วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

"ผบ.ตร."รุดเยี่ยม-มอบเงินช่วยตำรวจจราจรโดนรถเฉี่ยวสมองบวม


กรณี ด.ต.วิรัตน์ ผุยคำพา อายุ 44 ปี ผบ.หมู่ จร.สน.บุคคโล เข้าไปตรวจสอบอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันสะพานพระราม 3 จากฝั่งธนบุรีมุ่งหน้าถนนเจริญกรุง และพบรถจยย.วิ่งแล่นขึ้นมาบนสะพานจึงพยายามเรียกให้หยุดเพื่อตรวจยึดใบขับ ขี่ จึงถูกรถกระบะ ฟอร์ด เรนเจอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ภว-6134 กทม. เฉี่ยวชนเข้าอย่างจัง จนได้รับบาเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (10 ธ.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เดินทางเข้าเยี่ยม ด.ต.วิรัตน์ ซึ่งรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ตำรวจ โดยมี น.ส.ณิญาพัณณ์ มงคลชัยพจน์ อายุ 25 ปี ภรรยา และ ด.ช.พัทธนันท์ ผุยคำพา หรือน้องมายด์ อายุ 5 ขวบ ลูกชาย เฝ้าอาการอยู่อย่างใกล้ชิด โดย พล.ต.อ.อดุลย์ ได้มอบเงินสวัสดิการช่วยเหลือจำนวน 105,000 บาท และกล่าวให้กำลังใจ ด.ต.วิรัตน์ ทั้งฝากให้แพทย์ รพ.ตำรวจ ช่วยดูแลอาการอย่างใกล้ชิดด้วย
น.ส.ณิญาพัณณ์ กล่าวว่า แพทย๋ได้ระบุว่า ขณะนี้อาการทางสมองของสามีเริ่มดีขึ้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องสมองบวม มีเลือดซึมในสมองเล็กน้อย แต่สามารถลืมตาและขยับร่างกายได้บ้าง วันพรุ่งนี้ (11 ธ.ค.) อาจจะถอดเครื่องช่วยหายใจได้ ส่วนเรื่องกระดูกเชิงกรานที่หักนั้น แพทย์ได้รักษาเบื้องต้นแล้ว แต่ขณะนี้ต้องเน้นรักษาอาการทางสมองให้หายเสียก่อน แล้วค่อยมารักษาเรื่องกระดูกเชิงกรานต่อไป
ต่อมา พล.ต.อ.อดุลย์ เดินทางเข้าเยี่ยม ส.ต.อ.ติณณภพ บริบูรณ์ อายุ 34 ปี ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปส.3 บช.ปส. ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่ห้องฉุกเฉินของรพ.ตำรวจอีก1 ราย หลังจากเมื่อเวลา 08.30 น.ที่ผ่านมา เจ้าตัวถูกคนร้ายยิงเข้าที่ข้อมือขวาทะลุ ขณะขับขี่รถจยย.ไปสืบสวนหาข่าวยาเสพติดที่บริเวณถนนบางบัวทอง-ไทรน้อย กม.7 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดย ส.ต.อ.ติณณภพ สังเกตเห็นรถยนต์ต้องสงสัย 1 คัน กับ รถจยย.อีก 1 คัน จึงขับขี่รถจยย.ติดตามไป แต่ถูกคนร้ายที่นั่งอยู่ในรถยนต์ยิงสวนมาจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นางสุพรรณี นพสิทธิ์พร ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจนครบาล นำกระเช้าของขวัญพร้อมเงินสดจำนวนหนึ่งมามอบให้ ด.ต.วิรัตน์ ด้วยเช่นกัน โดยนางสุพรรณี กล่าวว่า ตนเดินทางมาเยี่ยมเพื่อให้กำลัง ด.ต.วิรัตน์ และขอให้พระคุ้มครองให้หายโดยเร็ว จะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ อย่างไรก็ตามอยากฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ปฏิบัติหน้าอย่างระมัดระวังตัวด้วย เพื่อป้องกันการสูญเสีย เพราะผู้ขับขี่รถในปัจจุบันนั้นขาดระเบียบวินัยมากขั้นทำให้มีเจ้าหน้าที่ ตำรวจได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่อยู่บ่อยครั้ง.

จับแล้วฆาตกรโหดข่มขืนฆ่าเผานักเรียนหญิงม.4


คดีคนร้ายก่อเหตุข่มขืนฆ่า น.ส. เก๋ (นามสมมุติ) นักเรียนสาวชั้นม. 4 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในจ.กาฬสินธุ์  อย่างโหดเหี้ยม แล้ว ราดน้ำมันเผาศพอำพรางคดี ตามที่เสนอข่าวไปนั้น ความคืบหน้าวันนี้ (10 ธ.ค.)   พล.ต.ต.จตุพล  ปานรักษา รอง ผบช.ภ. 4 พล.ต.ต.ชำนาญ  เครือบัว ผบก.สส.ภ. 4 และ พล.ต.ต.คณิสร  น้อยนารถ ผบก.จ.กาฬสินธุ์  แถลงข่าวจับกุม นายเต็ม  เรืองเพ็ญ  อายุ 29 ปี พร้อมของกลางรถจยย. ฮอนด้า เวฟ สีดำแดง หมายเลขทะเบียน ขคบ 874 กาฬสินธุ์ ของผู้ตาย  โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 2 บ้านหนองแสง ต.สงเปลือย อ.เขาวง ของผู้ต้องหา โดยหลังเกิดเหตุตำรวจได้สืบสวนจนทราบว่ารถจยย. ของผู้ตายถูกคนร้ายขับขี่หลบหนีไปจึงสืบสวนจนทราบว่า หลังก่อเหตุคนร้ายได้นำไปจำนำไว้กับซึ่งหลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้นำไปจำนำไว้ กับ นายชัชวาลค์  ธรรมศิลป์  จึงได้ยึดรถจยย.คันดังกล่าวพร้อมสอบสวนนายชัชวาลย์ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เลขที่ 503 และ504 เข้าจับกุมผู้ต้องหาขณะนอนหลับในบ้านหลังดังกล่าว
สอบสวนเบื้องต้น นายเต็ม รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆาตกรรม น.ส. เก๋  จริงโดยในวันเกิดเหตุ พบผู้ตายขี่รถจยย.คันดังกล่าวผ่านมาบริเวณถนนระหว่างอ.กุฉินารายณ์ มุ่งหน้า อ.เขาวง  เนื่องจากผู้ตายรูปร่างหน้าตาดี จึงเกิดอารมณ์เปลี่ยว เรียกให้ผู้ตายจอดรถจยย.แล้วฉุดลากเข้าไปข้างทางแล้วต่อยท้องผู้ตายหมดสติ จึงลงมือข่มขืน  ระหว่างนั้นผู้ตายฟื้นสติขึ้นมาและพยายามต่อสู้ขัดขืนเต็มแรง ทำให้ตนบันดาลโทสะ ใช้เท้ากระทืบที่ต้นคอและบีบคอซ้ำจนเสียชีวิต ก่อนจะดูดน้ำมันจากรถจยย.ผู้ตาย แล้วนำไปเทราดร่างผู้ตายก่อนจุดไฟเผา ก่อนขับขี่รถจยย. ไปจำนำกับนายชัชชวาลย์ เป็นเงิน 4,000 บาท นำไปซื้อยาบ้าเสพ กระทั่งถูกจับกุมดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.จตุพล  ปานรักษา รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า  จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่าเคยก่อคดีข่มขืนหญิงสาวอายุ 17 ปี และถูกศาลพิพากษาให้จำคุกและพ้นโทษมาเมื่อปี 53 แต่ยังไม่หลาบจำกลับมาก่อคดีสะเทือนขวัญ เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา นายเต็ม เรืองเพ็ญ  ผู้ต้องหาในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กระทำชำเราผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลอบฝัง ซ่อนเร้นเผาทำลายศพฯ ส่วนนายชัชวาลค์  ธรรมศิลป์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหารับซื้อของโจรดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป ทั้งนี้มีรายงานว่า ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้นำตัว ผู้ต้องหา เพื่อนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ต้องยกเลิกกลางคัน เนื่องจากมีชาวบ้านกว่า 5 พันคนที่ต่างพากันโกรธแค้นพากันมารอประชาทันฑ์ผู้ต้องหา ตำรวจจึงได้นำตัวไปฝากขังที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

หิ้วอดีตลูกจ้างโหดทำแผนฆ่าชิงทรัพย์เสี่ยรับเหมา หวิดโดนประชาทัณฑ์



เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ธ.ค. พ.ต.อ.เชวงศักดิ์ สินสูงสุด ผกก.สน.สายไหม พ.ต.ท.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ สว.สส.สน.สายไหม ได้เบิกตัวนายสันต์ สำเร็จทรัพย์  อดีตช่างทาสี ซึ่งก่อคดีฆ่าชิงทรัพย์ นายประดิษฐ์ แซ่เตียว อายุ 59 ปี เสี่ยรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นนายจ้างเก่า ออกมาจากห้องผู้ต้องขัง พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียน และของกลางเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท ของผู้ตาย มาทำพิธีขอขมาต่อหน้าภรรยาและญาติผู้ตาย โดยภรรยาผู้ตายยังมีสีหน้าที่โกธรแค้นพร้อมกับต่อว่าผู้ต้องหาว่าทำไมถึง ต้องลงมือฆ่าผู้ตายด้วย เพียงแค่ชิงทรัพย์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว หลังจากทำพิธีขอขมาเสร็จทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผน ประกอบคำรับสารภาพ แต่ในที่เกิดเหตุมีญาติผู้ตายรวมทั้งชาวบ้านกว่า 200 คน ที่อยู่ในอาการโกธรแค้นผู้ต้องหาซึ่งได้เตรียมรุมประชาทัณฑ์ จนเจ้าหน้าต้องยกเลิกทำแผนชั่วคราว

จากนั้นผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายสันต์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพภายหญ้าภายในซอยเพิ่มสิน 29 ถนนเพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม ท่ามกลางญาติผู้ตายและชาวบ้านจำนวนกว่า 100 คน ที่ปักหลักรอผู้ต้องหาอยู่ พร้อมตะโกนด่าท่อสาปแช่งผู้ต้องหาและพยายามฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่อยู่ตลอด เวลา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบและอาสาสมัครกว่า 50 นาย คอยคุ้มกันผู้ต้องหาอยู่ จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ต้องหาทำแผนโดยการทำท่าทางใช้เชือกรัดคอผู้ ตาย และนำโยนศพทิ้งไว้ในพงหญ้า เพียง 5 นาที เท่านั้น เมื่อเห็นว่าชาวบ้านพยายามจะฝ่าวงล้อมมากขึ้น จึงรีบนำตัวผู้ต้องหากลับสน.สายไหมทันที

พบศพโจ๋ถูกยิงแทงเสียชีวิตคาบ่อน้ำ


เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (10ธ.ค.) ร.ต.ต.ชินกฤต สวัสดิวงศ์ ร้อยเวร สภ.หนองปรือ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิตในสระน้ำ ข้างหมู่บ้านเขามุสิ หมู่ 10 ต.หนองปรือ จึงไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ พบศพนายกิตติพงษ์ หรือ ดุ๊ก แก้มแกมทอง เสียชีวิตในสภาพค่อมรถจยย. ยามาฮ่า สปาร์ค สีแดงดำ ทะเบียน ขตฉ 165 กาญจนบุรี ถูกยิงเข้าที่โหนกแก้มขวา ลำคอถูกปาดด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ ชายโครงซ้ายถูกแทงด้วยของมีคม คาดว่าเสียชีวิตประมาณ 3 วัน สภาพศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเน่าเหม็น
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นบุตรของนายอาละดิน แก้มแกมทอง อายุ 49 ปี และ นางนิรมล อาจคงหาญ อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา โดยผู้ตายได้หายจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา ในชั้นนี้ ตำรวจคาดว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายน่าจะขับรถจยย.คันดังกล่าวเพื่อไปทำธุระถึง จุดเกิดเหตุถูกคนร้ายซึ่งอาจจะเป็นวัยรุ่นคู่อริไล่ทำร้ายด้วยของมีคม ผู้ตายพยายามขับรถจยย.หลบหนี จึงถูกยิงเข้าโหนกแก้ม จนรถเสียหลักพุ่งตกคลองเสียชีวิตดังกล่าว พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีร้ายแรงสะเทือนขวัญ ตนสั่งการให้ชุดสืบสวนสภ.หนองปรือร่วมกับชุดสืบสวน บก.ภ.จว.กาญจนบุรี ลงพื้นที่หาข้อมูลสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.

จ่อยิงเหี้ยมเสี่ยดัง-ทนายคู่หูดับสยอง 2 ศพ พุ่งเป้าฝีมือ "ด.ต." แค้นแพ้คดีพิพาทที่ดิน


วันนี้ (10 ธ.ค.)  เวลาประมาณ  11.00 น. พ.ต.อ.กิตติพัฒน์ พงษ์พนัส ผกก.สภ.เสม็ด  อ.เมือง จ.ชลบุรี รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายบริเวณร้านอีสเทิร์นแอดเวอร์ไทด์ซิ่ง  ร้านทำป้ายอิงค์เจ็ทและจำหน่ายแผ่นพลาสติก   หมู่ 7  ถนนสุขุมวิท  ต.เสม็ด  จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวน   ที่เกิดเหตุพบศพนายพัลลภ  ตฤณปฤษฎา หรือเฮียไหล  อายุ 55 ปี เจ้าของร้านปุ๋ยเจริญผล  ตั้งอยู่ในตัวเมืองชลบุรี   และนายสมหมาย  โฉมงาม  อายุ 59 ปี  ทนายประจำตัวของนายพัลลภ  นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นในร้าน สภาพถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม.  เข้าที่โหนกแก้มทะลุท้ายทอยทั้งคู่  ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ตำรวจสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่าเห็นผู้ตายทั้งสองคนเข้ามาที่ร้าน และพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่ดินกันสักพักใหญ่ๆ สักครู่มีชายอีกคนเดินเข้ามาทะเลาะกับทั้งคู่ในร้าน  ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด แต่พยานไม่กล้าออกมาดูเพราะกลัวจะได้รับอันตราย จึงรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ในชั้นนี้ตำรวจมุ่งประเด็นการสังหารโหดไปที่เรื่อง ขัดแย้งหรือพิพาทเรื่องที่ดิน เนื่องจากนายพัลลภมีปัญหาเรื่องที่ดินกับเจ้าของร้านขายของเก่าที่อยู่ติด กันจนต้องฟ้องร้องต่อศาล  แต่ผลปรากฏว่าศาลตัดสินให้นายพัลลภชนะคดี  และในวันนี้นายพัลลภพร้อมทนายได้นัดแนะกันมาทำรังวัดที่ดินเพื่อก่อสร้าง รั้ว  แต่ก็ต้องมาโดนยิงจนจบชีวิตเสียก่อน 
      
ต่อมา  พล.ต.ต.คัชชา  ธาตุศาสตร์  ผบก.ภ.จว.ชลบุรี  เดินทางมาติดตามคดีด้วยตัวเอง และได้รับรายงานว่า คนร้ายรายนี้น่าจะคือตำรวจชั้นประทวนยศ " ด.ต." รายหนึ่งในสังกัดภาค 2 ซึ่งมีปัญหาพิพาทเรื่องที่ดินกับนายพัลลภ   ทั้งนี้ พล.ต.ต.คัชชา เร่งรัดให้ตำรวจรีบรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติศาลออกหมายจับมือปืนรายนี้โดยเร็วที่สุด  พร้อมกันนี้ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

"เดลินิวส์"เจ๋งคว้ารางวัลข่าว-ภาพยอดเยี่ยม


เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 9 ธ.ค. นายนพปฎล รัตนพันธ์ พร้อมด้วยนายวัชรินทร์ กลิ่นมะลิและนายณรงค์ฤทธิ์ สุขสว่าง รองนายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย จัดแถลงผลงานพร้อมกับประกาศผลรางวัลข่าว-ภาพข่าวอาชญากรรมยอมเยี่ยมประจำปี 2554-2555 ประเภทสื่อหนังสือพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ เนื่องในโอกาสสมาคมฯ ครบรอบ 33 ปี
นายนพปฎล กล่าวว่า สมาคมฯจัดให้มีการมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน ให้กับผู้สื่อข่าวเป็นประจำทุกปี สำหรับในปีนี้รางวัลข่าว-ภาพข่าว สำหรับรางวัลข่าวอาชญากรรมยอดเยี่ยม ประเภทหนังสือพิมพ์ รางวัลชนะเลิศข่าวอาชญากรรมยอดเยี่ยม ได้แก่ ข่าวรูดม่านรถจดประกอบแก้กฎหมายเลี่ยงภาษีหมื่นล้าน จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ รางวัลข่าวยอดเยี่ยม อันดับ 2 ได้แก่ ข่าวกระชากหน้ากากโจรออนไลน์  คอลเซ็นเตอร์-สกินเนอร์-แฮกเกอร์ จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และรางวัลข่าวยอดเยี่ยม อันดับ 3 ได้แก่ ข่าวแก๊งขอทาน จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ด้านนายวัชรินทร์ กล่าวว่าสำหรับส่วนภาพข่าวยอดเยี่ยม ประเภทสื่อหนังสือพิมพ์ รางวัลภาพข่าวอาชญากรรมยอดเยี่ยม  ได้แก่ภาพ  ปืนช๊อตไฟฟ้าสยบคลั่ง จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ รางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยมอันดับ 2  ได้แก่ภาพ ดีเจคลั่งจี้คอ จากกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด และรางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยมอันดับ 3  ได้แก่ภาพ ผู้สูญเสีย จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และรางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยมรางวัลชมเชย มี 2 รางวัล ได้แก่ภาพ กู้ซีโฟร์ จากหนังสือพิมพ์สยามรัฐ และภาพ นาทีชีวิต จากกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด
นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวว่าประเภทสื่อโทรทัศน์ ยอดเยี่ยม ได้แก่ ข่าวเปิดปมผู้พิทักษ์ลักลอบตัดไม้ ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รางวัลยอดเยี่ยมอันดับ2 ได้แก่ ข่าวเปิดปมขบวนการค้าตัวนิ่ม ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และรางวัลยอดเยี่ยมอันดับ3 ได้แก่ ข่าว บึ้ม..ลวงสังหาร  ของสถานีโทรทัศน์ โมเดิร์นไนน์  สำหรับผู้ได้รับรางวัลจะได้รับถ้วยพร้อมเงินรางวัล ส่วนวันจัดพิธีมอบรางวัลจะแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง.

อกหักรักคุดแคดดี้หนุ่มเดินลงหนองน้ำฆ่าตัวตาย


เมื่อเวลา 00.30 น. วันนี้ (10 ธ.ค.) ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี ร้อยเวร สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รับแจ้งมีผู้จมน้ำเสียชีวิต สูญหายไปภายในหนองน้ำสนามกอล์ฟพลูตาหลวง หมู่ 6 ต.พลูตาหลวง รุดไปตรวจสอบพร้อมประสานนักประดาน้ำ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ ที่เกิดเหตุเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ความลึกประมาณ 2 เมตร บนตลิ่งพบเพียงเสื้อ รองเท้า และขวดสุรา นักประดาน้ำ 3 นาย ได้กระจายกำลังกันออกงมค้นหาอยู่นานเกือบชั่วโมง จึงพบร่างผู้เสียชีวิตจมอยู่กลางบ่อ ทราบชื่อคือนายประเสริฐ กุแก้ว อายุ 25 ปี เป็นแคด ดี้สนามกอล์ฟพลูตาหลวง มีภูมิลำเนาเลขที่ 9 หมู่ 15 ต.บ้านหนองอึ่ง อ.ราษีไศล จ.ศรีษะเกษ สภาพนุ่งกางเกงขายาว สีน้ำเงินเพียงตัวเดียว           
จากการสอบสวนนายนพดนัย ปะริโต อายุ 18 ปี เพื่อนให้การว่า ผู้ตายได้ชักชวนมานั่งดื่มสุราริมหนองน้ำ เพื่อระบายความในใจที่ทะเลาะกับแฟนสาวและถูกตีจาก ระหว่างนั่งดื่มกันอยู่แฟนสาวได้โทรศัพท์เข้ามา ก่อนทั้งคู่จะทะเลาะกันอย่างรุนแรง หลังวางโทรศัพท์ผู้ตายได้แสดงสีหน้าตรึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด และบอกจะเดินลงไปเก็บเบ็ดราวที่ปักไว้ ตนจึงเดินไปดูเบ็ดที่ปักอยู่อีกฝั่งของหนองน้ำ เมื่อกลับมาพบว่าผู้ตายได้หายไปแล้ว จึงมั่นใจว่าฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยค้นหาจนเจอศพดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายคงน้อยใจที่แฟนสาวบอกเลิก เลยเดินลงหนองน้ำฆ่าตัวตายเพื่อปิดฉากรักขม.

“ทักษิณ” โผล่เป็นประธานเปิดงานมวยไทยเทิดพระเกียรติ ยิงตรงจากมาเก๊า


เมื่อช่วงหัวค่ำวันนี้ (9 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานในการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์สปีที่ 2 เทิดไท้องค์ราชัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา  ที่โรงแรมมาเก๊า ฟิชเมน วูฟ เขตปกครองพิเศษมาเก๊า โดยการแข่งขันรายการนี้มีพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะประธานสหพันธ์มวยไทยอาชีพโลกเป็นประธานจัดงาน ซึ่งก่อนเริ่มชกคู่แรก ปรากฏว่ามี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกับมีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง 11 ด้วย

โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า  เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งได้มีการจัดมวยเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งต้องขอบคุณพล.อ.ชัยสิทธิ์ และพ.ต.ท.บุญชัย ประจวบเหมาะ ที่ทำให้พี่น้องชาวไทยในต่างแดนได้มีโอกาสได้เทิดพระเกียรติ ให้เกียรติผมมาเป็นประธานเปิดงานในวันนี้ ทั้งนี้การจัดงานเฉลิมพระเกียรติเพื่อให้คนไทยมารวมตัวกันเพื่อแสดงความจง รักภักดี แสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเพื่อถวายพระพรชัยมงคลต่อพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวฯ ร่วมกันอีกครั้ง เมื่อวันพุธที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา พสกนิกรที่อยู่ในประเทศไทยได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมีของพระองค์ท่านที่ได้ทรง ออก ณ มหาสมาคมสิงหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พร้อมกันนี้ก็มีประชาชนเปล่งเสียงทรงพระเจริญร่วมกัน ถึงแม้นว่าผมจะไม่มีโอกาสเข้าร่วมในพิธี แต่ก็ได้ดูข่าวทางโทรทัศน์อยู่ที่ยุโรป แต่ขณะที่ดูผมก็นึกย้อนไปถึงวันพระราชพิธีฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2549 ซึ่งพระบาทพระสมเด็จพะเจ้าอยู่หัวทรงออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมรับการถวายพระพร เช่นเดียวกันกับปีนี้

"ภาพที่ผมเห็นด้วยตาตัวเอง เมื่อครั้งปี 2549 กับภาพที่เห็นทางทีวีเมื่อวันก่อนเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ระยะเวลาห่างกันถึง 6 ปี ภาพที่เห็นมิได้แตกต่างกันเลยแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์พระองค์ท่านทรงเป็น ศูนย์รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติอย่างแท้จริง เมื่อครั้งปี 2549 นั้น ผมในฐานะนายกรัฐมนตรีที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ได้มีโอกาสกล่าวนำถวายพระพรและได้ร่วมเข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิด แม้ว่าผมจะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร และคณะปฏิวัติก็ได้ตั้งกลุ่มบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์กับผมมาเป็นคณะกรรมการตรวจ สอบทรัพย์สินและดำเนินคดี จนกระทั่งมีคำพิพากษาตัดสินลงโทษ ซึ่งผมและผู้คนอีกจำนวนมากมิอาจยอมรับในกระบวนการอันไม่ยุติธรรมของ คตส.นี้ได้ ทำให้ผมจำต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมาอยู่เมืองไกล แต่ผมไม่เคยลืมเลยว่าตัวเองได้เกิดมาเป็นคนไทย จึงมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอยืนยันว่ามีการกล่าวหาผมมาตลอดในช่วงหลายปีว่าผมไม่มีความจงรักภักดีต่างๆ นานานั้น ล้วนแล้วแต่ไม่มีมูลความจริงเลย เป็นเพียงการกล่าวอ้างของฝ่ายตรงข้ามเพื่อนำมาเป็นเครื่องมือเอาชนะทางการ เมืองเท่านั้น แม้กระทั่งล่าสุดมีการนำคลิปที่เป็นเสียงผมในงานม็อบเสธ.อ้าย เมื่อไม่มีกี่วันที่ผ่านมานั้นเป็นการตัดต่อแบบไร้เทคนิค ขอยืนยันว่าคลิปนี้ไม่เป็นความจริง เพราะผมเหมือนคนไทยทุกคนที่เรารักและเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัวฯ วันมหามงคลนี้ผมขอให้พวกเราร่วมกันทำความดีถวายในหลวงด้วยการบำเพ็ญตนให้ เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศ และทุกคนมีสมานสามัคคี ไม่ทะเลาะไม่แบ่งฝ่าย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองในกรอบของกฎหมายและขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอัน ดีงามเพื่อถวายเป็นราชสักการะ" อดีตนายกเผย.

อย่างไรก็ตามก่อนเริ่มแข่งขันชกมวย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขอให้ผู้ที่อยู่ในสนามร่วมกันเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” 3 ครั้ง ขณะที่ช่อง 11 มีรายงานว่าหลังกรณีดังกล่าวได้สร้างความปั่นป่วนในฝ่ายข่าวพอสมควร ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าเป็นการซื้อเวลาของฝ่ายจัดงาน.

“เสธ.อ้าย” อัด "ทักษิณ" โผล่ทีวีแจงจงรักภักดี ยันคลิปเสียงของจริง


วันนี้ (10 ธ.ค.) พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) เปิดเผยกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดการแข่งขันศึกมวยไทยวอริเออร์สปีที่ 2 เทิดไท้องค์ราชัน เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา ที่โรงแรมมาเก๊าฟิชเมน วูฟ เขตปกครองพิเศษมาเก๊า และมีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง 11 เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นแก่ตัว เพราะใช้ช่อง 11 ซึ่งเป็นทีวีที่ใช้เงินภาษีของประชาชนมาโฆษณาตัวเองว่าเป็นคนที่มีความจงรัก ภักดี และหาก พ.ต.ท.ทักษิณ จงรักภักดีจริงก็ขอให้กลับมาประเทศไทยและแสดงให้ชัดเจน พร้อมทั้งมองว่าการกระทำดังกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจทำให้เจ้าหน้าที่ของ กรมประชาสัมพันธ์เดือดร้อนได้ เพราะขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษอยู่ ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าคลิปเสียงที่ตนเปิดในการชุมนุมของ อพส. เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมาเป็นคลิปตัดต่อนั้น มีการตัดต่อจริงโดยเป็นการเอาเสียงที่คนไทยไม่สามารถรับได้ออกไป แต่ยืนยันว่าเสียงทั้งหมด เป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ จริง.

ลั่นยืนเคียงข้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ "เสื้อแดง"แรลลี่หนุนรื้อรัฐธรรมนูญ 50


ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ( 10 ธ.ค.) กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายพายัพ ปั้นเกตุ นางดารุณี กฤตบุญญาลัย แกนนำนัดรวมตัวกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อตั้งขบวนแรลลี่ภายใต้ชื่อ“แรลลี่ประวัติ ศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ แก้ไขรัฐธรรมนูญโจร ปกป้องประชาธิปไตย ให้กำลังใจนายกฯ ยิ่งลักษณ์” โดยบรรยากาศมีคนเสื้อแดงนำรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถประเภทต่างๆ  มาเข้าร่วมจำนวนมาก
ทั้งนี้ นางดารณีได้เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์ในนามกลุ่มรามสูร เมขลา และกลุ่มแดงอิสระ ร่วมกับ กทม. 50 เขต ระบุว่า เนื่องด้วยประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 เกิดการปฎิวัติรัฐประหารโดยกลุ่มทหารซึ่งเกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 ก.ย. นำโดยคณะปฏิรูปการปกครอง พล.อ. สนธิ บุญรัตกลิน เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหาร โดยโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามระบอบประชาธิปไตย  นับเป็นการรัฐประหารในรอบ 15 ปี
นางดารณี กล่าวอีกว่า เมื่อกลุ่มอำนาจมืดทำการปฏิวัติรัฐประหารสำเร็จ ได้มีการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 โดยคณะปฏิวัติและเขียนรัฐธรรมนูญฉบับโจรปี 2550 ที่เขียนขึ้นโดยกลุ่มคณะปฏิวัติพวกโจรที่ปล้นอำนาจมาจากประชาชน ในการนี้คณะจัดงาน กิจกรรม แรลลีประวัติศาสตร์ฯ ในวันที่ 10 ธ.ค. 2555 ซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญ เราเพียงต้องการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโจร เพื่อให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตย อย่างแท้จริงภายใต้ปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข
ด้าน พ.ต.ท.ไวพจน์ กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลและพรรคร่วมเดินหน้าโหวตร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญวาระ 3 ทันทีที่เปิดประชุมรัฐสภา เรายืนยันว่ารัฐธรรมนูญ 2550 เป็นรัฐธรรมนูญโจรที่มาจากการรัฐประหาร  รวมทั้งต้องเร่งคืนความเป็นธรรมให้กับคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตและบาดเจ็บใน เหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 และต้องเร่งปลดปล่อยนักโทษการเมืองที่ยังถูกจับกุมคุมขังทั้งหมดโดยเร็วที่ สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นแกนนำได้ร่วมวางพวงหรีดหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมีข้อความระบุ “อุทิศแก่รัฐธรรมนูญโจร ปี 2550” ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปตามถนนราชดำเนินผ่านหมุดประชาธิปไตยบริเวณลานพระบรมรูป ทรงม้ามายังรัฐสภาซึ่งได้มีการส่งตัวแทนระดับแกนนำ 10 คนเข้ามาวางพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา ก่อนจะเคลื่อนขบวนต่อไปยังพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550  จากนั้นเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก่อนกลับไปจัดกิจกรรมการปราศรัยต่อเนื่องจนถึงเวลา 24.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ทรงพระเจริญดังกึกก้อง "ในหลวง" เสด็จฯ ยังร้านโกลเด้นเพลส


เมื่อเวลา 17.19 น. วันที่ 10 ธ.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินออกจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช โดยรถเข็นพระที่นั่ง  ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ศ.คลินิก นพ.ประดิษฐ์  ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง พร้อม คณะแพทย์พยาบาล ตามเสด็จฯ
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ยัง ร้านโกลเด้นเพลส สาขาศิริราช2 ที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เป็นการส่วนพระองค์ ท่ามกลางพสกนิกรที่เฝ้ารอชื่นชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น     ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในฉลองพระองค์สูทสีเหลือง ทับเชิ้ตสีขาวลายเส้นตรงสีฟ้าและสีเหลือง พระสนับเพลาสีเทาอ่อน  ฉลองพระบาทสีดำ พระหัตถ์ซ้ายทรงจูงคุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยิ้ม และทอดพระเนตรประชาชนที่มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ บริเวณห้องโถงอาคารเฉลิมพระเกียรติอย่างทั่วถึง
ขณะที่ประชาชนต่างเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ  โดยตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนิน มีประชาชนไปรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เป็นจำนวนมาก ด้วยความจงรักภักดี ต่างปลื้มปีติที่เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเกษมสำราญ มีพระพลานามัยที่แข็งแรง  จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ร้านโกลเด้นเพลส สาขาศิริราช 2 ที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์  ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารโรงพยาบาล

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสินค้าภายในร้านโดย รอบ อาทิ โซนผักสด ผลไม้สด เนื้อหมูสด เนื้อไก่สด ผลิตภัณฑ์โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา อาหารเพื่อสุขภาพสำเร็จรูปและอาหารเพื่อสุขภาพหลากหลายชนิด
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเลือกซื้อ ไข่ไก่ ผักบุ้งจีน เห็ดสามอย่าง หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน ผักกาดหางหงส์ ผักกวางตุ้งใบ ผักกาดขาวปลี เต้าหู้หลอดไข่ไก่ ต้นหอมญี่ปุ่น กะหล่ำปลี บล๊อกโคลี่ และผักฉ่อย(ฮ่องเต้น้อย)  จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เจ้าหน้าที่ร้านโกลเด้นเพลส สาขาศิริราช 2 โดยบริษัท สุวรรณชาด จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ เฝ้าทูลละอองทุลีพระบาททูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายกระเช้าผักและผลไม้ปลอดสาร พิษ
      
กระทั่งเวลา 19.14 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯกลับยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช รวมเป็นเวลา 1 ชม. 55 นาที

โหรดังทำนาย "12/12/12" วันสุดอัปมงคล "ผู้นำหญิง" จะเสียชื่อเสียง-ถูกฟ้องร้อง


จากกระแสความวิตกเรื่องวันสิ้นโลกด้วยหลากหลายทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และ ความเชื่อต่างๆที่ระบุตรงกันอย่างน่าฉงนว่าอาจจะเกิดขึ้นภายในเดือนธ.ค.2555 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ ( 10 ธ.ค.) นายกรหริศ บัวสรวง ผอ.สถาบันพยากรณ์องค์รวม และผู้เชี่ยวชาญด้านหลักวิชาศาสตร์ นูเมโรโลจี  กล่าวถึงเรื่องที่มีการกล่าวขวัญกันมากในเรื่องฤกษ์เลข 12 ว่า การจะบอกว่าวันที่มีเลข 12 หลายเลขเป็นฤกษ์ดีหรือไม่ดีนั้นจะต้องแยกออกเป็น 2 กรณี คือ 12/12/12 (2012) ตามศาสตร์ตะวันตก นูเมโรโลจี   ซึ่งเป็นศาสตร์เก่าแก่ที่น่าจะมีการใช้กันก่อนโหราศาสตร์ ต้องใช้ตัวเลขเต็มทั้งหมด ย่อไม่ได้ เช่นวันที่ 12  ก็ 1+2 ผลลัพธ์คือ   3  เดือน 12 ก็ 1+2 ผลลัพธ์คือ 3 และปี 2012 ก็ 2+0+1+2 ผลลัพธ์คือ 5 แล้วเอาผลลัพธ์ทั้งหมดรวมกันคือ 3+3+5  เท่ากับเลข 11

“เลข 11ในหลักวิชา นูเมโรโลจี  เป็นเลขที่ร้ายแรง ถ้าเป็นดวงเมืองหรือประเทศ อาจมีภัยพิบัติธรรมชาติ และภัยที่ไม่ใช่ธรรมชาติ เกิดขึ้นรุนแรง แต่ถ้าเป็นดวงคนจะเกิดความพลิกผัน มีผลบางอย่างเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องความยุติธรรม กฎหมาย และคดีความ โดยเฉพาะกับผู้หญิงจะไม่ค่อยดี ดวงผู้นำที่เป็นผู้หญิงจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกฟ้องร้อง กล่าวโทษ และดาวผู้นำอยู่ในภพมรณะ หมายถึงอุปสรรค มีปัญหาต้องแก้ไขแก้ตัว ทั้งนี้ เลข 11 เป็นเลขสากล ก็จะเกิดปัญหากับผู้หญิงทั่วโลก อีกทั้งผลกระทบดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแค่วันเดียว แต่มีผลระยะ 11 วัน หรือ 11 เดือน หรือยาวเป็น 11 ปีก็ได้”

         
นายกรหริศ กล่าวย้ำอีกว่า เลข 12 เป็นวันไม่ดี เป็นอัปมงคล ในศาสตร์ นูเมโรโลจี  ตัวเลขที่ไม่เป็นมงคลคือ 11, 17, 18, 22, 27, 28 เลขทั้ง 6 ตัวนี้ห้ามใช้ในการมงคล และคนที่เกิดตามวันดังกล่าวมักมีปัญหา ซึ่งไม่เฉพาะกับตัวเอง แต่จะส่งผลกระทบไปถึงครอบครัว เกิดการแตกแตก หรือการหย่าร้าง ไม่มีความสุข ส่วนเลข 21 นั้นไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการใช้ให้เป็นด้วย เพราะเป็นเลขสากล บางครั้งก็นำมาเกี่ยวกับประเทศไทยไม่ได้”

นายกรหริศ ยังกล่าวอีกว่า วันที่ 10 ธ.ค. 2555 พระราหูย้ายจากราศีพิจิกเข้าราศีตุลย์ พระราหูนั้นเป็นตัวแทนรัฐสภา จะเกิดปัญหาในรัฐสภา และยังมีดาวเสาร์ที่เป็นคู่มิตรกันกับพระราหู ดาวทั้งสองเล็งดวงเมือง บ้านเมืองจะโกลาหลวุ่นวายมากขึ้น ราหูมีกำลังวันที่ 12 ตรงกับเดือน 12  และปี 12  ให้ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีก่อน เมื่อพระราหูมาอยู่ตรงนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลง นายกฯบรรหาร ยุบสภา มายุคปัจจุบันระวังบ้านเมืองระส่ำระสาย  ประชาชนจะออกมาเคลื่อนไหวจนเกิดกลียุค และเพราะดาวเสาร์กับพระราหูเข้ามาอยู่ในเรือนของดาวศุกร์ ซึ่งเป็นตัวแทนการเงินการคลัง มาจากภพวินาศ ดังนั้น จะเกิดผลกระทบกับรายได้ของประเทศด้วย

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources