วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เทคนิคการปูกระเบื้อง


เพราะการหล่อชิ้นส่วน คาน-เสา ซึ่งหล่อในแนวนอน จึงทำให้คอนกรีต และวัสดุในการผลิต ต้องอาศัยความชำนาญของช่างเฉพาะทางเท่านั้น  มีคุณภาพ ความแข็งแกร่ง และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
การใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตฐาน และประสบการณ์ของช่างที่มีความชำนาญ และการความคุมดูและตรวจงาน เพื่อให้เสร็จสมบูรณ์  และลูกค้าพอใจ รับประกันขั้นต่ำ 1-5 ปี 
ความสวยงาม การออกแบบ และ ให้ตรงตามใจท่านเจ้าของบ้าน




ประหยัด เราคิดราคาเป็นกันเอง



ทันสมัยด้วยท่านสามารถ เลื่อกแบบตามใจของท่าน ทำให้ Project สวย งามและมีความทันสมัยโดดเด่นกว่าการก่อสร้างในแบบอื่น และตรงตามใจท่านเจ้าของบ้าน

"เฉลิม"แถลงตามยึดทรัพย์เครือข่ายดาบฉาว


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. และพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก็งค์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยขยายผลได้จากการจับกุมนายฐิติ เพ็งสุข พร้อมยึดยาบ้า จำนวน 1,280,000 เม็ด และ ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ในพื้นที่ จ.ลำปาง โดยคดีนี้เกี่ยวพันกับ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่ งานจราจร สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาดังกล่าว มูลค่า 77.77  ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ทรัพย์สินของนายธิติ เพ็งสุข รวม 4.8 ล้านบาท ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียน ญฏ 2706 กทม.1 คัน บัญชีเงินฝาก 5 บัญชี นาฬิกา 9 เรือน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮาเลย์วิสัน 1 คัน ที่ดิน 1 แปลง ทรัพย์สินของด.ต.มนัส เสือโพธิ์ รวม 20.61 ล้านบาท ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน1 หลัง คอนโดซิตี้โฮม 1 ห้อง ทองคำแท่ง 20 บาท ทองรูปพรรณ14 รายการ อาวุธปืน 1 กระบอก รถยนต์ 4 คัน บัญชีเงินฝาก 3 บัญชี มูลค่า 366,522 บาท
โฉนดที่ดิน 8 แปลง รถจักรยานยนต์ 2 คัน ทรัพย์สินของนายสถิตและนางบัวไข แสงหล้า รวม 26.1 ล้านบาท ได้แก่ ทองรูปพรรณ และพระพร้อมกรอบทอง 7 รายการ รถไถ 1 คัน รถแท็กเตอร์ 2 คัน รถหกล้อ 1 คัน รถตักดิน 1 คัน ที่ดิน 40 ไร่ รถจักรยานยนต์ 1 คัน ทรัพย์สินของนายประทินและนางสุชาดา ทวยภา รวม 26.2 ล้านบาท ได้แก่รุยนต์ 1คัน รถไถ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก ที่ดิน 44 ไร่ พร้อมบ้าน 2 หลัง และทรัพย์สินของนายระพิณ คำแฝงและนายสุเทพ คำแฝง อยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินในเขต อ.เมือง จ.กำแพงเพชร
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขณะนี้ ด.ต.มนัส ได้ขอมอบตัวแล้ว อยู่ระหว่างการนำตัวมาสอบสวน จากการสอบสวนเบื้องต้นยังไม่พบมีตำรวจรายอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจทำผิดก็ต้องมีมาตรการเด็ดขาด ไม่ปกป้อง ไม่ช่วยเหลือ ต้องดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีการกลั่นแกล้ง โดย ผบ.ตร.จะรุกคืบไปสอบผู้บังคับบัญชาว่าดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไร เพราะกรณีนี้ผู้ต้องหาขนยาหลายครั้ง และหัวหน้าใหญ่คือตำรวจเก่าที่เกษียณราชการ ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นเครือข่ายแรกที่ไม่มีคนในภาคเหนือร่วมขบวนการ
“ยอมรับว่าที่ผ่านมามีตำรวจแอบขายยาบ้างเป็นรายเล็ก ๆ แต่ครั้งนี้ถือเป็นขบวนการใหญ่ ส่วนที่จับแก็งค้ายาได้มาก ๆ เพราะมีการผลิตมาก โดยกองกำลังผ่าเมืองรายงานว่ามียาตกค้างที่พม่าอีก ซึ่งทางการพม่าก็พยายามกวดขัน โดยมีประเทศจีนให้การช่วยเหลือด้วย เพราะตำรวจไทยเคยให้ความร่วมมือในการการช่วยคดีลูกเรือจีน แต่หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ผมจะไปหารือกับพม่า” รอง นายกฯ กล่าว
อีกรายตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับเจ้าหน้าทีตำรวจภูธรภาค 5 จับกุม นายเกรียงไกร แซ่ลาวื่อ  อายุ 23 ปี นายสุชาติ ชูปิติวงศ์ อายุ 23 ปี นายสมศักดิ์ เลาวะ อายุ 21 ปี นายสามารถ เกียรติไพรสัณฑ์ อายุ 19 ปี นายเกียรติศักดิ์ เกียรติยากุล อายุ 23 ปี และนายทิชานนท์ วัฒนาตระกูลวงศ์ อายุ 29 ปี  พร้อมยึดยาบ้า 400,000 เม็ด โดยจับกุมได้ที่หมู่บ้านทวีโชค อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ลักลอบนำยาเสพติดจากชายแดนไทย-พม่า ด้านอำเภอแม่ฟ้าหลวง เพื่อมาส่งให้กับลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้รถกระบะยี่ห้อเซฟโรเลตสีน้ำเงิน ทะเบียน ผฉ 6758 เชียงใหม่ เป็นยานพาหนะ จึงเฝ้าสะกดรอยเส้นทางการลำเลียง กระทั่งรถคันดังกล่าวเข้ามาจอดในบ้านเป้าหมาย จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบยาเสพติดซุกซ่อนไว้ท้ายกระบะที่ดัดแปลงเป็นช่องลับ จึงได้ดำเนินการจับกุมพร้อมยึดของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวถึงกรณีที่พบตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดหลายคดี ว่า ทั้งกรณีตำรวจสน.ประชาชื่น และที่ สภ.ไชยปราการ นั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้ย้ำในประชุมศปก.ตร. ชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่แม้ทราบว่าเป็นตำรวจก็ไม่ปล่อยยังดำเนิน การถึงที่สุด ส่วนกรณีที่ตำรวจและอดีตตำรวจไปเกี่ยวข้องขบวนการยาเสพติดผบ.ตร.สั่งการให้ ดำเนินการทางวินัยและปกครองอย่างเต็มที่
“ตำรวจไปทำผิดเสียเอง ผบ.ตร.กำชับให้ดำเนินการทางคดีอย่างถึงที่สุด และย้ำว่าให้ตรวจสอบผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 ที่ระบุชัดเจนในการที่ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลเอาใจใส่ผู้บังคับบัญชาตาม ลำดับชั้น เช่น ระดับผู้บังคับหมู่ ต้องมีรองสารวัตร สารวัตรดูแลตามลำดับ ทุกกรณีต้องดูว่าผู้บังคับบัญชาสอดส่องต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าไม่ดูแลกันเท่าที่ควรผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย อีกทางหนึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.อัมรินทร์ อัครวงศ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการจเรตำรวจที่รับผิดชอบทุกหน่วยเข้าไปตรวจสอบการทำงานของตำรวจทุก พื้นที่อย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นแล้วจะต้องตรวจสอบเอาผิดผู้บังคับบัญชาให้เห็นเป็นแบบอ ย่าง ซึ่งมีการตั้งกรรมการมาตรวจสอบแล้ว” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีจับกุมรองสารวัตรที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่  นั้น ตำรวจรายนี้ก็อยู่ในบัญชีตำรวจต้องสงสัยค้ายาเพียงแต่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่เมื่อมีหลักฐานก็จับกุมทันที ซึ่งตำรวจมีบัญชีรายชื่อตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่ รายไหนปรากฎหลักฐานชัด หาหลักฐานได้ก็จับกุมทันที รายไหนยังไม่มีหลักฐาน แต่มีข้อมูลก็ใช้วิธีการปรับย้ายออกจากพื้นที่ที่อาจส่งเสริมให้ทำผิดได้.

"ผบ.ตร." สั่งโปลิศภาคใต้เข้มครบรอบ 8 ปีตากใบ


วันนี้ (24 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย  โฆษก ตร.  กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม มาตรการรักษาความสงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ในวัน ครบรอบ 8 ปีเหตุการณ์ตากใบ วันที่ 25 ต.ค. ว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.สั่งการตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาให้เพิ่มความในการดูแลพื้นที่  จากการตรวจสอบการข่าวแล้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังพล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้บังคับการจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา ให้เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังเหตุ ทำมาตราการเชิงรุก วางมาตรการหาข่าว ทำมวลชน ซึ่งที่ผ่านมาการควบคุมสถานการณ์ก็สามารถทำได้ดี แม้ว่ามีบางส่วนที่เล็ดลอดไปได้ อย่างไรก็ตาม วันนี้ผบ.ตร.มอบหมาย พล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้ช่วยผบ.ตร.ร่วมคณะลงพื้นที่ภาค ใต้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบเพื่อไปทำงานร่วมกัน  เบื้องต้นยังไม่มีการข่าวน่าเป็นห่วง ซึ่งล่าสุด ผบก.ทุกจังหวัด และผบช.ศชต. รายงานผบ.ตร.ว่ายังไม่มีสถานการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วง เฝ้าระวังเต็มที่.

“ธาริต”เผย “เฉลิม”สั่งเอาจริงสอบที่มาปูดข่าวไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท


วันนี้ (24 ต.ค.) นายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังเข้าพบร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีที่มีกระแสข่าวการไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้านบาทไปฮ่องกง ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้สั่งการให้ดีเอสไอตรวจสอบข้อเท็จจริงการไซฟ่อนเงินจากเยาวราชไปยังฮ่องกง โดยจะทำหนังสือสั่งการถึงพล.ต.อ.ประชา   พรหมนอก  รมว.ยุติธรรม  เพื่อให้ดีเอสไอสอบสวนกรณีดังกล่าวอย่างจริงจัง ซึ่งการตรวจสอบจะไม่ดำเนินการเฉพาะข้อพิสูจน์ว่าเป็นข่าวลือหรือเรื่องจริง  โดยจะรอคำสั่งการถึงแนวทางการตรวจสอบที่ชัดเจนอีกครั้งจากรมว.ยุติธรรม เบื้องต้น อาจจำเป็นต้องให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 1ทำงานร่วมกับสำนักกิจการระหว่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศเข้า ร่วมตรวจสอบอีกทางหนึ่งเนื่องจากกรณีดังกล่าวมีความเกี่ยวกับต่างประเทศ ด้วย.

"เทพเทือก" เบิกความยัน จนท.ปฏิบัติหลักสากล ส่วนพี่เต้น ยัน ศอฉ.ใช้ ฮ.สลายการชุมนุม


ที่ห้องพิจารณา 707  ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  เวลา 09.00 น. วันนี้ (24 ต.ค.) ศาลนัดไต่สวนคำร้อง คดีดำ อช. 1/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ ยื่นคำร้องขอชันสูตรการเสียชีวิตของนาย ชาญณรงค์ พลศรีลา  แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  เพื่อทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร  ตายที่ไหน  เมื่อใด และถึงเหตุ  และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 โดยนายชาญณรงค์ ถูกยิงเสียชีวิต บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ซ.รางน้ำ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.53  ในช่วงที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงพื้นที่ กทม.

วันนี้นายสุเทพ เทือกบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)  เบิกความสรุปว่า  ตนได้ออกคำสั่ง 1/2553 เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ใช้อุปกรณ์สำหรับสลายชุมนุมตามมาตรฐานสากล คือ โล่ , กระบอง , กระสุนยาง , แก๊สน้ำตา , รถฉีดน้ำ  จากเบาไปหาหนัก สำหรับการเข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53  เพื่อต้องการเปิดช่องทางจราจร เชื่อมโยง ถ.ราชดำเนิน สะพานพระราม 8 และสะพานพระปิ่นเกล้าเท่านั้น ไม่ได้บังคับให้เลิกการชุมนุมที่ผ่านฟ้า โดยเริ่มปฏิบัติการช่วงกลางวัน กำชับให้เจ้าหน้าที่ใช้แต่อุปกรณ์ควบคุมฝูงชน   ส่วนกลางคืนพบว่ามีกองกำลังผู้ก่อการร้ายที่ปะปนกับผู้ชุมนุม ใช้อาวุธสงคราม เช่น ปืนเอ็ม 16  , ปืนอาก้า , ระเบิดขว้าง , การใช้กระสุน เอ็ม79  ยิงใส่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก  ตนจึงมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ ศอฉ.สามารถใช้อาวุธในการป้องกันตัวเอง และประชาชนได้ และไม่เคยมีคำสั่งพิเศษ   ส่วนการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ มีทั้งกำลังตำรวจและทหาร ในหลายพื้นที่เพื่อสกัดคนไม่ให้เข้าไป รวมทั้ง ให้ตัดน้ำตัดไฟในพื้นที่ชุมนุม เพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมมีความสะดวกสบาย อีกด้วย
ส่วนการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์   ที่ ย่าน ถ.ราชปรารภ ขณะเกิดเหตุยังไม่ทราบรายละเอียด แต่มาทราบภายหลังเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)  รวบรวมข้อมูลการเสียชีวิต 13 ศพ  ที่ดีเอสไอมีความเห็นไม่ตรงกับ สตช.ว่าการเสียชีวิตน่าจะเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ แต่ในส่วนของสตช.ได้มีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการชันสูตรศพขึ้นมาเฉพาะ ระบุว่าไม่ทราบว่าการเสียชีวิตเกิดจากฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ  ซึ่งตนก็ได้นำข้อมูลนี้ไปชี้แจงเมื่อครั้งถูกฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ด้วย ส่วนรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่ง ชาติ (คอป.)  มีการระบุถึงการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ไว้ แต่ตนไม่เห็นข้อความที่ระบุว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่
ต่อมาช่วงบ่าย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำนปช.  ขึ้นเบิกความสรุปว่า กลุ่ม นปช.ชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่ 12 มี.ค.53 ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า  กระทั่งวันที่ 10 เม.ย. 53 รัฐบาล โดย ศอฉ. นำกำลังทหารออกจากที่ตั้งพร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 ปืนยาว โล่และกระบอง รถถัง เข้าปราบปรามผู้ชุมนุม โดยไม่ปฏิบัติตามหลักสากล ใช้เฮลิคอปเตอร์บินโยนแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุม มีการใช้พลแม่นปืนใช้อาวุธปืนความเร็วสูงติดลำกล้อง ยิงผู้ชุมนุมกระสุนเข้าอวัยวะสำคัญ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย  และเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลใช้พลซุ่มยิงผู้ชุมนุมทางการเมือง ไม่เคยมีรัฐบาลใดกระทำมาก่อนหลังจากนั้นได้ยุบเวทีปราศรัยที่สะพานผ่านฟ้าไป รวมที่เวทีราชประสงค์เวทีเดียว โดยช่วงประมาณวันที่ 14 พ.ค.53 มีความตรึงเครียด เนื่องจาก ศอฉ.ให้เจ้าหน้าที่ทหารตั้งด่านตรวจค้นรอบพื้นที่ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเข้าพื้นที่ชุมนุมได้ และมีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารปะทะกับผู้ชุมนุมและมีการซุ่มยิงประชาชนเสีย ชีวิตหลายราย ซึ่งในส่วนของนายชาญณรงค์ ผู้ตายคดีนี้ ทราบจากข่าวสื่อมวลชนว่า ถูกยิงชีวิตนอกพื้นที่ชุมนุม และคนอื่นเสียชีวิตอีกหลายราย
ภายหลังนายณัฐวุฒิ เบิกความเสร็จสิ้นแล้วทนายความญาติผู้ตายแถลงหมดพยาน ศาลจึงนัดฟังคำสั่งคดีนี้ในวันที่ 26 พ.ย. นี้ เวลา 09.00 น. ต่อมานายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณี ที่พล.อ.บุญเลิศ  แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยาม ได้เตรียมจัดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล วันที่  28 ต.ค.นี้ ที่ สนามม้านางเลิ้ง ว่า คำพูดของพล.อ.บุญเลิศ ส่อไปในทางรัฐประหาร ตนสงสัยว่าการชุมนุมในครั้งนี้ต้องการสิ่งใด.

"พร้อมพงศ์" ร้องกองปราบสอบกรณีไซฟ่อนเงิน


เมื่อเวลา 13.15 น. วันนี้ (24 ต.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบการการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศราวุต โชติสุวรรณ พงส.(สบ 2) กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีกลุ่มบุคคลจากพรรคการเมือง ภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติ (ภตช.) และข้าราชการระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม ออกมาให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกล่าวหาว่ามีการไซฟ่อนเงิน จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาทจากประเทศไทยไปยังเกาะฮ่องกง เนื่องจากเชื่อว่าบุคคลที่ออกมาให้ข่าวนั้นมีความสัมพันธ์กันและน่าจะมี เจตนาสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงและภาพลักษณ์ของประเทศไทย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่าบุคคลที่ออกมาให้ข้อมูลนั้นมีความสัมพันธ์กัน แต่ที่สำคัญคือยังไม่มีการนำข้อมูลที่กล่าวอ้างไปให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยว ข้องตรวจสอบให้ชัดเจนเสียก่อน ซึ่งในการเข้าพบตำรวจในครั้งนี้ก็ได้นำเอกสาร รวมทั้งภาพถ่ายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมามอบไว้เป็นหลักฐานด้วย และช่วงสายวันพรุ่งนี้ (25 ต.ค.) จะเดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกรณี พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตเลขาธิการป.ป.ท. เป็นสมาชิก ภตช.ว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่

นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า หลังจากร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วทางกรรมาธิการป้องกันและปราบ การการทุจริต สภาผู้แทนราษฎรจะประสานขอเอกสารรวมทั้งเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพิ่มเติมด้วยเพราะที่ผ่านมามีการกล่าวอ้างถึงการนำเข้ารถยนต์หรูที่มี นักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง รวมทั้งกรณีกล่าวหาว่ามีการทุจริตจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมหลายจังหวัดในภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทั้งหมดยังเป็นเพียงการกล่าวอ้างเท่านั้น นอกจากนี้นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวว่าหากมีกำลังจะปฏิวัติว่า เป็นคำพูดที่หมิ่นเหม่ต่อความมั่นคงของรัฐและไม่สมควรที่จะกล่าวขึ้นในสังคม ประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้กำลังให้ทีมงานพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหากพบว่าเข้า ข่ายกระทำผิดตามกฎหมายก็จะดำเนินการทันที รวมทั้งจะตรวจสอบด้วยว่ามีนักการเมืองเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ด้วยหรือไม่เพราะหากพบว่ามีความเกี่ยวพันกันก็อาจทำให้พรรคการเมืองถึงขั้น ถูกยุบพรรคได้.

"ภาค1" แถลงทลายเครือข่ายยาบ้าเรือนจำเมืองสองแควยึดยานรกได้นับแสนเม็ด


เมื่อเวลา 14.00  วันนี้ (24 ต.ค.) ที่ บก.สส.ภ.1  พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผบก.สส.ภ.1และ พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผกก.สส.ภ.1 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายมงคล ทิงาม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 หมู่ที่ 4 ต.ผาจุก อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ และนายอาวุธ บุญธูป อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/5 หมู่ที่ 5 ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 350,000 เม็ด รถกระบะยี่ห้อ อีซุซุ รุ่นดีแม๊กซ์ วีครอส สีเทา หมายเลขทะเบียน บท 8987 อุตรดิษถ์  และรถยนต์ยี่ห้อ ฮุนได สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน  กร 1163 นนทบุรี

โดยพล.ต.ต.คเชนทร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีกลุ่มของเครือข่ายค้ายาเสพติด มานัดส่งมอบยาบ้ากันบริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ริม ถ.มิตรภาพ จ.สระบุรี จึงได้วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าจำนวน 42,000 เม็ด จากนั้นได้ทำการสอบสวนขยายผลก่อนเข้าตรวจค้นห้องเช่าเลขที่ 107/76 หมู่ที่ 8 ต.ห้วยทราย อ.หนองแค จ.สระบุรี พบยาบ้าอีก 308,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้เตียงนอน จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวน

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า รับจ้างขนยาบ้าจากนายแอม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ซึ่งเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำ จ.พิษณุโลก ให้ไปรับยาบ้าจากวัดแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนนำไปกระจายให้ลูกค้าตามสถานที่ต่างๆแล้วแต่นายแอมจะสั่ง โดยได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 500,000 บาท ทำมาแล้ว 3 ครั้ง นำเงินที่ได้ไปใช้และเที่ยวเตร่ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดีพร้อมขยายผลจับกุมผู้จ้างวานมาดำเนินคดีต่อไป.

ตร.เร่งหาตัวคนร้ายยิงนักธุรกิจสาวป้ายโฆษณา


จากกรณีนางฐรดา ทองเจือ อายุ 45 ปี นักธุรกิจร้านอาหารและป้ายโฆษณา ถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้านภายในซอยประเสริฐมนูญกิจ5 แยก9 เมื่อกลางดึกวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00น. วันนี้ (24 ต.ค.) พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2  พ.ต.ท.สมเกียรติ เริงหิรัญ รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม ประชุมหารือแนวทางการสืบสวนติดตามคดีดังกล่าว โดยพ.ต.อ.เจริญกล่าวว่า วันนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากพยานหลักฐานที่ได้มาทั้งหมดเพื่อนำไปเปรียบ เทียบว่าคนร้ายเป็นกลุ่มใด มีความเชื่อมโยงกับคดีหรือไม่ หากกลุ่มไหนไม่เชื่อมโยงก็ตัดทิ้งไป ส่วนทางสน.มีหน้าที่หาพยานหลักฐานมามัดตัวคนร้าย ทั้งหมดนี้เป็นไปตามหลักการสอบสวน ถือว่ามีความคืบหน้าในส่วนหลักการ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เป็นดีเอ็นเอมาแล้ว หากได้ตัวคนร้ายจริงจะต้องตรงกับดีเอ็น อย่างไรก็ตามได้เรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้ว1ราย จากการตรวจสอบทางบัญชีการเงิน แล้วติดตามตัวมาสอบปากคำ แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อ ซึ่งรับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้หากหลักฐานพบว่าเป็นคนร้ายก็สามารถจับกุมได้แน่นอน
นอกจากนี้ กก.สส.บก.น.2 ยังไปนำตัวผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับคดีเป็นผู้หญิงอีก1ราย จาก จ.เชียงใหม่ หลังตรวจสอบพบว่ามีการติดต่อกับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับคดี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม ต้องปล่อยตัวกลับไป อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีประเด็นใหม่เข้ามา ยังคงมุ่งไปที่ประเด็นเดิม คือประเด็นความสัมพันธ์ส่วนตัวและทรัพย์สิน ทั้งนี้จะมีการหารือร่วมกับ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.ภายในสัปดาห์นี้เพื่อรายงานความคืบหน้าต่อไป.

ล่ามือยิงศิษย์เก่าอุเทนถวาย


จากกรณีคนร้ายบุกยิง นายฉัตรดนัย ตุลาธร อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บ และนายฉัตรพล ดุลาธร อายุ 28 ปี เสียชีวิต ในบ้านพักเลขที่ 202/313 หมู่เอื้ออาทร ถนนอยู่วิทยา ซอย12 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก เมื่อหัวค่ำวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (24 ต.ค.) พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร ผบก.น.3 เรียก พ.ต.อ.สมพร กฤษณพิพัฒน์ ผกก.สน.ลำผักชี กก.สส.บก.น.3 ฝ่ายสืบสวน สน.ลำผักชี และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้า โดยใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.ขจรศักดิ์กล่าวว่า เป็นการเร่งรัดคดี ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายมีทั้งหมด 4 คน ซ้อนรถจยย. 2 คัน แต่คนร้ายสวมหมวกกันน็อคและปิดบังใบหน้าอย่างมิดชิดทุกคน ตรงนี้ทำให้เชื่อได้ว่าคนร้ายน่าจะรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี และตรวจสอบแล้วไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่อาจจะเป็นเรื่องชู้สาว หรือเรื่องสถาบันเก่าที่ผู้ตายเพิ่งจบออกมาอยู่ระหว่างตรวจสอบ และเตรียมเรียกแฟนผู้ตายมาสอบปากคำ ส่วนหมวกกันน็อคที่พบใกล้จุดเกิดเหตุยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นของคนร้าย หรือไม่ หรือมีคนนำมาทิ้งไว้ก่อนแล้ว จะส่งตรวจลายนิ้วมือและหาดีเอ็นเอว่าตรงกับใคร พร้อมเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่ามีอะไรซับซ้อนขอเวลาทำงานสักระยะเชื่อว่าต้องได้ตัวคน ร้ายอย่างแน่นอน.
   

ตำรวจปากน้ำฟิตตามจับโจรวิ่งราว


เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 ต.ค. พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ. นครพัฒน์ พรหมพันธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.วัชรินทร์ ประสพดี ผกก.สภ.พระประแดง และชุดสืบสวนร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายศุภโชค หรือบิ๊ก ศุภวรรณ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 3 ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ พร้อมของกลาง รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ ไอ สีแดง-ดำ ทะเบียน สปน-680 กรุงเทพมหานคร เงินสกุลต่างประเทศจำนวนหนึ่ง บัตรเครดิตธนาคารต่าง ๆ 10 ใบ เงินสดจำนวนหนึ่ง และโทรศัพท์มือถือ 8 เครื่อง รวมทั้งกระเป๋าสตางค์แบบสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีจำนวนมาก
พล.ต.ต.ธัชชัย กล่าวว่า พฤติกรรมของคนร้ายจะเกิดเหตุช่วงหลังโรงเรียนเลิก โดยจะขี่รถ จยย.ซึ่งถอดป้ายทะเบียนเก็บไว้ใต้เบาะ ตระเวนหาเหยื่อที่เป็นแม่บ้านขี่รถจักรยานมารับลูกหลานบริเวณโรงเรียน โดยเลือกผู้ที่วางกระเป๋าสตางค์หรือถุงใส่ของมีค่าวางไว้ในตระกร้าหน้ารถ เมื่อพบก็จะลงมือฉกทันที โดยก่อเหตุมาแล้วนับ 10 ครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถแกะรอยติดตามไปจับกุมได้ในแสงกาญจน์วานิช คอนโด เลขที่ 89/1-5 หมู่ 11 ต.สำโรงใต้ อ.พระประแดง สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เบื้องต้นคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

สน.วิภาวดีจับแก๊งซิ่งยึดรถ 23 คัน


เมื่อเวลา 03.45 น. วันนี้ ( 24ต.ค.) พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต / ทางพิเศษ  กก.2  บก.จร.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 20 นาย นำกำลังปิดล้อมจับกุมกลุ่มวัยรุ่นวิ่งรถจยย.ได้ที่หน้ากรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ถนนวิภาวดีรังสิตขาออก แขวงและเขตดินแดง  สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 27 คน เป็นชาย 21 คน หญิง 6 คน เป็นเยาวชน 8 คน หญิง 1 คน ชาย 7 คน พร้อมยึดรถจยย.ได้ทั้งหมด 23 คันพ.ต.ท.สนองกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมักนัดรวมตัว กันบนถนนวิภาวดี-รังสิต บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เพื่อแข่งขันประลองความเร็ว จึงระดมกำลังพร้อมนำรถส่วนตัว รถตำรวจและรถยกรวมกว่า 20 คัน จอดซุ่มอยู่ตรงจุดเกิดเหตุ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวขับขี่รถจยย.มาถึงจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมโดยใช้รถปิดล้อมหน้าหลัง ทำให้กลุ่มแตกกระเจิงแยกย้ายกันหลบหนีกันชุลมุน กระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าวได้
พ.ต.ท.สนอง กล่าวต่อว่า การจับกุมในครั้งนี้ หลังจากตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเด็กวัยรุ่นที่เคยถูกจับกุมมาก่อนหรือเคยทำผิด ซ้ำในพื้นที่ เป็นหน้าใหม่ทั้งหมด สำหรับคดีนี้ เยาวชนที่ถูกจับกุมผู้ปกครองจะต้องรับโทษด้วยตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งมีโทษจำคุก 3 เดือน และปรับ 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากการไม่ดูแลเอาใจใส่บุตรหลาน ส่วนผู้ใหญ่ก็จะมีการทำประวัติ ตรวจสอบประวัติรถว่าเคยนำไปก่อเหตุที่ใดบ้าง และจะนำตัวส่งฟ้องศาลอาญาในวันนี้ทันที โดยแจ้งข้อหาขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้หลังจากมีการส่งฟ้องดำเนินคดีแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปกครองของผู้ถูกจับกุม ที่เป็นเยาวชนเพื่อป้องกันไม่ให้บุตรหลานมาขับรถแข่งในถนนหนทางสาธารณะอีก ต่อไป.

จับแล้วดาบตำรวจนอกแถวค้ายา


คดีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว จ.ลำปาง  จับกุมตัวนายฐิติ หรือเอ๋ เพ็งสุข อายุ 42 ปี   พร้อมของกลางยาบ้า 1,280,000 เม็ด  ยาไอซ์ 5 ก.ก. ซึ่งได้ให้การซัดทอดว่า ได้รับจ้างจาก ด.ต.มนัส เสือโพธิ์  ผบ.หมู่จร.สน.ประชาชื่น เป็นเงิน 1 แสนบาท ซึ่งขับรถยนต์ ซุกยาบ้ากว่าล้านเม็ดและยาไอซ์หนัก 5 กิโลกรัม แหกด่านตำรวจเพื่อหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถบ้านเสียหาย จึงใช้อาวุธปืนจี้เอารถจยย.ของชาวบ้านขับหลบหนี โดยตำรวจเชื่อว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่เพื่อรอจังหวะหลบเงื้อมมือกฏหมาย  เนื่องจากพบข้อมูลการใช้โทรศัพท์อยู่ในพื้นที่  จึงระดมกำลังปิดล้อมในพื้นที่เพื่อไล่ล่ากดดันคนร้าย และปูพรมออกค้นหาทั้งภาคพื้นอินและทางอากาศ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น ความคืบหน้าเมื่อวันนี้ ( 24 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ศูนย์สืบสวนสอบสวนนครบาล ได้ทำการจับกุม ด.ต.มนัส แล้วขณะกบดานอยู่ในพื้นที่จ.ลำปาง และอยุ๋ระหว่างควบคุมตัวเข้ามาแถลงข่าวที่บชน.
ที่ทำเนียบรัฐบาล  พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงการขยายผลติดตามจับกุมตัว ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่จราจร สน.ประชาชื่น และพวกรวม 7 คนข้อหาค้ายาบ้ามาดำเนินคดี ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งเบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนจะมีตำรวจรายอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น ต้องดูก่อน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนกำลังดูอยู่ว่าเป็นเครือข่ายที่ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านด้วยหรือไม่ เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือผู้มีอิทธิพลให้การสนับสนุน อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถึงยังหลบหนีอยู่ได้ ผบ.ตร. กล่าวปฏิเสธว่า ไม่น่ามี น่าจะเป็นการดำเนินการด้วยตัวเอง.

“หมอเหวง” ร้องกมธ.ยุติธรรม-ดีเอสไอเรียกผลสอบสลายเสื้อแดงปี 52


วันนี้ (24 ต.ค.) ที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า  ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน(กมธ.)  สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นหนังสือ ต่อ พล.ต.อ.วิรุฬ ฟื้นแสน ประธานกมธ.กฎหมายฯ เพื่อขอให้นำรายงานผลการศึกษาการชุมนุมทางการเมืองปี 2552 มาเปิดเผยต่อสาธารณชน ทั้งนี้รายงานดังกล่าวได้ตั้งขึ้นมาศึกษาตั้งแต่สมัยนายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร และมีผลการศึกษาออกมาแล้วแต่กลับไม่มีการเผยแพร่ออกมา ซึ่งที่ผ่านมาตนเคยได้ยื่นเรื่องให้เปิดเผยรายงานดังกล่าวแต่ได้รับการ ปฏิเสธโดยระบุเป็นความลับตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ประธานกมธ.ได้ประสานไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้เผยแพร่ผลการศึกษาต่อสาธารรณชน เพื่อเป็นประโยชน์จะไม่เกิดเหตุการณ์การปราบรามประชาชนซ้ำอีก
น.พ.เหวง กล่าวอีกว่า ในการชุมนุมเมื่อปี 2552 ของกลุ่มแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รัฐบาลได้ใช้ความรุนแรงเข้าไปปราบปราม และพบว่ามีเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความสงสัยในรัฐบาลหลายประการ เช่นการเสียชีวิต ของพลทหาร อภินพ เครือสุข ที่กังขาว่าจะเสียชีวิตจากอุบัติศรีษะล้มฟาดชักโครกหรือไม่ และกรณีพบศพชาย 2 ศพ ลอยอยู่เหนือน้ำเจ้าพระยาท่าพระอาทิตย์ในสภาพมือถูกมัดไพล่หลัง โดยใช้วัสดุคล้ายกับทหารใช้ในปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งคลิปเสียงคล้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สั่งการใช้ความรุนแรงกับกลุ่มคนเสื้อแดง  เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นการตัดต่อหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือไม่  เรื่องนี้ไม่ควรปกปิดเก็บไว้เป็นความลับหรือต้องการปกป้องใครบางคน ทั้งนี้ในวันที่ 25 ต.ค. เวลา 13.30 น .จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอเพื่อให้ดำเนินการเรียกข้อมูลดังกล่าวจากรัฐสภาด้วย
พล.ต.อ.วิรุฬ กล่าวว่า รัฐสภาในสมัยที่นายชัย ชิดชอบ เป็นประธานสภา ได้ตั้งคณะกรรมาธิการร่วมที่มี ส.ส. และ  ส.ว.เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง แต่เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วก็ไม่มีการเปิดเผย  ซึ่งตนจะได้หารือกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ และในคณะกรรมาธิการว่าจะสามารถเปิดเผยข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อสาธารณชนได้ อย่างไร
ด้านจ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในระหว่างการชุมนุมเสื้อแดงปี 2553 ได้มีคนเสื้อแดงมาบอกกับตนเห็นว่ามีรถตู้สีขาวมาจอดที่ข้างธนาคารกรุงเทพฯ แยกคอกวัว โดยมีชายชุดดำ 6 คนลงจากรถโดยมีผู้หญิงสั่งการให้เดินปะปนกับผู้ชุมชุมและให้ยิงทหารบริเวณ ที่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุรธรรม เสียชีวิต และมีการเปลี่ยนชุดยิงสลับกัน ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้คนเสื้อแดงที่เคยมาบอกข้อมูลดังกล่าวกับตนให้มา เป็นพยานในเรื่องนี้
จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่ระบุว่าหากมีกำลังพอจะทำการปฏิวัตินั้นถือว่าไม่สมควรและเหมาะสม เพราะถ้ามีการปฏิวัติจริงพี่น้องคนเสื้อแดงจะต้องออกมาต่อต้าน เนื่องจากการปฏิวัติแต่ละครั้งก็จะเลือกตั้งใหม่ หากจะปฏิวัติอีกให้ให้เปลี่ยนเป็นเผด็จการไปเลย.

กสทช.รุดหน้ามอบหลักฐานประมูล 3 จีให้ปปช.สอบ


เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (24 ต.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายฐานกร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้นำเอกสารการประมูลคลื่นความถี่ 2.1กิกะเฮิร์ต เพื่อยืนยันถึงการโปร่งใสในการดำเนินงานการประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าว นำมาซึ่งการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ3จี

นายฐากรกล่าวว่า  การนำเอกสารสำคัญมามอบให้กับ ป.ป.ช.ในครั้งนี้เป็นไปเช่นเดียวกับการมอบเอกสารให้องค์กรอิสระอื่นๆ โดยถือเป็นการ ยืนยันความโปร่งใสในการประมูลเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยเอกสารสำคัญที่นำมามอบให้ ประกอบด้วย ร่างประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2.1 กิกะเฮิร์ต, กระบวนการจัดประมูล, ผลการวิจัยมูลค่าคลื่น และราคาตั้งต้นการประมูลของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , การรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ,รายงานการวิจัยของที่ปรึกษาการจัดประมูล และรายละเอียดการเสนอราคาของผู้ประมูลทั้ง 3 บริษัท ทั้งนี้ถือเป็นการชี้แจงให้กับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงาน ของ กสทช.ได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริง แม้จะยังไม่ถูกเรียกเข้าชี้แจง โดยกสทช.พร้อมจะเข้าชี้แจงกับองค์กรอิสระทุกองค์กร และยืนยันว่าการประมูลทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความโปร่งใส และถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความโปร่งใสที่สุดนับตั้งแต่มีประเทศไทย เลยก็ว่าได้
               
นายฐากร กล่าวว่า กระบวนการจะเดินหน้าต่อ และสำนักงานกสทช.ก็เตรียมจะมีการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการชุดเล็กในการแต่ง ตั้งคณะทำงานที่จะตรวจสอบการทุจริต ภายใน15วัน ซึ่งถ้าออกมาผลออกมาในแง่ลบก็พร้อมจะหยุดกระบวนการ แต่ถ้าผลออกมาในเชิงบวกก็จะเดินหน้าต่อไป ยืนยันว่าเมื่อเกิด3จีแล้ว ค่าบริการต้องลดลง ส่วนกรณีหนังสือของนางสุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ที่ส่งมายังกสทช.นั้น นายฐากร กล่าวว่า กสทช.พร้อมรับฟังทุกความเห็นโดยเฉพาะจากประชาชน แต่กสทช.บอกมาตลอดว่ากสทช.ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง เพราะกสทช.คือองค์กรอิสระ ดังนั้นถ้านางสุภายื่นเข้ามาในฐานะประชาชน กสทช.ก็พร้อมจะรับฟัง แต่เมื่อได้ยื่นหนังสือมาในฐานะปลัดกระทรวงการคลังจึงต้องตอบโต้กลับไป เพราะกสทช.ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง
ด้านนายณรงค์ รัฐอมฤต รองเลขาธิการป.ป.ช. รักษาการเลขาธิการป.ป.ช.กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้น ป.ป.ช.จะรีบพิจารณาโดยเร็ว อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีการบรรจุเป็นวาระแต่เชื่อในการประชุมครั้งต่อไป ในวันที่25ต.ค.จะมีการนำเอาวาระนี้เข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช. โดยในการหาข้อมูลนั้นเอกสารที่กสทช.นำมามอบให้เป็นส่วนหนึ่งที่จะพิจารณา แต่ ป.ป.ช.ก็มีอำนาจที่จะเรียกนำเอกสารอื่นๆมาประกอบการพิจารณาได้ ทั้งนี้การที่กสทช.ได้นำเอกสารมามอบให้ก่อนแม้ ป.ป.ช.ยังไม่มีการเรียกเข้าชี้แจงถือเป็นความบริสุทธิ์ใจ ของทุกฝ่ายที่คิดว่าได้ทำหน้าที่อย่างถูกต้อง ส่วนข้อเท็จจริงจะเป้นอย่างไรขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามหลักฐาน

นายณรงค์ กล่าวว่า ส่วนกรอบเวลานั้นอยู่ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าจะต้องใช้เวลาพิจารณาเท่าใด ขึ้นอยู่กับกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริง ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตนไม่สามารถตอบได้ อีกทั้งกรอบเวลาในแต่ละคดีแตกต่างกัน.

กองทัพอากาศปลอบขวัญผู้ประสบอุทกภัย


วันนี้ (24 ต.ค.) พล.อ.อ. ชนัท  รัตนอุบล ผู้ช่วยผบ.ทอ.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ พร้อมคณะ ฯ เดินทางมอบถุงยังชีพพร้อมอาหารแช่แข็ง ให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลท้ายเกาะ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พร้อมกันนี้ได้นำการแสดงดนตรีของ “ชุดปฏิบัติการอมยิ้ม” จากกองดุริยางค์ทหารอากาศ พร้อมศิลปิน นักร้อง มาแสดงเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนด้วย
ผู้ช่วยผบ.ทอ. กล่าวว่า พื้นที่ตำบลท้ายเกาะ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นพื้นที่หนึ่งที่ประสบปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำจากภาคเหนือและเป็นพื้นที่ต่ำ แม้ว่าสถานการณ์อุทกภัยดังกล่าวได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่พี่น้องประชาชนบางส่วนยังได้รับความเดือดร้อน กองทัพอากาศ โดย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย จึงได้จับมือกับภาคเอกชนจัดกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยใช้ทรัพยากรของกองทัพอากาศที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
พล.อ.อ. ชนัท  กล่าวว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ได้รับความร่วมมือจาก ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด และอาหารแช่แข็ง จำนวน 2,000 กิโลกรัม นำมามอบให้แก่พี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อให้กำลังใจและบำรุง ขวัญให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัย ทั้งนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ยังคงเฝ้าติดตามและให้การช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัย ต่าง ๆ  ในทุกพื้นที่ของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยพี่น้องประชาชนสามารถประสานขอความช่วยเหลือ หรือส่งข้อมูลด้านภัยพิบัติมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 - 534 - 2096 กองทัพอากาศพร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือและยืนเคียงข้างกับพี่น้องประชาชนตลอดไป

“เสธอ้าย” ยันไม่มีการล้มชุมนุม 28 ต.ค.


วันนี้ (24 ต.ค.) ที่ราชตฤณมัยสมาคม พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธอ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวก่อนร่วมรับประธานอาหารกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรง รองนายกรัฐมนตรี ว่าการพูดคุยในวันนี้ไม่ทราบว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร เพราะร.ต.อ.เฉลิมเป็นคนนัด และยืนยันว่า ในวันที่ 28 ต.ค. ยังคงมีการชุมนุมอยู่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อถามว่า หาก.ร.ต.อ.เฉลิม ให้มีการเลื่อนการชุมนุมออกไป พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า ร.ต.อ.เฉลิม เข้าใจตน และคิดว่าไม่ได้เป็นการขอเพื่อให้เลื่อนการชุมนุม เพราะนักเลงเขาไม่พูดกันอย่างนี้ และในวันดังกล่าวจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความสงบเรียบร้อย 300 นาย โดยจะไม่มีมือที่สามเข้ามาก่อความวุ้นวายในการชุมนุม และการชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมที่เปิด จึงยินดีที่จะให้ตำรวจเข้ามาดูแลความเรียบร้อย
พล.อ.บุญเลิศ กล่าวต่อว่า ปกติตนมีความคุ้นเคยกับ ร.ต.อ.เฉลิม แต่รู้สึกแปลกใจที่ท่านมาในครั้งนี้ เพราะโดยปกติแล้วท่านไม่เคยมาหาที่นี้ ส่วนตัวยังไม่ได้ประเมินผู้ชุมนุมในวันดังกล่าว  แต่ก็อยากให้มีมาเยอะ ๆ และการชุมนุมในวันที่ 28 ต.ค.ได้มีการประสานไปยังทุกกลุ่มรวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยที่เป็นการ ประสานผ่านสื่อสารมวลชน เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตุว่าการชุมนุมวันที่ 28 ต.ค. มีการเชื่อมกับบันได 5 ขั้นที่เป็นกระบวนการล้มรัฐบาล  พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ไม่มี ตนมี 2 ขั้นคือวันที่ 28 ต.ค.กับอีก 1 วันหากในวันที่ 28 ต.ค.มีคนมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก ก็จะเดินไปหารัฐบาล สมมุติว่ามีคนร่วมชุมนุม 1ล้านคนก็จะบอกว่าท่านออกได้แล้ว เพราะมีคนไม่เห็นด้วยกับท่านจำนวนมาก แต่หากมีผู้ร่วมชุมนุมจำนวนน้อยทุกอย่างจะจบในวันที่ 28 ต.ค. ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นมวยไม่มีราคาไปชกที่ไหนก็ไม่ได้ และยืนยันว่าการพูดคุยในวันนี้ไม่มีมวยล้ม เพราะหากล้มจะไม่มีใครเชื่อถือ และตนอยากให้วันที่ 28 ต.ค. มีผู้มาร่วมชุมนุมเต็มความจุของสนามม้านางเลิ้ง ที่รองรับได้ประมาณ 20,000 คน
เมื่อถามว่าการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการปลุกกระแสปฏิวัติ โดยประชาชน พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ใช่ เพราะทนไม่ไหวที่การปกครองเป็นแบบนี้ เข้ามากอบโกยไม่เคยดูแลประชาชน  และการชุมนุมครั้งนี้จะไม่เป็นการทำให้กองทัพไม่สบายใจเพราะตนเกษียณแล้ว และยืนยันว่าการชุมนุมเป็นการชุมนุมโดยสันติวิธีไม่มีอาววุธ ทั้งนี้ยังไม่มีแนวร่วมที่เป็นทหารที่ยังคงปฎิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็พยายามหาอยู่ เพราะต้องมีกำลังเหมือนกันถึงจะทำอะไรได้ มิฉะนั้นจะถูกรังแก และเชื่อว่าหากมีทหารที่อยู่ในกองทัพและเห็นด้วยกับตนคงไม่เปิดตัว เพราะจะเป็นอันตราย เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการพูดคุยกับฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุย แต่ก็อยากได้ใครจะหนุนก็เอา แต่ก็อยากให้สื่อมวลชนกระจายข่าวว่าทำไมเราถึงมีการชุมนุม.
   

"ยิ่งลักษณ์"ชี้ทั้งชาติควรรวมพลังมอบรักแก้ไฟใต้


เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิรัช ชินวินิจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นำเยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ “เยาวชนไทยหัวใจเดียวกัน” จำนวน 140 คน เข้ารับฟังโอวาทจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยนายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนหนึ่งว่า ยินดีที่ได้มีโอกาสต้อนรับเยาวชนไทยจากโครงการเยาวชนไทย หัวใจเดียวกัน ชื่อโครงการนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ แต่ทุกคนมีหัวใจเดียวกัน และคนทั้งประเทศรวมพลังกันมอบความรัก เป็นห่วงให้ทุกคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เพราะนอกจากเยาวชนจะได้มาทัศนศึกษา และเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ นอกเหนือจากห้องเรียนแล้วยังได้เรียนรู้ข้อกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งเป็นกฎหมายที่สำคัญรอบ ๆ ตัว ทั้งนี้เยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ รัฐบาลและทุกหน่วยงานพร้อมเสริมสร้างความรู้ให้กับเยาวชนทุกคน และขอให้เยาวชนได้นำความรู้ที่ได้รับจากโครงการนี้กลับไปใช้ในพื้นที่ต่อไป.

"กรมอุทยานฯ" ติวเข้ม 366 ชุดจนท.ทวงคืน 3,000 ไร่สิรินาถ จ. ภูเก็ต


วันนี้ (24 ต.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ นายเริงชัย ประยูรเวช รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการตรวจสอบเอกสารสิทธิแปลงที่ดินในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยมีหัวหน้าชุดปฏิบัติการแก้ปัญหาการบุกรุกอุทยานแห่งชาติสิรินาถ (หาดในยาง) จ.ภูเก็ต จำนวนกว่า 800คน เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้นายเริงชัย กล่าวตอนหนึ่งว่า การที่ทุกคนมารวมตัวกันครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นงานที่สำคัญที่สุดงานหนึ่ง ซึ่งเป็นถือเป็นศักดิ์ศรีของกรมอุทยานฯ คือการแก้ปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่อุทยานฯ  ที่มีความสวยงามโดดเด่นเหมาะสำหรับทำรีสอร์ท  โรงแรม บ้านพักตากอากาศ โดยทำกันอย่างเป็นขบวนการใหญ่โต มีชั้นเชิง และกลอุบายต่างๆ เพื่อไปออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่ของอุทยานฯ ซึ่งมีแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีการองรับตามกฎหมายชัดเจน  โดยเฉพาะการใช้ สค.1 ที่บินมาจากไหนก็ไม่รู้ ซ้ำยังบวมเพิ่มขยายพื้นที่ออกไปอีกเป็นร้อยเป็นพันไร่  ซึ่งพื้นที่สำคัญที่สุดขณะนี้คืออุทยานฯ สิรินาถ  โดยกรมอุทยานฯ  ได้ดำเนินการกับโรงแรมหรูรายใหญ่ไปแล้วจำนวน 14 ราย เนื้อที่กว่า 600 ไร่  ส่งดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 11 ราย ส่วนอีก 3 รายอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารสิทธิเพิ่มเติม
“กรมอุทยานฯ ได้ตรวจพบการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ สิรินาถ เพิ่มอีกจำนวน 372 แปลง มีเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ที่เป็นที่น่าตกใจว่าถูกนำไปออกโฉนดได้อย่างไร กรมอุทยานฯ รอไม่ได้แล้วต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเหมือนเรามีบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดเรียบร้อย แต่วันหนึ่งมีคนเข้ามาบุกรุกในพื้นที่ของเรา แล้วเราจะยอมได้หรือไม่ เรื่องนี้ถือเป็นศักดิ์ศรีของเรา ถ้ายอมให้บุกรุกในพื้นที่นี้ได้ พื้นที่อื่นก็ต้องถูกบุกรุกต่อไปไม่จบสิ้น ดังนั้นจึงต้องสกัดกั้นการบุกรุกพื้นที่ตรงนี้ให้ได้ซึ่งเรื่องระเบียบ กฎหมายเป็นเรื่องสำคัญเพราะการบุกรุกอุทยานฯ สิรินาถสู้กันด้วยเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเขาก็ต้องต่อสู้มาอย่างหนักเหมือนกันกว่าจะได้เอกสารสิทธิ์มา ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ธรรมดา   แต่ขอให้ผู้ที่ร่วมกันทำงานในครั้งนี้ภาคภูมิใจ เพราะเป็นการทำงานเพื่อประเทศชาติ ” นายเริงชัย กล่าว
นายเริงชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีพื้นที่ทั้งหมด 372 แปลง แต่มีชุดปฏิบัติทั้งหมด 366 ชุด จึงให้แต่ละสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ทั้ง 16 แห่งทั่วประเทศ แบ่งโซนและจับสลากเลือกแปลงรับผิดชอบกันเอง  ส่วนที่เหลืออีก 6 แปลงนั้นให้เป็นความรับผิดชอบของส่วนกลาง  หลังการอบรมข้อกฎหมายและระเบียบปฏิบัติเสร็จสิ้น ตนจะปล่อยเจ้าหน้าที่ชุดแรกจำนวน 800 นาย ลงพื้นที่อุทยานฯ สิรินาถในวันที่ 29 ต.ค.นี้  โดยให้เวลาดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เป็นระยะเวลา  10 วัน  จากนั้นจะปล่อยเจ้าหน้าที่ชุดต่อไปเข้าพื้นที่เรื่อยๆ จนครบทั้ง 366 ชุด เจ้าหน้าที่จำนวน 2,196 นาย  คาดว่าใช้เวลาในการดำเนินการ 1 เดือน จะสามารถแจ้งความดำเนินคดีพื้นที่บุกรุกได้ทั้งหมด  โดย ผอ.สบอ. หรือป่าไม้เขตแต่ละพื้นที่ต้องกำกับดูแลและให้กำลังใจในการทำงานของเจ้า หน้าที่ชุดปฏิบัติด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นได้มีการจับสลากเลือกแปลงรับผิดชอบ โดยให้ ผอ.สบอ. ทั้ง 16 แห่งรับหมายเลขและแฟ้มข้อมูลของแต่ละแปลงพื้นที่ไปให้หัวหน้าชุดที่อยู่ใน บังคับบัญชาเป็นผู้จับสลาก  ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แต่ละชุดต่างลุ้นว่าชุดของตัวเองจะได้รับผิดชอบพื้นที่บุกรุกแปลงเล็กหรือ ใหญ่ต่างกันอย่างไรบ้าง  โดยส่วนมากเคยมีประสบการณ์เข้าดำเนินการในพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน อ.วังน้ำเขียว นครราชสีมา และอ.นาดี จ.ปราจีนบุรีมาแล้ว
ขณะที่นายสุนทร วัชรกุลดิลก ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงแรมหรูจำนวน 14 แปลงแรก ที่กรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการนำร่องไปนั้น  มีหลายแห่งเริ่มจำนนต่อหลักฐาน โดยยอมรื้อถอนพื้นที่บุกรุกส่วนเกินออก เช่น บริษัทลาคอลลีนจำกัด ยอมรื้อพื้นที่ส่วนเกิน 9 ไร่ออกไป  นอกจากนั้นก็มีการรวมตัวกันเพื่อต่อสู้คดีบ้าง  เมื่อถามว่าเจ้าของโรงแรมมีการเข้าเจรจากับกรมอุทยานฯ หรือไม่ นายสุนทร กล่าวว่า สำหรับผู้ประกอบการยังไม่มี แต่ที่เข้ามาคุยส่วนมากจะเป็นกลุ่มธนาคารที่ปล่อยกู้ให้กับโครงการใหญ่เหล่า นี้ เพราะแต่ละแห่งอนุมัติวงเงินกู้เป็นเงินจำนวนหลายพันล้านบาท  รวมทั้งหมดก็เป็นตัวเลขหลายหมื่นล้านบาท  โดยธนาคารจะยึดเอาโฉนด เอกสารสิทธิ์ที่ดิน และแผนการลงทุนระยะยาวซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกับต่างชาติ ขณะเดียวกันหากมีการดำเนินการต่อก็จะมีการปล่อยให้ต่างชาติเช่าต่อหลังหมด สัญญาช่วงแรก ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินต่างๆ ในการพิจารณาปล่อยเงินกู้ออกไป  ส่วนเจ้าของที่ดินที่แท้จริงส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก.

“สรยุทธ์”เบี้ยวแจงทุจริตไร่ส้ม ด้าน “ปุระชัย” บี้ช่อง 3 ลงดาบ


วันนี้ (24 ต.ค.) ที่รัฐสภา  มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการสื่อสารมวลชน ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน  สภาผู้แทนราษฎร มีนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานฯ ได้พิจารณาศึกษาการทุจริตเงินค่าโฆษณาระหว่างบริษัทไร่ส้ม จำกัด กับ บมจ.อสมท โดยเชิญตัวแทนจาก อสมท  สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาชี้แจงต่อ อนุ กมธ. แต่ปรากฎว่านายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา พิธีกรชื่อดัง  ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด ไม่มาโดยอ้างว่าไม่ได้รับเอกสารเชิญ
นายวชิร สงบพันธ์  รองเลขาธิการ ป.ป.ช.ระบุ หลังการชี้มูลความผิด ป.ป.ช.กำลังรวบรวมเอกสารเพื่อยื่นต่ออัยการสูงสุด (อสส.) บริษัทไร่ส้ม ในวันที่ 26 ต.ค.นี้ เพื่อให้พิจารณาสั่งฟ้องต่อไป รวมทั้งจะส่งเรื่องให้ช่อง 3 ให้พิจารณาความผิดทางวินัยของนายสรยุทธ์ พร้อมยืนยันว่า การไต่สวนคดีของ ป.ป.ช.ไม่ได้ล่าช้า เพราะมีการแสวงหาข้อเท็จจริงในเชิงลึก มีเอกสารหลักฐานมากกว่า อสมท.ที่ได้ส่งเรื่องมา และให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงแต่ที่ผ่านมานายสรยุทธ์ ไม่ได้มาให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช.แต่มอบหมายให้ทนายความมาชี้แจงแทน
ด้านน.ส.อรวรรณ ชูดี รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท  กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนให้ อสมท ในการตรวจสอบการทุจริตการโฆษณาให้เข้มข้นมากขึ้นและไม่ควรให้มีผู้รับผิดชอบ เรื่องการโฆษณาเพียงคนเดียว ไม่มีใครอยากรวยและอื้อฉาวในเรื่องนี้ ทาง อสมท. ไม่มีจิตริษยา ทำรายการสดดึกทุกคืน ทำการบ้านหนักมาก มีภาระรับผิดชอบ ส่งรายได้เข้าคลัง การได้บุคคลมีชื่อเสียง มีความสามารถทำรายการ และทำรายได้กับ อสมท.ก็จะได้รับการดูแลเป็นพิเศษรับกันได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ก็เป็นอุทาหรณ์แก่ อสมท ในระบบโฆษณา เพราะแต่ก่อนใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจหัวหน้ากับลูกน้อง แต่เมื่อมีการตรวจสอบเกิดขึ้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะเป็นเรื่องใหญ่ใน องค์กร 
ทั้งนี้ทางกรรมาธิการได้สอบถามถึงการจัดแบ่งรายได้ในส่วนของโฆษณาแฝงใน รายการว่ามีรายละเอียดอย่างไร นายธนะชัย วงศ์ทองศรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ อสมท.ชี้แจงกรรมาธิการฯ เรื่องการโฆษณาแฝงในรายข่าวว่า ทาง อสมท.ไม่นับเป็นเวลาโฆษณา เพราะเป็นภาพ ไม่มีการบรรยายสรรพคุณ ทำได้ไม่ขัดกติกา แต่ถ้า กสทช.กำหนดหลักเกณฑ์แล้วเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขณะที่นายคชาชาญ  มงคลเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ชี้แจงว่า ในฐานะสื่อมวลชนช่อง 3 ยึดตามมาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพข่าว แม้ไม่ระบุเป็นเอกสารจริยธรรม แต่มีจารีต ซึ่งจะรับไปตรวจสอบ ทั้งนี้ ช่อง 3 การบริหารงานเป็นระบบครอบครัว คดีที่เกิดขึ้นในส่วนช่อง 3 เป็นในช่วงปลายน้ำ แต่ต้นน้ำช่อง 9 ป.ป.ช.ชี้มูล ซึ่งนายสรยุทธ์ ต้องต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และเป็นสิทธิ์ที่สรยุทธ์ชี้แจง หากมีความผิดนายสรยุทธ์รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ทั้งนี้ยอมรับว่าช่อง3 มูลค่าการตลาดสูงขึ้นในเรื่องข่าวและพิธีกรข่าว เป็นความสามารถดำเนินรายการของนายสรยุทธ์ ซึ่งมีศิลปะส่วนตัวสร้างมูลค่าการตลาดสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุม อนุ กมธ. เป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนายอภิชาติ ครุฑทอง อนุกมธ.ฯ ตั้งคำถามว่า กรณีของนายสรยุทธ์ ที่ไม่มีการดำเนินการใดๆทางจริยธรรมทางวิชาชีพนั้น จึงเปรียบเสมือนการพายเรือให้โจรนั่ง หากินในคราบนักข่าว หรือเปิดโอกาสรวยทางลัดหรือไม่ ส่งผลให้นายวัชระ ขอให้นายอภิชาติถอนคำพูดในเชิงกล่าวหาดังกล่าว
ส่วน ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ ได้เปรียบเทียบวิชาชีพข่าว กับวิชาชีพการแพทย์ ซึ่งหากพบความผิดทางจริยธรรมก็จะมีพักใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ หรือว่ากล่าวตักเตือน จึงไม่เห็นด้วยกับช่อง 3 ที่ต้องรอให้ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วจะดำเนินการ หรือการให้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมทั้งนี้นายวัชระ ได้นัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 1พ.ย.นี้ โดยจะเชิญนายสรยุทธ์ และตัวแทนบริษัทไร่ส้ม มาชี้แจงเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งจะเชิญ ผู้แทนอัยการสูงสุด และนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ หากนายสรยุทธ์ ไม่มาชี้แจงต่อ กมธ.  

ปปช.รับลูกเตรียมประชุมสรุปฮั้วประมูล 3 จี พรุ่งนี้


เมื่อเวลา 15.50 น. วันนี้ (24 ต.ค.) ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวถึงการพิจารณากรณีตรวจสอบผลการประมูลคลื่นความถี่ 2.1กิกะเฮิร์ต ซึ่งนำมาใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ3จีว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในวันที่25ตุลาคมนี้ โดยหากที่ประชุม ป.ป.ช.เห็นว่าหลักฐานที่มีอยู่เข้าองค์ประกอบที่ ป.ป.ช.จะสามารถรับเรื่องมาพิจารณาได้ กล่าวคือมีมูลเหตุที่ส่อให้เห็นว่าการกระทำที่เกิดขึ้นอาจขัด พ.ร.บ.การฮั้วประมูล ป.ป.ช.จะรับเรื่องไว้ พร้อมตั้งอนุกรรมการมาศึกษาเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด แต่หากพบว่าไม่เข้าเงื่อนไขก็ถือว่าคำร้องนั้นยุติไป
นายปานเทพกล่าวว่า ประเด็นการประมูล3จีเป็นเรื่องใหญ่ อยู่ในความสนใจของประชาชน และ ป.ป.ช.เองก็ได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก เพราะมีการตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่กระบวนการสรรหา อย่างไรก็ตามต้องดูหลักฐานก่อนอย่างรอบด้าน โดยหากมีการรับเรื่องไว้และมีการตั้งอนุกรรมการจริง ก็พร้อมจะมีการแต่งตั้งกรรมการชุดใหญ่มาป็นอนุกรรมด้วยเพื่อร่วมพิจารณาหลัก ฐานอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ข้อร้องเรียนที่เข้ามายื่นให้ ป.ป.ช.พิจารณาประกอบไปด้วย ข้อร้องของกระทรวงการคลัง กลุ่มกรีน และคณะกรรมาธิการวุฒิสภาตรวจสอบการทุจริตฯ วุฒิสภา รวมถึงกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แสดงเจตนาขอรับการตรวจสอบด้วยตัวเอง
นายปานเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการกลุ่มภาคีเครือข่ายต่อต้านการ ทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ(ภตช.) อ้างมีหลักฐานเกี่ยวกับการไซฟ่อนเงินในประเทศฮ่องกง ซึ่งเกี่ยวพันกับกลุ่มนักการเมืองไทยว่า ป.ป.ช.ได้เรียกนายมงคลกิตติ์มาชี้แจงแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่ง ป.ป.ช.จะนำเอาข้อมูลที่ได้รับไปขยายผล อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ป.ป.ช.ได้มีการประสานไปไปยัง ป.ป.ช.ฮ่องกงแล้ว และป.ป.ช.ฮ่องกงยืนยันว่ายังไม่พบหลักฐานชัดเจนที่เกี่ยวข้อง กับเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย ทั้งนี้หากไม่มีหลักฐานใดที่สามารถเอาผิดกับใครได้ ก็พร้อมจะยุติการพิจารณาไป.

สภาฯผ่าน พ.ร.บ.ฟอกเงิน - ป้องกันก่อการร้าย ด้าน “ กมธ.”ยันไม่นำมาใช้ทางการเมือง


วันนี้ (24 ต.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม  โดยที่ประชุมเห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ฉบับที่...)พ.ศ. ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว ด้วยคะแนน 371 เสียง  โดยร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้มีสาระสำคัญคือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2545 ไม่ได้กำหนดให้การกระทำความผิดอาญาร้ายแรงบางฐานความผิดเป็นความผิดมูลฐาน ส่งผลให้ผู้กระทำความผิดสามารถนำเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด มาใช้สนับสนุนการกระทำความผิดอาญาได้อีก จึงเห็นควรกำหนดความผิดมูลฐานเพิ่มเติมและกำหนดกรอบของความผิดมูลฐานให้ ชัดเจน เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน  นอกจากนี้ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่จะกำหนดนโยบายในการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟอกเงินและเสนอแนวทาง เพื่อป้องกันความเสี่ยง และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สนับสนุนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดหรือการดำเนินการกับทรัพย์สินเกี่ยว กับการกระทำความผิด และกำหนดให้มีคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
จากนั้นที่ประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการ เงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ.... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว  ด้วยคะแนน 362 ต่อ 1 เสียง โดยมีสาระสำคัญ ระบุว่า แม้จะมีการกำหนดความผิดฐานก่อการร้ายไว้ในประมวลกฎหมายอาญาและกำหนดให้เป็น ความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้วก็ตาม แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินและการก่อการ ร้ายและการเข้าถึงเงินทุนของผู้ก่อการร้าย ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามเรื่องดัง กล่าว โดยให้มีการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้าย การระงับการดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ก่อการ ร้าย ตลอดจนการกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.นี้

อย่างไรก็ตามกมธ.ยืนยันว่า กฎหมายฉบับมุ่งเน้นเรื่องทางแพ่งและกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่ยากที่สุด ซึ่งกมธ.ได้คำนึงถึงเสรีภาพและได้แสวงหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทั้งในและ ต่างประเทศ ขอให้เชื่อมั่นเพราะกมธ.ได้ร่วมกันทำงาน และเรามีหลักเกณฑ์ในเรื่องของกฎหมายอย่างชัดเจน และยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่มีการนำไปใช้ทางการเมือง ทั้งนี้ร่างพ.ร. บ.ทั้ง 2 ฉบับจะได้ส่งให้วุฒิสภาได้พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป.

"สุกำพล"เรียกบิ๊กกองทัพจัดแถวใหม่


วันนี้ (24 ต.ค.) พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า  ในวันที่ 25 ต.ค. เวลา 08.30 – 09.30 น. ก่อนการประชุมสภากลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมได้เชิญ พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) หน่วยขึ้นตรงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมทั้งนายทหารระดับชั้นนายพลทุกเหล่าทัพหรือเทียบเท่าเข้าร่วมประชุม เพื่อประกาศเจตนารมณ์และกระฉับการปฏิบัติงานปี 2556 พร้อมปรับโฉมรูปแบบการทำงานในมิติและรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และภารกิจที่ได้รับมอบ รองรับการปฏิบัติงานตามคำสั่งการของรัฐบาลให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูง และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป.

อภิสิทธิ์ จี้รัฐรับผิดชอบรับจำนำข้าวเสียหาย


วันนี้ ( 23 ต.ค.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า รัชกาลที่ 5 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังวางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 เนื่องในวันพระปิยมหาราช ถึงปัญหาโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า โครงการนี้มีปัญหาเพราะขณะนี้ไทยสูญเสียรายได้สะสมปีละ กว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งหากรัฐบาลยังดำเนินโครงการนี้จะทำให้ไทยเสียโอกาส จากการขายข้าว ดังนั้นรัฐบาลจึงควรทบทวนนโยบายโดยคำนึงถึงประโยชน์ของเกษตรกร เพราะหากเกิดอะไรขึ้นรัฐบาลต้องรับผิดชอบที่ทำให้ประเทศเสียหาย พร้อมกันนี้มองว่านโยบายโครงการรับจำนำข้าวจะเป็นตัวฉุดรายได้ของประชาชนและ ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เพราะภาคส่งออกทรุดลงอย่างมาก รวมถึงนโยบายค่าแรง เพิ่มขึ้นทุกจังหวัดยังไม่มีมาตรการอะไรออกมารองรับเลย และนโยบายพลังงาน ในปีหน้า ซึ่งจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่มีรายได้ต่ำ ดังนั้น รัฐบาลควรมีแผนแต่ละนโยบายและมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปี หน้าให้ชัดเจน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงการเดินหน้าเวทีสานเสวนาของรัฐบาล ว่า ยังไม่เห็นประโยชน์ของโครงการนี้ เพราะเป็นเพียงการใช้งบของประชาชนเพื่อประโยชน์ของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เรื่องที่จะนำไปสู่ความปรองดองอย่างแท้จริง จึงมองว่า รัฐบาลควรทำทุกอย่างให้ชัดเจน โดยเฉพาะการเดินหน้าแนวทางปรองดอง โดยขอให้กลับไปดูข้อเสนอในรายงานของ คอป. และนโยบายความปรองดองที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะ น .ส.ยิ่งลักษณ์ ยิ่งวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งจะต้องตอบสังคมให้ได้ถึงทางออกที่แท้จริงจากปัญหาความขัด แย้งที่นำไปสู่การแตกแยกอีกรอบที่มาจากความไม่เข้าใจปัญหาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ในช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้  จากนั้นเป็นอำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะบรรจุระเบียบวาระและประสานไป ยังคณะรัฐมนตรี โดยฝ่ายค้านพร้อมอภิปรายทันที แต่ยังไม่ขอเปิดเผยเรื่องตัวบุคคลที่จะอภิปราย พร้อมปฏิเสธ ว่า ไม่มีเรื่องจ้องล้มรัฐบาล หรือบันได 5 ขั้น เว้นแต่รัฐบาลจะตกบันไดเรื่องทุจริตเอง เพราะต้องยอมรับว่าทุกรัฐบาลมีปัญหาเรื่องทุจริตคอรัปชั่น ขณะที่รัฐบาลชุดนี้มีท่าทีชัดเจนไม่ยอมรับการตรวจสอบทั้งที่เป็นรัฐบาลที่มา จากระบอบประชาธิปไตย ส่วนจะอภิปราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียวหรือไม่ ยังไม่ขอตอบให้ไว้รอดูวันที่อภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งมุ่งประเด็นไปที่เรื่อง ทุจริตทั้งหมดอยากให้ประชาชนรอดูข้อมูลหลักฐานด้วยที่นำมาอภิปรายด้วย.

นายกฯวางพวงมาลา อนุสาวรีย์ ร.5


วันนี้ (23 ต.ค.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในช่วงเช้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี  พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมผู้บัญชาการทหาร 4 เหล่าทัพ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นักการเมือง ข้าราชการ องค์กรอิสระ นักเรียน-นักศึกษา และ ประชาชนจำนวนมาก ต่างได้ทยอยเดินทางมาร่วมวางพวงมาลาถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัว ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าเนื่องในวันปิยมหาราช.

"เฉลิม"แถลงตามยึดทรัพย์เครือข่ายดาบฉาว


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. และพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก็งค์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยขยายผลได้จากการจับกุมนายฐิติ เพ็งสุข พร้อมยึดยาบ้า จำนวน 1,280,000 เม็ด และ ยาไอซ์ 5 กิโลกรัม ในพื้นที่ จ.ลำปาง โดยคดีนี้เกี่ยวพันกับ ด.ต.มนัส เสือโพธิ์ ผบ.หมู่ งานจราจร สน.ประชาชื่น เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้ติดตามยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายค้ายาดังกล่าว มูลค่า 77.77  ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ทรัพย์สินของนายธิติ เพ็งสุข รวม 4.8 ล้านบาท ได้แก่ รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ ทะเบียน ญฏ 2706 กทม.1 คัน บัญชีเงินฝาก 5 บัญชี นาฬิกา 9 เรือน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮาเลย์วิสัน 1 คัน ที่ดิน 1 แปลง ทรัพย์สินของด.ต.มนัส เสือโพธิ์ รวม 20.61 ล้านบาท ได้แก่ บ้านพร้อมที่ดิน1 หลัง คอนโดซิตี้โฮม 1 ห้อง ทองคำแท่ง 20 บาท ทองรูปพรรณ14 รายการ อาวุธปืน 1 กระบอก รถยนต์ 4 คัน บัญชีเงินฝาก 3 บัญชี มูลค่า 366,522 บาท
โฉนดที่ดิน 8 แปลง รถจักรยานยนต์ 2 คัน ทรัพย์สินของนายสถิตและนางบัวไข แสงหล้า รวม 26.1 ล้านบาท ได้แก่ ทองรูปพรรณ และพระพร้อมกรอบทอง 7 รายการ รถไถ 1 คัน รถแท็กเตอร์ 2 คัน รถหกล้อ 1 คัน รถตักดิน 1 คัน ที่ดิน 40 ไร่ รถจักรยานยนต์ 1 คัน ทรัพย์สินของนายประทินและนางสุชาดา ทวยภา รวม 26.2 ล้านบาท ได้แก่รุยนต์ 1คัน รถไถ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน อาวุธปืน 2 กระบอก ที่ดิน 44 ไร่ พร้อมบ้าน 2 หลัง และทรัพย์สินของนายระพิณ คำแฝงและนายสุเทพ คำแฝง อยู่ระหว่างการตรวจสอบทรัพย์สินในเขต อ.เมือง จ.กำแพงเพชร
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขณะนี้ ด.ต.มนัส ได้ขอมอบตัวแล้ว อยู่ระหว่างการนำตัวมาสอบสวน จากการสอบสวนเบื้องต้นยังไม่พบมีตำรวจรายอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ตำรวจทำผิดก็ต้องมีมาตรการเด็ดขาด ไม่ปกป้อง ไม่ช่วยเหลือ ต้องดำเนินคดีไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีการกลั่นแกล้ง โดย ผบ.ตร.จะรุกคืบไปสอบผู้บังคับบัญชาว่าดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไร เพราะกรณีนี้ผู้ต้องหาขนยาหลายครั้ง และหัวหน้าใหญ่คือตำรวจเก่าที่เกษียณราชการ ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นเครือข่ายแรกที่ไม่มีคนในภาคเหนือร่วมขบวนการ
“ยอมรับว่าที่ผ่านมามีตำรวจแอบขายยาบ้างเป็นรายเล็ก ๆ แต่ครั้งนี้ถือเป็นขบวนการใหญ่ ส่วนที่จับแก็งค้ายาได้มาก ๆ เพราะมีการผลิตมาก โดยกองกำลังผ่าเมืองรายงานว่ามียาตกค้างที่พม่าอีก ซึ่งทางการพม่าก็พยายามกวดขัน โดยมีประเทศจีนให้การช่วยเหลือด้วย เพราะตำรวจไทยเคยให้ความร่วมมือในการการช่วยคดีลูกเรือจีน แต่หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ผมจะไปหารือกับพม่า” รอง นายกฯ กล่าว
อีกรายตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับเจ้าหน้าทีตำรวจภูธรภาค 5 จับกุม นายเกรียงไกร แซ่ลาวื่อ  อายุ 23 ปี นายสุชาติ ชูปิติวงศ์ อายุ 23 ปี นายสมศักดิ์ เลาวะ อายุ 21 ปี นายสามารถ เกียรติไพรสัณฑ์ อายุ 19 ปี นายเกียรติศักดิ์ เกียรติยากุล อายุ 23 ปี และนายทิชานนท์ วัฒนาตระกูลวงศ์ อายุ 29 ปี  พร้อมยึดยาบ้า 400,000 เม็ด โดยจับกุมได้ที่หมู่บ้านทวีโชค อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ลักลอบนำยาเสพติดจากชายแดนไทย-พม่า ด้านอำเภอแม่ฟ้าหลวง เพื่อมาส่งให้กับลูกค้าที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้รถกระบะยี่ห้อเซฟโรเลตสีน้ำเงิน ทะเบียน ผฉ 6758 เชียงใหม่ เป็นยานพาหนะ จึงเฝ้าสะกดรอยเส้นทางการลำเลียง กระทั่งรถคันดังกล่าวเข้ามาจอดในบ้านเป้าหมาย จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบยาเสพติดซุกซ่อนไว้ท้ายกระบะที่ดัดแปลงเป็นช่องลับ จึงได้ดำเนินการจับกุมพร้อมยึดของกลางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภายหลังการแถลงข่าว พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) กล่าวถึงกรณีที่พบตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดหลายคดี ว่า ทั้งกรณีตำรวจสน.ประชาชื่น และที่ สภ.ไชยปราการ นั้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้ย้ำในประชุมศปก.ตร. ชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่แม้ทราบว่าเป็นตำรวจก็ไม่ปล่อยยังดำเนิน การถึงที่สุด ส่วนกรณีที่ตำรวจและอดีตตำรวจไปเกี่ยวข้องขบวนการยาเสพติดผบ.ตร.สั่งการให้ ดำเนินการทางวินัยและปกครองอย่างเต็มที่
“ตำรวจไปทำผิดเสียเอง ผบ.ตร.กำชับให้ดำเนินการทางคดีอย่างถึงที่สุด และย้ำว่าให้ตรวจสอบผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นตามคำสั่งกรมตำรวจที่ 1212/2537 ที่ระบุชัดเจนในการที่ผู้บังคับบัญชาต้องดูแลเอาใจใส่ผู้บังคับบัญชาตาม ลำดับชั้น เช่น ระดับผู้บังคับหมู่ ต้องมีรองสารวัตร สารวัตรดูแลตามลำดับ ทุกกรณีต้องดูว่าผู้บังคับบัญชาสอดส่องต่อเนื่องหรือไม่ ถ้าไม่ดูแลกันเท่าที่ควรผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบด้วย อีกทางหนึ่งขณะนี้ พล.ต.อ.อัมรินทร์ อัครวงศ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการจเรตำรวจที่รับผิดชอบทุกหน่วยเข้าไปตรวจสอบการทำงานของตำรวจทุก พื้นที่อย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่างกรณีที่เกิดขึ้นแล้วจะต้องตรวจสอบเอาผิดผู้บังคับบัญชาให้เห็นเป็นแบบอ ย่าง ซึ่งมีการตั้งกรรมการมาตรวจสอบแล้ว” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีจับกุมรองสารวัตรที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่  นั้น ตำรวจรายนี้ก็อยู่ในบัญชีตำรวจต้องสงสัยค้ายาเพียงแต่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่เมื่อมีหลักฐานก็จับกุมทันที ซึ่งตำรวจมีบัญชีรายชื่อตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่ รายไหนปรากฎหลักฐานชัด หาหลักฐานได้ก็จับกุมทันที รายไหนยังไม่มีหลักฐาน แต่มีข้อมูลก็ใช้วิธีการปรับย้ายออกจากพื้นที่ที่อาจส่งเสริมให้ทำผิดได้.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources