วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

“มาริโอ้”แจงติดเรียน-งานชุกขอผ่อนผันเกณฑ์ทหารรอบ3


วันนี้ (7 เม.ย.) ที่โรงเรียนวัดกระทุ่มเสือปลา แขวง และเขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ลงทะเบียนเกณฑ์ทหารกองเกิน บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดาญาติ-พี่น้องของผู้มีอายุถึงกำหนดต้องมารอลุ้นการจับใบดำ-ใบแดง โดยมี มาริโอ้ เมาเร่อ ดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 49 จากรายชื่อนักศึกษาที่มาขอยื่นผ่อนผันของเขตประเวศทั้งหมด 349 คน มาร่วมอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าวด้วย

มาริโอ้ กล่าวว่า ปีนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มาขอยื่นผ่อนผัน เนื่องจากยังติดเรื่องเรียนอยู่ที่คณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง นอกจากนี้ ยังมีงานเข้ามาเรื่อย ๆ แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย จึงคิดว่าขอให้เคลียร์เรื่องงานให้เข้าที่เข้าทางก่อน ส่วนหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องมาดูอีกครั้งว่า จะสมัคร หรือจับใบดำ-ใบแดง เพราะตนก็ให้ความสำคัญกับการรับใช้ชาติอยู่แล้ว.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ณเดชน์-มาริโอ้”ขอผ่อนผันเกณฑ์ทหาร



แจงติดเรียน-งานชุก “ณเดชน์-มาริโอ้” ขอผ่อนผันเกณฑ์ทหาร ลั่นได้ปริญญา ไม่หวั่นจับใบดำ-แดงลุ้นรับใช้ชาติ
วันนี้ (7 เม.ย.) ที่โรงเรียนวัดกระทุ่มเสือปลา แขวง และเขตประเวศ กทม. ซึ่งเป็นสถานที่ลงทะเบียนเกณฑ์ทหารกองเกิน บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดาญาติ-พี่น้องของผู้มีอายุถึงกำหนดต้องมารอลุ้นการจับใบดำ-ใบแดง โดยมี มาริโอ้ เมาเร่อ ดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 49 จากรายชื่อนักศึกษาที่มาขอยื่นผ่อนผันของเขตประเวศทั้งหมด 349 คน มาร่วมอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าวด้วย

มาริโอ้ กล่าวว่า ปีนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มาขอยื่นผ่อนผัน เนื่องจากยังติดเรื่องเรียนอยู่ที่คณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง นอกจากนี้ ยังมีงานเข้ามาเรื่อย ๆ แทบจะไม่มีเวลาว่างเลย จึงคิดว่าขอให้เคลียร์เรื่องงานให้เข้าที่เข้าทางก่อน ส่วนหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ต้องมาดูอีกครั้งว่า จะสมัคร หรือจับใบดำ-ใบแดง เพราะตนก็ให้ความสำคัญกับการรับใช้ชาติอยู่แล้ว
วันเดียวกัน ที่ห้องขอนแก่นฮอลล์ ชั้น 5  ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า สาขาขอนแก่น นายณเดชน์ คูกิมิยะ อายุ 21 ปี ดารานักแสดงชื่อดัง เดินทางมาแสดงตนขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2555 เป็นครั้งแรก หลังได้รับหมายเรียกเมื่อวันที่ 31 ต.ค.2554 โดยให้เหตุผลว่า ยังอยู่ระหว่างศึกษาที่ ม.รังสิต ชั้นปีที่ 3 เอกภาพยนตร์

นายณเดชน์ กล่าวว่า เรียนจบเมื่อไรก็จะเข้ามาคัดเลือกทหาร และจับใบดำ-ใบแดงไปเลย แต่ความรู้สึกจากใจจริงอยากได้ใบแดงไปเป็นทหาร จะได้มีประสบการณ์ที่ดี ได้ใช้ชีวิตชายไทยอย่างสมบูรณ์แบบ และยังเป็นการตอบแทนบุญคุณต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ริฮันนา : นักรบแบทเทิ่ลชิพ



ในกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้ จะมีภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟเข้าฉายต้อนรับเทศกาลสงกรานต์เรื่อง แบทเทิ่ลชิพ  เป็นการสู้รบเต็มรูปแบบ โดยกองเรือรบที่ยิ่งใหญ่จะเปิดฉากรบทั้งในทะเล กลางเวหา และภาคพื้นดิน เพื่อต่อต้านศัตรูที่มารุกรานโลก โดยเรื่องแบทเทิ่ลชิพ สร้างจากเกมต่อสู้ของเรือรบที่สุดโด่งดังของฮาสโบร ซึ่งประสบความสำเร็จในการสร้างหุ่นทรานส์ฟอร์เมอร์ส ให้กลายเป็นภาพยนตร์ระดับสุดยอด
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักร้องสาวชื่อดัง”ริฮันนา”รับบทเป็นเรือโทหญิงไรคิส  ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธของเรือยูเอสเอส จอห์น พอล โจนส์     สาวริฮันนา เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ปี 2531  เป็นนักร้องชาวบาร์เบโดส เชื้อสายครีโอล   แต่ปัจจุบันเธอพำนักอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา   ริฮันนาถือเป็นนักร้องหญิงชาวบาร์เบโดสคนที่สองที่คว้ารางวัลแกรมมี นอกจากนี้ ริฮันนาเป็นนักร้องแนวฮิปฮอปและอาร์แอนด์บี  แต่ในทุกอัลบั้มเธอได้ผสมผสานเพลงป๊อปได้อย่างลงตัว   อัลบั้มชุดแรก มิวสิค ออฟ เดอะซัน วางจำหน่ายเดือนสิงหาคมปี 2548  มีเพลงดังอย่างพอน เดอ รีเพลย์   และเธอได้ถ่ายภาพขึ้นปกนิตยสารในลอสแองเจลิส และแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง บริง อิท ออน เย็ท อะเกน
ในปี 2549  ออกผลงานอัลบั้มชุดที่ 2  อะ เกิร์ล  ไลค์ มี มีเพลงดังอย่างเอสโอเอส  เพลงนี้นับเป็นเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาเพลงแรก แถมยังถูกใช้ประกอบโฆษณาไนกี้  ส่วนซิงเกิ้ลอันเฟธฟูล  ขึ้นถึงอันดับ 6 บนชาร์ทในอเมริกา   อัลบั้มที่ 3  กู้ด เกิร์ล กอน แบด ในปี 2550  กับซิงเกิ้ลแรก อัมเบรลลา  (ร่วมร้องโดยเจย์ซี) ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาและอีกหลายประเทศ รวมทั้งสหราชอาณาจักร อยู่อันดับ 1 นานถึง 10 สัปดาห์
เพลงฮิตของรีฮันนา ยังมีอีกมากมายเช่น ชัต อัพ แอนด์ ไดร์ฟ และเฮท แดท ไอ เลิฟ ยู ที่ได้ร่วมงานกับจัสติน ทิมเบอร์เลค และทิมบาแลนด์    สำหรับผลงานภาพยนตร์ล่าสุดของรีฮันนาคือแบทเทิ่ลชิพ มีโปรแกรมเข้าฉายบ้านเรา 11 เมษายนนี้
วิษณุ  ศิริอาชารุ่งโรจน์
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

‘นุ่น-โฬม-ริต้า-เหมียว’จัดเต็ม เฉือนดราม่าระทึกใจ - โหมโรง


ปล่อยทีเซอร์ออกมาเรียกเรตติ้งจากแฟนละครหมาดๆ สำหรับผลงานเรื่องใหม่จาก บรอดคาซท์ ไทยฯ ที่เตรียมลงจอ ช่อง 3 ในวันที่ 11 เม.ย.นี้แล้ว สำหรับ “บ่วง” ที่งานนี้บอสใหญ่ หน่อง-อรุโณชา สั่งจัดแน่น คว้านักแสดงเจ้าบทบาทมาประชันบทเข้มอีกระลอก คว้าพระเอกหนุ่ม โฬม-พัชฎะ มาประกบคู่กับ ริต้า-ศรีริต้า เจนเซ่น ร่วมด้วย นุ่น-ศิรพันธ์, เหมียว-ชไมพร, ใหม่-สุคนธวา, มี้-พิศมัย, หมู-ภรผกา ฯลฯ และที่น่าจับตามองที่สุดคงจะเป็น สาวนุ่น ผู้ที่รับบท “อีแพง” กับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญ ต้องเล่นทั้งตอนที่เป็นคนเป็นผี

แถมยังใช้เวลาในการแต่งเอฟเฟกต์นานถึง 3 ชั่วโมง นับว่าเป็นบทบาทที่หนักหนาสาหัสเอาการเลยทีเดียว นอกจากนี้ สาวริต้า ก็กลับมาอีกบทบาทหนึ่ง ที่รับรองว่าแฟนๆ ยังไม่เคยเห็นจากละครเรื่องไหนาก่อน เพราะเรื่องนี้เธอจะต้องแสดงเป็นตัวละครทั้งในอดีตและปัจจุบัน ความยากของบทบาทที่ริต้าได้รับคงจะเป็นเรื่องที่ต้องปรับลุคส์หลายอย่าง ในอดีต ริต้าจะต้องเป็นกุลสตรี สวยหวานเรียบร้อยจิตใจดี แต่ในยุคปัจจุบันริต้าก็จะต้องเป็นแม่ ที่มีลูก 2 คน ส่วนอีกหนึ่งสำคัญที่ขาดเสียไม่ได้นักแสดงมากฝีมือ เหมียว-ชไมพร ที่นานๆ ทีจะกลับมาเล่นละครให้ได้ดูซักเรื่อง ก็ดูจะเป็นมวยถูกคู่กับสาวนุ่นอีกต่างหาก เพราะแฟนๆ จะได้เห็นพลังการแสดงคู่นี้แบบเต็มตาแน่นอน นอกจากนี้ยังมีนักแสดงที่จะมาสร้างสีสันของความน่ารัก กุ๊กกิ๊ก อีกหนึ่งคู่ นั่นคือ โป๊ป-ธนวรรธน์ และสาวหน้าใส เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ที่แม้จะเป็นนางเอกน้องใหม่ แต่พอเข้าคู่กันแล้ว กลับยิ่งทำให้เป็นคู่ที่น่ารักมากอีกคู่หนึ่งเลยทีเดียว
 
“บ่วง” หยิบจากบทประพันธ์ของ จุลลดา ภักดีภูมินทร์ รับหน้าที่เขียนบทโทรทัศน์โดย นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์ และได้ผู้กำกับการแสดงฝีมือดีสุดละเมียดอย่าง ภวัต พนังคศิริ มาดูแลการผลิต ควบคุมทุกขั้นตอน ทำให้บ่วงออกมาสวยงามทั้งภาพ แสง เสียง ที่จะทำให้คนดูได้เข้าถึงและรู้สึกอินไปกับละครเรื่องนี้ จนเรียกว่าดูสนุกได้อรรถรสครบทุกรสชาติ เข้มข้นและน่าติดตาม ในทุกฉากทุกตอนเลยทีเดียว นอกจากนี้โปรดักชั่นยังทุ่มทุนสร้าง ทั้งในเรื่องของฉากที่ต้องสร้างเรือนเล็กขึ้นมาใหม่ทั้งหลังที่ ช่อง 3 หนองแขม เพื่อให้ตรงตามความต้องการและสะดวกในการถ่ายทำ หรือฉากตลาดน้ำที่ต้องเซ็ทขึ้นมาใหม่เพื่อให้สมจริงกับยุคสมัยและดูเป็นตลาดที่มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ และที่จะไม่พูดถึงคงจะไม่ได้คือเรื่องของเสื้อผ้าหน้าผม เพื่อให้นักแสดง สวย สมจริง เหมาะกับยุคสมัย
 
เห็นภาพบรรยากาศการทำงานเบื้องหลังกันมาพอสมควร คราวนี้ลองมาฟังเหล่านักแสดงพูดถึงบทบาทของกันบ้าง เริ่มจาก หนุ่มโฬม เผยว่า “ผมรับบทเป็น 2 คน ทั้งในอดีตและปัจจุบันก็จะเป็นคนที่เก่ง เป็นอะไรที่ท้าทาย เพราะผมก็ไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อน จะทำการบ้านว่าคนโดนของเค้าเป็นยังไงก็ไม่รู้จะดูจากไหน หรือต้องแสดงยังไงให้คนดูเข้าใจว่าเราโดนของ โดนมนต์สะกด ก็ต้องปรึกษากับพี่ใหม่ผู้กำกับฯว่าเค้าอยากให้เราเล่นแค่ไหน จะเพิ่มเติมตรงไหนบ้าง ฉากที่เข้ากันส่วนใหญ่ก็จะเจอกับริต้าและนุ่น เรียกว่าไม่มีปัญหา เพราะทั้งสองคนผมก็เคยร่วมงานกันมาหลายเรื่องแล้วทำให้สนิทกันมากครับ”

ส่วน สาวนุ่น พูดถึงบทในเรื่องนี้ว่า “บท “อีแพง” ต้องบอกว่าเป็นบทที่ดีมากๆ นุ่นต้องขอบคุณ พี่หน่อง และผู้ใหญ่ที่ช่อง 3 ที่ให้โอกาสและไว้ใจให้นุ่นได้รับบทดีๆ แบบนี้ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่านุ่นรอคอยบทแบบนี้มานานแล้ว เพราะตัวละครตัวนี้จะมีมิติ มีพัฒนาการ เราต้องถ่ายทอดความมีชีวิตของตัวอีแพง ที่มันค่อนข้างซับซ้อนให้สมจริงมากที่สุด มันเลยค่อนข้างยากและท้าทายให้เราได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ อย่างที่ได้เรียนมาด้วยค่ะ เต็มที่ที่สุดค่ะ”

สุดท้ายที่ ริต้า กล่าวถึงการพลิกคาแรกเตอร์ว่า “ส่วนที่ยากอีกอย่างหนึ่ง คือ ในเรื่องเราจะต้องโดนผีมาคอยหลอกให้เราเห็นคนเดียว ทำให้เรากลัว และกินยากล่อมประสาท จนเหมือนคนโรคจิตอ่อนๆ หวาดระแวง ซึ่งบางทีริต้าต้องเล่นคนเดียว ต้องใช้จินตนาการเอาเอง เลยยิ่งยากเข้าไปอีก เรียกว่าบ่วงเป็นละครที่ยากและท้าทายมากที่สุด เพราะเป็นอะไรที่ริต้าไม่เคยได้เล่นหรือสัมผัสมาก่อนเลย แต่ก็ท้าทายดีค่ะทำให้เราได้ประสบการณ์ได้ความรู้มากขึ้น และเอามาพัฒนาการแสดงของริต้าต่อไปในอนาคตได้ค่ะ”

ติดตามชมความเข้มข้นในทุกฉาก ทุกตอนของละคร “บ่วง” พร้อมออกอากาศทุกวันพุธ–พฤหัสบดี หลังข่าวภาคค่ำ ช่อง 3....
ไปรมา
.........................................
เรื่องย่อ
ศามน หนุ่มผู้เพียบพร้อมทุกๆ ด้าน เป็นที่หมายปองของสาวๆ แต่เขาเลือกแต่งงานกับ รัมภา สาวสวยกำพร้าผู้เพียบพร้อมทั้งกิริยามารยาท สองคนพบรักกันที่อเมริกาและตัดสินใจแต่งงานกัน และมีลูกฝาแฝดชาย-หญิง ศรุท (รัตตี้) และ ศรัย (ไลล่า) วันหนึ่งศามนได้รับการติดต่อให้เดินทางกลับกรุงเทพฯโดยด่วน เพื่อมางานศพคุณยายทวด และมารับมรดกตกทอดของตระกูลที่มีเนื้อที่เกือบ 5 ไร่ เขาตัดสินใจย้ายครอบครัวไทย โดยมี ตาหล้า, ยายคำ และ บุญสืบ ลูกชายจอมทะเล้น ข้าเก่าของคุณทวดที่คอยดูแลทำความสะอาดบ้าน ศามนไม่รู้สึกกลัวที่นี่เหมือนคนอื่น เพราะเขาเคยวิ่งเล่นมาตั้งแต่เล็กๆ แต่สำหรับรัมภาความรู้สึกแวบแรกตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาที่บ้านสวนแห่งนี้ เธอรู้สึกว่าที่นี่ดูวังเวงและชวนขนลุกอย่างบอกไม่ถูก ที่เพิ่มความน่ากลัวเข้าไปอีก คือ หลังจากที่คุณทวดเสียชีวิตลง ศพของท่านยังคงบรรจุใส่โลงตั้งเอาไว้บนเรือนหลังใหญ่เพื่อรอการเผา รัมภามองรูปหน้าศพรู้สึกว่าคุณทวดมีแววตาแข็งกร้าว ดุดัน แต่เมื่อมองนานๆ เหมือนอุปทานว่าเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นจากมุมปากของท่าน และช่วงที่อยู่ในบ้านแห่งนี้มักมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นเสมอๆ ไม่เพียงเท่านั้นรัมภามักหูแว่วได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กที่เยือกเย็น ในขณะที่ศามนหูแว่วได้ยินเสียงท่องมนต์ดำของหญิงคนหนึ่งที่คุ้นหู ทั้งสองต่างเก็บนิมิตเสียงอันแตกต่างเหล่านี้ไว้ไม่บอกกันและกัน
 
ศามนไปทำงานรับตำแหน่งผู้จัดการในบริษัทคอมพิวเตอร์ข้ามชาติ โดยมี อนุกูล เป็นรองผู้จัดการ มี วรรณศิกา เป็นเลขาฯ  และมี พัชนี พนักงานใหม่เข้ามาเป็นผู้ช่วย อนุกูลเป็นเพลย์บอยหนุ่มรูปงาม จนถูกพัชนีเตือนให้รู้โทษของการผิดศีลห้า นั่นทำให้อนุกูลรู้สึกขำขันกับพนักงานใหม่ สาวสวยแต่ชอบทำตัวเป็นแม่ชีอย่างพัชนี จนต้องคอยยั่วโมโหและแกล้งพัชนีอยู่บ่อยๆ วันหนึ่ง อนุกูล, วรรณศิกา และ พัชนี ติดตามศามนเข้ามาเยี่ยมรัมภาที่บ้าน เพื่อช่วยเหลือในฐานะเพื่อนร่วมงานที่ดี พัชนีมีกล้องติดมือมาด้วยจึงถ่ายภาพบ้านของศามนตามมุมต่างๆ ไว้ เมื่อพัชนีกลับบ้านเอาให้ลุงช่วงดู จากนั้นก็นั่งทางในพบว่าบ้านหลังใหญ่นั้นมีบ้านหลังเล็กแทรกตัวอยู่ ห่างกันแค่คลองเล็กๆ คั่น ลุงช่วงรีบบอกให้พัชนีติดต่อศามน อย่าให้ใครไปเปิดบ้านหลังเล็ก มิฉะนั้นมนต์ดำของวิญญาณร้ายจะออกมา แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว ศามนงัดกุญแจที่มีผ้ายันต์ปิดอยู่ออก ศามนเข้าไปข้างใน เสียงมนต์ดำ เสียงโซ่ที่ถูกลากไปตามพื้น และเสียงกรีดร้องอย่างทรมานดังไปทั่ว จนศามนเป็นลมล้มลง ก่อนจะตื่นขึ้นมากลายเป็นศามนคนใหม่ที่เฉยชาและขี้หงุดหงิด

ศามนสงสัยว่าทำไมห้องที่เรือนหลังเล็กต้องมีลูกกรงแน่นหนา จนมารู้ทีหลังว่าที่นี่เป็นเรือนที่คุณทวดหวงมากไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง ศามนชอบบรรยากาศที่เรือนหลังเล็กมาก ขณะที่รัมภารู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ที่นี่ ศามนไม่คิดนอนที่เรือนใหญ่ที่ตั้งศพคุณทวดอยู่ตั้งแต่แรก เขาจึงสั่งตาหล้าให้ซ่อมแซมและปรับปรุงเรือนหลังนี้เสียใหม่เพื่อทำเป็นที่พักแทน จากเรือนรกร้างเมื่อตกแต่งใหม่ก็กลายเป็นเรือนหลังเล็กสีขาวน่าอยู่  รัมภาลงทุนทำสระว่ายน้ำเล็กๆ เพื่อให้เด็กๆ ว่ายน้ำเล่นกัน เพราะไม่อยากให้เด็กๆ ลงไปเล่นน้ำที่บึงน้ำหลังบ้าน

เมื่อครอบครัวของศามนย้ายมาอยู่เรือนหลังเล็ก รัมภาไม่เคยนอนหลับสนิทสักคืน เธอได้ยินแต่เสียงหัวเราะเย้ยหยันของหญิงคนหนึ่งแว่วเข้าหูตลอดคืน อีกทั้งมักฝันเห็นผู้หญิงนุ่งโจงกระเบนสีดำ สวมเสื้อคอกว้างแขนกุดเสมอไหล่ ผมยาวระต้นคอรุ่มร่าม ดูเหมือนผู้หญิงในฝันจะยิ้ม แต่รอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความน่ากลัว ความฝันซ้ำๆ ถึงหญิงชราคนนี้ ทำให้เธอผวาตื่นยามดึกอยู่บ่อยๆ เธอตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับศามนและขอย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่ศามนกลับคิดว่าเธอหูฝาด และคิดมากไปเอง  รัมภาจึงนำความฝันประหลาดนี้ไปเล่าให้ยายคำฟัง เพราะเธอนึกว่าผู้หญิงที่ฝันเห็นเป็นคุณทวด ยายคำกลับบอกว่าลักษณะแบบนั้นตามที่เธอเล่าให้ฟังไม่ใช่คุณทวดอย่างแน่นอน เพราะคุณทวดไม่เคยไว้ผมยาวรุ่มร่าม ท่านจะตัดผมทรงพุ่มๆ และเกล้ามวยเท่านั้น กลายเป็นความสงสัยของรัมภาว่าคนที่เธอฝันเจอคือใคร 

จริงๆ แล้วทั้งเรือนหลังใหญ่และหลังเล็กแห่งนี้ต่างมีความหลัง แต่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป เพราะคนเก่าแก่ของที่นี่เสียชีวิตไปหมดแล้ว คนที่พอจะรู้ข้อมูลของบ้านสวนแห่งนี้เห็นจะมีเพียง ยายเพ็ญ หญิงชราวัย 90 กว่าๆ เพื่อนบ้านที่หลงๆ ลืมๆ เลอะเลือน ยายเพ็ญมีหลานสาวเปรี้ยวจี๊ด เดือนแรม หรือ คุณนายเดือน เธออายุมากกว่ารัมภา 2 ปี แต่มีนิสัยแตกต่างจากรัมภาโดยสิ้นเชิง คุณนายเดือนเป็นเศรษฐีนี เพราะเธอได้รับมรดกมากมายจากการขายตึกแถว หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิตลง   เดือนแรมเป็นหญิงหม้ายสามีทิ้ง ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตเธอรักเงินมากกว่าตัวเธอ คบกันได้ไม่นานก็ทิ้งเธอไปหมด จึงมีแต่สาวใช้ ทองดี เป็นผู้ติดตาม ด้วยความเป็นคนอยากรู้อยากเห็นของเดือนแรม เมื่อมีเพื่อนบ้านมาอยู่ใหม่อย่างครอบครัวของศามนและรัมภา เธอก็อดไม่ได้ที่จะแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อทำความรู้จัก และเล่าเรื่องราวต่างๆ นานาตามที่เคยได้ยินมาจากยายเพ็ญเกี่ยวกับบ้านสวนแห่งนี้ให้รัมภาฟัง ส่วนจะลงเอยอย่างไรนั้นติดตามชมในละคร

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“หวาย” มองอุปสรรค เป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ - ดาวต่างมุม


ถ้าเอ่ยถึง “ฮิพฮอฟ” ส่วนใหญ่หลายคนต้องนึกถึงแต่หนุ่มๆ ซะเป็นส่วนใหญ่ที่ร้องเพลงแนวนี้ แต่ถ้ามองในฟากของผู้หญิงหนึ่งสาวที่เราต้องนึกถึงก่อนนั่นคือ หวาย-ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ หรือ หวาย กามิกาเซ่  เด็กสาวที่มากความสามารถ  เธออยู่ในวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 15 ปี จนตอนนี้เติบโตเป็นสาวแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างในชีวิต งานนี้ ดาวต่างมุม เลยจับเธอมานั่งคุยสบายๆ ล้วงลึกถึงเรื่องต่างๆ ในชีวิตสาวหวายมาให้แฟนๆ ได้รู้จักตัวตนเธอจริงๆ
การทำงานเพลงของเราตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“ตอนแรกที่เข้ามาวงการเพราะหวายไปร้องเพลงที่คอนเสิร์ต คุณตาชรินทร์ นันทนาคร แล้วพี่ที่อาร์เอสเห็นหวายร้องเพลงและเต้นได้ เขาเลยติดต่อมาบอกว่ากำลังหาเด็กผู้หญิงที่รักการเต้นและร้องเพลง ก็เลยเข้าไปออดิชั่นดูได้เข้ามาอยู่กามิกาเซ่ตอนนั้นได้อยู่เป็นโปรเจคจนตอนนี้มีอัลบั้มเดี่ยว 3 อัลบั้มแล้วค่ะ 5 ปีที่ผ่านมาทุกคนได้เห็นเราโตขึ้นเยอะ เพราะเราอยู่ตั้งแต่ 13-14 ปี ตอนนี้จะ 19 แล้วเขาก็จะบอกว่าเรายังเด็กตอนนี้โตแล้ว”
5 ปีบนเส้นทางงานเพลงที่ตัวเองรักมีความเปลี่ยนแปลงยังไงบ้าง ?
“มีเยอะค่ะ เป็นปกติที่คนเราจะตื่นเต้น เวลาทำงานก็ทำเต็มที่ที่สุด ไม่กลัวคนวิจารณ์ แต่พอเราได้ยินคนพูดเกี่ยวกับเราในทางไม่ดีทำให้เราเสียใจแล้วก็ท้อ ไม่อยากสู้ต่อ แต่พอเราโตมาเรื่อยๆ ก็รู้ไม่ควรที่จะท้อ เพราะเราเลือกที่จะมาเส้นทางนี้แล้ว แรกๆ คิดไม่อยากทำเลย รับไม่ได้ที่มีคนมาว่าเราทั้งที่ไม่รู้จักเราเลย เรื่องหลักๆ ที่เขาว่าก็เป็นเรื่องน้ำหนักบ้าง เรื่องเราร้องเพลงบ้าง เพราะเป็นนักร้องเด็กที่ร้องแนวฮิพฮอพแต่งตังเหมือนผู้ชายแต่ไม่ใช่ทอม เขาไม่เข้าใจในตัวเรา แต่พอเราโตขึ้นแนวเพลงโตขึ้นยังเป็นฮิพฮอพแต่ผสมป๊อบให้เพื่อนๆ ฟังง่ายขึ้นเขาก็เปิดใจรับเรามากขึ้น หนูมีกลุ่มแฟนคลับแต่แรกแล้ว  แล้วก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆเราก็รู้สึกดีใจ เพราะเขาทำเว็บเพจแฟนคลับให้จากเดิมมีไม่กี่ร้อย ตอนนี้เพิ่มเยอะมากๆ”
ช่วงเวลาที่ท้อหาวิธีปลอบใจตัวเองให้แข็งแรงยังไง ?
“คุยกับคุณพ่อคุณแม่เยอะ ท่านเป็นคนที่สนับสนุนเราตรงนี้มาก ไม่ใช่พ่อแม่ที่ให้เรียนหนังสืออย่างเดียว ไม่ได้คิดว่าการเรียนไม่สำคัญ แต่เชื่อว่าเราสามารถทำสองอย่างพร้อมกันได้มีความรับผิดชอบพอ หวายเจอปัญหาก็เดินเข้าไปคุยเวลามีคนเขียนว่าเรา พ่อแม่ก็อธิบายให้เราฟังว่ามีคนรักก็ต้องมีคนไม่ชอบบ้าง พอโตขึ้นเชื่อซิทุกคนก็จะเข้าใจเราเอง ซึ่งพอโตมาตอนนี้ก็มีคนเปิดใจรับเรามากขึ้นจริงๆ เวลาเรามองกลับไปก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ เรายังผ่านไปได้ประสบการณ์จะสอนเรา ถึงตอนนี้ยังมีคนว่าเราอยู่บ้าง แต่มันทำให้เราเข้มแข็ง เพราะถ้าอ่านแล้วไม่ใช่เรื่องจริงเราก็ปล่อยวางไป”
คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเรายังไง ดูภายนอกเหมือนคุณหนูมาก?
“คุณพ่อคุณแม่หวายปล่อยทำอะไรก็ได้ แต่ขอให้บอกทุกเรื่องเขาเลี้ยงแบบนี้แต่เด็ก ถ้าเราจะไปข้างนอกก็ต้องบอก ที่สำคัญหวายไม่เคยโกหกคุณพ่อคุณแม่เลย ท้ายที่สุดคนที่เราจะเชื่อใจมากที่สุดก็คือคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นค่ะ เราเรียนนานาชาติแต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่ปล่อยเพราะเห็นเป็นเด็กฝรั่ง แต่ปล่อยเพราะเวลาเราอยู่สังคมอินเตอร์อาจารย์จะไม่ได้เข้ามาว่าเรา ห้ามโน่นนี่ แต่เขาจะให้เรารับผิดชอบเอง เราเป็นครอบครัวฝรั่งก็แค่สามารถคุยกับคุณพ่อคุณแม่ได้ทุกเรื่อง อย่างเพื่อนหวายบางคนไม่กล้าเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังเรื่องความรัก แต่เรื่องแบบนี้หวายสามารถบอกได้ค่ะ”
คนดูภายนอกอาจมองเราเปรี้ยวแรงแน่ ?
“ที่จริงเป็นคนตรงไปตรงมา แต่คนจะสับสนกับคำว่าแรง คนคิดอะไรแล้วพูดออกมา   เวลาไปข้างนอกคนบอกว่าหยิ่งเพราะเขาไม่รู้จักเราจริงๆ บางคนเจอหน้าไม่ชอบกันก็สีหน้าเวลาที่เราไม่ยิ้มอาจดูวีนโกรธ อยากให้เข้าใจนิดนึง เราไม่สามารถทำให้ทุกคนรักเราได้ทั้งหมด แต่ว่าหวายมีหน้าที่ที่จะอธิบายให้ทุกคนฟังนี่แหละค่ะว่า จริงๆ เป็นยังไงเราจะได้เข้าใจกันมากขึ้นเนอะ   เราโตแล้วมีความรักผิดชอบ เข้ามาวงการตั้งแต่อายุ 13 ปี ตอนนั้นกำลังวัยรุ่นอยู่เลย พอมาทำงานก็ไม่มีเวลา แต่ทำให้เราโตมีความรับผิดชอบมีความอดทนมาก ทำให้เราได้รู้เข้ามาทำงานไม่ได้มีโอกาสแบบนี้ให้กับทุกคน แล้วเราโชคดีขนาดไหนที่ได้รับโอกาสนี้”
เรื่องของการเรียนล่ะทำงานด้วยเรียนด้วย ?
“โอ้โห หนักเลยค่ะ ตอนแรกๆ หนักเพราะเราเรียนโรงเรียนอินเตอร์อาจารย์จะปล่อยมากกว่า พอมาท้ายเทอมจะค่อยมาบอกเราว่าเกรดไม่ดีให้ทำอะไรขาดอะไร เพื่อนๆ ทุกคนก็จะเข้าใจเพื่อนเราก็ช่วยด้วย พอมาถึงตอนนี้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาคอินเตอร์ ตอนแรกเรียนสาขาบริหารธุรกิจ แต่ตอนนี้กำลังย้ายมาเรียนนิเทศค่ะที่เราชอบจริงๆ แล้วได้ลงเรียนภาษาเพิ่มไปด้วย” 
ตอนนี้ถือว่าเราอยู่จุดสูงสุดที่ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้หรือยัง ?
“หวายอยากเป็นนักร้องจนโต เราทำได้ถึงขนาดนี้ก็มั่นใจแล้วว่าเราอยากทำต่อไปจริงๆ ซึ่งสัญญาหมดเพิ่งต่อใหม่อีก 5 ปี เราแฮปปี้มาก ไม่ใช่แค่นักร้องอย่างเดียวนะ ตอนนี้หวายเพิ่งเปิดร้านขายเบเกอร์รี่ชื่อร้าน “มันชี่” ที่แปลว่าหิวขนม อยู่แถวสุขุมวิท 71 เป็นความฝันตั้งแต่เด็กแล้วเราชอบทำคัพเค้ก จนเมื่อปีที่แล้วคุณยายเลยลงทุนกับคุณแม่ซื้อตึก 5 ชั้นลงชื่อร้านเป็นของเราให้เราได้ทำตามความฝันชั้นล่างเป็นอาหารคาเฟ่ ขนม ชั้นสองขายเสื้อผ้า อีกด้านที่สนใจคือหวายอยากเป็นนักแปลทุกคนจะตกใจเนอะ(หัวเราะ) อยากเป็นคนทำงานไปจนแก่เลย อยากเก็บเงินเพราะกว่าเราจะมีลูกมีหลานเราก็อยากทำงานเก็บเงินให้เขาไม่ลำบาก”
อะไรที่คนไม่รู้บ้างเกี่ยวกับตัวหวาย ?
“เป็นคนเซ้นซิทีฟ เครียดง่าย แต่ก็หายง่าย (หัวเราะ) เข้มแข็ง อีกอย่างเป็นคนที่เก็บเงินมาก จริงๆ นะ ดูข้างนอกเหมือนจะซื้อของเยอะแบรนด์เนมแน่ๆ แต่จริงๆ เป็นคนเก็บเงินเก่งเหมือนกัน เงินที่ได้มาจากการร้องเพลงทำงานเนี่ยไม่เคยใช้เลย ใช้ครั้งเดียวตอนซื้อไอแพด เพราะอยากได้เองที่เหลือเก็บธนาคารที่ไม่สามารถใช้ได้อีก 10 ปี เราอยากมีเงินใช้ตอนโตอยากเก็บเผื่ออายุ 30 ปี ก็มีเงินที่จะเลี้ยงน้องๆ เด็กๆ ญาติเรา เดือนนึงคุณพ่อคุณแม่ให้เงินหวายไม่เยอะนะ คนอื่นได้เป็นหมื่นแต่หวายได้ไม่กี่พันเอง ถ้าไม่พอจริงๆ หรือมีเหตุผลต้องซื้อของทำงานก็ขอได้ แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ขอ แค่นี้พอแล้วสำหรับวัยเท่าหวาย อย่างแบรนด์เนมนี่ไม่เลย ซื้อแค่อย่างเดียวคือกระเป๋าตังค์ปราด้า ตอนไปฮ่องกงแล้วก็ใช้มา 3 ปีแล้ว ไม่เคยช็อปหมดเป็นหมื่นๆ คุณแม่เราก็เป็นเหมือนกันคือไม่ใช้แบรนด์เนมเก็บเงินเก่ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีที่เราทำได้”
เรื่องความรักล่ะช่วงที่ผ่านมาเคยมีข่าวเยอะตอนนี้เงียบหายไปเลย ?
“ตอนนี้ทำงานหนักมากเช้าจรดเย็น ยังโตไม่พอ ยังเรียนด้วย เลยทำให้เราไม่มีเวลาทั้งกับตัวเอง เพื่อนๆ และครอบครัวเท่าไหร่ แล้วถ้าไม่มีเวลาให้กับพ่อแม่ขนาดนั้น หวายก็จะไม่มีเวลาพอสำหรับคนที่ดูใจแน่นอน ถามว่ามีเข้ามามั้ยก็มีเพื่อนสนิทคนนึงก็อย่างที่รู้ข่าวเขาชื่อ “อองตวน” เป็นคนฝรั่งเศส คุยแบบเพื่อนกันจะคอยให้กำลังใจเราตลอด  เขาทำงานเป็นนักมวยเขาทำงานหนักเป็นคนมีระเบียบวินัยมาก ไม่เคยเจอมาก่อนในวัยนี้เขาเพิ่ง 20 ปี รักครอบครัวมาก ครอบครัวสำหรับเขาต้องมาก่อน เราเลยประทับใจเขาตรงนี้ ที่สำคัญเขาเข้าหาคุณพ่อคุณแม่ของเราท่านก็สบายใจที่เราเป็นเพื่อนกัน การมีแฟนหรือคนที่ดูใจไม่ใช่เรื่องผิด แต่ขอให้เรารู้ลิมิตและต้องบอกคุณพ่อคุณแม่ ถ้าท่านรับรู้จะดีกว่าจะได้ช่วยเราดูสบายใจทั้งสองฝ่ายค่ะ”
ฝากอะไรถึงแฟนๆ หน่อย ?
“ฝากแฟนๆ ติดตามผลงานหวายไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็เพิ่งปล่อยซิงเกิ้ลที่ 2 สำหรับเพลง “เสียใจแต่ไม่แคร์” เพลงนี้เป็นเพลงที่ร้องยากมากเป็นแนวอาร์แอนด์บีที่ยาก อยากให้ลองฟังแล้วก็ติดตามหวายด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
เป็นอีกหนึ่งสาวที่มากความสามารถแล้วก็มีแนวทางการใช้ชีวิตที่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีกับแฟนคลับได้ดีจริงๆ อย่างนี้

คนกลาง : เรื่อง / วรัญญู เหมือนเดช : ภาพ
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

เครียดทะเลาะเมียยิงดับพร้อมลูกก่อนจ่อขมับตายตาม


เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้(6 เม.ย.)พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ อิ่นใจ สวส.เวร สภ.พาน จ.เชียงราย รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย 3 ศพ ที่บ้านเลขที่ 87 หมู่ 2 บ้านคาววัง ต.ทรายขาว อ.พาน จ.เชียงราย รุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพรัช คุ้มล้วนล้อม ผกก. และแพทย์เวรจากโรงพยาบาลพาน ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งตึกครึ่งไม้ บริเวณห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งเป็นห้องนอน บนฟูกที่นอนด้านซ้ายสุด พบศพนายธีรเมธ พรหมบุรี อายุ 30 ปี มีบาดแผลถูกยิงขมับด้านซ้ายทะลุขมับขวา 1 นัด นอนก่ายศพน.ส.สิรประภา นันตานุ่น อายุ 30 ปี ภรรยาและเป็นเจ้าของบ้านเกิดเหตุ มีบาดแผลถูกยิงบริเวณศีรษะ 2 นัด ส่วนด้านขวาสุดของที่นอน ยังพบศพด.ช.ภูมิทัศน์ พรหมบุรี อายุ 9 เดือน ถูกยิงด้วยปืนชนิดเดียวกันที่ศีรษะ 2 นัด และยังพบอาวุธปืนลูกโม่ .357 ตกอยู่ข้างตัวนายธีรเมธ 1 กระบอกตรวจสอบในรังเพลิงพบปลอกกระสุนปืน  5 ปลอก และกระสุนอีก 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งพิสูจน์ต่อไป
ด้านพ.ต.อ.ไพรัช กล่าวว่า เบื้องต้นสอบสวนทราบว่าฝ่ายชายมาอยู่กินกับผู้หญิงได้ 1 ปีเศษ โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส และไม่ได้ประกอบอาชีพ อาศัยอยู่กินกับภรรยา ซึ่งมีอาชีพทำนา ระยะหลัง ทั้งสองเกิดระหองระแห และมีปากเสียงเป็นประจำ โดยฝ่ายชายหึงหวงภรรยา ช่วงเช้าวันนี้ มีพยานพบเห็นทั้ง 2 ทะเลาะกันอย่างรุนแรง กระทั่งตกบ่ายได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด จึงไปแจ้งตำรวจมาตรวจ ส่วนสาเหตุสันนิษฐานว่า มาจากเรื่องปัญหาภายในครอบครัว และเกิดความเครียด แก้ไขปัญหาชีวิตครอบครัวไม่ตก กระทั่งฝ่ายชายใช้อาวุธปืนยิงหัวภรรยาและลูกน้อยจนเสียชีวิต ก่อนตัดสินใจจ่อยิงขมับตัวเองตายหนีความผิด. 

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

รวบแก๊งแมวน้ำเจ้าพระยาอาละวาด


วันนี้ ( 7 เม.ย.) พ.ต.ต.พิภพ นามพุทรา สว.กก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นำกำลังซุ่มดักจับกุมแก๊งแมวน้ำ หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการว่า สินค้าที่บรรทุกมาทางเรือได้ถูกกลุ่มคนร้ายลอบโจรกรรมไปหลายครั้ง โดยที่บริเวณป่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา หมู่ 2 ต.ตลาดเกรียบ อ.บางปะอิน เจ้าหน้าที่พบเรือยนต์ต้องสงสัยขับเข้ามาจอดขนถ่ายสินค้าขึ้นรถกระบะ 2 คันที่จอดอยู่ริมฝั่ง จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบว่าเรือลำดังกล่าวชื่อ “โชคขวัญฤทัย” ภายในเรือมีกระสอบบรรจุน้ำตาลทรายแดง กระสอบละ 50 กิโลกรัม จำนวน 250 กระสอบ น้ำหนักรวม 1.5 ตัน มูลค่ากว่า 300,000 บาท
จากการสอบสวน นายวิรัตน์ พัชนี อายุ 27 ปี คนขับเรือ รับสารภาพว่า มีอาชีพขับเรือยนต์ลากจูงเรือบรรทุกสินค้า ได้ร่วมกันคนงานไทย และชาวเขมรโจรกรรมน้ำตาลทรายจากเรือบรรทุกสินค้าที่จอดอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับวัดโพธิ์เผือก ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้เรือขนาดเล็กเข้าไปจอดเทียบเรือบรรทุกสินค้าในช่วงกลางคืน แล้วจึงกรีดผ้าใบก่อนช่วยกันโกยน้ำตาลทรายใส่กระสอบที่เตรียมไว้ขนใส่เรือยนต์ แล้วค่อยนำมาถ่ายขึ้นรถกระบะเพื่อนำไปขาย กระสอบละ 900 บาท โดยมีนายจอม ไม่ทราบนามสกุล จาก อ.ท่าเรือ เป็นนายทุน ซึ่งทำมาแล้วหลายครั้ง พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม นายบุญธรรม ซ้งนุ่ม อายุ 28 ปี นายคัมภีร์ ศรีรักษา อายุ 30 ปี นายสุรชัย ประสงค์กลิ่น อายุ 30 ปี และชายชาวกัมพูชา อีก 5 คน ผู้ร่วมขบวนการ พร้อมของกลาง รถกระบะนิสสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บต 5663 พิจิตร และรถกระบะนิสสัน สีดำ ทะเบียน บจ 4010 พระนครศรีอยุธยา ไปสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources