วันนี้( 27 ก.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
มีความเป็นห่วงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ว่า
นายกฯมีความห่วงสถานการณ์ภาคใต้ตลอดอยู่แล้ว
โดยได้กำชับเรื่องการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่
ต้องทำให้ได้มากและดีที่สุด
ซึ่งที่ผ่านมาตนได้ชี้แจงต่อนายกฯแล้วว่าจะต้องแก้ปัญหาอย่างไร
และขาดเหลืออะไร แต่ขั้นตอนการดำเนินการต้องใช้เวลา เช่น
การติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพราะลำพังเพียงกฎหมายอย่างเดียวแก้ไขไม่ได้
เพราะหากใช้กฎหมายที่เข้มงวดจนเกินไป ตนก็ไม่อยากไปละเมิดสิทธิมนุษยชน
ถ้าเป็นโจรธรรมดาใช้กฎหมายปกติก็ปราบได้
แต่กรณีนี้เป็นโจรคนละแบบจึงต้องใช้กฎหมายพิเศษ เช่นการจำกัดพื้นที่เข้าออก
เพื่อลดเป้าหมายที่มีความเสี่ยง
และทำให้เจ้าหน้าที่แยกออกได้ว่าใครคือคนร้าย หรือคนดี
“เจ้าหน้าที่เครียดเพราะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง คนหนึ่งต้องอยู่ในพื้นที่ถึง 2 ปี และ 2-3 เดือนจึงจะกลับบ้านที อยากให้เห็นใจทั้งทหาร และ ตำรวจในพื้นที่ ผมไม่อยากให้มีใครตายแม้แต่คนเดียว แต่ต้องเข้าใจว่า เป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่มีความคิดหัวรุนแรงจึงต้องมีการปะทะกัน และมีคนบาดเจ็บเสียชีวิต วันนี้เราไม่ได้ใช้กำลังไล่ล่าเอาเป็นเอาตาย นอกจากการบังคับใช้กฎหมาย ถ้าถืออาวุธมาจะต้องปะทะ แต่ถ้าไม่มีอาวุธจะต้องพูดคุย มีบางกลุ่มเดินเข้ามาขอมอบตัว แต่อีกส่วนไม่ยอมต้องการสร้างพลัง เราจึงต้องดำเนินการต่อบุคคลพวกนี้ให้ได้ ซึ่งเรารู้ตัวหมดแล้ว แต่มีการเล็ดลอดหลบหนีไป ซึ่งนายกฯย้ำอยู่เสมอในเรื่องการดูแลปัญหาภาคใต้ และให้ความสำคัญทุกรัฐบาล วันนี้มีการกล่าวอีกว่ามีการเลี้ยงไข้ คิดแบบนี้ไม่ได้ อยากให้เข้าใจทหารว่า คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ภารกิจสำเร็จ เพื่อที่จะได้กลับเข้ากรมกรอง ไม่ใช่มากล่าวหาว่าไปซื้อเวลา ถ้าภารกิจนี้ไม่จบและภารกิจอื่น ๆ จะทำอย่างไร” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดจนทำให้ตำรวจเสียชีวิต 5 นายนั้น ทุกคนก็เสียใจ ตนได้สั่งการให้มีการปิดล้อมตรวจค้น ขณะนี้เรารู้ตัวคนก่อเหตุหมดแล้วจากกล้องซีซีทีวี และกำลังจะติดกล้องเพิ่มเติมในจุดที่ไม่มี รวมถึงเครื่องมือมาทดแทน ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไปซื้อเครื่องมือที่ใช้งานไม่ได้ แม้ว่าจะแพงเราก็จะต้องซื้อ หรือมีแค่ชิ้นเดียวก็จะต้องซื้อ นอกจากนี้นายกฯได้จัดสรรงบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ รวมถึงการปรับการทำงานตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชาย แดนภาคใต้ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน ซึ่งจะมีการปรับงบประมาณในการที่จะลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อให้งานเดินเร็วขึ้น การทำงานในพื้นที่ภาคใต้ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะนี้เราเปิดการปฏิบัติการเชิงรุกทั้งหมด เพราะอยู่ในช่วงเดือนรอมฏอน ผู้ก่อการร้ายมีความเชื่อว่าจะได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์หากมีการก่อเหตุ ดังนั้นจะต้องแก้ไขกันไปและผู้นำศาสนาก็ให้ความร่วมมือมากขึ้น
“ผมน้อยใจที่สื่อเขียนอะไรกันออกมาด้วยความไม่เข้าใจมองกันด้านเดียว และก็มาวัดแบบนี้ไม่ได้ ที่ผ่านมาผมได้เชิญผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับหมวดมา เพื่อมาพูดคุยว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งเขาก็เสนอปัญหามาหลายประการ และผมก็สั่งแก้ไปหมดแล้ว อย่าคิดว่าแก้หรือใช้งบประมาณกันง่าย ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกร้องให้ 13 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์และให้เบาะแส เพื่อจะเอาผิดบริษัทเอกชนที่นำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที200 มาเสนอ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทางยืนยันว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ไปร้องเรียนและให้ข้อมูล ส่วนที่ทางดีเอสไอระบุว่า ทางกองทัพบกเคยทำหนังสือมาแล้ว แต่ยังไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงนั้น ขณะนี้กำลังดูอยู่ว่าจะส่งไปอย่างไร เพราะเราเป็นผู้เสียหาย เมื่อมีการระบุว่าเครื่องจีที 200ใช้งานไม่ได้ก็จะต้องหยุดใช้ และต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เราไม่ได้เข้าข้างบริษัทเอกชน
“เจ้าหน้าที่เครียดเพราะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง คนหนึ่งต้องอยู่ในพื้นที่ถึง 2 ปี และ 2-3 เดือนจึงจะกลับบ้านที อยากให้เห็นใจทั้งทหาร และ ตำรวจในพื้นที่ ผมไม่อยากให้มีใครตายแม้แต่คนเดียว แต่ต้องเข้าใจว่า เป็นการต่อสู้ระหว่างคนที่มีความคิดหัวรุนแรงจึงต้องมีการปะทะกัน และมีคนบาดเจ็บเสียชีวิต วันนี้เราไม่ได้ใช้กำลังไล่ล่าเอาเป็นเอาตาย นอกจากการบังคับใช้กฎหมาย ถ้าถืออาวุธมาจะต้องปะทะ แต่ถ้าไม่มีอาวุธจะต้องพูดคุย มีบางกลุ่มเดินเข้ามาขอมอบตัว แต่อีกส่วนไม่ยอมต้องการสร้างพลัง เราจึงต้องดำเนินการต่อบุคคลพวกนี้ให้ได้ ซึ่งเรารู้ตัวหมดแล้ว แต่มีการเล็ดลอดหลบหนีไป ซึ่งนายกฯย้ำอยู่เสมอในเรื่องการดูแลปัญหาภาคใต้ และให้ความสำคัญทุกรัฐบาล วันนี้มีการกล่าวอีกว่ามีการเลี้ยงไข้ คิดแบบนี้ไม่ได้ อยากให้เข้าใจทหารว่า คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรให้ภารกิจสำเร็จ เพื่อที่จะได้กลับเข้ากรมกรอง ไม่ใช่มากล่าวหาว่าไปซื้อเวลา ถ้าภารกิจนี้ไม่จบและภารกิจอื่น ๆ จะทำอย่างไร” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดจนทำให้ตำรวจเสียชีวิต 5 นายนั้น ทุกคนก็เสียใจ ตนได้สั่งการให้มีการปิดล้อมตรวจค้น ขณะนี้เรารู้ตัวคนก่อเหตุหมดแล้วจากกล้องซีซีทีวี และกำลังจะติดกล้องเพิ่มเติมในจุดที่ไม่มี รวมถึงเครื่องมือมาทดแทน ไม่ต้องกลัวว่าเราจะไปซื้อเครื่องมือที่ใช้งานไม่ได้ แม้ว่าจะแพงเราก็จะต้องซื้อ หรือมีแค่ชิ้นเดียวก็จะต้องซื้อ นอกจากนี้นายกฯได้จัดสรรงบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ รวมถึงการปรับการทำงานตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชาย แดนภาคใต้ที่มี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน ซึ่งจะมีการปรับงบประมาณในการที่จะลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อให้งานเดินเร็วขึ้น การทำงานในพื้นที่ภาคใต้ไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะนี้เราเปิดการปฏิบัติการเชิงรุกทั้งหมด เพราะอยู่ในช่วงเดือนรอมฏอน ผู้ก่อการร้ายมีความเชื่อว่าจะได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์หากมีการก่อเหตุ ดังนั้นจะต้องแก้ไขกันไปและผู้นำศาสนาก็ให้ความร่วมมือมากขึ้น
“ผมน้อยใจที่สื่อเขียนอะไรกันออกมาด้วยความไม่เข้าใจมองกันด้านเดียว และก็มาวัดแบบนี้ไม่ได้ ที่ผ่านมาผมได้เชิญผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับหมวดมา เพื่อมาพูดคุยว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งเขาก็เสนอปัญหามาหลายประการ และผมก็สั่งแก้ไปหมดแล้ว อย่าคิดว่าแก้หรือใช้งบประมาณกันง่าย ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกร้องให้ 13 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์และให้เบาะแส เพื่อจะเอาผิดบริษัทเอกชนที่นำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที200 มาเสนอ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทางยืนยันว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ไปร้องเรียนและให้ข้อมูล ส่วนที่ทางดีเอสไอระบุว่า ทางกองทัพบกเคยทำหนังสือมาแล้ว แต่ยังไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงนั้น ขณะนี้กำลังดูอยู่ว่าจะส่งไปอย่างไร เพราะเราเป็นผู้เสียหาย เมื่อมีการระบุว่าเครื่องจีที 200ใช้งานไม่ได้ก็จะต้องหยุดใช้ และต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม เราไม่ได้เข้าข้างบริษัทเอกชน