วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตร.เชื่อแมคดี้ไม่ตายหลังหายสาบสูญ5ปี


วันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่ข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลกรุงลอนดอนของอังกฤษ เปิดเผยว่า  ด.ญ.เมเดอลีน แมคคานน์  หนูน้อยชาวอังกฤษที่หายตัวไปในระหว่างครอบครัวของเธอพักผ่อนช่วงวันหยุดในโปรตุเกสเมื่อ 5 ปีก่อนอาจยังมีชีวิตอยู่  และตำรวจยังคงเดินหน้าสอบสวนอย่างต่อเนื่องของการหายตัวไปไร้ร่องรอยของหนูน้อยแมคดี้ ก่อนถึงวันเกิดครบ 4 ขวบเมื่อเดือนพ.ค.ปี 2550
นายแอนดี เรดวูด   สารวัตรหัวหน้าฝ่ายสืบสวนสอบสวนเปิดเผยว่า  เขาเป็นหัวหน้าทีมตำรวจสอบสวนกว่า 30 นายที่ดูแลรับผิดชอบคดีนี้  พร้อมกับเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่ด.ญ.แมคดี้  อาจยังมีชีวิตอยู่  แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมองว่า เธออาจตายไปแล้วก็เป็นได้   ทั้งนี้ ตำรวจโปรตุเกสยุติการสอบสวนไปแล้วเมื่อปี 2551  แต่ตำรวจหน่วยสกอตแลนด์ยาร์ด ได้ฟื้นคดีขึ้นมาใหม่
นายเรดวูด บอกว่า  ทีมสอบสวนกำลังตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมมาได้ทั้งจากตำรวจอังกฤษและโปรตุเกส รวมถึงนักสืบเอกชนที่ครอบครัวแมคคานน์ว่าจ้างให้สืบหาร่องรอยของลูกสาว   อย่างไรก็ตาม นายเรดวูดกล่าวว่า เขาเดินทางไปโปรตุเกส 7 ครั้ง และประสานงานอย่างใกล้ชิดกับตำรวจโปรตุเกส  ตลอดจนมีการติดต่อกันเป็นประจำกับนายเจอร์รีและนางเคท  พ่อแม่ของด.ญ.เมเดอลีน

โดยตำรวจจะเปิดเผยภาพใหม่ของหนูน้อยแมคดี้  ซึ่งน่าจะมีอายุได้ 9 ขวบแล้ว หากเธอยังมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน   การหายตัวไปของด.ญ.เมเดอลีน ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก  ขณะที่ นายเจอร์รีและนางเคท ก็พยายามตามหาลูกทุกวิถีทาง ทั้งออกหนังสือ และไปรายการ”โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์” เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวแมคคานน์

“บุญทรง”โบ้ยคนจ้อของแพงใช้จิตวิทยาทำชาวบ้านคล้อยตาม


วันนี้ (14 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงปัญหาสินค้าราคาแพงที่มีการวิจารณ์ว่าสาเหตุเกิดจากพ่อคนกลางหรือผู้ผลิต ว่า เกิดจากคนที่นั่งให้สัมภาษณ์อยู่ทุกอาทิตย์ จึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปพูดคุยทำความเข้าใจให้มากขึ้น และจากการที่ลงพื้นที่สำรวจมาหลายตลาดเห็นว่าทุกอย่างยังปกติ ส่วนอาหารปรุงสำเร็จราคาสูงนั้นได้ตรวจสอบจากรายละเอียดของกระทรวงพาณิชย์ที่ทำเป็นสถิติแล้วเห็นว่าราคาขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และคาดว่าเป็นช่วงที่มีปัญหาเรื่องน้ำมันปาล์ม ประกอบกับเจอเหตุน้ำท่วมทำให้ราคาค้างอยู่ ขณะที่วัตถุดิบที่เป็นอาหารสดนั้นราคาถูกลง มีเฉพาะผักสดบางอย่างที่แพงตามฤดูกาล เช่น ถั่วฝักยาว แต่ตอนนี้ราคาเริ่มลดลงมามากแล้ว ทำให้สรุปได้ว่าขณะนี้สินค้าเริ่มถูกหมดแล้ว จึงขอความร่วมมือว่าอย่าขึ้นอีกเลย
นายบุญทรง กล่าวต่อว่า จากนี้ต้องไปตามดูเรื่องต้นทุกของอาหารสำเร็จรูปต่อไป เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตว่ามีคนอยู่เบื้องหลังทำให้สินค้าราคาแพงหรือไม่ นายบุญทรง กล่าวย้อนว่า มีเรื่องของจิตวิทยามาเกี่ยวข้อง แม่ค้าบางส่วนบอกว่าถ้าราคาสินค้าถูกลงจะมีปัญหา คนที่ไม่ลดราคาลงจะต่อต้าน ทำให้ลดราคาลงไม่ได้ ทั้งที่แท้จริงแล้วคนที่ทำให้แพงคือคนที่พูดอยู่บ่อย ๆ
เมื่อถามว่าการวิจารณ์ว่าส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นค่าแรงส่งผลต่อราคาสินค้า แต่รัฐบาลไม่ได้ลงไปดูแลนั้น นายบุญทรง กล่าวว่า ค่าแรงขึ้นเพียง 7 จังหวัด แต่ราคาสินค้ากลับปรับขึ้นไปพร้อมกัน จึงไม่อยากให้นำเรื่องค่าแรงมาเป็นข้ออ้าง  เพราะการปรุงอาหารสำเร็จรูปนั้นเรื่องค่าแรงไม่มีส่วนเทาไหร่ เนื่องจากร้านส่วนใหญ่เจ้าของเป็นผู้ผลิตเองทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อสินค้าราคาถูกลงควรปรับราคาอาหารลงด้วย เพื่อความเป็นธรรมกับผู้บริโภคบ้าง
รมว.พาณิชย์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมครม.วันนี้(14 พ.ค.) จะนำเสนอหลักการกำหนดราคาอาหารปรุงสำเร็จ 10 รายการ ต่อครม. เพื่อกำหนดเป็นราคาต้นทุนพื้นฐานของวัตถุดิบที่สำรวจเฉลี่ยให้โดยไม่นำเรื่องค่าเช่ามาบวกรวม และจะให้มีกำไรที่ผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้ จากนั้นคณะอนุกรรมการฯจะดูแลเรื่องราคาสินค้าโดย จะเริ่มประชุมในสัปดาห์นี้  ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะดูเรื่องปริมาณและคุณภาพ และเข้มงวดเรื่องการติดป้ายราคาให้มากขึ้น ขณะที่ในสัปดาห์นี้จะเชิญผู้ประกอบการรายใหญ่มาหารือ เพื่อชี้แจงถึงมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการ และขอให้ยืนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคตามที่กระทรวงฯได้ขอความร่วมมือไปอีกประมาณ 4 เดือน และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่ากรมการค้าภายใน ทำหน้าที่ดีพอแล้วหรือไม่ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า รอให้เวลาเขาทำงานก่อน ต่อข้อถามว่าจำเป็นต้องคาดโทษกรมการค้าภายในหากไม่สามารแก้ไขปัญหาราคาสินค้าได้ นายบุญทรง กล่าวว่า  ตอนนี้ได้พูดคุยกันทุกวันและเร่งรัดให้ทำงานมากขึ้น  อย่างไรก็ตามทางกระทรวงได้เดินหน้าเรื่องร้านถูกใจ เพื่อจำหน่ายสินค้าราคาถูกใจ ที่นายกรัฐมนตรีมีแนวคิดจะดำเนินการให้ได้ประมาณ 1 หมื่นแห่งนั้น หลังจากในวันที่ 20 พ.ค.นี้ คาดว่าจะเปิดได้อย่างนั้น 1,000 -2,000 แห่งทั่วประเทศ โดยกทม.ประมาณ 400-500 แห่ง
ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรี เตรียมต่อวีซ่าทำงานให้นายบุญทรงได้เป็นรมว.พาณิชย์ ต่อไป จะเร่งรัดแก้ปัญหาได้เร็วขึ้นหรือไม่ นายบุญทรง หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า “ยิงเผาขนเลยนะ”

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ส.ส.ร้อยเอ็ดอัด“ศักดา”ตั้งก๊วนทุ่งกุลาหวังป้องเก้าอี้รมต.


วันนี้ ( 14 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการตั้งกลุ่มทุ่งกุลา ซึ่งเป็นการรวมตัวของส.ส.อีสาน 5 จังหวัดได้แก่ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร สุรินทร์ และศรีสะเกษ  นำโดยนายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด และรมช.ศึกษาธิการ เพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า ในฐานะส.ส.ร้อยเอ็ด ยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว แต่คิดว่าเป็นเพียงแค่การกุข่าว เพื่อให้ตัวเองมีความสำคัญ เพราะมีข่าวล่าสุดว่า นายศักดา จะถูกปรับออกจากตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ จึงคิดตั้งกลุ่มเพื่อป้องกันให้ไม่ให้ตัวเองหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตามต้องดูความรู้ ความสามารถด้วย เพราะตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา นายศักดา ไม่มีผลงานอะไรออกมาอย่างชัดเจน
“อยากถามว่า นายศักดา มีบารมีอะไรถึงมาตั้งกลุ่ม และทำไมต้องมาตั้งกลุ่มในช่วงที่มีข่าวว่าจะถูกปรับออกจากครม.  และทำไมจึงพูดว่า เป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองไม่ให้กลุ่มอื่น ๆ ภายในพรรคมาแย่งโควตาตำแหน่งทางการเมืองของกลุ่มทุ่งกุลา  แสดงว่าเป็นการตั้งกลุ่มขึ้นมา เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ไม่รู้ว่ากลุ่มทุ่งกุลามีอยู่กี่คน แต่การตั้งกลุ่มอะไรขึ้นมาต้องทำเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อรักษาสถานภาพของตัวเอง”นายนิรันดร์ กล่าว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ประพันธ์”กำชับเตรียมความพร้อมเลือกตั้งส.ส.ร.


วันนี้ (14 พ.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ เมื่อเวลา 09.00 น. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินโครงการพลเมืองอาสาพัฒนาประชาธิปไตย ประจำปี 2555 โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.จว.)  และหัวหน้างานการมีส่วนร่วม จากทั่วประเทศเข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้นายประพันธ์ ได้กำชับให้ผอ.กต.จว. เตรียมความพร้อมในเรื่องของการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพราะคาดว่า รัฐสภาน่าจะผ่านร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 2 ในวันนี้ และลงมติวาระ 3 ประมาณสิ้นเดือนพ.ค.นี้ และหลังจากทูลเกล้าฯ และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ กกต.จะเร่งรัดในเรื่องการออกระเบียบเลือกตั้ง ส.ส.ร. โดยมีเวลา 75 วัน ในการกำหนดให้กกต.จัดการเลือกตั้งส.ส.ร.
นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า หลังร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมีผลใช้บังคับ ทางสำนักงานกกต.จะหารือไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ว่า หน่วยงานใดจะเป็นผู้เสนอออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งส.ส.ร.รวมถึงการกำหนดวันเลือกตั้งส.ส.ร. ส่วนการทำประชามติก็จะเป็นไปตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552นั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกระเบียบเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งส.ส.ร. เชื่อว่าจะไม่รุนแรงเท่ากับการเลือกตั้งส.ส. เพราะหน้าที่ของส.ส.ร.เพียงแค่ออกความเห็นในเรื่องของการตรารัฐธรรมนูญ แต่กกต.ไม่ประมาท เพราะกฎหมายยังให้อำนาจกกต.ในการสั่งเลือกตั้งใหม่ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่กรณีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจะต้องยื่นต่อศาล.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ประพันธ์”ห่วงเลือกตั้งซ่อมเขต 3 เชียงใหม่คนน้อย


วันนี้ (14 พ.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ว่า เท่าที่ได้รับรายงานทางจังหวัดได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว  และครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งซ่อม จึงเกรงว่าจะมีผู้ใช้สิทธิน้อยเหมือนกับการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ปทุมธานี ที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพียงแค่ร้อยละ 30 เท่านั้น จึงกำชับให้กกต.จังหวัด รณรงค์ให้ประชาชนมาใช้สิทธิให้มาก ส่วนการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่มีการรายงานว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ความจริงแล้วข้าราชการการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรค สามารถลงไปช่วยผู้สมัครหาเสียงได้ แต่อย่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปช่วยหาเสียง
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองใช้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปช่วยหาเสียง นายประพันธ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงผู้มีตำแหน่งหน้าที่จะไปช่วยหาเสียงไม่ได้ และที่ผ่านมามีคดีความอยู่แล้ว โดยป.ป.ช.เคยดำเนินคดีกับรัฐมนตรีใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัคร
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับที่พรรคประชาธิปัตย์ เกรงว่าจะไม่สามารถลงพื้นที่ไปหาเสียงได้ เพราะจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ของเสื้อแดงนั้น ว่า อยากให้ทุกฝ่ายไปหาเสียงได้อย่างเสรี และกกต.จังหวัดบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากพรรคการเมืองที่จะลงไปหาเสียงเกรงว่า จะไม่ได้รับความสะดวก สามารถประสานมายังกกต.ได้ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าบรรยากาศการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะนี้ดีกว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา แต่หากผู้สมัครหากเห็นว่ามวลชนของตัวเองทำอะไรไม่ถูกต้อง จะต้องสั่งให้หยุดดำเนินการ ขณะเดียวกันกฎหมายกำหนดว่า ใครที่กระทำการในลักษณะใช้อิทธิพลไปข่มขู่ ถือว่ามีความผิด แต่ตนยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ปชป.ขำกลิ้ง 6 รมต.ตรวจตลาดสร้างภาพ


วันนี้ ( 14 พ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวตั้งข้อสังเกตการลงพื้นที่ตรวจสอบสินค้าของรัฐมนตรีทั้ง 6 คน ว่า เป็นเพียงงานอีเวนต์ ที่ทำให้รัฐมนตรีบางคนไม่เคยมีหน้าตาโผล่ตามสื่อ ได้มีโอกาสให้ชาวบ้านได้จำหน้าไว้ว่ามีส่วนในการสร้างความล้มเหลวให้กับระบบเศรษฐกิจของชาติ สร้างภาวะแพงทั้งแผ่นดินโดนปรับออกจากครม.เท่านั้นเอง โดยตนขอตั้งข้อสังเกต 5 ข้อ ดังนี้
1.เป็นการสร้างภาพใช้การตลาดนำการเมือง บิดเบือนข้อเท็จจริงกลบความล้มเหลว เพื่อให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาราคาสินค้า และต้องการชิงพื้นที่ข่าวในสื่อมวลชนเท่านั้น 2.เลี่ยงไม่ไปตลาดทั่วไป เพราะกลัวชี้แจงไม่ได้ หากเจอของแพง โดยเลือกลงพื้นที่ที่เป็นตลาดขายส่ง โดยรมว.พาณิชย์ได้เห็นสินค้าแพงหลายอย่าง แต่ไม่มีแนวคิดแก้ไขปัญหาอย่างไร และที่น่าขำ คือนางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่เดินทางไปที่ร้านขายส่ง จึงอยากจะถามนางนลินี ว่า เวลาซื้อชุดนักเรียนให้ลูกนั้น มีใครเขาซื้อกันเป็นโหลอย่างในครั้งเดียวหรือไม่
3. กรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ลงพื้นที่ปลูกผัก ที่ จ.ราชบุรีนั้น ทำให้เห็นถึงงานถนัดของนายณัฐวุฒิ คือ การสรรหาคำพูดมาอธิบายหาเหตุผล มาสะกดจิตประชาชน แต่หาสาระไม่ได้ ใช้สูตรเดียวกับนายกฯ คือโทษดินฟ้าอากาศ และรอให้ฝนมา แสดงว่าสภาพอากาศของประเทศไทย มีความสำคัญกว่าการมีรัฐบาลคุณภาพอย่างชุดปัจจุบันเสียอีก 4.เรื่องไข่ไก่ ถือว่ารัฐบาลนี้ได้อานิสงส์จากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ให้มีการเปิดเสรีการนำเข้าพันธุ์ไก่ไข่ ทำให้ล้างระบบผูกขาดได้
5. เรื่องน้ำมันปาล์ม รัฐบาลกลับไม่สามารถบริหารให้มีปริมาณเพียงพอและราคาที่เหมาะสมได้ กลับต้องไปสมคบคิดกับภาคเอกชนในการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ อีกถึง 4 หมื่นตัน มาทำลายราคาขายภายในประเทศ กดราคาของพี่น้องเกษตรกร ถือเป็นการจงใจทำร้ายประชาชน และที่กล่าวอ้างว่าน้ำมันปาล์มดิบ 1หมื่นตัน แรกที่มีการนำเข้ามาแล้วนั้น มีต้นทุนเพียง 31 บาทต่อกก. ทั้ง ๆ ที่ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 36 บาทนั้น อยากจะถามว่า ได้เอาเงินภาษีประชาชนไปอุดหนุนให้กับบริษัทเอกชนได้กำไรไปฟรี ๆ ใช่หรือไม่ เพราะรัฐบาลชุดนี้มีความถนัดในการสร้างกำไรให้กับพ่อค้าเอกชนคนรวย และถนัดในการสร้างหนี้ กดขี่ประชาชน คนยากไร้ หาเช้ากินค่ำ.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

บิ๊กตู่ฉุนภาพฉาวในค่ายทหารสั่งลงโทษ“ผู้พัน-ครูฝึก”


วันนี้ (14 พ.ค.) ที่กองบัญชากองทัพบก (บก.ทบ.) มีรายงานจากกองทัพบกแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ได้มีการประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวันของกองทัพบก (ทบ.) มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานการประชุม โดยในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงกรณีภาพชุดทหารเกณฑ์มีเพศสัมพันธุ์เซ็กส์ในค่ายทหารแห่งหนึ่งมาเผยแพร่ในเฟซบุ๊คในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้ทราบแล้วว่า เป็นใคร และอยู่หน่วยงานไหน พร้อมกับได้สั่งการให้สำนักงานเลขานุการกองทัพบกไปสอบสวนเพิ่มอีกครั้ง แล้วทำรายงานผลสอบเสนออย่างเร่งด่วนอีกครั้ง
แหล่งข่าวระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ รู้สึกไม่พอใจ และมองว่าทำให้ภาพลักษณ์ของกองทัพบกเสียหาย โดยเฉพาะคนที่เป็นครูฝึกที่สั่งให้ทหารเกณฑ์มาทำเรื่องนี้ในค่ายทหาร และถ่ายรูปไว้อีกด้วย โดยพล.อ.ประยุทธ์ มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของกองทัพบกดูในรายละเอียดด้วยว่า สามารถเอาผิดผู้นำภาพเหล่านี้มาเผยแพร่ในโซเชี่ยลมีเดียได้หรือไม่ เพราะทำให้กองทัพบกได้รับความเสียหาย
“ผบ.ทบ.โกรธมาก และตำหนิทหารที่ทำว่าเป็นคนที่ไร้ความคิด ทำเสียภาพพจน์กองทัพบก พร้อมสั่งให้ลงโทษตั้งแต่ระดับผู้บังคับกองพันในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา ส่วนครูฝึกทหารเกณฑ์ให้ลงโทษสถานหนัก ขณะเดียวกันมีความเป็นห่วงว่าหน่วยต้นสังกัดจะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย อีกทั้งเป็นเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นมา 3 ปีแล้ว และทหารเกณฑ์ที่อยู่ในภาพก็ปลดประจำการไปหมดแล้ว ” แหล่งข่าว ทบ.ระบุ
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ถกแก้รธน.มาราธอนวันที่15


วันนี้ ( 14 พ.ค.) เวลา 10.00น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีพล.อ.ธีรเดช มีเพียร รองประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่...)พ.ศ...ซึ่งเข้าสู่วันที่ 15 เริ่มพิจารณาในอนุมาตรา 291/18 ซึ่งมีกรรมาธิการเสียงข้างน้อยขอสงวนความเห็นและผู้แปรญัตติของสงวนความเห็นไว้จากเดิมที่ในคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญและร่างของรัฐบาล ที่มีถึงมาตรา 291/17 เท่านั้น

สำหรับ มาตรา 291/18 ถึงมาตรา 291/23 มีสาระสำคัญโดยรวม 3 เรื่อง คือ 1.ห้ามบุคคลที่เคยเป็นส.ส.ร.จะเข้ารับตำแหน่งใด ๆ ทางการเมืองไม่ได้เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่กฎหมายรัฐธรรมนูญ มีผลประกาศใช้   2.จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อองค์กรอิสระและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ  3.การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญจะต้องไม่ทำในลักษณะให้มีผลย้อนหลัง ลบล้างความผิดใด ๆ ซึ่งองค์กรตุลาการหรือองค์กรที่มีอำนาจตามกฎหมายลงมติแล้วว่าบุคคลหรือคณะบุคคลนั้นมีความผิดหรือได้มีการตัดสินคดี

ขณะที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และส.ว.ส่วนใหญ่อภิปรายเห็นพ้องกันว่า การป้องกันไม่ให้ส.ส.ร.รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หลังพ้นตำแหน่ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าส.ส.ร.จะไม่ยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และจะไม่ทำเพื่อล้มคดีให้กับใครคนใดคนหนึ่ง อีกทั้งสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการให้เขียนไว้ให้ชัดเจน เพราะไม่อยากให้จินตนาการว่าส.ส.ร. จะยกร่างสิ่งเหล่านี้
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา  กล่าวว่า การห้ามส.ส.ร.ทั้ง 99 คนข้ามารับตำแหน่งใด ๆ ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนที่จะเกิดจากการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมอุปถัมภ์ ขณะที่กรรมาธิการยกร่างและส.ส.ร.ต้องทำงานใกล้ชิดกันถึง 240 วันในรัฐสภา รวมทั้งช่วงเวลาที่ทำงาน ส.ส.ร. 99 คนจะต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกัน ดังนั้นการขออะไรกัน จึงไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งจากผู้ที่ไม่ได้เป็นส.ส.ร. และมีผู้คุมอำนาจอยู่เบื้องหลังในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตามหลังการอภิปรายนานกว่า 2 ชม. นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯชี้แจงว่า เรื่องเหล่านี้เคยพูดไปแล้วในมาตรา 291/11วรรค 5 ที่ห้ามส.ส.ร.ทำใน 3ข้อคือ ห้ามกระทบต่อรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ห้ามเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ และห้ามเปลี่ยน หมวด 2 คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนสาเหตุที่ทำไมถึงไม่มีการห้ามส.ส.ร.ไปดำรงตำแหน่งต่าง ๆ หลังพ้นวาระนั้น  ตรงนี้ควรเป็นขั้นตอนของส.ส.ร.ในการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ควรจะเขียนกรอบของตัวเองตรงนั้นจะดีกว่า เพราะ ส.ส.ร.ปี 40 ไม่ได้มีการห้ามไว้เช่นเดียวกัน  อย่างไรก็ตาม การสมัครส.ส. ส.ว.ถือเป็นสิทธิของประชาชนผู้ที่มีสิทธิ์ไปสมัคร ส่วนจะได้รับเลือกหรือไม่นั้น เป็นสิทธิของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  ขณะที่กมธ.ยืนยันเห็นด้วยกับที่ กมธ.ได้ทำการแก้ไขถึงมาตรา 291/17เท่านั้น ในส่วนที่มีการแปรญัตติเพิ่มเติมกมธ.ไม่เห็นด้วย
ท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับกมธ.โดยไม่เห็นด้วยกับที่มีผู้แปรญัตติเข้ามา ด้วยคะแนน 336 ต่อ 99 งดออกเสียง 12 ไม่ลงคะแนน 1  และที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับกมธ. ทั้งในมาตรา 291/19,291/20,291/21 , 291 /22
ในส่วนมาตรา 291/23, 291/24 ,291/25 ไม่มีการลงมติ เนื่องจากนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้สงวนคำแปรญัตติไม่ติดใจเช่นเดียวกันกับมาตรา 4/1 ที่ไม่มีการอภิปรายและลงมติ เนื่องจากนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้สงวนคำแปรญัตติไม่ติดใจ

จากนั้นเวลา 13.55น. ได้เริ่มพิจารณามาตรการสุดท้าย คือ มาตรา 5 ว่าด้วยการกรอบระยะเวลาในการให้ได้มาซึ่งส.ส.ร.ตามมาตรา 291/5 และมาตรา 291/6 ให้แล้วเสร็จภายใน 90วัน นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญนี้มีผลบังคับใช้.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

แม่แฝดขอคำปรึกษากสม.


วันนี้ (14 พ.ค.) ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักคุ้มครองสิทธิมนุษยชน สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) นางบุญเกิด อุ่นวงษ์ มารดาของคู่แฝดที่ถูกตำรวจจับผิดตัว โดยจับนายอานนท์ อุ่นวงษ์ แฝดผู้น้องไปติดคุกแทนนายอเนก อุ่นวงษ์ แฝดผู้พี่ ได้เดินทางมาขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวน สำนักงานคุ้มคอรงสิทธิมนุษยชน เพื่อหาทางช่วยเหลือคดีของบุตรชาย
นางอุ่นเรือน กล่าวว่าขณะนี้ทางคู่กรณีได้แจ้งความเพิ่มว่าทำร้ายร่างกายจนทำงานไม่ได้ และขอเรียกร้องค่าเสียหายเป็นการฟ้องทางแพ่ง ทั้งนี้นางอุ่นเรือน ทำข้อตกลงยอมความจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณี และจะครบวันชำระเงินแล้ว แต่ยังไม่พร้อมจะจ่ายเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้คำปรึกษาไปว่าขณะนี้เรื่องเร่งด่วนคือการจ่ายเงินตามข้อตกลงที่ทำไว้ และ แนวทางการแก้ไขคือจะต้องให้ทนายความไปยื่นต่อศาล ขอเลื่อนระยะเวลาออกไปก่อน เพื่อรอผลการสวบสวนที่แท้จริงว่า เป็นอย่างไรใครทำผิดกันแน่ ส่วนคดีที่ศาลตัดสินไปแล้วอาจจะต้องขอทำเรื่องฟื้นคดี เนื่องจากมีหลักฐานใหม่มาชี้แจงต่อศาล อย่างไรก็ตาม นางบุญเกิด ยังไม่ได้ยื่นเรื่องคำร้องเรียนต่อกสม.และในวันนี้มาเพียงแค่ขอคำปรึกษา ทางกสม.จึงขอให้นางบุญเกิดไปทำหนังสือร้องเรียนมาอีกครั้ง เพราะในวันนี้นางบุญเกิด นำเพียงคำพิพากษามาขอคำปรึกษาเท่านั้น.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“โคทม”นำทีมถกแถลงรัฐธรรมนูญ


วันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 09.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) มีการประชุมถกแถลงรัฐธรรมนูญ  จัดโดย สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติวิธีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรีและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน พรอมเชิญตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมกันพิจารณากระบวนการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หลังมีแนวโน้มว่ารัฐสภาจะมีมติเห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 และจะนำไปสู่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้น จึงเห็นควรสนับสนุนให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้ร่วมกันศึกษาหลักการและประเด็นสำคัญที่ควรถูกนำไปพิจารณาในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ข้อเสนอทางเลือกและเหตุผลประกอบการถกแถลงรัฐธรรมนูญในวันนี้จะเผยแพร่ออกสู่ สาธารณชนอย่างกว้างขวางเพื่อประโยชน์ต่อกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่อไป ขณะที่การนำเสนอรายงานของการประชุมเจาะจงเน้นใน 3 หมวด คือ 1.บททั่วไป 2.สิทธิเสรีภาพ และ 3. แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ โดยมีนายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติวิธีและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน ร่วมนำเสนอรายงาน อย่างไรก็ตาม หลังการถกแถลงรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น จะแถลงข่าวเพื่อนำเสนอข้อมูลให้ทราบถึงข้อสรุปอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ค. ) เวลา 14.00 น.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ยงยุทธ”ปัดข่าวกฎเหล็กห้ามส.ส.วิจารณ์กันเอง


วันนี้ (14 พ.ค.) ที่รัฐสภา  นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยออกกฎห้ามสมาชิกพรรควิพากษ์วิจารณ์สมาชิกพรรคด้วยกันเองและรัฐมนตรีผ่านทางสื่อมวลชน แต่ให้นำเรื่องที่ไม่พอใจหารือกันภายในพรรค เพราะทำให้พรรคเสียหาย และกระทบภาพลักษณ์ของรัฐบาลด้วยว่า ไม่ได้เป็นมติพรรค แต่เป็นการพูดคุยกันในพรรคว่า หากมีอะไรให้มาพูดคุยกัน แต่ไม่ได้เป็นข้อห้าม เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ไม่ได้มีกฎเหล็กไปห้ามสมาชิกอะไรในรูปแบบนั้น ใครอยากพูดอะไรก็พูด เพราะทุกคนเป็นผู้ใหญ่รู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่พูด และที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร แม้แต่ปัญหาระหว่างนายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำเสื้อแดงนั้น สุดท้ายก็ไม่มีอะไร และเมื่อถึงจุดหนึ่งทุกอย่างก็จบ
เมื่อถามถึงกรณีที่ส.ส.ภาคอีสานจะรวบรวมส.ส.เพื่อต่อรองโควตารัฐมนตรี นายยงยุทธ กล่าวว่า ถ้าเอาข่าวมาถามคงตอบไม่ได้ แต่หากได้ยินส.ส.ภาคอีสานพูด จะสามารถตอบได้ทันที และขณะนี้ในพรรคยังสามัคคีกันเหนียวแน่นเหมือนเดิม เพราะถ้าไม่สามัคคีกันคงไม่ชนะเลือกตั้งมาได้

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

สองหนุ่มซิ่งสยองชนเสาไฟเกาะกลางถนนดับคาที่


สองหนุ่มขับรถเก๋งเร่งเครื่องหนีแก๊งซิ่ง จยย.ป่วนเมือง บนถนนเทพารักษ์ แต่รถเกิดเสียหลักพุ่งขึ้นเกาะกลางถนน จนพลิกคว่ำหลายตลบ ก่อนพุ่งชนอัดเข้ากับเสาไฟส่องสว่างอย่างรุนแรง ทำให้เสียชีวิตคาที่
เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 14 พ.ค. ร.ต.อ.วิเศษ พุ่มพวง พนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนเสาไฟฟ้า มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในซากรถ ที่บริเวณถนนเทพารักษ์ หลัก กม.ที่ 5 หมู่ 2 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบริเวณเกาะกลางถนนพบรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทาดำ ทะเบียน ศศ 3429 กรุงเทพมหานคร พลิกตะแคงอัดติดอยู่กับเสาไฟฟ้าส่องสว่างกลางถนนในสภาพพังยับเยิน ภายในซากรถพบผู้เสียชีวิตเป็นชายสองรายติดอยู่ภายใน จึงใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างออกมา ทราบชื่อ นายวิทวัส เพ็ชรพิชัย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 / 23 หมู่ 2 ต.โกรกพระ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ และนายวุฒิพงศ์ พูนพันธ์ชู อายุ 23 ปี คนขับ อยู่บ้านเลขที่ 149 / 208 หมู่ 1 ต.เทพารักษ์ อ.เมืองสมุทรปราการ  สภาพกระดูกหักทั่วร่าง จึงนำศพส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชาวบ้านพบเห็นผู้ตายทั้งสองขับรถคันดังกล่าวหนีแก๊งซิ่งรถจักรยานยนต์กวนเมือง กว่า 50 คัน ที่ใช้ถนนเส้นดังกล่าวประลองความเร็วมาจากสี่แยกสีเทพา ระหว่างที่ขับมาด้วยความเร็วสูงรถได้เกิดเสียหลักปีนขึ้นเกาะกลางถนน ก่อนพลิกคว่ำหลายตลบและชนอัดติดอยู่กับเสาไฟฟ้าส่องสว่างอย่างแรง ทำให้กระแสไฟฟ้ารั่วลงมาที่โครงเหล็กตัวถังรถจนเกิดเป็นกระกายไฟ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์จึงไม่กล้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เลยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาทำการตัดกระแสไฟ ของเสาไฟส่องสว่างต้นดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า ในขณะที่ผู้ตายทั้งสองขับรถมาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นลักษณะทางโค้งเล็กน้อยลงจากคอสะพาน รถได้เกิดเสียหลักปีนขึ้นเกาะกลางถนนพลิกคว่ำและชนกับเสาไฟฟ้า ทำให้เสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“บิ๊กอ๊อด”เผยรวบมือระเบิดกาชาดที่นราฯแล้ว


วันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา และที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ที่จ.นราธิวาส เป็นด่านตรวจผู้คนเข้าไปเที่ยวงานกาชาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารพราน และอาสาสมัคร (อส.) โดยมีคนร้ายขับ 2 คนขับจักรยานยนต์ ขว้างระเบิดใส่ 2 ลูก แต่ระเบิดเพียง 1 ลูก และทำให้ อส.กับตำรวจบาดเจ็บ 2 ราย และมีประชาชนบาดเจ็บ 5 ราย จนขณะนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใด ส่วนช่วงเวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา ทหารพรานที่ จ.ปัตตานี กำลังเดินทางกลับจากการรักษาความสงบเรียบร้อยในงานกาชาด โดนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 15 กิโลกรัม วางไว้ข้างทาง ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 17 ราย
เมื่อถามว่าจะมีการสั่งปรับแผนอย่างไรบ้างหรือไม่ พล.อ.ยุทะศักดิ์ กล่าวว่า ได้สั่งการไปหลายครั้งแล้ว และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งผู้บังคับกองพันเป็นประจำว่าในเรื่องยุทธวิธีต้องจะต้องมีการระวังป้องกัน และปฏิบัติตามระเบียบเป็นประจำ ขณะที่การไปประชุมครั้งต่อไปจะต้องพูดคุยกันและชี้แจงว่าอย่าลืมใช้หลักการยุทธวิธีและหลักการปฏิบัติประจำ ส่วนการสูญเสียเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ ไม่ใช่เกิดขึ้นจากยุทธศาสตร์ ดังนั้นจึงต้องเคี่ยวเข็ญกับการปฏิบัติของทหารและตำรวจ โดยมี ผบ.ทบ.เป็นผู้ให้นโยบายในรายละเอียด เรื่องนี้จะต้องพูดกันต่อไปจนกว่าจะมีการระวังให้มากขึ้น

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources