วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สร้างสนามจอด ฮ.-พลับพลารับเสด็จฯ


เมื่อวันที่ 12 ก.ค. นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เดินทางมาที่ศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้มอันเนื่อง มาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมรับเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีนายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ ผวจ.ราชบุรี และนายปิติธรรม ฐิติมนตรี รอง ผวจ.ราชบุรี นำตรวจดูความเรียบร้อย
             ขณะเดียวกัน นายดิสธร ได้เน้นย้ำให้ทหารช่าง จ.ราชบุรี สร้างพลับพลาที่ประทับ ที่ดำเนินการก่อสร้างมาแล้ว 4 วันและแล้วเสร็จไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นรูปทรงหกเหลี่ยม ดัดแปลงจากอาคารศาลาเอนกประสงค์ สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.ราชบุรี หลังคามุงด้วยหญ้าแฝก โดยมีจุดให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเห็นต้นประดู่ที่พระองค์เสด็จมาทรงปลูกเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2539
             ส่วนสนามจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว กรมการทหารช่าง จ.ราชบุรี นำกำลังทหารพร้อมเครื่องจักรกลหนักเข้าปรับพื้นที่เป็นสนามจอดเฮลิคอปเตอร์ ชั่วคราวอยู่ทางด้านข้างทางเข้าศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขา ชะงุ้มฯ เพื่อให้มีความพร้อมรับเสด็จพระราชดำเนิน อีกทั้งจัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่จากโรงเรียนการบินกำแพงแสน ปรับเตรียมพื้นที่สนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ที่บริเวณสนามฟุตบอลโรงเรียนหนองโพพิทยา เพื่อให้พระองค์ท่านเสด็จมายังสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี
ส่วนที่บริเวณสนามหญ้าในสหกรณ์โคนมหนองโพ ราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ได้จัดเตรียมสร้างพลับพลาที่ประทับ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมือง ฝ่ายพลับพลาที่ประทับ จัดส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการก่อสร้างและประทับรถยนต์พระที่นั่งมายัง พลับพลาที่ประทับ ภายในสหกรณ์โคนมหนองโพ จากนั้นทอดพระเนตรนิทรรศการความเป็นมาของสหกรณ์ ภายใต้ร่มพระบารมี ตลอด 80 ปี และการสาธิตการรีดนมวัว
             ด้าน นายวุฒิพงษ์ กิตติวโรดม ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายส่งเสริมการเกษตร ส่วนนักวิชาการสัตวบาล กล่าวว่า เมื่อ 16 ปีที่แล้วมีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศูนย์ศึกษาโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม และถือเป็นที่สุดของชีวิต และเมื่อทราบว่าพระองค์จะเสด็จฯมาที่สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จึงรู้สึกดีใจและตื่นเต้นที่จะมีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์อีกครั้ง สำหรับตนในฐานะประชาชนคนไทยจะทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรให้ดีที่สุดและเต็ม ความสามารถ เพราะสหกรณ์โคนมหนองโพฯเกิดได้จากพระองค์ท่าน
            “ถ้าไม่มีในหลวงก็ไม่มีสหกรณ์ ถ้าไม่มีสหกรณ์ตน ก็ไม่มีอาชีพ และไม่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และสิ่งที่จะตอบแทนก็คือ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดในการช่วยเหลือเกษตรกรให้อยู่ดีกินดีและมีความ สุข” นายวุฒิพงษ์  กล่าว
             ขณะที่ น.ส.ขวัญใจ หลวงวิเศษ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108/1 หมู่ 8  ต.สวนกล้วย  อ.บ้านโป่ง  จ.ราชบุรี สมาชิกสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี เกษตรกรเลขที่ 7652 นำน้ำนมดิบมาขายให้กับสหกรณ์ฯ กล่าวว่า เมื่อปี 2526 เข้าทำงานที่สหกรณ์โคนมหนองโพฯเป็นปีแรกและได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว รู้สึกปลาบปลื้มเป็นที่สุด จากนั้นได้เข้าเฝ้ารับเสด็จฯอีกในปี 2538 และพอทราบว่าพระองค์จะเสด็จฯอีกครั้ง จึงรู้สึกดีใจและตื่นเต้น เพราะอยากเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิดและอยากมีโอกาสกราบพระบาทพระองค์ท่าน และสิ่งที่ทำได้คือตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
             วันเดียวกัน มีรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าผู้บริหารระดับสูงได้ประชุมเตรียมความ พร้อม เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนารถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินติดตามงานโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขา ชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธราราม จ.ราชบุรี ในวันที่ 15 ก.ค.ที่จะถึงนี้
             ทั้งนี้ นายดิสธร รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเดินทางลงพื้นที่ในวันที่ 13 ก.ค. เพื่อเตรียมซักซ้อมในการรับเสด็จฯและทดสอบระยะเวลาพระราชดำเนินทอดพระเนตร ภายในโครงการ รวมทั้งถวายการรับเสด็จพระราชดำเนินไปตรวจเยี่ยมสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์
             สำหรับหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนิน มีดังนี้ เวลา 13.00 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระ บรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราชมาถึงศูนย์ฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังพลับพลาที่ประทับ โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รมว.เกษตรและสหกรณ์  เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เลขาธิการกปร. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เฝ้ารับเสด็จฯในเวลา 13.45 น.
