกครองก่อน โดยการให้ออกนอกพื้นที่ หากพบหลักฐานว่ามีส่วนร่วมในขบวนการทุจริตจริงจะมีความผิดทางอาญาและดำเนิน การทางวินัย สำหรับแนวทางการจัดหาสถานที่สอบใหม่ที่ก่อนหน้านี้มีการเสนอทีวัดธรรมกาย จ.ปทุมธานีนั้น  เห็นว่าการจัดสอบที่เดียว จะมีปัญหาการจราจร จึงมีแนวทางให้ลดจำนวนห้องสอบลงจากเดิม 6,237ห้องสอบ ส่วนสถานที่จะใช้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยความชัดเจนจะมีการแจ้งให้ทราบเป็นทางการต่อไป
     
ด้าน พล.ต.ต.รณศิลป์ กล่าวถึงของกลางที่เป็นเครื่องส่งและรับสัญญาณว่า  เป็นอุปกรณ์ที่ยึดได้จากเครือข่ายทุจริตการสอบที่ซ่อนอยู่ในเสื้อและเดิน อยู่นอกห้องสอบ เป็นตัวเปลี่ยนสัญญาณโทรศัพท์เป็นสัญญาณวิทยุ   ก่อนจะมีการส่งสัญญาณไปยังผู้เข้าสอบ มีรัศมีการส่งมากกว่าสัญญาณโทรศัพท์  และเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่สามารถตัดได้    สำหรับที่มาของเครื่องดังกล่าวนั้น ผลิตในประเทศไทย นายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นคนสั่งซื้อเครื่องส่งสัญญาณมือถือ 80 เครื่อง ราคา 4-5 พันบาท จากบริษัทแห่งหนึ่ง  ส่วนเครื่องส่งสัญญาณวิทยุสืบจากแผ่นปรินซ์สีเขียว ที่ผลิตจากเมืองไทย  นายวิบูลย์ศักดิ์ก็สั่งซื้อมาจากบริษัทต่าง ๆ โดยมีการสั่งซื้อไว้กับบริษัทแห่งหนึ่งไว้ถึง 800 แผ่น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ไปรับสินค้าและยังไม่มีการขอเงินมัดจำคืน จึงสรุปว่านายวิบูลย์ศักดิ์ เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิค โดยประวัติเป็นวิศวกรที่ทำสัญญาณกันขโมยตามบ้าน แต่การประกอบเครื่องตัดสัญญาณมือถือน่าจะมีลูกมืออยู่หลายคน

รวบ ร.ต.อ.เก๊-หลอกสาวนับ 10 ราย


               วันนี้ ( 18 มิ.ย. )  พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุนทร คงกล่ำ ผกก.สน.บางซื่อ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนาย ไชยยงค์ รอเดช อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 1 ต.โคกตูม อ.หนองแค จ.สระบุรี ผู้ต้องหาที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจล่อลวงหญิงสาวหลายราย พร้อมของกลาง เครื่องแบบตำรวจ 1 ชุด อาวุธปืนปลอม กุญแจมือ บัตรข้าราชการตำรวจปลอม 1 ใบ หนังสือคู่มือการปฏิบัติสำหรับตำรวจ 1 เล่ม หนังสือคู่นายร้อยตำรวจสามพราน 1 เล่ม เครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร 1 เล่ม และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
                 รองผบก.น.2 เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากน.ส.ยุ้ย(นามสมมุติ) ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ว่าถูกผู้ต้องหาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร.ต.อ. ตำแหน่งรองสว.กก.3 บก.ปส.3 บช.ปส. หลอกลวงเอาทรัพย์สิน พร้อมทั้งอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ สามารถฝากเข้าทำงานที่ป.ป.ส.ได้ โดยผู้เสียหายรู้จักกับผู้ต้องหาทางอินเทอร์เน็ต ผ่านช่องทางแชทไออาร์ซี (Chat I R C) แล้วได้คุยกันเรื่อยมา ก่อนจะแลกอีเมล์เพื่อคุยกันผ่าน เอ็มเอสเอ็น(MSN) หลังคุยได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้เสียหายเกิดความไว้วางใจ จึงแลกเบอร์โทรศัพท์มือถือ ได้ติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมา และนัดพบกันครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา
                 พ.ต.อ.เจริญ กล่าวต่อว่า ในครั้งแรกที่นายไชยยงค์นัด น.ส.ยุ้ยไปพบนั้น ได้นัดไปที่ห้องพักของนายไชยยงค์ ย่านซอยอินทามระ29 เมื่อไปพบตามนัดหมายนายไชยยงค์ได้แสดงบัตรข้าราชการตำรวจ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นบัตรปลอม ระบุชื่อ ร.ต.อ.ชัยสิทธิ์ นันทวัตร และให้ น.ส.ยุ้ยดูชุดข้าราชการตำรวจยศ ร.ต.ท. ที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า พร้อมทั้งอ้างว่าเพิ่งได้ติดยศ ร.ต.อ. ยังไม่ได้ซื้อดาวมาติดเพิ่ม ก่อนนายไชยยงค์จะทำทีโทรศัพท์ไปที่ ปปส. คุยกับปลายสายว่าใครเข้าเวร และใช้เช็คประวัติเสมือนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนทำให้น.ส.ยุ้ยตายใจ หลงเชื่อว่านายไชยยงค์เป็นตำรวจจริง ก่อนล่อลวงว่าสามารถช่วยให้ น.ส.ยุ้ยเข้ารับราชการที่ ป.ป.ส.ได้ เพราะรู้จักมักคุ้นกับผู้ใหญ่ แต่ต้องมีค่าดำเนินการ น.ส.ยุ้ยจึงจ่ายเงินค่าดำเนินการดังกล่าวไปจำนวน 58,000 บาท เพื่อใช้วิ่งเต้นเข้ารับราชการ และยังมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีกมากมาย
                พ.ต.อ.เจริญ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในเวลาต่อมา น.ส.ยุ้ย เกิดเอะใจว่านายนายไชยยงค์เป็นตำรวจปลอม เพราะห่างหายไปไม่ยอมติดต่อกลับ จึงเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อให้ตรวจสอบข้อมูลว่านายไชยยงค์ที่ใช้ชื่อ ร.ต.อ.ชัยสิทธิ์ นั้นเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ผลปรากฏว่าชื่อตำรวจคนดังกล่าวไม่มีอยู่จริง จึงทำการวางแผนให้ผู้เสียหายนัดหมายนายไชยยงค์มาเพื่อจับกุม กระทั่งเวลา 20.30 น. วันนี้( 18 มิ.ย.) ผู้เสียหายได้นัดนายไชยยงค์มาที่ร้านจิ้มจุ่มวิภา ถ.วิภาวดี-รังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนนำตัวไปค้นที่ห้องพักที่ย่านซอยอินทามระ29 และพบของกลางดังกล่าว
               จากการสอบสวนนายไชยยงค์ ให้การรับสารภาพว่า ปลอมเป็นตำรวจมากว่า 1 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ทำงานรับเหมา โดยตนเป็นช่างไฟฟ้า วางระบบไฟฟ้า ช่วงนี้อยู่ระหว่างว่างงาน ส่วนการปลอมเป็นตำรวจนั้น ตนเองนึกสนุก อีกทั้งยังต้องการใช้จีบสาว ที่ผ่านมามีหญิงสาวหลงเชื่อกว่า 10 รายแล้ว แต่ไม่ได้เอาไปเบ่งหรือวิ่งเต้นเรียกรับเงิน หรือขูดรีด ที่ทำไปเป็นเรื่องหลอกลวงผู้หญิงอย่างเดียว ส่วนเครื่องแบบตำรวจเป็นของเพื่อนที่เคยเป็นตำรวจ และตนก็หาซื้อดาวมาติดยศเอง และบัตรข้าราชการตำรวจก็เพิ่งทำมา โดยมีคนรู้จักในบ่อนย่านรังสิตติดต่อทำให้ เพราะตนต้องการมีบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ เพื่อให้สมจริง ซึ่งตนส่งเพียงแค่รูปถ่ายให้ และเขาก็ดำเนินการทำบัตรปลอมให้ ในราคา 1 หมื่นบาท
          เบื้องต้นแจ้งข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารราชการปลอม และอาจจะมีข้อหาอื่นอีก หากมีผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่มเติม โดยหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อจับกุมตัวนายไชยยงค์ที่อ้างเป็นตำรวจได้ ก็ฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่เคยถูกนายไชยยงค์หลอกลวงสามารถมาชี้ตัว และแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ที่สน.บางซื่อ
         สำหรับนายไชยยงค์ ก่อนหน้านี้มีประวัติถูกออกหมายจับ เลขที่ 910/2550 ลงวันที่ 27 เม.ย.2550 ศาลอาญาจังหวัดธัญบุรี ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาของตน โดยข่มขู่ด้วยประการใดๆ โดยหญิงนั้นอยู่ในภาวะไม่สามารถขัดขืน และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง และทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ในท้องที่ สภ.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และยังมีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินดีไว้ที่บก.ปอท.อีกด้วย

"กระทิง-อัซซูรี"ลิ่ว8ทีม,"โครแอต-ไอริช"ร่วง


           ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร2012 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 มิ.ย. ในกลุ่ม C นัดสุดท้าย ลงสนามแข่งขันพร้อมกัน 2 คู่
           "กระทิงดุ" สเปน พบกับ "ตาหมากรุก" โครเอเชีย ที่สนามอารีนา กดานส์ค เมืองกดานส์ค ประเทศโปแลนด์ สำหรับผลงานใน 2 นัดแรกของสเปน เสมอ อิตาลี 1-1, ชนะ ไอร์แลนด์ 4-0 มี 4 คะแนน ส่วน โครเอเชีย ชนะ ไอร์แลนด์ 3-1, เสมอ อิตาลี 1-1 มี 4 คะแนน
เกมนัดนี้มีประตูเกิดขึ้นแค่ลูกเดียวในช่วงท้ายเกม นาที 88 จากฝีเท้าของ เฆซุส นาบาส ปีกตัวสำรองของ "กระทิงดุ" ทำให้ สเปน เฉือนหวิว โครเอเชีย 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 7 คะแนน เข้ารอบต่อไปในฐานะแชมป์ของกลุ่ม C
             ด้านเกมอีกหนึ่งคู่ "อัซซูรี" อิตาลี พบกับ "ยักษ์เขียว" ไอร์แลนด์ ที่สนามมูนิชิปัล สเตเดี้ยม เมืองพอซนัน ประเทศโปแลนด์ ผลงานใน 2 นัดแรกของอิตาลี เสมอ สเปน 1-1, เสมอ โครเอเชีย 1-1 มี 2 คะแนน แมตช์นี้ต้องพยายามเก็บชัยชนะให้ได้ เพื่อโอกาสในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ทาง ไอร์แลนด์ แพ้ โครเอเชีย 1-3, แพ้ สเปน 0-4 ยังไม่มีแต้ม ตกรอบแน่นอนแล้ว แค่ลงสนามให้ครบตามโปรแกรมเท่านั้น
            รูปเกมเป็น อิตาลี ที่ครองบอลเปิดเกมรุกได้มากกว่าชัดเจน แต่หาจังหวะจบสกอร์ได้ไม่มากนัก ทว่า นาที 35 ทีมจากแดนมะกะโรนีก็ได้ประตูขึ้นนำ จากลูกเตะมุม อันโตนิโอ คาสซาโน กองหน้าร่างเล็ก กระโดดโหม่งบอลเข้าไป แม้ เดเมียน ดัฟฟ์ จะเตะเคลียร์ออกมาได้ แต่ลูกลอยข้ามเส้นประตูเข้าไปแล้ว นาที 89 "ยักษ์เขียว" ต้องเหลือตัวผู้เล่นแค่สิบคน เมื่อ คีธ แอนดรูว์ส ถูกใบเหลืองแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนแรกที่ถูกไล่ออกในศึกยูโรครั้งนี้ จากนั้นในนาทีสุด ท้าย อิตาลี มาได้ประตูที่ 2 ตอกย้ำชัยชนะจากการยิงอันสุดสวยของตัวสำรอง มาริโอ บาโลเตลลี กองหน้าจอมเกรียน หมดเวลาการแข่งขัน อิตาลี ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 เก็บเพิ่มเป็น 5 คะแนน ผ่านเข้ารอบต่อไปในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม C
             สรุปผลคะแนนในกลุ่ม C สเปน มี 7 คะแนน เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม, อิตาลี มี 5 คะแนน เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม ขณะที่ โครเอเชีย มี 4 คะแนน ควงแขน ไอร์แลนด์ ที่ไม่มีคะแนน ตกรอบแรก

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources