วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

วิปค้าน จับโกหกสีขาวรัฐบาลภาคต่อ


วันนี้ ( 11 ก.ย.)   ที่รัฐสภา คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน ได้ร่วมกันแถลงข่าว “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1 ปี โกหกสีขาว 19 เรื่อง” โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเรื่องโกหกที่ 5  ตอน“ไหนว่าลาก่อนน้ำแล้งน้ำท่วม” ว่า ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยประกาศป้ายหาเสียงของ “ลาก่อนน้ำท่วมน้ำแล้ง” แต่กลับยังมีปัญหา เช่น การชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบครัวเรือนละ 30,000 บาท  บางรายยังไม่ได้รับเงินเยียวยาในปี 2555 ที่บอกว่าน้ำจะไม่ท่วมแต่กลับพบว่าภายใน 10 วันของเดือนก.ย. น้ำท่วมไปแล้ว 22 จังหวัด และโกหกสุดท้ายมาตรการระบายน้ำออกจากเขื่อนให้เหลือเพียง 45เปอร์เซ็นต์เป็นมาตรการที่ล้มเหลวเพราะทำให้เกิดวิกฤติภัยแล้ง 8 จังหวัด


  นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีขาวตอนที่ 6 เรื่อง “การสร้างการทุจริต แบบทั้งอุ้มและล้างผิดคนโกง”ว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการแก้ไขในปีแรกคือ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง แต่ภายหลังที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤตมิชอบ(ป.ป.ช.) ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรงคดีของนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คดีส่งเสือโคร่งไปประเทศจีน โดยอัยการเตรียมยื่นฟ้องเป็นคดีอาญาแล้ว แต่นายกฯก็ยังไม่ให้นายปลอดประสพไปรายงานตัวต่ออัยการแต่อย่างใด และคดีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์  ป.ป.ช.ก็ชี้ชัดแล้วว่ารัฐมนตรีมีมูลกระทำความผิดวินัยก็ไม่ดำเนินการ  นอกจากนี้ยังมีความพยายามออกกฎหมายล้างผิดคนโกง โดยอ้างว่าเป็นกฎหมายปรองดอง รวมไปถึงการปกปิดข้อมูลการใช้งบประมาณน้ำท่วม 1.2 แสนล้านบาท งบประมาณฉุกเฉิน 6.6 หมื่นล้านบาท  และเงินกู้เพื่อป้องกันน้ำท่วมอีก 3.5 แสนล้านบาท โดยที่ทางฝ่ายค้านได้พยายามที่จะขอรายละเอียดการใช้งบ แต่รัฐบาลก็ไม่ให้ความร่วมมือจนเป็นผลทำให้เป็นประเทศล่มจม


  นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีข่าวตอนที่ 7 เรื่อง “แก้แค้น ไม่แก้ไข แถมให้เงิน ให้ท้าย ให้ตำแหน่ง” ว่า พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายต้องการเห็นความสามัคคีปรองดองในชาติ แต่ขณะนี้กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยได้มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับวาทกรรม นี้ตลอดเวลา โดยข่มขู่คุกคามฝ่ายที่มีความคิดเห็นที่ตรงกันข้าม เช่น พฤติกรรมของนายยศวริศ  ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง หรือแม้กระทั่งการคุกคามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในเวลาที่ลงพื้นที่ต่างๆเพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง นอกจากนี้ ยังมีการคุกคามผู้สื่อข่าว ดารานักแสดง พระภิกษุ อีกด้วย ส่วนการแถมก็มีการให้ตำแหน่งทางการเมืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง  เช่น นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือแนวร่วมคนอื่นก็ได้ตำแหน่ง


  น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงโกหกสีขาวตอนที่ 8 “ร้านถูกใจ ผลาญงบฯ 1,300 ล้าน” ว่า ครม.รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้มีมติเมื่อวันที่20 มี.ค.55 อนุมัติโครงการโชว์ห่วยช่วยชาติ  คือ ร้านถูกใจ วงเงิน 1,320 ล้านบาท ตั้งเป้าจะต้องมีร้านถูกใจทั่วประเทศ 10,000 แห่ง โดยกำหนดเวลาตั้งแต่ เม.ย.ถึงก.ย. 55 มีเป้าหมายเพื่อลดค่าครองชีพของประชาชนและเป็นทางเลือกในการซื้อสินค้า ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลการันตีว่าสินค้าทุกชนิดที่ขายในร้านถูกใจ จะต้องมีราคาที่ถูกกว่า ร้านค้าข้างนอก 10-20 เปอร์เซ็นต์ และต่อมาเมื่อ 11 เม.ย. รมว.พานิชย์ก็ยืนยันว่า เจ้าของร้านทุกร้านมีความพอใจ และตัวสินค้ามีความพร้อม 80-90 เปอร์เซ็นต์ การขนส่งพร้อมถึงเกือบ100 แต่ในความเป็นจริงที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ลงพื้นที่สำรวจถึง 4 ครั้ง พบว่าที่รัฐบาลพูดมาไม่เป็นความจริงแม้แต่ประการเดียว มีสินค้าหลายชนิดที่แพงกว่าร้านข้างนอก เช่น นมถั่วเหลืองไวตามิลค์  ซีอิ๊วขาว บางชิ้นราคาถูกจริงแต่ไม่ถึง 10-20 เปอร์ตามที่ได้อ้าง และโกหกที่ 2 การขายของเสื่อมคุณภาพ เช่น ปลากระป๋อง รวมถึงกรณีที่รัฐบาลตกลงกับร้านค้าที่เข้าร่วมจะจ่ายค่าแรงให้วันละ 300 บาท จากที่ได้ไปสำรวจจำนวน 30 ร้านจนถึงขณะนี้ ไม่มีร้านไหนได้รับเงินดังกล่าว แม้แต่ค่าตกแต่งร้านที่จะให้ 3,000 บาท ก็ไม่มี ดังนั้นร้านถูกใจ จึงเป็นร้านโชว์ห่วยที่มีสภาพเหมือนเดิมที่ไม่มีความถูกใจเพิ่มมากขึ้น 

“วิปค้าน” ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องน้ำท่วม-ไฟใต้



วันนี้ ( 11 ก.ย.)   ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงถึงกระทู้ถามสดในสัปดาห์นี้ ฝ่ายค้านจะถามนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง เรื่องโกหกสีขาว ที่ไม่ได้มาตอบ 2สัปดาห์ต่ออีก ขอความกรุณาให้นายกิตติรัตน์ เดินทางมาตอบด้วยตนเอง อย่าส่งรมช.คลังมาอีก เพราะฝ่ายค้านไม่ประสงค์จะถามในส่วนของรมช.แต่อย่างใด และกระทู้สดอีกเรื่อง คือ มาตรการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล เงินเยียวยาที่ยังจ่ายไม่ครบ มีความคืบหน้าอย่างไร การใช้งบประมาณตามพ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้าน ขณะนี้ใช้จ่ายยังไม่ถึง 1 พันล้าน และที่สำคัญปล่อยให้มีการทุจริตด้วย

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับญัตติด่วนเรื่องการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่ตนและผู้นำฝ่ายค้านที่ได้เข้าพบประธานสภา  เพือขอให้ใช้เวทีสภาได้แสดงความคิดเห็นและเสนอแนะต่อรัฐบาล รวมถึงรับทราบแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ ทั้งในฐานะเป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ( กอ.รมน.)  และผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)  ปรากฎว่าถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากประธานสภา นายกฯจะมีกำหนดมาร่วมประชุมในญัตติดังกล่าวหรือไม่ และรู้สึกกังวลว่าวันพฤหัสบดีนี้ นายกฯจะเดินทางไปต่างจังหวัดอีกแล้ว และจะมีกำหนดการเสมอในวันพฤหัสบดี ซึ่งก็ได้ขอความกรุณา ไปยังนายกฯ ให้จัดสรรเวลาให้สภา สักช่วงหนึ่ง เพื่อมาร่วมรับฟังความคิดเห็น

  นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า การที่นายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แถลงว่าจะจัดเวทีและเชิญนัก วิชาการ 5-6 คนมาถามความเห็น แต่เมื่อได้ฟังคำถาม 3 คำถามที่จะถามก็ได้คำตอบชัดเจนว่า มีการตั้งธงไว้ว่าจะต้องเดินหน้า และดูเหมือนจะมีการล็อคสเป็กคำตอบไว้เบื้องต้น เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญหวังผลที่จะแก้รัฐธรรมนูญให้ได้มากกว่าที่จะ แก้ปัญหาให้เกิดความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

กมธ.ที่ดินยัน "ภูเก็ต อคาเดีย" รุกอุทยานศิรินาถ


วันนี้ ( 11 ก.ย.)  ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบการบุกรุกที่ดินอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต  ในคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาฯ   แถลงภายหลังการประชุมว่า  ที่ประชุมได้เชิญนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)มาสอบถามกรณี บริษัท แฟร์ แอนด์เฟิร์ม ผู้ก่อสร้างโรงแรมภูเก็ต อคาเดีย บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ เนื้อที่ประมาณ 39ไร่  โดยนายดำรง ยืนยันว่าจากเอกสารภาพถ่ายทางอากาศพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่อุทยานจริง เนื่องจากได้ประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติตั้งแต่ปี  2524 แต่บริษัทดังกล่าวกลับมีเอกสารสิทธิ์รับรองในปี 2532 และปี 2533 ในภายหลัง ซึ่งไม่สามารถออกเอกสารรับรองกรรมสิทธิ์ได้   นอกจากนี้ในพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นที่ลาดชันเกิน 35%  อยู่ติดทะเล และยังตรวจสอบพบหลักฐานในอดีตก่อนที่จะมีการประกาศเป็นพื้นที่อุทยานแห่ง ชาติ กรมป่าไม้ และกรมที่ดินได้เวนคืนที่ดินจากชาวบ้านเป็นของหลวงหมดแล้วด้วย  ดังนั้นจึงไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ใดๆได้
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า จากข้อมูลดังกล่าวทำให้อนุกมธ.ฯเชื่อว่าโรงแรมดังกล่าวอาจจะมีการบุกรุก ที่ดินอุทยานจริง  หลังจากนี้จะทำรายงานเสนอกมธ.ชุดใหญ่ภายในวันที่ 18 ก.ย. และลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้ง

“ประยุทธ์” รับ มทภ. 1 อาจได้เก้าอี้ เสธ.ทบ.



วันนี้ ( 11 ก.ย.) ที่วิทยาลัยการทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลที่มีความเป็นห่วงว่า อาจจะล่าช้า เนื่องจากต้องรอคำวินิจฉัยของศาลปกครอง ที่พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ยื่นฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ว่าถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรมว่า เป็นเรื่องของศาลปกครอง จะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องนั้นทางศาลก็ต้องพิจารณากันไป แต่การประชุมพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลของคณะกรรมการได้ผ่าน ไปแล้ว แต่ถ้าศาลปกครองบอกว่าประชุมไม่ได้ก็ประชุมใหม่ ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะคนยังอยู่ที่เก่า ทุกคนก็อยู่หมด หากบอกว่าพล.อ.เสถียรไม่ได้เข้าร่วมประชุมก็เชิญมาประชุมใหม่ก็แค่นั้น เพราะยังมีเวลา


เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการแต่งตั้งพล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 1 อาจจะต้องโตเข้ามาอยู่ในไลน์ 5 เสือทบ. แต้ถ้ายังไม่มีก็ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิไปก่อนเพื่อรอเวลา แต่มีตำแหน่งว่างก็ได้เป็น แต่ขณะนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรับหรือโยกย้ายกันได้หรือไม่ หรือตำแหน่งเพียงพอหรือไม่ ในส่วนของ 5 เสือ ทบ.จะโตมาในสองส่วนคือจากกองทัพในตำแหน่งพล.ท. ที่จะเข้ามาอยู่ในไลน์ 5 เสือ 1-2 คน ส่วนที่เหลืออีก 1-2 คนจะต้องมาจากกรมฝ่ายเสนาธิการ เพื่อที่จะโตขึ้นมาดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะต้องมาช่วยกันทำงานไม่มีการแบ่งแยก เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น เพราะโตมาด้วยกัน อย่ามาบอกว่ามีทายาท ตนไม่มีอะไรปะข้างหลังถึงจะต้องมีทายาท ทายาทของตนคือลูกสาว แต่ทายาททหารนั้นไม่มี ซึ่งทหารจะต้องโตเพื่อปกครองกองทัพอย่าทำตัวเป็นพยาธิ

ผบ.ทบ.ชี้แกนนำกลุ่มอาร์เคเคมอบตัวเป็นความสำเร็จก้าวใหญ่



วันนี้ ( 11 ก.ย.) ที่วิทยาลัยการทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการจัดการเลือกตั้งผู้ ว่าฯ ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ตนไม่ได้ว่าถูกหรือผิด แต่ต้องไปดูว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร ประชาชนในพื้นที่ต้องการอย่างไร ถ้าเรามองฝ่ายความมั่นคงก็จะต้องมีการพูดคุยกันว่าจะมีผลดีหรือผลเสียที่ คุ้มกันหรือไม่ในการที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาค ใต้ ตนไม่ได้ไปขัดแย้งกับฝ่ายรัฐบาล ท่านเป็นฝ่ายบริหารก็คิดขึ้นมา ในฐานะที่ตนดูแลงานด้านความมั่นคงจึงได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ออกไป ทุกอย่างสามารถทำได้หมด แต่เราจะต้องมีทุกมาตรการในการป้องกันเหตุการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปในอนาคต ให้ได้ ซึ่งต้องทำทุกวิถีทางไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว


เมื่อถามว่าในวันนี้แกนนำกลุ่มอาร์เคเคจะเข้ามอบตัวกับพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการเตรียมการของกองทัพอยู่แล้ว จะเห็นว่าเป็นความก้าวหน้าที่เราไม่สามารถพูดได้ก่อน ซึ่งเรามีการติดต่อและพยายามพูดคุยกันมาตลอด โดยภาคประชาสังคมและประชาชน ซึ่งพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเขามีอยู่แล้ว กองทัพเปิดโอกาสให้ตลอด แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะสามารถดูแลผู้ก่อการร้ายได้มากน้อยแค่ไหน ทั้ง 80 คนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง เราใช้ทุกมิติในการแก้ไขปัญหา และอีกประการที่เขาเห็นความโหดร้ายของฝ่ายผู้ก่อเหตุได้ทำความรุนแรงขึ้นมา และไม่เห็นด้วย เขาจึงพยายามออกมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งอันยิ่งใหญ่


“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำวันนี้ แต่ได้ทำมาหลายปีแล้ว จนกว่ากลุ่มคนเหล่านี้เชื่อใจ ที่ผ่านมาเขาไม่มั่นใจ ทั้งนี้ในเรื่องคดี ผมก็กังวลแทนคนเหล่านี้อยู่แล้ว การที่ให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาก็จะต้องดูกฎหมายมาตรา 21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯจะสามารถดูแลได้แค่ไหน ซึ่งมีความแตกต่างกับ นโยบาย66/23 ที่เป็นการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้ารัฐต่อรัฐและมีกติการ่วมกัน มีพ.ร.บ.ออกมา หรือมีคำสั่ง 66/23 ออกมา สามารถยกความผิดให้กันได้และกลับมาสู่การพัฒนาชาติไทย การสู้กันวันนี้เหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีประชาชนผู้ บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมเสียชีวิตด้วย ทำให้มีกฎหมาย ป.วิอาญาเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เราต้องการคือให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกมา ส่วนเรื่องโทษทัณฑ์ค่อยว่ากัน และจะต้องเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ที่สำคัญจะต้องไม่ไปล้มล้างกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และเห็นใจ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ออก ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องทำ สิ่งที่ทำมา 7 ปีถือว่าเป็นการเริ่มต้น อีกฝ่่ายต้องการสู้ให้รุนแรงมากขึ้น เราต้องใช้ความอดทนและอดกลั้น” ผบ.ทบ. กล่าว


เมื่อถามว่าแกนนำกลุ่มอาร์เคเค 80 คนที่มอบตัวนั้นเป็นตัวจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบแล้ว ทั้ง 80คนมีรายชื่อใน ป.วิอาญาและรายชื่อในทำเนียบกำลังรบผู้ก่อความไม่สงบที่กองทัพได้จัดทำขึ้น แต่ทุกอย่างต้องมาพิสูจน์กันว่าใช่หรือไม่ใช่ เพื่อแสดงความจริงใจต่อกัน อย่าไปกังวล ยืนยันว่าเราทำงานตามหลักการและจะต้องตรวจสอบให้ละเอียด ที่ผ่านมาการตรวจสอบเป็นไปได้ยาก เพราะจะต้องมีการตรวจสอบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ถูกหลอกจริงหรือไม่ ทุกอย่างต้องตรวจสอบก่อนที่จะนำไปสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา ทำให้ขั้นตอนล่าช้า


เมื่อถามต่อว่าหากมีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนี้จะทำให้การแก้ไขปัญหาภาคใต้เกิดผลกระทบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา การทำงานของกองทัพบกทำงานด้วยระบบไม่ได้ตัวบุคคล ทั้งนี้ตัวบุคคลเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน ถ้าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถก็จะสามารถขับเคลื่อนทุกองค์กรและทุกหน่วย งานให้เดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ใครที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ตนคิดว่าเขามีความสามารถ ทหารไม่ใช่พยาธิ เพราะทำงานตามแผนงานและแผนยุทธศาสตร์ ไม่ใช่เอาทหารลงไปในพื้นที่วันนี้แล้วไปนอนรอเหมือนเป็นพยาธิ เมื่อตอนเช้าตื่นมาแล้วถามว่าต้องทำอะไร ซึ่งมันไม่ใช่

“ลีลาวดี”เลขากมธ.ศาสนา ยันที่ดินวัดดอนสวรรค์ สกลนคร เป็นที่ธรณีสงฆ์


 วันนี้ ( 11 ก.ย.)  ที่รัฐสภา น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร พร้อมทั้งพระครูพิศาลสรนาท วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการฯ แถลงถึงกรณีข้อพิพาท เกี่ยวกับโฉนดวัดดอนสวรรค์ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร โดย น.ส.ลีลาวดี กล่าวว่า ตามที่นายกเทศมนตรีนครสกลนคร ทำหนังสือคัดค้านการออกโฉนดที่ดินให้กับวัดดอนสวรรค์ ซึ่งเดิมเคยเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษา ตั้งแต่พ.ศ.2472 แต่ต่อมาไม่มีพระภิกษุสงฆ์จำวัดจึงถูกขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง และต่อมาเมื่อมีพระพิษุสงฆ์ กลับไปจำวัดอีกครั้ง จึงได้มีการแจ้งแก้ไขการขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง และกลับคืนสู่สภาพวัดที่มีพระจำศีล ตามปกติ แต่เนื่องจากโฉนดที่ดินของวัดดอนสวรรค์ ที่หายสาบสูญไป จึงแจ้งไปยังกรมที่ดิน เพื่อขอออกโฉนดใหม่ แต่ถูกคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า เทศบาลสกลนคร ได้พิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับการออกโฉนดที่ดินดังกล่าว เพราะเดิมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นที่รกร้างว่างเปล่าสาธารณประโยชน์ ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน

น.ส.ลีลาวดี กล่าวว่า แต่จากการพิจารณาของ อนุกรรมาธิการฯ เห็นว่า มีหลักฐานที่ชัดจน และยืนยันได้ว่า มีการจดทะเบียนวัด โดยกระทรวงธรรมการ ตั้งแต่พ.ศ.2472 และมีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2472 พร้อมทั้งออกโฉนดที่ดิน ดังนั้นเมื่อที่ดินใด ที่ตกเป็นของวัด จึงถือเป็นที่ธรณีสงฆ์ จะให้เห็นเป็นอื่นไม่ได้ จึงยืนยันว่าที่ดินดังกล่าว เป็นที่ของวัด เป็นธรณีสงฆ์ ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ ตามที่นายกเทศมนตรีนครสกลนครกล่าวอ้าง

"ปู"ลงนามแล้วค่ะ คำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี



วันนี้ ( 11 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ถึงกรณีที่กลุ่มบีอาร์เอ็น 80 คนจะขอเจรจากับแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า ตนขอไม่ให้สัมภาษณ์  และขออนุญาตไม่ให้ข้อมูลตอนนี้
เมื่อถามว่ากลุ่มที่จะเข้ามอบตัวอยากให้รัฐบาลดูแลเรื่องความปลอดภัย  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงาน และแก้ปัญหาทุกอย่างเราจะดำเนินการด้วยสันติวิธี และดูแลความปลอดภัยให้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังกล่าวถึงบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ว่า ได้ลงนามในบัญชีรายชื่อแต่งตั้งแล้ว และส่งไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

นายกฯยิ่งลักษณ์ยอมรับห่วงเหนือตอนล่างน้ำท่วมวิกฤติ


วันนี้ ( 11 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ถึงสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในขณะนี้ ว่า เป็นห่วงบางพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมากและมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งได้พยายามติดตามและดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะใน จ.สุโขทัย ได้สั่งการให้ทางพื้นที่ และทางกองทัพเข้าไปช่วยซ่อมแซมเขื่อนกั้นน้ำที่พังโดยเร็ว คาดว่าไม่เกิน 10 วันจะแล้วเสร็จ และวันนี้  ตนก็ได้สั่งการไปยังศูนย์ส่วนหน้า กระทรวงมหาดไทยให้ลงพื้นที่โดยเร็ว หากพื้นที่ไหนที่เป็นจุดเสี่ยงต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลประชาชนอย่าง ใกล้ชิด แต่สำหรับบางพื้นที่ ประชาชนยังต้องการจะอาศัยอยู่ในบ้านเรือนของตัวเองต่อแม้ว่าเราจะเตือนภัยไป แล้ว ก็จะต้องอำนวยความสะดวกให้มีการขนย้ายโดยเร็วที่สุด เพราะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ( กอบ.)  ประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียง ให้ดูปริมาณน้ำว่าจะไหลลงไปที่พื้นที่และจังหวัดไหนบ้าง เพื่อไม่ให้กระทบกับพื้นที่ใกล้เคียงและเตรียมการช่วยเหลือประชาชนได้ทัน ทั้งนี้ยืนยันว่าโครงการผันน้ำถือว่าใช้ได้ผล โดยเฉพาะจากแม่น้ำยมไปแม่น้ำน่าน  ส่วนพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาที่เกิดปัญหาน้ำท่วมนั้น เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งกรมชลประทานจะทยอยระบายน้ำไปตามประสิทธิภาพคูคลองที่มีอยู่ เราจะไม่กักน้ำไว้ แต่ต้องเร่งระบายเพื่อให้เขื่อนรองรับได้ ยืนยันว่าการช่วยเหลือประชาชนจะทำได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และเราจะทำให้เต็มที่ เพราะเราได้บูรณาการเตรียมพร้อม หลายพื้นที่ก็ลงไปทำงานได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับระบบการเตือนภัยก็มั่นใจว่าขณะนี้ทำได้ดี มีการเตือนภัยในทุกที่ แต่บางครั้งประชาชนก็ไม่อยากเคลื่อนย้าย ซึ่งถือเป็นปัญหาหนึ่ง จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปอยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยงไว้ก่อน เลย ซึ่งพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังต่อไปคือ จ.แพร่

ผบ.ทบ.ชี้แกนนำกลุ่มอาร์เคเคมอบตัวเป็นความสำเร็จก้าวใหญ่



วันนี้ ( 11 ก.ย.) ที่วิทยาลัยการทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการจัดการเลือกตั้งผู้ ว่าฯ ว่าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมือง ตนไม่ได้ว่าถูกหรือผิด แต่ต้องไปดูว่ามีความเป็นไปได้อย่างไร ประชาชนในพื้นที่ต้องการอย่างไร ถ้าเรามองฝ่ายความมั่นคงก็จะต้องมีการพูดคุยกันว่าจะมีผลดีหรือผลเสียที่ คุ้มกันหรือไม่ในการที่จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาค ใต้ ตนไม่ได้ไปขัดแย้งกับฝ่ายรัฐบาล ท่านเป็นฝ่ายบริหารก็คิดขึ้นมา ในฐานะที่ตนดูแลงานด้านความมั่นคงจึงได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ออกไป ทุกอย่างสามารถทำได้หมด แต่เราจะต้องมีทุกมาตรการในการป้องกันเหตุการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปในอนาคต ให้ได้ ซึ่งต้องทำทุกวิถีทางไม่ใช่เฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว


เมื่อถามว่าในวันนี้แกนนำกลุ่มอาร์เคเคจะเข้ามอบตัวกับพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการเตรียมการของกองทัพอยู่แล้ว จะเห็นว่าเป็นความก้าวหน้าที่เราไม่สามารถพูดได้ก่อน ซึ่งเรามีการติดต่อและพยายามพูดคุยกันมาตลอด โดยภาคประชาสังคมและประชาชน ซึ่งพ่อแม่หรือญาติพี่น้องเขามีอยู่แล้ว กองทัพเปิดโอกาสให้ตลอด แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะสามารถดูแลผู้ก่อการร้ายได้มากน้อยแค่ไหน ทั้ง 80 คนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่แสดงออกถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาที่ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง เราใช้ทุกมิติในการแก้ไขปัญหา และอีกประการที่เขาเห็นความโหดร้ายของฝ่ายผู้ก่อเหตุได้ทำความรุนแรงขึ้นมา และไม่เห็นด้วย เขาจึงพยายามออกมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งอันยิ่งใหญ่


“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำวันนี้ แต่ได้ทำมาหลายปีแล้ว จนกว่ากลุ่มคนเหล่านี้เชื่อใจ ที่ผ่านมาเขาไม่มั่นใจ ทั้งนี้ในเรื่องคดี ผมก็กังวลแทนคนเหล่านี้อยู่แล้ว การที่ให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาก็จะต้องดูกฎหมายมาตรา 21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคงฯจะสามารถดูแลได้แค่ไหน ซึ่งมีความแตกต่างกับ นโยบาย66/23 ที่เป็นการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ถ้ารัฐต่อรัฐและมีกติการ่วมกัน มีพ.ร.บ.ออกมา หรือมีคำสั่ง 66/23 ออกมา สามารถยกความผิดให้กันได้และกลับมาสู่การพัฒนาชาติไทย การสู้กันวันนี้เหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีประชาชนผู้ บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิมเสียชีวิตด้วย ทำให้มีกฎหมาย ป.วิอาญาเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เราต้องการคือให้กลุ่มคนเหล่านี้ออกมา ส่วนเรื่องโทษทัณฑ์ค่อยว่ากัน และจะต้องเป็นที่พอใจของทุกฝ่าย ที่สำคัญจะต้องไม่ไปล้มล้างกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และเห็นใจ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ออก ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องทำ สิ่งที่ทำมา 7 ปีถือว่าเป็นการเริ่มต้น อีกฝ่่ายต้องการสู้ให้รุนแรงมากขึ้น เราต้องใช้ความอดทนและอดกลั้น” ผบ.ทบ. กล่าว


เมื่อถามว่าแกนนำกลุ่มอาร์เคเค 80 คนที่มอบตัวนั้นเป็นตัวจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการตรวจสอบแล้ว ทั้ง 80คนมีรายชื่อใน ป.วิอาญาและรายชื่อในทำเนียบกำลังรบผู้ก่อความไม่สงบที่กองทัพได้จัดทำขึ้น แต่ทุกอย่างต้องมาพิสูจน์กันว่าใช่หรือไม่ใช่ เพื่อแสดงความจริงใจต่อกัน อย่าไปกังวล ยืนยันว่าเราทำงานตามหลักการและจะต้องตรวจสอบให้ละเอียด ที่ผ่านมาการตรวจสอบเป็นไปได้ยาก เพราะจะต้องมีการตรวจสอบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ถูกหลอกจริงหรือไม่ ทุกอย่างต้องตรวจสอบก่อนที่จะนำไปสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา ทำให้ขั้นตอนล่าช้า


เมื่อถามต่อว่าหากมีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนี้จะทำให้การแก้ไขปัญหาภาคใต้เกิดผลกระทบหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา การทำงานของกองทัพบกทำงานด้วยระบบไม่ได้ตัวบุคคล ทั้งนี้ตัวบุคคลเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน ถ้าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถก็จะสามารถขับเคลื่อนทุกองค์กรและทุกหน่วย งานให้เดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว ใครที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ตนคิดว่าเขามีความสามารถ ทหารไม่ใช่พยาธิ เพราะทำงานตามแผนงานและแผนยุทธศาสตร์ ไม่ใช่เอาทหารลงไปในพื้นที่วันนี้แล้วไปนอนรอเหมือนเป็นพยาธิ เมื่อตอนเช้าตื่นมาแล้วถามว่าต้องทำอะไร ซึ่งมันไม่ใช่

3 ส.ส.ถล่ม "ยุทธศักดิ์-เหลิม" พูดแก้ไฟใต้มั่วทำชาวบ้านสับสน


วันนี้ ( 11 ก.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ส.ส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วยนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.ยะลา นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส และนายอับดุลการิม เต็งระกีนา ส.ส.ยะลา ร่วมแถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเลิกให้ข่าวถึงการแก้ปัญหาความรุนแรงใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่ชัดเจน และสร้างความสับสนให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เสนอให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการที่พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการกว้านซื้อที่ดิน ในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ชาวไทย – พุทธ และที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม พากันอพยพออกจากพื้นที่ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนไทยด้วยกันเอง อีกทั้งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเมื่อ 2ปีที่แล้ว
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณ 1.2 พันล้านบาท ในการซื้อที่ดินในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อป้องกันการย้ายถิ่นฐาน แต่ตนขอให้มีการวางมาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต ไม่นำเงินไปซื้อที่ดินจากพรรคพวกตัวเอง และเจ้าของที่ที่ถูกซื้อยังสามารถใช้ที่ดินได้ โดยเมื่อเหตุการณ์สงบก็เปิดให้มีการซื้อที่จากรัฐคืน
ด้านนายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีการกว้านซื้อที่ดินจริง แต่เป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ต้องการฟอกเงินมากกว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายแต่อย่างใด และไม่ทำให้ชาวบ้านย้ายถิ่นฐาน ทั้งนี้อยากแนะนำรัฐบาลว่า การเจรจากับกลุ่มก่อการร้ายทุกกลุ่ม เป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่หากมีการเจรจาเฉพาะบางกลุ่มก็จะทำให้ปัญหาไม่ยุติ นอกจากนี้ข่าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) อายัดทรัพย์โรงเรียนสอนศาสนา ทางเลขา ปปง. ได้บอกมาแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย ดังนั้นการออกมาพูดอะไรขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

เร่งระบายน้ำออกอ่าวไทยเตรียมรับร่องฝนจากเวียดนาม 13-14 ก.ย.นี้


วันนี้ ( 11 ก.ย.) นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจสภาพปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาและ จ.อ่างทองว่าในขณะนี้ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนเจ้่าพระยาลดระดับลงแล้ว จาก1,800 ลบม.ต่อวินาที เป็น 1,789 ลบม.ต่อวินาที ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ ริมแม่น้ำน้อย คลองโผงเผง คลองบางบาล อยู่ในระดับทรงตัวอีกประมาณ 2-3 วันปริมาณน้ำจะไม่เพิ่มมากไปกว่านี้ และจะลดระดับลงเข้าสู่ภาวะปกติไม่ล้นตลิ่งภายในสัปดาห์นี้ หากไม่มีฝนตกในพื้นที่ แต่อย่างไรก็ตามกรมอุตุนิยมวิทยา ให้เฝ้าระวังร่องความกดอากาศต่ำจากประเทศเวียดนาม จะมีอิทธิพลต่อประเทศไทยทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ตอนบน ช่วงวันที่ 13-14 ก.ย.นี้ ซึ่งต้องจับตาดูว่าร่องดังกล่าวจะก่อตัวเป็นพายุหรือไม่

นายเลิศวิโรจน์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ตนลงพื้นที่น้ำท่วมเพื่อดูปัญหาและอุปสรรคนำมาแก้ไขในการระบาย น้ำเหนือจากพื้นที่ตอนบนลงสู่อ่าวไทย ในช่วงนี้ต้องเร่งระบายโดยเร็วและจะยังไม่ผันน้ำเข้าทุ่งเพราะต้องเก็บ พื้นที่ทุ่งไว้รับน้ำก้อนใหญ่หากมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในช่วงกลางและปลายเดือน ก.ย. รวมทั้งสภาพปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางเป็นเรื่องปกติของพื้นที่ เหล่านี้ต้องถูกน้ำท่วมก่อนพื้นที่อื่นเป็นประจำทุกปี ปริมาณน้ำระดับนี้จะไม่กระทบต่อกรุงเทพฯและปริมณฑล

"นายกฯไม่อยากให้ประชาชนที่เห็นข่าวเกิดความตกใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ เหมือนปี 54 นายกฯต้องการให้ผมพาสื่อมาดูสภาพน้ำท่วมในพื้นที่จริงว่าเป็นอย่างไร ไม่ได้มีปริมาณน้ำสูงอย่างที่ปรากฏในสื่อต่างๆ ที่พยายามทำให้เห็นว่าน้ำท่วมมากด้วยการใช้เทคนิคการถ่ายภาพมุมต่ำจะเห็นว่า ระดับน้ำสูงเกือบถึงใต้ถุนบ้านประชาชน ทั้งนี้ยืนยันว่าโดยเฉพาะคลองโผงเผง ได้มีน้ำล้นตลิ่งขึ้นมาไม่ถึง 50เซนติเมตร และยังสามารถใช้คลองนี้ระบายน้ำได้อีกมาก และที่เกิดน้ำท่วมขึ้นเพราะน้ำเอ่อล้นมาจากแม่น้ำน้อยเท่านั้น "นายเลิศวิโรจน์ กล่าว


อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าสำหรับพื้นที่แก้มลิงใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยใช้พื้นที่ทุ่งนาของอำเภอบางบาล จำนวน 2.7 หมื่นไร่ ที่ชาวนากำลังเก็บเกี่ยวใกล้หมดแล้วเหลืออีก 500 ไร่ จะเกี่ยวข้าวได้หมดภายในกลางเดือนนี้ ซึ่งพื้นที่นี้สามารถเก็บน้ำได้ 130 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยขณะนี้เร่งเสริมคันกันน้ำรอบพื้นที่แก้มลิงบางบาล สูง 1.5 เมตรแล้วภายในกลางเดือนนี้

บางปลาม้า-สองพี่น้องท่วมแล้ว นาข้าวกว่า 1,000 ไร่จมน้ำ


วันนี้ ( 11 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำแม่น้ำท่าจีน น้ำได้เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วง 3 วัน  ที่ผ่านมาหลังจากมีฝนในพื้นที่ติดต่อกันอย่างหนักต่อเนื่องกันมีให้ปริมาณ น้ำฝนไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนจนถึงวันนี้ ทำให้หลายหมู่บ้านในเขตอำเภอเมือง อำเภอบางปลาม้า อำเภอสองพี่น้อง ถูกน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ต.บ้านแหลม อ.บางปลาม้า ระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านตั้งตัวไม่ทัน เนื่องจากไม่มีการเตือนล่วงหน้าจากหน่วยงานราชการในพื้นที่

ที่อำเภอสองพี่น้อง นายสุเทพ สุรีย์แสง ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอสองพี่น้อง พร้อมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดสุพรรณบุรี(ปภ.) ลงพื้นที่หมู่ 4-5-7 ตำบลบางพลับ เพื่อสำรวจความเสียหายนาข้าว ของนางถวัลย์ เชื้อรามัญ เกษตรกรที่ทำนา ไว้ 20 ไร่ถูกน้ำท่วมเกือบ 2 เมตรเสียหายและนายวิเชียร น้อยมณี ซึ่งทำนาไว้ 71 ไร่ซึ่งเหลืออีกเพียง 10 กว่าวันก็จะเกี่ยวข้าวได้แต่ถูกน้ำทะลักเข้าท่วม เจ้าของนาพยายามใช้เครื่องสูบออกหวังว่าน้ำจะแห้งและเก็บเกี่ยวได้ และความเสียหายของนาข้าวพื้นที่ตำบลบางพลับรวมแล้วกว่า 1,300 ไร่อย่างไรก็ตามทางฝ่ายปกครองได้ร่วมกับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เร่งหาทางสูบน้ำออกจากพื้นที่ให้ลดระดับ เพื่อเกษตรกรจะได้สูบน้ำออกจากนาข้าวให้ชาวนาเกี่ยวข้าวได้หากฝนไม่ตกซ้ำอีก

นางสุดสวย พิทักษ์วงศ์ อายุ 79 ปี บ้านเลขที่ 20 หมู่ 1 ต.บ้านแหลม ต้องช่วยกันเก็บข้าวของภายในบ้านที่ลอยน้ำภายในบ้านขึ้นเก็บบนที่สูงอย่าง ทุลักทุเล และต้องทำสะพานเดินเข้าบ้าน ขณะที่นางระเบียบ จุลโพธิ์ อายุ 90 ปี ในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่สามารถเดินลงจากบ้านได้ เนื่องจากระดับน้ำได้ท่วมบริเวณใต้ถุนบ้านทั้งหมด ด้านนางอุดม สาตารมณ์ อายุ 57 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคปวดขา ไม่สามารถเดินได้ และต้องเลี้ยงหลานอีก 2 คน วัย 8 ขวบ และ 1 ขวบ ก็ไม่สามารถออกจากบ้านได้เช่นกัน เนื่องจากระดับน้ำยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เลขาฯป.ป.ท. ชงป.ป.ช.รับไม้สอบคดีรถหรูเลี่ยงภาษี


วันนี้ ( 11 ก.ย.)  พ.ต.อ.ดุษฎี   อารยวุฒิ   เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวว่า ตนได้ทยอยเก็บเอกสารสำคัญในคดีต่างๆที่ได้ดำเนินการไว้ในช่วงดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ ป.ป.ท. เพื่อนำไปตรวจสอบอย่างต่อเนื่องในช่วงที่จะโยกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวง ยุติธรรม  โดยเฉพาะเอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีนำเข้ารถยนต์หรูหลีกเลี่ยงภาษี  เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.ประชา  พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  รับปากจะมอบหมายให้ตนดูแลงานด้านการปราบปรามทุจริตและยาเสพติด  โดยเอกสาร สำคัญกรณีรถเลี่ยงภาษี เช่น เอกสารการรับเงิน(อินวอยซ์) , รายชื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และข้อมูลต่างๆที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ท.วิเคราะห์ได้จากใบอินวอยซ์  ทั้งนี้เพื่อให้ดำเนินคดีต่อเนื่อง  ทั้งนี้ ล่าสุดได้มีการหารือกับนายอภินันท์  อิศรางกูร ณ อยุธยา  เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินคดีดังกล่าว  เพราะหากตนไม่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคดีดังกล่าวก็จะส่งมอบให้ ป.ป.ช.รับไปดำเนินการต่อ เนื่องจากคดีดังกล่าวถือว่าสร้างความเสียหายมหาศาล  ดังนั้น การตรวจสอบเชิงลึกอาจพบว่ามีข้าราชการระดับสูง รวมถึงบุคคลอื่นที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของ ป.ป.ช.  แต่เบื้องต้นป.ป.ท.จะตั้งอนุกรรมการไต่สวนควบคู่ไปด้วย

พ.ต.อ.ดุษฎี  กล่าวต่อว่า การที่ตนเองต้องตรวจสอบเองเพราะไม่มั่นใจการทำงานของผู้ที่จะมาทำหน้าที่ต่อ อีกทั้งการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวยังมีข้อมูลต้องตรวจสอบอีกมาก  โดยเฉพาะการตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2551 แต่ขณะนี้ตรวจสอบแค่ปี 2554-2555 เท่านั้น  การดำเนินคดีดังกล่าวจำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานให้รอบคอบ เพราะอาจส่งผลกระทบกับคดีอื่นหากถูกสั่งไม่ฟ้องตั้งแต่คดีแรก อย่างไรก็ตาม  ก่อนหน้านี้ ป.ป.ท.เคยทำหนังสือขอข้อมูลจากกรมศุลกากรเกี่ยวกับรายละเอียดการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่ตรวจปล่อยรถยนต์ว่าได้รับคำสั่งจากใคร วันที่เท่าไหร่ รับรายการนำเข้ารถยนต์หรูกี่คัน  แต่ข้อมูลที่ได้รับไม่สามารถนำมาใช้ตรวจสอบได้ รวมถึงล่าสุดกรมศุลกากรยังได้ทำหนังสือมาถึงตนเพื่อขอใบนำเข้าสินค้า และสำเนาใบอินวอยซ์ ทั้งที่จริงเอกสารเหล่านี้เป็นเอกสารสำคัญที่กรมศุลกากรสามารถตรวจสอบได้จาก หน่วยงานตัวเองอยู่แล้ว

ผบ.ทบ.ส่งทหารช่วยน้ำท่วม6จังหวัดภาคเหนือ


เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวถึงปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ว่า ขณะนี้มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 6  จังหวัด  30  อำเภอจึงได้สั่งการกำลังพลให้ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและ สั่งการให้ตรวจเช็คปริมาณน้ำฝน รวมทั้งเฝ้าดูว่าจะกระทบพื้นที่ใดบ้าง เพราะจะได้ส่งกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทั้งนี้ทหารช่วยไม่ได้  100% เพราะไม่มีเครื่องมือหนักที่เพียงพอ เช่น รถแบ็กโฮ แต่ช่วยได้ในเบื้องต้นเท่านั้น โดยดูว่าตรงไหนที่โดนหนักก็จะรีบเข้าไปช่วยเหลือก่อน จากนั้นจะประสานกับทางจังหวัด และกรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่มีเครื่องมือพร้อมมารับช่วงต่อเพื่อไปดูแล ขณะนี้ก็คอยฟังกรมอุตุนิยมวิทยาว่าสภาวะอากาศเป็นอย่างไร ซึ่งพบว่าในภาคเหนือตอนบนสถานการณ์ดีขึ้น แต่ภาคเหนือตอนกลางค่อนไปทางตะวันตกยังต้องเฝ้าระวังอยู่.

เปิด เวบไซต์-ตู้ ป.ณ. รับฟังความเห็นปชช.


วันนี้(10ก.ย.)พรรคชาติไทยพัฒนา  มีการประชุมคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 291โดยมีนายโภคิน พลกุล เป็นประธาน มีโดยมีสมาชิกจากพรรคเพื่อไทยเข้าร่วม อาทิ นายภูมิธรรม เวชชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย  นายสันตศักดิ์ จรูญ งามพิเชษฐ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชล เป็นต้น ขณะที่ฝั่งพรรคชาติไทยพัฒนาส่งนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล นายนิกร จำนง และ ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมฟัง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
จากนั้น นาย โภคิน  แถลงภายหลังการประชุมคณะทำงานฯว่า คณะทำงานพิจารณาได้ข้อสรุปแล้วว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีให้มีการทำ ประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น คณะทำงานได้ดูทั้งคำวินิจฉัยกลางและส่วนตนของศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่าเป็นแค่การแนะนำ ไม่ใช่คำวินิจฉัยที่มีผลผูกพันกับองค์กรใดๆตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นคำแนะนำแต่เมื่อมีความสำคัญ ดังนั้นจึงต้องไปพิจารณาซึ่งคณะทำงานเห็นว่ามีการดำเนินต่อไปก็อยากฟังความ เห็นต่างๆให้รอบคอบในประเด็น 1.กระบวนการในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ร่างโดยประชาชนจะเป็นอย่างไร 2.เมื่อศาลมีคำวินิจฉัยที่เป็นประเด็นคำแนะนำ ต้องดำเนินการอย่างไร 3.ข้อที่เป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญปี50อาทิ มาตราที่ไม่เห็นประชาธิปไตย หรือไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม มีอะไรบ้าง ประเด็นอะไรที่ควรมีการปรับปรุงแก้ไข
นายโภคิน กล่าวว่า คณะทำงานจึงตกลงกันว่าให้เชิญนักวิชาการมาแสดงความคิดเห็น โดยเบื้องต้นมีจำนวน5คน ประกอบไปด้วยการประชุมวันที่17ก.ย.นี้ ที่พรรคเพื่อไทย จะเชิญนายโคทม อารียา ผอ.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธีมหาวิทยาลัยมหิดล และนายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า วันที่24ก.ย.ที่พรรคชาติพัฒนา จะเชิญนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี และนายสมชาย ปรีชาศิลปะกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนวันที่1ต.ค.ที่พรรคเพื่อไทยจะเชิญนาย สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ (นิด้า) มาร่วมหารือ
นายโภคิน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มีประชาชนและสื่อมวลชนสนใจ จึงเห็นร่วมกันว่าสมควรมีการเปิดเว็ปไซต์ และเปิดตู้ ป.ณ.ชื่อว่า “รัฐธรรมนูญของประชาชน” ที่จะเป็นศูนย์รวมรวมความเห็นข้อเสนอแนะ โดยคาดหมายว่าจะเปิดใช้ได้ประมาณวันที่ 17ก.ย.นี้ ทั้งนี้เพื่อรับฟังความเห็นได้รอบด้าน คณะทำงานจะมีเวลาได้จัดทำข้อสรุปอย่างรอบด้านในที่สุด
เมื่อถามว่า หากคำแนะนำจากนักวิชาการมีความเห็นที่แตกต่างจากคณะทำงาน ฯจะดำเนินการอย่างไร นายโภคิน กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะต้องรับฟังจากบุคคลหลากหลาย หากเห็นว่าเป็นคำวินิจฉัยที่ผูกพันก็ต้องทราบเหตุผลว่าเป็นอย่างไร เพราะคำวินิจฉัยของศาลไม่ได้เขียนว่าต้องทำประชามติ แค่บอกว่า “ควรทำ”ทั้งนี้คำวินิจฉัยของศาลถ้าจะบังคับกับคู่กรณีต้องเป็นคำว่า “ต้อง”เท่านั้น อย่างไรก็ตามก็ต้องรับฟังความเห็นดูก่อน ยังไม่สามารถบอกได้
เมื่อถามว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.291 ยังคงค้างอยู่ในการพิจารณาในวาระ3 ต่อไปใช่หรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า ที่เรามาดูตรงนี้ ก็อยากให้รอบคอบมากที่สุดและอยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นอย่างไร มีอะไรที่เป็นประโยชน์ ต่อการเมืองการปกครอง หากรีบทำโดยที่ประชาชนไม่เข้าใจ มันคงไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม ส่วนจะทันสมัยการประชุมรัฐสภาครั้งนี้หรือไม่นั้น ในส่วนของคณะทำงานฯได้มีการตั้งกรอบว่าจะพยายามทำให้เสร็จภายในสมัยประชุม นี้ คงต้องขึ้นอยู่กับข้อมูล ถ้ารีบผลักดัน จะเกิดความไม่เข้าใจ และจะเกิดความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น ซึ่งตนคิดว่าควรหลีกเลี่ยงดีกว่า
นายโภคิน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้นายวราเทพ รัตนากร  เลขานุการคณะทำงานฯกำลังร่างเนื้อหาที่จะไปรณรงค์ให้ประชาชนเข้าใจเรื่องการ แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 โดยจะพยายามรณรงค์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายในสมัยประชุมนี้ เบื้องต้นจากที่ได้ลงไปสำรวจให้ความรู้ประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญพบ ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและไม่รู้จะได้ประโยชน์อะไร จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงต้องไปรณรงค์ทำความเข้าใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะได้ประโยชน์อะไร เพราะรัฐธรรมนูญ 50 ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นประชาธิปไตย ทั้งนี้ ส่วนตัวหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยากให้ระบุลงไปเลยว่า ห้ามมีการนิรโทษกรรมให้กับคนที่ยึดอำนาจ เพราะให้ถือว่ารัฐธรรมนูญเป็นประเพณีการปกครอง ไม่ใช่ตัวกฎหมายที่จะมาล้มล้างได้

เผย “สุขุมพันธุ์” เข้าพบกรรมการบริหารพรรค14 ก.ย.


เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการกิจการกทม. โดยมีนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุม โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค พร้อม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อยู่ในพื้นที่กทม. อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รวมทั้งนายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ และ พ.ญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม. เข้ารวมประชุมด้วย โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงยุทธศาสตร์ภาพรวมการทำงานของกทม. ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นงานพื้นที่ในส่วนของ ส.ส. ส.ก. และงานของผู้ว่าฯกทม. เพื่อที่จะประเมินจุดอ่อน และจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายตรงข้าม
 ทั้งนี้ภายหลังจากการประชุม นายกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อประเมินภาพรวมการทำงานของ กทม. ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงตัวบุคคล ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แต่อย่างใด เนื่องจากม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. จะเข้าแสดงความคิดเห็นต่อคณะกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 14 ก.ย. นี้ ส่วนที่มีชื่อของตนเป็นแคนดิเดตด้วยนั้น หากถามว่าสนใจหรือไม่ได้ตัดสินใจแล้วตั้งแต่เมื่อ 4ปีที่แล้ว ยืนยันที่จะทำงานให้กับพรรคในภาพรวม ขณะนี้อยากที่จะทำงานในลักษณะนี้อยู่ แต่โดยหลักของพรรคประชาธิปัตย์ หากพรรคสนับสนุนใคร บุคคลนั้นก็ต้องปฏิบัติตามมติของพรรค เพราะคนในพรรคส่วนใหญ่มีวินัย ทั้งนี้พรรคจะต้องคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของคน กทม.มากที่สุด แต่เบื้องต้นผู้ที่มีโอกาสมากที่สุดในการลงสมัครคือม.ร.ว.สุขุมพันธุ์.

"ผบ.ทบ."ปิดโครงการสุภาพบุรุษอาชีวะรุ่น1


เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)เป็นประธานในพิธีปิดการอบรมโครงการสุภาพบุรุษอาชีวะ รุ่นที่ 1 และมอบใบประกาศนียบัตรแก่นักเรียนอาชีวะที่ผ่านการฝึกอบรมจำนวน141 นายจาก 28 สถาบันการศึกษา โดยมีผู้แทนรมว.ศึกษาธิการ และนายทหารระดับสูงเข้าร่วมพิธี โดยนักเรียนอาชีวศึกษาได้เข้ารับการอบรมเป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.-10 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่โรงเรียนสงครามพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี ซึ่งการฝึกอบรมแบ่งเป็น2 ห้วงคือ ห้วงที่1 การฝึกวินัย ปรับตัวให้รู้จักระเบียบสังคม  อุดมการณ์การรักชาติ กิจกรรมทางทหาร โดยเน้นการทำงานเป็นหมู่คณะ ห้วงที่สอง เป็นการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เช่นการซ่อมแซมบ้านเรือน ซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หวังลดปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนในสถาบันการศึกษาต่างๆ
              
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวให้โอวาทตอนหนึ่งว่า  ตนยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะมุ่งหวังให้การแก้ไขปัญหาการทะเลาะ วิวาทเป็นไปอย่างรูปธรรม เพื่อปลูกฝังความมีระเบียบวินัย ทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ทำให้ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น สร้างทัศนคติในเชิงบวก หวังว่า ความรักความเข้าใจดังกล่าวจะไม่สูญเปล่าต่อผู้ใหญ่ และคงเห็นเยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ  คนที่น่ายินดีที่สุดที่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีการพัฒนาไปในทางที่ดีคงจะ เป็นพ่อแม่  ครูเปรียบเสมือนพ่อแม่คนที่สอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะยึดถือแนวทางเคารพพ่อแม่ ที่เสียเงินทองส่งเรียนหนังสือ พ่อแม่ไม่ใช่คนร่ำรวย แต่ยังกัดฟันส่งลูกเรียนหนังสือหวังให้เลี้ยงในอนาคต ไม่ใช่ส่งไปเรียนเพื่อไปตายหรือไปฆ่าใครตาย คนเสียสละมากสุดคือพ่อแม่เรา ดังนั้นเราต้องตอบแทนท่าน ที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์บทเรียนที่ต้องไม่ก้าวกลับเข้าไปอีก  การฝึกแสดงให้เห็นว่าอาชีวะมีคุณค่า  เชื่อว่า 8สัปดาห์ไม่สูญเปล่า  อย่าให้สิ่งเก่าๆดึงเรากลับไปอีก ชีวิตเรามีชีวิตเดียว ท่านมีคุณค่าและเป็นกำลังสำคัญในการนำประเทศชาติเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
              
“ ประเทศชาติประกอบด้วยสองอย่างคือคนและแผ่นดิน ต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย เราจะเป็นเสือตัวที่หนึ่งในอาเซียนแต่เราถอยหลังมาเยอะ แต่ต่อไปนี้เราจะคอยไม่ได้แล้ว เขาไม่ห่วงปัญหาภายในประเทศ ทุกคนต้องกลับไปเรียนรู้  กำลังพลทหารในกองทัพมี  2 แสนคน เขาไม่เคยทะเลาะกัน เจอกันเขาไม่เคยตีกัน หรือชกกัน มีแต่รักกัน ถ้าเป็นไปได้ในอนาคตทหารพร้อมให้คำแนะนำ และดูแลได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงศึกษาธิการ ขอฝากว่า ประเทศชาติจะเข้มแข็งไม่ได้  ถ้าประชาชนอ่อนแอ ทะเลาะกัน วันนี้ขอให้ทำความดี เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ซึ่งวันนี้ทั้งสองพระองค์ควรได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ดังนั้นท่านต้องลดปัญหาเพราะวันนี้ปัญหาเยอะอยู่แล้ว ประเทศชาติจะแข็งแรงไม่ใช่แค่ทหารอย่างเดียว ต้องมาจากประชาชนทุกคน” ผบ.ทบ. กล่าว.

“ประยุทธ์”ไม่ห่วงดีเอสไอสอบทหารคดีเสื้อแดง


เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเปิดเผยเอกสารของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯและ ผอ.ศอฉ.เป็นคนลงนามก่อนนำมาสู่การตั้ง39พลซุ่มยิงว่า อย่าตื่นเต้นกับเรื่องดังกล่าวให้มาก ซึ่งในเวลาการทำงานหากดูแล้วไม่ปลอดภัยเขาก็ต้องมีการเตรียมพร้อมของทุก หน่วยงานแต่จะใช้หรือไม่ใช้ก็ต้องว่ากันอีกทีตามสถานการณ์ อย่านำไปปนกัน ที่มีปัญหากันทุกวันนี้ก็เพราะพลซุ่มยิงเฝ้าระวัง นั่นก็ต้องไปว่ากันในศาล อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่ ตรงนี้เป็นพลซุ่มยิงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าสถานการณ์ลุกลามบานปลายไปอีกระดับหนึ่ง แล้วพวกท่านจะให้เขาทำอย่างไร จะไม่ให้มีการเตรียมความพร้อมกันบ้างเลยหรือ ไม่เตรียมคนเหล่านี้ไว้ต่อสู้หรือป้องกันหรือไง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้นก็จบ ก็ให้ไปว่ากันในศาลในเรื่องความผิดหรือถูกมาตอบโต้กันทางสื่อไม่เป็น ประโยชน์ ไม่เห็นว่าประเทศชาติจะได้อะไรเลย
              
เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาสอบสวนกับทางทหาร แต่ไม่ติดตามเรื่องชายชุดดำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทางกองทัพได้ทวงถามไปแล้ว และก็ได้คำตอบมาว่ากำลังติดตามอยู่ ตนว่าไม่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ก็จะต้องดูทั้งสองฝ่าย วันนี้ทางดีเอสไอบอกว่าเป็นการทำตามคำร้องเดี๋ยวก็จะมีคนไปร้องอีกและก็จะมี การสอบกันอีก สอบกันไปมาอย่างนี้นี่คือกฎหมายไทยก็ค่อยปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่าไป เร่งมัน ถ้าเร่งมากๆก็จะเกิดความวุ่นวาย เดี๋ยวหน่วยงานก็จะทะเลาะกัน แล้วเราจะอยู่กันอย่างไรว่ากันไปตามขั้นตอนไปไม่ได้ไปปิดบังใครทั้งสิ้น เมื่อถามว่าเป็นห่วงกองทัพหรือไม่เรื่องมีเอกสารเท็จมาโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ห่วงเมื่อเราทำดีแสดงว่าเราทำดีอยู่แล้ว ถ้าทำไม่ดีเขาก็จะไม่มาสนใจเราอยู่แล้วนั่นก็แสดงว่าเราทำดี ถ้าทำดีคนชั่วก็โจมตีเยอะ.

ตะลึงลอบเลี้ยงเสือโคร่งบนคอนโดย่านปทุมฯ


เมื่อวันที่ 10 ก.ย. พล.ต.ต.นรศักดิ์ เหมนิธิ ผู้บัญชาการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) นำกำลังพร้อมหมายศาลจังหวัดธัญบุรีเข้าตรวจค้น ข้าจับกุมผู้ต้องหาลักลอบเลี้ยงสัตว์สงวนไว้ในอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งใน ปทุมธานี โดยอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าวสูง 5 ชั้น บนดาดฟ้ามีการติดตั้งลูกกรงเหล็กเป็นกรงเลี้ยงเสือโคร่ง 3 กรง จำนวน 6 ตัว เป็นตัวผู้ 5 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว โดยมีนายสุรศักดิ์ บุญเทียนทอง อายุ 29 ปี เจ้าของอาคาร รับเป็นเจ้าของเสือโคร่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้เจ้าหน้ากรมสัตว์ป่า และพันธุ์พืชจังหวัดราชบุรี มารับเสือโคร่งไปตรวจหาดีเอ็นเอว่ามาจากที่ใด พร้อมดำเนินคดี นายสุรศักดิ์ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

คืบหน้าเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 10 ก.ย. ทางด้าน พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายอ๊อด ในข้อหาเกี่ยวกับการค้าขายสัตว์ จากนั้นได้ขยายผลจนพบว่ารับเสือมาอีกทอดจากนายอุดมศักดิ์ฯ ที่อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และจากแนวทางการสืบสวนทราบพบว่า เมื่อเดือนที่แล้วได้มีการขายเสือออกต่างประเทศ จำนวน 1 ตัว และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการขายออกไปที่ประเทศเวียดนามจำนวน 4 ตัว กระทั่งพบว่ามีการลักลอบเลี้ยงเสือโคร่งไว้ที่อพาร์เมนท์ดังกล่าว จึงได้ขอหมายค้นเข้าตรวจสอบจนพบเสือโคร่ง จำนวน 6 ตัวดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าการเพาะพันธุ์เสือเองถือเป็นความผิด ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้มีการเพาะพันธุ์เสือ
พล.ต.ต.นรศักดิ์ กล่าวต่อว่า  นอกจากนี้ส่วนใหญ่มักจะมีการลักลอบเพาะพันธ์เสือเลี้ยงกัน เนื่องจากหากเสืออายุ 2 ปี ส่งขายต่างประเทศจะได้ราคาตัวละประมาณ 6 แสน – 1 ล้านบาท ,กระดูกเสือ กิโลกรัมละ 30,000-50,000 บาท เสือ 1 ตัว กระดูกหนักประมาณ 60 กิโลกรัม ส่วยอวัยวะอื่น ๆ ก็จะสามารถขายได้อีกราคา ส่วนใหญ่จะนำไปทำยาประเทศจีน จึงทำให้มีผู้ลักลอบเลี้ยงเพาะพันธุ์กันจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นความผิดตามพรบ.ของการมีสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  โดยทางพนักงานสอบสวนจึงได้ทำการอายัดเสือโคร่งทั้งหมดไว้และส่งดีเอ็นเอของ เสือทั้ง 6 ตัวตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมทั้งนำเสือโคร่งทั้ง 6 ตัว ส่งมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของเสือให้แข็งแรง สำหรับการเตรียมปล่อยกลับสู่ธรรมชาติต่อไป.

จับ "กิ๊ฟซ่า เกิร์ลลี่ เบอร์รี่" เมาแล้วขับ


เมื่อเวลา 01.45 น.วันนี้(11 ก.ย.) ขณะที่ ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ นิธิธนาภักดี รอง สว.จร.งานสายตรวจ 2 กก.1 บก.จร. พร้อมกำลัง 8 นาย ตั้งด่านตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอลล์อยู่บริเวณปากซอยพัฒนาการ 37 แขวงและเขตสวนหลวง ก็พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ฟรีส สีดำ หมายเลขทะเบียน ฆก-2733 กทม.ขับผ่านเข้ามาที่ด่าน โดยมีหญิงเป็นคนขับ และมีชายนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอลล์ ก็พบว่าผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวคือ น.ส.ปิยา พงศ์กุลภา อายุ 28 ปี หรือ "กิ๊ฟซ่า  เกิร์ลลี่ เบอร์รี่" นักร้องสาวชื่อดัง วงเกิร์ลลี่ เบอร์รี่ อยู่บ้านเลขที่ 111/50 ถนนนครสวรรค์ แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

เจ้าหน้าที่พยายามเรียกให้กิ๊ฟซ่าพร้อมเพื่อนชาย  ลงมาจากรถคันดังกล่าว ซึ่งทั้งสองก็ยอมลงมาจากรถแต่โดยดี แต่ชายคนที่นั่งคู่มาด้วยกัน ได้เรียกรถแท็กซี่ออกจากด่านตรวจไปทันที ส่วนนักร้องสาวคนดังก็เอาแต่เดินไปมาไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจวัดปริมาณ แอลกอฮอล์ ก่อนจะไปนั่งโทรศัพท์ด่าทอปลายสายอยู่ที่เกาะกลางถนน จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที ได้มีรถกระบะยี่ห้อนิสสัน เอ็นวี สีบรอนซ์เงิน แบบมีหลังคา หมายเลขทะเบียน ลษ-394 กทม.ขับเข้ามาจอดที่ด่าน โดยมีชาย 2 คนเป็นคนขับมา จากนั้นเพื่อนชายของกิ๊ฟซ่า ที่นั่งโดยสารมากับรถฮอนด้า ฟรีส พร้อมกับกิ๊ฟซ่าในตอนแรก ได้ลงมาจากรถกระบะคันดังกล่าว พร้อมตรงเข้ามาดึงตัวกิ๊ฟซ่าให้ขึ้นไปที่รถ เพื่อจะขับออกจากด่านตรวจไป แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านได้เข้าขวางไว้ พร้อมแจ้งว่ายังออกไปไม่ได้เนื่องจากนักร้องสาวคนดังยังไม่ได้ตรวจวัดปริมาณ แอลกอฮอล์ เพื่อนชายคนดังกล่าวจึงยืนรออยู่ด้านนอก ส่วนกิ๊ฟซ่าได้แต่นอนตะแคงฟุบหน้าอยู่บริเวณแคปด้านหลังรถเพื่อหลบกล้องของ บรรดาสื่อมวลชนที่เริ่มเดินทางมาทำข่าวเป็นจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้กิ๊ฟซ่า ลงมาจากรถเพื่อทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าตัวก็ยังนอนฟุบนิ่งอยู่ที่เดิม ท่ามกลางทัพสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากที่ได้แต่รุมถ่ายภาพอยู่ด้านนอกรถ จนกระทั่งเวลา 03.10 น. กิ๊ฟซ่า ก็ยอมออกมากจากรถด้วยสภาพตาแดงก่ำ พร้อมยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อประมาณ 22.00 น.ที่ผ่านมา ได้ไปดื่มกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ย่านทองหล่อ จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น.ก็เดินทางกลับบ้าน โดยเป็นคนขับรถออกมา ส่วนรถเป็นของเพื่อนที่นั่งมาด้วย แต่เมื่อมาเจอด่านก็คิดว่าไม่น่าจะเป่าผ่าน ดื่มไปนิดหน่อยก็ไม่ผ่านแล้ว ก็เลยเรียกคนที่บ้านมารับ แต่ไม่ได้เมา เพราะดื่มไปแค่ 3 แก้ว แต่ไม่ขอบอกว่าดื่มอะไร ซึ่งเมื่อมาถึงด่านตนตั้งใจจะขอเวลาพักก่อน ส่วนที่ไม่ให้ความร่วมมือตอนแรกนั้น ก็เพราะไม่รู้ว่ามาตรฐานของตำรวจที่ว่าเมานั้นคือเท่าไร ตนเลยจะขอนอนพัก และดื่มน้ำก่อน 3 ขวด โดยที่ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เมื่อสร่างแล้วก็พร้อมจะเป่าทันที ส่วนเรื่องที่บอกว่ามีการกล่าวอ้างถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้พูดแต่อย่างใด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนักร้องสาวมาที่โต๊ะริมถนนเพื่อตรวจวัด ปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าตัวก็ยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ก่อนจะบอกว่ายอมเป่าแน่นอน แต่ขอดื่มน้ำก่อน 3 ขวด พร้อมทั้งให้ผู้สื่อข่าวที่เป็นผู้หญิงเดินพาไปเข้าห้องน้ำ สร้างความเอือมระอาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านดังกล่าว เมื่อเจ้าตัวเดินกลับมาที่โต๊ะ นักร้องสาวคนดังก็ พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์ให้ ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ คุยอยู่หลายสายด้วยกัน โดยบางสายระบุตัวเองว่าเป็น นายเวรของนายตำรวจคนหนึ่ง แต่ทาง ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ก็ไม่ได้สนใจ พร้อมทั้งพยายามเรียกให้นักร้องสาวคนดังเข้ามาเป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณ แอลกอฮอล์แต่โดยดี แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามบ่ายเบี่ยง ขอเวลาอีก 5 นาทีบ้าง หรือจะรอเป่าตอน ตี 5 หรือ 6 โมงเช้าบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนักร้องสาวคนดังพยายามบ่ายเบี่ยงไปมา และเข้าไปคุยกับกลุ่มเพื่อนอยู่หลายรอบ จนกระทั่งเวลา 03.35 น. กิ๊ฟซ่า ก็เป่าเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์แต่โดยดี ซึ่งผลปรากฏว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 82 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาขับขี่รถขณะมึนเมาสรุา ก่อนควบคุมตัวส่ง พ.ต.ท.สง่า ปัญญา พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.คลองตัน ดำเนินคดี โดยกลุ่มเพื่อนของกิ๊ฟซ่า ได้นำหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 20,000 บาท ยื่นประกันตัวออกไปในเวลา 05.15 น. โดย พ.ต.ท.สง่า ได้นัดให้กิ๊ฟซ่า มาพบพนักงานสอบสวนที่ สน.คลองตัน อีกครั้งในเวลา 08.30 น.วันพุธที่ 12 ก.ย. เพื่อส่งฟ้องศาลจังหวัดพระโขนง พร้อมกับผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับที่ถูกจับในด่านเดียวกันอีก 2 รายต่อไป

ด้าน ร.ต.อ.สัมฤทธิ์ กล่าวว่า เมื่อผู้ต้องหาขับรถมาถึงด่านในตอนแรกนั้นก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตรวจวัดปริมาณ แอลกอฮอล์ ก่อนที่เพื่อนชายที่นั่งมาด้วยจะนั่งรถแท็กซี่ออกจากด่านไป แล้วโดยสารรถกระบะนิสสันเอ็นวีย้อนกลับมาที่ด่าน พร้อมทั้งพยายามจะดึงตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกระบะนิสสันเอ็นวีไป แต่เจ้าหน้าที่ในด่านก็เข้าไปขวางไว้ ส่วนเรื่องที่มีคนอ้างว่าเป็นนายตำรวจระดับสูงโทรศัพท์มาขอนั้น ก็มักจะเจออยู่ตลอดเวลาที่ผู้ต้องหาเมาแล้วขับจะพยายามจะอ้างว่ารู้จักคน โน้นคนนี้ แต่ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร ต้องให้เป่าไปตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่านักร้องสาวคนดังถูกจับอยู่ด่านก็รีบเดินทางไป ทำข่าวทันที ซึ่งเมื่อ กิ๊ฟซ่าเจอผู้สื่อข่าวคนแรกที่พยายามเข้าไปถ่ายภาพ เจ้าตัวก็พูดขึ้นว่า "พี่อย่าถ่ายได้เปล่า" พร้อมทั้งจะพยายามตรงเข้ามาคว้ากล้อง แต่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวหลบทัน จากนั้นกระบะนิสสัน เอ็นวี ก็ขับเข้ามาที่ด่าน  กิ๊ฟซ่า จึงเข้าไปหลบในรถ ก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนแขนงต่างๆก็เดินทางมาถึงที่ด่าน

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources