วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ประหาร"หน่อคำ"ฆ่าลูกเรือจีนในแม่น้ำโขง


วันนี้ ( 6 พ.ย.) สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีนในวันนี้ว่า ศาลเมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนานทางใต้ของประเทศ พิพากษาโทษประหารชีวิตจำเลย4คน ที่ถูกกล่าวหาร่วมกันฆาตกรรมหมู่ลูกเรือชาวจีน13 ศพในแม่น้ำโขงเมื่อปีที่แล้ว  ซึ่งในกลุ่มนักโทษประหาร รวมถึงนายหน่อคำ  หัวหน้าแก๊งที่ใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางขนยาเสพติด 
ส่วนจำเลยคนที่ 5 จำคุกตลอดชีวิต ขณะที่ จำเลยคนที่ 6  ศาลสั่งจำคุก 8 ปี   เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความโกรธแค้นให้แก่จีน ซึ่งมีการเรียกทูตไทย ลาว และพม่าเข้าพบ  พร้อมกับขอร้องให้รัฐบาลของประเทศเพื่อนบ้านเร่งสะสางคดีนี้
ผู้พิพากษาศาลเมืองคุนหมิง กล่าวว่า จำเลยร่วมในคดีบุกปล้นเรือขนส่งสินค้า 2 ลำของจีนในเขตน่านน้ำไทยเมื่อเดือนตุลาคมปี 2554  และฆ่าลูกเรือของเรือสินค้าจีนจำนวน 13 ศพ  การพิจารณาคดีสิ้นสุดลงเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา  ภายหลังจำเลยทั้ง 6 คนให้การรับสารภาพร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา  ลักลอบขนยาเสพติด  ลักพาตัว รวมทั้งปล้นทรัพย์   โดยมีนายหน่อคำเป็นหัวหน้าแก๊ง ที่มีถิ่นฐานอยู่ในรัฐฉานทางตอนเหนือของประเทศพม่า 
สำหรับการพิพากษาโทษประหารชีวิตและจำคุกจำเลยทั้งหมด มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของจีน

เสี่ยร้อยล้านยิงเมียแล้วฆ่าตัวตายตาม


วันนี้( 6 พ.ย.) พ.ต.ท.ศิริชัย สุขสาตต์ พงส.(สบ.3)  สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุฆ่ากันตาย 2 ศพ ที่บ้านเลขที่ 88/4 หมู่ 6 ต.มะขามเตี้ย อ.เมือง ไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี  พ.ต.อ.สุวัฒน์ สุขศรี ผกก. เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจณ์หลักฐาน 8 หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธา
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดเนื้อที่ ประมาณ 200 ตารางวา สร้างติดคลองมะขามเตี้ย ภายในห้องนอนใหญ่ชั้น 2 พบผู้เสียชีวีต 2 ราย รายแรกเป็นหญิง สภาพนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว นอนคว่ำหน้าพาดอยู่กับประตูห้องน้ำ ทราบชื่อ คือนางพรรณจิต ปิ่นเพชร อายุ 40 ปี  มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 เข้าที่แผ่นหลัง 2 นัด ราวนมซ้าย 1 นัดและที่ต้นแขนซ้าย 1 นัด ส่วนอีกรายเป็นชาย แต่งกายด้วยกางเกงกีฬาขาสั้น สวมเสื้อยืด มีผ้าขาวม้าคาดพุง สภาพนอนหงาย ศีรษะพาดอยู่กับประตูห้องน้ำ บนหน้าอกมีอาวุธปืนยาว ขนาด .22 วางพาดอยู่ภายในแมกกาซีนเหลือกระสุน 1 นัด  ทราบชื่อคือ นายกิตติพงษ์ ปิ่นเพชร อายุ 57 ปี  มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธขนาดเดียวกันเข้าที่หน้าผาก 1 นัด ตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด .22 จำนวน 4 ปลอก ภายในห้องนอนเล็ก และห้องที่เกิดเหตุ 3 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนที่กระจกห้องน้ำมีรอยกระสุน
เบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 เป็นสามีภรรยากัน และจากการสอบสวนนายศิริมงคล ปิ่นเพชร อายุ 22 ปี บุตรชายของผู้ตาย พลทหารสำรอง ที่ค่ายวิภาวดีรังสิต ทราบว่า เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ตนเองและน้องชาย ได้กลับมาที่บ้านและพบว่าบิดากับมารดามีปากเสียงกันเรื่องที่บิดามีผู้หญิง คนอื่น แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง จึงเดินทางกลับเข้าไปค่ายทหาร ส่วนน้องชายเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร จนเมื่อตนเองพยายามติดต่อมารดาและบิดาทางโทรศัพท์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงขออนุญาตผู้บังคับบัญชาออกมาดูที่บ้าน จนมาพบว่าทั้งบิดาและมารดาเสียชีวิตแล้ว
ทางด้าน พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับนายกิตติพงษ์ หรือ เสี่ยป๊อด พื้นเพเดิมเป็นชาว จ.นครศรีธรรมราช มีธุรกิจเกี่ยวกับสวนปาล์มน้ำมันและยางพาราในพื้นที่ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช ประมาณ 3,000 ไร่ และยังทำธุรกิจอพาร์ทเม้นให้เช่า ตั้งอยู่ซอยสถานทูตตุรกี    นอกจากนั้นยังมีธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด อีกหลายที่ และมีฐานะขั้นเศรษฐี ร้อยล้าน  ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากปัญหาครอบครัว ซึ่งจะได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสอบ สอบปากคำญาติๆ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป.

นางเอก"มารี"-เพื่อนนศ.แจ้งความจับเพื่อนและแม่


ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันนี้ ( 6 พ.ย.) นายชวลิต อัตถศาสตร์ อายุ 64 ปี อาชีพทนายความ พร้อมด้วย น.ส.อรรจมาภรณ์ หรือดีดี้ อัตถศาสตร์ บุตรสาว อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศิริเจริญนำ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นางนพพวรรณ คุรุเวฬุกรณ์ มารดา “อีฟ อลิซาเบธ” หรือ น.ส.อริสา คุรุเวฬุกรณ์ นักร้องและพิธีกรวัยรุ่น วัย 20 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาท หลังจากกล่าวหาให้ร้าย โดยนำหลักฐานเป็นคลิปเสียงทางโทรศัพท์มามอบไว้ให้เป็นหลักฐาน
น.ส.อรรจมาภรณ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ทราบจากเพื่อนที่สมัครประกวดเดินแบบนิตยาสารเซเว่นทีนด้วยกันว่า นางนพพวรรณ มารดา ของอีฟ ได้โทรศัพท์ ไปหาเขา พร้อมทั้งพูดจากล่าวหาตน กับ น.ส.มารี เบิร์นเนอร์ อายุ 20 นางเอกช่อง 3 ว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
น.ส.อรรจมาภรณ์ กล่าวอีกว่า หลังทราบข่าวตนพร้อมด้วยบิดา และ น.ส.มารี ได้เดินทางไปที่บ้านพัก นางนพพวรรณ ที่ ซอยปรีดีพนมยงค์ 41 ถนนสุขุมวิท ซอย 71 ย่านคลองตัน เพื่อต้องการถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อไปถึงได้กดกริ่งหน้าบ้านหลายครั้งแต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตูจึงได้เดิน ทางกลับไปก่อน
จากนั้นเมื่อเวลา  22.00 น.ตน พร้อมบิดา และน.ส.มารี ได้ไปที่บ้าน นางนพพวรรณ อีกครั้ง ระหว่างที่กำลังกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้านอยู่นั้นได้มีเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.คลองตัน มาที่หน้าบ้าน จากนั้น นางนพพวรรณ ได้เดินออกมาหน้าบ้านแล้วเปิดฉากด่าตนและ น.ส.มารี จึงชวนกันเข้าแจ้งความดังกล่าว
“ทั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นหนูคิดว่าน่าจะมาจากการที่สมัครประกวดเดินแบบ นิตยสารเซเว่นทีน ซึ่งหนูได้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย แต่ลูกสาวของเขาตกรอบจึงมากล่าวหาใส่ร้ายให้กรรมการฟัง จึงเข้าแจ้งความดังกล่าว อย่างไรก็ตามหนู มารี และอีฟลูกสาวเขาก็ไม่ได้มีอะไรกัน เราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมากล่าวหาเช่นนี้” น.ส.อรรจมาภรณ์ กล่าวเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ก่อนนำเรื่องเสนอผู้ บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
รายงาน แจ้งว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางด้าน น.ส.มารี นางเอกสาวลูกครึ่งไทย-เยอรมัน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นางนพพวรรณ คุรุเวฬุกรณ์ มารดา อีฟ อลิซาเบธ  นักร้องและพิธีกรวัยรุ่น วัย 20 ปี ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา อีฟ อลิซาเบธ พร้อมกับ นางนพพวรรณ มารดา ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมและขอให้หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเป็นสื่อกลางไกล่ เกลี่ยปัญหาความขัดแย้งกับ น.ส.มารี เบิร์นเนอร์ หลังจากถูกนางเอกคนดัง กับพวก ก่อกวนที่หน้าบ้านซึ่งมีการลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.คลองตัน
ทั้งนี้ นางนพพวรรณ มารดาของอีฟ กล่าวว่า ลูกสาวเคยถูกขู่ทำร้ายร่างกายมาแล้ว สร้างความหวาดกลัวให้กับน้องอีฟมาก ขณะที่อีฟ กล่าววา ไม่เคยพูดอะไรถึงมารี ในทางที่ไม่ดี เพราะมารี เป็นเพื่อนร่วมชั้นมาตั้งแต่ประถม และยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนปล่อยภาพและคลิปใดๆ ภาพหลุดของมารี ที่ออกมาก่อนหน้านี้ และไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร แต่ไม่ใช่การกระทำของตนแน่นอน ส่วนตัวอยากมานั่งคุยกับมารี และดีดี้ เพื่อเคลียร์ปัญหาคาใจทั้งหมด เพราะตนอยากอยู่อย่างสงบ เรียนหนังสือ และทำงานตามปกติ

"สมชาย"อ้าแแขนรับ "สมศักดิ์" เข้าพรรคเพื่อไทย


วันนี้( 6 พ.ย.)  ที่โฮคิตเช่น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์ ถึงการมาทานข้าวร่วมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ว่า เป็นโอกาสที่ดีที่เรามารับประทานข้าวร่วมกัน เพราะตนเองเคยเป็นลูกน่องเก่าของนายสมศักดิ์สมัยเป็น รมว.แรงงาน ส่วนนอกสภาก็ยังวุ่นวายและสับสน ผู้สื่อข่าวถามว่าหากรับกลุ่มมัชฌิมาเข้าร่วมพรรคเพื่อไทยจะทำให้เกิดความ แข็งแกร่งหรือไม่ นายสมชายกล่่าวว่า ตนเองไม่ได้มีอำนาจเพราะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่นายสมศักกิ์อยู่พรรคไหนก็ทำให้พรรคนั้นมีความสุข และจะไปถามหัวหน้าพรรคให้ว่าจะรับนายสมศักดิ์หรือไม่ ระหว่างนั้นนายสมศักดิ์ กล่าวว่า อย่างไรรบกวนไปช่วยถามให้ด้วยนะครับ
เมื่อถามว่านายสมศักดิ์พร้อมจะย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคไหน ตอนนี้พรรคพวกกันที่สนับสนุนก็คิดว่าการเสนอเข้าพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องน่า สนใจ

นายสมชาย กล่าวถึงเรื่องการที่มีข่าวลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า เป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นข่าวจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าทางข่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะรู้ดีแต่ก็ไม่อยากให้มาเพราะไม่ปลอดภัย แต่ทุกอย่าง ยู่ที่ท่านจะต้ดสินใจ

ปอท.ร่วมกับสน.ฉลองกรุง บุกทลายบ่อนการพนัน ย่านนิคมลาดกระบัง


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 พ.ย. พล.ต.ต. พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) นำกำลังชุดเฉพาะกิจจำนวน 40 นาย ร่วมกับ พ.ต.อ.ลาภ ศรีสำอางค์ ผกก.สน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ฉลองกรุง บุกเข้าทำการตรวจค้นจับกุมบ่อนพนันออนไลน์ บริเวณหลังตลาดเทพประทาน ถ.ฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตฉลองกรุง กทม. โดยบ่อนดังกล่าวเป็นตึกชั้นเดียวชื่อร้านแมนยู สนุกเกอร์ ไม่มีเลขที่ ซึ่งเปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์บังหน้า ส่วนภายในลักลอบเปิดให้เล่นการพนันออนไลน์ เช่น ไฮโล มวยตู้ พนันบอลออนไลน์

ภายในที่เกิดเหตุพบบรรดานักพนันกำลังนั่งเล่นการพนันชนิดต่าง ๆ อยู่ทั้งหมด 109 คน เป็นชาย 74 คน หญิง 35 คน พร้อมของกลางเป็นเงินสดจำนวน 35000 บาท เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 10 เครื่อง อุปกรณ์การเล่นไฮโล โพยพนันฟุตบอลจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำของกลางและนักพนันทั้งหมดมาที่สน.ฉลองกรุง

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนและแจ้งข้อหาร่วมกันลักลอบเล่นการ พนันโดยผิดกฎหมาย ก่อนที่จะนำตัวนักพนันทั้งหมดส่งศาลมีนบุรีต่อไป

มือปืนยิงถล่มเซียนพระ ดับคารถ


วันนี้ (5 พ.ย.)  พ.ต.ท.เจริญ น๊ะจันต๊ะ  พงส.(สบ3) สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งเหตุ ชายถูกยิงเสียชีวิตภายในรถกระบะ ซอยวิภาวดีรังสิต 84 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม.  จึงรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เณรกันฐี ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศสลักษณ์ รอง ผบก.น.2  พ.ต.อ.สำราญ นวลมา. ผกก.สน.ดอนเมือง  เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน  แพทย์เวรจากรพ.ตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ในลานจอดรถของสนามกอล์ฟ ดอนเมือง ไดร์ฟวิ่งเร้นจ์  ปากทางเข้าซอยวิภาวดีรังสิต 84  พบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีบรอนด์เทา  ทะเบียน ลฮ 3037 กรุงเทพมหานคร โดยที่ท้ายกระบะติดตั้งรั้วเหล็กคล้ายรถบรรทุกผักผลไม้ ใส่ล้อแม็กสีดำทั้ง 4 ล้อ พบล้อหลังด้านขวามีลักษณะคล้ายยางระเบิดฉีกออกมาจนขาดวิ่น บริเวณเบาะคนขับพบศพ นายตุลยดิษฐ์ สวนแก้ว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 ซอยเจริญ 65 แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. สวมเสื้อแขนสั้นสีดำมีรูปลายมังกรอยู่ที่หน้าอก สวมเสื้อคลุมผ้าร่มสีขาวคาดน้ำเงินและสีแดง สวมกางเกงขายาวสีครีม  ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่กลางศีรษะหรือกลางกระหม่อมจำนวน 1 นัด ส่วนอีกนัดมีรอยกระสุนจากสะบักหลังด้านขวากระสุนทะลุหน้าอกด้านซ้าย นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ลักษณะศีรษะผู้ตายพาดไปอยู่ที่เบาะคนนั่งข้างคนขับ และปลายเท้าพาดยาวอยู่ที่เบาะฝั่งคนขับเลยออกมาจากประตูรถ และศพผู้ตายยังสะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลไว้ที่เอว
จากการตรวจสอบหลักฐานภายในรถผู้ตายพบพระเครื่องจำนวน 4 องค์ใส่ถุงพลาสติกใส่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าหนัง  และเงินสดจำนวน 1,000 บาท  ข้างผู้ตายพบหนังสือพระเครื่องอีกจำนวน 2 เล่ม นอกจากนี้ยังพบห่อกระดาษสีน้ำตาลข้างในมีแผ่นกระดาษสีขาวตัดเหลี่ยมขนาดเท่า ธนบัตรจำนวน 2 ปึก คล้ายเงินสด โดยที่หน้าซองกระดาษสีน้ำตาลเขียนคำว่า  “อ้วน 350,000 บาท”  นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุนปืนสีทองแดงขนาด 9 มม.ตกอยู่ที่พรมยางที่วางเท้าที่นั่งข้างคนขับตกอยู่ 1 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงประมาณ 02.00 น. วันเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในซอยวิภาวดีรังสิต 84 ให้มาช่วยจับคนร้ายปีนเข้าบ้าน ก่อนประสานให้ตำรวจสายตรวจ สน.ดอนเมืองขับ จยย.เข้ามาดู  เมื่อเจ้าหน้าที่ขับรถถึงปากทางก็สังเกตุเห็นรถกระบะคันเกิดเหตุจอดนิ่งใน เงามืด และประตูเปิดอ้าไว้ จึงเข้ามาตรวจสอบพบผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืนจนเสียชีวิตก่อนแจ้งผู้บังคับ บัญชาให้มาตรวจสอบ
ทางด้าน พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นเซียนพระแห่งหนึ่ง และช่วงหัวค่ำทางภรรยาผู้ตายบอกว่าผู้ตายนั้นมีนัดทานข้าวกับเพื่อนชายคน หนึ่งแต่ไม่ทราบว่าที่ไหน และขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุและ ใกล้เคียงเพื่อหาว่าผู้ตายเข้ามาที่ลานจอดรถกี่โมง ส่วนยางรถกระบะผู้ตายแตกเละขาดวิ่นลักษณะคล้ายวิ่งบดมา คาดว่าน่าจะถูกคนร้ายขับรถไล่ยิงตามมาก่อนจะขับหนีเข้ามาหลบในลานจอดรถดัง กล่าว  จากนั้นคนร้ายตามมาจนทันและใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ออโตเมติกยิงผู้ตายที่ลานจอดรถระยะประชิด ส่วนปมสังหารนั้นต้องรอสอบพยานบุคคลและพยานแวดล้อมให้ให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า  ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนของสน.ดอนเมือง ได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสนามกอล์ฟ พบช่วงเวลา 20.36 น. ของวันที่ 4 พ.ย. 55 รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับเข้าไปในลานจอดรถ โดยที่ไม่มีรถคันอื่นขับตามเข้ามาประชั้นชิดแต่อย่างใด  และพบฝาท้ายกระโปงหลังถูกเปิดออก และมีวัตถุบางอย่างบรรทุกอยู่ท้ายรถ แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งหาหลักฐาน เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

สืบ 9 รวบต่างด้าวฆ่าหัวหน้าช่าง


จากกรณี พบศพ นายมิ่งขวัญ ม่วงมิ่งสุข อายุ 40 ปี อาชีพหัวหน้าคนงานทาสีถูกคนร้ายจับมัดข้อมือทั้ง 2 ข้างด้วยสายไฟ ก่อนใช้มีดปาดคอและแทงที่ปลายคาง รัดร่างด้วยมุ้งผ้าคลุมทับด้วยผ้านวมที่บริเวณใบหน้าจนเสียชีวิต  ขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นโชยออกมาจากบ้านเสียเช่าเลขที่ 15/254 ปากซอยเทียนทะเล 20 แยก 4 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.โดยตำรวจสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 สันนิษฐานเป็นฝีมือของภรรยาชาวพม่าและพี่ชายของภรรยาซึ่งหลังเกิดเหตุหายตัว ไปพร้อมรถ จยย.ของผู้ตายตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ ( 4 พ.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 พล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9 พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พงศอานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สส.บก.น.9  พ.ต.อ.วิศัลย์ ศุภวงศ์ ผกก.สน.แสมดำ  และ พ.ต.ท.จำนง วงศ์คุณัญญา สว.สส.บก.น.9 ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายตาด อายุ 20 ปี และ นายพิว อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติพม่า พร้อมของกลางมีดปอกผลไม้ที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 2 เล่ม และ รถ จยย.ของผู้ตายยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีม่วงขาว ทะเบียน อฉพ-826 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมตัวได้ขณะที่ทั้ง 2 ราย พยามยามหลบหนีไปอยู่กับพรรคพวกที่ จ.ระนอง โดยพากันขับขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.ก่อนถูกด่านตรวจของตำรวจ สภ.ห้วงยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ควบคุมตัวไว้ได้เนื่องจากไม่มีเอกสารแสดงรถและเป็น ต่างด้าว ซึ่งหลังทราบเรื่องทางตำรวจสืบสวนบก.น.9จึงประสานขอตัวมาสอบสวน
จากการสอบสวน นายตาด ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือใช้มีดแทงผู้ตายและเชือดคอ นายมิ่งขวัญ จนเสียชีวิตจริง เหตุเพราะก่อนหน้านี้จับได้ว่าเคยมีสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับมารดาตน ซึ่งเดินทางมาเป็นคนงานรับจ้างทาสีแล้วไม่ยอมรับผิดชอบหนำซ้ำยังขับไล่มารดา ตนกลับไปที่ประเทศพม่า ต่อมาตนและ น.ส.เอ อายุ 17 ปี น้องสาว ลักลอบเข้าประเทศไทยมาทำงานทาสีกับ นายมิ่งขวัญ น.ส.เอ ก็ยังพลาดท่าถูกหลอกลวงจนยอมตกเป็นเมียไปอีกคนซ้ำยังทำร้ายน้องสาวเป็น ประจำ  ทำให้ตนเกิดความโกรธแค้นก่อนวางแผนไล่ น.ส.เอ ออกจากบ้านหลังดังกล่าวไปในคืนวันที่ 31 ต.ค. แล้วโทรศัพท์ตาม นายพิว เพื่อนคนงานด้วยกันมาหาที่บ้านประมาณ 01.00 น.วันที่ 1 พ.ย.รอจน นายมิ่งขวัญ นอนหลับสนิทแล้วสั่งการให้ นายพิว ช่วยกันจับมัดมือด้วยสายไฟ ส่วนตนใช้มีดแทงกระหน่ำไปที่หน้าท้อง 5 ครั้ง เชือดคอซ้ำอีก 1 ครั้ง ก่อนใช้มุ้งผ้าและผ้าห่มนวมคลุมศีรษะจนมั่นใจว่าตายสนิท แล้วพากันขับขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.ของผู้ตายออกจากบ้านพักหวังจะมุ่งหน้าไปกบดานที่ จ.ระนอง แต่เกิดพลาดถูกตำรวจ สภ.ห้วยยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมตัวเสียก่อน
ด้าน พล.ต.ต.ชยุต กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีดเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึง แก่ความตาย" แก่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.แสมดำ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอุทาหรณ์เตือนใจนายจ้างว่า หากคิดจะรับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงานให้ใส่ใจในเรื่องข้อมูลประวัติและแหล่ง ที่มาของแรงงานด้วย อย่าเห็นแก่ประโยชน์จากการจ่ายค่าแรงถูกเพียงอย่างเดียว หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงเรื่องใดขึ้นมาจะเป็นข้อมูลสำคัญซึ่งทำให้ตำรวจ ติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ง่ายขึ้น

ค้นแหล่งทำทองปลอมย่านจรัญฯ 13 คนร้ายไหวตัวทันหนีไปก่อน


เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (4 พ.ย.) พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมยศ อุดรรักษาทรัพย์ สว.สส.สน.ชนะสงคราม และฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เลขที่ ค.506/2555 ลงวันที่ 4 พ.ย.55 เข้าค้นบ้านเลขที่ 19/262 หมู่บ้านธารทองวิลล่า ซอยบางแวก26 แยก7 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กทม. หลังก่อนหน้านี้จับกุม น.ส.นิด (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ขณะนำทองปลอมมาหลอกขายที่ร้านทองประภัสสร ย่านสามเสน แล้วขยายผลจนทราบว่า นายบุญช่วย ชัยโนนตุ่น อายุ 48 ปี เป็นหัวหน้าแก๊งมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นที่สำหรับทำทองปลอมไปหลอกขาย
ทั้งนี้บ้านดังกล่าวเป็นทาวน์เฮ้าส์สูง 2 ชั้น 1 คูหา เนื้อที่ 17 ตารางวา ที่ประตูหน้าบ้านมีแม่กุญแจคล้องอยู่ เจ้าหน้าที่จึงให้ช่างกุญแจทำการงัดแงะประตูเข้าไป โดยมี น.ส.ฉวีวรรณ พันเดช อายุ 28 ปี เจ้าของบ้านที่ให้นายบุญช่วยเช่า และเจ้าของร้านทองประภัสสรผู้เสียหายเข้าร่วมตรวจค้นด้วย ปรากฏว่าภายในบ้านชั้นล่างพบอุปกรณ์ในการทำทองเป็นจำนวนมาก อาทิ เครื่องรีดทอง เครื่องชั่ง ตราประทับชื่อร้านทอง เครื่องหลอม เครื่องยืดทอง และทองเหลืองที่ถูกเป่าแล้วอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีรถจยย. ฮอนด้า แอร์เบรด สีเทา-ดำ ทะเบียน รยม 647 กรุงเทพมหานคร ส่วนชั้นที่สองเป็นห้องนอนมีทั้งหมด 2 ห้อง มีเพียงที่นอน เสื้อผ้า และอุปกรณ์เสพยาจำนวนหนึ่ง สภาพเหมือนเพิ่งมีคนมาเก็บข้าวของออกไปได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่จึงยึดของทั้งหมดไปตรวจสอบ  
จากการสอบถาม น.ส.ฉวีวรรณ ให้การว่า บ้านหลังนี้ตนให้ นางสมจิต ชัยโนนตุ่น อายุ 50 ปี ภรรยาของนายบุญช่วย เช่าอยู่ได้ยังไม่ถึง 1 ปี และรู้ว่านางฉวีวรรณกับนายบุญช่วยมาเช่าเพื่อทำทองแต่ไม่ได้สนใจอะไร เพราะทั้งคู่ไม่ค่อยสุงสิงหรือพูดคุยกับใครในหมู่บ้าน และนายบุญช่วยก็จะไม่มาพักที่นี่ ส่วนใหญ่จะเข้ามาช่วงเย็น โดยจะมีช่างทำทองขี่รถจยย. มาที่บ้านตอนเย็นกันอีกหลายคนด้วย จากนั้นทั้งหมดก็นั่งทำทองอยู่ในบ้านทั้งคืน พอเช้าทั้งหมดก็จะออกจากบ้านไป ทำอย่างนี้เป็นประจำเกือบทุกวัน แต่ล่าสุดไม่เห็นนายบุญช่วยเข้ามาที่นี่ได้ 2-3 วันแล้ว กระทั่งมีตำรวจมาที่บ้านถึงรู้ว่าทั้งหมดเป็นแก๊งทำทองปลอมและหลบหนีไปแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.สมยศ กล่าวว่า หลังจับกุม น.ส.พรทิพย์ ได้และมีข่าวออกไป นายบุญช่วย และนางสมจิตก็หายตัวไปไม่กลับเข้ามาที่นี่อีก ซึ่งแก๊งนี้ถือว่าเป็นแก๊งใหญ่ คนทำต้องมีความรู้ความชำนาญเรื่องทองอย่างมาก หลังจากที่เจ้าของร้านทองตรวจสอบแล้ว ทราบว่านายบุญช่วยจะใช้วิธีเอาทองเหลืองมาทำเป็นทอง แล้วใช้ทองจริงเคลือบด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ตรวจสอบได้ยากมาก เพราะพอทางร้านลองขูดหรือกะเทาะทองดู พอผ่านชั้นทองจริงไปก็จะยังคงเห็นเนื้อทองเหลืองที่คล้ายกับทองจริงอย่างมาก อีก จึงทำให้หลายร้านหลงเชื่อ นอกจากนี้ยังทราบว่าขณะนี้ก็ยังมีแก๊งเอาทองปลอมมาตระเวนขายตามร้านทองอีก จำนวนมากด้วย ฝากให้ร้านทองระมัดระวังให้มาก หลังจากนี้จะเร่งขออนุมัติหมายจับนายบุญช่วยและนางสมจิต พร้อมติดตามตัวผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด

ปอท.ร่วมกับสน.ฉลองกรุง บุกทลายบ่อนการพนัน ย่านนิคมลาดกระบัง


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 พ.ย. พล.ต.ต. พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(ปอท.) นำกำลังชุดเฉพาะกิจจำนวน 40 นาย ร่วมกับ พ.ต.อ.ลาภ ศรีสำอางค์ ผกก.สน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ฉลองกรุง บุกเข้าทำการตรวจค้นจับกุมบ่อนพนันออนไลน์ บริเวณหลังตลาดเทพประทาน ถ.ฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตฉลองกรุง กทม. โดยบ่อนดังกล่าวเป็นตึกชั้นเดียวชื่อร้านแมนยู สนุกเกอร์ ไม่มีเลขที่ ซึ่งเปิดเป็นโต๊ะสนุกเกอร์บังหน้า ส่วนภายในลักลอบเปิดให้เล่นการพนันออนไลน์ เช่น ไฮโล มวยตู้ พนันบอลออนไลน์

ภายในที่เกิดเหตุพบบรรดานักพนันกำลังนั่งเล่นการพนันชนิดต่าง ๆ อยู่ทั้งหมด 109 คน เป็นชาย 74 คน หญิง 35 คน พร้อมของกลางเป็นเงินสดจำนวน 35000 บาท เครื่องคอมพิวเตอร์จำนวน 10 เครื่อง อุปกรณ์การเล่นไฮโล โพยพนันฟุตบอลจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำของกลางและนักพนันทั้งหมดมาที่สน.ฉลองกรุง

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนและแจ้งข้อหาร่วมกันลักลอบเล่นการ พนันโดยผิดกฎหมาย ก่อนที่จะนำตัวนักพนันทั้งหมดส่งศาลมีนบุรีต่อไป

มือปืนยิงถล่มเซียนพระ ดับคารถ


วันนี้ (5 พ.ย.)  พ.ต.ท.เจริญ น๊ะจันต๊ะ  พงส.(สบ3) สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งเหตุ ชายถูกยิงเสียชีวิตภายในรถกระบะ ซอยวิภาวดีรังสิต 84 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม.  จึงรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เณรกันฐี ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศสลักษณ์ รอง ผบก.น.2  พ.ต.อ.สำราญ นวลมา. ผกก.สน.ดอนเมือง  เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน  แพทย์เวรจากรพ.ตำรวจ และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่ในลานจอดรถของสนามกอล์ฟ ดอนเมือง ไดร์ฟวิ่งเร้นจ์  ปากทางเข้าซอยวิภาวดีรังสิต 84  พบรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีบรอนด์เทา  ทะเบียน ลฮ 3037 กรุงเทพมหานคร โดยที่ท้ายกระบะติดตั้งรั้วเหล็กคล้ายรถบรรทุกผักผลไม้ ใส่ล้อแม็กสีดำทั้ง 4 ล้อ พบล้อหลังด้านขวามีลักษณะคล้ายยางระเบิดฉีกออกมาจนขาดวิ่น บริเวณเบาะคนขับพบศพ นายตุลยดิษฐ์ สวนแก้ว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137/1 ซอยเจริญ 65 แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. สวมเสื้อแขนสั้นสีดำมีรูปลายมังกรอยู่ที่หน้าอก สวมเสื้อคลุมผ้าร่มสีขาวคาดน้ำเงินและสีแดง สวมกางเกงขายาวสีครีม  ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่กลางศีรษะหรือกลางกระหม่อมจำนวน 1 นัด ส่วนอีกนัดมีรอยกระสุนจากสะบักหลังด้านขวากระสุนทะลุหน้าอกด้านซ้าย นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ลักษณะศีรษะผู้ตายพาดไปอยู่ที่เบาะคนนั่งข้างคนขับ และปลายเท้าพาดยาวอยู่ที่เบาะฝั่งคนขับเลยออกมาจากประตูรถ และศพผู้ตายยังสะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาลไว้ที่เอว
จากการตรวจสอบหลักฐานภายในรถผู้ตายพบพระเครื่องจำนวน 4 องค์ใส่ถุงพลาสติกใส่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าหนัง  และเงินสดจำนวน 1,000 บาท  ข้างผู้ตายพบหนังสือพระเครื่องอีกจำนวน 2 เล่ม นอกจากนี้ยังพบห่อกระดาษสีน้ำตาลข้างในมีแผ่นกระดาษสีขาวตัดเหลี่ยมขนาดเท่า ธนบัตรจำนวน 2 ปึก คล้ายเงินสด โดยที่หน้าซองกระดาษสีน้ำตาลเขียนคำว่า  “อ้วน 350,000 บาท”  นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุนปืนสีทองแดงขนาด 9 มม.ตกอยู่ที่พรมยางที่วางเท้าที่นั่งข้างคนขับตกอยู่ 1 หัว เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงประมาณ 02.00 น. วันเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในซอยวิภาวดีรังสิต 84 ให้มาช่วยจับคนร้ายปีนเข้าบ้าน ก่อนประสานให้ตำรวจสายตรวจ สน.ดอนเมืองขับ จยย.เข้ามาดู  เมื่อเจ้าหน้าที่ขับรถถึงปากทางก็สังเกตุเห็นรถกระบะคันเกิดเหตุจอดนิ่งใน เงามืด และประตูเปิดอ้าไว้ จึงเข้ามาตรวจสอบพบผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืนจนเสียชีวิตก่อนแจ้งผู้บังคับ บัญชาให้มาตรวจสอบ
ทางด้าน พล.ต.ต.ปริญญา เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายเป็นเซียนพระแห่งหนึ่ง และช่วงหัวค่ำทางภรรยาผู้ตายบอกว่าผู้ตายนั้นมีนัดทานข้าวกับเพื่อนชายคน หนึ่งแต่ไม่ทราบว่าที่ไหน และขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุและ ใกล้เคียงเพื่อหาว่าผู้ตายเข้ามาที่ลานจอดรถกี่โมง ส่วนยางรถกระบะผู้ตายแตกเละขาดวิ่นลักษณะคล้ายวิ่งบดมา คาดว่าน่าจะถูกคนร้ายขับรถไล่ยิงตามมาก่อนจะขับหนีเข้ามาหลบในลานจอดรถดัง กล่าว  จากนั้นคนร้ายตามมาจนทันและใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ออโตเมติกยิงผู้ตายที่ลานจอดรถระยะประชิด ส่วนปมสังหารนั้นต้องรอสอบพยานบุคคลและพยานแวดล้อมให้ให้ชัดเจนมากกว่านี้ เพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า  ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนของสน.ดอนเมือง ได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสนามกอล์ฟ พบช่วงเวลา 20.36 น. ของวันที่ 4 พ.ย. 55 รถกระบะคันดังกล่าวได้ขับเข้าไปในลานจอดรถ โดยที่ไม่มีรถคันอื่นขับตามเข้ามาประชั้นชิดแต่อย่างใด  และพบฝาท้ายกระโปงหลังถูกเปิดออก และมีวัตถุบางอย่างบรรทุกอยู่ท้ายรถ แต่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งหาหลักฐาน เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

“พงศ์เทพ”ระบุกฤษฎีกาการันตี“วราเทพ”ไม่ขาดคุณสมบัติเป็นรมต.


วันนี้( 6 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีที่นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกตั้งข้อสังเกตถึงคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของการเป็นรัฐมนตรี จากการที่ถูกศาลอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก แต่ให้รอลงอาญา ว่า หน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ให้ความเห็นทางกฎหมายและสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกามีความเห็นตรงกันว่านายวราเทพไม่ได้ขาดคุณสมบัติของการเป็นรัฐมนตรี ส่วนที่มีผู้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยตีความกรณีดังกล่าวนั้น ผู้ยื่นก็ยื่นไป แต่คิดว่าจะไม่เป็นปัญหาหรืออุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ เพราะมีข้อกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว และทางปฏิบัติที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่ว่าตีความตรงตามความเห็นของ หน่วยงานภาครัฐมาตลอด อย่างไรก็ตามมีนักกฎหมายบางส่วนที่มีความเห็นขัดแย้งต่างไปหลายเรื่องซ้ำๆ กัน ซึ่งอาจเป็นคนที่มีความเห็นหรือมุมมองทางกฎหมายตามแนวคิดของเขา จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเรื่องนี้ออกมา จะไม่ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ห่วงแน่นอน เมื่อถามต่อว่าถ้ามีการหยิบยกเรื่องของจริยธรรมหรือความเหมาะสมของการรับ ตำแหน่งรัฐมนตรี จะมีผลอย่างไร นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาใดในเรื่องจริยธรรม ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่ากรณีใดบ้างที่สามารถดำรง ตำแหน่งรัฐมนตรีได้หรือไม่ได้ เช่น กรณีผู้ที่รอลงอาญาสามารถรับตำแหน่งได้รัฐมนตรี และผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกและพ้นโทษแล้วเกิน 5 ปี ก็สามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ จึงชัดเจน ไม่มีปัญหาอะไร ต่อข้อถามว่าได้แจ้งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทราบแล้วหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความสบายใจ

ส่งตำรวจดูแลความปลอดภัยเสธ.อ้าย


  วันนี้ ( 6 พ.ย.)  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวว่ากระทรวงมหาดไทยจะให้ถอนเรื่องการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองส่วนท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่ออกมาคัดค้านออกไปก่อนเพื่อยุติปัญหา ว่า เรื่องนี้นอกเหนือความรับผิดชอบ ในส่วนของรัฐบาลก็ยังไม่ได้คุยกัน แต่วันนี้คงมีการคุยกันในพรรค
เมื่อถามว่าถ้ารัฐบาลเดินหน้าเรื่องกำนันผู้ใหญ่บ้าน รัฐบาลเกรงหรือไม่ว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ปัญหามีไว้ให้แก้ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม ไม่มีอะไรบ้านเมืองสงบดี เมื่อถามย้ำว่าอาจจะมาสมทบชุมนุมร่วมกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ”เสธ.อ้าย”ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น แต่เป็นเรื่องสิทธิทางการชุมนุม ในยุคนี้รับผิดชอบการดูแลการชุมนุมใช้หลักสากล ไม่ใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด ไม่มีตาย 99 ศพ แม้แต่ศพเดียวก็ไม่มี ไม่มีการใช้อาวุธ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงเรื่องคนเอาประทัดยักษ์ไปจุดหน้าบ้านพล.อ.บุญเลิศ แล้วจะส่งตำรวจไปช่วยคุ้มรองหรือไม่ว่า ถ้าขอมาตนก็ให้ แต่ท่านไม่ได้ติดต่อมาไม่มีการพูดคุยกัน เและไม่ขอแสดงความเห็นเพราะยศตนน้อย
"จะบอกสื่อว่าบางทีท่านยังเด็กเรื่องการข่าวมีบางครั้งแต่ละหน่วยเห็นตรง กัน แต่ละหน่วยเห็นไม่ตรงกัน ปี 2534 ทุก หน่วยสรุปว่าผมถูกฆ่าที่ละหานทรายแล้วเอาไปเผาที่กัมพูชา แต่ความจริงผมไปอยู่ที่เดนมาร์ก แล้วก็กลับมา บางทีการข่าวก็ผิดพลาดได้เหมือนกัน" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่มีการขว้างประทัดยักษ์ใส่บ้านย่านสุขุมวิทของพล.อ.บุญเลิศ แว่า เป็นประทัดยักษ์ แต่ขณะนี้สาเหตุเรายังไม่ทราบว่ามีปัจจัยอื่นหรือพล.อ.บุญเลิศ มีพันธมิตร หรือไม่มีพวกพ้องในส่วนไหนบ้าง ซึ่งพอดีสถานการณ์ขณะนี้อาจจะมาบรรจบกันได้ จึงต้องระวังเกี่ยวกับมือที่สาม  ตรง นี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้ประมาท และก็ต้องไปดูแลพล.อ.บุญเลิศ ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปประสานงานกับพล.อ.บุญเลิศเพื่อดูแลความ ปลอดภัยอย่างใกล้ชิดแล้ว

“ไซ” รับรางวัลเชิดชูเกียรติจากรัฐบาลเกาหลีใต้


วันนี้ ( 6 พ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ว่า ทางการเกาหลีใต้มอบรางวัลเชิดชูเกียรติด้านวัฒนธรรมให้แก่ “ไซ” หรือ ปาร์ค แจ-ซัง  นักร้องหนุ่มร่างท้วมอารมณ์ดี วัย 34 ปี ในฐานะที่สร้างกระแสนิยมเพลงเกาหลี หรือ “เค-ป๊อบ” ให้โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยเพลง “กังนัม สไตล์”
แถลงการณ์ของกระทรวงวัฒนธรรมเกาหลีใต้ ในวันนี้ ระบุว่า ไซจะได้รับรางวัล “อ๊อกกวาน” ซึ่งเป็นหนึ่งในรางวัลเชิดชูเกียรติสูงสุดของกระทรวงฯ มอบให้แก่บุคคลผู้ทำคุณงามความดี ด้วยการเผยแพร่วัฒนธรรมของชาติ และสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศอย่างเต็มกำลัง
ในโอกาสเดียวกันนี้ ทางกระทรวงฯเตรียมมอบรางวัล “อึนกวาน” ซึ่งเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติทางวัฒนธรรมสูงสุด ให้แก่คิม คี-ดุ๊ก ผู้กำกับภาพยนตร์แนวนอกกระแสชื่อดัง ที่สามารถคว้ารางวัลสิงโตทองคำ ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุด จากเทศการภาพยนตร์นานาชาติเมืองเวนิส ประจำปีนี้มาครอง จากภาพยนตร์เรื่อง “ปิเอตา” อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงฯจะแถลงเกี่ยวกับรายละเอียดการจัดพิธีมอบรางวัลให้แก่บุคคลทั้ง สองอีกครั้ง
ปัจจุบัน รัฐบาลเกาหลีใต้ทุ่มงบประมาณสนับสนุนอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นละคร รายการโทรทัศน์ หรือดนตรีแนวป๊อบ ให้เป็นหนึ่งใน “สินค้าส่งออกทางวัฒนธรรม” ที่สำคัญลำดับต้นๆของประเทศ ซึ่งสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้แก่เกาหลีใต้ตลอดระยะเวลากว่า 1 ทศวรรษที่ผ่านมา

"ทักษิณ" เลื่อนแผนเดินทางมา จ.ท่าขี้เหล็ก


วันนี้( 6 พ.ย.) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งคำแถลงการณ์ผ่านทางอีเมลล์ถึงสื่อมวลชนว่า ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการที่จะเดินทางเยือนพม่าระหว่าง วันที่ 8 - 10 พ.ย นี้ โดยกำหนดการเดิมจะเดินทางมาที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ในวันที่ 9 และ 10 พ.ย นั้น แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พม่าได้จับกุมชาวไทยใหญ่ และสามารถตรวจยึดอาวุธสงครามได้จำนวนมาก โดยมีอาวุธร้ายแรง เช่น จรวดอาร์พีจี และระเบิดรวมอยู่ด้วย ทั้งนี้จากการสอบสวนในเบื้องต้นได้ความว่าผู้ถูกจับกุมเตรียมที่จะใช้อาวุธ ที่มีอานุภาพร้ายแรงดังกล่าวในการสังหาร พ.ต.ท ทักษิณ ดังนั้นทางฝ่ายผู้มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทั้งสองประเทศจึงได้ให้คำแนะ นำว่าสถานการณ์ในพื้นที่มีอันตรายและไม่น่าไว้วางใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ควรเลื่อนการเดินทางไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก ออกไปก่อน ประกอบกับ พ.ต.ท ทักษิณ เกรงว่าประชาชนจำนวนมากที่จะเดินทางไปพบที่ จ.ท่าขี้เหล็ก อาจจะได้รับอันตรายหากมีการใช้อาวุธร้ายแรงดังกล่าว
คำแถลงยังระบุว่า นอกจากนี้ พี่น้องประชาชนและพี่น้องเสื้อแดงจำนวนมากที่รัก พ.ต.ท ทักษิณ ได้แสดงความห่วงใยผ่านทางเฟซบุุ๊กนายพานทองแท้ ชินวัตร และส่งข้อความเอสเอ็มเอสถึง พ.ต.ท ทักษิณ โดยตรงเพื่อขอร้องให้ พ.ต.ท ทักษิณ เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน ดังนั้น พ.ต.ท ทักษิณ จึงได้ตัดสินใจเลื่อนการเดินทางไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก แต่กำหนดการอื่นยังคงเดิม คือจะเดินทางเข้าพบเพื่อเยี่ยมคารวะประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ที่นครเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และจะเดินทางกลับในวันเดียวกัน  ทั้งนี้ พ.ต.ท ทักษิณ ขอขอบคุณในความร่วมมือของทางการพม่าในการเตรียมการรักษาความปลอดภัยเป็น อย่างดีดังกล่าว ส่วนความพยายามมุ่งเอาชีวิต พ.ต.ท ทักษิณ ในครั้งนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เป็นการกระทำของผู้ที่ได้รับผลร้ายจากนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวด ของ พ.ต.ท ทักษิณในอดีต หรือเป็นผลจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ซึ่งในอดีตก็เคยมีการลงมือในลักษณะนี้หลายครั้งในสมัยที่ พ.ต.ท ทักษิณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสืบสวนสอบสวนเพื่อหาสาวไปให้ถึงผู้ มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป

ความรู้เรื่องบ้าน

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ 


          คงปฏิเสธไม่ได้ว่า...สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยตอนนี้กำลังวิกฤติ หลายต่อหลายจังหวัดต่างต้องจมอยู่ใต้บาดาล ส่วนอีกหลายจังหวัด ก็กำลังเตรียมตัวเฝ้าระวัง และรับมือกันอย่างเต็มที่...  แต่ถึงจะเตรียมพร้อมอย่างไร ถ้าน้ำไหลหลากมาอย่างรวดเร็ว ก็อาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ เราควรเตรียมตัว เตรียมใจ และตั้งสติอย่างเต็มร้อย เพื่อฝ่าฟันสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มาพร้อมความทุกข์จากภัยธรรมชาติที่ไม่อาจต้านทานได้ ...

          วันนี้ เรามีบทบัญญัติดี ๆ เกี่ยวกับการเตรียมบ้านก่อนน้ำท่วมจาก อาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ มาฝากกันค่ะ เราไปดูกันซิว่า... วิธีเตรียมบ้านให้พร้อมต้องทำอย่างไรบ้าง ....




บัญญัติ 20 ประการ เตรียมบ้านก่อนน้ำท่วม




1. ดูทางน้ำที่จะมาสู่บ้านเรา  แล้วจะไปทางไหนได้บ้าง 

 
           ขอให้คิดว่าเราเหมือนกำลังตั้งค่ายคูประตูหอรบอยู่ เราต้องรู้ว่าข้าศึกจะเข้ามาโจมตีเราทางทิศใดได้บ้าง และหากเกิดความพลาดพลั้งขึ้นมา เราจะหนีไปทางไหนได้บ้าง ซึ่งข้าศึกอาจจะเข้ามาตีเราหลายทางก็ได้ และเราก็อาจจะมีทางหนีไปหลายทางก็ได้ บางครั้งข้าศึกไม่ได้มาตีแค่ 2-3 ทาง แต่ทำการ "ล้อม" เราเอาไว้ทุกด้านก็ได้ ทำให้ทางหนีของเราถูกปิดกั้นไว้หมด


           หากเมื่อรู้แนวทางเหล่านั้นแล้ว ก็ขอให้เริ่มวางแผนที่จะ "หยุดน้ำ หยุดข้าศึกที่จะเข้ามาโจมตีเรา"  ซึ่งการหยุดยั้งน้ำหรือข้าศึกนั้น มีหลายวิธีที่ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการ "สร้างเขื่อนชั่วคราว" ด้วยกระสอบทราย หรือเอาแผ่นวัสดุใด ๆ มาอุดก็ได้  การปิดกั้นนั้นมีหลายวิธี ซึ่งใช้ความเข้าใจพื้นฐาน บวกกับสอบหาข้อมูล ก็จะพอทราบกันเองได้ครับ



2.  กำแพงบ้านไว้กันน้ำได้ แต่ต้องระวังรั้วพัง

          ตามปกติแล้ว รั้วบ้านที่เป็นคอนกรีตหรือก่ออิฐ จะเปรียบเสมือนกำแพงเมืองที่จะกันน้ำไม่ให้เข้ามาในบ้านของเรา แต่เราต้องไม่ลืมว่าน้ำหนักของน้ำที่ขังหรือถาโถมเข้ามากดที่ด้านข้างของกำแพงรั้วเรา จะทำให้รั้วบ้านของเราเกิดการเอียง หรือแตกร้าว หรือพังลงมากได้ เพราะรั้วบ้านทั่วไป วิศวกรท่านจะไม่ได้ออกแบบไว้ให้รับแรงหรือน้ำหนักที่กระทำด้านข้างได้มากนัก

          ทางป้องกันที่ง่ายที่สุดก็คือ เราหากระสอบทรายมาวางไว้อีกด้านหนึ่งของรั้วบ้านเรา (ในบ้านเรา) วางไว้ติดชิดกับรั้วไปเลย ยามเมื่อรั้วจะเอียงเพราะว่าน้ำที่ท่วมกดน้ำหนักมาอีกด้านหนึ่ง กระสอบทรายก็จะทำหน้าที่ช่วยรับน้ำหนักเอาไว้ ถ่ายแรงจากรั้วมา รั้วก็ยังตั้งตรงอยู่ได้ “กำแพงเมืองของเราก็ไม่แตก หรือล้มครืนลงมา” ครับผม


 

 3. น่าจะมี "ปืน" ไว้สู้ฝน สู้น้ำท่วม จัดการกับ "รูรั่ว"

           บ้านหลายหลังที่มีรูมีรอยแตกเล็ก ๆ ตามผนังหรือช่องหน้าต่าง ตามรอยต่อของผนังกับเสาและคาน หรือแม้แต่ตามรั้วบ้าน ซึ่งบางครั้งเราไม่มีเวลา (หรืองบประมาณ) ที่จะแก้ไขได้ที่ต้นเหตุ จะตามช่างมาซ่อมแซมหรือก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก หรือไม่ทันเวลาเสียแล้ว

           ดังนั้น เราก็น่าจะมีวัสดุอุดประสานรอยจำพวก ซิลิโคน หรืออะคริลิค หรือโพลี่ยูริเทน เอาไว้ เพื่ออุดรอยเหล่านี้ ซึ่งเราน่าจะทำได้ด้วยตัวเอง (โดยเฉพาะในจังหวะที่เศรษฐกิจไม่ดี หรืออยากจะฝึกตัวเองเป็นช่างบ้าง)  แต่การที่เราจะใช้วัสดุ ประสานที่มีความยืดหยุ่นและอยู่ในหลอดแข็งๆนี้ได้ เราจะต้องมีอุปกรณ์การ "ฉีด" ซึ่งภาษาช่างทั่วไปเขาเรียกกันว่า "ปืน" ซึ่งราคาไม่แพงเลยครับ

           บางครั้ง ท่านอาจจะต้อง "พกปืน" ไว้ในบ้านของท่านสักชุด เพื่อช่วยเหลือตัวเองในการต่อสู้ ป้องกันน้ำไม่ให้ไหลเข้ามาในบ้านของเราครับ


4. อย่าให้ต้นไม้ล้มทับบ้าน ยามน้ำท่วมและพายุมา

         ต้นไม้ทั้งหลายที่อยู่ในบ้านหรือใกล้บ้านเราจะเป็นอันตรายยามมีพายุมา เพราะต้นไม้อาจจะล้ม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ที่ล้อมจากที่อื่นมาปลูก เพราะต้นไม้เหล่านั้นไม่มี "รากแก้ว" ครับ) หรือกิ่งต้นไม้บางประเภทที่ค่อนข้างเปราะ (เช่น ต้นประดู่กิ่งอ่อน) อาจจะหักลงมาสู่ตัวบ้านเรา ต้องทำการเล็มกิ่งหรือตัดกิ่งบางกิ่งออกไปเสีย

          ยามเมื่อน้ำท่วม ระดับน้ำใต้ดินจะสูงมาก (หรือน้ำท่วมเข้ามาได้จริงๆ) รากของต้นไม้จะแช่น้ำเป็นเวลานาน รากต้นไม้จะเน่าได้ แล้วความสามารถในการยึดเกาะกับดินก็จะน้อยลง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีรากแก้ว) ต้นไม้ก็อาจจะล้มลงได้ ต้องทำการค้ำยันลำต้นเอาไว้ให้ดี ก่อนน้ำจะท่วมครับ

          สิ่งที่น่าคิดอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องการให้ปุ๋ย ซึ่งตอนที่น้ำท่วมห้ามให้ปุ๋ยต้นไม้ครับ เพราะจะทำให้รากเน่าเร็วขึ้น (ต้นไม้ที่โดนน้ำท่วมก็เหมือนคนป่วย เขาไม่ต้องการอาหารดี ๆ (แต่ย่อยยาก) ครับ ขอให้หายป่วยเสียก่อนค่อยกินอาหารดี ๆ เยอะ ๆ ได้ครับ)



 
 5. ตรวจสอบถังน้ำใต้ดิน

          บ้านใครมีถังน้ำใต้ดิน ต้องตรวจสอบ "ฝา"  ของถังน้ำให้ดี ๆ เพราะเวลาน้ำท่วม ถังน้ำจะอยู่ใต้น้ำด้วย หากฝาของถังน้ำมีระบบป้องกันน้ำเข้าไม่ดี น้ำสกปรกที่ท่วมเข้ามา ก็จะไปปนกับน้ำสะอาดในถังน้ำของเรา ปัญหาเรื่องโรคภัยต่าง ๆ ก็จะตามเข้ามาหาตัวเราโดยทันทีครับ

          หากเราไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องน้ำเล็ดลอดเข้ามาในถังของเราได้ ก็ขอให้ต่อท่อน้ำตรงจากท่อประปาหน้าบ้านเรา เข้ามาที่ตัวบ้านของเราเลย (โดยปกติแล้ว บ้านที่มีถังน้ำใต้ดินจะมีวาล์วหมุนเปิดทางให้น้ำประปาจากหน้าบ้านเรา วิ่งผ่านตรงเข้ามาในบ้านโดยไม่ลงไปที่ถังน้ำใต้ดินได้ ต้องหาวาล์วตัวนี้ให้เจอ แล้วต่อตรงเข้ามาเลยดีกว่า น้ำจะเบาลงหน่อย แต่ก็ยังเป็นน้ำสะอาดครับ)



 6. ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้านอกบ้าน ตัดกระแสไฟเสีย

           ภายนอกบ้านของเราจะมีอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างเช่น ปั๊มน้ำ เครื่องปรับอากาศ หรือแม้กระทั่งไฟสนาม และกริ่งหน้าบ้าน ต้องหาสวิตร์ตัดไฟให้พบว่า จะต้องตัดไฟตรงไหนไม่ให้ไฟฟ้าวิ่งเข้าไปที่อุปกรณ์เหล่านั้นได้ ยามเมื่อน้ำท่วมเข้ามา ต้องทำการตัดไฟตรงนั้นเสีย (แม้กระทั่งยามจะเข้านอน ถ้าไม่แน่ใจว่าน้ำจะท่วมเข้ามาตอนเราหลับอยู่หรือเปล่า ก็ต้องปิดสวิตช์ไฟฟ้าของอุปกรณ์เหล่านั้นเสีย ตื่นมาตอนเช้า หากน้ำยังไม่ท่วม ก็ค่อยเปิดสวิตช์ใหม่อีกครั้งหนึ่งครับ)

          ส่วนการย้ายเครื่องมือย้ายอุปกรณ์เหล่านั้นในตอนนี้ หากแน่ใจว่าน้ำท่วมแน่ และมีช่างมาช่วยย้าย ก็อาจจะย้ายได้ แต่หากไม่มีช่างมาช่วย ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำเอง ก็อาจจะต้องยอมให้อุปกรณ์เหล่านั้นแช่น้ำไปก่อนตอนน้ำท่วม


 7. ป้องกัน งู เงี้ยว เขี้ยว ขอ ตะกวด และสัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ

          ยามน้ำท่วม มิใช่เพียงมนุษย์และสัตว์เลี้ยงของเราเท่านั้นที่ต้องหนีน้ำท่วม แต่เหล่าสัตว์ต่าง ๆ ก็ต้องหนีน้ำกันด้วย และการหนี้น้ำท่วมที่ดีที่สุด ก็คือการเข้ามาในบ้านของเรา เพราะบ้านของเราพยายามกันน้ำท่วมอย่างดีที่สุดแล้ว

          ปัญหาก็คือ เหล่าสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย ที่ทั้งเลื้อยและทั้งคลานเข้ามาในบ้านเรา เป็นสิ่งที่เราไม่ต้อนรับ และอาจเป็นผู้ทำอันตรายเราด้วย ดังนั้นเราต้องมั่นใจว่า "รู" ต่าง ๆ ของบ้านเราจะต้องโดน "อุด" เอาไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูที่ประตูหน้าต่าง หรือที่ผนังบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "รูจากท่อระบายน้ำ" ที่พื้นบ้านของเรา (เขาชอบมาทางนี้กันครับ)

          บางท่านอาจจะมีการโรย "ปูนขาว" ล้อมรอบบ้านเอาไว้ด้วยก็ได้ (แต่ต้องมั่นใจว่าโรยรอบบ้านจริง ๆ และไม่ถูกน้ำท่วม หรือถูกฝนชะล้างจนหายไปหมดครับ) เพราะปูนขาวจะกันสัตว์เหล่านี้ได้ครับ นอกจากนี้ก็น่าจะเตรียมยาฉีดกันแมลง ติดบ้านไว้ด้วยครับ



 8.  เรื่องส้วม ส้วม ส้วม สุขา สุขา

          เป็นเรื่องของความสุขที่เปลี่ยนไปเป็นความทุกข์ทุกครั้งที่เกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบส้วมที่เป็นระบบบ่อเกรอะ บ่อซึมแบบเดิม ที่น้ำจากการบำบัดจะต้องซึมออกสู่ดิน แต่พอน้ำท่วม น้ำจากดินภายนอกจะซึมเข้ามาในบ่อ ก็ทำให้บ่อเกรอะเต็มไปด้วยน้ำ ส้วมก็จะเกิดอาการ "อืด และ ราดไม่ลง" หากน้ำจากภายนอกท่วมมาก มีแรงดันมาก ก็อาจจะเกิดอาการ "ระเบิด" ทำให้สิ่งปฏิกูลต่างๆ พุ่งกลับมาที่โถส้วม ความสุขหายไป ความทุกข์ปล่อยออกไม่ได้

          ในกรณีนี้ ต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ต้องป้องกันไม่ให้สิ่งปฏิกูลทั้งหลายพุ่งกลับออกมาทางโถส้วม ต้องปิดโถส้วมให้ดี หากเป็นโถส้วมนั่งราบที่มีฝาปิด ก็ต้องปิดฝาให้แน่น เอาเชือกผูกเอาไว้ หากเกิดอาการพุ่งขึ้น ก็จะไม่เรี่ยราดทำความสะอาดยาก กรณีนี้ทำเฉพาะโถส้วมชั้นล่างก็พอ เพราะน้ำคงไม่ท่วมถึงชั้นสองครับ (เพราะหากท่วมถึงชั้นสอง เราคงไม่ได้อยู่ในบ้านได้แล้ว)

          กรณีที่เป็นบ่อบำบัดสำเร็จ ซึ่งเขาจะทำงานโดยไม่ต้องมีบ่อเกรอะบ่อซึม ในเวลาปกติเขาจะบำบัดจนเสร็จภายในถังเอง แล้วก็จะระบายน้ำที่บำบัดเสร็จแล้วลงท่อระบายน้ำนอกบ้านของเรา ยามเมื่อน้ำท่วม น้ำจากบ่อบำบัดจะไหลระบายออกไปไม่ได้ เพราะระดับน้ำที่ท่วมอยู่สูงกว่าบ่อบำบัด ซึ่งเป็นการแก้อะไรไม่ได้ ต้องปล่อยไว้อย่างนั้นครับ

          ถังบำบัดสำเร็จบางรุ่นจะมีมอเตอร์อัดอากาศเข้าไป (ซึ่งในบ้านส่วนใหญ่จะไม่ใช้รุ่นนี้) ก็ต้องตรวจดูว่ามอเตอร์อยู่ที่ไหน หากมอเตอร์น่าจะอยู่ในระดับที่น้ำท่วมถึง ก็ต้องตัดกระแสไฟไม่ให้เข้าไปสู่ตัวเครื่องกลนั้นครับ

          ทั้งนี้สิ่งที่ต้องระวังก็คือ "ท่อหายใจ" ที่เป็นท่อระบายอากาศของระบบส้วมของเรา ต้องมั่นใจว่าท่อหายใจนั้นจะต้องอยู่สูงกว่าระดับน้ำที่มีโอกาสท่วม หากท่อหายใจของเราอยู่ระดับต่ำ ก็ต้อง "ต่อท่อ" ให้มีระดับสูงขึ้นให้ได้ จะต่อแบบถาวรก็ได้ (หากมีช่างมาทำ หรือเราทำเป็น) หรือจะต่อแบบท่อไม่ถาวร ก็คือเอาสายยางธรรมดา มาครอบท่อหายใจเดิม แล้วก็ยกให้ปลายท่อนั้นอยู่สูงขึ้นกว่าระดับน้ำที่คาดหมายว่าจะท่วมครับ

           ท่อหายใจนี้จะเป็นอุปกรณ์สำคัญมากในการช่วยระบายความดันภายในระบบส้วมของเรา ไม่ให้สิ่งปฏิกูลมีแรงดันมากเกินไปครับ     
 


 9. ปลั๊กไฟ สวิตช์ไฟ ตรวจสอบและแยกวงจร

             เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งของบัญญัติ 20 ประการของบทความนี้ เพราะอันตรายที่มองไม่เห็นก็คือเรื่องของ "ไฟฟ้า" ครับ แต่ในขณะเดียวกัน ไฟฟ้าก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตเสียแล้ว

           หากบ้านของเรามีการแยกวงจรไฟฟ้าไว้ตั้งแต่แรก คือวงจรไฟฟ้านอกบ้าน วงจรไฟฟ้าชั้นล่าง และวงจรไฟฟ้าชั้นบน ก็ต้องปิดวงจรไฟฟ้านอกบ้านเมื่อน้ำท่วมนอกบ้าน หากน้ำสูงขึ้นมาจนเข้าในตัวบ้าน ก็ต้องปิดวงจรไฟฟ้าชั้นล่าง หากน้ำสูงขึ้นถึงชั้นสอง น่าจะหาทางออกจากบ้านเพื่อย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพราะสวิตช์หลักของบ้านโดยทั่วไปจะอยู่ที่ชั้นล่างระดับประมาณ 1.8 เมตรจากพื้นห้องครับ

           กรณีที่บ้านไหนโชคดี วงจรไฟฟ้าชั้นล่างแยกวงจรออกมาเป็นระดับปลั๊กด้านล่างและระดับสวิตซ์บน ก็ค่อย ๆ ตัดวงจรปลั๊กชุดล่างก่อนตามระดับน้ำที่ท่วมขึ้นมา

          หากกรณีที่ไม่มีการจัดวงจรเอาไว้อย่างเป็นระบบตามที่กล่าวไว้ข้างต้น เราต้องค่อยๆทำการทดสอบอย่างใจเย็น ๆ ว่าปลั๊กหรือสวิตช์ชุดใดจะมีการตัดวงจรไฟฟ้าจากคัทเอาท์หลักบ้าง แล้วทำโน้ตบันทึกเอาไว้ หากเมื่อน้ำท่วมเมื่อไร ก็จะได้ทราบว่าเราต้องตัดวงจรชุดใดก่อน (ตัดวงจรส่วนที่ถูกน้ำท่วม) อาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากหน่อยที่จะตรวจสอบ แต่ก็ต้องใจเย็น ๆ และตั้งใจที่จะตรวจสอบครับ

          ในกรณีที่วงจรบางวงจรที่ควบคุมทั้งปลั๊กหรือสวิตช์ตัวล่างกับปลั๊กหรือสวิตช์ตัวบน ก็จำเป็นต้องตัดวงจรทั้งหมด ห้ามเสี่ยงโดยเด็ดขาดครับ

          อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่สามารถขนย้ายได้ในตอนนี้ ก็อาจขนย้ายขึ้นไปไว้ชั้นบนก่อน ยังไม่ต้องใช้ตอนนี้ก็ได้เช่น เตาไฟฟ้า เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องตีไข่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องชาร์จโทรศัพท์ ฯลฯ ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังต้องใช้งานอยู่ ก็ต้องเตรียมการขนย้ายขึ้นข้างบนเอาไว้เลย เช่นเครื่องไมโครเวฟ โทรทัศน์ วิทยุ เป็นต้น ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ การขนย้ายยุ่งยาก และหาที่วางยาก เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ ก็ต้องวางแผนว่าจะเอาอย่างไรในปัจจุบันและอนาคต หากยังใช้อยู่แล้วยามน้ำท่วมขึ้น จะมีคนช่วยขนหรือไม่ หรือจะทิ้งเอาไว้อย่างนั้น

          เรื่องไฟฟ้าเป็นอันตรายที่มองไม่เห็น และน้ำเป็น "สื่อไฟฟ้า" ด้วย ดังนั้นเรื่องไฟฟ้าในบ้าน จึงเป็นสิ่งแรกที่ต้องมีการตรวจสอบและเตรียมการครับ



 10. ตรวจสอบว่าประตูหน้าต่างแน่นหนาและแข็งแรง

          เพราะว่าประตูบ้านของเรา (ไม่ว่าจะเป็นประตูที่รั้วบ้าน หรือประตูที่ตัวบ้านเรา)  และหน้าต่าง เป็นจุดหนึ่งที่ถือว่ามีความอ่อนแอมากที่สุด มีโอกาสที่จะบิด หรือเผยอตัว หรืออาจจะหลุดออกมาทั้งบาน หากมีแรงดันน้ำมาก ๆ ดันเข้ามา

           ดังนั้นเราจึงต้องตรวจสอบความแข็งแรงให้ดี ต้องพยายามที่จะใช้ "กลอน" ช่วยรับน้ำหนักทางด้านข้างด้วย การลงกลอนในบานประตูและหน้าต่างที่ไม่ได้ใช้เป็นปกติธุระ น่าจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะป้องกันน้ำวิ่งเข้ามาที่ตัวบ้านของเราได้ครับ

           หากหนักหนาจริง ๆ ประตูหน้าต่างของเราดูจะอ่อนแอรับแรงดันน้ำไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องเอาไม้มาตีพาดขวางช่วยรับแรง หรือเอาของหนักๆมาวางช่วยดันประตูเอาไว้ (ต้องเป็นประตูด้านที่เราไม่ใช้โดยปกตินะครับ ไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาตอนที่เราจะหนีออกจากบ้าน หรือตอนที่คนเขาจะเข้ามาช่วยเราในบ้าน ยามเกิดวิกฤติครับ)




11. เตรียมระบบสื่อสารทุกประเภทเอาไว้ให้พร้อม

          ระบบสื่อสารทุกอย่างที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นระบบโทรศัพท์ปกติ หรือโทรศัพท์มือถือ ระบบอินเทอร์เน็ตทั้งมีสายและไร้สาย วิทยุ โทรทัศน์ หรือ อุปกรณ์สื่อสารพิเศษอย่างอื่น (เช่น ระบบดาวเทียม วอร์คกี้ทอร์คกี้ เป็นต้น) เพราะการรับข่าวสาร และการติดตามข่าวสารเรื่องภัยน้ำท่วมที่จะมาถึงตัวเราเป็นเรื่องสำคัญ และไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดในทุกวินาที

          และหากน้ำท่วมแล้ว การขอความช่วยเหลือหรือสอบถามข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ณ วินาทีวิกฤตินั้นแน่นอน อีกทั้งระบบสื่อสารที่เรามีนั้น มิได้ใช้เพียงการที่เราช่วยตัวเอง แต่อาจจะมีผู้เดือดร้อนคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือ หรือต้องการคำปรึกษาจากเรา ก็สามารถติดต่อกับเราได้ ต้องคนละไม้คนละมือเสมอ ทุกคนล้วนลำบากทั้งสิ้นครับ



 12. ชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง

             อุปกรณ์ไฟฟ้าหลายอย่างมีความจำเป็นยามเกิดภาวะฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย วิทยุ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ มือถือ หรือแม้กระทั่งกล้องถ่ายภาพ ฯลฯ  จะต้องมีการชาร์จไฟไว้ให้เต็มร้อยตลอดเวลา เพราะยามน้ำท่วม ระบบไฟฟ้าทั้งหมดอาจติดขัดครับ

          นอกจากอุปกรณ์ไฟฟ้าจะต้องชาร์จไฟให้เต็มที่แล้ว การใช้อุปกรณ์เหล่านั้นเมื่อไฟฟ้าปกติไม่มา จะต้องประหยัดไฟด้วย เพื่อความมั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะทำงานได้เต็มที่ยามฉุกเฉิน อีกทั้งต้องเตรียมอุปกรณ์อื่นเสริมอีกด้วย เช่น ไม้ขีดไฟ เทียนไข เป็นต้น


 13. ย้ายของทุกอย่างให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม

          ข้าวของในบ้านของเรา ไม่ใช่เพียงเรื่องของอุปกรณ์ไฟฟ้าเท่านั้นที่เราจะต้องมีการจัดการย้ายให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม แต่หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดว่ามีความสำคัญ และอาจจะเสียหายได้เมื่อมีน้ำท่วม ตั้งแต่รถยนต์ ถังกาซ เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ของขวัญ รูปภาพ ฯลฯ ขอให้ย้ายไปสู่ที่ที่เหมาะสม ซึ่งที่ที่เหมาะสมนั้นอาจจะอยู่ในตัวบ้านของเรา หรือจะย้ายออกไปเก็บไว้นอกบ้าน สถานที่อื่นที่คิดว่าปลอดภัย

          มีข้อมูลว่า เมื่อน้ำท่วม หลายคนเป็นอันตรายอันเนื่องมาจากการ "ห่วงของ" ต้องลุยน้ำกลับไปกลับมาเพื่อขนของออกจากบ้าน และหลายครั้งที่ขนของออกมาแล้ว แต่ไม่มีที่วาง ก็จำต้องวางไว้ในที่ที่ไม่ปลอดภัย ปรากฏว่าของที่อุตส่าห์ขนออกมาด้วยความเสียดายหรือความผูกพันนั้น ถูกผู้ชั่วร้ายใจทรามขโมยต่อเอาไปอีกด้วย

           แต่ของที่เราจะย้ายนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นของทุกอย่างไปเลย เลือกเฉพาะที่เราคิดว่าต้องย้ายเท่านั้น  ของบางอย่างที่แช่น้ำได้ไม่มีปัญหา ก็ไม่ต้องขนย้ายก็ได้


  
14. ใช้พลาสติกซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่กลัวน้ำให้เป็นประโยชน์

            วัสดุส่วนใหญ่จะกลัวน้ำ หรือไม่สามารถที่จะสู้กับน้ำได้ แต่พลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่กลัวน้ำ ดังนั้นอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เป็นพลาสติก น่าจะต้องมีการเตรียมการเอาไว้ใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำพลาสติก ท่อพลาสติก กระดานพลาสติก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าหรือแผ่นพลาสติก ที่เราจะเอาไว้ใช้หุ้มอุปกรณ์หรือส่วนต่าง ๆ ของบ้านเรา ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ หนังสือ ฯลฯ แม้กระทั่งการหุ้มป้องกันตัวเรา หรืออวัยวะบางส่วนของตัวเราครับ

          ขอให้หาซื้อผ้าหรือกระดานพลาสติกเก็บเอาไว้ใกล้มือเรา ยามฉุกเฉิน พลาสติกจะเป็นวัสดุอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มากจนคาดไม่ถึงได้ครับ และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ "ห่วงยาง" ครับ


15. เตรียมอาหาร น้ำดื่ม และยาให้พร้อม

            เพราะยามน้ำท่วมแล้ว เราอาจจะต้องติดอยู่ในบ้านของเราก็ได้ สิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพของเราก็คือ "อาหาร" ที่ต้องเตรียมเอาไว้ ทั้งอาหารที่ต้องมีการปรุงด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า (หรือก๊าซ) กับอาหารที่สามารถกินได้เลย โดยไม่ต้องมีการปรุง และต้องเตรียมเรื่อง "น้ำดื่ม" เอาไว้ด้วย เตรียมให้เพียงพอสำหรับทุกคนประมาณ 3 วันครับ

           ยาเป็นสิ่งสำคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่เราต้องเตรียมเอาไว้ (ในที่ที่ปลอดภัย) ยาหลัก ๆ ก็คือ ยาแก้ปวด ยากแก้ไข้ ยาแก้ท้องเสีย ยารักษาโรคน้ำกัดเท้า ยาล้างแผล ยาแก้แพ้  ยากันแมลงและยาของโรคประจำตัวของทุกคน

           มีผู้หวังดีแนะนำบอกต่อว่า อย่าสะสม "สุรา" เอาไว้ตอนน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมนาน ๆ อาจจะมีคนกลุ้มใจ แล้วใช้สุราแก้ความกลุ้มใจ จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนเหล่าขวดสุราที่เก็บสะสมเอาไว้ ไม่ต้องขนไปไกลก็ได้ เพราะขวดสุราเหล่านั้น เขาสามารถแช่น้ำได้ ไม่มีปัญหาประการใด


 16. บ้านชั้นเดียว ต้องตรวจสอบหลังคาด้วย

             สำหรับบ้าน 2 ชั้น หลังคาบ้านจะมีผลมากยามเมื่อฝนตกหนัก ๆ ในกรณีน้ำท่วมนั้นหลังคาไม่ค่อยมีผลมากเท่าไร เพราะน้ำท่วมจากข้างล่างขึ้นไป หากท่วมถึงหลังคาชั้นสอง เราก็น่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนหน้านั้นแล้ว

          แต่กรณีที่เป็นบ้านชั้นเดียว น้ำอาจจะท่วมชั้นล่างของบ้านอย่างรวดเร็ว หลังคาหรือส่วนของหลังคาจึงเป็นพื้นที่หลบภัยได้ชั่วคราวพื้นที่หนึ่ง เราจึงต้องตรวจสอบทางหนีทีไล่ของเรา กรณีที่เราต้องขึ้นไปหนีภัยบนหลังคา ซึ่งเราอาจจะขึ้นไปทางฝ้าเพดานของเรา (กรุณาอย่าลืมตัดวงจรไฟฟ้าที่บ้านทั้งหมดก่อนจะขึ้นไปบนฝ้าเพดานสู่หลังคานะครับ)
  

 17. ระวังโจร ระวังมาร ระวังผู้ชั่วร้าย

             เป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสลดใจที่สังคมน่าอยู่และเห็นอกเห็นใจของเมืองไทยเรา ได้ถูกลัทธิวัตถุนิยมเข้าครอบงำไปหลายส่วนแล้ว ดังนั้นเราจึงได้ข่าวเนือง ๆ ว่า มีผู้ชั่วร้ายที่อยากได้ประโยชน์ส่วนตนและพรรคพวก เข้ามารังแกจี้ปล้นประชาชนที่กำลังลำบากทุกข์เข็ญ

           ยามน้ำท่วม เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังยุ่งกับภารกิจอย่างอื่น เหล่าคนชั่วก็จะออกอาละวาดรังแกผู้ที่กำลังเดือดร้อน มีการขโมย จี้ปล้น ฉกชิงวิ่งราว ให้เราได้ทราบอยู่เป็นประจำ และมีความเป็นไปได้ว่าหนึ่งในอนาคตนั้นอาจจะเป็นตัวเราและบ้านของเรา

          ดังนั้น การเตรียมการป้องกันโจร จึงเป็นอีกประการหนึ่งที่เราต้องเตรียมการ อย่าเก็บของมีค่าเอาไว้ในบ้านของเรา เอาไปฝากที่อื่นก่อนดีกว่า เงินทองไม่จำเป็นที่ต้องพกมากมาย และคอยเฝ้าสังเกตบุคคลที่น่าสงสัย  การส่งเสียงดัง ๆ ในบางครั้ง จะเป็นอาวุธป้องกันตัวเราได้


 18. เพื่อนบ้าน ต้องร่วมด้วยช่วยกัน

          ในกรณีนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องของการต่อสู้ป้องกันโจรประการเดียว แต่หมายถึงในทุก ๆ กรณี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เรา "ขอความช่วยเหลือ" จากเพื่อนบ้าน แต่หมายถึงการที่ "เราจะช่วยเหลือเพื่อนบ้าน" ด้วย รวม ๆ กันก็หมายถึง "การสร้างชุมชนเข้มแข็ง" เพราะความรักที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้เสมอยามที่คนเรามีความลำบากร่วมกัน

          อย่าต่อสู้หรือป้องกันภัยทั้งหลายคนเดียว ต้องสื่อสารกัน ต้องจับมือกัน และวางแนวทางการป้องกัน การต่อสู้ที่เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น แล้วเราจะมีโอกาส หากตอนนี้เหล่าเพื่อนบ้านยังไม่มีการเคลื่อนไหวร่วมกัน เราก็อาจจะเป็นแกนตัวเล็ก ๆ ที่จะเป็นผู้เริ่มต้นได้ครับ  อย่าอาย อย่ากลัวใครเขาหมั่นไส้ครับ หากเราเป็นคนดี มีจิตใจดี ทุกคนจะเข้าใจครับ


19. เตรียมทางหนีทีไล่เพื่อออกจากบ้าน

           ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า การป้องกันน้ำท่วมก็เหมือนการป้องกันเมืองจากการโจมตีของข้าศึก ซึ่งเราอาจจะป้องกันเอาไว้ได้หรือป้องกันไม่ไหวก็ได้ หากถึงที่สุดแล้ว เราไม่มีทางต่อสู้ได้แน่ ๆ  พ่ายแพ้แล้ว  การเตรียม "ทางหนี" เป็นเรื่องที่จำเป็น หากเราเตรียมทางหนีเอาไว้แต่แรก เราก็สามารถหนีได้ หนีทัน เกิดความเสียหายน้อยลง

          ทางหนีจากกรณีน้ำท่วมบ้าน อย่าคิดเพียงทางหนีออกจากบ้าน แต่ต้องคิดให้จบว่าหนีออกไปแล้ว จะหนีด้วยอะไร มีเรือหรือห่วงยางหรือไม่ มีเชือกสาวตัวเองหรือไม่ จะพกอะไรติดตัวไปบ้าง (ที่สามารถพกพาแบกหามไปได้) และจะมุ่งหน้าไปทางทิศใด มุ่งหน้าไปไหน และจะไปหยุดที่ใด พักที่ใด กับใคร ทุกอย่างต้องคิดเป็นกระบวนการ และคิดให้จบวงจรไว้แต่แรกครับ


20. ตั้งจิตให้มั่น ตอนนี้ "สติ" สำคัญที่สุด

            อย่าเสียเวลากับการเกรี้ยวโกรธ อย่าเพิ่งด่าอะไรใคร อย่าโทษฟ้าดิน ยังมีเวลาและโอกาสอีกมากมายที่จะทำเช่นนั้น เวลานี้เป็นเวลาที่เราต้องตั้งสติ และคิด และเตรียมการอย่างเป็นระบบ เราต้องรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ อย่างทันต่อเหตุการณ์จากคนที่เชื่อถือได้ (ระวังคำพูดนักการเมืองนิดนะครับ)  ต้องฟังวิทยุ หรือแม้แต่ติดตามทางอินเทอร์เน็ต (เช่น thaiflood.com หรือ flood.gistda.or.th เป็นต้น)


 
             ค่อย ๆ กลับไปอ่านตั้งแต่ข้อที่ 1 ถึงข้อที่ 19 แล้วอาจจะเพิ่มข้ออื่น ๆ ที่เราคิดออกเข้าไปอีกได้ เมื่ออ่านแล้วก็ตรวจสอบ และลงมือทำทันที.... ตอนนี้ "สติ" สำคัญที่สุด...


             กระปุกดอทคอมหวังว่า บัญญัติ 20 ประการ เตรียมบ้านก่อนน้ำท่วม จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังประสบภัยในครั้งนี้ ... ขอให้ทุกท่าน เตรียมตัว และตั้งสติ ที่จะรับมือให้ดี ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดนะคะ ...แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ ^ ^

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources