วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ตร.พร้อม รับประชุมอิโคโนมิกฟอรั่ม-ประกบ อองซาน ซูจี


วันนี้(29พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย  โฆษก ตร. แถลงการณ์เตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเศรษฐกิจในภูมิภาค เอเชียตะวันออก 2012 (World Economic Forum 2012) ระหว่างวันที่ 30 พ.ค. – 1 มิ.ย.ที่  โรงแรมแชงกรีล่า กทม.  และกำหนดพิธีเปิดการประชุมในวันที่ 31 พ.ค. เวลา 15.30น. โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  ซึ่งในส่วนของตร.ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ สถานที่ประชุมและสถานที่พักผู้เข้าร่วมประชุม ตลอดจนการอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ได้จัดทำแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยมอบหมายภารกิจให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสันติบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โรงพยาบาลตำรวจ ฯลฯ  ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้แจ้งว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นอกจากจะเข้าร่วมประชุมแล้ว ยังมาเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของรัฐบาลด้วย สำหรับประเทศที่มีระดับผู้นำเข้าร่วมประชุม ได้แก่ ราชอาณาจักรบาเรนห์, สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสาธารณรัฐอินโดนีเซีย นอกจากนี้จะเป็นบุคคลสำคัญระดับรัฐมนตรี จำนวน 18 ประเทศ และมีผู้นำองค์กรระหว่างประเทศ จำนวน 8คน  โดยผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มีจำนวนประมาณกว่า 600  คน
โฆษก ตร. กล่าวว่า นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย สาธารณรัฐสหภาพพม่า จะเดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย โดยกำหนดเดินทางถึงประเทศไทยในวันที่ 29 พฤษภาคม  เวลาประมาณ 21.00 น. โดยเครื่องบินสายการบินไทย ซึ่งตร. ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ รปภ. และมาตรการรักษาความปลอดภัยในส่วนที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว โดยส่วนตัวนางอองซาน จะมีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจสันติบาลดูตลอดเวลา โดยทราบว่า ในวันที่ 30 พฤษภาคม นางอองซานจะไปเยี่ยมแรงงานพม่าที่จ.สมุทรสาคร จากนั้นจะไปพบแรงงานพม่าที่ทำงานย่านมีนบุรี  ก่อนวันที่ 3 มิถุนายน  จะเดินทางไปอ.แม่สอด จ.ตาก  และเดินทางกลับในวันที่ 3 มิถุนายน อย่างไรก็ตามจากการข่าวตอนนี้ไม่มีภัยคุกคามใด ต่อตัวนางอองซานแต่เนื่องจากเป็นบุคคลที่คนทั้งโลกให้ความสนใจจึงต้องให้การ ดูแลเป็นกรณีพิเศษ ส่วนผู้นำคนอื่นๆก็ยังไม่พบข่าวความเคลื่อนไหวที่น่าห่วง หรือภัยคุกคามแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การประชุมจะใช้สถานที่ภายในโรงแรมแชงกรีล่าทั้งหมด และกำหนดหอประชุมกองทัพเรือเป็นสถานที่จัดเลี้ยง ในส่วนของโรงแรมที่พักผู้เข้าร่วมประชุม ได้แก่ โรงแรมแชงกรีล่า โรงแรมดุสิตธานี และโรงแรมโอเรียลเต็ล  ในส่วนของ บช.น. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.น. ดูแลงานด้านกิจการพิเศษ เป็นผู้ควบคุมกำกับดูแลในด้านการรักษาความปลอดภัย และ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. ดูแลด้านการจราจร  ทั้งนี้ บช.น. ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลความปลอดภัยบริเวณสถานที่ประชุมและสถานที่พักของ ผู้เข้าร่วมประชุม จะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) ที่โรงแรมแชงกรีล่า สำหรับโรงแรมดุสิตธานีและโรงแรมโอเรียลเต็ล จะตั้งศูนย์ปฏิบัติการแยกออกไปอีก  ส่วนหอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยง  บก.น.7 เป็นผู้รับผิดชอบจัดกำลังดูแล ส่วนพื้นที่ทางน้ำจะใช้กำลังพลจาก บก.น.8ดูแลพื้นที่ในแม่น้ำเจ้าพระยา
โฆษก ตร. กล่วต่อว่า การดูแลความปลอดภัยพื้นที่ชั้นในของบุคคลสำคัญจะเป็นหน้าที่ของตำรวจสันติ บาล บช.น. จะรับผิดชอบพื้นที่ชั้นกลาง คือบริเวณโดยรอบสถานที่ประชุมและที่พัก รวมทั้งเส้นทางการจราจรต่างๆ  กำลังพลส่วนอื่นๆ ที่ร่วมปฏิบัติ ได้แก่ ชุดปฏิบัติการเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ  การจัดทำแผนเผชิญเหตุไว้รับมือในกรณีที่มีกลุ่มมวลชนต่างๆ เดินทางมาแสดงความคิดเห็นในพื้นที่การประชุม  โดยรวมแล้ว บช.น. ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละวันรวมทั้งสิ้นประมาณ 430-500 นาย นอกจากนี้ บช.น. ยังมีภารกิจในการจัดขบวนรถของผู้นำแต่ละประเทศและบุคคลสำคัญระดับรัฐมนตรี ที่มาร่วมประชุม โดยใช้รถยนต์ จำนวน 29 คัน และรถจักรยานยนต์ จำนวน 14 คัน จากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบังคับการตำรวจจราจร และกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ  ซึ่งในเวลา 14.00น. ของวันเดียวกันนี้  พล.ต.ต.อนันต์   ได้ร่วมซักซ้อมขบวนรถบุคคลสำคัญเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกำหนดพิธีการ ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้ง หมด
ขณะเดียวกันพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะได้เดินทางตรวจดูความพร้อมตามจุดต่างๆที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงโรงแรมที่พักที่เตรียมไว้ตอนรับผู้เข้าร่วมประชุม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้มีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมการอารักขาผู้นำอย่างขมักเขม่น..

ผบ.ตร. ร่วมประชุมเตรียมพร้อมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 บช.น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา (สบ10) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. (ดูแลงานความมั่นคง) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์การ ชุมนุมและเตรียมความพร้อมดูแลความสงบเรียบร้อยกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จะชุมนุมเพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง โดยได้นัดหมายให้มีการตั้งขบวนมวลชน ในวันพุธที่ 30 พ.ค. ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง

จากนั้น  พล.ต.อ.วรพงษ์ เปิดเผยว่า  ในที่ประชุมได้ประเมินกลุ่มผู้ชุมนุม 2 ฝ่าย คือ กลุ่มพันธมิตรฯ จะรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนเคลื่อนไปที่รัฐสภา  สำหรับกลุ่มเสื้อแดงจะตั้งเวทีหน้าอาคารรัฐสภา  เบื้องต้นสั่งการให้ตำรวจ บช.น. วางแนวกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ใกล้กัน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ โดยจัดกำลังตำรวจไว้ทั้งหมด 20 กองร้อย โดยจะใช้เบื้องต้น 3 กองร้อยก่อน และมีกำลังสนับสนุนรอ ณ ที่ตั้ง 17 กองร้อย นอกจากนี้ยังเรียกกำลังเสริมจาก บช.ภ.1 , 2 และ 7 บช.ละ 3 กองร้อย รวมทั้งสิ้น 29 กองร้อย กรณีที่ฉุกเฉินและต้องการเรียกกำลังเสริม

พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานแกนนำแต่ละฝ่ายให้ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่างเคร่งครัด พร้อมสั่งการให้ ผบช.น. ลงพื้นที่ในบ่ายวันนี้ เพื่อวางแผนและดูจุดที่จะวางกำลัง ด้านฝ่ายสืบสวนให้สืบสวนหาข่าวเพื่อป้องกันมือที่ 3 เข้ามาก่อเหตุ และป้องกันการยั่วยุแล้ว

ด้าน พล.ต.ต.เมธี กล่าวว่า ล่าสุดจากการประเมินการข่าวคาดว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางมาประมาณ 5,000 คน สำหรับกลุ่มเสื้อแดงนั้นยังไม่ชัดเจนว่ามาจำนวนเท่าใด เนื่องจากต้องดูว่าแกนนำหลักจะมาหรือไม่ หากไม่มาก็คงเป็นกลุ่มเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเชื่อว่าแกนนำหลักคงไม่อยากให้มาเพราะจะเป็นการเผชิญหน้ากัน  ส่วนกลุ่มเสื้อแดงที่อาจมาตั้งเวทีก็น่าจะเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสืบสวนยังคงหาข่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อคอยตรวจสอบสถานการณ์และระวังมือที่ 3 อยู่แล้ว..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

รวบขี้เหล้าหื่น


เมื่อเวลา 15.15 น. วันนี้ (29 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.น.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รองผบก.น.1และ พ.ต.ท. กฤษณ์พนธ์  เพ็ชรสดศิลป์ สว.สส.สน.ห้วยขวาง ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายรุ่งโรจน์ กิจที่พึ่ง อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2250/2550 ลงวันที่ 20 ก.ค. 2550 ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยหญิงอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และชิงทรัพย์ โดยจับกุมตัวได้ที่ลานจอดรถโรงพยาบาลวิหารแดง ต.บ้านลำ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี

พล.ต.ต.พชร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2550 ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุข่มขืนผู้เสียหายภายในห้องพักเลขที่ 306 ชฏาอพาร์ทเม้น ซอย ส.ธรณินทร์ แยก 10 แขวงและเขตห้วยขวาง ก่อนจะหลบหนีไป กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวางติดตามจับกุมตัวได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันในท้องที่ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยเมาสุราและพยายามจะเข้าไปข่มขืน พร้อมกับชิงทรัพย์ผู้เสียหาย แต่ไม่สำเร็จ จึงถูกออกหมายจับ ผู้ต้องหามีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม ทุกครั้งที่ดื่มสุราจนมึนเมา ก็จะไปข่มขืนหญิงสาวและชิงเอาทรัพย์สินไป

พล.ต.ต.พชร กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับของ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ในข้อหา ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ เมื่อปี 2550 หมายจับสภ.บางซ้าย จ.พระนครศรีอยุธยา ข้อหาบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย กระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เมื่อปี 2553 และหมายจับ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ข้อหา บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น และพยายามข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย หลังจากนี้จะควบคุมตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีต่อไป

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นช่างปั่นไฟให้กับกองถ่ายหนังแห่งหนึ่ง แต่เมื่อก่อเหตุข่มขืนในท้องที่สน.ห้วยขวาง ก็หลบหนีไปอยู่ที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี โดยไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นหลักแหล่ง เพียงแค่เลี้ยงไก่หาเงินซื้อเหล้ากิน สาเหตุที่ทำไปเพราะทุกครั้งที่เมาสุราจะเกิดอารมณ์ทางเพศ จึงก่อเหตุดังกล่าว..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

รวบอดีตทหารเกณฑ์รุมฆ่าครูฝึก


เมื่อเวลา 15.15 น. วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ บก.น.1  พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์  ผบก.น.1 พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รองผบก.น.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.มักกะสัน แถลงการจับกุม นายศุภกฤต สมกิจกมล หรือบอล อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1753/2554 ลงวันที่ 5 พ.ย. 2554 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จับกุมตัวได้ที่บริเวณชุมชนจารุรัตน์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง

โดยสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2554 เวลา 03.00 น. นายศุภกฤต พร้อมกับพวกได้ร่วมกันรุมทำร้าย นายจักรพงษ์ พันธ์มณี อายุ 25 ปี ครูฝึกทหารจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ย่านชุมชนจารุรัตน์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ แขวงห้วยขวาง หลังจากก่อเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้หลบหนีไป กระทั่งศาลได้ออกหมายจับผู้ก่อเหตุ 8 คน ซึ่งที่ผ่านมาสามารถตามจับกุมตัวได้แล้ว 5 คน กระทั่งล่าสุดสามารถจับกุมตัว นายศุภกฤตได้ ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2555 เวลา 22.00 น.

สอบสวน นายศุภกฤต หรือบอล ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับพวกก่อเหตุรุมทำร้าย นายจักรพงษ์ จนเสียชีวิต เนื่องจากมีความโกรธแค้นเป็นการส่วนตัว เพราะถูกผู้ตายซึ่งเป็นครูฝึกทหารในช่วงที่ประจำการอยู่ที่กรมทหารราบที่ 1 กลั่นแกล้ง และสร้างความไม่พอใจ กระทั่งตนปลดประจำการออกมา และในคืนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากับพรรคพวก และพบเห็นผู้ตายจึงชักชวนกันไปรุมทำร้าย จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขู่ และเข้ารุมทำร้ายทันที โดยใช้อิฐตัวหนอนทุบตีจนเสียชีวิตก่อนหลบหนีไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตราย พร้อมกับพกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองอย่างผิดกฎหมาย ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน ดำนเนินคดีต่อไป..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“สุริยะ ใส”ซัด ชนวน พ.ร.บ.ปรองดองฯ คาดเหตุรุนแรงกว่าช่วงรัฐประหาร 19 กย.


วันนี้ ( 29 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่ง ชาติ ที่ขณะนี้มี  4 ฉบับว่า กำลังจะเป็นชนวนให้เกิดความรุนแรงและการเผชิญหน้าที่ยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็รู้ดี แต่ไม่ฟังเสียงคัดค้านใดๆ ถือว่าเป็นคนมีจิตใจอำมหิตกว่าที่คิด เพราะการเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่นิรโทษทุกกลุ่มยกเว้นผู้ต้องหาคดี 91 ศพ นั้น ก็เพื่อเป็นเครื่องมือปลุกระดมคนเสื้อแดงที่เริ่มแตกแถวให้รวมกันเพื่อปก ป้องและผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งในขณะนี้มีการระดมมวลชนคนเสื้อแดงผ่านสื่อในเครือเสื้อแดงทั้งทีวีและ วิทยุชุมชนหรือเครือข่ายโซเชี่ยลเน็ทเวิร์ค ให้ไปชุมนุมที่หน้าสภาฯ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ (29 พ.ค.)เป็นต้นไป เพื่อให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมไปโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร

“ถ้าคนเสื้อแดงสามารถยึดพื้นที่หน้าสภาฯไว้ได้ ก็มีโอกาสที่วันที่ 31 พ.ค. อาจมีการพิจารณา 3 วาระรวดเพื่อรวบรัดตัดตอนทีเดียวและมัดมือชกเสียงข้างน้อยในสภา เพราะ เกมปรองดองเพื่อทักษิณครั้งนี้ ถูกสั่งตรงจากนายใหญ่ให้เร่งเกมเร็ว เพราะถ้าเล่นเกมช้าไม่มีโอกาสชนะ  ดังนั้นโอกาสการเผชิญหน้าของมวลชนทั้ง 2 ฝ่ายมีความเป็นไปได้สูง สูงกว่าช่วงก่อนการรัฐประหาร วันที่19 ก.ย. 49  หากเกิดความรุนแรงขึ้น รัฐบาลที่นำโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะลอยตัวปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเป็นคนจงใจสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง” นายสุริยะใส กล่าว..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ป.ป.ช.ยึดรถโฟล์ค3ล้านปลัด“สุพจน์”เชื่อ ได้ฟรี


เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้(29พ.ค.)ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)  นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการและโฆษก ป.ป.ช.  แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงคดี นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคมร่ำรวยผิดปกติ เพิ่มเติมจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีมติยึดทรัพย์ 17.5 ล้านบาท ในส่วนที่ถูกคนร้ายปล้นจากบ้านพักไปแล้วนั้น
โดยในวันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงในส่วนของเงินฝากในบัญชีธนาคาร ที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ แล้ว แต่โดยที่เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา นายสุพจน์ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมมาในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยอ้างถึงเงินในบัญชีที่ได้มาก่อนการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทการท่า อากาศยานเมื่อปี 2544 ที่ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินครั้งแรก โดยระบุว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้มาก่อนจากการร่วมลงทุนกับเพื่อนในการซื้อขาย ที่ดินในโครงการต่างๆ ตั้งแต่ช่วงปี 2530-2539 ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้อนุกรรมการไต่สวนเชิญนายสุพจน์มาชี้แจงเพิ่มเติม พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานและพยานบุคคลมาแสดงด้วยว่าได้รับประโยชน์จากซื้อขาย ที่ดินอย่างไร นำเงินจากที่ใดมาลงทุนและได้รับประโยชน์เป็นจำนวนเงินเท่าไร  โดยเวลาในการชี้แจงเพิ่มเติม 15 วัน นับแต่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.
นายกล้านรงค์ กล่าวอีกว่า  นอกจากนั้นในส่วนทรัพย์สินที่เป็นรถยนต์ มีรถยนต์ยี่ห้อโฟล์คสวาเกน รุ่น คาราเวล หมายเลขทะเบียน ฮต. 8822 กรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนเป็นหมายเลขทะเบียน ฮบ 8118 กรุงเทพมหานคร ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบขณะเข้าตรวจค้นบ้านนายสุพจน์  ปรากฏข้อเท็จจริงจากการไต่สวนว่าเมื่อปี 2552 นายเอนก จึงเสถียร ได้ให้เงินสดแก่นางนฤมล ทรัพย์ล้อม ภรรยาของนายสุพจน์ นำไปซื้อรถคันดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่ง ซึ่งขณะนั้นนางนฤมลได้ไปช่วยงานนายเอนกอยู่ ซึ่งนายนฤมลและนายสุพจน์ได้ใช้รถคันดังกล่าวมาตลอดจนเมื่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เข้าไปยึด ซึ่งนายอเนกให้ถ้อยคำต่อ ป.ป.ช.ว่าต้องการให้นายสุพจน์ในขณะนั้น ซึ่งเป็นอธิบดีกรมทางหลวงมีรถยนต์ที่เหมาะสมกับตำแหน่งใช้
“ดังนั้นกรรมการ ป.ป.ช.เห็นว่ารถคันดังกล่าวไม่ใช่การยืมใช้แต่เป็นการซื้อให้ จึงมีมติยึดรถคันดังกล่าวให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินและถือเป็นทรัพย์สิน ที่เพิ่มขึ้นมาผิดปกติ  ซึ่งจะส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของ แผ่นดินต่อไป ทั้งนี้รถยนต์ดังกล่าวมีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103 จึงส่งเรื่องให้สำนักป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐดำเนินการไต่สวนต่อ ไป” นายกล้านรงค์ กล่าว..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“เฉลิม” รับ หวั่นม็อบเผชิญหน้า กำชับป้องกันเข้ม



เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (29 พ.ค.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มคัดค้านพ.ร.บ.ปรองดอง รวมถึงกลุ่มสนับสนุน ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ว่า ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงโดยเฉพาะเรื่องการเผชิญหน้า เพราะเชื่อว่าต้องมีผู้มาชุมนุมจะมีจำนวนมากแน่นอน ดังนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้อยู่ใกล้กัน ในส่วนของผู้คัดค้านนั้นเป็นชุดเดียวกับที่เคยขับไล่รัฐบาลพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ซึ่งถือว่าไม่ใช่ของใหญ่ เพราะเรามีประสบการณ์ในการรับมือมาแล้ว และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงพร้อมกันนี้เชื่อว่าผู้ ชุมนุมก็รักบ้านรักเมืองจะไม่สร้างความรุนแรงเช่นกัน สำหรับร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง คาดว่าจะพิจารณาพร้อมกันทั้ง 4 ฉบับ ตนก็มีร่างของตัวเองเช่นกันแต่ยังไม่ยื่น รอจังหวะที่จะอภิปรายสนับสนุนในวาระแรกอย่างชัดเจนและแหลมคม..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

เลขาฯ กกต.ปัดยังไม่เห็นหนังสือ ขอตัวผู้เชี่ยวชาญ กกต.ให้ข้อมูล ดีเอสไอตรวจสอบกรณีอีสต์วอเตอร์




เมื่อเวลา 13.00น. วันนี้ (29 พ.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิคณะกรรมการ การเลือกตั้ง หรือ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการพรรคการเมือง ของกกต.เพื่อไปให้ข้อมูลในกรณีเงินบริจาคจำนวน 1 ล้านบาท ของบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่เห็นหนังสือ เพื่อขอตัวผู้เชี่ยวชาญของกกต.จากดีเอสไอ มาเลย และตนได้ทราบจากการแถลงข่าวของดีเอสไอ ว่าจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญของกกต. ไป เท่านั้น แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นอำนาจหน้าที่ของประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง แต่ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนของสำนักงานกกต.ที่ตนรับผิดชอบดูแล เมื่อยังไม่เห็นหนังสือ ตนก็ยังไม่ได้เซ็นต์อนุญาต ทางกกต.จึงยังจะไม่ได้ส่งใครไป..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“เติ้ง”ยัน ส.ส.ชทพ.19 คนหนุนร่างพรบ.ปรองดองฯฉบับ”บิ๊กบัง”


ที่พรรคชาติไทยพัฒนา วันนี้ (29 พ.ค.)  นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติของส.ส.พรรคชาติ ไทยพัฒนา ว่า ทางพรรคได้รับการประสานจากพรรคเพื่อไทย รวมทั้งพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ว่าจะเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภา ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วย และตนก็ได้ประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล เมื่อวันที่ 20 พ.ค.  ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้มาดูร่างมี 8 มาตราด้วยกัน  มีเนื้อหาเป็นการขจัดข้อขัดแย้งภายในประเทศให้คลี่คลายลงไป ทั้งนี้ก็ได้ตัดมาตรา 6 (2) ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการเงินออกไป  ตนคิดว่าบ้านเมืองเราควรจะเข้าสู่ภาวะสงบปกติสุขกันได้แล้ว  หากจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ตลอดอนาคตประเทศเวียดนาม พม่า ลาว ก็พัฒนาไปก่อนหน้าเราแล้วในทุกด้าน  พรรคชาติไทยพัฒนาจึงสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสภา

“ผมได้เรียนกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ตอนนี้ท่านอยู่อังกฤษ  ท่านยืนยันไม่มีปัญหา ท่านไม่ได้อยู่ที่นี่จึงไม่ทราบเรื่อง  ดังนั้นผมยืนยันว่าส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 19 คนไม่มีใครถอนชื่อ อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีความขัดแย้ง  เราควรจะให้อภัยซึ่งกันและกัน  หากไม่ให้อภัยแล้วใครขึ้นมาก็จะห้ำหั่นอีกฝ่ายหนึ่งจนล้มหายตายจากก็ไม่มี ที่สิ้นสุด เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็เล่นต่อไปอีก ผมคิดว่าควรจะยุติเสียที เบื่อเต็มที่แล้ว บอกตรง ๆถ้ามีทางใดที่จะปรองดองได้ก็เอา ลดราวาศอกกันหน่อย ผ่อนสั้นผ่อนยาว บางทีก็จับไม้สั้นบ้าง จับไม้ยาวกันบ้าง เราก็พูดปรองดองกันอยู่ตั้งนาน ว่าจะทำกันได้”นายบรรหาร กล่าว และว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่ยื่นร่างพ.ร.บ.ปรองดองในนามของพรรค ตอนนี้มี  4 ร่าง ก็สับสนกันแล้ว ขืนมีอีกร่างก็คงแย่

เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนาสนับสนุนเพราะสมาชิกบ้านเลขที่  109 จะได้รับประโยชน์กับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว นายบรรหาร กล่าวว่า  ไม่จำเป็น ตนรอมาตั้ง 3 ปีกว่าแล้ว ทำไมจะรออีกปีกว่า ๆไม่ได้ รอได้ไม่เกี่ยวข้อง  เมื่อถามต่อว่ามองว่าเป็นการทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายบรรหาร กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่ได้ระบุว่าเกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้อยู่ในใจของแต่ละคน แต่ตนดูแล้วไม่น่าจะมี และไม่ได้ทำเพื่อคน ๆเดียว เพราะคนตั้งหลายร้อยที่ถูกดำเนินคดีไป ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง กลุ่มต่าง ๆ  เมื่อถามว่าจะรวมถึงกรณีเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณด้วยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่พ.ต.ท.ทักษิณเคยให้สัมภาษณ์จากต่างประเทศว่าจะไม่เอาคืนอยู่แล้ว  เมื่อถามว่ามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร อย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบก็ต้องดูกันต่อไป  เมื่อถามว่ากลุ่มเสื้อแดงไม่เห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมให้กับคนที่สั่งสลายการ ชุมนุม นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องไปว่ากันในสภา

ต่อข้อถามว่ามองอย่างไรที่พล.อ.สนธิ นำปฏิวัติแต่กลับมาลบล้างยื่นร่างดังกล่าวเอง นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ได้เจอท่านตั้งนานแล้ว คงจะได้เจอในวันแต่งงานลูกชายท่านเร็วๆนี้ ซึ่งก็ไม่ได้คุยกัน บังเอิญใจมันตรงกัน แต่ท่านก็บอกว่าที่ทำมาก็พลาดเหมือนกัน ท่านก็พูดเอง  เมื่อถามว่าร่างกฎหมายหากผ่านสภาอาจจะมีคนยื่นตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคตตอบไม่ได้ ตนคิดว่าไม่ขัด แต่เอะอะก็ขัดรัฐธรรมนูญอยู่เรื่อย ทำอะไรก็ขัดรัฐธรรมนูญอยู่เรื่อย ถึงได้แก้รัฐธรรมนูญ  เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาคัดร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา  ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ เวลาจะทำอะไรก็มีคนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่ากันในสภา เมื่อถามว่าหากร่างนี้ผ่านสภามีแนวโน้มหรือไม่พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับประเทศ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ได้วิเคราะห์ไปถึงขนาดนั้น  ตนขอถามบ้างว่าคนที่จากบ้านเมืองไปตั้งหลายปีเขาก็ต้องคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน หากมีโอกาสก็อยากกลับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์นอกสภาจะมีปัญหา นายบรรหาร กล่าวว่า คิดว่าฝ่ายที่ดูแลจะดูแลกันได้  เมื่อถามว่าห่วงวิกฤตจะเกิดซ้ำรอยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ควรเกิด การเมืองในระยะหลังมันพัฒนาไป ต่างประเทศก็ตามไม่ทัน สมัยก่อนการเมืองไม่เป็นอย่างนี้  แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่ยอมกัน  ควรรู้จักอภัยให้กันบ้าง  เมื่อถามว่ากฎหมายฉบับเดียวจะทำให้บ้านเมืองกลับมาสงบเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า น่าจะเป็นไปได้ ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ 75 เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี

“ผมอยู่การเมืองมา 40 ปี อะไรก็เห็นหมดแล้ว ดิน น้ำ ลม ไฟ อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แต่ไม่ควรจะเกิดอีกแล้ว แต่ปฏิวัติไม่ควรจะมีอีกแล้ว ”

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ครม.ตัดงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 5หมื่นล้าน


เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้(29พ.ค.)ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่าได้พิจารณาข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปี งบประมาณ 2556 ตามที่นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธาน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  เสนอ วงเงินรวม 157,338,312,600 บาท แบ่งเป็นงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 155,666,287,200 ล้านบาทเศษ และงบบริหารจัดการ 1,672,025,400 บาท อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสำนักงบประมาณได้แสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย
ซึ่ง ครม.ได้ให้ความเห็นชอบตามความเห็นของหลายฝ่าย โดยเฉพาะสำนักงบประมาณ โดยอนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ 2556 วงเงิน 109,718,581,300 ล้านบาท  และงบบริหารจัดการ สปสช. 1,200 กว่าล้านบาท พร้อมทั้งย้ำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริหารมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้การพิจารณาจะคิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อหัวประชากร หัวละ 2,755.60 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามหาก สปสช.มีความต้องการงบประมาณเพิ่มเติม ก็สามารถไปตั้งคณะทำงาน และแก้ไขในขั้นตอนของการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการได้..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ครม.อนุมัติขรก.ลาบวชถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในงานพุทธชยันตีได้ 15 วัน


วันนี้ (29 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐทั่วประเทศทีีเข้าร่วมโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา วันวิสาขบูชา ประจำปี 2555 ฉลองพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ที่หน่วยงานราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจัดขึ้น สามารถลาอุปสมบทได้โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฎิบัติราชการและได้รับเงืนเดือนตามกติ ทั้งนี้การลาบวชสามารถลาได้ไม่เกิน 15 วัน..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

สัจธรรมชีวิต


ในหลวง พระราชทานตราสัญลักษณ์งาน 80 พรรษาราชินี และครบ 5 รอบสมเด็จพระบรมฯ


ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 13.00 น.ตอนบ่ายวันนี้ (29 พ.ค.) ว่า เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  ได้ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 12 ส.ค.2555 และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ ในวันที่ 28 ก.ค. 2555 ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติทั้ง 2 งาน และครม.ได้แจ้งให้ทุกหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานทั่วทั้งประเทศ ได้เตรียมการประดับตราสัญลักษณ์ และติดธงสัญลักษณ์นี้ในสถานที่ราชการทุกแห่ง ส่วนพสกนิกรชาวไทย ทั่วประเทศสามารถซื้อหรือจับจองมาติดในบ้านได้ตามร้านจำหน่ายตราสัญลักษณ์ หรือธงทั่วไป แต่คงต้องรออีกระยะหนึ่ง..

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“เติ้ง”ยัน ส.ส.ชทพ.19 คนหนุนร่างพรบ.ปรองดองฯฉบับ”บิ๊กบัง”


ที่พรรคชาติไทยพัฒนา วันนี้ (29 พ.ค.)  นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติของส.ส.พรรคชาติ ไทยพัฒนา ว่า ทางพรรคได้รับการประสานจากพรรคเพื่อไทย รวมทั้งพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ว่าจะเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภา ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยก็เห็นด้วย และตนก็ได้ประชุมพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล เมื่อวันที่ 20 พ.ค.  ที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้มาดูร่างมี 8 มาตราด้วยกัน  มีเนื้อหาเป็นการขจัดข้อขัดแย้งภายในประเทศให้คลี่คลายลงไป ทั้งนี้ก็ได้ตัดมาตรา 6 (2) ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการเงินออกไป  ตนคิดว่าบ้านเมืองเราควรจะเข้าสู่ภาวะสงบปกติสุขกันได้แล้ว  หากจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ตลอดอนาคตประเทศเวียดนาม พม่า ลาว ก็พัฒนาไปก่อนหน้าเราแล้วในทุกด้าน  พรรคชาติไทยพัฒนาจึงสนับสนุนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสภา

“ผมได้เรียนกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ตอนนี้ท่านอยู่อังกฤษ  ท่านยืนยันไม่มีปัญหา ท่านไม่ได้อยู่ที่นี่จึงไม่ทราบเรื่อง  ดังนั้นผมยืนยันว่าส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 19 คนไม่มีใครถอนชื่อ อย่างไรก็ตามผมคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีความขัดแย้ง  เราควรจะให้อภัยซึ่งกันและกัน  หากไม่ให้อภัยแล้วใครขึ้นมาก็จะห้ำหั่นอีกฝ่ายหนึ่งจนล้มหายตายจากก็ไม่มี ที่สิ้นสุด เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็เล่นต่อไปอีก ผมคิดว่าควรจะยุติเสียที เบื่อเต็มที่แล้ว บอกตรง ๆถ้ามีทางใดที่จะปรองดองได้ก็เอา ลดราวาศอกกันหน่อย ผ่อนสั้นผ่อนยาว บางทีก็จับไม้สั้นบ้าง จับไม้ยาวกันบ้าง เราก็พูดปรองดองกันอยู่ตั้งนาน ว่าจะทำกันได้”นายบรรหาร กล่าว และว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะไม่ยื่นร่างพ.ร.บ.ปรองดองในนามของพรรค ตอนนี้มี  4 ร่าง ก็สับสนกันแล้ว ขืนมีอีกร่างก็คงแย่

เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนาสนับสนุนเพราะสมาชิกบ้านเลขที่  109 จะได้รับประโยชน์กับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว นายบรรหาร กล่าวว่า  ไม่จำเป็น ตนรอมาตั้ง 3 ปีกว่าแล้ว ทำไมจะรออีกปีกว่า ๆไม่ได้ รอได้ไม่เกี่ยวข้อง  เมื่อถามต่อว่ามองว่าเป็นการทำเพื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายบรรหาร กล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่ได้ระบุว่าเกี่ยวข้องกับพ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้อยู่ในใจของแต่ละคน แต่ตนดูแล้วไม่น่าจะมี และไม่ได้ทำเพื่อคน ๆเดียว เพราะคนตั้งหลายร้อยที่ถูกดำเนินคดีไป ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง กลุ่มต่าง ๆ  เมื่อถามว่าจะรวมถึงกรณีเงิน 4.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณด้วยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่พ.ต.ท.ทักษิณเคยให้สัมภาษณ์จากต่างประเทศว่าจะไม่เอาคืนอยู่แล้ว  เมื่อถามว่ามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร อย่างไร นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ทราบก็ต้องดูกันต่อไป  เมื่อถามว่ากลุ่มเสื้อแดงไม่เห็นด้วยที่จะนิรโทษกรรมให้กับคนที่สั่งสลายการ ชุมนุม นายบรรหาร กล่าวว่า ต้องไปว่ากันในสภา

ต่อข้อถามว่ามองอย่างไรที่พล.อ.สนธิ นำปฏิวัติแต่กลับมาลบล้างยื่นร่างดังกล่าวเอง นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ได้เจอท่านตั้งนานแล้ว คงจะได้เจอในวันแต่งงานลูกชายท่านเร็วๆนี้ ซึ่งก็ไม่ได้คุยกัน บังเอิญใจมันตรงกัน แต่ท่านก็บอกว่าที่ทำมาก็พลาดเหมือนกัน ท่านก็พูดเอง  เมื่อถามว่าร่างกฎหมายหากผ่านสภาอาจจะมีคนยื่นตีความว่าขัดรัฐธรรมนูญ นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคตตอบไม่ได้ ตนคิดว่าไม่ขัด แต่เอะอะก็ขัดรัฐธรรมนูญอยู่เรื่อย ทำอะไรก็ขัดรัฐธรรมนูญอยู่เรื่อย ถึงได้แก้รัฐธรรมนูญ  เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาคัดร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว นายบรรหาร กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา  ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ เวลาจะทำอะไรก็มีคนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่ากันในสภา เมื่อถามว่าหากร่างนี้ผ่านสภามีแนวโน้มหรือไม่พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับประเทศ นายบรรหาร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่ได้วิเคราะห์ไปถึงขนาดนั้น  ตนขอถามบ้างว่าคนที่จากบ้านเมืองไปตั้งหลายปีเขาก็ต้องคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้าน หากมีโอกาสก็อยากกลับ

ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์นอกสภาจะมีปัญหา นายบรรหาร กล่าวว่า คิดว่าฝ่ายที่ดูแลจะดูแลกันได้  เมื่อถามว่าห่วงวิกฤตจะเกิดซ้ำรอยหรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า ไม่ควรเกิด การเมืองในระยะหลังมันพัฒนาไป ต่างประเทศก็ตามไม่ทัน สมัยก่อนการเมืองไม่เป็นอย่างนี้  แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่ยอมกัน  ควรรู้จักอภัยให้กันบ้าง  เมื่อถามว่ากฎหมายฉบับเดียวจะทำให้บ้านเมืองกลับมาสงบเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายบรรหาร กล่าวว่า น่าจะเป็นไปได้ ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ 75 เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี

“ผมอยู่การเมืองมา 40 ปี อะไรก็เห็นหมดแล้ว ดิน น้ำ ลม ไฟ อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด แต่ไม่ควรจะเกิดอีกแล้ว แต่ปฏิวัติไม่ควรจะมีอีกแล้ว ”

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ออ งซาน ซูจี”มาไทยคืนนี้ร่วมประชุม WEF on East Asia มีคิวพบ“เฉลิม-มาร์ค”


ผู้สื่อข่าวรายงานมาในวันนี้ (29 พ.ค.) ว่า เวลา 21.45 น. นางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) จะเดินทางโดยเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 306 มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกว่าด้วยเอเชียตะวันออก (World Economic Forum on East Asia) ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 30 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้ ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ทั้งนี้การเดินทางเยือนประเทศไทยของนางซูจีครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากสื่อไทยและต่างชาติในการติดตามแผนการเดินทางอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ โครงการยุติธรรมเพื่อแรงงานข้ามชาติ ภายใต้มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา (มสพ.) แจ้งว่า นางซูจี จะเดินทางไปยัง จ.สมุทรสาคร ในช่วงเช้าของวันที่ 30 พ.ค.นี้ เพื่อเยี่ยมชมการทำงานของศูนย์พิสูจน์สัญชาติแรงงานพม่า ที่ อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร และเยี่ยมชมวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ การทำงานของแรงงานพม่าและครอบครัว รวมถึงเปิดโอกาสให้ตัวแทนแรงงานข้ามชาติได้เข้าพบอย่างใกล้ชิดและสะท้อน ปัญหาความเป็นอยู่ของแรงงานพม่าในไทย ที่ศูนย์เรียนรู้แรงงานข้ามชาติ ภายในหมู่บ้านมหาชัยวิลล่า ซอย 9 และที่ตลาดกุ้ง ถนนพระราม 2 ก่อนจะร่วมหารือและรับประทานอาหารเที่ยงที่โรงงานยูนิลีเวอร์ เขตมีนบุรี จากนั้นจะกลับถึงโรงแรมแชงกรี-ลา ที่เป็นสถานที่พักของนางซูจี และจัดการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกฯในเวลา 14.30 น. ทั้งนี้นางซูจี มีกำหนดการจะพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานนัดหมายเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 31 พ.ค.นี้ นางซูจี จะเข้าร่วมการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลกฯ จากนั้นจะเข้าเยี่ยมคารวะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 15.00 น. ก่อนจะกลับไปที่โรงแรมแชงกรี-ลา เพื่อร่วมพิธีเปิดการประชุมดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ในเวลา 15.30 น. จากนั้น เวลา 19.30 น. จะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับผู้ร่วมการประชุม ที่หอประชุมกองทัพเรือ ซึ่งรัฐบาลไทย โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพจัดขึ้น  ต่อมาในเช้าวันที่ 1 มิ.ย. นางซูจี จะขึ้นกล่าวหัวข้อ “สนทนากับผู้นำ”  ที่ห้องอยุธยา(เพลนารี) โรงแรมแชงกรี-ลา แล้วเข้าร่วมการประชุมในช่วงหัวข้อ “บทบาทสตรีในฐานะผู้กรุยทางสู่อาเซียน”
นอกจากนี้ ในช่วงเช้าของวันที่ 2 มิ.ย. นางซูจี จะเดินทางไป จ.ตาก เพื่อเยี่ยมผู้ลี้ภัยจากการสู้รบ ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว บ้านแม่หละ ต.แม่หละ อ.ท่าสองยาง จากนั้นในช่วงบ่าย จะหารือกับผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ และพญ.ซินเธีย หม่อง แพทย์อาสาสมัครที่รักษาดูแลผู้ป่วยชาวพม่าตามแนวชายแดน ที่คลินิกแม่ตาว ต.แม่ตาว อ.แม่สอด ทั้งนี้ นางซูจีมีกำหนดเดินทางเดินทางออกจากกรุงเทพฯ กลับยังประเทศพม่าในวันที่ 3 มิ.ย.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ครม.ไฟ เขียวธอส.กู้เงินเงินซอฟต์โลน 6,000 ล้านบาท


นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.วันนี้ (29 พ.ค.) ได้อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลน จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้กู้ยืมแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 54 ที่ผ่านมา ทั้งบุคคลธรรมดาและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)
อย่างไรก็ตามวงเงินที่ธปท.จัดสรรให้ธอส.จำนวน 6,000 ล้านบาทนั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.55 เป็นต้นไป ขณะที่ธอส. เองจะสมทบเงินของธอส. ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการปล่อยกู้ ทำให้วงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ ธอส.จะดำเนินการให้กู้ยืมแก่ผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 54 รวมเป็นเงิน 9,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ในเงื่อนไขการช่วยเหลือนั้น จะให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไม่เกิน 30 ล้านบาท และบุคคลธรรมดาไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยแต่ละราย จะได้รับความช่วยเหลือเป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี นับจากวันที่ ธปท. รับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากสถาบันการเงิน โดยสถาบันการเงินจะต้องยื่นคำขอกู้ยืมเงินต่อ ธปท. ภายในวันที่ 31 ธ.ค. 56 และจะต้องออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ธปท. มีกำหนดชำระไม่เกินวันที่ 31ธ.ค.61 ซึ่งอัตราดอกเบี้ย ธปท. คิดอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปีจากสถาบันการเงิน และสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 3% ต่อปีจากผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย..

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources