วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จ่าย1แสนญาติเหยื่ออาชีวะยิงตายบนรถเมล์ 59


วันนี้ (11 ก.ค. ) นายไพฑูรย์  สว่างกมล  รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ  เป็นประธานมอบเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายให้กับผู้เสียหายและทายาทผู้เสียหาย ตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา 2544 ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง 5 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้เสียหายรายละ  1 แสนบาท ประกอบด้วย  1.กรณีนางยุพา  พลายงาม จากเหตุนักเรียนช่างกลตีกันและถูกคนร้ายใช้ปืนยิงขณะโดยสารรถประจำ ทางสาย 59 จนเสียชีวิต  2.นายสมชาย  เผือกเงิน ถูกคนร้าย 2 คน ยิงจนถึงแก่ชีวิต เหตุเกิดขณะผู้เสียหายนั่งอยู่ในร้านอาหารสรารัตน์ จ.ราชบุรี 3.นายดาโอะ  เจ๊นิ ถูกคนร้ายใช้ปืนซุ่มยิงจนถึงแก่ความตายในคดีความไม่สงบในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ปัตตานี
4.นายอดิศร  แม่ประสพ จากเหตุคนร้าย2คนขับขี่รถจยย.จอดหน้าบ้านเรียกให้ผู้ตายออกไปพบ แล้วใช้ปืนยิงหลายนัดจนถึงแก่ความตายที่จ.นครนายก และ 5. นายสุชล  ชลภักดี  ผู้เสียหายถูกคนร้าย  2 คน  ยิงใส่ร้านน้ำฝนคาราโอเกะ จ.ตรัง  ทั้งนี้ ผู้เสียหายที่มีสิทธิได้รับเงินตามพ.ร.บ.ค่าเสียหายดังกล่าวฯ จะต้องเป็นผู้เสียหายที่เกิดจากการกระทำของบุคคลอื่น.

เร่งล่าโจรทำร้ายนักร้องเคพีเอ็น อวอร์ด


       เมื่อวันที่ 12 ก.ค. พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์  รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน เปิดเผยความคืบหน้ากรณีนายธรรศภาคย์ ชี หรือ”บี้ เคพีเอ็น”  อายุ 20 ปี และนายอนุรักษ์ บุญเพิ่มพูล  หรือ”บอม เคพีเอ็น” อายุ 25 ปี   นักร้องสังกัดค่าย เคพีเอ็น อวอร์ด  ถูกคนร้ายจะใช้ไม้เบสบอลตีเข้าที่ใบหน้า ก่อนชิงเอาทรัพย์สินไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา  ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่พบภาพของคนร้ายทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ พยานที่เห็นเหตุการณ์ก็ไม่มี แต่พยายามตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดอื่นๆอยู่  แต่ที่ผ่านมามีกลุ่มแก๊งต่างๆ ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสืบดูหากลุ่มเป้าหมาย ทั้งพื้นที่ บก.น. 7 บก.น.8 หรือบก.น.9 หรือพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร ของบก.น.5 ก็มีการจับกุมได้และขยายผลมาโดยตลอด
     เมื่อถามว่าซอยเปลี่ยวหรือสถานที่สุ่มเสี่ยงได้สั่งการพิเศษหรือไม่ในการจับ กุมกลุ่มแก๊งต่างๆ พล.ต.ต.พิสิฎฐ์กล่าวว่า  สำหรับย่านที่มีคดีล่อแหลม บางแห่งไม่เปลี่ยว บางแห่งเกิดเหตุเวลากลางวัน อย่างย่านทองหล่อ ที่เป็นถนนใหญ่ คนพลุกพล่านก็ได้สั่งการว่าเมื่อมีเหตุเกิดบ่อยๆ ก็ต้องไปดูเป็นพิเศษ ไปซุ่มโป่งดักรอบ้าง  ได้กำชับฝ่ายสืบสวนทุก สน. แล้วว่า ต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำซาก เพราะหากเกิดบ่อยถือว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต้องดูแลหาทาง ป้องกัน กลุ่มแก๊งที่ก่อเหตุลักษณะนี้ยังมีอยู่ ส่วนใหญ่เป็นพวกวัยรุ่น วันนี้ก็จับได้ในพื้นที่ สน.เตาปูน และสน.สำราญราษฎร์ โดยไปชิงทรัพย์ร้านเซเว่นฯ ส่วนของน้องบี้และน้องบอม  เจ้าหน้าที่ตำรวจพอมีข้อมูลและพยายามจับมาตลอด เชื่อว่าน่าจะพอมีแนวทางในการติดตามจับกุมได้

“อดุลย์”ประเมินม็อบหน้าศาลหลักร้อย


          เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ  ถนนแจ้งวัฒนะ  พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว  รอง ผบ.ตร.  พร้อมด้วยพล.ต.ท.วรพงษ์  ชิวปรีชา  ผู้ช่วย ผบ.ตร.  และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์  ธูปกระจ่าง  ผบช.น. เดินทางมาตรวจความพร้อมของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยประจำการรักษาความ เรียบร้อยรอบบริเวณที่ตั้งของศาลรัฐธรรมนูญที่นัดอ่านคำพิพากษากรณีแก้ไข ร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ก.ค.นี้
        พล.ต.อ.อดุลย์  เผยว่า  ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนประจำการ เฝ้าระวังสถานการณ์ และรักษาความปลอดภัยรอบบริเวณศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร เอ  จำนวน 3 กองร้อย  และเตรียมกำลังสนับสนุนอีก 9 กองร้อย  โดยวันนี้ได้มีการซักซ้อมกำลังพลประจำจุดต่าง ๆ เพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่ตามจุดที่รับผิดชอบได้ชัดเจน  นอกจากนี้ยังได้เตรียมแผนสำรองกรณีมีเหตุฉุกเฉินไว้ด้วย  จากการข่าวยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ความผิดปกติ และไม่เป็นห่วงมือที่สามจะเข้าก่อเหตุวุ่นวาย  เบื้องต้นประเมินว่าน่าจะมีผู้ชุมนุมจำนวนหลักร้อยเท่านั้น  ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามดูแลไม่ให้มีการกระทบกระทั่งโดยจะจัดพื้นที่การ ชุมนุมแบ่งฝ่ายกันให้ชัดเจน

        พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวต่อว่า  ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจอาวุธรอบบริเวณไว้ 8 จุด โดยขอความร่วมมือประชาชนที่จะเดินทางเข้ารับฟังคำตัดสินของศาลสามารถเดินทาง มาได้แต่ขอไม่ให้พกอาวุธติดตัว เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยโดยรวม ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบและอด ทน  ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยองค์คณะตุลาการได้เตรียมแผนการไว้เข้มงวดหากมี เหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะการเตรียมเฮลิคอร์ปเตอร์  รวมถึงการจัดขบวนรักษาความปลอดภัยในการเดินทางเข้า-ออกศาลของตุลาการทุกคน

       ผู้สื่อข่าวข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายวันเดียวกัน  พล.ต.ต.ปริญญา   จันทร์สุริยา   รอง ผบช.น. ได้เรียกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจซักซ้อมแผนปฏิบัติการเผชิญเหตุ  เจ้าหน้าที่ตรวจอยู่ในชุดปฏิบัติการพร้อมโล่กำบัง  โดยมีการสมมุติเหตุการณ์การรับมือผู้ชุมนุมทั้งในยามปกติและหากเกิดวาม วุ่นวายกรณีไม่พอใจผลการตัดสินและมีการขว้างปาสิ่งของใส่ฝ่ายเจ้าหน้าที่  รวมถึงกำหนดจุดให้แต่ละกองกำลังเข้าประจำพื้นที่รับผิดชอบรอบอาคารซึ่งได้ เตรียมกองกำลังสนับสนุนไว้เพิ่มเติมอีก 9 กองร้อย

เดลินิวส์กวาด10 รางวัลภาพข่าวยอดเยี่ยม


เมื่อวันที่ 12 ก.ค.  ที่โรงแรม โซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย นายวิชัย วลาพล นายกสมาคมช่างภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นประธานแถลงข่าวผลตัดสินรางวัล ภาพสื่อมวลชนยอดเยี่ยม ครั้งที่ 16 ประจำปี 2554- 2555
นายวิชัย กล่าวว่า ปีนี้มีช่างภาพส่งภาพเข้าประกวดทั้งหมด กว่า 450 ภาพ และภาพข่าวโทรทัศน์อีก 50 เรื่อง จากการคัดเลือกภาพของคณะกรรมการ  ช่างภาพและผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ สามารถกวาดรางวัล 10 รางวัลไปครอง ดังนี้ ภาพข่าวพระราชกรณียกิจรองชนะเลิศ ชื่อภาพ เสด็จเปิดงานวันเด็ก  เป็นภาพ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ทรงอุ้ม พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ถ่ายโดยนายจุมพล นพทิพย์ ได้ถ้วยเพชรเล็กพร้อมเงิน 1 หมื่นบาท  ภาพข่าวการเมืองสังคมทั่วไป ได้รางวัลชนะเลิศ จากภาพ โกลาหล ถ่ายโดย นายสุรเชษฎ์ วัชรวิศิษฎ์ รางวัลถ้วยเพชรใหญ่พร้อมเงิน 3 หมื่นบาท  รางวัลภาพข่าวการเมืองสังคมทั่วไป ได้รางวัลชมเชย จากภาพ ช่วยกัน ถ่ายโดย นายศักดิ์ณรงค์ ฟันเฟื่อง รางวัลถ้วยเพชรเล็กพร้อมเงิน 5 พันบาท  รางวัลภาพข่าวการเมืองสังคมทั่วไป ได้รางวัลชมเชย จากภาพ ช่วยลุงด้วย 2  ถ่ายโดย นายภมร มานะพรชัย รางวัลถ้วยเพชรเล็กพร้อมเงิน 5 พันบาท รางวัลภาพข่าวอาชญากรรม ได้รางวัลชนะเลิศ จากภาพ ปืนช๊อตไฟฟ้า ถ่ายโดย นายกัมปนาท ละออง รางวัลถ้วยเพชรใหญ่พร้อมเงิน 3 หมื่นบาท รางวัลภาพข่าวอาชญากรรม ได้รางวัลชมเชย จากภาพ สลด ถ่ายโดย นายสุทธิพร กองสุทธิผล รางวัลถ้วยเพชรเล็กพร้อมเงิน 5 พันบาทรางวัลภาพข่าวต่อเนื่อง ได้รางวัลรองชนะเลิศ จากภาพ สยบคลั่ง ถ่ายโดย นายกัมปนาท ละออง รางวัลถ้วยเพชรเล็ก พร้อมเงิน 1หมื่น5พันบาท รางวัลภาพข่าวต่อเนื่อง ได้รางวัลชมเชย จากภาพระทึก 1  ถ่ายโดยนายสุรเชษฎ์ วัชรวิศิษฎ์ รางวัลถ้วยเพชรเล็ก พร้อมเงิน 1หมื่นบาท รางวัลภาพข่าวกีฬา ได้รางวัลรองชนะเลิศ จากภาพ กลิ้ง ถ่ายโดย นายเชาวลิต พุ่มโพธิ์ รางวัลถ้วยเพชรเล็กพร้อมเงิน 1หมื่นบาท และรางวัลภาพข่าวเศรษฐกิจ ได้รางวัลชนะเลิศ จากภาพช่วยหมา  ถ่ายโดย นายบัณฑิต แสงวิจิตร  รางวัลถ้วยเพชรใหญ่พร้อมเงิน 3 หมื่นบาท รวมทั้งนายสุรเชษฎ์ วัชรวิศิษฎ์ หัวหน้าช่างภาพหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ได้รับเกียรติคัดเลือกเป็นช่างภาพดี เด่นประจำปี 2554- 2555
นายวิชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนื้ทางสมาคมได้คัดเลิอกบุคคลที่มีชื่อเสียงและทำคุณประโยชน์ให้กับ สังคมไทย เพื่อมอบรางวัลบุคคลดีเด่น ในสายตาช่างภาพสื่อมวลชน ประจำปี 2554 ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.การคลัง ,นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม,พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.,นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน ,ดร.สมชาย หัชลีฬหา ปธ.กก.บริษัท จอย แอนด์ คอยน์ คอปอเรชั่นฯ,นายวิทยา บูรณศิริ รมว.สาธารณสุข,นางนฤมล สุรเศรษฐ ปธ.กก.LS Jewelry Group ,นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ,พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ,ดร.นพรุจ เวชกุล ปธ.กก.บห.บริษัท นีโอไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ,นายอารีพงษ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง,พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.ภ.1 พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ปธ.ที่ปรึกษาสมาคมยกน้ำหนักฯ,พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองจเรตำรวจ(สบ.7) และพล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ  ขณะที่ในปีนี้ทางสมาคมได้มีการพิจารณามอบรางวัลเกียรติยศ รางวัล“นายกฯหญิงติดดิน” ให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ส่วนพิธีมอบรางวัลจะมีขึ้นในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 15.00-17.30 น. ที่ห้องวิภาวดีบอลรูม โรงแรมโซฟิเทล เซ็นทารา แกรนด์ กรุงเทพฯ โดยโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ถ่ายทอดสดตลอดงาน.

สืบราชบุรีจับยาไอซ์28.2กก.


         เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7  พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พ.ต.อ.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบก.สส.ภ.7 นายวัฒนา จอมพลาพล ผอ.ปปส.ภ.7 ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายจิรวัฒน์ ณาณพันธ์ อายุ 34 ปี อาชีพพ่อครัวร้านอาหารไทยในประเทศมาเลเซีย ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 304 / 4 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. นายนำโชค ผูกสินธุ์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 / 1 หมู่ 10 ต.คุ้งพะยอม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายสัญญา จิตรอิ่ม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 / 6 หมู่ 7 ต.ท่าเสา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นางณริสรา ชัยงาม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 หมู่ 4 ต.หนองระฆัง อ.สนม จงสุรินทร์ พร้อมของกลางยาไอซ์ 28.2 กก. ยาบ้า 2,005 เม็ด เงินสด 3 แสนบาท รถยนต์เก๋งฮอนด้า สีเขียว ทะเบียน กข 5564 นครปฐม  จยย.ยามาฮ่า สีแดง- ดำ ทะเบียน ขคท 680 สมุทรสาคร  โดยชุดสืบสวนจ.ราชบุรี รับแจ้งมีแหล่งจำหน่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จึงรวบรวมหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นศาลจังหวัดราชบุรี เลขที่ มค 319 / 2555 เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 199 / 4 หมู่ 4 ต.บ้านเลือก  อ.โพธาราม จ.ราชบุรี พบนายจิรวัฒน์ พร้อมยาบ้า 2000 เม็ด และนายนำโชค พร้อมยาบ้า 5 เม็ด  สอบสวนให้การรับสารภาพมียาไอซ์อีก 27.2 กก. อยู่ที่บ้านพักใน ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จึงนำกำลังไปตรวจค้นพบยาไอซ์อยู่ในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ซุกซ่อนไว้ใต้เตียงนอน แอบยักยอกมาจากเครือข่ายที่ประเทศมาเลเซีย นำเข้ามาประมาณ 35 กก. และแบ่งจำหน่ายไปแล้วประมาณเกือบ 8 กก. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขยายผลไปจับนายสัญญา และนางณริสรา พร้อมยาไอซ์ 1 กก. สอบสวนให้การรับสารภาพเป็นเจ้าของยาไอซ์และยาบ้าจำนวนดังกล่าวจริง  โดยนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้ารายย่อย เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันมายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า และยาไอซ์ ไส้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
     ผบช.ภ.7 กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ และการหักดิบในลักษณะนี้  อาจนำไปสู่การล้างแค้น ซึ่งจะได้ประสานกับตำรวจประเทศมาเลเซีย เพื่อตรวจสอบที่มาของยาเสพติด แหล่งผลิต รวมถึงความร่วมมือในการตรวจค้นและจับกุมผุ้ค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไป ส่วนผู้ต้องหาได้สั่งการให้ขยายผลไปดูเรื่องทรัพย์สิน หากได้มาจากการค้ายาเสพติด ก็จะต้องทำการยึดทรัพย์ทั้งหมด

ค้นห้องผู้ต้องสงสัยฆ่าเภสัชกรสาว


       เมื่อวันที่ 12 ก.ค. พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวานิชย์ ผบก.สส.ภ.8 นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ 140/2555 วันที่ 12 ก.ค. 55 เข้าค้นห้องพักหมายเลขเอ็ม 4 เลขที่ 129/21 หมู่ 1 บ้านเขาพระ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ของนายซาอุดี มาเด๊าะ อายุ 27 ปี ชาว จ.สงขลา ซึ่งอยู่ติดกับห้องหมายเลขเอ็ม 5 ของ น.ส.กันตวรรณ หรือนาว มีตา อายุ 24 ปี เภสัชกรสาวที่ถูกคนร้ายฆ่าปาดคอ และข่มขืน อย่างเหี้ยมโหด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยนายซาอุดี ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ เนื่องจากได้ให้การวกวนมีพิรุธ
       จากการตรวจค้นห้องพักของ นายซาอุดี ไม่พบหลักฐานใดๆ ซึ่ง นายซาอุดี ได้ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทางตำรวจจึงได้นำเลือดและเส้นผมไปทำการพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อไปเปรียบเทียบกับของคนร้ายที่พบในที่เกิดเหตุต่อไป ด้าน พล.ต.ต.วีระศักดิ์ เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกพยานมาสอบปากคำไปแล้วกว่า 30 ปาก พร้อมทั้งนำตัวกลุ่มวัยรุ่นชายในพื้นที่เกิดเหตุ ไปทำประวัติและตรวจหาดีเอ็นเอว่าตรงกับที่พบในที่เกิดเหตุหรือไม่ ขณะที่ทางญาติของ น.ส.กันตวรรณ สงสัยว่าแฟนหนุ่มของผู้ตายอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เนื่องจากหลังเกิดเหตุก็ไม่เคยติดต่อมา หรือเดินทางมาร่วมงานศพแต่อย่างใด.

จับยาบ้า-ไอซ์ก่อนส่งขายชลบุรี


     เมื่อวันที่ 12 ก.ค.  พ.ต.อ.สุรชัย   เจ็ดพี่น้องร้วมใจ   ผกก.สน.สำเหร่    พ.ต.ท.สายชล  ปัญจชัย สว.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าทำการตรวจค้นภายในห้องเลขที่ 708 ชั้น 7  ตึก 6 อาคารเอสซินต์พ๊อยท์  ถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน  แขวงสำเหร่  เขตธนบุรี หลังจากสืบทราบว่าห้องดังกล่าวมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด      
    จากการตรวจค้นภายในห้องพบยาบ้า 6  พันเม็ด  ยาไอซ์ 8 ถุง น้ำหนักรวม 1 กิโลกรัม  ปืนพกขนาด 9  ม.ม.จำนวน  2 กระบอก กระสุน 13  นัดอยู่ในรังเพลิงพร้อมยิง จากการตรวจสอบอาวุธปืนพบร่องรอยการลบทะเบียน นอกจากนี้ยังพบสมุดบัญชีเงินฝากจำนวนสามบัญชีภายในบัญชีมีเงินหมุนเวียนรวมกว่า  8 แสนบาท  จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้เพื่อตรวจสอบ  พร้อมควบคุมตัว นายณัฏชัย หรือ (นุก) พูลสวัสดิ์   อายุ 21 ปี พร้อมภรรยาคือ น.ส.โศจิรัตน์  (ขอสงวนนามสกุล)  อายุ 19  ปี มาทำการสอบสวน
    พ.ต.อ.สุรชัย   เปิดเผยว่า  จากการตรวจค้นสืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.สำเหร่ ทราบว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ จึงได้ออกหาข่าวจนทราบแน่ชัดก่อนวางแผนเข้าตรวจค้นจับกุมวันนี้   ซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การสารภาพว่า ได้หลบหนีการกดดันการจับกุมยาเสพติดจากพื้นที่อื่น เข้ามาลักลอบจำหน่ายในพื้นที่ สน.สำเหร่ ได้ประมาณ 6  เดือน ส่วนยาเสพติดทั้งหมด ก็จะมีการลักลอบส่งจำหน่ายให้กับคนในพื้น จ.ชลบุรี รวมถึงพื้นที่อื่น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดประเภท 1  ( ยาบ้า ) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย   มียาเสพติดประเภท 1  ( ยาไอซ์ ) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย  มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีพร้อมให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนติดตามขยายผลการจับกุมต่อไป 

ก.ต.ช. เตรียมเลือกผบ.ตร.คนใหม่


    เมื่อวันที่ 12 ก.ค. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี นัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.   โดยมีวาระสำคัญคือ การเลือก ผบ.ตร. คนที่ 9 ในวันที่ 16 ก.ค. ว่า  เพิ่งทราบเรื่องจาก พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. ในฐานะ เลขานุการ ก.ต.ช.  แต่ตามกฎหมายนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้เสนอชื่อ ซึ่งตนเองนั้นไม่ทราบว่าท่านจะเสนอใคร   เมื่อถามว่าส่วนตัว ผู้ที่จะมาดำรง ตำแหน่ง ผบ.ตร. คนต่อไปควรมีคุณสมบัติอย่างไร พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า  ต้องมองในเรื่องประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ การรับราชการ คุณธรรมและระบบอาวุโส แต่ทั้งนี้ตนไม่ได้มีอำนาจอะไรในการแต่งตั้ง  นายกรัฐมนตรีที่จะเป็นผู้พิจารณาและเสนอว่าใครเหมาะสม

ปิดถนนขอ2หมื่นเท่ากันทุกครัวเรือน


          วันนี้ ( 12 ก.ค.  ) ช่วงเช้า ที่หน้าสำนักงานเขตดอนเมือง แขวงและเขตดอนเมือง  ได้มีชาวบ้านย่านดอนเมือง ราว 300 คน เดินทางมาชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานเขตดอนเมือง ถนนกำแพงเพชร 6 เหตุเพราะไม่พอใจที่ทางการจ่ายเงินชดเชยค่าน้ำท่วมไม่เป็นธรรมและจ่ายล่าช้า โดยชาวบ้านปิดถนนกำแพงเพชร6 หน้าสำนักงานเขต ทำให้การจราจรติดขัดเป็นทางยาวถึงแยกหลักสี่ พร้อมยื่นข้อเสนอให้ทางการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวบ้าน ในจำนวน 20,000 บาทเท่ากันทุกหลังคาเรือน
          จากนั้น พ.ต.อ.สำราญ นวลมา ผกก.สน.ดอนเมือง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดอนเมือง เดินทางมาตรวจสอบความเรียบร้อย โดยตัวแทนกลุ่มชาวบ้านเข้าเจรจากับนายภูมิพัฒน์ ดำรงเกียรติศักดิ์ ผอ.เขตดอนเมือง ให้ช่วยจัดการปัญหาการจ่ายเงินล่าช้าและไม่เป็นธรรมให้กับชาวบ้าน ซึ่งหลังจากเจรจานานหลายชั่วโมง ทางสำนักงานเขตตกลงว่าจะนำข้อเสนอของตัวแทนชาวบ้านเสนอต่อให้กับทางปลัดกทม. เพื่อส่งเรื่องให้ทางผู้ว่ากทม.พิจารณา โดยนัดให้มาฟังผลในวันที่18ก.ค. ที่จะถึงนี้
     ต่อมาเวลา 16.00น. มีชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจเพราะเกรงจะถูกหลอกอีก จึงรวมตัวกัน ราว 50 คน เดินลงมาปิดถนนวิถาวดีฯในช่องทางขาออก ทำให้รถไม่สามารถผ่านไปได้เป็นเหตุให้การจราจรติดขัดอย่างหนักขึ้นไปอีก จนทางผอ.เขตและตัวแทนชาวบ้าน ออกมาเจรจาชี้แจงจนเป็นที่เข้าใจทั้งหมดจึงยอมสลายตัวโดยไม่มีเหตุการณ์ รุนแรงพร้อมกับย้ำเตือนว่าจะต้องคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานรัฐภายในวันที่ 18 ก.ค.นี้
       ด้านนายภูมิพัฒน์ ดำรงเกียรติศักดิ์ ผอ.เขตดอนเมือง เปิดเผยว่า ชาวบ้านต้องการเรียกร้องให้รัฐจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วม 2 หมื่นบาทเท่ากันทุกหลังคาเรือนเช่นเดียวกับในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งในเบื้องต้นทางสำนักงานเขตได้รับเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านเอาไว้ และจะทำหนังสือไปยังกทม.เพื่อนำไปเสนอรัฐบาลให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังเข้าเจรจาทำความเข้าใจและรับเรื่องร้องเรียนกับชาวบ้าน กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้ยอมสลายตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งเปิดการจราจร เพื่อให้กลับสู่ภาวะปกติต่อไป

สกัดนักเรียนนักเลงขนอาวุธถล่มคู่อริ


              เมื่อวันที่ 12  มิ.ย. พ.ต.อ.ณภัทร จุลละบุษปะ รอง ผบก.สายตรวจปฎิบัติการพิเศษ 191  พ.ต.ท.ขวัญชัย บุณเพ็ชร สว.กก.2.ตปพ. พ.ต.ท.ชูธเรศ  ยิ่งยงดำรงสกุล รอง ผกก.ป.สน.หัวหมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิบัติการพิเศษ 191 และเจ้าหน้าที่สายตรวจสน.หัวหมาก ร่วมกันแถลงจับกุม นักเรียนนักเลง จำนวน 33 คน แบ่งเป็นชาย 32 คน หญิง 1 จากการตรวจค้นพบของกลางประกอบด้วย อาวุธปืนพกสั้น ไทยประดิษฐ์ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 2 นัด ระเปิดปิงปอง 2 ลูก มีดดาบ 14 เล่มและรถจักรยานยนต์ 5 คัน จับกุมได้ที่บริเวณปากซอยรามคำแหง 56 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ
              พ.ต.อ.ณภัทร เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุผ่านฟ้าว่า ได้มีกลุ่มนักเรียนเตรียมจะก่อเหตุดักทำร้ายคู่อริบริเวณดังกล่าว จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.หัวหมากและนำกำลังไปตรวจสอบ  พบกลุ่มเด็กนักเรียนจากโรงเรียนเทคโนโลยีบางกะปิ ปวช.ปีที่ 1-3 ประมาณ 33 คน อยู่บริเวณปากซอยดังกล่าว เมื่อเด็กนักเรียนทั้งหมดเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งแตกหือหนีไปคนละทิศละ ทาง ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวมาได้ทั้งหมด 33 คน จากการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว จึงยึดไว้เป็นหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป
พ.ต.อ.ณภัทร เปิดเผยต่อว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายเอ (นามสมมุติ) ที่พบอาวุธปืนว่า มีอาวุธปืนไว้ความครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร

มาร์คไม่กลัว “แดง”ตามป่วน


     วันนี้ ( 12 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ถูกคนเสื้อแดงตามป่วนระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ที่ประตูระบาย น้ำบางโฉมศรีว่า เป็นยุทธศาสตร์ของการเมืองบางฝ่ายที่ใช้วิธีการแบบนี้ ซึ่งต้องฟ้องต่อสังคมให้เห็นถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลที่มี อำนาจอยู่ในขณะนี้ แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการอะไร แต่การที่มีคนเสื้อแดงตามขัดขวางการลงพื้นที่ในจังหวัดต่าง ๆ จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนที่จะไปเยี่ยมประชาชน และไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดกับข้อหา “ฆาตกร” เพราะมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และประกาศมาโดยตลอดว่าพร้อมพิสูจน์ความจริง แต่รู้สึกสงสารประชาชนที่ถูกปลุกปั่นด้วยข้อมูลที่ผิดมากกว่า โดยเชื่อในผลแห่งกรรมว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น

เผย“ปู”คุยทวิภาคีกับ“ฮุน เซ็น” คาดถกช่วย“วีระ-ราตรี”


        เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ  นายเสก วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยัง จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมแสดงวิสัยทัศน์และพบปะนักธุรกิจชาวสหรัฐอเมริกาในเวที Commitment to Connectivity the US - Asean Business Furum ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ โอกาสนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะได้หารือทวิภาคีกับ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีของพม่า และสมเด็จฯฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยประเด็นหารือทวิภาคีกับกัมพูชา จะเน้นกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งขณะนี้กลับมาฟื้นคืนดียิ่งขึ้น รวมทั้งจะมีการหารือถึงการจะจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วม(เจซี)ไทย-กัมพูชา ในเดือนส.ค.นี้ ที่กรุงเทพฯ โดยมุ่งขยายความร่วมมือในด้านต่างๆและเชื่อมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนกับ ประชาชน
           เมื่อถามว่าการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทย กับกัมพูชาครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะหยิบยกเรื่องการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ยังถูกควบคุมตัวในเรือนจำเปรซอร์ ของกัมพูชา ให้ได้รับอิสรภาพหรือไม่ นายเสก กล่าวว่า คาดว่าถ้ามีโอกาสคงได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารืออย่างแน่นอน
            ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมเจซี ไทย-กัมพูชา ครั้งล่าสุด มีขึ้นในเดือน ก.พ.2554 สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยมีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศในขณะนั้น นำคณะเจ้าหน้าที่เเดินทางไปร่วมประชุม ที่จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา แต่จากนั้นภายในเดือนเดียวกัน ได้เกิดเหตุการณ์การปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา ในพื้นที่ชายแดน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นเหตุให้กัมพูชานำเรื่องร้องต่อศาลโลก

ยื่นขยายเวลาให้ส.ส. – ส.ว. 416 คนชี้แจงศาลรธน.


            วันนี้   ( 12 ก.ค. )   นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย  คณะทำงานด้านกฎหมายรัฐสภา และผู้ถูกร้องในประเด็นที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สมาชิกรัฐสภา 416 คน ยกเลิกการกระทำที่สนับสนุนให้มีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ  มาตรา 291 ว่า ในวันพรุ่งนี้ (13 ก.ค.) ช่วงเช้า ตนได้ให้ทีมกฎหมายรัฐสภาไปยื่นคำขอขยายเวลาให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ ออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากขณะนี้มีส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่ ยังไม่ได้รับคำสั่งให้ส่งคำให้การดังกล่าวต่อศาล และล่าสุดทราบว่ามีสมาชิกรัฐสภาที่ถูกร้อง รับทราบคำสั่งเพียง 150 คนเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วในคำร้องดังกล่าวมีเนื้อหาและรายละเอียดจำนวนมากดังนั้นจึง กังวลว่าจะทำคำให้การส่งให้ศาล ไม่ทันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด คือวันที่ 16 ก.ค. นี้
        นายเจริญ กล่าวต่อว่าที่ประชุมยังมีมติให้คณะทำงานด้านกฎหมายของรัฐสภา ดูรายละเอียดของคำร้อง และเตรียมทำคำชี้แจง เบื้องต้นได้หารือว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญตามคำร้องมีอำนาจสั่งสมาชิก รัฐสภาหรือไม่ โดยที่ประชุมเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจที่จะเข้ามาแทรกแซงการทำงานของสมาชิกรัฐสภา นอกจากนั้นได้ตั้งทีมกฎหมายเฉพาะเพื่อพิจารณาในคำร้องของพล.ต.จำลอง เนื่องจากเห็นว่าคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จ ซึ่งอาจทำให้สมาชิกรัฐสภาเสียชื่อเสียงได้ เบื้องต้นเตรียมหาแนวทางฟ้องร้องดำเนินคดีกลับกับ พล.ต.จำลองด้วย

“บิ๊กตู่” นำทีมเหล่าทัพบุกสภา ชี้แจงงบกลาโหม 1.8 แสนล.


วันนี้ (12 ก.ค.) รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท  โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ชี้แจงในภาพรวมภารกิจของกองทัพบกว่า ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีการเสียดินแดนแม้แต่นิดเดียว แม้จะมีปัญหาอยู่ในศาลโลกแต่ก็ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการของการพิจารณา ส่วนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างอย่ามากล่าวหาว่าทำการทุจริต ขอให้ไปดูว่าทหารได้ไปปฏิบัติตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยถ้ารู้ว่ามีความผิดขอให้แจ้งมา ซึ่งงบประมาณในส่วนของทัพที่ได้รับมาขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าได้มาก หรือน้อย แต่ขณะนี้กองทัพบกมีกำลังพลประมาณ 4 แสนนายและการทำงานของทหารไมได้จ้างบุคคลภายนอกเลยเพราะเน้นการใช้บุคลากรของ กองทัพทำงานทุกอย่างที่ได้รับงบประมาณ
“วันนี้้ต้องมองกองทัพให้มีความชัดเจนมากขึ้นทุกเหล่าทัพได้ทำหน้าที่ ทหารของประชาชนเต็มที่ มีการบอกว่ากองทัพยุคใหม่ต้องลดกำลังทหารให้น้อยลง ผมถามว่าวันนี้ถ้าลดทหารให้น้อยลงจะทำอย่างไร วันนี้มีเทคโนโลยีใหม่หรือไม่ มีเครื่องมือให้ทหารใหม่หรือไม่ที่สุดก็ยังไม่มี กองทัพตั้งโครงการขึ้นไปขออนุมัติมากกว่า 200 โครงการแต่ได้รับเพียง 15 โครงการ ถ้าจะลดกำลังพลต้องหาคนไปดูชายแดนแทนทหาร วันนี้เราใช้ทหารอยู่ชายแดน 3หมื่นกว่าคนและภาคใต้อีกประมาณ 4 หมื่นนาย ในภาพรวมทหารเวลานี้มีกำลังรบเพียง 1 แสนนายจากกำลังพลทั้งหมด ระบบต่างๆต้องได้รับการปรับปรุง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวน้อยใจ ทหารพรานได้เบี้ยเลี้ยงวันละ120
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราอาจเป็นกองทัพที่มีกำลังยุทโธปกรณ์มากที่สุดในอาเซียน แต่เป็นการจัดหามาตั้งแต่สมัยสงครามเย็นมีอายุกว่า 30 ปี วันนี้พยายามซ่อมแต่ทำไม่ได้เพราะไม่มีงบประมาณซ่อม การซื้อใหม่ใช่ว่าจะซื้อได้เลยไม่ใช่ซื้อในตลาดเพราะต้องทำสัญญามีคณะ กรรมการกลั่นกรองและมีข้อผูกมัดว่าต้องมีการถ่ายเทคโนโลยีให้และพัฒนาร่วม กัน  ส่วนเรื่องสิทธิกำลังพลหากได้รับมากขึ้นก็ย่อมจะสร้างขวัญและกำลังใจให้กับ ทหารทุกนาย เพราะอย่างทหารพรานที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่นั้นในช่วงแรกได้เงินเบี้ยเลี้ยง วันละ 15 บาท ต่อมาได้ 50 บาท และตอนนี้ได้ 120 บาท ด้านทหารนายสิบวันละ 240บาท นายทหารสูงขึ้นมาวันละ400บาท
“ผมอยากถามว่าทหารพรานเป็นแรงงานที่จะได้ 300 บาทต่อวันหรือไม่ ถ้าให้เท่ากัน 300บาทรัฐบาลรับผมไหวหรือไม่ แต่เมื่อระเบียบทหารเป็นแบบนี้ก็ต้องได้แบบนี้วันนี้ทหารอยู่ในกติกาอย่าไป ดึงเขาออกมา ผมรักลูกน้องผมพวกเขาได้เบี้ยเลี้ยงเยอะผมก็ดีใจ เรื่องสิทธิกำลังพลถ้าหากอยากเห็นได้มากกว่านี้ต้องไปแก้ไขกฎหมาย” ผบ.ทบ.กล่าว

ยัวะเลิกถามปฎิวัติได้แล้ว
สำหรับการสร้างความปรองดอง พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงในภาพรวมว่า การใช้งบประมาณในเรื่องการสร้างความปรองดองของกองทัพ คือ ใช้เพื่อปลูกฝังความรักชาติมีอุดมการณ์ อยากขอให้เข้าใจการทำงานของทหารเพราะถ้าจะให้ทหารทำเรื่องนี้ได้ต้องมีความ ไว้วางใจทหารก่อน ไม่ใช่ให้ทหารเดินไปไหนก็ห้ามเข้าหรือล้อมทหาร ที่สำคัญที่สุดต้องดูก่อนว่าทหารไปทำเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องยาเสพติด สิ่งแวดล้อม โครงการพระราชดำริ ก็ต้องให้ทหารเข้าไป ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยไปพูดเรื่องการเมือง ดังนั้นขอให้เลิกถามได้แล้วเกี่ยวกับการปฎิวัติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ภัยคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์ขอเรียนว่าต้องเข้าใจกันว่าประเทศไทยต้องอยู่ ด้วยกฎหมายถ้าไม่อยู่ในกฎหมายจะมีปัญหา วันนี้ทหารไม่ได้มีหน้าที่ถือกฎหมายเพราะเป็นหน้าที่ตำรวจ แต่จะปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เพราะมีฐานะเป็นประชาชนคนไทยเช่นกัน ทุกขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมโดยมีกระบวนการกลั่นกรองแต่มีคนชั่ว ที่เอาประโยชน์เหล่านี้มาทำต่อเนื่องไม่อยากจะกล่าวว่าใคร

อย่าเอาทหารไปยุ่งการเมือง
“ทหารไม่อยากเห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้ การปรองดองต้องถามว่าใครปรองดองกับใคร คนทั้ง 65 ล้านคนทะเลาะกันทั้งหมดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็ไปหาให้เจอว่าใครทะเลาะกันแล้วไปแก้ไขให้ได้ แล้วค่อยเอาทหารไปร่วมอีกครั้ง ถ้าเอาทหารไปตอนนี้เท่ากับเป็นการเพิ่มความขัดแย้งอีกฝ่ายหนึ่งทำให้จะมีการ มองว่าทหารเข้าไปยุ่งกับการเมืองอีก ขอให้ไปแก้กันให้ได้แล้วค่อยมาสั่งการทหารอีกที ไม่ว่าจะรัฐบาลใดสั่งการมาทหารพร้อมทำตามทั้งสิ้น”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวสรุป.     

นายกฯปูแย้มตัวเลข 13 ทำให้หลายคนโชคดี


วันนี้ ( 12 ก.ค.  ). น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายคนกังวลกับศุกร์ 13 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า อยากให้เราฟังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญด้วยความสงบ และมีสมาธิ ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนกังวลมากเกินไป เพราะไม่ได้เกิดอะไรขึ้น มีแต่จะทำให้เกิดความกังวลใจ ดังนั้นควรรอฟังผลก่อนดีกว่า  “ไม่อยากให้มองว่าตัวเลขศุกร์ 13 เป็นเลขไม่ดี เพราะจริงๆ  แล้วตัวเลข 13 ก็เป็นตัวเลขที่โชคดีของหลาย ๆคนก็มี” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว เมื่อถามว่า ตัวเลข 13 จะเป็นตัวเลขที่ดีของรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ขอบอกดีกว่า เราขอทำงานและทำหน้าที่ของเรา
เมื่อถามว่าขณะนี้แกนนำพรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงออกมาปลุกระดมมวลชนว่าหาก ผลตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นลบกับตัวเอง ให้เตรียมพร้อมลุยเต็มที่ จะทำให้ประเทศชาติกลับไปสู่จุดเดิมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้กังวลเกินไป ซึ่งต้องขอทุกส่วนว่าเราน่าจะรอผลก่อน แล้วค่อย ๆ พูดคุยกัน เพราะเชื่อว่าคนไทยด้วยกัน คุยกันได้ เมื่อถามว่าจะขอร้องไปยังแกนนำพรรคเพื่อไทยในเรื่องดังกล่าวหรือไม่  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือทุกส่วนให้พูดคุยกัน แสดงความคิดเห็นกันได้ แต่ขอให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย อย่าใช้ความรุนแรง เมื่อถามถึงกรณีที่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยออกมาเปิดประเด็นขบวนการล้มล้างรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบคำถาม และเดินขึ้นรถไปทันที.

“ก่อแก้ว” อัด ปชป. ปิดปากไม่ให้พูดเหตุสลายชุมนุมปี 53


วันนี้ ( 12 ก.ค. )  นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง แถลงว่า ถึงการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษางบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2556  ซึ่งมีผู้นำเหล่าทัพ พร้อมเสนาธิการทหารเข้าร่วมชี้แจง ว่า กรรมาธิการจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้พูดหลายเรื่อง มีความห่วงใยที่ฝากให้กองทัพดูแล รวมทั้งยังได้พาดพิงถึงกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งตนก็พยายามรับฟังอย่างอดทน และเมื่อถึงคราวที่ตนพูดบ้างก็ได้ฝากความห่วงใยถึงกองทัพโดยมีเรื่องที่เป็น เชิงลบ คือ คนไทยบางกลุ่มยังสงสัยว่าคนในกองทัพบางคนเข้าไปร่วมสร้างสถานการณ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้เพื่อของบประมาณเพิ่มเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง จึงอยากให้ทางกองทัพตรวจสอบข้อมูลตรงนี้เพื่อให้สังคมรับทราบ นอกจากนี้ ประชาชนยังติดใจเหตุการณ์เมื่อปี 2553 โดยในช่วง 13-19 พ.ค. ถือเป็นเหตุการณ์ที่โหดเหี้ยมที่มีการยิงสไนเปอร์ใส่ประชาชน ซึ่งกรรมาธิการจากพรรคประชาธิปัตย์ก็รับฟังไม่ได้ พยายามปิดปากไม่ให้ตนพูดต่อ สุดท้ายทีมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์วอล์กเอาท์จนทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ทำให้ตนต้องไประดมส.ส.ที่ประชุมในห้องอนุกรรมาธิการมาร่วมประชุมต่อ
“อยากบอกไปยังพรรคประชาธิปัตย์ย์ว่าเวลาท่านพูดผมฟัง แต่เมื่อผมพูดแสดงความกังวลท่านกลับไม่รับฟัง บอกว่าเรื่องนี้ยังไม่รู้ใครผิดใครถูก และกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของชายชุดดำ ซึ่งประชาชนก็ไม่เชื่อเพราะถ้าประชาชนเชื่อพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้กลับมาเป็น รัฐบาลแล้ว อย่างไรก็ตามเวลาใช้อำนาจในการก่อเหตุก็ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา และเมื่อผลออกมากลับไม่แสดงความรับผิดชอบ กลับมาปิดปากคนวิพากษ์วิจารณ์อีก ทั้งนี้ยังได้ฝากไปยังผู้นำเหล่าทัพด้วย แม้ไม่ได้มีเจตนา หรือรับคำสั่งผู้บังคับบัญชา แต่เหตุการณ์ครั้งนี้อย่างน้อยก็ควรออกมาขอโทษประชาชนการปรองดองจะได้เดิน หน้าต่อไปซึ่งจะทำหรือไม่ก็แล้วแต่กองทัพ”นายก่อแก้วกล่าว.

“ก่อแก้ว” วอนแดงแท้อย่าบุกศาลรธน.


วันนี้ ( 12 ก.ค. ) นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง แถลงว่า กรณีที่มีสถานีวิทยุคลื่นหนึ่งปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ไปชุมนุมที่หน้าศาลรัฐ ธรรมนูญซึ่งจะอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 13 ก.ค. ว่า ถ้าเป็นคนเสื้อแดงจริงจะต้องไม่ไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และคนที่อยากออกมาก็สามารถไปรวมตัวที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว หรือ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งมีกลุ่มแท็กซี่คนเสื้อแดงชุมนุมอยู่ ดังนั้นคนเสื้อแดงอย่าไปหลงเชื่อ หากไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้วมีการก่อสถานการณ์ คนเสื้อแดงก็จะตกเป็นเหยื่อได้ จึงขอให้ฟังแกนนำหลักอย่างเดียว และในวันที่ 13 ก.ค. หลังจากศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยแล้วคาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 17.00 น. กลุ่มคนเสื้อแดงก็จะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงต่อสาธารณชนว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร ต่อไปหรือไม่

นายกฯประชุมผู้ว่าฯ หามาตรการป้องกันผักตบชวา


วันนี้ (12 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เพื่อติดตามผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามและจัดโครงสร้างการทำงานของศูนย์บริหารจัดการน้ำแบบ เบ็ดเสร็จ หรือ single command center ให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า เพื่อที่จะประสานไปยังทุกจังหวัดและแต่ละกระทรวงว่าจะมีขอบข่ายหน้าที่และ ความรับผิดชอบอย่างไรเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น รวมถึงวางระดับการเตือนภัย เช่น หากเป็นระดับจังหวัดก็จะมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็น ผอ.ศูนย์ แต่จะทำอย่างไรให้รู้ว่าความเสียหายหรือภัยพิบัติต่าง ๆจะต้องยกระดับเมื่อไหร่ อย่างไร และประสานไปยังส่วนกลาง นอกจากนี้ยังได้พูดคุยถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่ตอนล่าง ที่เป็นที่ลุ่ม โดยเฉพาะใน กทม.ที่มีอุโมงค์รับน้ำ และมีโครงการพระราชดำริแก้มลิงมหาชัยสนามชัย ซึ่งได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการระบายน้ำ และกทม.ไปหารือร่วมกัน เพื่อเร่งรัดการระบายน้ำทั้งในด้านตะวันออก และตะวันตก
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย  หารือกับผวจ.ทุกจังหวัด เพื่อหามาตรการป้องกันปัญหาผักตบชวาตามคูคลองต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นง่ายและเร็ว แม้ว่าจะมีการขุดลอกคูคลองและลอกท่อระบายน้ำแล้ว รวมทั้งปัญหาการทิ้งขยะของประชาชน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการอุดตันขึ้นมาอีก  และให้นำระบบการพยากรณ์ไปดูว่ายังมีปัญหาส่วนไหนบ้างในการระบายน้ำที่ยังไม่ เชื่อมต่อกัน ซึ่งเท่าที่ดูจุดที่เป็นห่วงคือการทำอย่างไรให้ประสิทธิภาพคูคลองรับน้ำได้ มากกว่านี้ เพราะยังมีปัญหาการระบายน้ำในพื้นที่ตอนปลาย และคูคลองที่แคบกว่าในอดีตจากการที่ประชาชนไปอาศัยอยู่ริมคลอง ซึ่งในระยะสั้นคงทำได้แค่ส่วนหนึ่ง แต่ในระยะยาวต้องคุยกัน เช่นฝั่งตะวันตกที่บริเวณคลองรัดโพธิ์ อนาคตต้องหาทางออกว่าจะทำอย่างไรให้การระบายน้ำทำได้เร็วขึ้น.

"ปู" ยันป้องกันน้ำท่วมได้แน่


วันนี้ ( 12 ก.ค. ) . น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังศูนย์พัฒนาการประมงแห่งเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ (Seafdec ซีฟเดค) อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และนั่งเรือตรวจการณ์ของกรมเจ้าท่า ชื่อ "ชลบุรี 1302" เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าโครงการขุดลอกสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่กรมเจ้าท่าได้รับมอบหมายให้ดำเนินการขุดลอกวัสดุ ต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำออกจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้น ในขณะที่น้ำทะเลต่ำลง  ด้วยการเพิ่มช่องทางระบายน้ำ และทำให้สามารถระบายน้ำได้แม้ ในขณะที่น้ำลงต่ำสุดโดยไม่ติดสันดอนบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยทำการขุดลอกให้ร่องน้ำมีความกว้างก้นร่อง 240 เมตร ลึก 3 เมตรจากระดับน้ำลงต่ำสุด ความยาวทั้งสิ้น 7 กม. ระยะเวลาดำเนินการ 180 วัน ใช้งบประมาณ 144 ล้านบาท
ทั้งนี้เมื่อดำเนินการเสร็จจะทำให้บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาสามารถระบาย น้ำจากตอนเหนือออกสู่ทะเลของอ่าวไทยได้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 530 ลบ.ม./วินาที หรือ 9.50 ล้านลบ.ม./วัน เป็นการช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลางและด้านเหนือ ปากแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้ง ยังสามารถใช้ในการเดินเรือในยามที่ร่องน้ำทางเข้าท่าเรือกรุงเทพ ร่องที่ 1 และ ร่องที่ 2 เกิดปัญหาได้ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังตรวจความคืบหน้าว่า จะขยายโครงการไปทำทางฝั่งแม่น้ำท่าจีนด้วย และได้สั่งการกรมเจ้าท่าสำรวจในจุดอื่นๆด้วย โดยดูตามลำดับความสำคัญ เพราะคงทำไม่ได้ทุกจุดเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องเวลาและอุปกรณ์ ส่วนปริมาณน้ำฝนทีตกลงมาในขณะนี้นั้น ถือว่าไม่ได้มากกว่าปีที่ผ่านมาจนทำให้เป็นปัญหาอุทกภัย เพียงแต่มีฝนตกลงมาในช่วงเวลาเดียวกันมาก ทำให้บางพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง แต่ระบบการระบายน้ำของ กทม. ก็ทำงานเต็มที่ อย่างไรก็ตามได้สั่งให้แต่ละหน่วยงานลงไปสำรวจหน้างานจริงแล้ว เชื่อว่าจะท่วมขังไม่นาน และจากการเตรียมการป้องกันของรัฐบาลกับปริมาณน้ำฝน เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะ ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

ศาลรธน.เตรียมพร้อมรับมือผู้ชุมนุม


วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากในพื้นที่และชุดควบคุมฝูงชน ประมาณ 3 กองร้อยเข้าประจำการ เพื่อรักความปลอดภัยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยทอยเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า และจะมีการสนธิกำลัง ก่อนที่จะมีการซักซ้อม ตามแผนปฎิบัติการในช่วงบ่าย ซึ่งทางบช.น. ได้ประสานกับทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญไว้แล้ว
ขณะที่บรรยากาศด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่ได้นำแผงรั้วเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้าของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่อนุญาตให้นำรถมาจอดภายในรั้วเหล็ก อีกทั้งไม่อนุญาตให้กลุ่มต่างๆ ชุมนุมในพื้นที่ดังกล่าว โดยที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ริมถนนแจ้งวัฒนะ ได้มีกลุ่มอ้างตัวเป็นกองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกองทัพธรรม มาปักหลักตั้งเต๊นท์ตั้งแต่ 05.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ค.) โดยจะค้างคืนเพื่อรอฟังคำวินิจฉัยคดี รวมทั้งให้กำลังใจการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วย
โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับความแตกแยกของคนในชาติ นำโดยนายนพรุจ วรชิตวุฒิ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ชะลอการวินิจฉัย กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 68 เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมามีเพียง 2 ฝ่าย ที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้เท่านั้น ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงที่ครบถ้วน ประกอบกับข้อครหาส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคน ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และนำไปสู่ความขัดแยกเพิ่มขึ้น.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources