วันนี้ ( 10 มี.ค.) ร.ต.อ.เดชา จริงจิตร พงส.( สบ 1) สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในสวนยางพารา หมู่ที่ 3 บ้านไร่ ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย แพทย์เวรโรงพยาบาลห้วยยอด และเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ (ห้วยยอด) รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบช้างพลายติ๊กชีโร่ ซึ่งเป็นช้างชักลากไม้ยางพารา อายุ 21ปี น้ำหนักประมาณ 3 ตัน เกิดอาการตกมันอย่างรุนแรง คลุ้มคลั่งอย่างใช้งาขนาดใหญ่ แทงนายสุมล พรหมแก้ว อายุ 39ปี อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่5 เทศบาลตำบลลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง ซึ่งเป็นควาญช้าง จนเสียชีวิตคาที่ ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ พบว่า นายสุมลฯผู้ตายได้ถูกช้างใช้งาแทงเข้าที่ลำท้อง บริเวณหน้าอก จำนวน 3 รู มีไส้ทะลักออกมา แขนขาและกระดูกซี่โครงหัก เนื่องจากช้างได้ใช้งวงกระแทกกับพื้นดินอย่างน่าสยดสยอง
จากการสอบถาม นายสุพัฒน์ กลับจันทร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่3 ต.ในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซี่งเป็นเจ้าของแปลงยางที่ว่าจ้างให้นายประสิทธิ์ฯ (ไม่ทราบนามสกุล) อายุประมาณ 40 ปี ชาวจังหวัดพัทลุง โดยเป็นเจ้าของช้างพลายติ๊กชีโร่ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายประสิทธิ์ฯเจ้าของช้างได้มอบหมายให้นายสุมลฯผู้ตาย ที่เป็นควาญช้าง ได้นำช้างพลายติ๊กชีโร่มาชักลากไม้ยางพารา ซึ่งนายสุมลฯ ควาญช้างนำช้างพลายติ๊กชีโร่มาทำงานเป็นวันแรก โดยก่อนทำงานนายสุมลฯ ก็บอกกับตนและคนงานว่าอย่าเข้าใกล้ช้าง เพราะมีอาการตกมัน แต่ตนเองจะระวังด้วยการตีโซ่ที่เท้าหลัง ด้านซ้ายของช้างไว้ เพื่อความปลอดภัย แต่ในระหว่างทำงานได้สักพักนายสุมลฯ ได้สั่งให้ช้างหยุดลากไม้ และก้มลงผูกไม้ยางพารากับโซ่ที่ข้อเท้าช้าง ในระหว่างนั้นช้างได้หันหลังกลับมาใช้งาแทงนายสุมลล้มลง และวิ่งเข้าไปใช้งากระหน่ำแทงเข้าที่หน้าอกและ ลำตัวถึง 3 ครั้ง จนนายสุมลเสียชีวิต จมกองเลือด แต่ช้างไม่ได้เตลิดหนีไปไหน กลับเฝ้าคลอเคลียศพอยู่นานกว่า 3 ชม. จนชาวบ้านและควาญช้างในพื้นที่ห้วยยอด ต้องหลอกล่อให้ช้างออกห่างศพ และให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์ยกศพไปไว้ที่รพ.ห้วยยอด สำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อไปว่า ความคืบล่าสุดเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ทางเจ้าของช้างก็สามารถที่จะพาช้างพลายติ๊กชีโร่เดินลงมาในหมู่บ้าน ซึ่งมีบ้านเรือนของชาวบ้านอยู่หลายหลัง โดยทุกคนต่างหวาดกลัวอาการตกมันของช้าง แม้ว่าจะมีท่าทีสงบลงแล้วก็ตาม และได้ประสานเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จ.ตรังและควาญช้างที่มีความชำนาญในการยิงยาสลบและปืนลูกซอง เข้ายิงช้าง เพื่อนำกลับไปจ.พัทลุง เพื่อรักษาอาการต่อไป
ทั้งนี้สำหรับประวัติของช้างพลายติ๊กชีโร่นั้น นายประสิทธิ์ ซื้อมาจากจ.กาญจนบุรี เพื่อนำมารับจ้างชักลากไม้ยางพาราในจ.พัทลุงและจังหวัดใกล้เคียงนานกว่า 5 ปี แล้ว โดยให้นายสุมล ผู้ตายทำหน้าที่ควาญช้างมาตลอด ไม่เคยมีประวัติดุร้าย หรือทำร้ายคน และไม่เคยตกมันมาก่อน แต่มาก่อเหตุในครั้งเนื่องจากอยู่ในภาวะตกมัน เป็นครั้งแรก มีน้ำมันไหลจากข้างใบหูตลอดเวลา แม้เจ้าของจะทราบดีว่าตกมันและพยายามระวังตัวด้วยการตีโซ่ที่เท้าช้างแล้ว แต่ด้วยสัญชาติญาณสัตว์ ก็ทำให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก เพราะเจ้าของไม่ยอมนำช้างพักงานและแยกไปเลี้ยงต่างหาก ให้หายตกมันก่อนที่จะนำไปใช้งาน
สำหรับเหตุการณ์ที่ช้างตกมันคลุ้มคลั่งอาละวาดใช้งาแทงควาญช้างเจ้าของดับสยองนั้น เกิดขึ้นเป็นรายที่ 2 แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุลักษณะเดียวกันขึ้นกับนายสมโชค ชูบาล อดีตเจ้าของพังนาตาลี ที่มีประวัติเหยียบคนกรีดยางพาราในพื้นที่ ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง จนเสียชีวิตพร้อมกัน 3 ศพในคืนเดียวกันเมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา กระทั่งมาถูกช้างพลายมงคล ซึ่งเป็นช้างที่มีประวัติเหยียบคนตายมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี และจ.นครศรีธรรมราช รวม 2 ศพ เกิดตกมันคลุ้มคลั่งใช้งาแทงจนเสียชีวิต ขณะนำไปรับจ้างชักลากไม้ยางพาราบนเนินเขาปู่เจ้าเขากลอง หมู่ที่ 2 ต.กันตังใต้ อ.กันตัง เมื่อเช้าวันที่ 22 ก.พ.55
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุทางปศุสัตว์ได้ประกาศเตือนไปยังควาญช้างใน จ.ตรัง ให้สังเกตช้างที่เลี้ยงไว้เป็นพิเศษ หากพบมีอาการตกมันให้ตีปลอกล่ามโซ่ไว้ ห้ามนำมารับจ้างชักลากไม้ทำงานหนัก เพราะหากช้างเกิดอาการเครียดและมีอาการตกมันจะทำร้ายจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งแม้จะมีคำเตือนแต่ก็ยังมีควาญช้างนำช้างที่ตกมันออกมารับจ้างทำงานอีก เพราะเชื่อว่า ช้างจะทำงานได้ดีกว่าช้างปกติทั่วไป จนเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดขึ้นอีก
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th