ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ โรงแรมแกรนด์ ปาร์ค อเวนิว ยังพบผู้ป่วยอาการน่าเป็นห่วง 1 ราย เป็นชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติ รักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ...
ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอนุภาพ เกสรสุวรรณ์ รองอธิบดีกระทรวงท่องเที่ยวฯ พ.ต.อ.ศุภพล อรุณสิทธิ์ รอง ผบก.ทท. ผศ.นพ.อภิชัย อังสพัทธ์ ผช.ผอ.ด้านผู้ป่วยวิกฤติ รพ.จุฬาฯ แพทย์เจ้าของไข้ ร่วมกันตรวจเยี่ยมผู้ป่วยชาวต่างชาติ 2 ราย จากกรณีเหตุไฟไหม้ ที่โรงแรมแกรนด์ ปาร์ค อเวนิว ซอยสุขุมวิท 22 เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยรายแรกเป็นหญิงชื่อ MISS. CHERKASHINA MARINA อายุ 54 ปี สัญชาติรัสเซีย พักรักษาตัวอยู่ที่ ชั้น 3 ตึกจงกลนีวัฒนวงศ์ มีอาการสำลักควัน มีแผลฉีดขาดเล็กน้อยที่ศีรษะ และแขนด้านขวา มีปัญหาการเต้นของหัวใจ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ รู้สึกตัวดี สามารถเดินไปเข้าห้องน้ำเองได้ รายที่ 2 MR.SEREGIN EVGENY อายุ 39 ปี สัญชาติรัสเซีย รักษาตัวอยู่ที่ ชั้น 3 ตึกมงกุฎเพชรรัตน์ ได้รับบาดเจ็บระบบทางเดินหายใจจากควันไฟ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ลืมตาตอบสนองได้
ผศ.นพ.อภิชัย เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายแรกปลอดภัยดี แต่น่าเป็นห่วงผู้ป่วยรายที่สอง เนื่องจากได้สูดควันไฟเข้าไปเป็นเวลานาน ช่วงเช้าได้ตรวจสอบ พบว่าเสมหะยังมีเขม่าปะปนอยู่ จึงต้องเฝ้าระวังอาการอีกประมาณ 1 – 2 วัน ผู้ป่วยทั้ง 2 มีอาการเครียด เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารได้ เพราะพูดได้แต่ภาษารัสเซีย และไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ ส่วนผู้เสียชีวิตหญิงชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ ที่เสียชีวิตก่อนที่จะนำส่งนิติเวชจุฬา ขณะนี้กำลังรอการชันสูตรพลิกศพ โดยยังไม่มีญาติของผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยทั้ง 2 รายมาติดต่อ
ด้านนายสุวัตร กล่าวว่า เดินทางมาดูนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุดังกล่าว ที่พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.กล้วยน้ำไท รพ.เทพธารินทร์ รพ.กลาง และ รพ.จุฬาฯ ส่วนใหญ่มีอาการสำลักควันไฟ ทางกระทรวงจึงเดินทางมาดูแลเรื่องสวัสดิการต่างๆ พ.ร.บ.ธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่บาดเจ็บได้รับสิทธิ และให้มั่นใจ ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 20 คน และมีผู้เสียชีวิตหญิง 1 คน แต่ไม่ทราบชื่อและสัญชาติ นอกจากนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบรายชื่อของนักท่องเที่ยวอีกหลายคน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบผู้บาดเจ็บที่ รพ.กล้วยน้ำไท 1 ถนนพระราม 4 พบว่ามีผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษา จำนวน 10 ราย เป็น ประกอบด้วย 1.MISS ALLA ELIZAROVA อายุ 49 ปี 2.MISS PANYCH INNA อายุ 28 ปี 3.MISS ANASTASIA KURNOS อายุ 25 ปี 4.MR.DMITRIY ELIZAROVA อายุ 45 ปี 5.MR.PANYCM VLADIMIR อายุ 29 ปี 6.MR.GALIULLIN SERGEI อายุ 23 ปี สัญชาติรัสเซียรวม 6 ราย 7.MISS OKA YURIE อายุ 41 ปี สัญชาติญี่ปุ่น 8.นายคมสัน ดีพร้อม อายุ 26 ปี 9. ชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ สัญชาติ อายุประมาณ 40 ปี และ 10.หญิงชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ สัญชาติ อายุประมาณ 40 ปี
นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ ผอ.รพ.กล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า ผู้ป่วยทั้งหมดได้รับบาดเจ็บจากการสูดควันไฟเข้าไป โดยชาวรัสเซีย 6 คน และชาวญี่ปุ่น 1 คน มีอาการสำลักควันเล็กน้อย จึงรักษาเบื้องต้น ก่อนอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนผู้ป่วยชาวไทยตอนนี้ยังพักรักษาตัวและมีสติพูดคุยได้ปกติ แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ชายชาวต่างชาติ ผิวขาว ผมสีทอง ไม่ทราบชื่อ และสัญชาติ ที่ต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เพราะมีความดันต่ำ อาการไม่ดีขึ้น ต้องใช้ยาช่วยบีบหัวใจ ม่านตาขยาย ไม่ตอบสนอง เนื่องจากขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลหัวใจหยุดเต้น จึงต้องใช้การกระตุ้นไฟฟ้า เพราะสำลักควันไฟเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังมี หญิงชาวต่างชาติ ผิวขาว ผมสีทอง รูปร่างใหญ่ อายุประมาณ 40 ปี หลังถูกนำส่งมาที่ รพ. ก็ได้เสียชีวิตเมื่อเวลา 03.00 น. เนื่องจากสูดควันไหม้เข้าไปจำนวนมาก จนสมองไม่ทำงาน ก่อนที่จะนำศพส่งไปยังนิติเวช รพ.จุฬาฯ เมื่อช่วงเช้า
ด้าน นายคมสัน ผู้บาดเจ็บคนไทย เปิดเผยว่า เป็นอาสาบรรเทาสาธารณภัย รหัสใต้ 39 – 36 ได้เข้าไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่เกิดเหตุ และลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากโรงแรม โดยได้แบ่งกันไปหลายทีมกระจายไปตามชั้นต่างๆ ส่วนตนอยู่ที่ชั้น 4 ใกล้ห้องจัดเลี้ยงที่เป็นต้นเพลิง ระหว่างนั้นมีหญิงชาวต่างชาติสำลักควัน ตนจึงนำออกซิเจนที่เตรียมไปให้กับหญิงดังกล่าว และหนีลงมาที่บันไดหนีไฟจนถึงชั้นล่าง หลังจากนั้นตนก็เกิดอาการมึน เพราะสูดควันไฟเข้าไป เพื่อนๆ จึงช่วยกันนำส่ง รพ. เมื่อถามว่าระหว่างเกิดเหตุเพลิงไหม้สปริงเกอร์ทำงานหรือไม่ นายคมสัน กล่าวว่า เนื่องจากที่เกิดเหตุมีควันจำนวนมาก และชุลมุน จนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าสปริงเกอร์ทำงานหรือเปล่า ส่วนอาการตอนนี้ดีขึ้นคาดว่าในช่วงเย็นน่าจะออกจาก รพ. ได้.
แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th