วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"บิ๊กโอ๋" ปัดสั่งโฆษกกลาโหม แจงเรื่อง "มาร์ค"เกณฑ์ทหาร


เมื่อวันที่ 22 ก.ค. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ามีการมอบหมายให้พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข้อเท็จจริงเรื่องการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยืนยันว่าตนไม่ได้มอบหมายให้พ.อ.ธนาธิปดำเนินการแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียด เรืื่องดังกล่าวแต่อย่างใด และยังไม่มีการชี้แจงใดๆทั้งนั้น ข่าวที่นำไปลงเพราะสื่อเอาไปลงผิด แต่ถ้ามีข้อสงสัยและถามกันมากก็อาจจะมีการชี้แจงให้ทราบในเร็วๆ นี้ก็ได้
ทั้งนี้การที่ตนให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา  เพราะมีผู้สื่อข่าวมาถาม ซึ่งไม่มีอะไรต้องปิดบัง เป็นเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งมาถามที่กระทรวงกลาโหม ส่วนการที่อภิสิทธิ์ จะฟ้องร้องกระทรวงกลาโหมที่นำเรื่องนี้มาชี้แจง โดยระบุว่าต้องการช่วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงนั้น ตนไม่อยากตอบโต้ เพราะเขาชอบพูดแบบนี้เป็นปกติ อย่างที่บอกไปแล้วว่าที่ตนพูดเพราะมีนักข่าวมาถาม ก็ชี้แจงข้อเท็จจริงไม่ได้เกี่ยวกับใคร สำหรับที่นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าเอกสารผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ ไม่มีเจ้าหน้าที่ลงนามรับรองอาจเป็นการทำขึ้นเองนั้น ยังไม่ขอพูดตอนนี้ ไว้ชี้แจงในอีก 1-2 วันข้างหน้า

"สธ."ปิ๊งไอเดียตั้ง "อโรคยศาล"


วันนี้ ( 22 ก.ค.) นายวิทยา  บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า  กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนารูปแบบการดูแลผู้พิการจาก อุบัติเหตุจราจร และโรคเรื้อรัง เช่นหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก จนเกิดความพิการ ช่วยตัวเองไม่ได้ ซึ่งคาดว่ามีผู้ป่วยกลุ่มนี้ประมาณร้อยละ 2 ของทั้งประเทศหรือประมาณ 1 ล้านราย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคตจาก 2 ปัจจัย คือการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และประชาชนป่วยเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น  จำเป็นต้องสังเคราะห์ระบบใหม่และพัฒนาทีมงานที่เอื้อต่อการดูแลโรคเรื้อรัง จากการวิเคราะห์ล่าสุดในปี53 จำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั่วประเทศมี 1.7 ล้านราย   ขณะที่ในปี51 มีผู้ป่วย 1.4 ล้านราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19  คาดว่าประเทศไทยจะมีมูลค่าการรักษาโรคเรื้อรังสูงถึงปีละ 52,000 ล้านบาทในปี 58  จึงมีแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ใช้ชื่อว่า "อโรคยศาล" เป็นโครงการนำร่อง 5 แห่งในแต่ละภาค ได้แก่โรงพยาบาลขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ โรงพยาบาลจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี  โรงพยาบาลห้วยยอด จังหวัดตรัง และที่สถาบันการแพทย์แผนไทย  ยศเส  กรุงเทพมหานคร ใช้งบลงทุน 54 ล้านบาท โดยให้กรมสนับสนุนบริการ พัฒนาอาคารสถานที่เครื่องมือ และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น
นายแพทย์อภิชัย  มงคล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  รูปแบบการบริการของอโรคยศาล จะมีโครงสร้างสำคัญ 2 ส่วน คือ การจัดระบบบริการสุขภาพของสถานพยาบาลระดับปฐมภูมิ  ทั้งสถานที่  เครื่องมือ อุปกรณ์ ทีมสหวิชาชีพ 12 คนทำหน้าที่ดูแลคนไข้เช่น แพทย์  พยาบาล  เจ้าหน้าที่กายภาพบำบัด เจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นักโภชนาการ ผู้ช่วยเหลือดูแลจากชุมชน โดยเชื่อมโยงกับ หมอพื้นบ้าน เพื่อเป็นการสนับสนุนทรัพยากรในชุมชนให้เอื้อต่อการดูแลผู้ป่วยพิการ  ให้สามารถดูแลรักษาตนเองได้อย่างเหมาะสมและลดภาวะแทรกซ้อน   ลักษณะเฉพาะขอ งอโรคยศาล  จะเป็นอาคารชั้นเดียว  ระบบระบายอากาศดี แยกเป็นการเฉพาะออกจากหอผู้ป่วยทั่วไปเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจาก ผู้ป่วยเรื้อรังจะมีภูมิต้านทานโรคต่ำ  เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย ภายในอาคารมีทั้งห้องผู้ป่วยรวมและห้องพิเศษ ห้องสันทนาการเพื่อทำกิจกรรม ห้องปฐมพยาบาล ห้องกายภาพบำบัด ห้องศาสนบำบัด คาดว่าจะเริ่มให้การดูแลตั้งแต่เดือนตุลาคม 55 เป็นต้นไป  และประเมินผลในอีก 1 ปี เพื่อดำเนินการต่อในพื้นที่อื่น .

"โฆษกกลาโหม" มึนข่าว “บิ๊กโอ๋” สั่งแจงเรื่อง "มาร์ค" เกณฑ์ทหาร


วันนี้ (22 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวว่าภายหลังจากที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ทำพิธีต้อนรับนายแอฟตัน บี คาร์เตอร์ รมช.กลาโหมสหรัฐอเมริกาที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมอบหมายให้ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เป็นผู้แถลงชี้แจงผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของทางกระทรวง กลาโหมที่ตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประธิปัตย์ ที่ใช้เอกสารเท็จในการเข้ารับราชการที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าและการ หลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทำให้มีสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางมายังบก.ทอ. แต่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้า-ออก บก.ทบ. แจ้งว่างดไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปทำข่าวภายใน โดยระบุว่าเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาไม่สะดวกให้บันทึกภาพทำข่าว เพราะเกรงเรื่องความปลอดภัยและการอารักขา รมช.กลาโหมสหรัฐอเมริกา
ด้านพ.อ.ธนาธิป ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่าพล.อ.อ.สุกำพลมอบหมายให้ชี้แจงรายละเอียดข้อ เท็จจริงการเข้ารับราชการทางทหารของนายอภิสิทธิ์ว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่ทางพล.อ.อ.สุกำพล มอบหมายให้แถลงข่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งน่าจะเป็นการเข้าใจที่คาดเคลื่อนหรือเป็นการประสานงานที่ผิดพลาดมากกว่า แต่ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพล.อ.อ.สุกำพลได้มีการชี้แจงเบื้องต้นใน เรื่องดังกล่าวนี้โดยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ส่งข้อมูลให้กับทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเรียนร้อยแล้ว
ต่อข้อถามว่านายอภิสิทธิ์ระบุว่าทางกระทรวงกลาโหมออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะต้องการช่วยคดีนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกฟ้องอยู่ในขณะนี้ และอาจจะมีการฟ้องดำเนินคดีกระทรวงกลาโหมด้วย พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่มีผู้ร้องเรียนมายังสำนักงานผู้ ตรวจการแผ่นดิน และทางสำนักงานผู้ตรวจการฯก็ทำหนังสือขอข้อมูลจากกระทรวงกลาโหม ซึ่งตามระเบียบมีระยะเวลากำหนดว่าต้องส่งข้อมูลกลับภายในระยะเวลากี่วันและ ทางกระทรวงกลาโหมก็ได้ส่งข้อมูลให้สำนักงานผู้ตรวจการฯเมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมยืนยันว่าเราดำเนินการตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางด้านพล.อ.อ.สุกำพล รู้สึกไม่พอใจต่อกระแสข่าวดังกล่าว เพราะกังวลว่าจะถูกข้อครหาเป็นการช่วยเหลือ นายจตุพร ที่ถูก นายอภิสิทธิ์  เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง ภายหลังจากที่ นายจตุพร ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ หนีทหาร ทั้งนี้เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช นายอภิสิทธิ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยระบุว่า ว่ามีขบวนการจ้องทำลายตน โดยใช้กรณีดังกล่าวมาเป็นเครื่องมือ เพื่อต้องการช่วยเหลือนายจตุพร.

ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง เยือนไทย "ยิ่งลักษณ์" ถกร่วมพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวาย-แหลมฉบัง


เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 22 ก.ค. ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และคณะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ด้วยเที่ยวบินพิเศษ  มีพล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา  รองนายกรัฐมนตรี ต้อนรับ โดยเข้าพักที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล
ต่อมาเวลา 14.15 น. ประธานาธิบดี เต็ง เส่ง  เดินทางไปอาคารศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมไทย และการเชื่อมโยงภายในภูมิภาค โดยเฉพาะการเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกทวายกับพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมทั้งการพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนของไทย จากนั้นเดินทางไปที่หอบังคับการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ชมท่าเรือแหลมฉบัง  นายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผอ.การท่าเรือแหลมฉบัง บรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบัง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. กล่าวว่า เป็นเรื่องดีที่ประธานาธิบดีต็ง เส่ง และ ครม.พม่า เข้ามาเยี่ยมประเทศไทย เพื่อร่วมมือพัฒนาอุตสาหกรรมของ 2 ประเทศให้เชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะท่าเรือแหลมฉบังไปสู่ท่าเรือน้ำลึกทวาย เนื่องจากช่วยลดต้นทุนการขนส่งของผู้ประกอบการไทยอย่างมาก เช่น การส่งออกสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบังไปประเทศอินเดีย ตะวันออกกลาง
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. กล่าวว่า  นายเต็ง เส่ง มีความพอใจในการเยี่ยมชมอย่างมาก คาดว่าจะนำระบบการจัดการต่างๆไปพัฒนาในพม่า เพราะอุตสาหกรรมของพม่าในตอนนี้เป็นสนใจของทั่วโลก โดยเฉพาะท่าเรือพม่าได้เปรียบกว่าท่าเรือแหลมฉบัง เพราะน้ำลึกกว่ารับเรือขนาดใหญ่ได้
งวีไอพี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสหภาพเมียนม่าร์ ว่า จะหาเรื่องข้อหาราชการโดยเฉพาะความร่วมมือการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายและต่อ ขยายไปถึงแหลมฉบัง ส่วนเรื่องการขอความช่วยเหลือให้ทางพม่าปล่อยตัว92คนไทยที่ถูกจับกุมนั้น การดูแลให้ความช่วยเหลือดังกล่าวได้ขอไปยังประธานาธิบดีพม่าไปแล้วก่อนหน้า นี้ ซึ่งการช่วยเหลืออยู่บนหลักการด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้นำพม่ารับปากจะดูแลคนไทยเต็มที่
อนึ่ง ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง จะปฏิบัติภารกิจในประเทศไทยจนถึงวันที่ 24 ก.ค. โดยวันที่ 23 ก.ค.  ช่วงเช้าประธานาธิบดีเมียนมาร์ มีกำหนดการเดินทางไปทำเนียบรัฐบาลโดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้นำเหล่าทัพให้การต้อนรับ และทำพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ก่อนร่วมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างไทยกับเมียนมาร์ และประเด็นสำคัญอื่นๆ กับนายกรัฐมนตรีสำหรับการเดินทางมาของนายเต็ง เส่ง เป็นการเชื้อเชิญจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้เข้าร่วมประชุม ครม. ร่วมกันระหว่าง 2 ประเทศในวันที่ 23 ก.ค. นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี รมต.กระทรวงใหญ่ของพม่าเดินทางเข้าร่วมประชุมกว่า 10 กระทรวง เช่น กระทรวงคมนาคม, พาณิชย์, แรงงาน, ต่างประเทศ, พลังงาน เป็นต้น หลังจากนั้น ครม.จะเดินทางไปร่วมประชุมกับพม่าในครั้งต่อไปเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความ คิดเห็น และเดินทางกลับที่พัก จนกระทั้ง ในเวลา 18.30 น. จะเดินทางกลับมายังทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง โดยที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ ณ ตึกสันติไมตรี

ส่วนวันที่ 24 ก.ค.เวลา 08.00 น. ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง จะเดินทางไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลา 09.00 น. เดินทางไปเยี่ยมชมบริษัทข้าวซีพี จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา และเวลา 16.00 น. ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง จะเดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ และคณะร่วมพิธีส่งประธานาธิบดีเดินทางกลับเมียนมาร์

นายกฯปู ให้จ่ายเงินน้ำท่วมกรุงตามข้อเท็จจริง



วันนี้ ( 22 ก.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่กทม.ต้องการอำนาจจ่ายเงินเองเหมือนต่างจังหวัดว่า ที่กทม.ขอมาเป็นเงื่อนไขที่ต่างจากระเบียบกระทรวงมหาดไทย ที่ขอจ่ายอัตราเดียวกันทั่วประเทศ มิเช่นนั้นการดูแลพี่น้องประชาชน แต่ละจังหวัดจะไม่เท่าเทียมกัน มีระเบียบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) อยู่แล้ว ระเบียบให้จ่ายตามข้อเท็จจริง กำหนดวงเงินขั้นต่ำไม่ได้ ที่กทม.เสนอให้ขยายเวลายื่นคำร้องก็ได้แต่ไม่ใช่ขยายจนไม่มีขอบเขตจำกัด เพราะเราต้องปิดงบประมาณรายจ่าย ที่ผ่านมารู้อยู่แล้วว่าพื้นที่ไหนเสียหายก็ต้องลงไปสำรวจ ไม่ใช่รออย่างเดียว ส่วนที่ฝ่ายค้านระบุว่าท้องถิ่นนั่งเทียนสำรวจความเสียหาย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอยู่มีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ไปตรวจสอบเรื่องการเยียวยาให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมเท่าเทียมกัน

"ปู" เผยฝรั่งเศสหนุนรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง


เมื่อวันที่ 21 ก.ค.  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผลการเดินทางเยือนสาธาณรัฐฝรั่งเศส อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ค. ว่า เป็นการเดินทางครั้งแรกหลังจากไม่มีนายกรัฐมนตรีของไทยเดินทางมาเยือน ฝรั่งเศสกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งจากการหารือ ฝรั่งเศสยินดีทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยในฐานะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งใน ระบอบประชาธิปไตย โดยสิ่งที่ฝรั่งเศสให้ความสำคัญคือการดูแลประชาชนและการให้ความคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันที่จะจัดประชุมความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุน โดยไทยเป็นเจ้าภาพที่ประเทศไทยในเดือนต.ค.นี้ เพื่อสานต่อการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษาในระดับระดับอาชีวะศึกษา การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ การตรวจสภาพภูมิอากาศและอากาศยาน รวมถึงความร่วมมือศึกษาการพัฒนาแฟชั่นด้วยผ้าไทย และการพัฒนาด้านอัญมณี ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยเนื่องจากประเทศไทยมีแรงงานฝีมือและอัญมณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงการได้พบกับแรงงานไทยในฝรั่งเศสด้วยโดยยืนยันว่า ไม่ว่าคนไทยจะอยู่ที่ใด รัฐบาลพร้อมเข้าไปดูแลเพื่อให้ดำรงชีพได้อย่างสมศักดิ์ศรีและช่วยแก้ปัญหา ที่คนไทยต้องเผชิญในต่างประเทศ.

"เพื่อไทย" ปัดแก้ ม.165 ซัด "มาร์ค" จินตนาการ หวังทำลายรัฐบาล




เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ ( 22 ก.ค.)  ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาให้ข่าวว่าทางพรรคเพื่อไทยจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.165 เพื่อลดสัดส่วนของผู้ไปใช้สิทธิประชามติว่า ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคยังไม่เคยมีการหารือใน เรื่องนี้ การออกมาให้ข่าวดังกล่าวเป็นเพียงเกมการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะทางพรรคเพื่อไทยได้แถลงไว้แล้วว่า การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญจะมีการมาหารืออีกครั้งหลังจากมีคำวินิจฉัยกลางของ ศาลรัฐธรรมนูญออกมา ซึ่งคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 26 ก.ค. หรือไม่เกิน 27 ก.ค. หลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะมีการประชุมกรรมการยุทธศาสตร์ แกนนำพรรค และฝ่ายกฎหมายเพื่อกำหนดท่าที และหลังจากนั้นจะแถลงท่าทีว่าจะเดินหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนให้ ประชาชนทราบอีกครั้ง โดยการแก้ ม.165 เป็นความเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น ไม่มีแกนนำ หรือกรรมการยุทธศาสตร์เข้าไปให้ฉันทานุมัติในเรื่องดังกล่าว และการแก้ ม.165 เพื่อลดสัดส่วนประชาชนที่ลงประชามติ ทางพรรคก็ไม่เห็นด้วย ขอให้พรรคฝ่ายค้านอย่าจินตนาการเรื่องนี้ไปเอง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า กรณีที่นายอภิสิทธิ์ ออกมาขวางการแก้ไข ม. 309 เพราะให้เหตุผลว่าจะเป็นไปเพื่อการล้างผิดให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ตนคิดว่าเป็นการจินตนาการไปเอง เป็นการพูดเพื่อทำลายรัฐบาลทุกวิถีทาง ตนอยากให้ประชาชนเห็นธาตุแท้ของนายอภิสิทธิ์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาขัดขวางการแก้ไข ม.309 เห็นได้ว่าไม่เคารพความเห็นของประชาชน ไม่เคารพประชาธิปไตย แต่กลับไปรับรองและเห็นชอบรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหาร ประชาชนก็สะท้อนความคิดเห็นมาว่าผิดหวังกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่มีแนวคิดประชาธิปไตย ไม่มองเห็นหัวประชาชน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ พูดว่าการแก้ไขม.309 จะเป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ความเห็นตนมองว่าถ้ามีการแก้ไขมาตรานี้ในอนาคตก็จะทำให้เป็นประชาธิปไตยที่ ไม่มีร่างเงาของคณะรัฐประหารที่มาบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐธรรมนูญใหม่เป็นนิติรัฐมากขึ้น

“กมล” ยันเอกสารผ่อนผันทหาร “มาร์ค”ของปลอม


เมื่อเวลา 09.50 น. วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย  นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุการตรวจสอบเรื่องการหนีทหารและใช้เอกสารเท็จในการสมัครเข้ารับราชการ เป็นการกล่าวหาเรื่องเดิมๆว่า  ยืนยันว่า เป็นการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่กล่าวหาเรื่องเดิมๆ การที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่า มีเอกสารการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารนั้น ขอยืนยันว่า เป็นเอกสารเท็จ เพราะเอกสารดังกล่าวที่นายอภิสิทธิ์นำมาแสดงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปี 2553 เป็นเอกสารลอยๆ ใครๆทำขึ้นมาก็ได้ ไม่มีเจ้าหน้าที่เซ็นรับรองในสำเนา ที่สำคัญเอกสารที่อ้างไม่เคยมีอยู่ในหลักฐานการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน ที่มีเจ้ากรมจเรทหารบกเป็นประธาน เมื่อปี 2542 เมื่อนายอภิสิทธิ์ชี้แจงเสร็จก็ไม่กล้ามอบเอกสารชิ้นนี้ให้แก่ประธานสภาผู้ แทนราษฎรในขณะนั้น ขอท้าให้นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ หรือใครก็ได้ หาหลักฐานการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารมาแสดงให้ได้ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่เซ็นรับรองมาด้วย ถ้าหาได้จะกราบงามๆ 3 ที  มั่นใจว่า ไม่มีใครกล้ารับรองเพราะเป็นเอกสารเท็จ กระทรวงกลาโหมก็รู้ และตนยังรู้ว่า มีพล.อ.คนหนึ่งที่เกษียณอายุไปแล้ว ร่วมมือกับนายทหารระดับ พ.อ. รวม 6 คน ร่วมกันทำเอกสารนี้ขึ้นมา 

นายกมลกล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์นำเอกสารการได้รับการผ่อนผันไปแสดงต่อศาล แสดงว่า เป็นการใช้เอกสารเท็จในชั้นศาล มีโทษจำคุก 3 ปี หรือ ปรับ 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ไม่รู้ว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง จะฟ้องในข้อหานี้ด้วยหรือไม่ เพราะพิสูจน์ได้ว่า เป็นเอกสารเท็จแน่นอน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ตนไม่กล้านำเอกสารการผ่อนผันการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์มาแสดงในชั้นศาล นั้น สาเหตุที่ไม่ยื่นเพราะเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารเท็จ  ตนใช้เวลา 12 ปีหาหลักฐานต่างๆ มั่นใจว่า ไม่มีเอกสารเรื่องการผ่อนผันแน่นอน  กว่าจะได้หลักฐานมาเป็นเรื่องยากมาก คงไม่กล้าใช้เอกสารเท็จมาใช้ เหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์เคยอภิปรายเรื่องบิดาของนายบรรหาร ศิลปอาชา  ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา อย่างแน่นอน.

“ศิริโชค”ล้างเท้ารอ "กมล" แถลงแจงยิบ ยัน "ก.พ." ออกใบผ่อนผัน "มาร์ค" ให้เรียนต่อนอก


วันนี้ (22ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นาย ศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ระบุนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หนีทหารโดยการใช้เอกสารเท็จในการสมัครเข้ารับราชการว่า เบื้องต้นนายกมลคงลืมไปว่าเมื่อปี 53 นายกมลเคยร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบไปแล้วว่านายอภิสิทธิ์ มีการใช้เอกสารเท็จในการสมัครเข้ารับราชการทหาร โดยขอให้ถอดยศและคืนเบี้ยหวัด หลังจากนั้น ป.ป.ช.มีหนังสือชี้แจงเลขที่ ปช.0012/1020 ลงวันที่ 10ส.ค.53 ระบุว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีการใช้เอกสารเท็จตามที่นายกมลร้อง พร้อมกันนี้ยังแจงให้นายกมลรับทราบ
นายศิริโชค กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการสอบสวนในปี 42 ที่มี พ.อ.สมโชค ไกรศิริ จเรทหารบก ที่สรุปว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีคุณสมบัติการเป็นทหารเพราะขาดใบสด.9 (ลงทะเบียนทหารกองเกิน) ใบ สด.43 (ใบผ่านการเกณฑ์ทหาร) หรือต้องใช้หลักฐานการผ่อนผัน (ใบ สด.41 ตามมาตรา 27(2) )กรณีไปศึกษาต่างประเทศ) ทั้งนี้ยืนยันว่าช่วงดังกล่าวนั้น นายอภิสิทธิ์ต้องไปศึกษาต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด  สำนักงานดูแลนักเรียนอังกฤษในต่างประเทศภายใต้  กพ .ได้ทำการผ่อนผันให้นายอภิสิทธิ์ ไม่ต้องไปตรวจเลือกทหารตามใบ สด.41 เลขที่ 4892/29 ลงวันที่ 4 พ.ย. 2529 ได้รับการผ่อนผันตั้งแต่ปี 30- 32 และยังมีชื่อปรากฎในทะเบียนบัญชียกเว้น หรือผ่อนผันกรณีไปศึกษาต่างประเทศ (สด.20) ด้วย จึงทำให้นายอภิสิทธิ์ไม่มีเอกสารดังที่คณะกรรมการสอบสวนในปี 42 ระบุ
นายศิริโชคกล่าวต่อว่า นอก จากนี้พ.อ.สมโชค ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเป็นพยานของนายจตุพร ในกรณีหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ในประเด็นดังกล่าว ยังเคยยอมรับในศาลว่า หากนายอภิสิทธิ์มี ก.พ.เป็นผู้ทำหนังสือผ่อนผัน ก็ไม่ต้องมารับการตรวจเลือกเป็นทหาร และยอมรับว่ากรณีนี้ไม่ใช่การหนีทหาร แต่เป็นการผ่อนผัน และเมื่อนายอภิสิทธิ์ได้รับคัดเลือกเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร.ไม่ต้องถูกเข้าเรียกประจำการเป็นทหารเกณฑ์ ดังนั้นผลสอบของคณะกรรมการในปี 42 จึงผิดพลาดและอคติ เพื่อตั้งโจทย์เอาผิดนายอภิสิทธิ์ ส่วนกระแสข่าวที่ช่วงนั้นมีการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ยืนยันว่ายังไม่มีใครถูกดำเนินคดีสักรายเลย 
ส่วนกรรมการชุดตรวจสอบข้อเท็จจริงปี 55 ที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต  รม ว.กลาโหม ที่สรุปว่านายอภิสิทธิ์ทำปลอมเอกสารเพื่อผ่อนผันการเกณฑ์ทหารนั้น นายศิริโชคกล่าวยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นความพยายามป้ายสีนายอภิสิทธิ์ และยังนำข้อมูลมาจากหนังสือเรดส์ พาวเวอรส์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของคนเสื้อแดง ทั้งนี้ขอยืนยันว่าเอกสารสด.20 ของนายอภิสิทธิ์เป็นของจริง ส่วนที่นายกมล ฃที่บอกว่าติดตามเรื่องนี้มา 12 ปี ตนคิดว่ากำลังจะทำให้นายจตุพรติดคุก เพราะให้ข้อมูลที่สับสนกับตัวเอง ทั้งเรื่องที่ระบุว่ามีนายทหารระดับ "พล.อ" 1 คน และ "พ.อ." 5 คน ปลอมเอกสารเท็จช่วยนายอภิสิทธิ์ แต่กลับไม่กล้าบอกชื่อนั้นว่าเป็นข่าวโคมลอย และอยากเปลี่ยนชื่อนายกมล เป็น “กมลสตอร์เบอรี่ และตนเตรียมไปล้างเท้าเพื่อให้นายกมลมากราบ 3 ครั้งงาม ๆ อีกด้วย.

นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ถวายพระพร "สมเด็จพระราชินี" ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร


เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ห้องสิรินธร ชั้นล่างอาคารเฉลิมพระเกียรติ  100 ปี รพ.ศิริราช  น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำแจกันดอกไม้มาทูลเกล้าฯ ถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร   ส่วนที่ศาลาศิริราช 100 ปี ยังคงมีประชาชนนำสิ่งของ แจกันดอกไม้มาทูลเกล้าฯ ถวาย พระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
อาทิ คณะครูนักเรียนโรงเรียนน้ำสวยวิทยา อ.สระไคร จ.หนองคาย คณะครูนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 1 วัดลำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม คณะมูลนิธิอนุเคราะห์คนหูหนวกในพระบรมราชินูปถัมภ์ คณะครูนักเรียนโรงเรียนเศรษฐเสถียร ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะอาจารย์นักศึกษาคณะครุศาสตร์  สาขาวิชาบริหารการศึกษา ม.ราชภัฏธนบุรี  กลุ่มศิลปินจากบริษัทอาร์เอส จำกัด (มหาชน) นำโดย ลาล่า-ขวัญนภา เรืองศรี ลูลู่-ดวงฤดี บุญบำรุง แบล็คแจ็ค-จารุพงศ์ กล้วยไม้ และมิณทร์ ยงสุวิมล
ก่อนหน้านี้ สำนักพระราชวัง ได้ออกแถลงสำนักพระราชวัง เรื่องสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระประชวร ขณะประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช เวลาเช้ามืดของวันที่ 21 ก.ค. 2555 ขณะสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงพระดำเนินออกพระกำลัง ทรงรู้สึกเวียนพระเศียร และทรงเซเล็กน้อย แต่ทรงรู้สึกพระองค์ดี รับสั่งได้ คณะแพทย์จึงถวายการตรวจพระวรกาย ตรวจพระสมองด้วยคลื่นแม่เหล็ก พบว่ามีการขาดเลือดเล็กน้อยที่พระสมองส่วนหลังด้านขวา ไม่พบพระโลหิตออกในสมอง คณะแพทย์จึงขอพระราชทาน พระราชานุญาต ถวายพระโอสถทางหลอดพระโลหิต และติดตามพระอาการอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งขอพระราชทาน ให้ทรงงดพระราชกิจชั่วระยะเวลาหนึ่ง จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ตะครุบเสี่ยค้ารถขยี้กาม 2 แม่ลูกมาราธอน 9 ปี ถ่ายคลิปแบล็กเมล์


เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ ( 22 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี  พ.ต.ท.เชาว์ ป้อมงาม รอง ผกก.สส. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แถลงข่าวจับกุม นายมนต์ชัย เชื้อสุข อายุ 44 ปี อาชีพซื้อขายรถยนต์มือสอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ เลขที่ 505/2555 ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน จับกุมได้บริเวณหน้า อบต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี สมุทรปราการ
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.จิตติ ได้รับการประสานจากมูลนิธิปวีณาฯ ว่าได้รับการร้องเรียนจากนางน้อย (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี และน.ส.แป้ง (นามสมมุติ) อายุ 18 ปีสองแม่ลูกว่าถูกนายมนต์ชัย  บังคับข่มขืนมายาวนานกว่า 9 ปี โดยเฉพาะน.ส.แป้งที่ถูกข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนถึงปัจจุบัน โดยนางน้อยให้การเพิ่มเติมว่า รู้จักกับนายมนต์ชัย  เนื่องจากเป็นคนบ้านเดียวกัน และเห็นว่าเป็นคนดีชอบเข้าวัดทำบุญจึงไว้เนื้อเชื่อใจ  เมื่อปี 46 นายมนต์ชัยได้ออกอุบายชักชวนตนไปทำบุญไหว้พระ  ที่วัดแห่งหนึ่งในย่านจังหวัดฉะเชิงเทรา ระหว่างเดินทางได้วางแผนล่อลวงตนเข้าไปข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ในโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านบางพลี
โดยระหว่างที่กำลังข่มขืน นายมนต์ชัยได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปเอาไว้  หลังจากนั้นบังคับให้ตนบอกกับสามีว่านายมนต์ชัย เป็นญาติกันมาขอพักอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย มิเช่นนั้นจะเอาคลิปที่ถ่ายเอาไว้ให้สามีดู  กระทั่งนายมนต์ชัยได้เข้ามาอยู่ในบ้านด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานายมนต์ชัยได้ฉวยโอกาสที่ตนเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด วางยาตนจนมีอาการเบลอ แล้วลงมือข่มขืนตนทุกวัน หากต่อสู้ขัดขืนก็จะถูกทำร้ายร่างกาย  บางครั้งนายมนต์ชัยยังพาเพื่อนมาร่วมข่มขืนตนด้วย ตนได้เพียงแต่เก็บความขมขื่นเอาไว้เพียงคนเดียวไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง โดยที่ไม่รู้เลยว่านายมนต์ชัย ได้ข่มขืนลูกสาวตนมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ถึงปัจจุบัน และถ่ายคลิปเอาไว้แบล็กเมล์  จนในที่สุดตนและลูกสาวทนไม่ไหวจึงตัดสินใจเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อมูลนิธิ ปวีณาฯ
หลังรับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.กรวัฒน์ ได้ตรวจเช็คประวัติของนายมนต์ชัย จนทราบว่ามีอาชีพซื้อขายรถยนต์มือสอง และอยู่ระหว่างถูกฟ้องดำเนินคดีทำให้เสียทรัพย์  ซึ่งนางน้อย  ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ที่โรงพักบางพลี เมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงออกอุบายโดยให้นางน้อย โทรศัพท์นัดหมายนายมนต์ชัย ให้มาเจรจาตกลงกันในคดีทำให้เสียทรัพย์  เนื่องจากถอนแจ้งความแล้วไม่เอาเรื่อง จนนายมนต์ชัยหลงเชื่อและเดินมาตามนัด เจ้าหน้าที่จึงก่อนนำกำลังไปดักซุ่มรอและการจับกุมเอาไว้ได้
จากการตรวจสอบคลิปในโทรศัพท์มือถือของนายมนต์ชัย พบคลิปวีดีโอ ที่นายมนต์ชัยและพวก ล่อลวงเหยื่อมาข่มขืนหลายราย ทั้งภาพของผู้เสียหายด้วย สอบสวนเบื้องต้น นายมนต์ชัย ให้การภาคเสธว่า ไม่ได้ข่มขืนน.ส.แป้งตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แต่ยอมรับว่าได้มีเพศสัมพันธ์กันจริงในระยะเวลาประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา และถ่ายวีดีโอเก็บไว้เพื่อดูเองไม่ได้นำไปเผยแพร่แต่อย่างไร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ก่อนควบคุมตัวส่งดำเนินคดี
นางปวีณา กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่น่าสะเทือนจิตใจมาก ที่แม่-ลูกต้องถูกทารุณกรรมทางเพศ มาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 9 ปี จนทนไม่ไหวจึงเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม เบื้องต้นทางมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับตัวน.ส.แป้งและนางน้อย ผู้เสียหาย ไว้ในความดูแลของมูลนิธิ   เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจของทั้งสอง โดยเฉพาะน.ส.แป้ง ที่สภาพจิตใจย่ำแย่ จนเกือบคิดสั้นฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง ส่วนทางคดีนั้นทางมูลนิธิก็จะช่วยดูแลจนถึงที่สุด ส่วนของเรื่องยาที่ผู้ต้องหาให้ผู้เสียหายทั้งสองดื่ม จะได้ประสานไปทางกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบว่า เป็นยาชนิดใด ต่อไป.

ฮือฮา! "นร.โข่ง" อายุ 28 ปี เรียนชั้น ป.1


เมื่อเวลา  10.00 น. วันนี้ ( 22 ก.ค.)  ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีหญิงสาวอายุ 28 ปี  ใฝ่เรียนเข้ามาศึกษาชั้น ป.1 ที่โรงเรียนวัดหนองกะธาตุ  หมู่  5 ต.โคกสะอาด อ.หนองแซง   จ.สระบุรี  จึงเดินทางไปตรวจสอบพบนายสมพร  ปากกะพอก  ผู้อำนวยการโรงเรียนหนองวัดกะธาตุ  ซึ่งยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง โดยนักเรียนคนนี้ชื่อนางสาวบุญเรือง หรือเจี๊ยบ  โพธิ์แดง อายุ  28 ปี  เกิดเมื่อวันที่  10 มิถุนายน  2527  มีญาติๆ มาฝากเข้าเรียนโรงเรียนแห่งนี้เมื่อตอนเปิดเทอม วันที่  16  พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเรียนอยู่ชั้นป.1. ร่วมห้องเรียนกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนคนอื่นๆ
ผอ.โรงเรียนบอกว่า สำหรับน้องเจี๊ยบ ก่อนหน้านี้เคยเข้าในเรียนในระดับชั้น ป.1 มาครั้งหนึ่งแล้ว  แต่จู่ๆ ก็หายไปจากโรงเรียน เท่าที่ทราบทางครอบครัวของน้องเจี๊ยบมีปัญหา  พ่อแยกทางกัน ฐานะยากจน มารดาก็ป่วยมีอาการทางจิต   ทำให้น้องเจี๊ยบขาดช่วงไม่ได้เรียนหนังสือ และอ่านหนังสือไม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นางกิ่งแก้ว  บุญนิธิสม ครูประชั้น เล่าว่า ตั้งแต่มาเข้าเรียนเกือบ  3เดือน  ขณะนี้น้องเจี๊ยบเริ่มเขียนหนังสือได้ และอ่านออกบ้างแล้ว รวมทั้งผสมตัวอักษรได้ น้องเจี๊ยบเป็นคนร่าเริง  ทุกเช้าจะขี่รถจักรยาน  2ล้อ  ระยะทางประมาณ  2 กม. มาโรงเรียนแต่เช้า ไม่เคยขาดเรียน และชอบช่วยทำความสะอาดห้องและบริเวณโรงเรียน น้องเจี๊ยบมีเพื่อนๆ เยอะมาก เขาตั้งใจเรียนหนังสือและสนุกความสุข และมีใจฝักใฝ่การเรียนเป็นอย่างมาก  แต่เขายังขาดปัจจัยอะไรอีกหลายอย่าง ชุดเนตรนารีก็ไม่มีเหมือนเพื่อนๆ
ขณะที่ น้องเจี๊ยบ บอกว่า "พ่อกับแม่แยกทางกันมานานแล้ว ตอนนี้หนูอยู่กับแม่แค่ 2 คน หนูอยากเรียนหนังสือมาก แม้อายุจะเยอะแล้ว เรียกว่าเป็นเด็กตัวโต หรือเด็กโข่งของห้อง หนูก็ไม่อาย เพราะเพื่อนๆ ก็ดีกับหนู ที่สำคัญหนูอยากเรียนหนังสือ แม้จะต้องเริ่มจากชั้น ป.1 ใหม่ ตอนอายุ 28 ปี ก็ไม่เป็นไร หลังเรียนจบแล้ว ตั้งใจจะไปเรียน กศน. ต่อที่ไหนสักแห่ง ตอนนี้หนูก็เรียนไปด้วย ทำงานรับจ้างไปด้วย เพราะบ้านหนูจน บางครั้งก็ขัดสน อยากให้ผู้ใจบุญยื่นมือมาช่วยเหลือบ้าง แต่ถึงยังไงหนูจะไม่ท้อแท้ จะตั้งใจเรียนให้สูงที่สุด และทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว" น้องเจี๊ยบกล่าวอย่างมุ่งมั่น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources