วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

ชัดเจน! ควันไฟจากการเผาป่าที่แม่ริม เชียงใหม่ ยังคงกระทำกันอย่างปกติ โดยไม่วิตกว่าจะทำให้วิกฤตหนักขึ้น



ที่อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ยังคงมีการจุดไฟเผาแผ้วถางพื้นที่ทางการเกษตรในเขต ต.แม่แรม และ ต.โป่งแยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตอซังข้าวโพดและนาข้าวกลางหุบเขาอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพื่อเตรียมแปลงเพาะปลูกใหม่ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ โดยไม่สนใจคำร้องขอจากทาง จ.เชียงใหม่ และเท่ากับเพิกเฉยต่อผลกระทบมลพิษหมอกควัน ที่ส่งผลต่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่น เนื่องจากการเผาเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและมีต้นทุนต่ำ

ประกาศรายชื่อผู้โชคดีดู “รักสุดทีน”

หลังจากเดลินิวส์ออนไลน์ และสหมงคลฟิล์ม ชวนผู้อ่านร่วมสนุก ลุ้นบัตรชมภาพยนตร์ เรื่อง "รักสุดทีน" จำนวน 15 รางวัล (รางวัลละ 2 ที่นั่ง) จัดฉายรอบพิเศษ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 255 รอบเวลา 20.00 น. ที่โรงภาพยนตร์ยูเอ็มจี อาร์ซีเอ
โดยฝากคำถามไว้ว่า "ในเรื่องรักสุดทีน พาหนะคู่ใจของเอก หรือ ถึงใจ (มาริโอ้ เมาเร่อ) คือ?"...เลือกคำตอบระหว่าง 1) จักรยานยนต์บิ๊กไบท์ หรือ 2) รถเต่า
เฉลยคำตอบที่ถูกต้อง คือ 1) จักรยานยนต์บิ๊กไบท์
สำหรับโชคดี 15 ท่าน ประกอบด้วย
1.คุณพรรณทิพา เจียพงษ์
2.คุณนารี  วาณิชวิเศษกุล
3.คุณอุษณี  ลิขิตเดชาวงศ์ 
4.คุณปิยะฉัตร สิงห์ภิรมย์
5.คุณสุวิชชา เอกภาณุโรจน์
6.คุณประชา สุภวงษ์
7.คุณบุษบา ชื่นจิตต์
8.คุณสุพรรณิการ์ ตันติวิรมานนท์
9.คุณมินตรา เตชะมาถาวร
10.คุณธิตินันทน์ สุวรรณไตร
11.คุณสมหญิง แซ่ตั้น
12.คุณเปมิกา นามพลกรัง
13.คุณชัญญา จันทะรังษี 
14.คุณณัฐพร ล้อมวงศ์วิทยา
15.คุณสรารัตน์ ฮิมสกุล
เงื่อนไขการรับบัตร **ผู้โชคดีโปรดอ่าน**
  • ให้ผู้โชคดีตามรายชื่อที่ปรากฏข้างต้น ติดต่อยืนยันสิทธิ์และรับทราบข้อปฏิบัติของการรับตั๋วหนัง ระหว่างเวลา 10.00-12.00 น. (พุธที่ 29 ก.พ. 2555) ที่โทร. 0-2790-1163 เท่านั้น (ไม่รับยืนยันสิทธิ์ผ่านช่องทางอื่น)
  • ผู้ที่ได้รับรางวัลในกิจกรรมรอบนี้ หากมีรายชื่อได้รับรางวัลจากเว็บไซต์นี้และในเว็บอื่นเกิน 1 ชื่อ ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ให้เหลือชื่อ เพียง 1 ชื่อ เท่านั้น โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า.

'นันดา' กับ 13 ปีบนเวทีนางแบบโลก - ดาวต่างมุม

หากพูดถึงนางแบบสายเลือดไทยที่มีชื่อเสียงอย่างจริงจังในวงการนางแบบระดับโลกต้องบอกว่ามีอยู่ไม่กี่คน แต่ นันดา ฮัมเปอร์ คือนางแบบลูกเสี้ยวไทย-เยอรมัน ซึ่งคร่ำหวอดในวงการนางแบบโลกมากว่า 13 ปี และเธอออกตัวว่าเธอคือคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กลับไม่ค่อยมีคนไทยรู้จักเธอ วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยขอตามติดไปพูดคุยกับเธอระหว่างที่เธอกำลังไปถ่ายแบบให้นิตยสารน้องใหม่ “โครว แมกกาซีน (Crow)” กันที่เน็ก สตูดิโอ

จุดเริ่มต้นของการเป็นนางแบบ?

“ที่เยอรมนีเขาจะสอนให้เด็กทำงานตั้งแต่อายุ 16-17 ปี นันดาก็ไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายขนมปัง แล้วพอดีมีบริษัทเอเจนซี่ที่เยอรมนีมาเจอเรา ซึ่งเขาจะหางานให้เอเจนซี่ทั่วโลกเลย ก็จะพยายามหางานที่เข้ากับเราให้ได้ ทั้งที่ฝรั่งเศส อังกฤษ และสเปน แต่สุดท้ายเขาก็หาเอเจนซี่ให้เราได้ที่นิวยอร์ก ตอนนั้นก็ดีใจมาก เพราะว่ายังไม่ค่อยมีคนเอเชีย คนไทย ไปที่นิวยอร์กมาก เขาก็บอกว่าเอเจนซี่ที่นิวยอร์กสนใจนัน ตอนนั้นก็บินไปที่นิวยอร์กทันทีเลย ก็ไปอยู่ที่โน่นเกือบ 13 ปีแล้ว ก็มีบ้านอยู่ที่นิวยอร์ก แต่ว่าไปทำงานทั่วโลกเลย”

คิดว่าอะไรคือจุดเด่นของเราที่ทำให้เขาเลือกเรา?

“หน้าตาเราไม่เหมือนคนอื่น เดายากว่าเชื้อชาติไหน เป็นได้ทั้งคนเอเชีย อเมริกัน เยอรมัน ทำให้คนเห็นอยากรู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน ตอนเด็กๆ ทุกคนก็จะบอกว่าทำไมเราหน้าตาแปลกจัง หน้าตาไม่สวย แต่ตอนนี้ก็ดีใจที่ความน่าเกลียดของเราตอนเด็ก ๆ เขาทำให้สวยได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเมคอัพ เรื่องของผม (หัวเราะ)”

เพื่อนร่วมงานล่ะ?

“จริง ๆ ก็เหมือนกับที่นี่ แต่จะบอกว่าเหมือนก็ไม่ได้ เพราะว่างานที่โน่นจะมีการแคสติ้งไว้แล้ว มันจะไม่มีเรื่องเส้นสาย ว่าเป็นพวก ๆ กันแล้วเอาไปเดินแบบไม่ใช่ แต่คือเขาจะบอกว่าอยากได้นางแบบผมทอง สูงประมาณ 175 คือเขาจะมีข้อมูลเบื้องต้นมาให้เราแล้ว แต่อาจจะมีบางทีที่เราบอกว่าคนนี้ดีนะ แต่เอเจนซี่ก็ต้องส่งข้อมูลไปให้ลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ารีเควซมา แต่ส่วนมากเขาจะไม่มีเวลามาเลือก เขาจะรีเควซมาเลยมากกว่า”

มีท้อแท้บ้างไหม?

“ก็มีเวลาที่อยู่คนเดียวแล้วเสียใจ เหนื่อย ง่วงนอน กลับมาถึงโรงแรมแล้วร้องไห้ก็มี แต่ตอนนี้เราก็เรียนรู้ว่าเราไม่ได้เหนื่อยคนเดียว เราทำใจได้แล้ว ว่างานทุกอย่างมันไม่ได้มีข้อดีอย่างเดียว มันมีโพสซิทีฟและเนคกาทีฟ ทุกชิ้น เราต้องเป็นโปรเฟสชั่นนอล เขาจ่ายตังค์เราก็เพราะเป็นงานของเรา เราจะไปว่าอะไรไม่ได้ จะไปเปลี่ยนเมคอัพที่เราไม่ชอบไม่ได้ เราต้องเข้าใจว่าไม่ได้จะไปทำรูปสวยของเรา แต่เป็นรูปของแมกกาซีนเขา เขาอยากได้แบบนี้ เมคอัพแบบนี้เราก็ต้องยอมถ้าเราไม่ชอบ ขากลับ 5 โมงเย็น แล้วเราค่อยลบก็ได้ คืองานเราไม่ใช่โมเดล แต่มันคือทีมเวิร์ก ทุกคนต้องทำงานร่วมกัน ถ้าช่างแต่งหน้าไม่เก่ง ช่างผมไม่เก่ง สไตลิสต์ ไม่เก่ง ถ้าช่างภาพจัดไฟไม่เป็น รูปมันก็จะออกมาไม่ดี”

ในเรื่องของการเป็นคนไทย วัฒนธรรมเป็นปัญหาสำหรับการทำงานเราไหม?
“นันดาเป็นลูกเสี้ยวค่ะ คุณพ่อเป็นลูกครึ่งเยอรมัน คุณแม่เป็นคนไทย ทุกอย่างนันดาเป็นไทยหมดเลย คุณพ่อคุณแม่เกิดและโตที่เมืองไทยทั้งสองคน เราก็เหมือนกับคนไทยที่เกิดและเติบโตมาที่เยอรมนี จริง ๆ ในใจนันเป็นคนที่ขี้อายมาก ไม่กล้าพูด แต่เวลาเราทำงานแล้ว เราจะแกร่งมากเลย จะตรงกันข้าม คือนันเป็นคนที่อยู่บนเซตแล้วจะกล้ามากเลย แต่เวลาอยู่บ้าน หรือมาให้สัมภาษณ์จะรู้สึกว่าไม่กล้า คือข้างในเราจะเป็นคนไทยมากเลย แต่ข้างนอกจะเป็นนิวยอร์กมาก”

คำว่าซูเปอร์โมเดลสำหรับนันดาคืออะไร?
    

“สำหรับนันคิดว่าคนที่ไปนิวยอร์กได้หรือไปนอกได้ ทุกคนลำบากกันหมด ซูเปอร์โมเดล เป็นเหมืือน ซูเปอร์มัม เพราะงานมันหนักมากเลย มันไม่ใช่เรื่องของชื่อเสียง แต่เป็นเรื่องของแรงของเรามากกว่า บางทีเราก็ต้องถ่ายงานกับงู ทั้งที่ไม่เคยจับงูมาก่อน บางทีเราก็ต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำ อย่างนันสมัยก่อนนันกลัวน้ำมาก แล้วก็ต้องลงไปถ่ายรูปใต้น้ำ”

การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า?

“จริง ๆ ปัญหาเฉพาะหน้าที่นั่นจะไม่ค่อยมี เพราะว่าจะมีการเซตไว้แล้ว แต่นันเป็นคนตัวเล็กมากเลย เสื้อผ้าก็จะใหญ่เกินไป แต่คือก็ทำให้เล็กได้ ซึ่งถ้างานไหนเลือกนันแล้ว เขาจะรู้ว่านันตัวเล็กกว่าคนอื่น แต่ทุกครั้งที่มีลูกค้าใหม่เราก็จะกลัวตลอดว่าเขาจะคิดว่าทำไมไม่บอกว่าตัวเล็ก”

การเป็นนางแบบต้องทำให้เราอัพเดทเรื่องแฟชั่นมากแค่ไหน?

“เราก็ต้องรับรู้ว่าแฟชั่นตอนนี้เป็นยังไง ใครเป็นช่างภาพที่ดัง ใครเป็นสไตลิสต์ที่ดัง แมกกาซีนเล่มไหนถ่ายแบบไหน ช่างภาพแต่ละคนมีสไตล์ของเขาเอง เราก็ต้องทราบด้วย ไม่งั้นเวลาเราคุยแล้วเราไม่รู้เรื่อง เราก็จะเข้ากับเขาไม่ได้ ถ้าเราอยากอยู่ในระดับท็อป เราก็ต้องรู้ทุกอย่าง อย่างเอเจนซี่ของนันจะสอนว่า ถ้าเราอยากได้งานล้านเหรียญ เราก็ต้องทำตัวทำหน้าตาให้ได้ล้านเหรียญเหมือนกัน ถ้าเราอยากได้มาก เราก็ต้องให้เขามาก”

ทำงานในวงการนางแบบมา 13 ปี ทำให้ทุกวันนี้การรับงานเราเปลี่ยนไปไหม?

“เปลี่ยนค่ะ เพราะตอนนี้นันเริ่มอายุมากขึ้น 31 ปีแล้ว ก็อยากจะอยู่บ้านบ้าง เพราะเราทำงานมา 13 ปี ไปทั้งออสเตรเลีย ไปฮ่องกง ไปอังกฤษ ไป ๆ มา ๆ ทุกวัน แล้วเราก็มีครอบครัวไม่ได้ คือตอนนี้นันกำลังจะแต่งงาน เดือน ก.ค. ที่จะถึงค่ะ ก็แพลนว่าจะอยู่บ้านมากขึ้น จะเริ่มเลือกงานมากขึ้น ถ้ามีงานที่เป็นคอนเซปต์ที่เราชอบ เป็นงานที่ดีเราก็จะรับ ไม่งั้นเราก็คงจะลำบากถ้าอยู่เมืองใดเมืองหนึ่งไม่ได้”

แสดงว่ามีแพลนจะกลับมาอยู่เมืองไทย?

“อยากเหมือนกันค่ะ นันกำลังขอแฟนให้มาอยู่ในเอเชีย ในฮ่องกง หรือเมืองไทย สัก 1-2 ปี เพราะนันอยากอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ด้วย ท่านก็เริ่มจะแก่แล้ว ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะมาอยู่ได้ไหม เพราะเราไปอยู่ระหว่างอิตาลีและนิวยอร์กมา 13 ปี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาอยู่ที่นี่”
แฟนนันดาเข้าใจงานนางแบบที่เราทำไหม?

“ก็เข้าใจค่ะ เห็นใจเขาเหมือนกัน เขาคงสงสัยว่าวันนี้เราไปไหน วันนี้ไปอิตาลี พรุ่งนี้ทำไมต้องไปลอสแอนเจลิส คือเขาทำงานที่นิวยอร์กทุกวัน แต่เขาก็ซับพอร์ตนันอย่างมากเลย นันก็รู้สึกดีที่มีแฟนอยู่ที่บ้าน กลับบ้านแล้วมีคนรออยู่ รอทานอาหารด้วยกัน เพราะถ้าเดินทางด้วยกันทั้งคู่คงอยู่ด้วยกันยาก เพราะคงคลาดกันไปคลาดกันมา เดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้ก็จะไปแต่งงานที่อิตาลี เพราะเขาเป็นคนอิตาลี เอาพิธีไทยไปแต่งที่โน่น”

ความรู้สึกกับการได้กลับมาทำงานที่เมืองไทย?

“ความรู้สึกของการมาทำงานที่นี่เมื่อ 10 ปีที่แล้วกับตอนนี้ก็ต่างกันเยอะเลย ที่นี่อาจจะดีกว่าที่โน่นด้วยซ้ำไป ช่างภาพ ช่างไฟ สไตลิสต์เมคอัพ ทุกคนเก่งมากเลย”
 
คิดไหมว่าอนาคตถ้าเราไม่ได้ทำนางแบบแล้วจะทำอะไร?

“นันชอบคำนวณมาก อยากทำอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับคำนวณ ที่ต้องคิดเลข นันชอบทำภาษี ตอนนี้นันก็ช่วยพวกนางแบบที่นิวยอร์กทำเรื่องภาษี คือนันเข้าใจวงการโมเดลลิ่งไง นันทำมาตลอดแล้ว ก็จะบอกเขาได้ว่าตรงนี้ต้องจ่ายภาษี ตรงนี้จะช่วยลดหย่อนได้ ก็อยากทำภาษีให้พวกน้อง ๆ ที่เพิ่งเริ่มเข้าไปว่าทำยังไง คือจริง ๆ นันอยากเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินให้นางแบบด้วย เพราะสมมุติว่านางแบบวันนี้ทำเงินได้ 1 ล้าน พรุ่งนี้อาจจะไม่ได้เงินเลย เราก็ต้องเรียนรู้ว่าเราจะต้องประหยัดยังไง จะใช้เงินยังไงอีก 10-20 ปี”

มองวงการนางแบบทุกวันนี้ยังไงบ้าง?

“สมัยนี้เรามั่นใจในวงการนี้ เพราะดีกว่าเมื่อก่อนมาก สำหรับคนที่จะเข้ามาในวงการก็อยากจะแนะนำว่าให้เป็นตัวของตัวเอง คือปรับตัวได้แต่อย่าเปลี่ยนตัวเอง อย่าลืมว่าตัวเองเป็นยังไง อย่าคิดว่าเราเก่งกว่าที่เราเป็น อย่าคิดว่าด้อยกว่าที่เราเป็น เราต้องรู้จักประมาณตัวเองถึงจะอยู่วงการนี้ได้นานค่ะ”

พอคุยมาถึงตรงนี้เราไม่รู้สึกแปลกใจว่าทำไม “นันดา” ถึงยืนหยัดอยู่ในวงการนางแบบระดับโลกมาได้นานถึง 13 ปี นั่นเพราะความเป็นมืออาชีพและความสามารถของเธอล้วน ๆ.
ติดตามชมคลิปวิดีโอได้ที่
www.dailynews.co.th
คนกลาง เรื่อง วรัญญู เหมือนเดช ภาพ

บุกรัดคอฆ่าเปลือย"เจ๊กี"เศรษฐินีคนดังเมืองจันทบุรี

เมื่อเวลา10.00 น.วันนี้ (2 มี.ค.) พ.ต.ท.อำนาจ แก้วขาว พนักงานสอบสวน สภ.สอยดาว จ.จันทบุรี รับแจ้งเหตุฆาตกรรมในบ้านเลขที่ 151 / 24 หมู่ 1 ต.ปะตง อ.สอยดาว จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมฝ่ายสืบสวน อาสาสมัครกู้ภัยสว่างกตัญญู และแพทย์ รพ.สอยดาว
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวตั้งอยู่ในย่านชุมชน ภายในห้องรับแขกพบศพ นางจิตตรี สุรภัทรการกิจ อายุ 47 ปี นอนเสียชีวิตบนเตียงไม้  สวมเสื้อเพียงตัวเดียว ท่อนล่างเปลือย  ที่ใบหน้ามีหมอนปิดทับคล้ายถูกกด บริเวณลำคอพบสายไฟฟ้าสีดำรัดจนแน่น แขนและขาทั้ง 2 ข้างมีรอยฟกช้ำคล้ายถูกทุบและกดอย่างรุนแรง  บริเวณอวัยวะเพศไม่พบร่องรอยการถูกข่มขืน  คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง นอกจากนี้ภายในห้องยังพบร่องรอยถูกรื้อค้นจนข้าวของกระจัดกระจาย
จากการตรวจสอบทรัพย์สินพบว่าสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท ที่คอผู้ตายยังอยู่ แต่รถปิกอัพโตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน1165 จันทบุรี ของผู้ตายหายไป ต่อมาตำรวจพบว่าไปจอดอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร สภาพรถปิดล็อคประตู  ส่วนกุญแจรถตกอยู่ในกระบะท้ายรถ
สอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นเจ้าของโรงเชือดหมูและเจ้าของเขียงหมูในตลาดนัดหลายแห่งใน อ.สอยดาว มีฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐินี เป็นที่รู้จักกว้างขวางในชื่อ “เจ๊กี” และเป็นอดีตภรรยา นายสมจิต สุรภัทรการกิจ อายุ 48 ปี อดีตสมาชิกสภาเทศบาลตำบลทรายขาว อ.สอยดาว มีลูกด้วยกัน 3 คนแต่ลูกๆ เรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ผู้ตายเป็นแม่หม้ายอาศัยอยู่เพียงลำพัง ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 1 มี.ค.เจ๊กีไปร่วมงานศพเพื่อนบ้าน  กระทั่งช่วงเช้านายดุสิต สุรภัทรการกิจ อายุ 29 ปี หลานชายที่พักอยู่โรงเชือดสุกร ห่างบ้านพักไม่ไกลนัก มาร้องเรียกหน้าประตูรั้วบ้านหลายครั้ง  แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงเกิดเอะใจให้เพื่อนบ้านช่วยงัดกุญแจประตูรั้วเข้าไปก็พบว่านางจิตตรีเสียชีวิตแล้ว
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานการเสียชีวิต 2 ประเด็น คือถูกคนร้ายคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน พยายามข่มขืน แต่ผู้ตายฮึดสู้จึงถูกฆ่าด้วยการใช้สายไฟฟ้ารัดคอและกดด้วยหมอนกระทั่งขาดใจตายคาที่ หรืออาจถูกฆ่าเพราะความโกธรแค้น เนื่องจากทราบว่าผู้ตายเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจาโผงผาง ไม่กลัวใคร ก่อนหน้านี้เคยต่อว่าคนงานชาวกัมพูชา 2 คน ที่ว่าจ้างไว้ช่วยงานอย่างรุนแรงอาจไม่พอใจเกิดบันดาลโทสะลงมือฆ่าผู้ตายและชิงรถหนีไปก่อนตัดสินใจทิ้งรถไว้ระหว่างทางก็เป็นได้ เนื่องจากล่าสุดทั้งคู่หายตัวไป ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว.

หิ้วทันควัน "โจ๋หื่นวิตถาร" ถลกมุ้งขยี้กามยายทวดวัย90 หนีไม่รอด

วันนี้ (2 มี.ค.) ร.ต.อ.มนตรี แดงดี ร้อยเวร สภ.เมือง จ.พิษณุโลก รับแจ้งจากชาวบ้านใน ต.หัวรอ ว่าได้ช่วยกันจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุข่มขืนแม่เฒ่า อายุ 90 ปีไว้ได้ จึงประสานฝ่ายสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากกำลังควบคุมตัวน ายธีรวุฒิ รอดสุด อายุ 21 ปี คนร้ายก่อเหตุข่มขืน นางกบ (นามสมมุติ) อายุ 90 ปี ได้ที่บริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ
โดยนางกบ คุณทวดเคราะห์ร้ายให้การว่า ขณะที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ในบ้านพัก รู้สึกมีคนมาเปิดมุ้งแล้วใช้มือทั้ง 2 ข้างปิดปาก ปิดจมูกจนหายไม่ออก และใช้กำลังข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ก่อนจะหลบหนีไป จึงกัดฟันวิ่งไปบอกเพื่อนบ้านและชาวบ้านช่วยกันถตามจับกุมวัยรุ่นหื่นไว้ได้ในที่สุด
ขณะที่นายธีรวุฒิ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง เพราะเกิดอารมณ์ทางเพศ เห็นแม่เฒ่าอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงบุกเข้าไปข่มขืน และมาถูกจับกุมได้ในที่สุด ควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป.

สลด2ขวบดับปริศนาซี่โครงหัก 4 ซี่


วันนี้ (3 มี.ค.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี รับแจ้งว่า ด.ช.พีระพัฒน์หรือน้องดิน ไม้จันทร์ อายุ 2 ขวบ เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ โดยสงสัยว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย เนื่องจากโรงพยาบาลระบุว่ามีเลือดออกในช่องท้อง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และชาวบ้านเคลือบแคลงสาเหตุการตาย จึงขอให้มูลนิธิฯเข้าช่วยตรวจสอบ จึงประสานไปยัง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.จักรภพ สุคณธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของน้องดิน ก่อนที่ญาติจะทำพิธีฌาปนกิจศพ ในเวลา 17.00 น. ที่วัดใหม่อมตรส

ขณะเดียวกันนางปวีณา ได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ขอให้ช่วยตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตของน้องดินโดยด่วน และจากการชันสูตรศพเบื้องต้นพบว่าอวัยวะภายในบอบช้ำมาก ซี่โครงด้านหลังหัก 4 ซี่ และมีรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง และสาเหตุน่าจะเกิดจากการถูกทำร้าย จากนั้นญาติได้นำศพกลับไปยังวัดใหม่อมตรส เพื่อประกอบพิธีทางประเพณีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า หลังจากทราบผลการชันสูตรแล้วพบว่าสาเหตุน่าจะมาจากการถูกทำร้ายร่างกาย ดังนั้น จะต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและพยานแวดล้อม พร้อมหาหลักฐานเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources