วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สนช.ประกวดออกแบบเชิงนวัตกรรม สร้างจุดแข็งให้สินค้าไทยรับเสรีอาเซียน


สนช. กระตุ้นผู้ประกอบการไทยสร้างจุดขาย รองรับการแข่งขัน ด้วยการประกวดออกแบบเชิงนวัตกรรม พร้อมหนุนต่อยอดออกสู่เชิงพาณิชย์

นายกันต์ วีระกันต์ ผู้จัดการฝ่าย กลุ่มงานออกแบบและแก้ไขปัญหา สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. กล่าวว่า สนช.จัดประกวดรางวัลการออกแบบเชิงนวัตกรรม ประจำปี 2555 ขึ้นเป็นครั้งที่ 5   เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือธุรกิจใหม่ ที่มีการออกแบบอย่างสร้างสรรค์บนพื้นฐานของเทคโนโลยี และต่อยอดออกสู่เชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งสนช.จะมีกลไกสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมามีผลงานที่ได้รับรางวัลไปแล้วกว่า 35 ชิ้น และกว่า 70% ของผลงานที่ได้รับรางวัลประสบความสำเร็จในการผลิตเชิงพาณิชย์ เช่น น้ำนมถั่วเหลืองผสมฟองเต้าหู้โปรตีนสูงของบริษัทโทฟุซัง จำกัด ไอ-มารุ ไอศกรีมผลไม้ในบรรจุภัณฑ์รูปไข่ และอุปกรณ์ประหยัดพลังงานตู้เย็น เอนเนอยี่่ ซิปเปอร์ ที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์สมองกลเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งาน เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน

สำหรับปีนี้  คาดว่าจะมีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวดในโครงการดังกล่าวประมาณ 150 ผลงาน ใน 3 สาขาคือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การออกแบบด้านอาหาร และการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2555 ดูรายละเอียดได้ที่ www.nia.or.th/dic

ด้าน ดร.วัชรมงคล เบญจธนะฉัตร์    ประธานกรรมการ บริษัท บาธรูม ดีไซน์ จำกัด หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินโครงการดังกล่าว  กล่าวว่า การออกแบบเป็นสิ่งที่จำเป็นสำคัญต่อธุรกิจไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี เพราะจะสร้างจุดขายในการแข่งขันเมื่อต้องเปิดเสรีทางการค้าในอาเซียน  ซึ่งราคาอย่างเดียวไม่สามารถที่จะสู้กับประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำกว่าได้ การจะเป็นสินค้านวัตกรรมที่ดีจะต้องมีการศึกษาตลาดและตอบสนองความต้องการของ ผู้บริโภค  โดยคำนึงถึงเรื่องของการออกแบบ การใช้งาน  เทคโนโลยี  วัสดุ  ราคา และที่สำคัญต้องช่วยสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย.

รูปแบบที่ซ่อนอยู่ใน GIS - 1001


ใน 1001 วันนี้ ผมจะแนะนำคำสองคำที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันแต่เมื่อนำมารวมกันแล้ว มันกลายเป็นเรื่องน่าสนุกขึ้นมาได้

คำแรกคือคำว่า จีไอเอส (GIS) ย่อมาจากคำว่า Geographic Information System แปลเป็นไทยให้ไพเราะได้เป็นคำว่า ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ซึ่งมันก็คือ ระบบที่มีการนำเอาข้อมูลไปแปะรวมไว้กับพิกัดทางภูมิศาสตร์นั่นแหละครับ

ส่วนคำว่ารูปแบบนั้น มาจากคำว่า Pattern ซึ่งมีการศึกษากันอย่างกว้างขวางในแวดวงคอมพิวเตอร์ โดยมีความพยายามทั้งการค้นหารูปแบบที่ซ่อนอยู่ในข้อมูลที่สับสนวุ่นวาย หรือการทำนายผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นโดยใช้รูปแบบที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต

แล้วสองคำนี้มาเจอกันมันจะสนุกตรงไหน

เอาเป็นว่าทุกท่านลองหลับตานึกถึงภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนแนวฆาตกรรมต่อเนื่อง ที่ชอบทิ้งร่องรอยไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วเมื่อเอาตำแหน่งของที่เกิดเหตุมาเขียนลงบนแผนที่แล้วจะพบเป็นรูปแบบ บางอย่างที่น่าสนใจ ทำให้พระเอกของเรื่องตามหาฆาตกรจนเจอและคลายปมได้ในที่สุด

เรื่องราวในภาพยนตร์ในลักษณะนี้ถูกนำมาขยายจนกลายเป็นระบบที่มีการนำมาใช้ กันในปัจจุบัน อย่าง PredPol (Predictive Police) ซึ่งได้นำข้อมูลตำแหน่งการเกิดอาชญากรรมมาประมวลผล (ตามรูป) แล้วทำนายว่า ในแต่ละวันจะมีแนวโน้มเกิดอาชญากรรมขึ้นในบริเวณใด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะแสดงเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่กินอาณาบริเวณขนาดไม่เกิน  500x500 ฟุต และทางผู้ผลิตโฆษณาว่า ระบบนี้สามารถลดจำนวนครั้งของการเกิดอาชญากรรมได้จริง ผ่านการพิสูจน์จากผู้ใช้จริงมาแล้ว

แนวคิดที่เป็นรากฐานของระบบนี้คือ การค้นหารูปแบบการเกิดอาชญากรรมบนสมมุติฐานที่ว่าถ้าการก่ออาชญากรรมมีรูป แบบแบบใดแบบหนึ่งแล้ว ระบบนี้จะสามารถตรวจจับได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีนักล้วงกระเป๋าหนึ่งคนจะออกทำงานบ่อย ๆ ในช่วงเช้าในบริเวณป้ายรถประจำทางที่ไม่ไกลจากบ้านของตัวเองนัก เราก็พอที่จะตีกรอบเส้นทางการทำงานของนักล้วงกระเป๋าคนนี้ได้ หรือการวิ่งราวมักจะเกิดขึ้นในบริเวณที่เปลี่ยวช่วงไม่ดึกมากนัก เป็นต้น เมื่อเรานำข้อมูลทั้งหมดมาวาดลงบนแผนที่แล้วใช้การคำนวณอีกเล็กน้อย เราก็พอที่จะกำหนดขอบเขตของบริเวณที่จะเกิดอาชญากรรมในอนาคตได้

ซึ่งถ้าบ้านเราอยากจะใช้ระบบในลักษณะแบบนี้ ก็สามารถทำได้เองในแบบ
ที่ยังไม่ต้องสั่งซื้อระบบจริงมาใช้ โดยเริ่มจากการพล็อตตำแหน่งของสถานที่เกิดเหตุแยกตามประเภทการเกิดเมื่อเจ้า ทุกข์มาแจ้งความ เช่น การลักขโมยทรัพย์สินจากบ้านเรือน การวิ่งราว คดีข่มขืน เกิดขึ้นตรงไหน อย่างไร โดยใช้ระบบแผนที่ที่ให้บริการฟรีกันโดยทั่วไป จากนั้นก็เริ่มต้นวิเคราะห์และทำนายโดยตำรวจที่มีความชำนาญในรูปแบบของคดี ต่าง ๆ แค่นี้ก็พอที่จะสามารถเลียนแบบการทำงานของ PredPol ได้
เช่นกัน

“เริ่มทำวันนี้ได้เลยครับ...แล้วรอดูผลลัพธ์กันต่อไป”.
สุกรี สินธุภิญโญ
sukree.s@chula.ac.th
ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
http//www.facebook.com/1001FanPage

เปิดฉาก“เดอะ เกม เอ็กซ์โปร 2012” คนแน่งาน


วันที่ 13 ก.ค. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการเปิดงาน เดอะ เกม เอ็กซ์โปร 2012 (THE GAMES XPO 2012) หรือมหกรรมงานแสดงเกมครั้งยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีนายสันติ โหลทอง  บรรณาธิการบริหาร นิตยสารคอมพ์เกมเมอร์นิวส์ และนายภรภัทร ยสินพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรพเจอร์ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกันเปิดงาน โดยมีผู้บริการค่ายเกมต่างๆ และผู้สนับสนุนการจัดงาน เข้าร่วมงานจำนวนมาก
นายสันติ โหลทอง  กล่าวว่า บริษัทร่วมกับ แรพเจอร์ เกมมิ่งจากประเทศสิงคโปร์ จัดงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทย มีจุดประสงค์เพื่อร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมเกมออนไลน์ของไทย เพื่อยกระดับเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค โดยมีค่ายเกมมาออกบูทแสดงเกมจำนวน 11 บริษัท และมีการเปิดตัวเกมใหม่ที่เกมเมอร์รอคอย อาทิ ซีไนน์(C9) ของค่ายเกม อินิทรี ดิจิตอล และเกมแอลโอแอล(LOL: League of Legends ) ของค่ายเพลย์อินเตอร์  โดยคาดว่าตลอดงาน 3 วันจะมีจำนวนผู้เข้าชมมากว่า 4 หมื่นคน
“ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพ เนื่องจากมีตลาดเกมออนไลน์ที่ใหญ่มีมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านบาทในปีนี้ บริษัทผู้ให้บริการเกมมีการเปิดตัวเกมใหม่ๆอย่างต่อเนื่องปีละไม่ต่ำกว่า 20 เกม ขณะที่จำนวนผู้เล่นเกมที่เข้ามาเล่นอย่างต่อเนื่องมีไม่ตำกว่า 5 ล้านคน และยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มได้อีกตามการขยายตัวของการให้บริการอินเทอร์เน็ต”
ด้านนายภรภัทร ยสินพร กล่าวว่า  นอกจากการจัดแสดงเกมของค่ายต่างๆแล้วในงาน เดอะ เกม เอ็กซ์โปร ยังเน้นการจัดแข่งขันอี-สปอร์ต เพื่อผลักดันให้การเล่นเกมเป็นกีฬาและส่งเสริมให้เกมเมอร์คนไทยพัฒนาความ สามารถให้ทัดเทียมกับเกมเมอร์ต่างชาติ โดยการจัดงานครั้งนี้มีการจัดแข่งขันเกมภายใต้ชื่อ ไทยแลนด์ เกม โปรเฟสชั่นแนล ลีก มีเกมมากกว่า 15 เกม จากค่ายเกม 11 บริษัท อาทิ เกม โดต้า 2 ,ปังย่า , 12 หางออนไลน์ ,บูม, ซ็อคเกอร์ เมเนเจอร์ ออนไลน์ และ เรย์ ซิตี้ ฯลฯ มาจัดการแข่งขัน คาดว่าจะมีเกมเมอร์เข้าร่วมการแข่งขันไม่น้อยกว่า 1,500 คน
“ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา วงการอี-สปอร์ต ของไทยถือว่าได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากนักกีฬาอี-สปอร์ตนอกจากจะมีเงินเดือนหลักหมื่นบาทขึ้นไปแล้ว ยังมีส่วนแบ่งจากรายได้เงินรางวัลชนะเลิศแต่ละรายการอีกด้วย การจัดแข่งขันอย่างต่อเนื่องจะช่วยยกระดับให้วงการอี-สปอร์ตของไทยแข่งขัน กับต่างประเทศได้ หลังจากที่ไทยเริ่มต้นช้ากว่าต่างประเทศถึง 8 ปี”
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า งาน เดอะ เกม เอ็กซ์โปร 2012 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 ก.ค. 2555 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยในการเปิดงานวันแรกบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีผู้สนใจมาเข้าแถวรอเพื่อเข้าชมงานตั้งแต่งานยังไม่เปิดเป็นจำนวนกว่า 1 พันคน และมีคนเข้าทยอยเข้าร่วมชมงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน.

จุฬาลงนามร่วมมือกับเซิร์นศึกษาวิจัยนิวเคลียร์


วันนี้(14 ก.ค.) ที่ตึกจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  จุฬาฯ ร่วมกับเซิร์น จัดงานแถลงข่าวลงนามบันทึกข้อตกลงความ(The European Oraganization for Nuclear Research - CERN) ภายหลังจากได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ที่วังสระปทุม

ศาสตราจารย์ ดร.ไพรัช  ธัชยพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการโครงการความร่วมมือด้านวิชาการและวิจัยกับเซิร์น เปิดเผยว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงมีต่อวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย ในโอกาสที่ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนเซิร์น (The European Organization for Nuclear Research: CERN) ณ สมาพันธรัฐสวิสถึง 4  ครั้ง ได้ทรงมีพระราชดำริตลอดจนสนับสนุนให้นักวิจัยไทยได้มีโอกาสเข้าร่วมทำงาน วิจัยในโครงการของ  CERN   รวมไปถึงการส่งนักศึกษา และครูฟิสิกส์จากประเทศไทยไปร่วมโครงการภาคฤดูร้อนที่CERN , เชื่อมโยง Grid Computing ของไทยเข้ากับCERN ตลอดจนจัดกิจกรรม CERN School Thailand  โดยมีหน่วยงานหลายแห่งร่วมกันทำงานสนองแนวพระราชดำริ เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การ มหาชน) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งรวมึงาคเอกชน  ทำให้นักวิชาการ/นักวิจัยไทย ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมความรู้ทางด้านวิชาการกับ CERN มาโดยตลอด  ซึ่งการที่จุฬาลงกณมหาวิทยาลัยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงในการทำงานร่วมกัน ระหว่างนักวิจัยจากเซิร์นและนักวิจัยในประเทศไทยในครั้งนี้จะเป็นการส่ง เสริมและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านงานวิจัยทาง ฟิสิกส์ของเซิร์นตลอดจนพัฒนาศักยภาพของบุคลากรของไทยให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ ภิรมย์  กมลรัตนกุล  อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มีความร่วมมือกับกลุ่มการทดลอง CMS ของ CERNอย่างไม่เป็นทางการมาตลอด 10 ปี และเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. จุฬาฯ ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของกลุ่มการทดลอง CMS  และได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ CMS อย่างเป็นทางการในวันนี้

ทั้งนี้การเข้าเป็นสมาชิกของ CMS ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียนที่มีความร่วมมือกับ CERN โดยตรงและเป็นการยกระดับความร่วมมือในงานวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาคของประเทศ ไทยกับ CMS ในเชิงวิชาการให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เปิดโอกาสให้นักวิจัยไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลการทดลองของ CMS วิเคราะห์ข้อมูลผลการทดลองเพื่อเสาะหาฟิสิกส์ใหม่ ๆ ที่พลังงานระดับเทระอิเล็กตรอนโวลต์ ซึ่งจะทำให้นักวิจัยจากประเทศไทยได้เป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบใหม่ ๆ ที่สำคัญ

ศ.ดร. โจ  อินแคนเดลา (Prof. Dr. Joe Incandela, CMS Spokesperson) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีและขอต้อนรับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าเป็นสมาชิกของ CMS สถานีทดลองประจำเครื่องเร่งอนุภาค แอลเอชซี อย่างเป็นทางการ ขณะนี้นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งสำหรับ CMS และฟิสิกส์อนุภาคโดยรวมจากแถลงการณ์การค้นพบอนุภาคโบซอนตัวใหม่ในสัปดาห์ที่ ผ่านมา CMS มีความยินดีที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้ และเชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อประเทศไทยและ CMS และหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะชักนำให้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในประเทศไทยเข้าร่วมในการทดลองในอนาคต เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาคมด้านฟิสิกส์อนุภาคของไทย.

'ไลน์' เป็นได้มากกว่าแอพแชต พัฒนาสู่ 'โซเซียลเน็ตเวิร์ก”


หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2554 ที่ผ่านมา จนถึงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 2 ก.ค. 2555 ปรากฏว่า “ไลน์”  (Line) แอพพลิเคชั่นสำหรับสมาร์ทโฟนที่ให้บริการโทรฯ และส่งข้อความฟรีได้มียอดผู้ใช้ทะลุ  45 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว

เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 1 ปี และบอกเล่าเรื่องราวสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นกับ “ไลน์” ทางเจ้าของโปรเจคท์ที่ได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นสุดฮิตนี้ขึ้นคือ บริษัท เอ็นเอชเอ็น เจแปน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ บริษัท เอ็นเอชเอ็น คอร์ปอเรชั่น  บริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตระดับพรีเมียมในประเทศเกาหลีใต้ จึงได้จัดงาน Hello,Friends in Tokyo 2012 ขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีผู้สื่อข่าวจากทั้งในและต่างประเทศ พันธมิตรทางธุรกิจ เข้าร่วมงานจำนวนมาก

นายอะกิระ โมริกาวา ประธานบริหารของ บริษัท เอ็นเอชเอ็น เจแปน   กล่าวว่า ไลน์ ถือเป็นแอพพลิเคชั่นที่ประสบความสำเร็จมาก ขึ้นอันดับหนึ่งประเภทแอพพลิเคชั่นฟรีใน 18 ประเทศ และมีผู้ดาวน์โหลดไปใช้แล้วมากกว่า 45 ล้านคน จำนวน 20 ล้านคน เป็นผู้ใช้ในญี่ปุ่น รองลงมาคือ ไต้หวัน และไทย จาก 230 ประเทศทั่วโลกที่มีการใช้ไลน์ นอกจากนี้ยังมีการส่งข้อความของผู้ใช้งานถึงเพื่อน ครอบครัว และแฟน สูงถึง 1,000 ล้านครั้งต่อวัน และคาดว่าจำนวนผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนละ 5 ล้านคน

“ไลน์เป็นแอพพลิเคชั่นดาวน์โหลดฟรี ทำให้ปัจจุบันรายได้หลักของไลน์มาจากการขายสติกเกอร์ ซึ่งหลังจากเปิดสติกเกอร์ ช็อปเมื่อเดือน เม.ย. เพียงระยะเวลา 2 เดือน สามารถสร้างรายได้ถึง 350 ล้านเยน  (ประมาณ 139 ล้านบาท) ปัจจุบันขายสติกเกอร์ได้เดือนละ 200 ล้านเยน  (ประมาณ 80 ล้านบาท) โดยขายดีมากในไต้หวัน และไทย นอกเหนือจากสติกเกอร์ มูน บราวน์ และโคนี่ ที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักกันอย่างดี”

สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับไลน์ นายอะกิระบอกว่า ไลน์จะพัฒนาสู่“สมาร์ทโฟน ไลฟ์ แพลตฟอร์ม” ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อให้เป็นมากกว่าแอพพลิเคชั่นส่งข้อความก้าวข้ามไปสู่การให้บริการโซเชีย ลเน็ตเวิร์กกิ้ง โดยจะเริ่มให้บริการกับผู้ใช้งานในญี่ปุ่นก่อนในวันที่ 5 ก.ค. จากนั้นจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ต่อไป โดยบริการใหม่จะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ คือ หน้าหลัก (Home) ไทม์ไลน์ (Timeline) และ ไลน์ ชาแนล (Line Channel)

สำหรับ หน้าหลัก (Home) ผู้ใช้งานสามารถสร้างหน้าหลัก ตกแต่งภาพของตัวเองได้ อัพโหลดเนื้อหาและข้อความได้ทุกชนิด  แชร์สิ่งต่าง ๆ ให้กับเพื่อน และคนในลิสต์รายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ภาพ วิดีโอ ข้อมูลสถานที่ โพสต์คอมเมนต์สติกเกอร์ได้ง่าย ส่วนไทม์ไลน์ (Timeline)  เป็นการรวมหน้าหลักของเพื่อน ๆ เพื่อให้เราทราบความเคลื่อนไหวของเพื่อน  ส่วนไลน์ ชาแนล (Line Channel) ถือเป็นช่องทางสื่อสารที่จะรวบรวมเนื้อหา (content) และบริการใหม่ ๆ เช่น เกมบนสมาร์ทโฟน  เพลง หนัง ดูดวง คูปองส่วนลด ชอปปิง กีฬา แผนที่ พยากรณ์อากาศ ฯลฯ

“ไลน์ถือเป็นการปฏิวัติโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนให้สื่อสารโต้ตอบกันได้แม้จะ ต่างระบบเครือข่าย หรืออยู่กันคนละประเทศ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้ไลน์มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก และจะพยายามทำให้ไลน์มีจำนวนผู้ใช้เทียบเท่าเฟซ
บุ๊กให้ได้ โดยใช้กลยุทธ์ขยายตลาดและผู้ใช้ไปในประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา รวมถึงยุโรปจากที่ปัจจุบันผู้ใช้จำนวนมากอยู่ในเอเชีย” นายอะกิระ กล่าว

ส่วน นายจุน มาซูดะ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์และสายการตลาด บริษัท เอ็นเอชเอ็น เจแปน กล่าวว่า ตลาดประเทศไทยถือว่าไลน์มีอัตราการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะสติกเกอร์ขายดีมาก จึงจะพยายามผลักดันการขายสติกเกอร์ให้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก โดยจะนำตัวละครหรือคาแรกเตอร์ที่ดังในแต่ละประเทศมาออกแบบเป็นสติกเกอร์ของ ไลน์ โดยเปิดโอกาสให้นักออกแบบในประเทศนั้น ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงนักออกแบบคนไทยด้วย นอกจากนี้จะนำตัวละครมาทำเป็นสินค้าเพื่อจำหน่าย อาทิ เสื้อ ที่ติดโทรศัพท์มือถือ ตุ๊กตา ฯลฯ โดยจะเริ่มในญี่ปุ่นก่อน หากประสบความสำเร็จจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ต่อไป

ด้าน นายทาเคชิ อิเดซาวะ ผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายการให้บริการธุรกิจเว็บไซต์  กล่าวว่า ไลน์ ได้ถูกพัฒนาขึ้นประมาณเดือน มี.ค.  2554 ช่วงที่ญี่ปุ่นประสบเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ โดยใช้พนักงานกว่า 100 คนร่วมทำโครงการนี้ขึ้นมา ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 เดือน โดยมีทั้งระบบปฏิบัติการไอโอเอส แอนดรอยด์  วินโดว์ส โฟน และขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาให้ใช้ได้กับแบล็กเบอร์รี่ คาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 เดือนจะสามารถเปิดตัวได้ ซึ่งการขยายให้ใช้งานได้หลาย ๆ ระบบปฏิบัติการจะช่วยเพิ่มให้จำนวนผู้ใช้ขยายตัวมากขึ้น

อย่างไรก็ตามแม้ไลน์จะถูกพัฒนาขึ้นที่ญี่ปุ่น แต่การพัฒนาธุรกิจและทำตลาดทางเอ็นเอชเอ็น คอร์ป จากเกาหลีใต้จะเป็นผู้ดูแล ซึ่ง นายลี จิน วู ผู้จัดการอาวุโส สำนักงานฝ่ายธุรกิจ  บริษัท เอ็นเอชเอ็น คอร์ป  บอกถึงการทำตลาดในไทยว่า จะหาช่องทางให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อสติกเกอร์ได้ง่ายขึ้นจากที่ต้องจ่ายผ่าน บัตรเครดิตก็จะร่วมกับผู้ให้บริการมือถือคิดยอดเงินดาวน์โหลดไปพร้อมกับบิล ค่าโทรศัพท์เลย เพื่อลดขั้นตอนยุ่งยากจากการใช้บัตรเครดิต

นอกจากนี้จะทำตลาดร่วมกับผู้ผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ โดยเริ่มแล้วกับโนเกีย ลูเมีย และกำลังจะขยายไปยังผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ต่อไป.
จิราวัฒน์ จารุพันธ์
JirawatJ@dailynews.co.th

โนเกีย เพียววิว 808 กล้องเว่อร์41ล้าน - ฉลาดใช้


หากเป็นแฟนโนเกีย และใช้รุ่น เอ็น 8 ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องคุณภาพคมชัดขั้นเทพ ด้วยเลนส์คาร์ลไซซ์ ถ้าได้สัมผัสโนเกีย เพียววิว (prueview) 808 อาจจะยกให้เป็นระดับมหาเทพไปเลย

เพราะโนเกีย เพียววิว มาพร้อมกล้องความละเอียด 41 ล้านพิกเซล ไม่ได้เขียนผิด ยืนยันว่า 41 ล้านพิกเซลจริง ๆ

นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายสนับสนุนนักพัฒนาและระบบนิเวศไร้สาย โนเกีย ประเทศไทยและตลาดเอเชียเกิดใหม่ เล่าให้ฟังว่า เทคโนโลยีเพียววิว เกิดในร้านอาหารญี่ปุ่น เมื่อนักวิจัยสองคนของโนเกียเกิดแนวคิดว่า น่าจะมีกล้องหรือเทคโนโลยีถ่ายภาพดี ๆ สามารถซูมให้เห็นถึงรายละเอียด เวลาส่งผ่านมือถือจะได้เห็นชัด ๆ เช่นถ่ายภาพอาหาร ตอนถ่ายก็ชัด แต่เมื่ออัพโหลดบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ภาพโดนย่อทำให้ความคมชัดด้อยลงไป

เพียววิว เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานการสร้างภาพด้วยเซ็นเซอร์เรโซลูชั่น ขนาด 41 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ในกล้องโนเกีย เพียววิว 808 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ากล้องคอมแพ็คจะช่วยสร้าง พิกเซล โอเวอร์แซมพลิงค์ (pixel oversampling) ซึ่งเป็นการทำให้ภาพสวยคมชัด ซูมชัดเจนไม่เบลอ แม้ในสภาวะแสงน้อย

เป็นโนเกีย รุ่นแรกที่มีเทคโนโลยีเพียววิว ในอนาคตอาจจะเห็นในรุ่นอื่น ๆ

มาลองกันดีกว่า

ชอบใจมากที่โนเกียรุ่นนี้ เปิดฝาหลังให้ใส่แบตเตอรี่ได้เอง โทรศัพท์รุ่นหลัง ๆ มักจะปิดตายตัว ทำให้แก้ไขปัญหาพื้นฐานเองไม่ได้ เมื่อเปิดฝาหลังใส่ไมโครซิมและไมโครเอสดีการ์ดแล้วชาร์จให้เต็ม คราวนี้ก็ตะลอนทัวร์ได้

คราวนี้จุดหมายปลายทางคือ ช่องเม็ก ด่านชายแดนไทย-ลาว จ.อุบลราชธานี

ใช้กล้องบนโนเกีย เพียววิว 808 ถ่ายรูปอย่างเดียว ความคมชัดและรายละเอียดเมื่อซูมเข้าไป ทำได้สมใจนึก วันนี้สภาพอากาศค่อนข้างครึ้ม แต่เลนส์คาร์ลไซซ์และเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่บนกล้องโนเกียไม่เคยทำให้ผิดหวัง

ที่เด่นมากก็คือ ความไวของชัตเตอร์ที่เบา เงียบและกดได้นุ่มนวลกว่ารุ่นเอ็น 8

เวลาจะซูมเข้าหรือออกก็แค่ใช้สองนิ้วขยับไปมา

ระยะซูม 3 เท่า สำหรับภาพนิ่ง และ 4 เท่าสำหรับการถ่ายวิดีโอ เอชดี 1080 p และเมื่อถ่ายวิดีโอ เอชดี 720 p สามารถซูมได้ถึง 6 เท่า

แฟลชซีนอนนั้นมีมาสองระบบ คือ แฟลชสำหรับถ่ายภาพนิ่งและแฟลชถ่ายวิดีโอ เจ๋งมั้ยล่ะ

เมื่อได้ภาพจะอัพโหลดขึ้นเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ แม้จะตั้งไว้เกินกว่า 10 ล้านพิกเซลก็อัพโหลดได้เร็วไม่ติดขัด

ภาพถ่ายเมื่อเราอัพโหลดขึ้นไป ก็ยังเห็นรายละเอียดสวยงามเหมือนอย่างที่เราต้องการ

การทำงานของเซ็นเซอร์เรโซลูชั่นสูง ๆ ขนาด 7728 x 5368 พิกเซล รวมเป็น 41 ล้านพิกเซล เราเลือกขนาดได้เอง เช่น ขนาด 7728 x 4354 พิกเซล อัตราส่วน 16 : 9 ซึ่งได้ทั้งภาพนิ่งหรือวิดีโอ หรือขนาด 7152 x 5368 พิกเซล อัตราส่วน 4 : 3 ใช้ได้ทั้งภาพนิ่งหรือวิดีโอเช่นกัน

การตั้งค่าเริ่มต้น (default) ของภาพนิ่งจะอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล อัตราส่วน 16 : 9

เมนูต่าง ๆ บนกล้องหากใช้โนเกียก็จะรู้ว่าตั้งค่าง่าย อาจจะไม่มีลูกเล่นกุ๊กกิ๊กเหมือนกล้องคอมแพ็คหรือกล้องบนมือถือค่ายอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะใส่ฟังก์ชั่นหลัก ๆ แบบมืออาชีพ ถ้าต้องการกดแชะ ๆ อย่างเดียว ก็แค่เลือกออโตโฟกัส

หากจะถ่ายรูปอาหารเพื่อยั่วน้ำลายเพื่อน ๆ บนเฟซบุ๊ก แนะนำให้เปลี่ยนจากออโตโฟกัสมาเป็นหมวดมาโคร ที่เป็นรูปดอกไม้ รับรองอาหารในจานแทบจะไปเด้งอยู่ตรงหน้าเพื่อนๆ ในโลกออนไลน์เลยล่ะ

แบตเตอรี่ในโนเกีย เพียววิว 808 อยู่ได้นานเกินวัน เพราะเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาใช้งานหนักหน่วงทั้งถ่ายภาพและอัพโหลด ก็อยู่ได้นานไปจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น

ลืมบอกไปว่า รุ่นนี้ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบี้ยน จึงอาจทำให้หลายคนเกิดอาการลังเลไปบ้าง แม้จะชอบโนเกีย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่นอินสตาแกรม เพราะบนซิมเบี้ยนยังไม่มีแอพพลิเคชั่นอินสตาแกรมให้เล่น แต่มีโมโลมี (Molome) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นของนักพัฒนาชาวไทยที่มีผลงานกับโนเกียมานาน ล่าสุดบอกว่ามีภาพอยู่บนโมโลมีมากกว่าหนึ่งล้านไฟล์แล้ว

เป็นธรรมดา ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง

โนเกีย  เพียววิว  มีสีแดง  ขาว  และดำ มีน้ำหนักเล็กน้อยจากส่วนหัวที่เป็นกล้อง แต่กระชับมือ ไม่ใหญ่เทอะทะ ราคาประมาณหมื่นเก้าพันบาท

ก่อนตัดสินใจควรไปลองเล่น สอบถามโปรโมเตอร์หรือพนักงานประจำร้านที่เป็นเอ็กซพีเรียนช็อปของโนเกียหรือ ที่โนเกีย ไลฟ์ สไตล์ที่สยามพารากอน
  
จะเอากล้องเจ๋ง ๆ ที่มีฟังก์ชั่นโทรศัพท์มือถือ หรือต้องการแค่โทรศัพท์มือถือที่มีกล้องดีล่ะ.

ตลาดมือถือโต แต่ความปลอดภัยต่ำ


ในวันที่ปริมาณการใช้งานโทรศัพท์มือถือทะลุ  70 ล้านเลขหมาย และโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนกำลังโตอย่างต่อเนื่อง
วันนี้กลับพบว่าโทรศัพท์มือถือที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยกลับใช้เอกสารปลอม!
แม้เรื่องคุณภาพจะไม่ได้รับการยืนยันว่าไม่ดี แต่การใช้เอกสารปลอมก็บ่งบอกเรื่องความซื่อตรงในการให้บริการ และความเชื่อมั่นเรื่องความปลอด ภัยในการใช้งาน
ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณการนำเข้าโทรศัพท์มือถือเพื่อจำหน่ายในประเทศ เฉลี่ยปีละ 16 ล้านเครื่อง ล่าสุดพบโทรศัพท์มือถือที่ใช้เอกสารปลอมทั้งหมด 280 รุ่น จาก 27 บริษัท รวมกว่า 970,000 เครื่อง
กระทั่งเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 55 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ได้ออกคำสั่งบังคับทางปกครองโดยเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ จำนวน 280 รุ่น จาก 27 บริษัท รวมกว่า 970,000 เครื่อง เนื่องจากใช้รายงานผลการทดสอบจากห้องปฏิบัติการทดสอบของต่างประเทศที่ไม่ได้ ออกโดยห้องปฏิบัติการทด สอบของต่างประเทศนั้น หรือมีการปลอมแปลง หรือแก้ไข เปลี่ยนแปลง ลดทอน แต่งเติมเนื้อหาหรือข้อมูลในรายงานผลการทดสอบ ให้ผิดแผกจากรายงานผลการทดสอบต้นฉบับ และภายใน  2-3 วันทางสำนักงานจะดำเนินการตามกฎหมายให้ดำเนินงานตามกฎหมายอาญา
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. ได้ตรวจสอบการนำเข้าโทรศัพท์มือถือตั้งแต่ปี 2552 และพบว่าโทรศัพท์มือถือที่นำเข้าใช้เอกสารปลอมตั้งแต่ต้นปี 2554 ซึ่งวันที่ 20 มิ.ย. 55 ที่ประชุม กสทช. มีมติให้เพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน  280 รุ่น จาก 27 บริษัท และให้ผู้ประกอบ การดำเนินการใน 2 ทางเลือก คือ 1. ยื่นคำขอรับใบอนุญาตให้นำออกเครื่องวิทยุคมนาคมตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุคมนาคม ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประกาศสำนักงาน กสทช. ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ และนำเครื่องโทรคมนาคมดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร และทำลายเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ดังกล่าวภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ประกาศสำนักงาน กสทช. มีผลบังคับใช้และ 2. ให้รายงานการครอบครองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์แบบ/รุ่นที่ถูกเพิกถอนเฉพาะ แบบ/รุ่นที่ผู้ประกอบการทั้ง 27 รายเป็นผู้นำเข้ามาเพื่อจำหน่ายหรือใช้งาน แต่มิได้เป็นผู้ยื่นขอและได้รับใบรับรอง ต่อสำนักงาน กสทช. ภายใน 30 วัน
สำหรับประกาศเพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคม ของ กสทช. ยังอยู่ระหว่างรอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วทั้ง 27 บริษัทนำเข้ามือถือจะมีเวลาดำเนินงานตามข้อ 1 และ ข้อ 2 เป็นเวลา 30 วัน โทรศัพท์มือถือที่พบว่ามีการใช้เอกสารปลอมมีทั้งหมด 280 รุ่น จาก 27 บริษัท ประกอบด้วย รุ่น “อาม่า” กับ “อาม่า พลัส” ของ บริษัท มีเดีย อินฟินิตี้ จำกัด และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อเอ็มทีเอ็ม (MTM) พบปลอมแปลงเอกสาร 45 รุ่น และของบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ในรุ่นเจโฟน 8 รุ่น ส่วนบริษัท ทีดับบลิวแซด จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ พบว่ารุ่นโฟนวันมี 29 รุ่นที่เป็นเอกสารปลอม เป็นต้น
หลังจากเกิดเรื่องราวนี้ขึ้น แนวทางแก้ไขของสำนักงาน กสทช. คือ การตรวจสอบเอกสารที่เข้มข้นขึ้น เพราะปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับใบอนุญาตในการนำเข้าอุปกรณ์โทรคมนาคม หรือโทรศัพท์มือถือเข้ามาจำหน่ายในประเทศประมาณ 500-600 ราย.
... กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค-ไม่เสียหายก็ใช้ต่อ ...
น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า โดยหลักการไม่มีหลักฐานว่าเครื่องไม่ได้มาตรฐานเพราะไม่ได้มีการพิสูจน์ เพียงแต่ผู้ขอใบอนุญาตในการนำเข้าใช้เอกสารปลอม โดยเครื่องมือถือที่ประชาชนซื้อไปแล้วถ้าใช้แล้วไม่เกิดปัญหาก็ใช้ต่อไป แต่ถ้าพบว่าเกิดความเสียหายสามารถฟ้องตามพ.ร.บ.ความรับผิดชอบต่อความเสียหาย ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้บริโภคต้องชี้แจงให้ได้ว่าเสียหายอย่างไร เช่น ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีใบรับรองคุณภาพปลอมแล้วทำให้คลื่นรบกวนอุปกรณ์ไฟฟ้า จนทำให้เกิดความเสียหาย ส่วนจะคืนเครื่องมือถือได้หรือไม่ ในขณะที่ตกลงจะซื้อเครื่องมือถือก็ถือว่าเป็นการสมยอมกันไปแล้ว โดยส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้เงินคืน หรือถ้าเกิดความเสียหายสามารถโทรร้องเรียนที่เลขหมาย 1200 ของกสทช.ได้
“โทรศัพท์มือถือมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 1-2 ปี และมติให้เพิกถอนใบรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์จำนวน 280 รุ่น จาก 27 บริษัท ก็เพื่อไม่ให้บริษัทนำโทรศัพท์มือถือที่ยังค้างอยู่ในสต๊อกมาจำหน่าย แต่ที่จำหน่ายไปแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคว่าจะตัดสินใจอย่างไร” น.พ.ประวิทย์ กล่าว

“ทีมแตงไทย” จาก ม.มหิดล คว้าที่1เกมดีไซน์ระดับโลก


วันนี้ (10 ก.ค.) เวลา 16 .00 น. ตามเวลาออสเตรเลีย บริษัท ไมโครซอฟท์ ผู้จัดการแข่งขัน “อิมเมจิ้น คัพ 2012” รอบชิงชนะเลิศที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 ก.ค.55 ได้ประกาศผลการแข่งขันซอฟต์แวร์ในทุกประเภท ซึ่งการแข่งขันประเภทเกมดีไซน์แบบเอ็กซ์บ๊อก/วินโดวส์ “ทีมแตงไทย” ผู้พัฒนาเกม Verdant Fantasy ผลงานของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับรางวัลชนะเลิศ พร้อมเงินรางวัล 8,000 เหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ วิธีการคัดเลือกทีมประเภทเกมดีไซน์แบบเอ็กซ์บ๊อก/วินโดวส์ เพื่อมาแข่งขันอิมเมจิ้น คัพ 2012 รอบชิงชนะเลิศระดับโลกที่ออสเตรเลีย ใช้การแข่งขันและคัดเลือกในรูปแบบผู้แข่งขันต้องส่งผลงานเข้าประกวดทาง เว็บไซต์โดยตรงและแข่งขันกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันกว่า 400 ทีม โดยทีมแตงไทย สามารถผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายและเข้าร่วมการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับโลกที่ออสเตรเลีย และสามารถเข้าสู่รอบ 5 ทีมสุดท้ายในเพื่อชิงชนะเลิศ จนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศระดับโลกมาครอง

ทีมแตงไทย ประกอบด้วย นายกฤตินันท์ สิโรดม, นายชนกานต์ ชินชัชวาล, นายศิริศักดิ์ นาคะวิวัฒน์ และนายปนาวุธ พวงศิลป์ ซึ่งใช้แนวคิดเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเป็นโจทย์ในการพัฒนาเกม โดยจุดเด่นของเกมอยู่ที่การนำต้นไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของเกมและทำให้ผู้เล่น เกมรู้ถึงประโยชน์และคุณค่าของต้นไม้ เจาะกลุ่มผู้เล่นระดับประถมศึกษาตอนปลาย-ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

หลังประกาศผลรางวัลน้องๆ ทีมแตงไทยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้รู้สึกดีใจมากๆ ตอนที่เข้ารอบ 10 ทีมก็คาดหวังว่าจะได้รางวัลบ้าง แต่พอได้รางวัลชนะเลิศก็ดีใจมาก เพราะสิ่งที่ช่วยกันทำมาตลอด 8 เดือนจะประสบความสำเร็จขนาดนี้

ดร.ศรีสุภา ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา อาจารย์คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาของทีมแตงไทย กล่าวว่า ตื่นเต้น ดีใจ และภูมิใจมาก ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในช่วงของการแข่งขันจากรอบ 10 ทีม จนถึง 5 ทีมสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ ทีมแตงไทยมีการปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอตลอดเวลาเมื่อได้รับคำแนะนำจากคนรอบ ข้างและกรรมการ ทีมแตงไทยก็จะนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นจนสามารถคว้ารางวัลมาครองได้

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลอดการแข่งขันอิมเมจิ้น คัพ 2012 พวกเราสนับสนุนน้องๆ เต็มที่ ตอนนี้รู้สึกปลื้มมากๆ และหวังว่าเมื่อน้องๆ กลับประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างให้กับเด็กรุ่นใหม่ให้มาเข้าร่วมงานแข่ง

ส่วนทีมที่ได้รางวัลที่2 ของการแข่งขันประเภทเกมดีไซน์แบบเอ็กซ์บ๊อก/วินโดวส์ คือ ทีมจากประเทศบราซิล และที่3 คือทีมจากประเทศเบลเยี่ยม

ขณะที่การแข่งขันประเภทซอฟต์แวร์ดีไซน์ ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ คือ ทีมจากยูเครน ที่2 เป็นทีมประเทศญี่ปุ่น และที่3 เป็นทีมจากประเทศโปรตุเกส ซึ่งการแข่งขันประเภทนี้มีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 72 ทีม โดยทีมโนวีทัท เจ้าของผลงาน “เดอะ สมาร์ท เฮ้าส์” (The Smart House) ของนักศึกษาคณะวิศวคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) ไม่ผ่านเข้ารอบ 20 ทีมทำให้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้

สำหรับการแข่งขันซอฟต์แวร์ระดับโลก หรือ  “อิมเมจิ้น คัพ 2012” รอบชิงชนะเลิศระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นที่ซิดนีย์ คอนเวนชั่น แอนด์ เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย มีนักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 106 ทีม จาก 85 ประเทศ รวม 370 คน.

ผวาโรคมือเท้าปากเชื้อกัมพูชาระบาดเด็กไทยแล้ว200คน


วันนี้ (14 ก.ค.) น.พ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากในไทยเพิ่มจำนวนไม่หยุด จากสัปดาห์ที่แล้ว 10,800 คน ล่าสุดพบกว่า 12,000 คนแล้วทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยพบมากที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และกระจายบางจังหวัดในภาคอีสาน มาตรการที่ดำเนินการคือกำชับสาธารณสุข จังหวัดอย่างเข้มงวด หากพบเด็กป่วยในศูนย์เด็กเล็ก หรือโรงเรียนอนุบาลใน 1 ห้องเรียน หรือกระจายตามห้อง เกิน 5 คน คือ ให้ปิดทั้งโรงเรียนทันทีอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อตัดวงจรแพร่ระบาดของเชื้อ แต่ยังพบว่าโรงเรียนบางแห่งไม่ยอมปิดเรียน ทำให้อัตราการแพร่ระบาดไม่หยุดนิ่ง
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า แม้จะยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในไทย แต่เชื้อเอนเตอโรไวรัส 71-D4 ซึ่งเป็นสายพันธุ์รุนแรงทำให้เด็กกัมพูชาเสียชีวิต พบในไทย 1 คน ในผู้ป่วย 100 คน และพบมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้เกือบ 200 คนแล้ว การพบเชื้อเอนเตอโรไวรัส 71-D4 ทำให้ตนเริ่มไม่มั่นใจว่า เด็กซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำอยู่แล้ว หากติดเชื้อดังกล่าวนี้อาจทำให้เสียชีวิตได้ เป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับผู้ปกครองที่ต้องดูแลเด็กเล็ก จึงอยากย้ำให้ศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนอนุบาล ช่วยผู้ปกครองอีกทางด้วยการปิดโรงเรียน

นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่าการพบผู้ป่วยยังเป็นภาวะปกติ และเชื้อที่พบเป็นชนิดไม่รุนแรง ปริมาณการพบไม่ได้ผิดปกติ แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ได้กำชับสาธารณสุขถึงการดูแลรักษาความสะอาดไม่ให้เกิดโรคขึ้น โดยเฉพาะในโรงเรียน และผู้ปกครองของเด็กควรดูแลรักษาความสะอาด รับประทานอาหารปรุงสุก ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆจะช่วยป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีข่าวลือว่าโรงเรียนศิริมงคลศึกษา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สั่งปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด เพราะมีเด็กนักเรียนเป็นโรคมือเท้าปาก สอบถามครูคนหนึ่งทราบว่า นักเรียนของโรงเรียนเป็นโรคมือเท้าปาก เป็นนักเรียนก่อนวัยเรียน 1 คน และระดับชั้นอนุบาล 1 อีก 1 คน ได้ติดเชื้อขณะหยุดอยู่บ้าน ทางผู้ปกครองจึงแจ้งโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค. และได้หยุดเรียนไปตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนนักเรียนในโรงเรียนยังไม่มีใครได้รับเชื้อ ต่อมาผู้บริหารโรงเรียนเป็นห่วงการระบาดของโรค จึงทำจดหมายถึงผู้ปกครองโดยสั่งปิดโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 16-20 ก.ค.นี้ เพื่อทำความสะอาดโรงเรียนและห้องเรียนครั้งใหญ่ รวมทั้งล้างอุปกรณ์ ของใช้และของเล่นเด็ก หลังจากนั้นจะแจ้งให้สาธารสุขจังหวัดนนทบุรีมาฉีดยาค่าเชื้อต่อไป
นพ.วัฒนา โรจนวิจิตรกุล สาธารสุขจ.นนทบุรี  กล่าวว่า การสั่งปิดเรียน 1 สัปดาห์ ถือเป็นเรื่องที่ดี เบื้องต้นเทศบาลเมืองบางบัวทองได้ร่วมกับโรงเรียนทำความสะอาดข้าวของเครื่อง ใช้ของเด็กทุกห้อง จริงๆแล้วประเทศไทยมีแพทย์และระบบรักษาความสะอาดดี ทันสมัยกว่าประเทศกัมพูชา จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนักในเรื่องนี้ เพราะที่พบส่วนมากจะเป็นเด็กในวัยเล็กและเราสามารถควบคุมรักษาโรคนี้ได้ก่อน โดยโรคนี้จะรักษาให้หายได้ภายใน 1 สัปดาห์ 
ส่วนที่ จ.สระแก้ว บริเวณด่านจุดผ่อนปรอนชายแดนบ้านเขาดิน อ.คลองหาด นายธวัชชัย เกตุพันธ์ นายอำเภอคลองหาด พ.ท.เจษฏา ไวศยะ รอง ผบ.ฉก.ทพ.13 และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอคลองหาด เจ้าหน้าที่ รพ.คลองหาด มาตรวจร่างกายวัดไข้ชาวเขมรที่จะเดินทางเข้ามาในไทย เพื่อป้องกันโรคมือเท้าปากเปื่อยระบาด.

หนุ่มยิวจุดไฟเผาตัวประท้วงท้วงค่าครองชีพ


         วันนี้ (15 ก.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลว่า ชายคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากบาดแผลไฟไหม้ หลังจากเขาได้จุดไฟเผาตัวเอง เพื่อเป็นการประท้วงปัญหาค่าครองชีพ ในเมืองเทลอาวีฟ เมื่อวานนี้ เพราะไม่พอใจนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุรักษ์นิยมชุดปัจจุบัน
         นายมิคกี้ โรเซนเฟลด์ โฆษกตำรวจอิสราเอล เปิดเผยว่า ชายผู้ก่อเหตุอายุประมาณ 40 ปี จุดไฟเผาตัวเอง เพื่อประท้วงเรื่องค่าครองชีพ โดยอ้างว่า เงินที่เก็บอดออมเอาไว้ ถูกนำมาใช้หมด เพราะรัฐบาลทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น จึงลงมือก่อเหตุเพื่อเป็นการประท้วง
การประท้วงในเมืองเทลอาวีฟ มีขึ้นในวันครบรอบ 1 ปีพอดีของการกวาดล้างการปักหลักชุมนุมประท้วงของนักศึกษาในเมืองเทลอาวีฟ ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจของอิสราเอล ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีประท้วงเรื่องค่าครองชีพแพงในประเทศเช่นกัน
           แม้นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาแบบใหม่หลายประการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชนชั้นกลางในอิสราเอล เช่น จัดสรรที่อยู่อาศัยราคาถูก และให้เงินสนับสนุนด้านการศึกษา แต่ก็ยังคงมีการประท้วงต่อต้านนโยบายของรัฐบาลว่า ดำเนินการอย่างล่าช้าเกินไป

อินเดียจับกบแต่งงานขอฝน


    เมื่อวันที่ 15 ก.ค.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองนาชิก ประเทศอินเดียว่า มีพิธีกรรมจับกบแต่งงานขอฝนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งก็มีผู้คนนับพันคนมาร่วมงานด้วย โดยมีนักบวช 5 รูป ร่ายมนต์ในพิธีให้กับเจ้าบ่าว เป็นกบชื่อ “ปุนาร์วสุ” กับกบเจ้าสาวชื่อ “ปุชาลา” ตามประเพณีของชาวฮินดู โดยหวังว่าจะเกิดฝนตกต้องตามฤดูกาล สร้างความชุ่มฉ่ำให้กับพื้นที่ซึ่งกำลังแล้งจัดในขณะนี้
ผู้จัดพิธีแต่งงานกบคือ นายนันทกุมาร ปาวาร จัดขึ้นที่หมู่บ้านพัทธกาล ในรัฐมหาราษฏระ โดยเจ้าบ่าวกบถูกจับแต่งกายประดับด้วยดอกไม้สวยงามและขมิ้นทาตัว ขณะที่มโหรีบรรเลงเพลงจากภาพยนตร์ฮอลลีวูด ประกอบพิธีกรรม

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources