วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จับยาบ้าวันตำรวจ ได้ผู้ต้องหาชาย 3 หญิง 1 ยึดของกลางจำนวนมาก


วันนี้ ( 13 ต.ค.) นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ ปัญญา ผวจ.เลย พลตำรวจตรีศักดา วงศิริยานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และ พ.ต.อ.ภุชงค์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผกก.สภ.เมืองเลย หลังร่วมงานวันสถาปนากรมตำรวจ  ได้ร่วมกัน แถลงข่าว การจับกุมยาบ้า 10,943  เม็ด เงินสด  72,000  บาท แหวนเพชรมูลค่า 2,000 บาท  แหวนทองคำมูลค่า 60,000 บาท  สร้อยคอทองคำมูลค่า 12,000บาท และรถยนต์กระบะ 1 คัน รวมมูลค่า 500,000 บาท

สำหรับผู้ต้องหา คือ 1. นายบุญมี นิยมเหลา  หรือ เต อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 37 หมู่ 13 ตำบลหนองบัว  อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู  2. น.ส.อรอนงค์ จันทร์ขาว อายุ 24 ปี เป็นภรรยาของนายบุญมี  3. นายกรดนัย โสมายัง หรือ ต้อม อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 2/8 ถนนเลย-ด่านซ้าย ตำบลกุดป่อง อำเภอเมืองจังหวัดเลย และ 4. นายณัฐพงศ์ ขำรุณ หรือเม้า อายุ 21 ปี โดยกล่าวหาว่า มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย

จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ระหว่างวันที่ 12-13 ต.ค. จะมีนักค้ายาบ้า ฉวยโอกาสในวันดังกล่าว ลักลอบนำยาบ้ามาจากประเทศเพื่อบ้าน เพื่อส่งมอบกันในเขตพื้นที่อำเภอเมืองเลย ชุดจับกุมได้ออกตรวจไปตามถนนวิสุทธิเพท ตำบลกุดป่อง  พบนายกรดนัยและณัฐพงศ์ ขับรถยนต์ปิกอัพ นิสสัน นาวาร่า สีบอร์น ทะเบียน ฒข- 9981  กทม.ตรงตามที่สายรายงาน  จึงเข้าตรวจค้น พบยาบ้าในตัวนายณัฐพงศ์ 13  เม็ดและค้นในรถพบยาบ้าบรรจุถุงพลาสติกในกล่องนม จำนวน 3,339 เม็ด จากนั้นสอบสวนขยายผล นำไปตรวจค้นห้องพักพบยาบ้าในกล่องนม 4 กล่องรวม  7,591 เม็ด.

จับร้านสปาลักลอบฉีดยาลดความอ้วน


วันนี้(13 ต.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมแถลงจับกุม น.ส.อัญญลักษณ์ ปัจจัยยะโคถา อายุ 37 ปี และนางเยาวเรศ อารมย์สุข อายุ 47 ปี บุรี หลังจากพบว่ามีการลักลอบฉีดยาลดความอ้วน ที่ร้านสปาย่านบางบัวทอง โดยแจ้งข้อหาประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล

พล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวว่า นางเยาวเรศ เปิดร้านสปา โดยให้ น.ส.อัญญลักษณ์ ที่เคยเป็นผู้ช่วยคลินิกแห่งหนึ่ง เป็นผู้ฉีดยาลดความอ้วนให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ โดย กก. 4 บก.ปคบ.ได้รับร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า มีการลักลอบฉีดยาเสริมความงามที่ร้านนวดหน้าชื่อ กุ้งคังเซน เลขที่ 94/36 ม.3 ต.บางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยได้ให้สายลับโทรเข้าไปติดต่อขอใช้บริการนวดหน้ากับนางเยาวเรศ  ระหว่างที่นวดหน้าได้สอบถามนางเยาวเรศ ถึงเรื่องการฉีดยาลดอ้วน และค่าบริการ โดยตกลงราคาค่าบริการเข็มละ 8,000 บาท จากนั้นได้ให้น.ส.อัญญะลักษณ์ มาฉีดให้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อตรวจค้นจับกุมดังกล่าว

ด้าน น.ส.อัญญลักษณ์ กล่าวว่าเคยเป็นผู้ช่วยคลินิกแห่งหนึ่ง ที่ผ่านมาได้ทำการรักษาหน้าให้กับนางเยาวเรศ ที่ไปฉีดซิลิโคนจนหน้าบวม โดยนำแอลคานิทีนมาใส่ไซลิ้งฉีดเพื่อสลายพังผืด เป็นการฉีดเฉพาะจุด ฉีดแล้วก็นวด ส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการอายุ 40-50 ปี ใช้ไซลิ้งฉีดสิวทั่วไป เอาน้ำเกลือมาเจือจาง ส่วนการลดความอ้วนนั้น เป็นการฉีดแล้วนวด โดยนวดแรงๆเหมือนตีไขมัน ฉีดเข้าที่ท้องก็ได้ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าก็บอกว่าไขมันลดลง โดยจะคิดค่าบริการ 3,500-4,500 บาท หรือ 8,000 บาทต่อ 2 รอบ ส่วนยาแอลคานิทีนต้นทุนฝากคนรู้จักซื้อมา 5,000 บาทต่อ 1 แผง 10 หลอด
ทั้งนี้ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ กล่าวว่า ยาที่ น.ส.อัญญลักษณ์ นำมาฉีดให้กับลูกค้านั้น ไม่มีทะเบียนยาจาก อย. โดยค้นเจอของกลาง 10 รายการ อาทิ ไซลิ้งฉีด แอลคานิทีน น้ำเกลือ ยาฉีดรักษาสิว สายยางรัดแขน เข็มฉีดยา เป็นต้น จึงได้แจ้งข้อหา ไม่มีใบประกอบอาชีพเวชกรรม ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบกิจการและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต

พ่อแม่ไม่เชื่อ "เอ๋"ฆ่าตัวตาย


จากเหตุการณ์ช็อกแฟนเพลง น.ส.ผดุงศรี แวงวรรณ หรือ“เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” อายุ 48 ปี อดีตนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น วงดนตรีชื่อดังยุค 80 หรือเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ผูกคอตายในโรงจอดรถ ที่บ้านเช่าหลังหนึ่งในเมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการฆ่าตัวตายในครั้งนี้ ขณะที่ญาติๆ เตรียมดำเนินการนำศพอดีตนักร้องสาวแหบเสน่ห์กลับมาบำเพ็ญกุศลที่ไทยแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นายวิเชียร อัศว์ศิวะกุล ประธานกรรมการบริษัท นิธิทัศน์ โอเอโอ จำกัด อดีตต้นสังกัดของ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ  อดีตนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น ที่ผูกคอตายเสียชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าในการนำศพของนักร้องคนดังกลับประเทศไทย นายวิเชียร กล่าวว่า ขณะนี้ทางครอบครัวของเอ๋ ได้แก่ นางศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ และนายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ มารดาและพี่ชายของนักร้องสาว ซึ่งพักอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด กำลังรอนำเอกสารที่เตรียมมอบอำนาจในการเคลื่อนย้ายศพไปส่งให้สถานกงสุลใหญ่ สหรัฐฯ ที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งจะต้องดำเนินการในวันจันทร์ที่ 15 ต.ค.นี้ เนื่องจากวันเสาร์-อาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ หลังจากนั้นถึงจะทราบว่าศพของเอ๋จะเดินทางมาถึงไทยเมื่อไหร่

นายวิเชียรกล่าวต่อว่าส่วนตัวไม่ปักใจเชื่อว่าเอ๋จะฆ่าตัวตาย เพราะไม่มีเหตุจูงใจ ชีวิตยังมีความสุขดี เร็วๆ นี้ ก็กำลังจะจบการศึกษาด้านพยาบาล อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ก่อนเอ๋ยังโทรศัพท์มาหานายเดชา จินดาพล สมาชิกวงรอยัลสไปรท์ส ที่ขณะนี้ทำงานให้บริษัท นิธิทัศน์ โอเอโอ จำกัด ของตนเองว่า ให้ช่วยเตรียมเอกสารเกี่ยวกับการศึกษาที่โรงเรียนเก่า เพื่อนำไปใช้ในการศึกษาเพิ่มเติมด้วย ประกอบกับนางศรีสุดารัตน์ มารดาของเอ๋ก็ไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายเช่นกัน เนื่องจากเท่าที่ทราบ บ้านพักที่เอ๋อาศัยอยู่เป็นบ้านของสามี-ภรรยาชาวอเมริกันผิวดำ อายุ 70-80 ปี และมีลูกชายอีกคน ซึ่งเอ๋ดูแลพยาบาลอยู่ ต่อมาภรรยาของเขาเสียชีวิต จึงสงสัยได้ว่าอาจจะเกิดปัญหากันในบ้านหรือเปล่า แต่ก็เป็นเพียงการสันนิษฐานของมารดาเอ๋เท่านั้น

ประธานกรรมการบริษัทนิธิทัศน์ฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนค่าใช้จ่าย ยืนยันว่าจะจ่ายค่าดำเนินการนำศพกลับไทย ประมาณ 7-8 พันดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้พี่ชายของเอ๋มาปรึกษาว่าควรจะเผาศพที่อเมริกาเลยดีหรือไม่ เพราะถ้าประกอบพิธีที่นั่นแล้วนำกลับมาเพียงกระดูกจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 3 พันดอลล่าห์สหรัฐ แต่ส่วนตัวอยากพาเอ๋กลับบ้านมากกว่า เพราะถ้าทิ้งไว้ที่นั่นก็กลัวดวงวิญญาณเขาเคว้งคว้าง และแม้ว่าเอ๋จะออกจากต้นสังกัดมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ตนก็อยากจะทำบุญครั้งใหญ่นี้ให้ เพราะที่ผ่านมาทางบริษัทและเอ๋ผูกพันกันเป็นอย่างดี เอ๋เป็นนักร้องที่สร้างความสุขให้แก่คนไทยมากว่า 30 ปี ซึ่งตนจะเป็นเจ้าภาพในการทำพิธีบำเพ็ญกุศลทุกคืน ตั้งใจจะตั้งศพไว้ที่วัดสายไหม ย่านลำลูกกา เนื่องจากแฟนคลับจะได้เดินทางมาร่วมไว้อาลัย และเคารพศพได้สะดวก นอกจากนี้เนื่องจากเอ๋เป็นหัวเรือใหญ่ของบ้านที่ส่งเสียเงินเลี้ยงดูคนใน ครอบครัวมาตลอด ก็จะให้ลูกชายของตนเป็นผู้จัดการในส่วนค่าเลี้ยงดูรายเดือนที่จะมอบให้แก่ ครอบครัวของนักร้องคนดังด้วย แต่จะเดือนเท่าไหร่ ยังปรึกษากันอยู่

ด้าน ก้อย-พรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี อดีตนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น เปิดเผยว่า ได้ทราบข่าวพี่เอ๋-พัชราแล้วตกใจมาก ตนไม่ได้เจอพี่เอ๋นานมากแล้ว ตั้งแต่เขาไปอยู่อเมริกา แต่ก็พอจะทราบข่าวของเขาบ้าง ตอนแรกที่รู้ข่าวก็ช็อกมาก แต่ว่าเป็นอุบัติเหตุก็พอทำใจได้ แต่พอมาทราบอีกครั้งว่าเป็นการฆ่าตัวตายก็ตกใจมาก พี่เอ๋เขาไม่ใช่คนคิดมาก เขาใช้ชีวิตแบบมีความสุข ตนก็ไม่ค่อยสนิทกับพี่เอ๋มาก แต่ก็มีเจอกันเวลาไปร้องเพลงโชว์ตัวด้วยกัน เพราะเข้ามาเป็นนักร้องนำวงดิ โอเวชั่น ต่อจากพี่เอ๋ที่ออกจากวงไปเป็นศิลปินเดี่ยว พี่เขาออกจะเป็นคนห้าวๆ ด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะฆ่าตัวตาย แต่คิดว่าน่าจะเกิดจากไปอยู่เมืองนอกตัวคนเดียวก็คงเหงา เวลามีปัญหาไม่รู้จะไประบายกับใคร คนที่จะทำอะไรอย่างนี้ได้มันคงเป็นแค่ความคิดวูบเดียวจริง ๆ ตนกับพี่เอ๋เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อตอนไปร้องเพลงที่ภูเก็ตเมื่อหลายสิบปี ก่อน ตอนที่พี่เขาดัง ตนยังเป็นนักเรียนอยู่เลย

ที่ จ.ร้อยเอ็ด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่แผงขายอาหารทะเลในตลาดสด อ.เสลภูมิ เพื่อพบกับนางศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ มารดาของเอ๋-พัชรา แวงวรรณ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกสาว พบว่าร้านปิดเงียบ จึงตามไปที่บ้านพัก พบผู้เป็นแม่และพี่ชายอยู่ภายในบ้านแต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพใดๆ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่ารู้สึกว่าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก โดยเฉพาะกระแสข่าวที่ว่าลูกเสียชีวิตด้วยการแขวนคอตาย ตนและลูกชายไม่เชื่อและคิดว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ จากนี้จะยื่นเรื่องถึงสถานทูตสหรัฐฯ ให้ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของคดีนี้ ก่อนปิดประตูบ้านห้ามนักข่าวเข้า และเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางต่อไปยังบ้านเลขที่ 47 หมู่ 5 บ้านโพนเงิน ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านของนายโกศล แวงวรรณ อายุ 77 ปี อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด 2 สมัย บิดาของ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ กล่าวว่าตนและภรรยาได้แยกทางกันขณะเอ๋ยังเด็ก ส่วนบุตรชายคนโตอยู่กับแม่ หลังจากเอ๋ เข้าสู่วงการเป็นนักร้องดัง แล้วพลิกผันตัวเองไปทำมาหากินอยู่ที่สหรัฐอเมริกา พร้อมกับร้องเพลงตามร้านอาหารไปด้วย ขณะทำงานก็พยายามหาเวลาไปเรียนต่อด้านวิชาชีพพยาบาลจนใกล้จะจบ ระหว่างนั้นเอ๋จะติดต่อและส่งเงินให้แม่และพี่ชายใช้อยู่ทุกๆ เดือน เดือนละนับหมื่นบาท ส่วนตนพอมีอยู่มีกินพึ่งพาตนเองได้ บอกเอ๋ไม่ต้องมาช่วย แต่เอ๋ก็พยายามโทรฯ หา เขาเป็นลูกที่ดี แม้พ่อแม่จะแยกทางกัน แต่เรายังเป็นพ่อลูกกัน ยังติดต่อกันอยู่ประจำ และให้กำลังใจกันมาตลอด

นายโกศลกล่าวต่อว่า จนทราบข่าวเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ว่าเอ๋ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว ก็รู้สึกท้อใจน้ำตาคลอที่ลูกเอ๋ต้องมาจากไป เขาเป็นลูกสุดที่รักของพ่อมาตลอด และต่อมามีข่าวเสนอเพิ่มเติมว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการแขวนคอตาย ทำให้ถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ และไม่เชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะลูกสาวคนนี้เป็นคนสุภาพเรียบร้อย อัธยาศัยดี มีฐานะพออยู่พอกิน ไม่เดือดร้อน และไม่มีปัญหาชีวิตใดๆ ข่าวที่ออกมาตนได้พูดคุยกับแม่และพี่ชายของเอ๋แล้ว เราจะเตรียมเอกสารเข้ายื่นที่จังหวัด เพื่อให้จังหวัดประสานไปยังสถานกงสุล หรือสถานทูต ให้พิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตครั้งนี้ ในตอนนี้พวกเราทุกคนยังไม่เชื่อกับเรื่องการแขวนคอตายเอง และเราได้คุยกับแม่ของเอ๋ว่าให้ทางฝ่ายแม่เป็นผู้ประสานงาน และการเดินทางไปรับศพลูกสาว ส่วนตนจะรอฟังข่าวอยู่ที่บ้านเพราะอายุมากไปมาลำบาก เมื่อรับศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดใด วันเวลาใดแน่ชัดแล้วก็จะไปร่วมพิธีทันที
“ทราบมาบ้างว่าเอ๋มีแฟนเป็นตำรวจแอลเอ เป็นชาวอเมริกัน ลักษณะคบหากันเฉยๆ ยังไม่ได้แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว ก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า”
ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์จากนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย รายงานว่านายบรรณา วังวิวัฒน์ กงสุลฝ่ายคุ้มครองดูแลคนไทย ณ สถานกงสุลประจำนครลอสแอนเจลิส เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับตำรวจแอลเอเมื่อตอนบ่ายวันที่ 12 ต.ค.(ตามเวลาท้องถิ่น) ได้รับคำตอบว่าการเสียชีวิตของเอ๋-พัชรา แวงวรรณ ไม่ใช่การฆาตกรรมแน่นอน แต่ยังไม่มีรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรจากตำรวจ “จากประวัติ ตอนแรกๆ ที่คุณเอ๋มาอยู่สหรัฐฯ ได้ทำงานดูแลผู้สูงอายุ และพักอยู่ที่บ้านเช่าหลังเดียวกัน ขนาด 2 ชั้น 4 ห้องนอน ต่อมาคุณเอ๋ได้เรียนภาษา และเรียนวิชาชีพด้านผู้ช่วยพยาบาล และได้ทำงานถึง 3 แห่ง จึงไม่ได้ดูแลผู้สูงอายุคนดังกล่าวอีก แต่ก็ยังเช่าบ้านเดิมอยู่ ก่อนหน้านั้นไม่นาน เจ้าของบ้านบอกว่า คุณเอ๋บอกว่าจะซื้อของขวัญให้หลาน และส่งเงินกลับบ้านให้คุณแม่เดือนละ 25,000 บาทเป็นประจำ ต่อมาไม่นานเธอมีปัญหาตกงาน ซึ่งทางเจ้าของบ้านไม่แน่ใจว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอฆ่าตัวตายหรือไม่”

สาวเชียงใหม่เครียดผูกคอดับ


วันนี้ ( 13 ต.ค.) พ.ต.ท.แดนชัย ทูลอ่อง พงส.(สบ 2) สน.สุทธิสาร รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตผูกคอภายในอาคารทอมแมนชั่น เลขที่ 252/1 ซอยรัชดาภิเษก14 แขวง-เขตห้วยขวาง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่ สน.สุทธิสาร แพทย์รพ.รามาธิบดี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 7 ชั้น จากการตรวจสอบภายในห้องน้ำของห้องเลขที่ 313 ชั้น 3 พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นางกมลพรรณ ตาคำ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 152 หมู่ 1 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ในสภาพใช้สายไฟผูกคอตัวเองกับวาล์วเปิดปิดเครื่องทำน้ำอุ่นภายในห้องน้ำ สวมชุดนอนลายการ์ตูนสีขาว ร่างกายบวมอืด ตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน ส่วนภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นทรัพย์สินแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงเก็บลายละเอียดที่พบไว้ไปตรวจสอบ

จากการสอบสวน น.ส.ชวัลลักษณ์ โฉมนรินทร์ อายุ 24 เพื่อนผู้ตายให้การว่า ตนพักอยู่ที่ห้องเลขที่ 314 ชั้นเดียวกับผู้ตาย และรู้จักกับผู้ตายมาได้ประมาณ 1 ปี เพราะอยู่ห้องตรงข้ามกัน โดยผู้ตายพักอยู่คนเดียว ปกติจะพบผู้ตายแต่งตัวออกไปข้างนอกช่วงเย็นและกลับมาในช่วงเช้าของทุกวัน กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนกำลังเดินออกจากห้องไปพบเพื่อนผู้ตายเป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน ประคองผู้ตายเดินมาส่งที่ห้อง สังเกตเห็นผู้ตายร้องไห้ฟูมฟาย แต่ก็ไม่เห็นว่าทั้งหมดได้เดินเข้าไปภายในห้องหรือเปล่า จากนั้นก็ไม่พบผู้ตายอีกเลย กระทั่งมาได้กลิ่นเหม็นคลุ้งออกจากห้องผู้ตาย จึงเรียกแม่บ้านมาตรวจสอบ พบว่าห้องถูกล็อคจากภายใน เมื่อเจ้าหน้าที่งัดประตูเข้าไปตรวจสอบก็พบผู้ตายผูกคอตัวเองภายในห้องน้ำ เสียชีวิตแล้ว ปกติผู้ตายเป็นคนสนุกสนานร่าเริง ไม่เคยแสดงอาการซึมเศร้าให้เห็น และตนก็ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวเพราะผู้ตายไม่เคยเล่าให้ฟัง ซึ่งตนไม่ทราบว่าผู้ตายมีปัญหาอะไรจึงผูกคอตัวเองดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายน่าจะมีปัญหาส่วนตัว และจากการสอบถามเพื่อนผู้ตายที่อยู่อาคารเดียวกันก็ไม่ทราบว่าผู้ตายมีปัญหา อะไรเพราะไม่เคยเล่าให้เพื่อนฟัง ส่วนประเด็นที่ว่าผู้ตายท้องหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ต้องรอผลจากการชันสูตรอีกครั้ง หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้เรียกญาติและผู้ที่รู้จักคุ้นเคยกับผู้ตาย มาสอบปากคำ เพื่อหาสาเหตุของการตายในครั้งนี้ ก่อนดำเนินการต่อไป

รำลึก 14 ตุลาฯประชาธิปไตย


วันนี้ ( 14 ต.ค.) นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี วางพวงหรีดไว้อาลัยแก่วีรชน 14  ตุลาฯ ณ.อนุสรสถาน 14 ตุลาฯ ถนนราชดำเนิน ส่วนทางด้าน พรรคฝ่ายค้าน มี ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช และนายองอาจ  คร้ามไพบูลย์ เป็นตัวแทนวางพวงหรีดด้วย

ชง ป.ป.ช.เชือดขบวนการรถหรูเลี่ยงภาษี



ปัญหารถยนต์จดประกอบและรถยนต์หรูเลี่ยงภาษี ที่ "ทีมข่าวเดลินิวส์" เกาะติดมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้มีมติรับคดีนี้มาไต่สวนแล้ว เนื่องจากพบความเสียหายต่อภาครัฐหลายหมื่นล้านบาท และยังมีข้าราชการระดังสูงเข้าไปพัวพัน เชิญติดตามได้จาก คลิปรายงานพิเศษของเดลินิวส์ทีวี

เด้ง 5 เสือโรงพักโชคชัยช่วยราชการบก.น.4 เซ่นพิษบ่อน


จากกรณีที่ พ.ต.อ.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล รองผบก.ปอศ. หัวหน้าชุดสืบสวนบช.ก. นำกำลังตำรวจคอมมานโด 50 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นตึกแถว 3 คูหาเลขที่ 3/36 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงและเขตลาดพร้าว หลังได้รับแจ้งว่าสถานที่ดังกล่าวมีการลักลอบเปิดเป็นบ่อนการพนัน โดยจับกุมตัวผู้เล่นได้ 71 ราย เงินสด 2 แสนบาท นอกจากนี้ยังพบโพยพนันฟุตบอลยอดเงินจำนวนหลายแสนบาท ซึ่งจากการสอบถามผู้คนในละแวกใกล้เคียงทราบว่าบ่อนการพนันดังกล่าว เป็นของเฮียตือ ผู้กว้างขวางย่านโชคชัย 4 และลาดพร้าว เปิดมาได้หลายเดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้(13 ต.ค.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานเพียงเบื้องต้นตั้งแต่เมื่อกลางดึกหลังจากที่มีการเข้า จับกุม แต่เนื่องจากวันที่ 13 ต.ค. เป็นวันตำรวจไทย จึงยังไม่มีรายงานเพิ่มเติมเข้ามา อย่างไรก็ตามตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 ดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงและจัดการไปเลยว่าจะเอาใคร มาช่วยราชการ เพราะถือว่านอกหน่วยเข้ามาจับกุม ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าบ่อนดังกล่าวเป็นบ่อนของเฮียตือ ตนไม่ทราบรายละเอียดต้องให้ผบก.น.เป็นผู้ชี้แจง
ด้าน พล.ต.ต.นัยวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ 5 เสือ ของสน.โชคชัย มาช่วยราชการที่บก.น.4 เป็นเวลา 30 วัน ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.เศรษฐศักดิ์ ยิ้มเจริญ ผกก.สน.โชคชัย 2.พ.ต.ท.เทพรัชต์ สกุลมีฤทธิ์ รองผกก.ป. 3.พ.ต.ท.ขจรพงศ์ จิตต์ภาคภูมิ รองผกก.สส. 4.พ.ต.ต.บัณฑูร เทพสุวรรณ สวป. และ5.พ.ต.ท.จิรวัฒน์ ยอดกระโหม สว.สส. โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รองผบก.น.4 ไปรักษาราชการเป็นผกก.สน.โชคชัย แทน นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ให้พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รองผบก.น.4 เป็นประธานกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยจะเร่งดำเนินการสืบสวนให้เสร็จสิ้น โดยเร็วที่สุด

จำคุก 10 เดือน "เจ๊ลำไย" เจ้ามือบ่อนซอยลาดพร้าว 71 ไม่รอลงอาญา



วันนี้(13 ต.ค.) ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถนนรัชดาภิเษก  ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นางลำไย ต้นจันทน์ กับพวกร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-52 ในความผิดฐานร่วมกันเล่นการพนันไฮโล จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. เข้าค้นอาคารเลขที่ 3/36-1-2 ซอยลาดพร้าว 71 แยกโรงไม้  โดยได้รับการร้องเรียนว่า มีการเปิดให้เล่นพนันไฮโล และพนันทายผลฟุตบอล

ทั้งนี้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก นางลำไย จำเลยที่ 1 ในความผิดฐานเป็นเจ้ามือเล่นการพนันไฮโล เป็นเวลา 4 เดือน ปรับจำเลยที่ 2-52  ผู้เล่นคนละ 1,000 บาท ขณะเดียวกันพนักงานอัยการยังฟ้อง นางลำไย ต้นจันทน์ กับพวกรวม 5 คน ฐานร่วมกันเล่นพนันทายผลฟุตบอล ศาลพิพากษาลงโทษ นางลำไย ฐานเป็นเจ้ามือ จำคุกเป็นเวลา 6 เดือน รวมจำคุกนางลำไย ไว้มีกำหนด 10 เดือน ไม่รอลงอาญา และปรับจำเลยที่ 2-5  ผู้เล่นคนละ 1,000 บาท

นอกจากนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 1 ยังยื่นฟ้อง นายอาคม หอมจันทร์ กับพวก ร่วมเป็นจำเลยที่ 1-30 ในความผิดฐานร่วมกันเล่นการพนันไฮโล ที่ถูก สน.ลาดพร้าว จับกุมได้ที่ย่านบางกะปิ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ศาลพิพากษาจำคุก นายอาคม ฐานเป็นเจ้ามือ เป็นเวลา 3 เดือน และปรับจำเลยที่ 2-30 ผู้เล่น คนละ 1,000 บาท  และฟ้อง นายสมใจ สำราญบุญกับพวก ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-28 ในความผิดฐานร่วมกันเล่นการพนันไฮโล ศาลพิพากษาจำคุก นายสมใจ ฐานเป็นเจ้ามือ เป็นเวลา 3 เดือน และปรับจำเลยที่  2-28 ผู้เล่นคนละ 1,000 บาท.

“โดนัท-มนัสนันท์”ถูกมือดีทุบรถฉกทรัพย์เฉียดแสนบาท



วันนี้( 13 ต.ค.) ร.ต.ต.สมพร อินทร์ใหม่ พงส.(สบ 1) สน.มักกะสัน รับแจ้งจาก น.ส.มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล  หรือ โดนัท อายุ  29 ปี นางเอกสาวชื่อดัง สังกัดสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า ถูกคนร้ายทุบรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ก-2503 กรุงเทพมหานคร จนได้รับความเสียหายแล้วขโมยทรัพย์สินหลบหนีไป โดยโดนัท ให้การเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 20.00 น.วันเดียวกัน ได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดบนถนนอาร์ซีเอ หน้าโรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอ เพื่อร่วมงานเปิดตัวหนังสือ “ดิ ออร์เธอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์” ซึ่งเป็นหนังสือแนะนำเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วโลก ซึ่งเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์จริงของตัวเอง เมื่อมาพบว่ามีช่องจอดรถว่างอยู่พอดี จึงนำรถเข้าไปจอดจากนั้นจึงลงไปร่วมแถลงข่าวละแจกรายเซ็นให้แฟนๆ

ดาราสาว เปิดเผยต่อไปว่า หลังจากเสร็จงานเปิดตัวหนังสือ ประมาณ 22.00 น. ตนเองและเพื่อนจึงเดินกลับมาขึ้นรถเพื่อกลับที่พัก แต่เพื่อนที่เดินนำหน้าได้ร้องทักขึ้นว่า ลืมปิดกระจกรถ เพราะสังเกตเห็นแต่ไกลว่ากระจกรถด้านหลังหลังข้างซ้ายเหมือนเปิดอยู่ ซึ่งตนเองจำได้ว่าก่อนลงจากรถได้ปิดประตูและกระจกเรียบร้อย จึงสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นจึงรีบวิ่งเข้าไปตรวจสอบ และพบว่ากระจกรถถูกทุบแตกทั้งบาน เมื่อตรวจสอบดูในรถก็พบว่าทรัพย์หลายรายการ คือ แม็คบุ๊ค กระเป๋าหนังสะพาย ยี่ห้อโค๊ทส์ ฮาร์ดดิสก์ เอ็กซ์เทอร์นอล 2 ตัว สร้อยและแหวนแฮนด์เมด รวมมูลค่ากว่า 8.5 หมื่นบาทถูกคนร้ายขโมยไป  จึงรีบขับรถเข้าแจ้งความกับตำรวจ ทั้งนี้ตนเองอยากจะได้ฮาร์ดดิสก์ 2 ตัว คืนมากที่สุด เพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ทำ และไปอบรมดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถจะซื้อหามาทดแทนได้

หลังรับแจ้งความตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนลงตรวจสอบภาพจากกล้องวิดีโอวงจรปิดที่เกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสคนร้าย แต่พบว่าบริเวณนั้นไม่มีการติดตั้งกล้องวีดีโอวงจรปิดไว้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ประสานขอตรวจสอบสถานที่ใกล้เคียงและเส้นทาง เข้าออก รวมทั้งประสานกองพิสุจน์หลักฐานเข้าเก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงคนร้าย เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามจับกุมมาดำเนินคดี

สำหรับดาราสาว โดนัท-มนัสนันท์ เข้าวงการครั้งแรกในฐานะศิลปินนักแสดงสังกัดค่ายอาร์เอส ก่อนผันตัวมาเป็นนักแสดงในสังกัดสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จนถึงปัจจุบันและมีการแสดงละครอย่างต่อเนื่อง โดยละครที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ เรื่องดอกส้มสีทอง ซึ่งแสดงประกบคู่กับ อั๋น-วิทยา และ ชมพู่-อารยา ส่วนผลงานละครล่าสุดที่เพิ่งจบไปคือเรื่อง “ขุนศึก” ในบทของ “เอื้อยแตง” และล่าสุดกำลังมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับพระเอกหนุ่ม “อนันดา-เอเวอริ่งแฮม" ด้วย

“โดนัท-มนัสนันท์”ถูกมือดีทุบรถฉกทรัพย์เฉียดแสนบาท


วันนี้( 13 ต.ค.) ร.ต.ต.สมพร อินทร์ใหม่ พงส.(สบ 1) สน.มักกะสัน รับแจ้งจาก น.ส.มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล  หรือ โดนัท อายุ  29 ปี นางเอกสาวชื่อดัง สังกัดสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ว่า ถูกคนร้ายทุบรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง ก-2503 กรุงเทพมหานคร จนได้รับความเสียหายแล้วขโมยทรัพย์สินหลบหนีไป โดยโดนัท ให้การเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 20.00 น.วันเดียวกัน ได้ขับรถคันดังกล่าวมาจอดบนถนนอาร์ซีเอ หน้าโรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอ เพื่อร่วมงานเปิดตัวหนังสือ “ดิ ออร์เธอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์” ซึ่งเป็นหนังสือแนะนำเกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยว ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วโลก ซึ่งเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์จริงของตัวเอง เมื่อมาพบว่ามีช่องจอดรถว่างอยู่พอดี จึงนำรถเข้าไปจอดจากนั้นจึงลงไปร่วมแถลงข่าวละแจกรายเซ็นให้แฟนๆ

ดาราสาว เปิดเผยต่อไปว่า หลังจากเสร็จงานเปิดตัวหนังสือ ประมาณ 22.00 น. ตนเองและเพื่อนจึงเดินกลับมาขึ้นรถเพื่อกลับที่พัก แต่เพื่อนที่เดินนำหน้าได้ร้องทักขึ้นว่า ลืมปิดกระจกรถ เพราะสังเกตเห็นแต่ไกลว่ากระจกรถด้านหลังหลังข้างซ้ายเหมือนเปิดอยู่ ซึ่งตนเองจำได้ว่าก่อนลงจากรถได้ปิดประตูและกระจกเรียบร้อย จึงสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นจึงรีบวิ่งเข้าไปตรวจสอบ และพบว่ากระจกรถถูกทุบแตกทั้งบาน เมื่อตรวจสอบดูในรถก็พบว่าทรัพย์หลายรายการ คือ แม็คบุ๊ค กระเป๋าหนังสะพาย ยี่ห้อโค๊ทส์ ฮาร์ดดิสก์ เอ็กซ์เทอร์นอล 2 ตัว สร้อยและแหวนแฮนด์เมด รวมมูลค่ากว่า 8.5 หมื่นบาทถูกคนร้ายขโมยไป  จึงรีบขับรถเข้าแจ้งความกับตำรวจ ทั้งนี้ตนเองอยากจะได้ฮาร์ดดิสก์ 2 ตัว คืนมากที่สุด เพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ทำ และไปอบรมดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งไม่สามารถจะซื้อหามาทดแทนได้

หลังรับแจ้งความตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานฝ่ายสืบสวนลงตรวจสอบภาพจากกล้องวิดีโอวงจรปิดที่เกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสคนร้าย แต่พบว่าบริเวณนั้นไม่มีการติดตั้งกล้องวีดีโอวงจรปิดไว้ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ประสานขอตรวจสอบสถานที่ใกล้เคียงและเส้นทาง เข้าออก รวมทั้งประสานกองพิสุจน์หลักฐานเข้าเก็บร่องรอยลายนิ้วมือแฝงคนร้าย เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามจับกุมมาดำเนินคดี

สำหรับดาราสาว โดนัท-มนัสนันท์ เข้าวงการครั้งแรกในฐานะศิลปินนักแสดงสังกัดค่ายอาร์เอส ก่อนผันตัวมาเป็นนักแสดงในสังกัดสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จนถึงปัจจุบันและมีการแสดงละครอย่างต่อเนื่อง โดยละครที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ เรื่องดอกส้มสีทอง ซึ่งแสดงประกบคู่กับ อั๋น-วิทยา และ ชมพู่-อารยา ส่วนผลงานละครล่าสุดที่เพิ่งจบไปคือเรื่อง “ขุนศึก” ในบทของ “เอื้อยแตง” และล่าสุดกำลังมีข่าวกุ๊กกิ๊กกับพระเอกหนุ่ม “อนันดา-เอเวอริ่งแฮม" ด้วย

เหนือ-อีสานอากาศเย็นในตอนเช้า


วันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศทั่วไป เมื่อเวลา  04.00 น. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมตอนบนของภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนเป็นแห่งๆ ถึงกระจายในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ   อากาศเย็นในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   อากาศเย็นในตอนเช้า และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาคบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และนครปฐม อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ฮือฮาเต่าประหลาดมีเอวแห่ขอหวยเพียบ


วันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบเต่าประหลาดขนาดเล็ก ไม่กลัวคน ขนาดความยาวกระดองวัดได้ประมาณ 7 ซ.ม. หน้าอกมีสีขาวสลับน้ำตาล บริเวณหัวสีดำมีลายเส้นสีขาวพาดสลับหัว  กระดองสีน้ำตาลอมดำ และที่แปลกแตกต่างจากเต่าทั่วไป ก็คือ ที่บริเวณรอบกระดองมีสีขาว กลางลำตัวมีร่องลึกเว้าเข้าทั้งสองข้าง คล้ายเอวคน ซึ่งเต่าดังกล่าวเป็นเต่าของนางธัญญรัตน์ เผดิม อายุ 48 ปี ที่บ้านเลขที่ 68/4 ชุมชนเทศบาลอนุสรณ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ จากนั้นจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบกับกลุ่มชาวบ้าน กำลังมุงดูด้วยความสนใจ ที่บริเวณอ่างน้ำหน้าบ้านของบ้านหลังดังกล่าว
นางธัญญรัตน์ เปิดเผยว่า ก่อนที่จะนำเต่าตัวนี้มาเลี้ยง เมื่อสองเดือนที่ตนไปธุระข้างนอกบ้านมาระหว่างขี่รถเข้าบ้าน ได้เห็นสัตว์อะไรเล็กๆแต่ไม่ชัดเจนคลานตามถนน  จึงจอดรถลงไปดู พบว่าเป็นเต่าที่มีลักษณะประหลาดมีเอว จึงเก็บมาเลี้ยง จากนั้นพอมีชาวบ้านทราบข่าวต่างพากันเดินทางมาดูแลแห่ขอหวยเป็นจำนวนมาก
นางกิมนี ศรีชมพู อาจารย์ผู้ประกอบพิธี อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 338 ม.5 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ กล่าวว่า เต่าตัวนี้แปลกมาก มีพลังอำนาจเป็นถึงพญาเต่า ที่สำคัญผู้ที่เก็บเอามาเลี้ยงเป็นผู้ที่มีบารมีบุญสูง เพราะ นางธัญญรัตน์ เป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี เชื่อว่ากุศลผลบุญที่ทำมาจะนำพาแต่ความสุข ความเจริญ ลาภยศ สรรเสริญมาให้

เก๋งชนจักรยานยนต์ ดับ 2


วันนี้ (  14  ต.ค.)  ร.ต.ท.ปิยะฤทธ์ พ่วงพลอย พนักงานสอบสวน สภ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี รับแจ้งมีเหตุรถยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ที่บริเวณ แยกไฟแดงถนนสายเอเชีย ทางเข้าตลาดอินทร์บุรี หลักกิโลเมตรที่ 103 – 104  หมู่ที่ 6 ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี จึงรุดไปทำการสอบสวน
ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมาสด้าสองสีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 6446นครสวรรค์ จอดอยู่กลางถนนในลักษณะหันหัวรถขึ้น เหนือ สภาพรถได้รับความเสียหายหนัก ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟสีแดงเทา หมายเลขทะเบียน กน ง 802 สิงห์บุรี ล้มอยู่ในสภาพรถพังยับเยิน ในที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตสองรายคือนางสำเนียง พิมพ์จันทร์อายุ 48 ปี  บ้านเลขที่  23/1 หมู่ที่ 8 ต.ห้วยชัน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี และอีกหนึ่งคนทราบชื่อ น.ส.นิ สรี อินทรโสภณ อายุ  44 ปีบ้านเลขที่ 101/11 ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธาน สภาพศพคอหักทั้งคู่
จากการสอบสวนน.ส.เตือนใจ ใจยา อายุ 28  ปีบ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 8 ต.ทับหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี คนขับรถเก๋งที่ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่าตนเองขับรถมาตามทาง แล้วรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ขับออกมาจากทางตัดหน้า ในระยะกระชันชิดทำให้เบรกไม่ทัน ไปชนรถจักรยานยนต์จนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources