วันนี้ ( 12มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ต้องหาร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ทยอยเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมตามหมายเรียก หลังจากพนักงานสอบสวนได้รับคำสั่งจากอัยการให้สอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เติมกับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีผู้ต้องหาเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้วกว่า 10 คน อาทิ นายณรัณยู หรือ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ นายระพินทร์ พุฒิชาติ หรือ “น้าซู วงซูซู”
นายปานเทพ กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นมาจากการชี้นำของอัยการ โดยมีหนังสือจากสำนักงานคดีอาญา ส่งมาที่พนักงานสอบสวนว่ายังมีการแจ้งข้อกล่าวหาไม่ครบถ้วนจึงให้พนักงานสอบ สวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหาหลายคน หลายข้อหา โดยตนถูกแจ้งข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปฯ โดยเป็นหัวหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรค 2 และ 3 ที่น่าสนใจคือคดีนี้อัยการส่งมาวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และให้ส่งกลับในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็ส่งไม่ทันอีกทั้งการลงเลขเอกสารก็มีการย้ายฝ่ายภายใน 6 นาที จากอีกฝ่ายไปอีกฝ่าย แสดงว่ามีการเร่งรัดคดีอย่างชัดเจน
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า อยากเรียนให้ทราบว่าทนายพันธมิตรฯ ได้รับการติดต่อจากทนายของฝ่ายระบอบทักษิณบางคนว่าขอให้พันธมิตรฯ ยอมเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่าย ซึ่งทางพันธมิตรฯ ปฏิเสธไป เพราะต้องการรักษากระบวนการนิติรัฐ จากนั้นก็มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับพันธมิตรฯ ทั้งที่มีการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในคดีดังกล่าวต่ออัยการสูงสุดไปแล้ว ก่อนหน้านี้
"กระบวน การดังกล่าวเป็นการบีบพันธมิตรฯ บีบทหาร บีบพรรคการเมืองให้เข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรม โดยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันเดียวกันนี้ก็มีความพยายามไต่สวนทหารคดี 16 ศพ แต่ตรวจสอบพบว่ามีการติดประกาศไม่ครบ 30 วัน ทำให้การไต่สวนทหารอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจึงเห็นทุกภาคส่วนที่อำนาจรัฐเข้าไปเกี่ยวพันจะมีความพยายามกดดันบุคคล ต่างๆให้ยอมจำนนกับการนิรโทษกรรม” นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับพันธมิตรฯ นั้น ขอเรียนว่าแรงกกดดันใดๆ ก็ตามไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่พันธมิตรฯ คัดค้านการนิรโทษกรรม หรือทำให้พันธมิตรฯ ยอมจำนนต่อเรื่องนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมและเรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ยอมรับและเคารพกระบวนการยุติธรรม อย่าทำลายกระบวนการยุติธรรมด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่ใช้ชื่อว่าปรองดอง
นายปานเทพ กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นมาจากการชี้นำของอัยการ โดยมีหนังสือจากสำนักงานคดีอาญาส่งมาที่พนักงานสอบสวนว่ายังมีการแจ้งข้อ กล่าวหาไม่ครบถ้วนจึงให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ผู้ต้องหาหลายคน หลายข้อหา โดยในส่วนของตนถูกแจ้งข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปฯโดยเป็นหัวหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรคสองและสาม ที่น่าสนใจคือคดีนี้อัยการส่งมาวันที่ 17 กุมภาพันธ์ และให้ส่งกลับในวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมาแต่ก็ส่งไม่ทัน อีกทั้งการลงเลขเอกสารก็มีการย้ายฝ่ายภายใน 6 นาทีจากอีกฝ่ายไปอีกฝ่าย แสดงว่ามีการเร่งรัดคดีอย่างชัดเจน
นายปานเทพ กล่าวด้วยว่า อยากให้เรียนทราบว่าทนายพันธมิตรได้รับการติดต่อจากทนายของฝ่ายระบอบทักษิณ บางคนว่าขอให้พันธมิตรยอมเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรมให้แก่ทุกฝ่ายซึ่งทาง พันธมิตรเองได้ปฏิเสธไปเพราะต้องการรักษากระบวนการนิติรัฐ หลังจากนั้นก็มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับพันธมิตร ทั้งที่ได้มีการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในคดีดังกล่าวต่ออัยการสูงสุดไป แล้วก่อนหน้านี้
“กระบวน การดังกล่าวเป็นการบีบพันธมิตร บีบทหาร บีบพรรคการเมืองให้เข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรมนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันเดียวกันนี้ก็มีความพยายามไต่สวนทหารคดี 16 ศพ แต่ตรวจสอบพบว่ามีการติดประกาศไม่ครบ 30 วัน ทำให้การไต่สวนทหารอาจไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจึงเห็นทุกภาคส่วนที่อำนาจรัฐเข้าไปเกี่ยวพันก็มีความพยายามกดดันบุคคล ต่างๆให้ยอมจำนนกับการนิรโทษกรรม” นายปานเทพ กล่าว และว่า สำหรับพันธมิตรนั้นขอเรียนว่าแรงกกดดันใดๆก็ตามไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่ พันธมิตรคัดค้านการนิรโทษกรรมหรือทำให้พันธมิตรยอมจำนนต่อเรื่องนี้ กลุ่มพันธมิตรพร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และเรียกร้องกลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยอมรับ เคารพกระบวนการยุติธรรม อย่าทำลายกระบวนการยุติธรรมด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่ใช้ชื่อว่าปรองดอง
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th