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯทอดพระเนตรนิทรรศการความก้าวหน้าของโครงการฯ ทรงปลูกต้นประดู่ ทอดพระเนตรพื้นที่โครงการพื้นที่การฟื้นฟูดินเสื่อมโทรม จากนั้นเสด็จฯไปยังสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) ทอดพระเนตรความคืบหน้าการดำเนินการกิจการสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี และทอดพระเนตรการสาธิตการรีดนมวัว จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังโรงพยาบาลศิริราช ถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช ในเวลา 19.00 น
             สำหรับสภาพพื้นที่เขาชะงุ้มก่อนการดำเนินการตามแนวพระราชดำริ มีสภาพเป็นที่ราบเชิงเขา ด้านทิศเหนือติดกับเขาเขียวและลาดต่ำลงสู่ด้านทิศใต้จรดกับถนนสาย หนองกวาง-เขาน้อย มีความลาดชันตั้งแต่ 1-10 เปอร์เซ็นต์ สภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง แต่ไม้ใหญ่ถูกตัดออกไปหมดแล้ว สภาพดินเป็นดินตื้น มีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทรายและกรวดลูกรัง มีการซะล้างพังทลายของดิน จนสูญเสียหน้าดินที่อุดมสมบูรณ์และใช้ประโยชน์ไม่ได้ ทำให้ไม่เหมะสมใช้ทำการเกษตร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและสาธิตทดสอบวิธีการพื้นฟูปรับ ปรุงดินเสื่อมโทรม เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ประโยชน์ได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพื่อเป็นรูป แบบและส่งเสริมอาชีพให้แก่เกษตรกรในบริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่โครงการได้ ศึกษาเรียนรู้วิธีการจัดการดิน น้ำและพืชอย่างถูกต้องยั่งยืน ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งทำให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และพัฒนาพื้นที่ให้ใช้ในการเกษตรอย่างเหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ พร้อมกับเป็นแหล่งค้นคว้าศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดินเสื่อมโทรม ขณะที่สภาพแวดล้อมทำให้เกิดความยั่งยืนในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรดิน น้ำและป่าไม้ให้เป็นไปตามระบบนิเวศและยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจตาม ธรรมชาติของประชาชนทั่วไปด้วย โดยมีพระราชประสงค์ขยายผลด้านสิ่งแวดล้อมไปยังพื้นที่ใกล้เคียงให้ได้ความ อุดมสมบูรณ์อีก 45,018 ไร่ สำหรับโครงการอื่นที่มีรูปแบบเดียวกันที่กรมพัฒนาที่ดินเป็นเจ้าภาพหลักรับ ผิดชอบ เช่นโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นราธิวาส โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ฉะเชิงเทรา ล้วนเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สัมฤทธิ์ผลและขยายผลไปสู่ เกษตรกร ทำให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้นจาก 5 พันกว่าโครงการตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง
             ด้าน นายรอยล จิตรดอน ผอ.สำนักงานสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์และทรงตรัสไว้นานแล้วที่จะเสด็จติดตามงานในพระราชดำริของ พระองค์ หลังจากมีพระพลานามัยแข็งแรงดีขึ้น ซึ่งพระองค์ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะทรงงานในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งและปัญหาด้านเกษตรไว้เป็นอันดับแรก
ที่ฝูงบิน 201 รักษาพระองค์ กองทัพอากาศ พล.อ.ต.สมาน สังขรณ์ ผบ.ศูนย์อำนวยการเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ ประชุมร่วมกับนักบินปฏิบัติภารกิจการบินถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเสด็จทอดพระเนตรโครงการศึกษาวิธีการฟื้นฟูดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ จ.ราชบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมเฮลิคอปเตอร์พระราชพาหนะ หมายเลข 36303 ใช้เป็นเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี
ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้จัดเฮลิคอปเตอร์พร้อมนักบิน 3 เครื่องและกองทัพบกจัดเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องร่วมขบวนเสด็จพระราชดำเนิน โดยมีพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ.เป็นผู้อำนวยการเดินทาง และมีพล.อ.ต.ถนอมศักดิ์ เย็นเปี่ยม เป็นนักบิน ที่ 1 น.อ.เสริมเกียรติ ก้อนมณี เป็นนักบินที่ 2 ส่วนเฮลิคอปเตอร์อีก 3 เครื่อง เป็นเฮลิคอปเตอร์ติดตามถวายการบินรับใช้ทั้ง 3 พระองค์
           วันเดียวกัน นายนิมิต จันทน์วิมล ผวจ.นครปฐม เปิดเผยว่า ในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินตรวจเยี่ยมโครงการพระราชดำริเขาชะงุ้มและสหกรณ์โคนมหนองโพ จ.ราชุรี จากนั้นเสด็จกลับรพ.ศิริราช โดยรถยนต์พระที่นั่งผ่านอ.เมืองนครปฐม นครชัยศรี สามพราน และพุทธมณฑล ในเวลาประมาณ 18.30 น. ชาวนครปฐมได้จัดทำป้ายข้อความทรงพระเจริญ พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้ง 3 พระองค์ ประดับหน้าสำนักงาน บริษัท ห้างร้านและสถานที่ราชการ ตลอดเส้นทางเสด็จ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และร่วมถวายพระพรชัย ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน.

จับโจรซาดิสต์ฆ่าสาว17ดับคาห้อง


          เมื่อวันที่ 12 ก.ค. พล.ต.ต.พิสัณห์ จุลดิลก รอง ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.พีระยุทธ์ การะเจดีย์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันไชย ปาละวัน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ธรรมสรรค์ บุญทรง สว.สส. ร่วมกันแถลงจับกุมนายกิตติคุณ หรือเอก วงศ์หาจักร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/22 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ หมายเลขทะเบียน ขธจ-443 ภูเก็ต กล้องถ่ายรูป 5 ตัว สร้อยคอทองคำ และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ แจ้งข้อหา กระชำเรา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนและนายเตียง แสงสุวรรณ อายุ 31 ปี ชาว จ.นครพนม เพื่อนร่วมแก๊งถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน
          พล.ต.ต.พิสัณห์ เปิดเผยว่า  หลังเกิดเหตุเด็กสาว อายุ 17 ปี ถูกข่มขืนฆ่าโหดอย่างวิปริต เสียชีวิตภายในห้องนอนของตนเอง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา  จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ตและฝ่ายสืบสวน สภ.ฉลอง เร่งตรวจสอบพยานหลักฐานที่ในเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นเบาะแสติดตามคนร้าย จนกระทั่งทราบว่าคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ หมายเลขทะเบียน ขธจ 443 ภูเก็ตเป็นยานพาหนะ จึงระดมกำลังออกค้นหา จนกระทั่งพบวัยรุ่น 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสงสัยอยู่ที่บริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงควบคุมตัวมาสอบสวนและให้การรับสารภาพว่า เป็นแก๊งคนร้ายตระเวนลักทรัพย์ตามบ้านเรือนต่าง ๆ ทั่วทั้ง จ.ภูเก็ต โดยในวันเกิดเหตุนายกิตติคุณ พร้อมด้วยนายเตียง และนายเอก (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ร่วมกันขับขี่รถจักยานยนต์ตระเวนลักทรัพย์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ
         พล.ต.ต.พิสัณห์ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งกลุ่มผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์มาถึงบ้านผู้ตายและเห็นประตูปิด จึงงัดประตูย่องเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน จากนั้นได้งัดเข้าไปในห้องนอน และเห็นผู้ตายสวมกางเกงขาสั้น นายกิตติคุณ จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ใช้กำลังปลุกปล้ำ และจับถอดกางเกง แต่ผู้ตายพยายามต่อสู้ขัดขืนพร้อมร้องส่งเสียงดังให้คนช่วยเหลือ จึงชกที่หน้าท้องและใบหน้าไปหลายครั้งจนหมดสติ จากนั้นใช้เทียนยัดเข้าไปในรูทวาร รวมทั้งอวัยวะเพศ ทำให้มีประจำเดือนไหลออกมานองพื้น จนหมดอารมณ์ทางเพศ และด้วยความโมโห ประกอบเกรงกลัวความผิด จึงจับนอนคว่ำหน้ากดกับหมอนแล้วใช้มือบีบคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต จากนั้นได้รื้อค้นทรัพย์สินหลบหนีไป
รอง ผบช.ภ.8 กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้นายกิตติคุณ ให้การรับสารภาพด้วยว่าลงมือทำเพียงเดียวและเพื่อนไม่เกี่ยวข้องด้วย ส่วนทรัพย์สินที่ได้จะนำไปขายแล้วนำเงินไปเล่นการพนันและซื้อยาเสพติดมาเสพ โดยก่อเหตุลักทรัพย์มานับครั้งไม่ถ้วน มีหมายจับในคดีลักทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ใน สภ.ฉลอง และสภ.เมือง จ.ภูเก็ต 7 คดี รวมทั้งมีหมายจับคดีลักทรัพย์ที่ จ.ตรัง อีก 1 คดี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนขยายผลอย่างละเอียดอีกครั้งและนำตัวผู้กระทำผิด ดำเนินคดีต่อไป.

เขมรยิงเครื่องบินไทย -อ้างจารกรรม


       วันนี้ ( 12 ก.ค. ) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทหารกัมพูชายิงใส่เครื่องบินโดยสารของไทย ขณะบินเข้าใกล้พื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะคิดว่าเป็นเครื่องบินที่ลอบเข้ามาทำจารกรรม   ขณะที่พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า ทหารกัมพูชายิงใส่เครื่องบินโดยสารของไทย เป็นสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ซึ่งไม่สามารถนำเครื่องร่อนลงจอดตามจุดหมายปลายทางที่สนามบินจังหวัดเสียมรา ฐได้ เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศ
       “เป็นความเข้าใจผิดของทางฝ่ายกัมพูชาที่คิดว่าเป็นเครื่องบินจารกรรม และ ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับจังหวัดเสียมราฐ” รองโฆษกกองทัพบกกล่าว
         ส่วนกำลังทหารของกองทัพกัมพูชา บริเวณแนวชายแดน ซึ่งเคยเป็นจุดปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อปีที่แล้วนั้น ยืนยันว่า ทหารกัมพูชายิงใส่เครื่องบินโดยสารของไทยจริง
         นายเส่ง แพริน นายทหารระดับผู้บังคับการของกัมพูชา เปิดเผยว่า ขณะนั้นมันมืดมาก เรามองไม่เห็นว่าเป็นเครื่องบินแบบไหน แต่เครื่องบินลำนี้บินวนหลายครั้ง ทหารของเราจึงใช้ปืนกลยิงใส่เครื่องบินไป 18 นัด แต่ก็พลาดเป้าไป เพราะเครื่องบินบินอยู่ในระดับที่สูงมาก ผมคิดว่า ถ้าเป็นเครื่องบินโดยสารจริง ก็คงจะไม่บินใกล้ชายแดนขนาดนี้ จึงสงสัยว่าเป็นเครื่องบินมาสอดแนมมากกว่า จึงต้องยิงใส่ เพื่อปกป้องน่านฟ้าของเรา โดยบินอยู่ในเขตน่านฟ้ากัมพูชาประมาณ 10 กม.เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันพุธที่ผ่านมา แต่ทางฝ่ายไทยอ้างว่า เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี
         นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 12 กรกฎาคม  มีเครื่องบินโดยสารของประเทศไทย เที่ยว สุวรรณภูมิ – เสียมเรียบ  บินวนรอบสนามบินเสียมเรียบ จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา แต่เนื่องจากขณะนั้น เกิดฝนตกหนัก ทัศนวิสัย ไม่ดี การสื่อสารไม่ชัดเจน เครื่องบินโดยสารดังกล่าว จึงบินวนหลายรอบ เพื่อรอแลนดิ้ง ประกอบกับ การบินวนเครื่องบินโดยสารดังกล่าว กินพื้นที่ ระยะกว่า 100 กิโลเมตร  เกือบถึงเมืองปอยเปต  อยู่ด้านทิศตะวันออก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ทำให้เจ้าหน้าที่กัมพูชาที่รักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน เข้าใจผิด คิดว่าเป็นเครื่องบินสอดแนม จึงยิงขู่เครื่องบินโดยสารดังกล่าว 3 นัด  ขณะนี้ เครื่องบินดังกล่าวบินลงที่สนามบินเสียมเรียบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนบนเครื่องบินปลอดภัย
           “ เท่าที่ทราบ การยิงเครื่องบิน ของเจ้าหน้าที่ ที่รักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน ของกัมพูชา เมืองปอยเปต อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เป็นการยิงขู่ เพื่อเตือนเครื่องบินดังกล่าว ในขณะเดียวกัน เกิดฝนตกหนัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา จึงไม่สามารถสื่อสารได้ และขาดความชัดเจน จึงเกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้น และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ตามแนวชายแดนแต่อย่างใด” นายศานิตย์กล่าว

ตร.13 กองร้อยคุมเข้มศาลรธน.


เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ  ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร เอ) ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบก.น.2 ,3,5,6 และชุดควบคุมฝูงชน ประมาณ 3 กองร้อยเข้าประจำการรอบพื้นที่ตัวอาคาร เพื่อรักความปลอดภัยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยกำลังบางส่วนได้ทอยเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า และจะมีการประสานกับทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสำนักงานศาลรัฐ ธรรมนูญอีกทางหนึง
       
ด้าน พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่สำรองไว้ทั้งหมดประมาณอีก 10 กองร้อย เผื่อในสถานการณ์ฉุกเฉินและจะสามารถเรียกกำลังเสริมได้ทันที โดยทุก 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จะมีการหมุนเวียนสับเปลี่ยนกำลังกัน เพื่อป้องกันไม่ให้อ่อนล้ามากเกินไป พร้อมนำเครื่องแสกนหาวัตถุระเบิด ตรวจตราเข้าบุคคลเข้าออกภายในอาคาร ตลอด 24 ชั่วโมง หรือจนกว่าภารกิจของศาลรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้น
       
ขณะที่บรรยากาศด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ได้นำแผงรั้วเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้าของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่อนุญาตให้นำรถมาจอดภายในรั้วเหล็ก โดยให้ไปจอดภายในตัวอาคารเท่านั้น และที่บริเวณด้านหน้าอาคารตรงฟุตบาธ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ริมถนนแจ้งวัฒนะ ได้มีกลุ่มที่อ้างตัวเป็นกองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกองทัพธรรม ประมาณ 100 คน มาชุมนุมปักหลักตั้งเต๊นท์ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 12 ก.ค. โดยตัวแทนกล่าวว่าจะค้างคืนอยู่ที่นี่เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของคดี รวมทั้งปกป้องและให้กำลังใจการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอีกด้วยด้วย

เสื้อแดงแห่รำลึก 80 ปีประชาธิปไตยไทย รอ "ทักษิณ" วีดีโอลิงค์


วันนี้ (24 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร เพื่อรำลึกถึงวันคอบรอบ 80 ปีประชาธิปไตยไทย ว่า เริ่มมีการรวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเช้าท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ผู้ร่วมชุมนุมมิได้ท้อต่างพากันนำร่มกันแดดสีแดงกางสลอน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสั่งปิดการจราจรตั้งแต่แยกคอกวัวไปจนถึงแยกผ่าน ฟ้าลีลาศในฝั่งขาออก ส่วนขาเข้ายังปล่อยให้รถสัญจรผ่านได้ โดยทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้จัดชุดปราบจลาจลจำนวน 1,500 นาย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย คาดว่าผู้ชุมนุมจะทยอยเพิ่มขึ้นตามลำดับ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะวีดีโอลิงค์มายังกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources