วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตร.ออกหมายจับ2พี่น้องมือลั่นไกฆ่าอริคาร้านเกม















2 พี่น้องยิงปืนใส่ร้านเกมคาดกบดานในกรุงเทพ ส่วนเพื่อนในแก๊งอีก 2 คนเผ่นออกนอกพื้นที่

จากกรณี 4 วัยรุ่นใช้ปืนยิงใส่ร้านเกม ริมถนนชีสระอินทร์ ต.คลองกระแชง ใกล้สี่แยกโรงเรียนอรุณประดิษฐ์ เขตเทศบาลเมืองเพชรบุรี ทำให้นายณัฐธนนท์ ฐาปนพลายพงษ์ อายุ 16 ปี คู่อริที่วิ่งหนีเข้าไปในร้านโดนกระสุนปืนเสียชีวิต 1 ราย ล่าสุดวันนี้ (19 มี.ค.) พ.ต.อ.วิฑูรย์ พลสาร ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี เปิดเผยว่า หลังจากได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี เพื่อรวบรวมหลักฐานและยื่นขออนุมัติศาลจังหวัดเพชรบุรี  โดยศาลได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องสงสัยแล้วจำนวน 2 ราย เป็นพี่น้องกันคือนายอาดิษฐ์ หรืออั๋น สุขเกษม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ซอยพุทธบูชา 21 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. และนายอมรรัตน์ หรือโม สุขเกษม อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ซอยพุทธบูชา 21 แขวงบางมด เขตจอมทอง กทม. ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยนายอาดิษฐ์เป็นคนใช้ปืนลูกซองสั้นยิงใส่ร้านเกมจนทำให้นายณัฐธนนท์เสียชีวิต ส่วนนายอมรรัตน์ใช้มีดสปาต้าฟันรถจยย.ของคู่กรณี จากนั้นทั้งคู๋และเพื่อนอีก 2 คน ขี่รถจยย.พากันหลบหนีไป โดยนายอาดิษฐ์กับนายอมรรัตน์คาดว่าน่าจะหลบหนีเข้ากรุงเทพเพื่อไปหาพ่อ ซึ่งได้ให้ฝ่ายสืบสวนออกไล่ล่าจับกุมแล้ว ส่วนเพื่อนที่เหลืออีก 2 คน หนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวเช่นกัน.



แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

จบสวย!แท็กซี่คนดีเคลียร์เสี่ยร้านทองพอใจไม่เอาแล้ว


เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์ศรี เกษสีแก้ว อายุ 56 ปี แท็กซี่พลเมืองดีที่เก็บทองคำมูลค่ากว่า 13 ล้านบาทคืนให้กับเจ้าของ ได้เดินทางกลับถึงบ้านเกิดยังบ้านเลขที่ 62 หมู่ 5 บ้านสีแก้ว ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยมีนางพิสมัย เกษสีแก้ว ภรรยา พร้อมด้วยบุตรสาวคนโต และญาติพี่น้องที่ทราบข่าว เดินทางมารอรับจำนวนมาก จากนั้นมีการทำพิธีผูกข้อต่อแขนรับขวัญแท็กซี่น้ำใจงาม โดยนายศักดิ์ศรี ได้นำสร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท 1 เส้น และหนัก 3 บาท 1 เส้น ที่ได้เป็นรางวัลจากการทำความดีมาให้ญาติได้ชื่นชมด้วย
 
นายศักดิ์ศรี กล่าวว่า ตอนนี้ได้คุยกับเจ้าของทองเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รางวัลตามเป้าที่เจ้าของเคยประกาศว่าจะให้ แต่ก็ไม่เสียใจ และต้องขอบคุณด้วยที่มีน้ำใจมอบสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 8 บาทให้แก่ตน ซึ่งถือเป็นสินน้ำใจที่มากด้วยคุณค่า ตนมีเจตนาที่จะตามส่งคืนให้อยู่แล้ว แต่ที่น่าเสียใจที่มีสื่อบางสังกัดนำเสนอข่าวไปในทิศทางที่มองว่าตนมีเจตนาแอบแฝง ทำให้ตนและครอบครัวรู้สึกท้อแท้มาก อย่างไรก็ตามช่วงนี้ขอหยุดพักผ่อนอยู่บ้านกับครอบครัวสักระยะ ก่อนที่จะกลับไปขับแท็กซี่อีกครั้งช่วงหลังสงกรานต์ และอยากฝากถึงเพื่อน ๆ อาชีพขับแท็กซี่ขอให้ทุกคนมีความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ แล้วจะเกิดผลดีเหมือนกับตน
 
ด้าน นายเอกรัตน์ กนกวรรณาการ อายุ 60 ปี เสี่ยร้านทองเยาวราชใน จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า เมื่อเช้านี้นายศักดิ์ศรี คนขับแท็กซี่ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับตนว่า พอแล้วกับรางวัลที่ได้รับ และไม่ต้องการอะไรอีก ซึ่งเป็นการพูดคุยกันด้วยดี เป็นที่เข้าใจกันไม่มีปัญหา ส่วนกรณีในสังคมออนไลน์ ได้ออกมาตำหนิตนนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็อยากให้เข้าใจความรู้สึกของตนด้วย อย่างไรก็ดีตนฝากขอบคุณทุกส่วนที่ช่วยเหลือ จนได้รับทองกลับคืนมา.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 


เฉาะดารา วันที่ 20 มีนาคม 2555


วันก่อน มาริโอ้ บินไปลุ้นรางวัล “เอเชี่ยน ฟิล์ม อะวอร์ด” ที่ฮ่องกง งานนี้หวานใจอย่าง กุ๊บกิ๊บ-สุมณทิพย์ เลยขึ้นโพสต์ในอินสตาแกรมทันทีว่า “เอารางวัลกลับมาให้ได้นะคะ สู้ สู้!”...แหม!หวานซะ

ช่วงนี้นอก จากจะมีงานในวงการแล้ว ธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ของ เชน-ธนา ก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนแทบส่งกันไม่ทันเลยทีเดียว...ลัคกี้ อิน เกม อันลัคกี้ อิน เลิฟ!

ปกติก็ดูแล หวานเจี๊ยบ ผู้จัดการส่วนตัวดีอยู่แล้ว แต่ล่าสุดแว่วมาว่านางเอกสาว ชมพู่-อารยา ถอยกระเป๋าแบรนด์ดังให้ ผจก.ส่วนตัวด้วย...ช่วยดูแลกันและกันดี ๆ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ นะ
 
เป็นคนอื่นใกล้จะถึงวันวิวาห์ก็จะยุ่งกับการเข้าคอร์สเจ้าสาว แต่ วุ้นเส้น-วิริฒิพา ยังมัวแต่ทำงานเก็บเงินอย่างเดียว ถามกี่ครั้งก็ยังไม่ไปเข้าคอร์สเจ้าสาวสักที...ระวังจะเตรียมตัวไม่ทันนะจ๊ะ.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

กาะติด ตามคดี วันที่ 19 มีนาคม 2555


‘โจรเป๋’ควงอีโต้ชิงร้านทอง

เกาะติดตามคดีวันจันทร์นี้ เป็นการรวมคดีที่เกิดขึ้นในยุคข้าวยากหมากแพง ส่งผลให้คดีลัก วิ่ง ชิง ปล้น เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงเย็น วันที่  15  พ.ย. 48 คนร้ายชายลักษณะผอมสูง ผิวดำแดง  สวมเสื้อยืดสีดำ เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลด้านนอก กางเกงยีน สวมหมวก ไว้ผมยาวรุงรัง สะพายกระเป๋า 1 ใบ ปรี่ถือมีดอีโต้เข้ามาจี้ชิงทรัพย์ที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนห้างฯโลตัส สาขาตลาดคำเที่ยง  จ.เชียงใหม่ ได้ทองคำรูปพรรณไป 19 เส้น น้ำหนักรวม 56 บาท ขณะนั้นทองอยู่ราคาบาทละ 9,200 บาท รวมมูลค่า 515,200 บาท โดยเหตุการณ์นี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไป 2 คน จากการดูกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพไว้ได้ปรากฏว่า ผู้ก่อเหตุมีรูปพรรณเป็นคนพิการ “ขาเป๋” อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุจนมาถึงปัจจุบันนานกว่า 6 ปีแล้ว  ตำรวจ สภ.ช้างเผือก พยายามตามหาชายลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด จับได้เมื่อไหร่แจ้งด้วยจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้

แสบขโมยถอดล้อรถเกลี้ยง


โจรแสบลักทรัพย์ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.พิมาย จ.นครราชสีมา ช่วงเช้าตรู่วันที่ 16 พ.ย.54 คนร้ายแอบขโมย ถอดล้อ รถปิกอัพโตโยต้า  วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บน  6191 ชัยภูมิ ที่ผู้เสียหายเพิ่งซื้อมาได้แค่ 3 เดือนเท่านั้นเอง โชคร้ายจอดทิ้งไว้หน้าบ้านเลขที่ 303 หมู่ 3 บ้านตะบอง ต.โบสถ์  อ.พิมาย ตื่นเช้ามาภาพที่เห็นทำเอาตกใจสุดขีด ก็ล้อรถปิกอัพทั้ง 4 ล้อ แถมยางอะไหล่อีก 1 เส้นถูกขโมยหายเกลี้ยง  แสบจริง ๆ อุตส่าห์เก็บเงินเก็บทองซื้อรถพร้อมล้อมาได้สักคัน ก็ดันมาเจอหัวขโมยฉกล้อไปจนหมด แต่...หากมองในแง่บวกถือว่ายังโชคดีที่รถปิกอัพไม่หายไปด้วย เหตุการณ์ผ่านไปหลายเดือนคดีไม่คืบหน้า ยังไงตำรวจช่วยเร่งลากคอโจรแก๊งนี้มาลงโทษด้วยก็แล้วกัน ขืนปล่อยให้ลอยนวลในสังคมแบบนี้ ชาวบ้านเค้าจะเดือดร้อน 
บุกเดี่ยวกวาดเงินแบงก์

ทางภาคใต้ก็ไม่น้อยหน้า คดีเกิดขึ้นไม่นาน ช่วงบ่ายวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทย สาขาโลตัสเจ้าฟ้า ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หมู่ 2 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต กำลังทำงานอยู่นั้น จู่ ๆ มีคนร้ายชายสวมเสื้อแจ๊กเกตสีดำ กางเกงยีน ถุงมือสีดำ ใส่หมวกกันน็อกสีเหลือง-ขาว ควงปืนบุกเดี่ยวเข้าไปชิงทรัพย์กลางวันแสก ๆ ในธนาคาร ใช้เวลาก่อเหตุเพียง 33 วินาที ได้เงินไปประมาณ 694,000 บาท ก่อนจะวิ่งหนีไปขึ้นจยย.ที่เพื่อนจอดรออยู่ด้านนอกซิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว ทุกขั้นตอนที่คนร้ายลงมือก่อเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต ระบุชัดเจนได้หลักฐานจากภาพวงจรปิดของธนาคารบันทึกไว้ได้ทั้งหมด แต่ผ่านไปเกือบ 2 เดือนคดีไม่คืบหน้า หรือว่าจะรอให้เงินที่โจรได้ไปใช้หมดแล้วออกมาก่อเหตุอีก ยังไงขอเอาใจช่วยสืบให้ลึก-เจาะให้ชัด เชื่อว่าไม่รอดมือตำรวจภูเก็ตแน่นอน.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ตร.191 ปราบยาเสพติดแนวใหม่ เดินหน้ากวาดล้างจับกุมทุกรูปแบบ


ภายหลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินหน้าเอาจริงในการแก้ไขปัญหายาเสพติด นอกจากจะหยิบยกให้เป็นนโยบายเร่งด่วนแล้วยังกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการศูนย์พลังแผ่นดินปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 55 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าเกือบทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ต่างเดินหน้าทำงานอย่างจริงจังทำให้แต่ละหน่วยงานมีผลกวาดล้างจับกุมยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

จะว่าไปแล้วในรัฐบาลยุคนี้ ผู้นำหน่วยที่เกี่ยวข้องต่างก็มีผลงานปราบปรามยาเสพติดฝีมือไม่ธรรมดา ไล่ตั้งแต่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นอกจากนี้บรรดาหน่วยงานที่เข้ามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ยังมีคนในแวดวงสีกากีเข้าไปควบคุมดูแล อย่างเช่น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ไม่เว้นแม้กระทั่ง พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ รักษาการเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ต่างเข้าไปมีส่วนร่วมทั้งประสานงานแก้ไขปัญหาสั่งยาเสพติดตามเรือนจำ รวมไปถึงการตามไล่บี้อายัดทรัพย์บรรดาแก๊งค้ายาเสพติด จุดประสงค์เพื่อร่วมมือกันแก้ไขแบบบูรณาการ

ขณะเดียวกันเมื่อมาดูการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่เมืองกรุงเทพมหานคร ภายใต้การกุมบังเหียนของ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. ดูแลควบคุมพื้นที่นครบาล นอกจากจะมีตำรวจทุกพื้นที่ 88 สน.ร่วมกันป้องกันและปราบปรามแล้ว ยังมี กองบังคับการตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) นำโดย พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.สปพ. (191) เป็นอีกหน่วยงานของ บช.น.ที่เป็นหัวหอกในการปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดในเมืองหลวง

เรียกว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี 55 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ผบก.สปพ. นำทีมลูกน้องไม่ว่าจะเป็น พ.ต.อ.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.สายตรวจ (191) ขานรับนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินหน้าจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ไล่ตั้งแต่คดีที่ พ.ต.ท.ชูตระกูล ยศมาดี รอง ผกก.สายตรวจฯสปพ. นำกำลังตำรวจ 191 วางแผนบุกจู่โจมจับกุมลูกชายและลูกสะใภ้ของอดีตดาวร้ายชื่อดังของวงการภาพยนตร์ไทยในอดีต สามารถจับกุมได้ทั้งยาไอซ์ กัญชา และอุปกรณ์การเสพเป็นจำนวนมาก เบื้องหลังการจับกุมเนื่องจากชุดสืบสวนของตำรวจ 191 ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้มาพอสมควรเพราะเคยถูกจับปาร์ตี้ยาอี เมื่อปี
พ.ศ.2554 ถูกดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดไว้ครอบครอง ได้รับการประกันตัวและหลบหนีมาตลอดแต่ยังไม่เลิกพฤติกรรม เมื่อได้เบาะแสว่าย้อนกลับมาที่พักจึงนำกำลังจับกุมได้พร้อมของกลาง

อีกรายวันที่ 16 ก.พ. พ.ต.ท.ชูตระกูล รอง ผกก.สายตรวจฯ ยังนำกำลังติดตามจับกุมนายดิเรก หรือโก๊ะ สุคนธสังข์ อายุ 24 ปี และ น.ส.จิราพร หรือหลิน ชูรัตน์ อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 5 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ทั้งยาบ้า 4,800 เม็ด พร้อมยาไอซ์ น้ำหนัก 71 กรัม จับกุมได้ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าย่านถนนพระราม 2 คดีนี้ชุดสืบสวนฯวางแผนนำเงินในบัญชีธนาคาร 1.7 ล้านบาทไปล่อซื้อ ผู้ต้องหาหลงกลนัดไปรับยาเสพติดในพื้นที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ จึงถูกจับกุมสารภาพอ้างว่าได้โทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้าและยาไอซ์จากผู้ต้องหาในเรือนจำ เพื่อนำเงินไปใช้หนี้พนันฟุตบอลและนำไปใช้เที่ยวเตร่

นอกจากจับกุมคดียาเสพติดแล้วยังกวาดล้างจับกุม คดีโจรกรรมรถยนต์และปลอมทะเบียนรถยนต์ ได้ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ นายเอกวุฒิ วรสิทธ์พิพัฒน์ อายุ 24 ปี และนายพงษกร โสดา อายุ 45 ปี พร้อมของกลางรถปิกอัพอีซูซุ ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม, เครื่องสแกนสัญญาณ GPS, แผ่นป้ายเสียภาษีรถยนต์ของกรมการขนส่งทางบก (ปลอม) จับกุมตัวได้ที่ บริเวณ หน้า รพ.ราชวิถี ขณะนำรถยนต์ที่โจรกรรมมาขายให้กับสายล่อซื้อของตำรวจ

นายเอกวุฒิ รับสารภาพว่า จะตระเวนขโมยรถยนต์ตามสถานที่ต่าง ๆ โดยใช้เครื่องสแกนสัญญาณ GPS หารถยนต์ที่ไม่ได้ติดตั้งระบบสัญญาณกันขโมย หรือติดเครื่อง GPS ในการระบุพิกัดของรถไว้ ก็จะรีบลงมือขโมยรถทันที จากนั้นจะนำส่งต่อให้นายพงษกร ปลอมแปลงเอกสารใหม่และนำรถยนต์มาขายทอดตลาดทางเว็บไซต์

เรียกว่าหากตำรวจทุกหน่วยงานขานรับนโยบาย เดินหน้าลุยทำงานปราบปรามยาเสพติดแนวใหม่กันอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เน้นผลงานไม่มี“ฆ่าตัดตอน”เหมือนดังเช่นในอดีต พร้อมเสริมเขี้ยวเล็บของเจ้าหน้าที่สามารถทำงานกันได้ทุกรูปแบบ รับรองสังคมต่างขานรับแน่นอน.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

นครบาลนำร่อง'จ่าเฉยอัจฉริยะ'กองปราบฯโชว์รถสายตรวจไฮเทค


พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต. อุทัยวรรณ แก้วสอาด ผบก.จร.  ผศ.ดร.มงคล เอกปัญญาพงศ์ สำนักวิศวกรรมและเทคโนโลยี ภาควิชาเมคคาโทรนิคส์ ไมโครอีเล็กโทรนิคส์ และระบบสมองกลฝังตัว จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย นายอนุชิต วาณิชย์เสริมกุล จากบริษัท เมเจอร์เน็ทเวิร์ค จำกัด ตัวแทนจาก สวทช. และบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด ร่วมกันนำหุ่นจ่าเฉย ไปให้ผู้เชี่ยวชาญติดตั้งทั้ง กล้องวงจรปิด และ กล้องตรวจจับความเร็วสูง เข้าทางบริเวณดวงตาและหน้าอกของหุ่น
  
หากตรวจจับความผิดได้ จะประมวลผลโดยระบบสมองกล ก่อนส่งสัญญาณผ่าน Wi-Fi ไปที่โทรศัพท์มือถือของตำรวจที่ประจำด่านใกล้เคียง หรือส่งผ่านระบบ 3 จี หรือจีพีอาร์เอส ไปยังศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร เพื่อส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ให้ผู้กระทำผิด ทั้งนี้การทำงานของกล้องที่ติด “จ่าเฉย อัจฉริยะ” จะทำงานด้วยเรดาร์ และระบบการสื่อสารไร้สายสามารถส่งสัญญาณภาพในรัศมี 2-5 กิโลเมตร โดยจะส่งเข้าโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ไปยังตำรวจที่ประจำจุดต่าง ๆ หรือจะส่งไปยัง บก.จร.ก็ได้
  
พล.ต.ต.ภาณุ รอง ผบช.น. กล่าวว่า จุดประสงค์หลักของโครงการนี้ เพื่อนำมาใช้ปรามบรรดาผู้ขับขี่ให้ขับขี่เคารพตามกฎจราจร จากข้อมูลการจราจรในปัจจุบันมีปัญหาหลัก ๆ คือ การขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นปัจจัยของการเกิดอุบัติเหตุ และการเบียดเส้นทึบคอสะพาน ที่ทำให้การจราจรติดขัด ส่วนการทำงานเบื้องต้นนั้น เมื่อกล้องที่ตัวหุ่นจับภาพผู้กระทำความผิดได้ จะส่งข้อมูลด้วยระบบ 3 จี ไปให้ตำรวจที่ตั้งด่านในจุดถัดไปเพื่อเรียกจับปรับ  แต่ในอนาคตจะพัฒนาระบบโดยใช้การส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ถึงบ้านเหมือนกรณีกล้องจับรถฝ่าสัญญาณไฟแดง หรือเรดไลท์คาเมร่า การนำเทคโนโลยีมาใช้ครั้งนี้จะไม่ลดบทบาทตำรวจจราจร แต่จะเป็นการนำเครื่องมือช่วยการทำงานของตำรวจจราจร
  
“ช่วงนี้จะทดลอง นำ หุ่นจ่าเฉยอัจฉริยะ ใช้วางตั้งบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนจะนำมาใช้จริง หมุนเวียนติดตั้งใน 13 จุด ที่มีการร้องเรียนการทำผิดกฎจราจรมากที่สุด เช่น แยกประชานุกูล แยกรามอินทรา กม. 8 แยกลาดปลาเค้า และแยกพระราม 2 ฯลฯ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมีผู้ชอบขับรถเบียด ชอบปาด บริเวณทางแยกดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดการจราจรติดขัด” รอง ผบช.น.กล่าว
   
ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.มงคล สำนักวิศวกรรมและเทคโนโลยีฯ เปิดเผยว่า หุ่นจ่าเฉยอัจฉริยะต้นแบบนี้ ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ส่วนความจุก็ใช้ฮาร์ดดิสก์ทั่วไป ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ตามขนาดโดยตัวนี้มีความจุ 40 กิกะไบต์ มีหน้าที่ตรวจจับความเร็ว และยังช่วยดูการจราจรทั่วไปได้อีก เนื่องจากมีการติดตั้งกล้องวิดีโอวงจรปิดไว้ที่ ดวงตาของหุ่น เพื่อคอยบันทึกภาพเคลื่อนไหว และจับภาพการกระทำความผิด ส่วนที่บริเวณ หน้าอกของหุ่น จะเป็นกล้องตรวจจับความเร็ว ซึ่งเป็นระบบเรดาร์ โดยจะทำงานสัมพันธ์กันหากมีรถวิ่งด้วยความเร็วเกินกว่าที่ตั้งไว้ กล้องจะบันทึกภาพส่งไปที่ตำรวจที่ตั้งด่านอยู่ หรือที่ บก.จร.
  
นอกจากนี้ยังมีระบบประมวลผลและระบบส่งสัญญาณข้อมูลอยู่ภายใน สามารถประมวลผลได้แบบเรียลไทม์ มีความแม่นยำสูง ไม่ต้องมีตำรวจมายืนประจำหุ่นเพื่อควบคุมกล้อง มีค่าใช้จ่ายน้อยเฉพาะอุปกรณ์ไฮเทคประมาณชุดละ 1 แสนบาท หากรวมหุ่นจ่าเฉย (2 หมื่นบาท) จะอยู่ที่ประมาณชุดละ 1.2 แสนบาท โดยใช้เวลาวิจัย 1 ปี ใช้งบประมาณจากเนคเทค 1.3 ล้านบาท
  
ด้านนายอนุชิตกล่าวว่า หุ่นจ่าเฉยเริ่มมีการประดิษฐ์ขึ้นมาใช้งานมานานกว่า  2 ปีแล้ว แต่เพื่อเป็นการลดภาระหน้าที่ของตำรวจจราจร ทางเนคเทคร่วมกับ สวทช. ทดลองติดตั้งทั้งกล้องตรวจจับความเร็วและกล้องวงจรปิดที่หุ่นจ่าเฉย เพื่อเป็นต้นแบบ โดยในอนาคตจะทำเพิ่มอีก 10 ตัว เพื่อนำมาใช้งาน โดยจะทำให้สูงขึ้นจากปกติประมาณ 80 เซนติเมตร เพื่อให้กล้องในตัวสามารถตรวจจับความเร็วได้ในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  
ในยุคเทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย ตำรวจหลายหน่วยพยายามเร่งปรับปรุงการทำงานเช่นกัน หลังจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้เปิดตัว “จ่าเฉยอัจฉริยะ” ทางกองปราบปราม บช.ก. ไม่น้อยหน้าเช่นกัน  พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล สว.กก.ปพ.บก.ป. ร่วมกับนายวรุณเทพ วัชราภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานลูกค้า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และผู้แทนบริษัท ดิจิตอลโฟกัส จำกัด เปิดตัวนำร่อง “รถยนต์สายตรวจอัจฉริยะ” หรือ สายตรวจผู้รับใช้ชุมชน บก.ป. โดยมีการติดตั้งกล้องตรวจการณ์ขนาดจิ๋ว 4 ตัว ไว้ที่รถสายตรวจดังกล่าว เพื่อบันทึกภาพและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยรอบในระหว่างรถสายตรวจอัจฉิรยะออกปฏิบัติภารกิจ
  
พ.ต.อ.ประสพโชค ให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินโครงการรถยนต์สายตรวจอัจฉริยะครั้งนี้ถือเป็นการใช้นวัตกรรมใหม่กับรถวิทยุสายตรวจ บก.ป.โดยมีการติดตั้งกล้องขนาดเล็กไว้ที่รถสายตรวจฯ สามารถแสดงภาพและเสียงแบบถ่ายทอดสดเรียลไทม์ ผ่านเครือข่าย 3จี  ไวไฟ และ EDGE Plus นอกจากนี้ระบบยังสามารถเรียกดูภาพย้อนหลังได้ มั่นใจว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเสริมการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เบื้องต้นจะเริ่มต้นทดลองนำร่องกับรถสายตรวจ 1 คัน ใช้งบประมาณ 2 แสนบาท
  
“หากระบบมีความเรียบร้อย ประกอบกับมีงบประมาณรองรับในการดำเนินการก็จะติดตั้งกับรถสายตรวจทุกคันเพื่อนำออกปฏิบัติภารกิจทั่วประเทศ นอกจากดำเนินการกับรถสายตรวจ บก.ป.แล้วนั้น ยังมีโครงการนำกล้องขนาดเล็กติดไว้ที่ตัวเจ้าหน้าที่สายตรวจเดินเท้า เพื่อช่วยเสริมการปฏิบัติงานอีกด้วย ซึ่งในส่วนนี้จะจัดสรรงบประมาณในการติดตั้งกล้องต่อ
ราย ๆ ละ 5 หมื่นบาท” รอง ผบก.ป. กล่าวทิ้งท้าย
  
นับว่าเป็นเรื่องดีที่องค์กรตำรวจพยายามนำเทค โนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเหลือในการทำงานสอดส่องดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนมากยิ่งขึ้น แต่ที่น่าเป็นห่วงก็ตรงหุ่นจ่าเฉยอัจฉริยะ คงต้องมีมาตรการดูแลเป็นพิเศษสักหน่อย เพราะราคาค่อนข้างแพงพอสมควร  กลัวอย่างเดียวยามค่ำคืนจะโดนบรรดามือดีเล่นงานแอบอุ้มจ่าเฉยไปผ่าตัดงัดแงะกล้องวงจร ปิดและกล้องจับความเร็วไปขายซะก่อน.
สุรสีห์  อาศัยราษฏร์-รัชพล  ยี่สุ่น : รายงาน
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ผู้คุมตาไวตะครุบโจ๋แสบแอบโยนมือถือข้ามคุก


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 มี.ค. นายนิมิต ทัพวนานต์ ผบ.เรือนจำอ่างทอง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำสามารถควบคุมตัวคนร้ายลักลอบแอบโยนสิ่งของเข้ามาในเรือนจำอ่างทอง จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าทีเรือนจำกำลังควบคุมตัวนายนก (นามสมมติ) อายุ 19 ปี พร้อมของกลางห่อกระดาษที่โยนเข้ามาในเรือนจำ 1 ห่อใหญ่ ภายในมีโทรศัพท์มือถือ 9 เครื่อง ที่ชาร์จแบตเตอรี่ 3 เครื่อง ซิมโทรศัพท์ 1 ซิม และมีดดาบอีก 1 เล่ม
       
จากการสอบสวนนายกฤษณะ อ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรกโดยได้รับการติดต่อจากนายสถาพร หรือเต้ ดาวยกให้นำโทรศัพท์ไปโยนข้ามกำแพงเรือนจำและจะมี น.ช.จักกาจ ดาวยก พี่ชายนายสถาพร ติดอยู่ในเรือนจำมาคอยรับ โดยจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 1 หมื่นบาท โดยมีนายสถาพร เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนตนเป็นคนซ้อนท้าย เพื่อโยนโทรศัพท์เข้าไปในเรือนจำ แต่มีผู้คุมเรือนจำผ่านมาเห็น จึงถูกจับกุมไว้ได้ และส่งตัวไปดำเนินคดีต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

อำมหิต! จับเด็กเขมรตัดลิ้นปล่อยเร่ขอทาน


วันนี้ (19 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเบาะแสว่า ที่บ้านพักฟื้นเด็กชายแห่งหนึ่ง ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับตัวเด็กชายขอทานชาวกัมพูชาวัย 7 ปี (ขอสงวนนาม) ที่พิการลิ้นขาดและมีร่องรอยการผ่าตัดที่ลำคอ คล้ายกับถูกตัดกล่องเสียง มาฟื้นฟูสภาพจิตใจ โดยหนูน้อยรายนี้ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมตัวขณะเร่ร่อนขอทานอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2554 จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า หลังรับตัวเด็กจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงกลางปีก่อน พบว่าเด็กมีอาการหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา และสื่อสารอย่างยากลำบาก เพราะไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ เจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลสภาพความเป็นอยู่อย่างใกล้ชิด ดูแลประคบประหงมไม่ห่าง จนเด็กเริ่มไว้ใจไม่หวาดกลัว ต่อมาในช่วงต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ (ศปคม.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาสอบปากคำเด็กชายคนดังกล่าว
จากการสอบสวนผ่านล่าม โดยให้เด็กชี้กระดาษคำตอบ ที่เขียนคำว่า “ใช่” และ “ไม่ใช่” เป็นภาษากัมพูชา เอาไว้ ได้ทราบเรื่องราวอันน่าสะเทือนใจว่า เด็กชายรายนี้เป็นชาวกัมพูชา จากนั้นได้ถูกนำตัวข้ามมาขอทานในฝั่งประเทศไทย โดยช่วงที่อยู่ในกัมพูชานั้น สามารถพูดจากับเพื่อนๆ ได้เหมือนปกติ แต่พอข้ามมาฝั่งไทย หนูน้อยให้ข้อมูลว่าไม่สามารถพูดได้ และชี้ไปที่ลิ้นอันกุดสั้นของตัวเอง ด้วยแววตาที่หวาดผวา ส่วนที่คอของเด็กรายนี้ ยังพบร่องรอยแผลเป็นขนาดกว้างเท่านิ้วก้อย ทำให้เจ้าหน้าที่มั่นใจกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ว่า มีการทารุณกรรมเด็กด้วยการตัดลิ้นหรือผ่ากล่องเสียงออกจนพิการเป็นใบ้ เพื่อเรียกความสงสารจากผู้คนระหว่างตระเวนขอทาน นอกจากนี้ เด็กยังระบุว่ามีเพื่อนวัยเดียวกัน ที่แขนขาดขาขาดอยู่ในกลุ่มด้วย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เด็กรายนี้และเพื่อนที่ถูกบังคับให้ขอทาน  เป็นเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์ที่ลักพาตัวเด็กมา แล้วทำทารุณกรรมด้วยการตัดลิ้น แขน ขา ทำให้พิการ เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมและเรียกความสงสารจากคนใจบุญทั่วไปในการขอเงิน เจ้าหน้าที่จะได้กระจายกำลังสืบสวนจับกุมคนร้ายขบวนการนี้อย่างไม่ลดละต่อไป
มีรายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า ในช่วงที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เดินทางไปกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ หรือ COMMIT ครั้งที่ 3 ร่วมกับรัฐมนตรีจากประเทศกัมพูชา จีน พม่า ลาวและเวียดนามที่เป็นเจ้าภาพการประชุม  เมื่อวันที่ 15-16 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกเรื่องราวของเด็กขอทานเหยื่อแก๊งค้ามนุษย์มาหารือ หลังจากนั้น ทาง พม.ได้ประสานให้ทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

แค้น!กะซวกพรุนหนุ่มหม่องตายสยอง


เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 20 มี.ค. ร.ต.อ.ธนัตถ์ นัตรวรพงษ์ ร้อยเวร สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งมีผู้ถูกทำร้ายเสียชีวิตบริเวณทางลงสะพานข้ามคลองสำโรงฝั่งตลาดเอี่ยมเจริญ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ พ.ต.ท.ภาคภูมิ โห้ใย สว.สส. ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูที่เกิดเหตุพบศพนายแก้ว อายุ 24 ปี แรงงานชาวพม่า สภาพนอนหงายจมกองเลือด มีแผลถูกแทงเข้าที่หน้าอก หน้าท้อง ข้อศอกซ้ายแห่งละ 1 แผล และกลางหลังอีก 2 แผล
จากการสอบสวน น.ส.กาญจณีย์ สุขะระ อายุ 29 ปี แฟนผู้ตาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายชวนมากินข้าวกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านถนนเทพารักษ์ หลังจากนั้นพากันเดินกลับที่พัก ระหว่างนั้นมีคนร้ายวัยรุ่นเดินตามหลังมา ก่อนชักมีดออกมากระหน่ำแทง ก่อนวิ่งหลบหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่าเป็นฝีมือของคู่อริที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแส เพื่อติดตามจับกุมต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources