วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นายกฯ ยิ้มร่าประชาชนตอบรับโครงการรัฐบาลพบประชาชนฯ อย่างล้นหลาม ยาหอมรัฐบาลจะทำงานเพื่อประชาชน



เมื่อเวลา 09.10 น.วันนี้ (25 ส.ค.) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "รัฐบาลพบประชาชน ทุนเพื่อคุณภาพชีวิต" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยมีคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พล.อ.ยุธศักดิ์ ศศิปะภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว. พาณิชย์ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ประเทศ พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจ ตัวแทนผู้ประกอบการ แลประชาชนเข้าร่วมงานจำนวนมาก
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากปัญหาเศรษฐกิจและสังคมทั้งเรื่องความยากจนและความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นที่เป็นปัญหามานาน รัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบ โดยการเร่งออกมาตรการต่างๆภายใต้หลักการสร้างรายได้ให้ตรงกับกลุ่มประชาชน เช่น ค่าแรง 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น พร้อมลดรายจ่ายด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ภาษีสำหรับบ้านหลังแรก รถยนต์คันแรก พักชำระหนี้3 ปี ลดภาษีนิติบุคคล และมาตราการขยายโอกาสให้คนในระดับครัวเรือนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยกำหนดโครงการและกองทุนต่างๆขึ้นมา 11 กองทุน เพื่อช่วยเหลือประชาชน อาทิ กองทุนพัตนาบทบาทสตรี กองทุนหมู่บ้าน และชุมชนหรือ เอสเอ็มแอล โครงการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตร และกองทุนสุขภาพภาครัฐ นอกจากนี้รัฐบาลยังเปิดกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพื่อยกระดับและเสริมสร้างความเป็นอยู่ในครัวเรือน เพราะรัฐบาลมั่นใจว่าหากระดับครัวเรือนมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว ประเทศชาติก็จะดีตามไปด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในปีนี้รัฐบาลเปิดตัวนโบายโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคในยุคใหม่ ที่ถือว่าครอบคลุมในการรักษามากยิ่งขึ้น โดยมีการขยายการรักไปยังโรคไต และวัคซีนโรคเอดส์ รวมถึงการเข้ารักษาเหตุฉุกเฉิน ที่สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาล ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้รัฐบาลทำเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน รัฐบาลมุ่งมั่นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ให้มีรายได้ดีขึ้น เพราะหากประชาชนมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะเติบโต เพื่อรองรับการแข่งขันในประชาคมอาเซียน อย่างไรก็ตามยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อความสุขของประชาชน เพราะความสุขของประชาชนคือความสุขของรัฐบาล และรอยยิ้มของประชาชนคือรอยยิ้มของรัฐบาล
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีเปิดงาน พร้อมมีการวิดีโอคอเฟอเรนซ์ไปยังประชาชนทั้ง 4 ภาค เพื่อสอบถามถึงการใช้กองทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถคันแรก โครงการเงินทุนหมู่บ้าน และโครงการกองทุนต่างๆ ซึ่งชาวบ้านที่วิดีโอคอยเฟอดรนซ์ ต่างขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ริ่้ริ่มโครรงการดีๆ ให้กับประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีสีหน้าระหว่างการฟังวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากชาวบ้านที่เข้า ร่วมโครงการด้วยสีหน้าที่มีความสุข ก่อนขึ้นรถราง เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการที่จัดแสดงผลงาน ที่ตอบสนองนโบายของรัฐบาล เช่น บูธรถยนต์ ของบริษัทต่างๆ ที่สนองนโยบายรถคันแรก บูธกองทุนสุขภาพภาครัฐ หรือ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ รวมถึงบูธแหล่งเงินทุนต่างๆ กองทุนเอสเอ็มอี และธนาคารของรัฐ อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) เป็นต้น

“เรืองไกร” ยื่นป.ป.ช.สอย “ส.ว.ตวง” เหตุอาจปกปิดทรัพย์สิน


วันนี้ (25 ส.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จ จริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 263 หรือไม่ ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงจากการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ของนายตวง รวม 3 ครั้ง คือเมื่อเข้ารับตำแหน่ง วันที่ 14 มี.ค.2551 ยื่นว่ามีทรัพย์สินรวม-สุทธิ 2,188,577 บาท ตอนพ้นตำแหน่งวันที่ 18 ก.พ.2554 ยื่นว่ามีทรัพย์สินรวม-สุทธิ 8,382,506 บาท และเมื่อพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี วันที่ 18 ก.พ.2555 ยื่นว่ามีทรัพย์สินรวม-สุทธิ 7,463,009 บาท
โดยการยื่นบัญชีตอนพ้นจากตำแหน่ง และตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี มีการยื่นแสดงรายการทรัพย์สินที่เป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง คือบ้านเลขที่ 346 หมู่ 7 บ้านเปลือย ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ที่ได้มาตั้งแต่วันที่ 25 ต.ค. 2550 แต่กลับไมได้ยื่นไว้ตอนเข้ารับตำแหน่ง จึงมีประเด็นที่ควรพิจารณาตรวจสอบไต่สวน ว่าเข้าลักษณะจงใจยื่นบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ  ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 263 วรรคหนึ่งหรือไม่

“ประพันธ์”เผยส่งรายชื่อให้กับคณะกรรมการสรรหาแล้ว


วันนี้ (25 ส.ค.) ที่จ.ลำพูน นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยถึงการสรรหาส.ว.ภาควิชาชีพ แทนนายสัก กอแสงเรือง อดีตส.ว.สรรหา ที่ถูกศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนการสรรหา ว่า หลังจากที่กกต.ได้ปิดรับสมัครไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมานั้นกกต.พิจารณาและได้เสนอให้กับคณะกรรมการสรรหาไปเมื่อวัน พฤหัสบดี 23 ส.ค.ที่ผ่านมา เชื่อว่าคณะกรรมการสรรหาจะมีการประชุมกันในวันจันทร์ที่ 27 ส.ค.เพื่อกำหนดกรอบเหมือนกับการสรรหาส.ว.ภาคอื่นที่กำลังดำเนินการสรรหาอยู่
ส่วนที่สภาทนายความเสนอชื่อนายสัก ลงเข้ารับการสรรหาอีกครั้งนั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการสรรหาฯ เป็นผู้พิจารณาว่านายสักนั้นจะสามารถมีคุณสมบัติได้รับเลือกหรือไม่ เพราะการเป็นส.ว.จะต้องเป็นได้สมัครเดียว และต้องเว้นระยะเวลาห้าปีถึงจะมาสมัครใหม่ได้ ซึ่งกรณีของนายสักที่พ้นออกมาก่อน จะถือว่าเป็นส.ว.มาแล้ว1 สมัยหรือไม่ เรื่องดังกล่าวยังไม่เคยมีการพิจารณาและในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเองก็ไม่ ได้ระบุรายละเอียดไว้ ซึ่งตอนที่ร่างรัฐธรรมนูญก็มองแค่เพียงไม่ต้องการให้เป็นส.ว.ต่อเนื่องกัน อย่างไรก็ตาม.ในเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งในลักษณะดังกล่าวนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยตีความไว้ในกรณีผู้บริหารท้องถิ่นที่ ไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ ไม่ว่าจะอยู่ครบหรือไม่ครบวาระก็ตาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะนำมาพิจารณาเทียบเคียงได้หรือไม่ก็อยู่ที่ดุลพินิจของ คณะกรรมการสรรหา

เมื่อถามว่าจะมีปัญหาในเรื่องของการร้องเรียนเกี่ยวกับคณะกรรมการสรรหาฯ หรือไม่ เพราะไม่มีประธานผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ตามที่กฎหมายกำหนด นายประพันธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการร้องเรียนว่าคณะกรรมการสรรหามีไม่ครบตามที่กฎหมาย กำหนด ทำให้การสรรหาเป็นไปโดยไม่ชอบ อีกทั้งมีผู้ร้องว่า ผู้พิพากาษาในศาลฎีกาไม่สามารถเข้าร่วมเป็นกรรมการสรรหาส.ว.ได้ และกกต.ก็ได้พิจารณายกกต.ร้องไปแล้ว

“ประพันธ์”ลงตรวจพื้นที่เลือกตั้งซ่อมส.ส.ลำพูนเขต2 พร้อมกำชับจนท.วางตัวเป็นกลาง



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. (วันนี้ 25 ส.ค.) นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ได้ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยในการเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำพูน เขต 2 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ได้ลงพื้นที่ที่ว่าการอำเภอป่าซาง จ.ลำพูน เป็นที่แรก เพื่อตรวจความเรียบร้อย และดูการรับหีบเลือกตั้งซ่อม รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ ที่จะใช้ในการจัดการเลือกตั้ง
จากนั้นต่อมาได้เดินไปยัง เทศบาลตำบลหนองยวง อำเภอเวียงหนองล่อง จ.ลำพูน เพื่อรวมรับฟังการรายงานการเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากวันที่ 26 ส.ค. หน่วยเลือกตั้งนี้ นอกจากจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.แล้ว ยังมีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองยวงด้วย นอกจากนี้ยังเดินทางไปตรวจความเรียบร้อยและประชุมร่วมกับคณะกรรมการการเลือก ตั้งประจำเขตที่ 2 จ.ลำพูน ที่อำเภอบ้านโฮ่ง จ.ลำพูน เพื่อตรวจความเรียบร้อยเช่นเดียวกัน

ด้านนายประพันธ์ กล่าวภายหลังการตรวจพื้นที่ว่า ภาพรวมของการจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำพูน เขต2 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย การหาเสียงของผู้สมัครก็ไม่ได้มีการกระทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย ผู้สมัครก็ได้หาเสียงอยู่กรอบของกฎหมาย ไม่ได้ใช้อำนาจของผู้อิทธิพลหรือหัวหน้ามาแทรกแซงแต่อย่างใด ทั้งนี้ ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ในตำบลหนองยวง อำเภอเวียงหนองล่อง จ.ลำพูน เนื่องจากมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. และการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหนองยวงในวันเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ ดังนั้นอยากให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ด้วยการปิดป้ายประกาศให้ชัดเจน เพื่อปกป้องการสับสนได้ นอกจากนี้ขอเน้นย้ำเรื่องการทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง โดยเฉพาะตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 25 ส.ค. จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 26 ส.ค. ที่ห้ามไม่ให้ผู้สมัครหาเสียง หรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนผู้สมัคร ก็ควรหลีกเลี่ยงการหาเสียงในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งห้ามซื้อขาย จำหน่าย แจกจ่าย สุรา ถึงแม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ก็ตาม
นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงในเรื่องของสภาพอากาศ เนื่องจากตนได้รับรายงานว่าในวันที่ 26 ส.ค. ในจ.ลำพูน จะมีฝนตก ก็เกรงว่าจะส่งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิน้อยกว่าตามที่ กกต. คาดหวังไว้ว่าจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ 80 เปอร์เซ็น นอกจากนี้ช่วงนี้อยู่ในช่วงของการเก็บลำไย ก็เกรงว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะไม่สามารถเดินทางมาใช้สิทธิได้ทันเวลา

เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ กกต. จับตาการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ลำพูน เขต 2 เนื่องจากเกรงว่ามี เจ๊คนหนึ่ง ใช้อำนาจอิทธิพลให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือการจัดการเลือกตั้ง นายประพันธ์ ยืนยันว่า เรื่องการวางไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ ยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามา แต่ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่วางตัวให้เป็นกลาง แต่เจ้าหน้าที่ได้รายงานเข้ามาว่า มีการจับกุมผู้หญิง พร้อมธนบัตร ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซ่อม ส.ส. ครั้งนี้หรือไม่

"อภิสิทธิ์"ไม่หวั่นให้ปากคำดีเอสไอ27ส.ค.นี้


วันนี้ (25 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมตัวเข้าให้ปากคำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอใน วันที่ 27 ส.ค.ว่า จะะเดินทางไปในเวลา 10.00 น. โดยกำลังเตรียมข้อมูลทั้งหมด และไม่รู้สึกหนักใจ เพราะเป็นคดีที่เกี่ยวกับเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองทั้งหมด
โดยจะไปยืนยันถึงเหตุการณ์การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ส่วนการออกมาให้ความเห็นของนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตเลขาธิการสมช. จะทำให้สังคมเห็นว่าข้อมูลของพรรคประชาธิปัตย์มีน้ำหนักมากขึ้นหรือไม่นั้น ตนขอขอบคุณนายถวิล เพราะสิ่งที่นายถวิลพูดคือความจริง ซึ่งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ก็ทราบข้อเท็จจริงเหมือนกับนายถวิล
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการที่รัฐบาลต้องใช้เวลาในการรวบรวมผลงานถึงสิ้นเดือนส.ค. ด้วยว่า เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล แต่เห็นว่ามีกำหนดการจะแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาลต่อรัฐสภาในเดือนก.ย.นี้ พรรคจึงขอดูอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังการแถลงผลงาน พรรคจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอดูช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อน

“อภิสิทธิ์”จ่อถกกกต.-ผบ.ตร.คนใหม่ วางมาตรการป้องกันหลังโดนแดงตามป่วนไม่เลิก


ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 13.00 น.(วันนี้ 25 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวางไม่ให้เข้าร่วมงานประชุม เชิงปฏิบัติการรวมพลังสมัชชาออกแบบประเทศไทย โครงการพรรคประชาธิปัตย์พบประชาชน ภาคกลาง ครั้งที่ 5/2555 ที่จ.สมุทรปราการว่า ตนไม่อยากให้มีเรื่องเพราะมีการประเมินจากเจ้าหน้าที่และหลายฝ่ายว่าอาจจะ เกิดเหตุการณ์บานปลายได้ แต่ตนยังยืนยันว่าการไม่เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายทำหน้าที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูก ต้อง และคิดว่าขณะนี้พรรคคงต้องคุยกับพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.คนใหม่ว่าจะมีมาตรการอย่างไรในการดูแลความสงบเรียบร้อย กติกาของบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ให้พรรคการเมืองต่าง ๆ สามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เพราะดูแล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ไม่มีท่าทีอะไร กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะนี้เราต้องรายงานกกต.ตลอด และบางกิจกรรมก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากกกต. ในฐานะที่เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ถ้าไม่มาช่วยดูแลว่าพรรคการเมืองต่าง ๆ ทำกิจกรรมได้อย่างเป็นธรรมก็จะไม่มีใครดูแล
เมื่อถามว่าที่ผ่านพรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกร้องให้กกต.และผู้รับผิดชอบ ดูแลมาตลอด แต่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กลับมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นสีสันทางการเมือง นายอภิสิทธิ์ ตอบว่า ไม่ใช่ ถ้ามีกรณีที่มาแสดงออกเฉย ๆ และไม่มีความสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรงก็ยังพอเข้าใจกันได้ แต่ความจริงแล้วไม่ค่อยใจกว้างเท่าไหร่ เพราะฝ่ายผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยไปก่อกวนกิจกรรมใด ๆ ทั้งสิ้นของพรรคเพื่อไทยและของรัฐบาล แต่ตนคิดว่าคงต้องมีการไปพบกันเป็นเรื่องเป็นราวกับทั้งกกต.และผบ.ตร. ที่ผ่านมากกต.ก็พยายามชี้แจงว่าไม่ใช่ช่วงของการเลือกตั้ง แต่ความจริงแล้วช่วงการเลือกตั้งตอนนั้นกกต.ก็ไม่ได้ช่วยอะไร

"สุรพงษ์"ฟุ้ง"นายกปู"นานาชาติให้การต้อนรับ


วันนี้ (25 ส.ค.) ที่สนามราชมังคลา นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเตรียมแถลงผลงานของกระทรวงการต่างประเทศว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นกระทรวงแรกที่แถลงผล งาน 1 ปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์  ทางกระทรวงได้เตรียมชี้แจงผลงานที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฎิบัติภาระกิจที่ ต่างประเทศ ซึ่งถือว่านายกรัฐมนตรีไทยคงเป็นนายกฯคนหนึ่งที่เดินทางไปกระชับความ สัมพันธ์กับต่างประเทศมากที่สุด ทั้งระดับอาเซียนและนานาชาติตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีขึ้นกับ ประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมามีความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านมาโดยตลอด ประเทศแถบยุโรปเองก็ไม่ให้การยอมรับ เนื่องจากไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
โดยรัฐบาลชุดนี้รู้ถึงปัญหาและได้แก้ปัญหา และนำมาแถลงผลงานให้ประชาชนได้รับทราบ นอกจากนี้จะนำข้อมูลความเชื่อมันในการลงทุนประเทศต่างๆกับประเทศไทยที่นายก รัฐมนตรีได้เดินเยือนและทำความเข้าใจมาแถลงผลงานด้วย

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตุถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ดำเนินการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดี ว่า กระทรวงการต่างประเทศมีคำตอบเรื่องนี้ในการแถลงผลงาน โดยกรมสนธิสัญญาระหว่างประเทศจะชี้แจงว่าเหตุใดกระทรวงการต่างประเทศถึงไม่ สามารถขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือเป็นผลงานของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุรพงษ์ ยิ้มแล้วตอบว่า การคืนพาสปอร์ตไม่ใช่ผลงานของรัฐบาล เป็นเพียงเรื่องที่ตนสามารถทำได้ และพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ทำความเสียหายให้กับประเทศไทย รัฐบาลชุดนี้ไม่มีนโยบายไล่ล่าพ.ต.ทักษิณ ต่างจากนโยบายรัฐบาลชุดที่ผ่านมาที่มุ่งแต่ตามล่า พ.ต.ท.ทักษิณ

กมธ.สิ่งแวดล้อมบี้รัฐบาลจับกุมผู้บุกรุกป่าพรุควนเคร็ง


วันนี้ (25 ส.ค.) นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไฟไหม้พื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง จ.นครศรีธรรมราช และทะเลน้อย จ.พัทลุง ว่าขณะนี้สถานการณ์ไฟไหม้ป่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟได้แล้ว 100% เพียงแต่ต้องระวังไฟที่ลงใต้ดินและการลักลอบจุดใหม่เท่านั้น แต่พบว่ามีการบุกรุก ยึดครองพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้กรมอุทยานฯได้ระดมเจ้าหน้าที่จาก จ. สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราชและสงขลา เข้ามาช่วยดูแลเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยเพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิ์กว่า 500 แปลง ที่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ว่าเป็นเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยชอบหรือไม่ จากที่ได้ตรวจสอบมาแล้ว 100 แปลง พบมีปัญหามากกว่า 1 หมื่นไร่ และจะต้องพิสูจน์สิทธิ์ต่ออีกกว่า 2 หมื่นไร่ ถ้าหากพบว่าเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวออกโดยมิชอบ และพิสูจน์สิทธิ์แล้วพบว่าผู้ครอบครองครอบครองโดยมิชอบ ถือได้ว่าเป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐรายใหญ่ที่แห่งหนึ่งของประเทศ
นายนริศ กล่าวอีกว่า​สำหรับประเทศไทย สภาพพื้นที่ที่เป็นพรุมีกระจายอยู่ทั่วประเทศและมีการบุกรุกเกือบทุกที่ จึงขอให้รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาดังนี้ 1.ตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่อยู่รอบพรุและในพรุทุกที่ ​2.ตรวจพิสูจน์การครอบ ครองพื้นที่รอบและในพรุทุกที่ ​3.ดำเนินคดีกับการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ​ 4.ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกพรุทุกราย ​5.ฟื้นฟูพรุโดยใช้งบประมาณที่เป็นเงิน กู้ 3.5 แสนล้าน ซึ่งรัฐบาลกู้มาเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพรุถือเป็นพื้นที่แก้มลิงที่สามารถใช้เป็นที่กักเก็บน้ำเพื่อป้องกัน อุทกภัยและภัยแล้งได้. ทั้งนี้ในวันที่ 30 ส.ค.นี้ กรรมาธิการที่ดินฯ ได้แจ้งให้กรมอุทยานฯส่งรายชื่อผู้มีเอกสารสิทธิ์ทั้งหมดในพรุควนเคร็งและ บริเวณทะเลน้อยทุกรายทุกแปลง เพื่อจะได้ร่วมตรวจสอบว่ามีใคร นายทุนใด นักการเมืองคนไหนบุกรุกพื้นที่พรุดังกล่าว

"บิ๊กอ๊อด"เผย ศปก.จชต. ถึงมือกฤษฏีกา คาดอาทิตย์หน้าเสร็จ


วันที่ (25 ส.ค.) ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงสร้างศูนย์ปฎิบัติการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (ศปก. จชต. ) ว่า ขณะนี้ได้ส่งให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมาการกฤษฏีกาเป็นผู้ตรวจแล้ว ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าต้องเร่งให้ส่งคืนมาโดยให้ทำการบันทึกเป็นรายลักษณ์ อักษร และให้นายกรัฐมนตรีดูอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้เราต้องยืนยันว่าโครงสร้างจะต้องถูกต้องตามกฏหมาย
ส่วนเรื่องที่กรณีก่อนหน้านี้ที่ นายอาซีส เบ็ญหาวัน  ประธานที่ปรึกษาการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สปต.) เสนอให้ยุบศูนย์ปฎิบัติการแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก. จชต. ) เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดปัญหาในการทำงานนั้น เราได้เคลียร์ปัญหาแล้ว โดยให้ในส่วนของศอ.บต.มานั่งร่วมประชุมด้วย และเมื่อศอ.บต.เป็นผู้ทำก็จะต้องกลับไปอธิบายที่ปรึกษาของศอ.บต.ให้เข้าใจ ด้วย ว่าไม่ใช่กอ.รมน.ทำเองแต่ ศอ.บต.เป็นผู้ทำ จากนั้นเราก็จะสามารถเริ่มทำงานได้เลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตีรัฐบาลเรื่องการแก้ไข ปัญหาภาคใต้ รัฐบาลจะชี้แจงอย่างไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นการโจมตีไปตามสถานการณ์ที่ปรากฏเป็นข่าว แต่แท้จริงแล้วสถานการณ์กำลังดีขึ้น และขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาบอกว่า ได้เตรียมงบประมาณสำหร้บสร้างสนามกีฬาให้ในระดับอำเภอและหมู่บ้าน เราก็จะให้ศอ.บต.เป็นผู้เลือกหมู่บ้านว่าหมู่บ้านควรจะได้สนามกีฬาก่อน เรียงลำดับตามวาระเร่งด่วน ทั้งนี้ งบประมาณสำหรับสร้างสนามกีฬาระดับหมู่บ้านอยู่ที่ 12 ล้านบาท ระดับอำเภอ 24 ล้านบาท จึงต้องเพิ่มจำนวนตำรวจภูธรอีก 1500 นาย
ต่อข้อถามที่ว่า หลังเดือนรอมฏอนแล้วคิดว่าสถานการณ์คลี่คลายลงหรือไม่ พลเอกยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายข่าวบอกว่าหลังจากเดือนรอมฏอนอีก 7 วัน ยังต้องดูแลเข้มงวด เพราะว่าผู้ก่อความไม่สงบเชื่อว่าหากก่อเหตุสำเร็จในช่วงดังกล่าวยังถือว่า ได้บุญแรงอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าเหตุที่คนร้ายลอบวางเพลิงเผาโชว์รูมรถยนต์ ฮอนด้า ภายในโรงเก็บรถของ บริษัท ปัตตานี ฮอนด้าคาร์ส์ จำกัด ซึ่งเจ้าของคือ นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล ส.ว.ปัตตานีนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่าศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงการพิสูจน์ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพราะเจ้าของเป็นมหาเศรษฐี ขณะเดียวกันก็มีส่วนเกี่ยวข้องฝ่ายการเมืองเนื่องจากเป็นส.ว. อีกทั้งยังนับถือศาสนาพุทธ ต่อจากนี้ส่วนของทหารอากาศจะเข้ามามีส่วนร่วมมาก ขึ้น โดยตนจะให้เข้ามาช่วยในเรื่องระบบภาพถ่ายทางอากาศ ต่อไปนี้งานด้านความมั่นคงและพัฒนาจะต้องมีแผนที่ทางบก และแผนที่ทางอากาศ และเมื่อเกิดเหตุการณ์จะต้องมีภาพถ่ายแบบ "เรียลไทม์" อย่างไรก็ตามใครที่เสนอแนะเรื่องต่างๆ แม้กระทั่งเป็นฝ่ายค้านก็จะรับฟังและเชิญมาด้วย
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในส่วนของความมั่นคงว่า ส่วนที่ตนดูแลรับผิดชอบจะเป็นเรื่องภาพรวมใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะฉะนั้นะมีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษา ยุติธรรม และกระทรวงต่างๆที่ลงมาทำงานร่วมกัน ดังนั้นจะต้องเรียกมาประชุมอีกครั้ง ตอนนี้ได้ให้สภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้รวบรวมผลงาน ให้แยกแยะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือนด้วยว่าเกี่ยวกับอะไรใด เช่น ความมั่นคง เรื่องส่วนตัวระหว่างบุคคล เป็นต้น โดยจะให้เสร็จภายในต้นเดือนหน้า ส่งให้เลขานายกรัฐมนตรีตรวจสอบว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม นอกจากนี้ก็จะเรียนให้ทราบว่าในปี 2556 มีอะไรดีๆ ที่จะพัฒนา เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปด้วย เราจะไม่ทำอะไรแบบเดิมแล้ว แม้กระทั่งกฏหมายต่างๆที่ใช้ในภาคใต้ เช่น พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พรบ.ความมั่นคง อย่างไรก็ตาม การประกาศเคอร์ฟิวยังไม่มี เพราะยังไม่จำเป็น

"สุรยุทธ์"ย่องเบิร์ดเดย์"ป๋าเปรม"ล่วงหน้า ชี้เปิดหรือไม่เปิดบ้านเป็นเรื่องส่วนตัว


วันนี้ 25(ส.ค.) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานมูลนิธิรัฐบุรุษเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลและปิดโครงการข้าวนอกนา ซึ่งเป็นการปลูกข้าวในพื้นที่จำกัด โดยมูลนิธิรัฐบุรุษพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กรมการข้าว กรุงเทพมหานคร และ วปอ. ร่วมจัดทำโครงการข้าวดังกล่าวขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555 ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และเพื่อสร้างความรู้ทักษะทัศนคติที่ดีต่อการปลูกข้าวให้เยาวชน
ทั้งนี้มีโรงเรียนประถมศึกษาในเขตกทม.เข้าร่วม 80 โรงเรียน โดยโรงเรียนที่ชนะเลิศได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้แก่โรงเรียนกอบวิทยา รองลงมาได้แก่โรงเรียนบำรุงรวิวรรณวิทยา และโรงเรียนคลอง2 ตามลำดับ

ภายหลัง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12สิงหาคม 2555 อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการปลูกฝังและแนะนำให้เยาวชน โดยเฉพาะในกทม.ได้เห็นความสำคัญรู้จักและได้เรียนรู้วิธีการปลูกข้าว  ซึ่งเป็นอาหารหลักในการบริโภคของคนไทยว่ามีที่มาอย่างไร รวมทั้งเยาวชนในกทม.ส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสไห้เห็นการทำนาของจริง
ทั้งนี้จากปัญหาความเสื่อมโทรม ของสภาพแวดล้อม และปัญหาโลกร้อนส่งผลกระทบต่อการผลิตอาหารของโลก โดยสวนทางกับความต้องการของมนุษย์ มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนอาหารขั้นวิกฤตร้ายแรงในเวลาไม่นานนี้ ดังนั้นการถ่ายทอดเรื่องการปลูกข้าวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าทำอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยให้ไทยพ้นวิกฤตอาหารในอนาคตได้ อย่างไรก็ตามบุคคลที่เป็นเป้าหมายคือนักเรียน ขอให้รู้ว่าทุกคนคือความหวังของประเทศไทย ที่ได้เรียนรู้ เริ่มทักษะ และมีทัศนคติที่ดีต่อการปลูกข้าว นอกเหนือจากการรับประทานเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวถึง สถานการณ์ทางการเมืองที่มีการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมและการร่างพ.ร.บ.ว่าด้วย ความปรองดองแห่งชาติว่า ตนไม่ได้ติตามเรื่องเหล่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะติดตามเรื่องการศึกษาและเยาวชน ที่ทางมูลนิธิฯได้ดำเนินการอยู่ ทั้งเรื่องเยาวชนในพื้นที่ภาคใต้ และโครงการต่างๆที่ได้ดำเนินการรวมกับเยาวชนและสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อสร้างความร่วมมือร่วมใจของคนในบ้านเมืองสร้างประโยชน์ให้กับบ้านเมือง ในอนาคตต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สั่งงดเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ต้อนรับบุคคลต่างๆที่จะเข้ามาอวยพร เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ครบรอบ 92 ปี ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าท่านจะเปิดหรือไม่เปิด คงไม่ได้เป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับมูลนิธิฯ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของพล.อ.เปรม ในส่วนของตนนั้นได้เข้าไปอวยพรวันคล้ายวันเกิดกับท่านแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งท่านก็ไม่ได้ฝากและไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง เพียงแต่ขอให้คนที่ไปอวยพรมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาวเท่านั้น

"นิคม”รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯเป็นประธานวุฒิสภา


วันนี้(24 ส.ค.) ที่ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา  ทำพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา  จากนั้นได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 และสักการะพระสยามเทวาธิราช ทั้งนี้นางพรทิพย์ โล่ห์วีระ จันทร์รัตนปรีดา รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง สมาชิกวุฒิสภา  ข้าราชการ  เข้าร่วมแสดงความยินดีด้วย

นายนิคม ให้สัมภาษณ์ว่า ภารกิจแรกที่จะทำทันทีคือสิ่งที่แสดงไว้ในวิสัยทัศน์ 4 ประการคือสร้างความเป็นกลาง ไม่อยู่ภายใต้อาณัติของใคร โดยยึดหลักนิติธรรมภายใต้ระเบียบข้อบังคับ หรือกฎหมาย จะไม่ดำเนินการภายใต้กระแสสังคมหรือแรงกดดัน การสร้างความเข้มแข็งให้กับคณะกรรมาธิการเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นตัวเชื่อม โยงที่จะนำปัญหาของประชาชนมาแก้ไข นอกจากนี้จะเพิ่มวันประชุมจากเดิมมีเพียงวันจันทร์จะเพิ่มวันอังคารเริ่ม ตั้งแต่ 13.00 น.จนถึงประมาณ 17.00-1800 น. เนื่องจากยังมีกฎหมาย กระทู้ถามที่ค้างจำนวนมาก ไม่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติของรัฐบาล ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของ รัฐบาล

นายนิคม กล่าวต่อว่า จะสนับสนุนงานของสมาชิกทำอย่างไรให้ข้าราชการมีขวัญกำลังใจมีอนาคตในการทำ งาน อาจจะปรับโครงสร้างและวิธีการทำงาน เพราะโครงสร้างของรัฐสภามีความซ้ำซ้อน และแยกส่วนกันอยู่ ระหว่างสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา เช่นตำรวจสภา โรงพิมพ์ ไอที และห้องสมุด ความจริงสิ่งเหล่านี้ควรเป็นในนามของรัฐสภา ซึ่งควรจะมีการปรับปรุงหากทำได้ก็จะทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพและประหยัดงบ ประมาณ สิ่งใดที่เหมือนกันก็ให้อยู่ด้วยกัน อาจจะมีการเลขาธิการรัฐสภาเพียงคนเดียวก็ได้ ทั้งนี้ต้องไปพูดคุยหารือกับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร

นายนิคม กล่าวอีกว่า ส่วนการแต่งตั้งองค์กรอิสระโดยเฉพาะป.ป.ช.เริ่มมาแล้ว วุฒิสภาจะต้องแสดงถึงศักยภาพในการที่จะใช้วิธีการพิจารณาผู้ที่จะดำรง ตำแหน่งอย่างถี่ถ้วน คนที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการทำหน้าที่ อย่าไปกังวลว่าตนเข้ามาแล้วจะแก้หรือยุบ แต่จะเข้ามาช่วยทำให้องค์กรเข้มแข็งมากขึ้น หลายคนสงสัยและกังวลว่าเรื่องการถอดถอนจะไม่เป็นกลาง ยืนยันว่าจะทำหน้าที่เป็นกลาง เพราะเคยทำมา 3 ครั้งแล้ว แสดงให้เห็นว่าใช้หลักกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสมาชิกก็ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณา เพราะไม่มีพรรคการเมืองหรือสังกัด”นายนิคม กล่าวและว่าในวันที่ 27 ส.ค.วุฒิสภาจะเริ่มพิจารณาการถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ 

แม่ยกลงขัน 5 ล้านต่ออายุราชการ “ดำรงค์” เจ้าตัวชี้ทำไม่ได้


วันนี้ (24 ส.ค.)ที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชาชนชาว จ.นครราชสีมา กว่า 60 คน นำโดยนางวราภรณ์ เกิดถาวร ตัวแทนกลุ่มชาวโคราช  ได้นำช่อดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่า อนุรักษ์ โดยนางวราภรณ์ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนชาวโคราช ขอเป็นกำลังใจให้นายดำรงค์ปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องผืนป่าต่อไป และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับข้าราชการไทยคนอื่นๆในการทำหน้าที่เพื่อประชาชน ด้วย

ด้านนายดำรงค์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ และขอให้ทุกคนที่มีป่าต้นน้ำอยู่ในพื้นที่ช่วยรักษาป่าต้นน้ำเช่นกัน เนื่องจากวันนี้ปัญหาการบุกรุกป่าต้นน้ำเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทั้งน้ำท่วมฝนแล้งตามมา ยกตัวอย่างในพื้นที่ภาคเหนือที่ป่าต้นน้ำถูกบุกรุกเพื่อเพาะปลูกพืชผลทางการ เกษตรอย่างหนัก ตนเชื่อว่าอีกไม่ถึง 5 ปี พื้นที่ภาคเหนือจะเกิดปัญหาการแย่งน้ำระหว่างคนบนภูเขากับคนพื้นราบแน่นอน  ในส่วนของภาคใต้เองโดยเฉพาะนครศรีธรรมราชวันนี้ก็เกิดภาวะแล้งหนักที่สุด อย่างที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะการบุกรุกป่าต้นน้ำเพื่อปลูกยางพารา และวันนี้ยังจะมีประชาชนบนเทือกเขาบรรทัดในพื้นที่อุทยานฯ เขาปู่-เขาย่า จ.พัทลุง ที่จะขอออกโฉนดชุมชนเพื่อปลูกสวนยาง ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่สามารถทำได้แน่นอน ถ้ามีการขอออกโฉนดชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบของกรมอุทยานฯ ได้ และต้องดำเนินการทั้งประเทศ จะต้องเสียพื้นที่ป่าถึง 6 ล้านไร่ ดังนั้นตนเห็นว่าโฉนดชุมชนจะดำเนินการได้ก็ในพื้นที่ สปก. เท่านั้น พื้นที่ 30 ล้านไร่ของ สปก. ที่วันนี้มีบางส่วนอยู่ในมือของคนรวย ถ้าเอาไปจัดสรรให้คนจนก็แก้ปัญหาได้แล้ว

"คดีการรื้อถอนรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่วังน้ำเขียว ทับลาน เกิดก่อนผมมารับตำแหน่งทั้งนั้น แต่จังหวะเวลาในการรื้อถอนเกิดขึ้นในยุคผมพอดี และถึงเป็นอธิบดีคนอี่นก็ต้องดำเนินการ  ซึ่งได้ดำเนินการกับรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายทเท่านั้น   ไม่ได้ทำกับชาวบ้านคนยากคนจน  สำหรับชาวบ้านที่ยากจนจริงๆ แม้เข้ามาอยู่หลังมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 เราก็ผ่อนผันให้อยู่ได้ เพียงแต่ห้ามบุกรุกเพิ่มและขายให้นายทุนเปลี่ยนไปเป็นรีสอร์ท  วันนี้ผมไม่ได้รังแกคนจน ผมไม่ได้รวยมาจากไหน และเข้าใจความยากจนดี ผมเป็นเด็กวัดเก่า อาศัยข้าวก้นบาตรพระอยู่วัด หาทางเรียนหนังสือมา ผมรู้หมดความยากจนเป็นอย่างไร แต่วันนี้มันเป็นเรื่องของกฎหมายที่ต้องปฎิบัติตามทั้งหมด ” นายดำรงค์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการพูดคุยชาวบ้านได้พยายามสอบถามถึงการต่ออายุราชการของนายดำรงค์ ซึ่งนายดำรงค์กล่าวว่า ตนเหลืออายุราชการเพียง 1 เดือนเศษจะเกษียณแล้ว  จากนั้นก็คงไปตามเส้นทางของตนต่อไป อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีประชาชน รวมทั้งนักธุรกิจได้โทรมาสอบถามในเรื่องดังกล่าว และมีอยู่รายหนึ่งเป็นผู้หญิงตนก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน บอกว่าขณะนี้ได้มีการรวบรวมเงินใช้เป็นกองทุนจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อหาทางต่ออายุราชการให้กับตน  เพราะพอใจการทำงานของกรมอุทยานฯ มีวิธีการใดบ้างที่จะทำให้ตนได้ต่ออายุ  ซึ่งตนก็ตอบไปว่ามันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้

ด้านนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน กล่าวว่า ขณะนี้ได้เสนอรายชื่อบ้านพักและรีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน จำนวน 22 แห่ง เพื่อเสนอให้มีการรื้อถอนรอบที่ 4 ต่อนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ ซึ่งทั้ง 22 แห่ง ส่วนมากศาลปกครองไม่รับคุ้มครองการรื้อถอน และยกคำร้องไป ซึ่งอยู่ระหว่างการรอนายดำรงค์ให้ความเห็นชอบ ส่วนกรณีบ้านทะเลหมอกรีสอร์ททราบว่าหลังจากศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองการ รื้อถอนก็ได้รวมกลุ่มกับผู้ประกอบการรีสอร์ทในพื้นที่เพื่อต่อสู้ในแนวทาง อื่น  ซึ่งขณะนี้เหลือทางเดียวคือการแก้กฎหมาย พ.ร.บ.อุทยานฯ 2504  เพื่อให้เพิกถอน เขตอุทยานฯ หรือเช่าพื้นที่อุทยานฯ ได้โดยเคลื่อนไหวผ่านคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ในสภา รวมทั้งองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาการต่อสู้ด้วยการขอหยุดจับหยุดรื้อถอนนั้น ไม่สามารถทำได้  ซึ่งการต่อสู้ของฝ่ายผู้ประกอบการในลักษณะนี้ทำให้ตนรู้สึกเหนื่อยใจเช่นกัน เพราะต้องคอยเดินสายชี้แจงต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้เสียเวลาในการทำงานในพื้นที่พอสมควร

นายเทวินทร์ กล่าวว่า  พื้นที่ทั้งหมดที่กรมอุทยานฯ ได้ดำเนินการรื้อถอน แ ละจับกุมไปแล้วจำนวน 418 คดีนั้น มีพื้นที่บุกรุกรวม 8,000 ไร่เศษ โดยหากการดำเนินการแล้วเสร็จอาจถึง 1 หมื่นไร่   ซึ่งขณะนี้ได้มีประชาชนและภาคเอกชนต่างๆ เสนอขอเข้ามาปลูกป่าทดแทน ซึ่งอุทยานฯ ก็ยินดี โดยภาคเอกชนและประชาชนที่จะมาปลูกป่าหากเตรียมกล้าไม้มาปลูกเอง  ขอให้เป็นไม้ในท้องถิ่น เช่น ประดู่ มะค่า พะยูง เป็นต้น ทั้งนี้อุทยานฯ ขอเชิญชวนบริษัท ห้างร้าน และผู้ที่สนใจมาร่วมกันคืนผืนป่าให้แผ่นดิน อย่างไรก็ตามสำหรับแผนงบประมาณปลูกป่าทดแทน พร้อมทำแนวกันไฟ รวมทั้งค่าบำรุงรักษาอื่นๆ  ในพื้นที่บุกรุกในส่วนที่กรมอุทยานฯ จะต้องดำเนินการนั้น กำหนดไว้ 4 หมื่นบาท/ไร่ ในช่วงระยะเวลา 10 ปี  ซึ่งพื้นที่บุกรุกในอุทยานฯ ทับลานคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณทั้งหมด 400 ล้านบาท  แต่หากมีภาคเอกชนให้การสนับสนุนเข้ามามาก ก็จะเป็นการช่วยลดงบประมาณของภาครัฐได้

นายกฯพอใจผลงาน 1 ปี ไม่ท้อแต่เหนื่อย


วันนี้ (25 ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ในโอกาสทำงานครบ 1 ปี และในโอกาสที่รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชนครบ 1 ปี โดยมี น.ส.อริสรา กำธรเจริญ เป็นผู้ดำเนินรายการ ว่า ตั้งแต่วันแรกที่ได้ประกาศตัวรับใช้พี่น้องประชาชนผ่านมา 1 ปีแล้วขอขอบคุณประชาชนคนไทยทุกคนที่ให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานมาจนถึงวันนี้ รัฐบาลกำลังติดตามการทำงานที่ผ่านมาว่ามีส่วนไหน ทั้งขั้นตอนการปฏิบัติ ข้อห่วงใยหรือข้อติชมจากพี่น้องประชาชนเพื่อมาปรับปรุงในปีที่ 2 ต่อไป
เมื่อถามว่า 1 ปีที่ผ่านมาพอใจกับการทำงานมากน้อยขนาดไหน นายกฯ กล่าวว่า จากเวลาที่จำกัด มีปัญหาอุทกภัย และวิกฤติโลกต่างๆ ผลงานต่าง ๆ ที่ทำมาถือว่าพอใจ ทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่ กราบเรียนพี่น้องประชาชนว่างานต่าง ๆ หรือนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงไว้ต่อประชาชนได้เร่งดำเนินการในปีที่ 1 แล้ว แต่บางโครงการ หรือบางนโยบายนั้นผลจริงๆ คงต้องค่อยๆ ติดตาม เพราะบางส่วนอยู่ระหว่างการติดตามและรอตัวเลขอยู่ จากนั้นจะมีการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยน้อมนำทุกความห่วงใยและทุกข้อติชมมาปรับปรุง เพราะเจตนารมย์รัฐบาลอยากให้พี่น้องประชาชนมีความสุข มีรายได้ที่ดี
ต่อข้อถามว่าเข้ามาเจอโจทย์ยากทั้ง น้ำท่วม วิกฤติเศรษฐกิจมีท้อบ้างหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เชิงว่าท้อ แต่เหนื่อยมากกว่า คือบางครั้งงานก็เยอะ อยากให้เห็นสิ่งที่ดีกว่านี้ แต่บังเอิญเจอปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อย่างเข้ามาวันแรกน้ำก็เต็มเขื่อนแล้ว ก็ต้องเสียเวลาในการแก้ไขปัญหานี้ก่อน งานที่จะต้องเร่งเรื่องของนโยบายอาจไม่ตรงตามเป้าหมายบ้าง แต่สุดท้ายช่วงระยะหลังก็มาเร่งในช่วงปลายๆ
“ถามว่าท้อมั๊ย ไม่ท้อค่ะ ต้องทำงานอย่างเต็มที่ เพราะพี่น้องประชาชนคงคาดหวัง และเพื่อเป้าหมายให้คนไทยมีความสุข” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวถึงการจัดงาน “รัฐบาลพบประชาชน ทุนเพื่อคุณภาพชีวิต”ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานและทั่วประเทศ ว่า ตั้งใจบอกกับประชาชนว่านโยบายที่รัฐบาลเสนอต่อพี่น้องประชาชนมีหลายนโยบาย ประชาชนที่สะดวกก็แวะไปสอบถามข้อมูลประมาณ 10 นโยบาย ที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกองทุนต่าง ๆ โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 ส.ค.นี้

“มาร์ค” เจอแดงสมุทปราการ-ปทุมฯ ป่วน อดร่วมงานปชป.ออกแบบประเทศไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (25 ส.ค.) ที่สมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดงานประชุมเชิงปฏิบัติการรวมพลังสมัชชาออกแบบ ประเทศไทย โครงการพรรคประชาธิปัตย์พบประชาชน ภาคกลาง ครั้งที่ 5/2555 ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีกำหนดการเข้าร่วมกล่าวบรรยายเปิดการประชุมดังกล่าวด้วย แต่ปรากฏว่าก่อนที่นายอภิสิทธิ์ จะเดินทางมาถึง ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงที่อ้างตัวว่าเป็นกลุ่มแดงบางเมือง จ.สมุทรปราการประมาณ 70 คน นำโดยนายชาณุ ไชยยะ ผู้บริหารคลื่นวิทยุชุมนุม 101.25 จ.สมุทรปราการ พร้อมทั้งรถปิกอัพติดเครื่องขยายเสียงของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือนายโกตี๋ ศรรักษ์ มาลัยทอง แกนนำแดงปทุมธานี พร้อมด้วยคนเสื้อแดงอีกประมาณ 20 คนมาสมทบ โดยมีการชูป้ายด่าและขับไล่นายอภิสิทธิ์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย อยู่บริเวณปากทางเข้าสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ในส่วนของการดูแลรักษาความปลอดภัยนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.เมือง และสภ.บางปู พร้อมด้วยหน่วยปราบการจลาจลอีก 2 กองร้อย โดยระหว่างที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดงเกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย ระหว่างกลุ่มแดงปทุมธานีและเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่ได้เกิดเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การมาชุมนุมของคนเสื้อแดงร่วม 100 คน ทำให้รถยนต์ของนายอภิสิทธิ์ไม่สามารถเข้าไปร่วมงานดังกล่าวได้ แม้จะพยายามขับรถวนเพื่อหาทางเข้าในจุดอื่นอยู่ถึง 3-4 รอบ แต่ก็ไม่สามารถเข้าได้ เนื่องจากสมาคมดังกล่าวมีทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว จากนั้นนายอภิสิทธิ์ จึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับมายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ในทันที เพื่อที่จะเข้าร่วมงานอภิปรายหัวข้อ “วิกฤติและโอกาส ประเทศไทย สู่ AEC” ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ในเวลา 13.00 น. ก่อนที่ในช่วงเย็นจะเดินทางไปจ.อุทัยธานี เพื่อไปขึ้นปราศรัยที่เวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 10.40 น. โดยระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ ลงจากรถ บังเอิญได้พบนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งเดินทางเข้าพรรคพอดี นายอภิสิทธิ์ จึงได้กล่าวกับนายชวน อย่างอารมณ์เสียว่า เข้าไปร่วมงานสมัชชาฯไม่ได้ เพราะถูกคนเสื้อแดงไล่ ซึ่งนายชวน ได้แต่รับฟัง และพากันเดินตามกันขึ้นไปหารือกันต่อที่ห้องทำงานชั้นสอง อาคารควง อภัยวงศ์

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุปรากฏว่า ทั้งนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงประณามการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยนายเทพไท กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับกลุ่มคนเสื้อแดงอย่าง ไม่เลือกปฏิบัติ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิ์ในการจัดกิจกรรม แต่ทางกลุ่มนปช.กลับปลุกระดมต่อต้านการทำกิจกรรม ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นรัฐบาลควรห้ามปรามหรือประณามพฤติกรรมดังกล่าว อย่าปล่อยให้ออกมาอาละวาดการทำกิจกรรมทางการเมืองของคู่แข่ง ทั้งนี้การก่อกวนดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะครั้งนี้ และเชื่อว่ายังจะมีการดำเนินการต่อไป ซึ่งตนวิตกว่าหากวันหน้ามีคนปลุกระดมให้มีการต่อต้านการลงพื้นที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร

เดลินิวส์ฝึกอาชีพ"คอฟฟี่ริช"สุดคึกคัก


วันนี้ ( 25 ส.ค.) ที่บริษัท รีเทลลิงค์ฯ ถนนวิภาวดีรังสิต  ได้มีการจัดกิจกรรม “เดลินิวส์ฝึกอาชีพ” ครั้งที่ 3 โดยเดลินิวส์ได้ประสานความร่วมมือกับบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท รีเทลลิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด อบรมการทำธุรกิจกาแฟสดภายใต้ชื่อกิจกรรม “คอฟฟี่ริช  รวยรินกลิ่นกาแฟ รับทรัพย์แน่ แค่อบรม” ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 น. บรรยากาศในงานตอนเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก โดยบรรดาผู้โชคดีที่ได้รับคัดเลือก จำนวนทั้ง 50 ท่าน ทยอยเดินทางมาลงทะเบียน และแบ่งไปเยี่ยมชมร้านกาแฟต้นแบบของโครงการอบรมกาแฟของรีเทลลิงค์

โดย ดร.พิสิฐ เหตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและจัดจำหน่ายหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ คุณสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเปิดการอบรมอย่างเป็นทางการ จากนั้น นายนริศ ธรรมเกื้อกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเทลลิงค์ จัดอบรมและบรรยาย “ทำร้านกาแฟอย่างไรให้ยั่งยืน”  ก่อนจะเปิดโอกาสให้ผู้โชคดีได้เรียนรู้เกี่ยกกับการใช้อุปกรณ์และเครื่องชง กาแฟ โดยมีการฝึกปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน พร้อมรับวุฒิบัตรผ่านการอบรม

ทั้งนี้กิจกรรม “เดลินิวส์ฝึกอาชีพ” ครั้งที่ 3 อบรมการทำธุรกิจกาแฟสด “คอฟฟี่ริช รวยรินกลิ่นกาแฟ รับทรัพย์แน่ แค่อบรม” เป็นโครงการที่สืบเนื่องจากคณะผู้บริหาร “เดลินิวส์” นำโดย ดร.ประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด บรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้จัดทำโครงการ “เดลินิวส์ฝึกอาชีพ” เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาด้านอาชีพและรายได้อันเนื่องจากอุทกภัย ปลายปี 2554 และภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการนำเสนอข้อมูลข่าวสารส่งเสริมอาชีพคนไทยผ่านทาง คอลัมน์ และรายการ “ช่องทางทำกิน” ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เว็บไซต์ www.dailynews.co.th และสถานีโทรทัศน์ระบบดาวเทียม “เดลินิวส์ทีวี” โดยได้จัดฝึกอบรมอาชีพให้ประชาชนฟรีไปแล้ว 2 ครั้ง

ศาลมะกันปฏิเสธคำร้องติดคำเตือนบนซองบุหรี่


วันนี้ ( 25 ส.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ศาลสหรัฐมีคำตัดสินกรณีการติดข้อความ และภาพเตือนภัยจากพิษของการสูบบุหรี่บนซอง โดยระบุว่า เป็นการแสดงออกซึ่งการ “ข่มขู่” มากจนเกินไป

ผู้พิพากษา จานิส  โรเจอร์ส บราวน์ ประจำศาลอุทธรณ์กรุงวอชิงตัน ขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาเมื่อวันศุกร์ ในคดีที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช ว่า ศาลได้พิจารณาแล้วว่า การติดข้อความเตือน หรือแม้แต่ภาพถ่ายผู้ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่ถือเป็นการแสดงเจตนาแอบแฝงที่จะข่มขู่ผู้บริโภค โดยอาศัยข้อความ และภาพดังกล่าวเป็นสื่อ ด้วยเหตุนี้ ศาลจึงมีมติ 2-1 ไม่อนุมัติให้มีการตีพิมพ์ใดๆเพิ่มเติมบนซองบุหรี่ พร้อมทั้งขอให้รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้วิธีการอื่น ในการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่

นอกจากนี้ ศาลยังอ้างถึงกรณีที่บริษัทยาสูบหลายแห่ง รวมตัวกันฟ้องร้ององค์การอาหารและยาของสหรัฐ ( เอฟดีเอ ) ที่ออกกฎให้มีการติดคำเตือน และภาพผู้ป่วยมะเร็งบนซองบุหรี่ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งบริษัทเหล่านั้นให้เหตุผลว่า เป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น ขณะที่ศาลเห็นว่า เอฟดีเอ ยังไม่สามารถเสนอรายงานที่ระบุชัดเจนได้เลยว่า การกระทำเช่นนี้จะสามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ได้จริง

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวอาจได้รับการอุทธรณ์ เนื่องจากทางการสหรัฐต้องการให้มีการติดคำเตือน และภาพแสดงพิษภัยที่เกิดขึ้นจากการสูบบุหรี่บนซองบุหรี่ทุกยี่ห้อ ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. นี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ผลการพิจารณาคดีของศาลสหรัฐ ตรงกันข้ามกับคำตัดสินของศาลสูงออสเตรเลียเมื่อ 9 วันก่อน ที่สั่งให้มีการติดคำเตือน และรูปภาพผู้ป่วยมะเร็งบนซองบุหรี่ แต่ห้ามมิให้มีการติดยี่ห้อบนซองบุหรี่

หนุ่มอินโดฯถูกจระเข้ยักษ์กัดขณะปลดทุกข์ในแม่น้ำ


วันนี้ ( 25 ส.ค. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียว่า คนงานก่อสร้างชาวอินโดนีเซียรายหนึ่ง ถูกจระเข้ขนาดยักษ์โจมตี ขณะกำลัง “ปลดทุกข์” อยู่ในแม่น้ำแห่งหนึ่งบนเกาะบอร์เนียว ทว่าสามารถต่อสู้จนสามารถหนีเอาชีวิตรอดมาได้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

หนังสือพิมพ์ “เดอะ สตาร์” ของมาเลเซีย ฉบับวันนี้ รายงานว่า นายปาย วัย 32 ปี คนงานก่อสร้างชาวอินโดนีเซีย เลือกใช้สถานที่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำสายหนึ่งในรัฐซาราวัก ใกล้สถานที่ก่อสร้างที่เขาทำงานอยู่ เป็นที่ปลดทุกข์ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า แม่น้ำสายดังกล่าวเต็มไปด้วยเหล่าจระเข้ ทันทีที่เสร็จภารกิจ นายปายรู้สึกแจบแปลบที่หลัง เหนือสะโพกด้านซ้ายเล็กน้อย เมื่อหันไปดู จึงพบกับจระเข้ขนาดราว 2 เมตร กำลังงับที่บริเวณดังกล่าว แม้จะเจ็บอย่างรุนแรง และมีเลือดไหลโชก แต่นายปายรวบรวมความกล้า ชกเข้าที่เบ้าตาของจระเข้อย่างแรง จนมันตกใจ และผละออกทันที ก่อนพยายามเคลื่อนตัวห่างออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อของความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งพากันนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา

ทั้งนี้ สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดจากการโจมตีโดยจระเข้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างพบได้บ่อยในมาเลเซีย ก่อนหน้านี้ เด็กชายวัย 14 ปี เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หลังถูกจระเข้ทำร้ายเมื่อวันพุธ และนักธุรกิจชาวมาเลเซียรายหนึ่ง ฟ้องร้องต่อศาล เรียกค่าเสียหายจำนวน 14,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 4.2 แสนบาท ) หลังถูกจระเข้กัด ขณะกำลังเล่นกอล์ฟอยู่ในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ใกล้กับเมืองมะละกา ทางใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 2 ปีก่อน

เด้งผกก.บางขุนเทียนช่วยราชการบช.น. 30 วัน


เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ ( 25 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธนกฤต ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.บางขุนเทียน มาช่วยราชการบช.น. เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และให้พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รองผบก.น.9 รักษาการณ์แทน ส่วนสาเหตุที่มีคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสน.บางขุนเทียน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ กระสุนถากศีรษะ ถูกนำตัวส่งรพ.ตำรวจ ซึ่งอีกนิดเดียวอาจถึงตายได้ แต่ผู้กำกับไม่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่รายงานเหตุ เรียกมาพบตอน 10 โมงเช้า ก็ได้คำตอบว่ากำลังพยายามอยู่ คนถูกยิงเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชายังไม่สนใจ แล้วถ้าเป็นประชาชนจะทำอย่างไร

สำหรับชนวนเหตุสั่งเด้งผกก.สน.บางขุนเทียนมาช่วยราชการที่บช.น. สืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุเด็กแว้นไล่ยิงกันบริเวณหน้าปากซอยเอกชัย 76 ทำให้มีคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ 1 คนนอกจากนี้กระสุนยังแฉลบไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่กำลังตั้งด่านอยู่ ที่บริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ1 นาย ทราบชื่อต่อมาคือ ด.ต.วัลลภ ใบศรี ผบ.หมู่ ป.สน.บางขุนเทียน ถูกกระสุนแฉลบเข้าหมวกสายตรวจถากไปโดนกลางศีรษะ เข้ารักษาอาการที่ รพ.พระราม 2 เบื้องต้นแพทย์ให้การรักษาด้วยการเย็บบาดแผล จำนวน 15 เข็ม ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.รับผิดชอบด้านการป้องกันและปราบปราม ได้เดินทางมาที่ สน.บางขุนเทียน เพื่อเรียกนายตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่อง ดังกล่าวประกอบด้วย พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.สุรนิตย์ พรหมบุตร รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ธนกฤต ไชยจารุวุฒิ ผกก.สน.บางขุนเทียน พ.ต.ท.วรลภย์ สุวรรณเกษการ รอง ผกก.สส.สน.บางขุนเทียน และกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางขุนเทียน โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยว่า การเดินทางมาในวันนี้ได้รับคำสั่งจาก ผบช.น.ให้มาชี้แจงข้อบกพร่องให้ ผกก.สน.บางขุนเทียน รับทราบ เนื่องจากทาง ผกก.สน.บางขุนเทียน ไม่รายงานเหตุให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้นอีกทั้งยังไม่เดินทางไปดู ที่เกิดเหตุและไม่เดินทางไปเยี่ยมลูกน้อง ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ส่วนมือปืนผู้ก่อเหตุได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนโรงพักร่วมกับ กก.สส.บก.น.9 ตามล่าตัวมาดำเนินคดีแล้วเชื่อว่าคงไม่ยาก ตนอยากฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับกองบังคับการและระดับโรงพักใน บช.น.ทุกท่านด้วยว่าหากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นขอให้รีบเข้าให้การช่วย เหลือและดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในทันทีเนื่องจากขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติ มีความสำคัญต่องานตำรวจอย่างมาก

สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์


01:59:58
quicklist
ปฏิบัติธรรมวัดพระราม 9 20 ตค.52 
ถูกเรียกดู: 3,695
วัดนาป่าพง
01:45:30
quicklist
โรงเรียนสีกัน วันที่ 15 ธ.ค. 53
ถูกเรียกดู: 4,375
วัดนาป่าพง1
01:43:11
quicklist
บรรยายธรรม มจร.วัดศรีสุดาราม 28 มิ.ย.52 
ถูกเรียกดู: 1,077
วัดนาป่าพง
01:33:23
quicklist
02:01:44
quicklist
บรรยายธรรม สัมนา วัดบางนาใน 10 ม.ค.53
ถูกเรียกดู: 881
วัดนาป่าพง
03:33:06
quicklist
บรรยายธรรม วัดหญ้าคาใต้ 29 ม.ค.53
ถูกเรียกดู: 814
วัดนาป่าพง
01:01:11
quicklist
กระทรวงสาธารณสุข วันที่ 9 ธ.ค. 53
ถูกเรียกดู: 3,499
วัดนาป่าพง1
01:32:42
quicklist
คอร์สปฎิบัติธรรม ณ วัดนาป่าพง 10 ม.ค. 2554
ถูกเรียกดู: 6,615
วัดนาป่าพง1
01:32:35
quicklist
ธนาคารแห่งประเทศไทย 23 ก.ย. 53
ถูกเรียกดู: 3,798
วัดนาป่าพง1




Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources