วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตำรวจจับลูกจ้างตม.นราธิวาสค้ายาอี



วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม 2555 เวลา 21:37 น.
วันนี้ ( 10 มี.ค.) พ.ต.อ.พีระพล ณ พัทลุง ผกก.สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้สั่งการให้ ร.ต.อ. กิตติสัณห์ เหิกขุนทด รอง สว.ป.สภ.สุไหงปาดี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตั้งจุดตรวจจุดสกัด ที่บริเวณสี่แยกหน้าโรงเรียนมัธยมสุไหงปปาดี ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี เพื่อตรวจค้นและจับกุมเอเย่นต์ค้ายาเสพติดที่นำยาเสพติดให้มาจำหน่ายในพื้นที่ ตามสายข่าวที่ได้แจ้งไว้ และขณะเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นได้มีรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน รุ่นซาลูน สีบรอนส์ ทะเบียน กฉ- 540 สงขลา ซึ่งมีนายศุภชัย ยูหนุ๊ อายุ 39 ปี  เป็นคนขับ และเป็นลูกจ้างตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.นราธิวาส จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น
จากการตรวจค้นภายในรถยนต์พบยาเสพติดประเภท 1 ยาอี จำนวน 5 ถุง รวม 31 เม็ด ยาอีถูกน้ำเปียกชื้นอีก 16 ก้อน ยาเสพติดประเภท 2 ยาเอ็มพีไฟว์ จำนวน 17 แผง รวม 170 เม็ด อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อ บาเรตต้า 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ ซีแซค 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม.ยี่ห้อ สมิท 1 กระบอก รวม 3 กระบอก พร้อมกระสุนปืนขนาด 9 มม. อีกจำนวนหนึ่ง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโซนี่ จำนวน 3 เครื่อง ธนบัตรไทยจำนวน 30,000 บาท ธนบัตรมาเลเซีย สกุลริงกิต จำนวน 15,000 บาท รวมทั้งสิ้น จำนวน 45,000 บาท  เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนที่ สภ.สุไหงปาดี
นายศุภชัย ให้การรับสารภาพว่า ยาเสพติดและอาวุธปืนเป็นของตนเองจริง และได้แอบลักลอบซื้อยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน มาจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่ อ.สุไหงปาดีและอำเภอใกล้เคียงมานานแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวส่ง ร.ต.ท.พงษ์เอก จันตา พนักงานสอบส่วนร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรสุไหงปาดี เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ปาบึ้มบ้านคนไทยนับถือพุทธหวังก่อกวน


วันนี้ ( 10 มี.ค.) ร.ต.ท.วิวัฒน์ พงษ์ปัญญาศรี ร้อยเวร สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่บ้านพักเลขที่ 48/1 ม.8 ต.ละหาร อ.ยี่งอ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก.ภ.จ.นราธิวาส พ.ต.ท.พูลศักดิ์ เซ็งแซ่ รอง ผกก.ป.สภ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
  พบว่าบ้านพักดังกล่าวมีนายสุทัศน์ นกเขา อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นลูกจ้างโครงการลุ่มน้ำบางนราฯเป็นเจ้าของ มีหลุมระเบิดที่บริเวณลานสนามหน้าหน้าบ้านพักเป็นหลุมลึก 5 นิ้ว กว้าง 7 นิ้ว และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องชนิดขว้างที่ผลิตใส่ไว้ในกระป๋องสเปร์ หนัก 0.5 ก.ก.ตกกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ และที่บริเวณพื้นหน้าชายคาของบ้านพัก มีเศษกระจกและหลอดฟ้าตกกระจายเกลื่อนพื้นเช่นกัน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
จากการสอบสวนนายสุทัศน์ ทราบว่า ในระหว่างที่นั่งอยู่หน้าบ้านพักนั้น ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ใส่เสื้อยืดสีดำนุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ขี่รถ จยย.แบบผู้หญิงไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เมื่อถึงหน้าบ้านพักคนร้ายได้ชะลอความเร็วของรถ จยย.แล้วคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ขว้างระเบิดที่ผลิตเองประกอบใส่ไว้ในกระป๋องสเปร์ ขว้างข้ามกำแพงรั้วที่ตนนั่งอยู่ และเห็นว่าเป็นวัสดุผิดสังเกตจึงได้ลุกและวิ่งหลบหนีอย่างรวดเร็ว แล้วระเบิดแล้วทำงานขึ้นเสียงดั่งสนั่นหวั่นไหว ทำให้ตนรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่คนร้ายจะขี่รถ จยย.หลบหนีไป ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการข่มขู่ไทยพุทธให้ออกไปจากพื้นที่

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

หนุ่มโรงงานเครียดใช้นิ้วเท้าเหนี่ยวไกปืนยิงตัวดับ


วันนี้ ( 10 มี.ค.)  พ.ต.ท.ไชยาจิตต์  จันทะแสน พนักงานสอบสวน(สบ.2)สภ.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง รับแจ้งเหตุคนใช้อาวุธปืนยิงตัวตายที่บริเวณป่าละเมาะเขาภูดร ตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 1 ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง จึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผกก.สภ.ห้วยโป่ง  แพทย์เวรโรงพยาบาลมาบตาพุด และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามระยอง
ที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะติดเขาภูดร พบศพนายสมพงษ์  สารจันทร์ อายุ 26 ปี ชาวจ.นครราชสีมา สภาพมีบาดแผลถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณขมับขวาทะลุศรีษะเลือดอาบสมองกระจาย นอนจมกองเลือด และสวมใส่เสื้อยืดสีแดง กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ข้างศพพบอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ ตกอยู่ 1 กระบอก พร้อมด้วยจดหมายลาตาย มีข้อความเขียนว่า “ขอโทษครับ รู้ตัวแล้ว” จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายประเสริฐ  โพธิ์นอก  อายุ 35 ปี  ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องกับผู้ตาย เล่าว่า  ผู้ตายทำงานเป็นพนักงานซ่อมบำรุงของ บริษัท อาร์ เอ็ม ซี จำกัด ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ต.มาบตาพุด  ก่อนเกิดเหตุในช่วงเย็นวันนี้ ซึ่งเป็นวันหยุดงาน ผู้ตายได้หยิบปืนแก็ปออกไปยิงนกบนเขาภูดรตามปกติ แต่ไม่คิดว่าผู้ตายจะตัดสินใจยิงตัวเองตาย โดยก่อนหน้านี้ผู้ตายพยายามใช้ปืนฆ่าตัวเองตายมาครั้งหนึ่งแล้วแต่เพื่อนๆช่วยห้ามไว้ได้ทัน  ทั้งนี้ผู้ตายเคยบ่นรำพึงรำพันกับตนเองว่าทางบ้านต้องการรีบใช้เงิน แต่ผู้ตายไม่สามารถหาเงินส่งไปให้ได้ จึงเครียดมาก
ในเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายเกิดอาการเครียดเรื่องบางอย่าง ประกอบกับหาทางของปัญหาไม่เจอ จึงตัดสินใจใช้ปืนแก็ป โดยใช้นิ้วหัวแม่เท้าเหนี่ยวไกยิงขมับตัวเองตาย จึงนำศพไปตรวจพิสูจน์เขม่าดินปืนเพื่อยืนยันการเสียชีวิตอีกครั้งที่โรงพยาบาลระยอง และแจ้งให้ญาติมารับศพไปบำเพ็ญตามประเพณีต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ชูวิทย์” จี้ กทม.เอาจริงกับอาคารตึกสูง ระบุ มีกว่าพัน ตึกในกทม.เสี่ยงต่อความปลอดภัย


วันนี้ (10 มี.ค.)ที่พรรครักประเทศไทย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค แถลงถึงกรณีการควบคุมความปลอดภัยอาคารตึกสูงใน กทม.ว่า อยากให้ทาง กทม. เข้าทบทวน ในการตรวจสอบอาคารตึกสูงใน กทม.ทั้งหมด และเท่าที่ทราบว่าขณะนี้มี 1,000 กว่าแห่งที่อยู่ในอันตรายและเสี่ยงต่อความปลอดภัย จึงอยากให้ กทม.มีความเข้มงวดในการดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง หากตรวจพบว่าผิด พ.ร.บ.สามารถสั่งเจ้าของอาคารและผู้ครอบครองให้แก้ไขติดตั้งระบบความปลอดภัยในอาคารในระยะเวลาที่เจ้าหน้าที่กำหนด

นายชูวิทย์ยังกล่าวด้ัวยว่า ตนเป็นห่วงร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้ปกครองร้องเรียนมาว่ามีสื่อสิ่งพิมพ์ลามกอานาจารวางขายอยู่ รวมถึงยังมีสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทการพนันออนไลน์ โดยมีการบอกวิธีการเล่นอย่างละเอียด ซึ่งเป็นอันตรายถ้าไม่เอาใจใส่ จึงขอเรียกร้องให้ผู้บริหารร้านสะดวกซื้อตระหนักในปัญหาที่เกิดขึ้น และอยากให้รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ กระทวงวัฒนธรรม ลงมาดูแลจัดการแก้ปัญหา โดยอยากให้มีการกำหนดพื้นที่ในการขายหนังสือ และอายุของผู้ซื้อ เหมือนในต่างเทศ

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

พันธมิตรชุมนุมสวนลุมพินี-กำหนดช่วงเย็นรู้ผลบทเสวนา



วันนี้ (10 มี.ค.) กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ คนเสื้อเหลือง จำนวนกว่า 500 คน ได้เดินทางมาที่ตึกสโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งประเทศไทย สวนลุมพินี เพื่อแสดงพลังความคิดเห็นในเรื่องการปฏิรูปประเทศไทย โดยในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. จะมีการร่วมเสวนาในหัวข้อดังกล่าว โดยมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าร่วมเสวนาในครั้งนี้
 
บรรยากาศในช่วงเช้า มีผู้คนกลุ่มพันธมิตรได้เดินทางมาเป็นจำนวนมาก ต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อเหลือง อีกทั้ง ภายในบริเวณตึกดังกล่าว ได้มีการออกร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ เช่น เสื้อเหลือง หมวก และอื่น ๆ โดยบริเวณด้านประตูทางเข้าตึก ได้มีการแจกแบบสอบถามให้แก่ผู้ที่มาร่วมชุมนุม รวมถึงมีการตั้งโต๊ะบริจาคอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลา 16.00 น. จะมีการแถลงบทสรุปการเสวนาโดย 4 แกนนำพันธมิตร คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นาย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และ นายพิภพ ธงไชย
ทางด้าน พ.ต.อ.พ.ต.อ.ชนินทร์ วชิรปาณีกุล ผกก.สน.ลุมพินี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 200 นาย มาอำนวยความสะดวก และดูแลความปลอดภัย ในระหว่างการชุมนุม.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ทุบรถวอยซ์ทีวี ขณะม็อบพันธมิตรฯชุมนุม


วันนี้ (10 มี.ค.)ที่สวนลุมพินี กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางจากทั่วประเทศจำนวนมาก จนล้นออกมานอกห้องประชุมเวทีลีลาศและผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต้องออกมาปักหลักฟังการปราศรัยของแกนนำโดยอาศัยตามใต้ร่มไม้แต่แม้อากาศร้อนอบอ้าว ซึ่งต้องการมาชุมนุมเพื่อแสดงพลังในการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยช่วงเช้าแนวร่วมจากทุกภาคไดตั้งโต๊ะ เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อแสดงความคิดเห็นและร่วมกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวในการหยุดยั้งกระบวนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และสอบถามความเห็นว่า พันธมิตรฯ ควรรวมตัวชุมนุมใหญ่ทันทีหรือไม่ โดยเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้กล่าวเปิดงานการเสวนาข้อเสนอต่อการปฏิรูปประเทศไทย” พร้อมกับขอให้ผู้ชุมนุมร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะมีการแสดงจุดยืนอีกครั้งในเวลา 16.00 น.
ในการเสวนานายคมสัน โพธิ์คง อ.นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า วิกฤติของประเทศไทยขณะนี้เป็นวิกฤติทางกฎหมาย มีความพยายามจะทำในสิ่งที่ไม่มีหลักกฎหมายรองรับ เช่น การจ่ายเงินให้คนเสื้อแดงหัวละ 7.75ล้าน โดยใช้มติ ครม. การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยกเลิกทั้งฉบับปัญหาทั้งหมดเกิดจากเผด็จการพรรคการเมืองทุนนิยมผูกขาด กำลังพยายามทำลายล้างกติกาสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้ามามีอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ประชาชนจากที่เป็นไพร่จะเป็นทาสอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในอนาคต เพราะนักการเมืองทำแต่เรื่องฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว หาเรื่องยุบองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญที่พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเราจะนั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ ต้องร่วมมือใจกันนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทยให้ได้

ด้านนายณรงค์ โชควัฒนา อดีตสว. กล่าวว่า  ประเทศไทยขณะนี้เหมือนเรือผุๆ ทั้งลำ เกินกว่าจะซ่อมแซม เหมือนสุนัขที่ตายแล้วร่างกายกำลังเน่าเฟะ เราจึงไม่ควรคิดแก้ปัญหาเป็นประเด็นๆ ไป เพราะมันมากเกินกว่าจะแก้ได้ สิ่งที่จะปฏิรูปประเทศไทยคือปฏิรูปคนไทย เปลี่ยนแปลงความคิดความเชื่อของคนไทย วันนี้คนไทยคิดและเชื่อว่าเผด็จการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย จนบางคนเกลียดประชาธิปไตย เพราะถ้าโกงกินอย่างนี้มีเผด็จการดีกว่า สูงสุด ถ้าคนไทยคิดแค่นี้ก็จะเลือกโจรไปบริหารประเทศ เพราะโจรสามารถเอาเงินไปให้ได้มากกว่าถ้าเรากวาดล้างคนชั่วออกไปแล้ว แต่ประชาชนยังนิยมเลือกคนชั่ว คนชั่วกลุ่มใหม่ก็เข้ามา เพราะคนชั่วมันมีมาก นักการเมืองที่ดีก็พอมี แต่ประชาชนไม่เลือก เพราะเขาเห็นว่ากระจอก ไม่มีโปสเตอร์หาเสียงอันใหญ่ๆ ไม่มีเงินไปแจก

ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ผ่านการต่อสู้มา 
ปี ได้ต่อสู้มาหมดทุกประเด็นแล้ว จนรู้ว่า นักการเมืองภายใต้ระบบที่เป็นอยู่คือปัญหาของชาติ เป็นเผด็จการ เพราะมีการสืบทอดอำนาจทางสายเลือด ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ต้องรับผิด ลูกโกงข้อสองในมหาวิทยาลัยก็ยังจบปริญญาตรีได้ นักการเมืองพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็จบปริญญาเอกได้ คนหนีภาษีไม่ต้องมีความผิด สื่อไหนเสียงดังต้องหาทางปิด แสดงว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการที่จ้องแต่โกงกินช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการโกงไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาท นักการเมืองที่อยู่ในอำนาจ ปี สามารถโกงได้ 4-7 แสนล้านบาท ซึ่งมีประชาชนที่ยังอยู่ตรงกลางจำนวนมากกว่าเสื้อเหลืองและเสื้อแดงและถ้าให้ประชาชนได้รู้ความจริงมากกว่านี้ เราจะชุมนุมใหญ่ ต้องกวาดล้างเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ใช่แค่หยุดยั้งปัญหารายประเด็น ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้นถึงจะปฏิรูปประเทศได้สำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานเวลา 14.30. ได้มีชายสองคนขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาทุบรถของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม วออซ์ทีวี ที่จอดอยู่ภายในสวนลุมฯผู้ชุมนุมพันธมิตรฯจึงได้ช่วยกันเข้าจับตัวและส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.น.ลุมพินี เพื่อให้สอบสวนทันทีเพราะดูจากท่าทีแล้วตองการเข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ผู้ชุมนุมฯจึงได้ลงบันทึกแจงความไว้ด้วยเพื่อปกป้องการกล่าวหาว่าพันธมิตรฯทุบรถข่าวของสถานีดังกล่าว
ชาว บ้านรุมจับมือทุบรถวอยซ์ทีวีคาหนังคาเขา พร้อมประเคนแม่ไม้มวยไทยเป็นการสั่งสอน เจ้าตัวอ้างทำเพื่อความสะใจ เผยวนรถหาอาวุธอยู่หลายรอบ พอเจอแท่งเหล็กก็เอาทุบรถทันที
ความคืบหน้าคนร้ายทุบรถสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมวอยซ์ ทีวี นั้น พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ วชิรปาณีกุล ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ศาสตร์ศักดิ์ ชัยประเสริฐ สว.สส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ลุมพินี ร่วมกันแถลงการจับกุม นาย กวีไกร โชคพัฒนเกษมสุข อายุ 33 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 79 ซ.เพชรเกษม 65/1 แขวงและเขตบางแค กทม. ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทุบรถวอยซ์ทีวี บริเวณหน้าลานน้ำพลุ ใกล้อาคารสโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งประเทศไทย ภายในสวนลุมพินี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน พร้อมด้วยของกลาง รถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า  สีดำ-แดง หมายเลขทะเบียนรถ สงว 383 กทม. ด้ามเหล็กค้ำฝากระโปรงรถยนต์ 1 ด้าม และกล้องโอลิมปัส รุ่น อี410

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มี.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองจำนวนกว่า 500 คน ได้เดินทางมาที่ตึกสโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งประเทศไทย สวนลุมพินี เพื่อแสดงพลัง ความคิดเห็นในเรื่อง การปฏิรูปประเทศไทย ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกันได้มีคนร้ายได้ขับขี่ จยย.แล้วทำการทุบตีรถสื่อมวลชนจนได้รับความเสียหาย แต่ทางการ์ดพันธมิตรได้สกัดการหลบหนีของคนร้ายไว้ได้ และถูกกลุ่มผู้ชุมนุมใกล้เคียงเข้ามารุมกันทุบตีคนร้าย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้ามาควบคุม สถานการณ์แล้วจึงควบคุมตัวคนร้ายไปที่สน.ลุมพินี

จากการสอบสวนนาย กวีไกร ผู้ต้องหา กล่าวว่า ได้เดินทางมาร่วมชุมนุมด้วย แต่พอตนเห็นรถวอยซ์ทีวี ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นออลติส สีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน ญฉ 4081 กทม. จอดอยู่หน้าลานน้ำพลุดังกล่าว ตนรู้สึกไม่พอใจเนื่องจากทราบว่า สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เป็นของบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดง จึงรู้สึกโกรธแค้น ตนจึงคว้ารถ จยย.ของตนขับรถวนบริเวณภายในสวนลุมพินีอยู่หลายรอบเพื่อหาสิ่งของที่สามารถ ทำร้ายรถสื่อมวลชนดังกล่าวได้ จนมาพบด้ามเหล็กค้ำฝากระโปรงรถยนต์ จึงนำมาใช้ในการก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ตนก็ยอมรับสารภาพว่าทำไปด้วยความสะใจ แต่ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นนักข่าวเป็นการส่วนตัว เพราะบางทีนักข่าวก็ไม่ได้เป็นพวกเสื้อแดงด้วย การกระทำดังกล่าวตนก็รู้ด้วยว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้ารอดไปได้ก็ถือว่าดี นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังเคยก่อเหตุกระชากผมหญิงสาวเสื้อแดงและลากไปกับพื้นในวันสลายการ ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 52 ด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งนำตัวไปค้นบ้านที่พักปัจุบันที่ย่านซอยอินามระ 47 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

สลด ช้างตกมันไล่กระทืบใช้งาแทงควานดับสยอง


วันนี้ ( 10 มี.ค.)   ร.ต.อ.เดชา  จริงจิตร พงส.( สบ 1)  สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง  รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในสวนยางพารา หมู่ที่ 3  บ้านไร่ ต.ในเตา  อ.ห้วยยอด จ.ตรัง  หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ  พร้อมด้วย แพทย์เวรโรงพยาบาลห้วยยอด  และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ (ห้วยยอด) รุดไปตรวจสอบ            
ที่เกิดเหตุพบช้างพลายติ๊กชีโร่  ซึ่งเป็นช้างชักลากไม้ยางพารา อายุ 21ปี น้ำหนักประมาณ 3 ตัน เกิดอาการตกมันอย่างรุนแรง คลุ้มคลั่งอย่างใช้งาขนาดใหญ่ แทงนายสุมล พรหมแก้ว  อายุ 39ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่5 เทศบาลตำบลลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ซึ่งเป็นควาญช้าง  จนเสียชีวิตคาที่  ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ พบว่า  นายสุมลฯผู้ตายได้ถูกช้างใช้งาแทงเข้าที่ลำท้อง บริเวณหน้าอก จำนวน 3 รู  มีไส้ทะลักออกมา แขนขาและกระดูกซี่โครงหัก เนื่องจากช้างได้ใช้งวงกระแทกกับพื้นดินอย่างน่าสยดสยอง              
 จากการสอบถาม นายสุพัฒน์  กลับจันทร์  อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74  หมู่3 ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง  ซี่งเป็นเจ้าของแปลงยางที่ว่าจ้างให้นายประสิทธิ์ฯ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 40 ปี ชาวจังหวัดพัทลุง โดยเป็นเจ้าของช้างพลายติ๊กชีโร่  ทราบว่า  ก่อนเกิดเหตุนายประสิทธิ์ฯเจ้าของช้างได้มอบหมายให้นายสุมลฯผู้ตาย ที่เป็นควาญช้าง ได้นำช้างพลายติ๊กชีโร่มาชักลากไม้ยางพารา  ซึ่งนายสุมลฯ ควาญช้างนำช้างพลายติ๊กชีโร่มาทำงานเป็นวันแรก โดยก่อนทำงานนายสุมลฯ ก็บอกกับตนและคนงานว่าอย่าเข้าใกล้ช้าง  เพราะมีอาการตกมัน  แต่ตนเองจะระวังด้วยการตีโซ่ที่เท้าหลัง ด้านซ้ายของช้างไว้ เพื่อความปลอดภัย  แต่ในระหว่างทำงานได้สักพักนายสุมลฯ ได้สั่งให้ช้างหยุดลากไม้ และก้มลงผูกไม้ยางพารากับโซ่ที่ข้อเท้าช้าง  ในระหว่างนั้นช้างได้หันหลังกลับมาใช้งาแทงนายสุมลล้มลง และวิ่งเข้าไปใช้งากระหน่ำแทงเข้าที่หน้าอกและ ลำตัวถึง 3 ครั้ง จนนายสุมลเสียชีวิต จมกองเลือด แต่ช้างไม่ได้เตลิดหนีไปไหน กลับเฝ้าคลอเคลียศพอยู่นานกว่า 3 ชม. จนชาวบ้านและควาญช้างในพื้นที่ห้วยยอด ต้องหลอกล่อให้ช้างออกห่างศพ และให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ยกศพไปไว้ที่รพ.ห้วยยอด สำเร็จ               
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า  ความคืบล่าสุดเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง  ทางเจ้าของช้างก็สามารถที่จะพาช้างพลายติ๊กชีโร่เดินลงมาในหมู่บ้าน  ซึ่งมีบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่หลายหลัง  โดยทุกคนต่างหวาดกลัวอาการตกมันของช้าง แม้ว่าจะมีท่าทีสงบลงแล้วก็ตาม  และได้ประสานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จ.ตรังและควาญช้างที่มีความชำนาญในการยิงยาสลบและปืนลูกซอง เข้ายิงช้าง เพื่อนำกลับไปจ.พัทลุง เพื่อรักษาอาการต่อไป               
 ทั้งนี้สำหรับประวัติของช้างพลายติ๊กชีโร่นั้น นายประสิทธิ์ ซื้อมาจากจ.กาญจนบุรี  เพื่อนำมารับจ้างชักลากไม้ยางพาราในจ.พัทลุงและจังหวัดใกล้เคียงนานกว่า 5 ปี แล้ว โดยให้นายสุมล ผู้ตายทำหน้าที่ควาญช้างมาตลอด ไม่เคยมีประวัติดุร้าย หรือทำร้ายคน และไม่เคยตกมันมาก่อน แต่มาก่อเหตุในครั้งเนื่องจากอยู่ในภาวะตกมัน เป็นครั้งแรก มีน้ำมันไหลจากข้างใบหูตลอดเวลา แม้เจ้าของจะทราบดีว่าตกมันและพยายามระวังตัวด้วยการตีโซ่ที่เท้าช้างแล้ว แต่ด้วยสัญชาติญาณสัตว์ ก็ทำให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก เพราะเจ้าของไม่ยอมนำช้างพักงานและแยกไปเลี้ยงต่างหาก ให้หายตกมันก่อนที่จะนำไปใช้งาน
 สำหรับเหตุการณ์ที่ช้างตกมันคลุ้มคลั่งอาละวาดใช้งาแทงควาญช้างเจ้าของดับสยองนั้น เกิดขึ้นเป็นรายที่ 2 แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุลักษณะเดียวกันขึ้นกับนายสมโชค ชูบาล อดีตเจ้าของพังนาตาลี ที่มีประวัติเหยียบคนกรีดยางพาราในพื้นที่ ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง จนเสียชีวิตพร้อมกัน 3 ศพในคืนเดียวกันเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา กระทั่งมาถูกช้างพลายมงคล ซึ่งเป็นช้างที่มีประวัติเหยียบคนตายมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี และจ.นครศรีธรรมราช รวม 2 ศพ เกิดตกมันคลุ้มคลั่งใช้งาแทงจนเสียชีวิต ขณะนำไปรับจ้างชักลากไม้ยางพาราบนเนินเขาปู่เจ้าเขากลอง หมู่ที่ 2 ต.กันตังใต้ อ.กันตัง เมื่อเช้าวันที่ 22 ก.พ.55
 ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางปศุสัตว์ได้ประกาศเตือนไปยังควาญช้างใน จ.ตรัง ให้สังเกตช้างที่เลี้ยงไว้เป็นพิเศษ หากพบมีอาการตกมันให้ตีปลอกล่ามโซ่ไว้ ห้ามนำมารับจ้างชักลากไม้ทำงานหนัก เพราะหากช้างเกิดอาการเครียดและมีอาการตกมันจะทำร้ายจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งแม้จะมีคำเตือนแต่ก็ยังมีควาญช้างนำช้างที่ตกมันออกมารับจ้างทำงานอีก เพราะเชื่อว่า ช้างจะทำงานได้ดีกว่าช้างปกติทั่วไป จนเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดขึ้นอีก

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources