“อย่างน้อยสองถึงสามชั่วโมง...โครง สร้างที่เป็นมาตรฐานจะมีเวลาให้เราอพยพในช่วงที่เกิดเพลิงไหม้แรงๆ ก่อนที่โครงสร้างตึกสูงจะพังทลายลงมา”
ดร.ประกิจ เปรมธรรมกร รองอธิการบดี ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร บอกพร้อมยกตัวอย่างกรณีตึกเวิลด์เทรดฯ ระยะเวลาค่อนข้างเป๊ะ 3 ชั่วโมง นั่นก็เป็นมาตรฐาน...
ประเด็นอาคารทนความร้อนได้กี่ชั่วโมงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายๆอย่าง แต่ถ้าพูดเฉพาะโครงสร้างหลักๆต้องย้ำว่า 3 ชั่วโมงไม่ใช่ปัญหา ยังไม่น่าจะพังครืนลงมาทั้งตึก ซึ่งกรณีอย่างนี้ต้องเป็นการไหม้ที่รุนแรงมากๆ
หมายความว่า...กำลังรับน้ำหนักจะเหลือแค่ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขที่น่ากลัว แต่เทคโนโลยีวันนี้ก็มีตัวฉีดป้องกันให้ทนความร้อนได้มากขึ้น จนทำให้โครงสร้างในภาพรวมทนไฟโหมได้นานขึ้นด้วยเช่นกัน
วันนี้...ความน่ากลัวสำหรับผู้ที่อยู่บนชั้นสูงๆกับชั้นล่างๆต่างกันแน่ ดร.ประกิจ มองว่า ชั้นบนใช้เวลาในการอพยพนานกว่า แต่ถ้าอาคารสูงมากๆ 30 ชั้นขึ้นไปมีระบบเตือนภัย ป้องกันอัคคีภัยที่ดีพอก็ไม่น่าเป็นห่วง
อาคารมาตรฐานปกติสูง 30 ชั้น ใช้เวลาอพยพลงมาถึงจุดปลอดภัย จะใช้เวลาไม่เกิน 10-15 นาที...สบายๆลงแบบฉุกเฉินแป๊บเดียวเท่านั้น ใช้เวลาน้อยกว่าที่หลายคนคิดเอาไว้เยอะ
“การวิ่ง...อพยพที่ว่านี้ ต้องอยู่ในบรรยากาศที่ไม่มีควันคลุ้ง บันไดหนีไฟอยู่ในสภาพแย่ ไม่กว้างพอที่จะรองรับปริมาณคน จนอาจทำให้เหยียบกันได้”
คนทั่วไปไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิศวกรรม จะรู้ได้อย่างไรว่าตึก อาคารสูงที่พวกเขาแขวนชีวิตเอาไว้มีมาตรฐานความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน?
ไม่ต่างกับเวลาเราขึ้นเครื่องบิน เขาก็จะบอกเราว่าประตูฉุกเฉินอยู่ตรงไหน อุปกรณ์ช่วยชีวิตมีอะไรบ้าง อาคารสูงก็เช่นกัน...คุณ? รู้หรือยังว่า บันไดหนีไฟอยู่ตรงไหน
“ผมเชื่อว่าอาจจะถึงครึ่งหนึ่งของคนที่ทำงานตึกสูง ไม่รู้ว่าบันไดหนีไฟอยู่ตรงไหน ชีวิตปกติก็ขึ้นลิฟต์...ลงลิฟต์ วันนี้ให้ลองสังเกตสักนิดว่าบันไดหนีไฟอยู่ที่ไหน ถึงเวลาฉุกเฉินจะได้ไม่ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก”
ระบบความปลอดภัย...สปริงเกอร์ดับไฟ สังเกตก็อาจจะเห็นว่ามีติดตั้งอยู่บนเพดาน แต่ถามว่าใช้ได้หรือเปล่า?...ก็จะมีรอบในการตรวจสอบ ทดสอบ กรณีอาคารสำนักงาน อาคารสูง จะให้มีการทดสอบเป็นระยะๆ
ที่ง่ายที่สุดก็ระบบตรวจจับควัน กับความร้อน เจ้าหน้าที่ทำการทดสอบไม่ยาก ส่วนระบบสปริงเกอร์ฉีดน้ำค่อนข้างจะทดสอบยากนิดนึง คงต้องอาศัยความมั่นใจมาตรฐานตัวสปริงเกอร์ที่ใช้ในแต่ละจุด
ผู้ใช้อาคาร...ผู้เช่าในแต่ละที่ ถ้าใส่ใจ ช่วยดูแล จะเป็นการกระตุ้นให้เจ้าของอาคารใส่ใจในเรื่องเหล่านี้มากขึ้น อาคารสูงแต่ละที่จะไปหวังพึ่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบอย่างเดียว ให้ครบทุกระบบคงไม่ได้แล้วในวันนี้
“ถ้าไม่เกิดเรื่องก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเมื่อไหร่เกิดเรื่องขึ้นมา แล้วอาคารก็มีปัญหาเรื่อง ระบบเตือนภัย...ไม่มีใครคาดเดาผลที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อชีวิตมากขนาดไหน”
วิศวกรรมโครงสร้างอาคารสูงกับปัจจัยเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ ถามว่ากลัวอะไรมากที่สุด? ดร.ประกิจมองว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติในการที่จะเกิดสำหรับเมืองไทย แรงลมก็ไม่เยอะเท่าไหร่ แผ่นดินไหวก็เกิดเฉพาะจุด เช่น ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตก อาจจะแรงนิดนึงแต่โดยมาตรฐานเทียบกับต่างประเทศเรายังไม่รุนแรงมากนัก
อีกประเด็นที่เห็นบ่อยในฐานะที่มีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาดูแลอาคารสูงหลายแห่ง ที่ผู้ใช้อาคารไม่น้อยมองข้าม นั่นก็คือการเก็บกวาด ดูแลสถานที่
ใต้สปริงเกอร์จะเอาชั้นสูงๆมาวาง เอาของมาไว้เต็มจนเกือบติดเพดาน สปริงเกอร์ทำงานน้ำก็ฉีดกระจายไม่ได้ผลอะไร...อะไรก็ตามที่เป็นวัตถุไวไฟจะต้องไม่เอาเข้ามา เช่น สี น้ำมันไอระเหย แก๊ส...แน่นอนห้ามเอาขึ้นอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ต้องเข้มงวด เพราะไม่ใช่แค่ห้องเราห้องเดียว แต่เกี่ยวกับชีวิตคนจำนวนมาก
“พุ่งเป้าไปที่ทางหนีไฟ...เวลาเกิดเพลิงไหม้จะดับไฟฟ้าหมด ช่องทางหนีไฟจะเห็นชัดขนาดไหน จะใหญ่ขนาดไหน มีคนที่อยู่ชั้นนั้นขนาดไหน...ถ้ามีห้าร้อยทางกว้างสองเมตร เวลาฉุกเฉินมีปัญหาแน่”
ประเด็นนี้...ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องการออกแบบ ที่มีความพิถีพิถันแค่ไหน ในฐานะอาจารย์ การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยจะต้องเน้นย้ำนักศึกษาให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ไม่แค่ออกแบบเก่งเท่านั้น ต้องเน้นที่ความปลอดภัยควบคู่ไปด้วย ดร.ประกิจ บอกว่า น่าเศร้าเวลาดูค่าใช้จ่ายเรื่องระบบความปลอดภัย มักจะเป็นส่วนที่ถูกให้ความสำคัญน้อย...แต่จะเน้นเรื่องหน้าตา การใช้สอยพื้นที่เป็นหลัก
ในแง่ความปลอดภัยเราคงต้องปลูกฝังจิตสำนึกให้มากกว่านี้ทุกระดับ ผู้รักษากฎหมายต้องดูแลอย่างเที่ยงธรรมในอาคารที่มีปัญหา ถ้าต้องรื้อก็ต้องทำ ถัดมาเจ้าของอาคารก็ต้องดูแลโดยเฉพาะอาคารสูงยุคแรกๆที่สร้างก่อนที่จะมีกฎหมายควบคุม จะปรับปรุงอะไรได้บ้าง วิธีที่ดีที่สุดคือมองสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริง จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วจะทำอย่างไรในการอพยพ เพราะสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งก็คือชีวิตคน
สุดท้ายผู้ใช้อาคาร ต้องมีความระวังพอสมควร นั่งทำงานสูง 30 กว่าชั้น...ชั้น 40 ถ้าเราช้าสัก 5 นาทีนั่นก็อาจหมายถึงชีวิตเรา ความปลอดภัยเป็นเรื่องของทุกคน ความไม่ประมาท... เตรียมพร้อมจะลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้.
แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น