วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

ข้างบ้านแฉได้ยินเสียงระเบิดก่อนไฟเผาตึก "ฟิโก้" วอด

จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ อาคารฟิโก้ เพลส ย่านอโศก โดยต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณชั้นที่ 7 ของอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทโอซองและไอบาล ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถใช้น้ำดับเพลิงได้ทันที ต้องประสานขอรถกระเช้าขนาดสูงจากกทม.จำนวน 3 คัน เพื่อฉีดน้ำสกัดเพลิง โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จนสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งภายหลังทางสำนักงานเขตวัฒนา ได้นำประกาศห้ามเข้า-ห้ามใช้อาคารมาติดไว้โดยรอบอาคารที่เกิดเหตุ พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่สำนักการโยธาฯ กทม.และกองพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบภายในอาคารเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 มี.ค. เจ้าหน้าที่จากสำนักการโยธาและผังเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่จากกองวิชาการ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.เดินทงเข้าตรวจสอบภายในอาคารที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยทางเจ้าหน้าที่จากกองวิชาการ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยเพียงว่า เดินทางมาตรวจสอบภายในอาคารเพื่อหาสาเหตุว่า ทำไมเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้จึงทำให้อาคารเสียหายมาก พร้อมทั้งจะใช้เป็นแนวทางในการหาทางป้องกันเหตุเพลิงไหม้ให้กับตัวอาคารอื่นๆต่อไป
ขณะเดียวกันทางอาคารฟิโก้ เพลส ได้นำเชือกมากั้นบริเวณทางเข้าด้านหน้าไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านในอาคารเด็ดขาด พร้อมทั้งนำกระดาษมาปิดประกาศไว้ ว่า ขอเชิญพนักงานทุกบริษัทเข้าร่วมประชุมที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมแกรนด์ มิลเลเนี่ยมสุขุมวิท เวลา 10.00 น. โดยนายธีระทัต คงจันทร์ ผอ.ฝ่ายบุคคลและบริหารงานทั่วไปของอาคารฟิโก้ เพลส แจ้งว่า ไม่สามารถให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปบันทึกภาพทำข่าวได้ เนื่องจากเป็นการประชุมภายในของพนักงานบริษัทที่อยู่ในอาคารเท่านั้น ทั้งนี้หลังจากใช้เวลาในการะประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง นายธีระทัต เปิดเผยเพียงสั้นๆว่า วันนี้ได้แจ้งให้กับลูกค้าที่เช่าอาคารทราบว่าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ และยังอยู่ระกว่างหารือร่วมกันโดยยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.)  จะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งที่เดิม
ต่อมาทาง พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผกก.สน.ทองหล่อ พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจ์หลักฐาน เดินทางเข้าตรวจสอบภายในอาคารที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริง โดย พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานชุดแรก ได้เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุในเบื้องต้นแล้ว ในวันนี้ได้นำเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอีกชุดหนึ่ง เข้ามาตรวจสอบภายในอาคารที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยในวันนี้จะตรวจทางด้านฟิสิกซ์ และระบบไฟฟ้าเป็นหลักฐาน เนื่องจากจุดเกิดเหตุบริเวณชั้น 7 นั้นมีวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าด้วย ส่วนทางคดีนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็จะยึดผลการตรวจของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเป็นหลักว่า สาเหตุของเพลิงไหม้นั้นเกิดจากระบบไฟฟ้าหรือตัวบุคคล หลังจากนั้นก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านนายวณิชชา สุขวณิชนันท์ อายุ 64 ปี อาชีพผู้รับเหมา และเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 20 กับ 20/1 ซึ่งอยู่ติดกับอาคารฟิโก้ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้นำภาพถ่ายตัวบ้านและทรัพย์สินภายในบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว มาให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ ขณะที่ตนอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงระเบิดดังออกมาจากอาคารที่เกิดเหตุ จึงรีบวิ่งออกมาดูก็เห็นว่า กระจกชั้น 7 ของแตกออกมา พร้อมกับมีกลุ่มควันและแสงเพลิงพุ่งออกมาจากตัวอาคาร จากนั้นก็เห็นเจ้าหน้าที่ของอาคารจำนวน 2-3 คน โผล่หน้าออกมาดู ตนจึงรีบตะโกนบอกให้ไปเอาน้ำมาดับไฟ แต่พนักงานดังกล่าวกลับรีบวิ่งหนีไปทันที ตนจึงรีบโรศัพท์แจ้งตำรวจให้รีบมาดับเพลิง ซึ่งตนเชื่อว่า หากพนักงานของอาคารช่วยกัยเอาน้ำมาดับไฟก็ไม่น่าลุกลามไปขนาดนี้
อย่างไรก็ดีหลังจากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานใช้เวลาในการตรวจสอบที่เกิดเหตุนานประมาณ 4 ชั่วโมง ก็ได้นำพยานหลักฐานจำนวนหนึ่งเช่น รางปลั๊กไฟ ถังสีจำนวน 2 กระป๋อง และหลักฐานอีกบางอย่างออกไปตรวจสอบ โดยไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดแก่ผู้สื่อข่าว หลังจากนั้น พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พ.ต.ท.ธนกรณฑ์ ก้อนแก้ว รอง ผกก.สน.ทองหล่อ และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่การโยธาธิการและผังเมืองอีกครั้ง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที
พล.ต.ต.อนุชัย กล่าวว่า ตนกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ และเจ้าหน้าที่การโยธาฯ ได้เข้าไปตรวจสอบบนอาคารที่เกิดเหตุตั้งแต่ชั้น 7 จนถึงชั้น 13 ที่ถูกเพลิงไหม้ โดยพบว่าบริเวณชั้นที่ 7 ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทโอชอง และบริเวณชั้นที่ 9 ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก สำหรับมูลค่าความเสียหายนั้นต้องรอการประเมินอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานก็ได้เดินทางเข้ามาตรวจเก็บพยานหลักฐานบางอย่างไปตรวจสอบแล้ว เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องรอผลการตรวจจากทางกองพิสูจน์หลักฐานและผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ระบุว่าสาเหตุนั้นเกิดจากอะไร เบื้องต้นได้ตั้งสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ไว้ 3 ประเด็นคือเรื่องอุบัติเหตุ การประมาท และการจงใจที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ โดยที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้งไป อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเดินทางไปเรียกประชุมพนักงานสอบสวนในคดีนี้ทที่ สน.ทองหล่อ อีกครั้งเพื่อวางแนวทางการสอบสวน และเรื่องพยานหลักฐานให้รัดกุมที่สุด
จากนั้นในเวลา 14.30 น. นายธเนศ วีระศิริ เลขาธิการสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมเจ้าหน้าที่จากสมาคมฯ เดินทางเข้าตรวจสอบโครงสร้างภายในอาคารที่เกิดเหตู พร้อมเปิดเผยว่า ได้นำผู้เชี่ยวชาญจำนวนหลายคน เดินทางเข้ามาตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร และประเมินว่าจะยังสามารถใช้งานได้ต่อไปหรือไม่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาคารที่ถูกเพลิงไหม้นานเกิน 10 ชั่วโมงขึ้นไปจะไม่สามารถใช้งานได้ต่อ อาจะต้องรื้อทิ้ง สำหรับอาคารฟิโก้นั้น ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าจะยังสามารถใช้งานได้ต่อไปหรือไม่ หากไม่ปลอดภัยก็ต้องบอกว่าอย่างเพิ่งเข้าไปใช้งาน ต้องทำการรื้อถอนเสียก่อน นอกจากนี้ก็จะต้องตรวจดูเรื่องการวางระบบสปริงเกอร์ด้วย เพื่อจะได้ช่วยแนะนำเจ้าของอาคารว่าจะต้องปรับปรุงตัวอาคารอย่างไรบ้าง.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources