วันนี้(13 มิ.ย.) ที่กรมสอสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)
กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังพนักงานสอบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการบุกรุก
ที่ดิน อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า
ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งหนังสือเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการครอบครองที่ดิน
แปลงพิพาทมาให้ถ้อยคำ 6 ราย ประกอบด้วย นายแทน เทือกสุบรรณ
บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าของที่ดินแปลงที่เป็นข้อพิพาท ,
นายสามารถ เรืองศรี หุ้นส่วนหจก.เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น
อดีตเจ้าของที่ดิน , นายพงษ์ชัย ฟ้าทวีพร หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาฯ
อดีตเจ้าของที่ดิน , นายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล ผู้รับมอบอำนาจจากนายแทน ,
นายอภิชาติ พรหมแก้ว ผู้รับมอบอำนาจจากนายแทน และนายเฉลิมชัย สังสันไทย
ผู้รับมอบอำนาจจากหจก.เรืองปัญญา
โดยนัดหมายให้มาพบพนักงานสอบสวนในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้
เหตุที่ต้องเชิญทั้ง
เข้าให้ข้อมูลเนื่องจากถือเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับที่ดินแปลงที่มี
ปัญหาใน 3 ส่วน 1. ออกเอกสารสิทธิ์เกินกว่าเนื้อที่จริง (ส.ค.บวม) 2.
นำเอกสารสิทธิ์จากที่อื่นมาขอออกโฉนดไม่ตรงแปลง (ส.ค.บิน) และ 3.
ขอออกเอกสารสิทธิ์ในเนื้อที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์จริง
ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบปากคำพยาน ดีเอสไอพบประเด็นที่ต้องขยายผลต่อเนื่อง โดยพบว่าโฉนดที่ดินของนายแทน ในจุดที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำอาจทับร่องน้ำสาธารณะ ดังนั้น ดีเอสไอจำเป็นต้องตรวจสอบว่า หากมีร่องน้ำอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำจริง ร่องน้ำดังกล่าวไหลลงมาจากภูเขาหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศ และเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงใกล้เคียง เบื้องต้นพบว่าเจ้าของที่ดินแปลงที่มีเนื้อที่ติดต่อกับที่ดินของนายแทนเคย ไปขอออกโฉนด แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ออกโฉนด โดยโต้แย้งพร้อมลงบันทึกว่ายังไม่ได้กันที่ดินในส่วนที่เป็นร่องน้ำสาธารณะ ออก จึงเป็นข้อพิรุธต้องตรวจสอบว่าในขั้นตอนการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินให้นาย แทนได้กันในส่วนที่เป็นร่องน้ำสาธารณะออกหรือไม่ พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอข้อมูลการอ่านและแปลภาพถ่ายทางอากาศ พร้อมความเห็นของป.ป.ช.ที่ส่งไปยังกรมที่ดินให้เพิกถอนโฉนดแปลงดังกล่าว เนื่องจากเป็นการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ
ด้าน พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสอบปากคำพยาน ดีเอสไอพบประเด็นที่ต้องขยายผลต่อเนื่อง โดยพบว่าโฉนดที่ดินของนายแทน ในจุดที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำอาจทับร่องน้ำสาธารณะ ดังนั้น ดีเอสไอจำเป็นต้องตรวจสอบว่า หากมีร่องน้ำอยู่ใต้อ่างเก็บน้ำจริง ร่องน้ำดังกล่าวไหลลงมาจากภูเขาหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบเปรียบเทียบกับภาพถ่ายทางอากาศ และเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงใกล้เคียง เบื้องต้นพบว่าเจ้าของที่ดินแปลงที่มีเนื้อที่ติดต่อกับที่ดินของนายแทนเคย ไปขอออกโฉนด แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ออกโฉนด โดยโต้แย้งพร้อมลงบันทึกว่ายังไม่ได้กันที่ดินในส่วนที่เป็นร่องน้ำสาธารณะ ออก จึงเป็นข้อพิรุธต้องตรวจสอบว่าในขั้นตอนการรังวัดเพื่อออกโฉนดที่ดินให้นาย แทนได้กันในส่วนที่เป็นร่องน้ำสาธารณะออกหรือไม่ พ.ต.ท.ประวุธ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอข้อมูลการอ่านและแปลภาพถ่ายทางอากาศ พร้อมความเห็นของป.ป.ช.ที่ส่งไปยังกรมที่ดินให้เพิกถอนโฉนดแปลงดังกล่าว เนื่องจากเป็นการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