วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

หึงโหดแทงดับ สาวร้านชำ ฉุนขอแยกทาง

หนุ่มวัย 37 ปีหึงโหด! ใช้มีดจ้วงแทงแฟนสาวร้านขายของชำดับสยอง หลังขอแยกทางเพราะทนพฤติกรรมความขี้หึงไม่ไหว จนเกิดการต่อสู้ด้วยความโมโห ได้ใช้มีดแทง-ใช้ด้ามปืนทุบหัวซ้ำจนเสียชีวิตที่ สมุทรปราการ...

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 5 มี.ค. พ.ต.ท.คเณศ ริ้ววิริยะ ร้อยเวร สภ.บางปู ได้รับแจ้ง มีเหตุหญิงถูกอาวุธมีดทำร้ายเสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 445/18 หมู่ 6 ต.แพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภูมินทร์ สิงหสุต ผกก.สภ.บางปู เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวน สภ.บางปู แพทย์เวร โรงพยาบาลสมุทรปราการ มูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางเข้าตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำและเครื่องสำอาง ด้านหน้ามีประชาชนกำลังยืนมุงดูเหตุการณ์กันอยู่จำนวนมาก ภายในร้านพบนายกฤษดา ธรรมมารมย์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1042/49 ซอยสุขุมวิท 101 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่สภาพมือเปื้อนเลือดจึงคุมตัวไว้สอบสวน ห่างเข้าไปประมาณ 5 เมตร บริเวณหน้าห้องน้ำชั้นล่างมีข้าวของตกกระจัดกระจาย พบศพ น.ส.กัลยกร เทียนขาว อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 8 ต.บ้านแก่ง อ.เมือง จ.นครสวรรค์

สภาพศพสวมเสื้อกล้ามสีน้ำตาล กระโปรงลายดอก ถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่บริเวณหน้าอกข้างซ้าย 2 แผล แขนซ้าย 2 แผล ไหล่ขวา 1 แผล บริเวณปากข้างซ้ายถูกแทงเป็นแผลฉีกขาดอีก 1 แผล และที่บริเวณศีรษะข้างขวายังพบบาดแผลถูกตีด้วยของแข็งจนแตก เป็นบาดแผลฉกรรจ์อีกจำนวนหลายแห่ง นอนจมกองเลือดเสียชีวิตสภาพน่าสยดสยอง และมีเส้นผมขาดตกอยู่เกลื่อนพื้นใกล้กันพบมีดปลายแหลมบริเวณด้ามจับหักเปื้อนเลือดความยาวประมาณ 20 ซม. และอาวุธปืน ขนาด .38 ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน 

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า คบหากับ น.ส.กัลยกร ผู้ตายมากว่า 4 ปี กระทั่งภรรยาทราบเรื่องจึงได้ขอหย่าแล้วมาอาศัยอยู่กับผู้ตายด้วยกัน โดยได้เปิดร้านขายของชำและเครื่องสำอาง กระทั่งพักหลัง น.ส.กัลยกร ได้มีหนุ่มๆ มาติดพัน เนื่องจากเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี จึงเกิดความหึงหวงและทะเลาะกันในเรื่องดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง ก่อนเกิดเหตุ น.ส.กัลยกร จะขนข้าวของออกไปอาศัยอยู่ข้างนอก เนื่องจากทนพฤติกรรมความหึงหวงไม่ไหว แต่ตนไม่ยินยอมจึงได้เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือ จากนั้นได้ใช้เอามีดเข้ามาข่มขู่และขวางทางไม่ให้ไป

ด้าน น.ส.กัลยกร จึงได้วิ่งขึ้นไปบนห้องนอนและหยิบปืนมาข่มขู่ ตนจึงได้เข้าไปเพื่อจะแย่งอาวุธปืน ทั้ง 2 คนได้เกิดการต่อสู้กัน ด้วยความโมโหตนจึงได้ใช้อาวุธมีดแทงเข้าร่างของผู้ตาย และใช้ด้ามปืนทุบหัวซ้ำจนเสียชีวิตคาที่ กระทั่งมีผู้เข้ามาพบเห็นเหตุการณ์และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ 

ต่อมา น.ส.กาญจนา เทียนขาว อายุ 24 ปี น้องสาวผู้ตายทราบข่าวได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ ถึงกับร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ เนื่องจากเห็นร่างพี่สาวของตนนอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ต่อหน้า พร้อมกับตะโกนด่าสาปแช่งนายกฤษดา และจะเข้าไปทำร้าย เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันห้ามปราม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ก่อนควบคุมตัวไปที่ สภ.บางปู เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th

4ดญ.เครียด ยังให้การไม่ได้ ฝากขัง'เจเจ้'


ตร.บางขุนนนท์คุมตัว "เจเจ้ เมืองนนท์" ผู้ต้องหาบังคับ 4 ด.ญ. อายุ 13-14 ปีขายตัว ไปฝากขังศาลไม่ให้ประกันตัว เจ้าตัวยันบริสุทธิ์ ปฏิเสธไม่เคยมีฉายา ไม่เคยบังคับเด็ก กักขัง หรือห้ามใช้โทรศัพท์ ด้านเหยื่อกามเครียดจัดยังให้ปากคำไม่ได้...

จากกรณีนายอ้น (นามสมมติ) อายุ 35 ปี นำตัว ด.ญ.อ๋อย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกสาวนักเรียนชั้น ม.1 พร้อมเด็กสาวอายุระหว่าง 13-14 อีก 3 คน เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ให้ดำเนินคดีกับ นายจีระศักดิ์ ช้างดอนไพร หรือ “เจเจ้ เมืองนนท์” อายุ 21 ปี ฐานพรากผู้เยาว์ไปจากบิดามารดาเพื่อค้าประเวณี โดย ด.ญ.อ๋อย พร้อมเหยื่ออีก 3 คนนี้ถูกนายจีระศักดิ์ นำไปขังไว้ในห้องเช่าแห่งหนึ่งย่านซอยกรุงเทพ-นนท์ 2 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี เพื่อรอส่งไปบำเรอกามให้ลูกค้ากลัดมัน โดยเหยื่อระบุว่ามีตำรวจเป็นลูกค้าด้วย นัดเจอกันตามโรงแรมม่านรูดย่านพระราม 5 และแจ้งวัฒนะนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ห้องสอบสวนคดีเด็กชั้น 2 สน.บางขุนนนท์ พ.ต.อ.เชวงศักดิ์ สินสูงสุด ผกก.สน.บางขุนนนท์ และ พ.ต.ท.อิสระ วิทยาศิริภัค พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บางขุนนนท์ ได้นัดหมายให้เด็กหญิงผู้ตกเป็นเหยื่อทั้ง 4 คน พร้อมผู้ปกครองและทนายความ มาให้ปากคำต่อหน้าเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ประกอบด้วยอัยการ นักสังคมสงเคราะห์ และนักจิตวิทยา โดยเด็กหญิงทั้ง 4 คน มีอาการอ่อนเพลีย บางรายคล้ายจะอาเจียน เนื่องจากความเครียด ทำให้ยังไม่สามารถให้การได้ เจ้าหน้าที่จึงยกเลิกการสอบปากคำให้เด็กกลับบ้านพักผ่อนก่อนนัดหมายให้เดินทางมาอีกครั้งในช่วงเช้าวันที่ 9 มี.ค. 2555
พ.ต.อ.เชวงศักดิ์ เปิดเผยว่า วันนี้ทั้งเด็ก ผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพต่างก็พร้อมที่จะสอบปากคำร่วมกันแล้ว แต่เนื่องจากเหยื่อทั้ง 4 ราย เกิดความตื่นกลัว ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่ต้องทำลงไปและมีอาการเครียด ทุกฝ่ายในที่ประชุมจึงลงมติว่าขอให้เดินทางมาให้การใหม่ในวันศุกร์นี้ ส่วนนายจีระศักดิ์ ผู้ต้องหานั้นยอมรับสารภาพว่า พัวพันกับเรื่องเหล่านี้มานาน 3 ปี ตั้งแต่เมื่อตอนอายุแค่ 18-19 ปีเท่านั้น ซึ่งตนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์เอาไว้ก่อน และจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชันในช่วงสาย โดยแนบท้ายคำร้องขอคัดค้านประกันตัวต่อศาลไปด้วย สำหรับข้อหาอื่นๆ ที่น่าจะอยู่ในข่ายที่ต้องแจ้งเพิ่มเติม อาทิ กักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีหรือความผิดฐานค้ามนุษย์นั้น จะต้องรอให้สอบปากคำเด็กๆ เสียก่อนแล้วจึงจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลังอย่างไรก็ตามอาจจะต้องประสานการทำงานร่วมกันกับตำรวจท้องที่ จ.นนทบุรี ด้วย

"เบื้องต้น ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ให้ความสนใจกับคดีนี้ จึงส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบในสังกัดเดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่ สน.บางขุนนนท์ จากการสอบสวนพบความผิดเกิดขึ้นทั้งในเขตอำนาจการสอบสวนของ สน.บางขุนนนท์ และท้องที่ บก.ภ.จว.นนทบุรี เท่าที่คุยกับเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งขอเข้าร่วมสอบปากคำด้วยทราบว่าเรื่องนี้สะท้อนถึงปัญหาสังคมอย่างรุนแรง ปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กอายุน้อยๆ ตกเป็นเหยื่อถูกกระทำในขณะเดียวกันก็เป็นผู้กระทำความผิดมากขึ้นทุกวัน อาจทำให้ต่างประเทศโดยเฉพาะชาติที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวกับเรื่องเหล่านี้ มองประเทศไทยไม่ดีถูกลดระดับเรื่องการค้า แรงงาน สินค้าส่งออกและอาจได้รับความเสียหายต่อภาพรวมและเศรษฐกิจในระยะยาวได้" พ.ต.อ.เชวงศักดิ์ กล่าว 

ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. วันเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้คุมตัว นายจีระศักดิ์ ช้างดอนไพร หรือ “เจเจ้ เมืองนนท์” อายุ 21 ปี ผู้ต้องหา ออกจากห้องควบคุมตัวของโรงพักส่งไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน มีญาติมารอรับพร้อมเตรียมหลักทรัพย์เป็นเงิน 60,000 บาท ไปยื่นเรื่องขอประกันตัวในชั้นศาล แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันจึงถูกควบคุมตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีผลัดแรกเป็นระยะเวลานาน 12 วัน 

ผู้สื่อข่าวสอบถามนายจีระศักดิ์ ระหว่างถูกนำตัวขึ้นรถไปส่งที่เรือนจำ โดยนายจีระศักดิ์ยืนยันความบริสุทธิ์ อ้างว่าเด็กๆ ทั้ง 4 คนมาพักที่ห้องเช่าของตนเท่านั้น ไม่ได้มีการบังคับให้ไปค้ากามแต่อย่างใด เด็กพวกนี้มีแขกเป็นลูกค้าขาประจำอยู่แล้ว นอกจากนี้ เด็กบางคนก็ยังมีแฟนหนุ่มและไปมาหาสู่กันเสมอ ตนไม่เคยกักขัง ไม่ได้ห้ามใช้โทรศัพท์ ส่วนเรื่องเงินที่เด็กๆ มักเอามาฝากคราวละ 500 บาทหลังกลับจากทำงาน ก็เพื่อนำไปทำผมและซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน 

สำหรับฉายา “เจเจ้ เมืองนนท์” คงเป็นการเข้าใจผิด ไม่ใช่แน่นอน ตนไม่เคยมีฉายาแต่เคยรู้จัก “เจเจ้ บางซื่อ” ซึ่งเป็นกะเทยขาใหญ่ คอยจัดหาเด็กให้ลูกค้าในย่านบางซื่อเท่านั้น ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองของ ด.ญ.อ๋อย พาพวกบุกเข้าไปช่วยลูกสาวในห้องเช่าตนเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 5 มี.ค. 2555 ตนขอยืนยันว่า ตนถูกเอาปืนจี้หัวทุบตีบังคับให้เดินทางมาที่ สน.บางขุนนนท์ ด้วย โดยหลังจากที่ทุกคนในห้องเช่าเดินทางมาถึงโรงพักแล้ว ตนให้ญาติเข้าไปตรวจสอบในห้องอีกครั้งพบว่า สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท สูญหายไป ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ใดเอาไปกันแน่

วันเดียวกัน มีนายสมพร ผิวผ่อง อายุ 41 ปี และ นางทองใบ ผิวผ่อง อายุ 41 ปี สองสามีภรรยาอาชีพคนงานก่อสร้าง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เพื่อสอบถามควาคืบหน้ากรณี ด.ญ.สุภาพร หรือน้องกิ่ง ผิวผ่อง อายุ 14 ปี ซึ่งหายตัวออกจากบ้านพักไปตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.2554 ไม่สามารถติดต่อได้เคยไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี คดีไม่มีความคืบหน้า โดย นายสมพร กล่าวว่า เห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์เมื่อเช้านี้ เกรงว่าลูกสาวอาจถูกล่อลวง จึงลางานมาที่โรงพักบางขุนนนท์เพื่อขอข้อมูลกับตำรวจ แต่ในเบื้องต้นทราบว่าเหยื่อทั้ง 4 คน ที่เดินทางมาให้ปากคำในวันนี้ไม่ใช่ลูกตนจึงต้องเดินทางกลับ.
 แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th

ป.ป.ส.สั่งยายัดบัญชีเงินฝาก "เภสัชอุดรฯ" ตรวจสอบ 7 ล้าน หลังพบข้อมูลอาจเชื่อมโยงขบวนการค้ายา




ศาลออกหมายจับ เภสัชกรชำนาญการ รพ.ศูนย์อุดรธานี เบิกจ่ายยาแก้หวัดที่มีสูตร “ซูโดอีเฟรดีน” ซึ่งเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด 140,000 เม็ด หลังติดต่อขอมอบตัว แล้วไม่มาตามนัด ...

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ความคืบหน้ากรณี นายดำรงเกียรติ ตั้งเจริญ หน.ฝ่ายเภสัชกรรม โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมชาย แซ่โค้ว อายุ 43 ปี เภสัชกรชำนาญการ รพ.ศูนย์อุดรธานี ทำหน้าที่เจ้าหน้าที่พัสดุ มีหน้าที่ควบคุมกำกับคลังยาสำหรับสถานีอนามัย ได้เบิกจ่ายยาแก้หวัดที่มีสูตร “ซูโดอีเฟรดีน” (Psudoephedrine) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นยาเสพติด ออกจากคลังยา รพ.ศูนย์อุดรธานี จำนวน 140,000 เม็ด หลังถูกตั้งกรรมการสอบสวนได้รับสารภาพว่านำไปขาย และติดต่อขอมอบตัววันที่ 27 กุมภาพันธ์ แต่สุดท้ายก็ไม่มาตามนัด 

พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังนายสมชาย ไม่มามอบตัวตามนัด พนักงานสอบสวนก็ได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลจังหวัดอุดรธานี ได้อนุมัติหมายจับ ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ โดยกล่าวหา เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

“หลังศาลอนุมัติหมายจับ ก็ได้สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน ออกติดตามตัวนายสมชาย ทั้งที่ร้านสมชายเภสัช ถนนทหาร ซึ่งตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และบ้านพักที่หมู่บ้านรุ่งเรือง ซอยพรหมประกาย เขตเทศบาลนครอุดรธานี พบว่าร้านขายยาและบ้านพักปิดประตู ไม่มีผู้อาศัย เชื่อว่านายสมชายหลบหนีไปอาศัยอยู่ในบ้านญาติ ยังไม่หนีออกนอกประเทศ ซึ่งตำรวจจะได้เร่งติดตามตัวนายสมชายมาสอบสวน เพื่อขยายผลถึงผู้สั่งซื้อยามาดำเนินคดีต่อไป” ผกก.กล่าวในที่สุด

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายสมชาย แซ่โค้ว อายุ 41 ปี เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลศูนย์ศูนย์อุดรธานี  ผู้ต้องหาตามหมายศาลอุดรธานีกรณียักยอกนำยาแก้หวัดที่มีสูตรซูโดอีเฟรดีน ออกจากโรงพยาบาล ไว้ตรวจสอบ หลังพบข้อมูลอาจจะไปเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด โดย นายณรงค์  รัตนานุกูล รองเลขาธิการป.ป.ส.  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ว่า เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ได้รับการประสานงานจากตำรวจ ให้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายสมชาย ซึ่งเบื้องต้นป.ป.ส. ได้อายัดเงินสดในบัญชีเงินฝาก กว่า 7 ล้านบาท ไว้ตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของเงิน เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนอาจจะไปเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติด ทั้งนี้หากนายสมชายสามารถชี้แจงที่มาของเงินได้ ทาง ป.ป.ส.พร้อมจะคืนทรัพย์สินให้ 

นายณรงค์  กล่าวว่า  จากข้อมูลของป.ป.ส. พบว่า กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดหันมาสั่งซื้อยาแก้หวัดซูโดอีเฟรดีน จากผู้เกี่ยวข้องหรือควบคุมการเบิกจ่ายชนิดดังกล่าว เพราะตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2554  คณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ห้ามร้านขายทั่วๆไปห้ามจำหน่ายและครอบครองยาแก้หวัด ที่มีสารซูโดอีเฟรดีน ซึ่งยาประเภทดังกล่าวจะมีสต็อคในเพียงโรงพยาบาล เท่านั้น
  
"ดังนั้นวิธีการของขบวนการต้องติดต่อขอซื้อกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เมื่อก่อนจะได้ยินข่าวว่ากว้าน ซื้อยาแก้หวัดประเภทซูโดอีเฟรดีนตามร้านขายทั่วไป แต่ตอนนี้ไม่ต้องใช้วิธีการดังกล่าว เพราะร้านขายไม่สามารถเก็บสต็อคของได้เพราะผิดกฎหมาย"นายณรงค์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.พบข้อมูลมาว่าการลักลอบนำยาซูโดอีเฟรดีน ออกมาจำหน่าย ของนายสมชายอาจจะพันพัวกับขบวนการลักลอบนำยาซูโดอีเฟรดีน ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน  ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ในพื้นที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และสามารถยึดยาแก้หวัดกว่า 130,000 เม็ดได้ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

ค้นบ้าน-ร้านยาเภสัชอุดรไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย


เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 55 พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนายสมชาย แซ่โค้ว อายุ 41 ปี เภสัชกรชำนาญการ รพ.ศูนย์อุดรธานี ตามหมายจับของศาล จ.อุดรธานี จากความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ และละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ , ยักยอกทรัพย์ ยาแก้หวัดที่มีสูตร "ซูโดอีเฟรดีน"สารตั้งต้นผลิตยาบ้า ออกจาก รพ.ศูนย์อุดรธานี โดยเพิ่มอีกข้อหา คือ ครอบครองและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท มีความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด และมอบหมายให้ พ.ต.ต.ประเสริฐ ธรรมชัย สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ติดตามจับกุม

เวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.เอกพงษ์ พลมณี รอง ผกก.หน่วยปราบปรามยาเสพติดประจำ จ.อุดรธานี , พ.ต.ต.ประเสริฐ ธรรมชัย สวป.สภ.เมืองอุดรธานี , นายพรศิลป์ อินทะเคหะ เภสัชชำนาญการ สนง.สาธารณสุข จ.อุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำหมายค้นศาล จ.อุดรธานี 136/555 เข้าตรวจค้น บ้านพักเลขที่ 52/5 ในซอยเชิดสมบัติ(ทางเกวียน) ถ.ประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี และร้านขายยา "สมชายเภสัช" เลขที่ 83 เยื้อง ม.ราชภัฏอุดรธานี ถนนทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีนางลีเค็ง แซ่เจีย อายุ 63 ปี มารดานายสมชายฯ นำตรวจค้น

จากการตรวจค้นบ้านพักและที่ร้านสมชายเภสัช ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย มีเพียงการตรวจยึดเอกสาร ต้นขั้วเช็ค และสมุดเงินฝาก เพื่อนำไปถ่ายสำเนาไว้ตรวจสอบ โดยจะนำของจริงกลับมาคืนให้ และการตรวจค้นส่วนใหญ่จะเป็นการสอบถาม นางลีเค็งเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบทั้งหมด เพราะนางลีเค็งฯอ่านหนังสือไทยไม่ได้ และพูดภาษาไทยไม่ชัดเจน

นางลีเค็ง กล่าวว่า ลูกชายไม่ได้หนีไปไหน แต่เดินทางไปพักผ่อนเท่านั้น โดยไม่ได้เอารถส่วนตัวไป บอกเพียงว่าได้ลางานไว้แล้ว จะนั่งรถทัวร์ไปเอง ประมาณวันที่ 9 มีนาคมจะกลับมาทำงาน และตั้งแต่ลูกเดินทางไปก็ไม่ได้ติดต่อกลับมา เชื่อว่าลูกสบายใจก็คงจะกลับมา

พล.ต.ต.บุญลือ เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของคดีที่มีการเข้าค้นบ้านและร้านขายยาของนายสมชาย ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งในเรื่องนี้ทาง ป.ป.ส.จะเข้ามาดำเนินการสอบสวนรวมกับทาง สภ.เมืองอุดรธานี เนื่องจากอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติด โดยกำลังเร่งทำการสืบสวนหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่เช็คจากหมายเลขโทรศัพท์ของนายสมชาย ส่วนตัวของนายสมชาย ผู้ต้องหา คาดว่ายังหลบหนีอยู่ไม่ไกล และไม่น่าจะหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน น่าจะจับกุมตัวได้เร็วๆ นี้


อุดรธานี - ตร.

“ปู” สั่ง กต.หาทายาท"ฮิโรยูกิ"รับเงินเยียวยา


วันนี้ ( 6 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมครม. ถึงการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในระหว่างวันที่ 6-9 มี.ค. ว่า วันนี้ ครม.ได้อนุมัติหลักการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมืองแล้ว แต่ขั้นตอนการเบิกจ่ายเป็นเรื่องของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ซึ่งการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ เราก็คงจะมีสารแสดงความเสียใจกับนายฮิโรยูกิ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ด้วย และจะแจ้งรายละเอียดให้ได้รับทราบ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศประสานเรื่องการจ่ายเงิน เพราะต้องหารายละเอียดของทายาทที่จะได้รับเงินเยียวยา ซึ่งขณะนี้เรามีงบประมาณพร้อมที่จะจ่ายทั้งหมด โดยการจ่ายเงินจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการเยียวยาให้ความช่วยเหลือทางด้านจิตใจ และส่วนที่สองเป็นการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรายละเอียดทางประธานคณะอนุกรรมการฯ จะแถลงให้สื่อมวลชนทราบ
เมื่อถามย้ำว่าจะมีโอกาสได้ไปเจอกับครอบครัวของช่างภาพญี่ปุ่นหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงไม่ได้ไปเจอ เพราะคิวงานแน่นมาก แต่จะทำสารในนามของดิฉัน ส่งไปถึง เพื่อให้ได้ทราบรายละเอียด ซึ่งเขาก็จะได้รับการเยียวยาเหมือนกับที่คนอื่น ๆ ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยืนร้องต่อศาลปกครองคัดค้านการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงต้องดู แต่วันนี้ให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะดำเนินการไปตามปกติก่อน ความจริงการช่วยเหลือเยียวยานั้น เราช่วยครอบคลุมในทุกกลุ่มจริง ๆ  ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งผู้ชุมนุมประท้วงปิดสนามบิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนการเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตอนนี้คณะกรรมการอีกชุดกำลังพิจารณาดำเนินการอยู่ ซึ่งจะใช้หลักการเดียวกัน
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“หมวดเจี๊ยบ”เย้ยปชป.หวังเลี้ยงข่าวว.5


วันนี้ ( 6 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะแจ้งความกลับนายกรัฐมนตรี โฆษกพรรคเพื่อไทยและฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยว่า ถือเป็นสิทธิของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่สงสัยว่า เป็นความต้องการเลี้ยงกระแสข่าว ว.5 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ให้ยังอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์เท่านั้น ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าการฟ้องกลับนายกรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องประหลาด การที่พรรคประชาธิปัตย์นำคำว่า “เอาอยู่” พื้นที่รับน้ำหรือฟลัดเวย์ มาพูดในทำนองสองแง่สองง่าม ทำให้นายกรัฐมนตรีเสียหาย กระทบต่อศักดิ์ศรีของความเป็นหญิง ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยออกมาขอโทษ แถมยังมีความคิดจะฟ้องกลับนายกรัฐมนตรีอีก จึงอยากถามว่าหวังใช่กระบวนการทางกฎหมายเพื่อหวังผลทางการเมืองและพวกพ้องของตนใช่หรือไม่
ร.ท.หญิงสุณิสา กล่าวว่า ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่าพรรคเพื่อไทยอาจเข้าไปแทรกแซงและกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ขอยืนยันว่าจะไม่มีการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแน่นอน ยุคสมัยแห่งการแทรกแซงทางการเมืองโดยใช้ข้าราชการประจำเป็นเครื่องมือเล่นงานฝ่ายตรงข้ามนั้น สิ้นสุดลงตั้งแต่วินาทีแรกที่พรรคเพื่อไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว แต่ที่น่าสงสัยคือนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้สัมภาษณ์ทางบลูสกายชาแนลเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยพูดทำนองเตือนสติเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าการเมืองไม่แน่นอน อยากให้ตำรวจคิดว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เดี๋ยวก็สลับกันเป็นรัฐบาล ซึ่งการที่นายชวนนท์พูดอย่างนี้ หมายความว่าอย่างไร อยากทราบว่าเป็นการส่งสัญญาณกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ใช่หรือไม่
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ปู” สั่ง กต.หาทายาท"ฮิโรยูกิ"รับเงินเยียวยา


วันนี้ ( 6 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมครม. ถึงการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นในระหว่างวันที่ 6-9 มี.ค. ว่า วันนี้ ครม.ได้อนุมัติหลักการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมืองแล้ว แต่ขั้นตอนการเบิกจ่ายเป็นเรื่องของคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ซึ่งการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ เราก็คงจะมีสารแสดงความเสียใจกับนายฮิโรยูกิ ช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ด้วย และจะแจ้งรายละเอียดให้ได้รับทราบ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศประสานเรื่องการจ่ายเงิน เพราะต้องหารายละเอียดของทายาทที่จะได้รับเงินเยียวยา ซึ่งขณะนี้เรามีงบประมาณพร้อมที่จะจ่ายทั้งหมด โดยการจ่ายเงินจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการเยียวยาให้ความช่วยเหลือทางด้านจิตใจ และส่วนที่สองเป็นการดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรายละเอียดทางประธานคณะอนุกรรมการฯ จะแถลงให้สื่อมวลชนทราบ
เมื่อถามย้ำว่าจะมีโอกาสได้ไปเจอกับครอบครัวของช่างภาพญี่ปุ่นหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงไม่ได้ไปเจอ เพราะคิวงานแน่นมาก แต่จะทำสารในนามของดิฉัน ส่งไปถึง เพื่อให้ได้ทราบรายละเอียด ซึ่งเขาก็จะได้รับการเยียวยาเหมือนกับที่คนอื่น ๆ ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยืนร้องต่อศาลปกครองคัดค้านการจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าว จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงต้องดู แต่วันนี้ให้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะดำเนินการไปตามปกติก่อน ความจริงการช่วยเหลือเยียวยานั้น เราช่วยครอบคลุมในทุกกลุ่มจริง ๆ  ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งผู้ชุมนุมประท้วงปิดสนามบิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วย ส่วนการเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตอนนี้คณะกรรมการอีกชุดกำลังพิจารณาดำเนินการอยู่ ซึ่งจะใช้หลักการเดียวกัน
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

หึ่ง"เต้น"งอนเป็นรมช.แต่ไม่ค่อยเป็นข่าว


วันนี้ ( 6 มี.ค.)  รายงานข่าวเปิดเผยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดงานครบรอบ 37 ปีวันสถาปนาสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ( สปก.) ซึ่งตรงกับวันที่ 6 มี.ค.ของทุกปี โดยได้เชิญนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ ไปเป็นประธานในพิธีเปิดงาน แต่ปรากฎว่านายณัฐวุฒิ ไม่มางานดังกล่าวโดยอ้างว่าติดภาระกิจประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล ทำให้นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรฯ ต้องมาทำหน้าที่ประธานเปิดงาน ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมานายณัฐวุฒิ มักจะติดภาระกิจภายนอกกระทรวง ทำให้ต้องยกเลิกการประชุมของหน่วยงานในกำกับดูแลของ รมช.เกษตรฯ ไปหลายครั้ง แต่นายณัฐวุฒิ จะใช้วิธีเชิญผู้บริหารหน่วยงานมาพูดคุยหารือในห้องทำงานมากกว่า
รายงานข่าวเปิดเผยอีกว่านายณัฐวุฒิ ยังไม่พอใจการทำงานของทีมงานสำนักเลขารัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เพราะตั้งแต่เข้ามานั่งตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ มีข่าวออกสื่อน้อยมาก นายณัฐวุฒิ ถึงกับระบุว่าตนเองเป็นถึงระดับดาราในทางการเมือง ควรจะมีข่าวมากกว่านี้ และเห็นว่าการจัดประชุมแต่ละครั้งในกระทรวงเกษตรฯ มีสื่อเกาะติดทำข่าวน้อยมากบางครั้งไม่มีเลย ซึ่งทำให้ทีมงานของนายณัฐวุฒิ  ได้พยายามมาติดต่อกับสื่อสายกระทรวงเกษตรฯ เองโดยตรง

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ทหารรปภ.สิ้นใจแล้วหลังโดนโจรวางบึ้มถล่ม


วันนี้ (6 มี.ค.) เวลา 06.40 น. พ.ต.อ.สำเนียง ลือเจียงคำ ผกก.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร 1412 ฉก.ยะลา 13 ว่า ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดทำให้ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ที่ริมถนนในหมู่บ้านกูวา หมู่ 1 ต.ห้วยกระทิง จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา ไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณกองขยะริมถนน มีหลุมขนาดใหญ่ พบเศษชิ้นส่วนระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 3-5 กก. บรรจุในกล่องเหล็ก ตกกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลกรงปินัง ทราบชื่อ จ.ส.อ.ปรีชา  คงภักดี อายุ 52 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่ศีรษะและลำตัว อาการสาหัส และ ส.ต.ธงชัย  บุญช่วย อายุ 23 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่บริเวณตาซ้าย และที่ลำตัว แพทย์ต้องนำตัวเข้าห้องผ่าตัดช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ต่อมเวลา 10.30 น. มีรายงานจากโรงพยาบาลยะลาว่า จสอ.ปรีชา คงภักดี  อายุ 52 ปี ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อเวลา 09.10 น. เนื่องจากร่างกายได้รับความกระทบกระเทือนจากแรงระเบิด ส่วน  ส.ต.ธงชัย  บุญช่วย ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว แพทย์ในนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลยะลา เพื่อสังเกตอาการ และมีรายงานจากชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ภ.จว.ยะลา ว่าระเบิดลูกดังกล่าว ตรวจสอบพบว่าเป็นชนิดแสวงเครื่องน้ำหนักไม่เกิน 5 กก. บรรจุในกล่องเหล็ก จุดชนวนด้วยระบบวิทยุสื่อสาร ซึ่งวิทยุสื่อสารที่ใช้จุดชนวนระเบิดนั้น พบว่าเป็นเครื่องรุ่นเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.สตูล ยึดได้พร้อมกับการจับกุมพี่ชายของนายยูกีมือลี เจะดีแม หรือไอ้หน้าเหลี่ยม  แกนนำก่อเหตุรุนแรงได้ในพื้นที่ จ.สตูล ซึ่งจับได้พร้อมเครื่องวิทยุสื่อสารจำนวน 11 เครื่อง  จากคำให้การของพี่ชายนายยูกีมือลี ทราบว่าได้มีการส่งเครื่องวิทยุสื่อสารรุ่นนี้มายังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 100 เครื่อง ในช่วงที่ผ่านม
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

สอบปืนสองฝาแฝดก่อนส่งฟ้อง 12 มี.ค. นี้

วันนี้ ( 6 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.เปิดเผยการทำสำนวนคดีที่นายสุพจน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี และนายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี พี่น้องฝาแฝด ชาว จ.ปทุมธานี  ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีสาเหตุจากความไม่พอใจที่นายวรเจตน์ ไปเป็นแกนนำกลุ่มนิติราษฏร์และเคลื่อนไหวการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ผ่านมา ว่า ผลทางการแพทย์ออกมาแล้ว พบว่าบาดแผลของอาจารย์ไม่สาหัส โดยพนักงานสอบสวนจะนัดส่งฟ้องวันที่ 12 มี.ค.นี้ และอยู่ที่ทางศาลจะลงโทษอย่างไร นอกจากนี้จะตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาว่ายังอยู่ในระยะเวลาการรอลงอาญาหรือไม่ เพราะหากยังอยู่ในกำหนดก็อาจมีการพิจารณาเพิ่มโทษด้วย  ส่วนการดูแลอาจารย์และกลุ่มผู้ออกมาเคลื่อนไหวจัดเจ้าหน้าที่ดูแลทุกกลุ่ม
 ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบช.น.กล่าวว่า  จากตรวจสอบพบว่านายสุพจน์ ได้บอกเจ้าหน้าที่ของธัญบุรีในการขอใบ ป.4 (ใบครอบครองอาวุธปืน) ว่า เป็นสมาชิกทหารพราน ดังนั้น ในเรื่องนี้จะทำการตรวจสอบว่าเป็นจริงหรือไม่ และหากพบว่าไม่จริงจะมีความผิดในเรื่องแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน นอกจากนี้จะทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อตรวจสอบและขอยึดใบ ป.4 เนื่องจากมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงอาจเป็นภัยต่อสังคม ขณะเดียวกันได้ให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือเพื่อขออาวุธปืนมาตรวจสอบด้วยว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุอาชญากรรมอื่นๆหรือไม่.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ตร.เร่งคลี่คลายระเบิดกลางกรุง 3 จุด


วันนี้ ( 6 มี.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 1 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดชาวอิหร่าน ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสวนสอบคลี่คลายคดี ประกอบด้วย พล.ต.ท.กฤษฏา พันธุ์คงชื่น ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รองผบช.ก. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ที่ห้องปารุสกวัน 1 ใช้เวลานานประมาณ 3 ชม.
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า ได้เรียกประชุมพนักงานสืบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีระเบิด 3 จุดที่เกิดขึ้น โดยพล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. ได้สรุปรายงานผลที่ได้จากสืบสวนตั้งแต่ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนที่เดินทางเข้าประเทศไทย ว่า เดินทางไปพักที่ไหนบ้าง ขั้นตอนการวางแผน ปฏิบัติการอย่างไรจนถึงวันเกิดเหตุระเบิด โดยมีความคืบหน้าไปมาก สำหรับผู้ต้องหาที่ได้แจ้งข้อหล่าวหาไปแล้วคือนายโมฮาเหม็ด คาซาอิ จากการรวบรวมพยานหลักฐานจนถึงขณะนี้ มีความสมบูรณ์ที่จะยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหาเกิน 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ทั้งพยานบุคคล พยานที่ตรวจพบ พยานหลักฐานและการตรวจพิสูจน์
ส่วนผู้ต้องหาที่ศาลอนุมัติหมายจับคนต่อมาคือนายซาอิด โมราบิ ผู้ต้องหาที่ขาขาด และพักรักษาตัวอยู่ที่รพ.จุฬา ขณะนี้ได้ประชุมร่วมกับแพทย์ทั้งของรพ.จุฬา และรพ.ตำรวจถึงความพร้อมของสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ต้องหา ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาตามที่ศาลได้อนุมัติหมายจับ และในเบื้องต้นได้รับแจ้งจากแพทย์รพ.จุฬา ว่าจะเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาไปรักษาตัวต่อที่รพ.ตำรวจ เวลา13.00 น. และเมื่อผู้ต้องหามีความพร้อมพนักงานสอบสวนจะไปแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบเช่นเดียวกับที่ได้ดำเนินการกับนายคาซาอิ
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวอีกว่า สำหรับนายมาซุด เซดฮาฮัท ซาเดช ผู้ต้องหาที่ทางการประเทศมาเลเซียจับกุมได้นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด และเมื่อได้ตัวมาแล้วจะนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 2 คน คือนางไลล่า โรฮานิ และนายนูโรซิ ซายัน อารีอัคบาร์ ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนส่งเอกสารพยานหลักฐานต่างๆ ไปให้พนักงานอัยการ เพื่อขอความร่วมมือติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources