วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

เค้นสอบผอ.รพ.ศูนย์อุดรฯ รับลงนามใบสั่งซื้อทุกฉบับ


ผอ.รพ. 4 แห่ง รุดแจงยาแก้หวัดหายจากระบบ เค้นสอบผอ.รพ.ศูนย์อุดรฯ 5 ชม. รับลงนามใบสั่งซื้อทุกฉบับเป็นไปตามระเบียบจัดซื้อสำนักนายกฯ ไม่รู้เภสัชกรเสนอเอกสารเท็จให้เซ็น
วันนี้ (19 เม.ย.) พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการเรียกสอบปากคำผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับคดีการลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนออกจากระบบว่าในวันนี้ได้เรียกสอบผู้อำนวยการ 4 รพ. ประกอบด้วย  รพ.ศูนย์อุดรธานี จ.อุดรธานี , รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ , รพ.ดอยหล่อและ รพ.ฮอด จ.เชียงใหม่ รวมถึงผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)โดยประเด็นที่สอบปากคำคือการบริหารจัดการ การอนุมัติ จัดซื้อยาแก้หวัดว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางวิชาชีพหรือไม่  ซึ่งข้อมูลที่ผอ.รพ.ชี้แจงถือว่ามีประโยชน์ต่อการสอบสวน หลังจากนี้จะนำข้อมูลที่ได้ไปตรวจสอบกับข้อมูลที่ได้รับจากผู้แทนของสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกองสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.)
สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาจำเป็นต้องหารือร่วมกับพนักงานอัยการรวมถึงต้องพิจารณาตามพยานหลักฐานเป็นรายบุคคล ซึ่งหากมีหลักฐานเพียงพอว่ากระทำความผิดก็สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้โดยไม่ต้องรอให้สอบเสร็จในทุกสำนวน
ด้านนพ.พิชาติ กล่าวภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนนานกว่า 5 ชั่วโมงว่า ตนเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกของดีเอสไอ โดยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่สูญหายไป รวมถึงรายละเอียดขั้นตอนการเบิกจ่ายยา ซึ่งยืนยันว่าการจัดซื้อและเบิกจ่ายยาของรพ.ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี 2535  โดยยาที่สูญหายไปของรพ.ศูนย์อุดรธานี มีเภสัชกรที่เป็นผู้ควบคุมคลังยาทำหนังสือยอมรับว่าเป็นผู้ทำผิดเพียงคนเดียวไว้เป็นหลักฐานก่อนหน้านี้  และตนได้นำหลักฐานดังกล่าวเข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวนด้วย  ทั้งนี้ เภสัชกรคนดังกล่าวถือเป็นหัวหน้าคลังยาที่ดูแลการทำเรื่องเบิกจ่ายจัดซื้อทั้งหมด โดยตนเป็นหนึ่งในผู้ที่ลงนามการจัดซื้อตามขั้นตอนการเสนอปกติเท่านั้น  ส่วนการตรวจสอบหรือดูแลคลังยาผอ.ไม่ได้มีอำนาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง  อีกทั้งตนยังไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับเภสัชกรด้วย
นพ.พิชาติ  กล่าวต่อว่า ปกติขั้นตอนการจัดซื้อยาจะต้องมีผู้ลงนามหลายส่วนทั้ง ผอ.รพ. เภสัชกรหัวหน้าคลังยา หัวหน้าเจ้าหน้าที่พัสดุยา และเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นการลงนามไปตามระเบียบที่กำหนด โดยที่ผ่านการตรวจสอบไม่พบรายงานความผิดปกติ ในส่วนรพ.ศูนย์อุดรธานี มีคลังยา 2 คลัง และมีเภสัชกรดูแลแยกกัน ซึ่งเภสัชกรอีกรายไม่พบว่ามีปัญหาการเบิกจ่าย ส่วนเภสัชกรรายที่สารภาพว่าลักลอบนำยาออกไปใช้นั้นใช้วิธีการทำเอกสารเท็จทุกขั้นตอน โดยใช้อำนาจในฐานะหัวหน้าคลังยาและเป็นผู้ถือกุญแจห้องยาจึงสามารถหยิบกล่องยาออกไปได้ จากนั้นมีการทำเอกสารปลอมว่ามียาอยู่น้อยกว่าความเป็นจริง เพราะส่วนที่เกินนั้นถูกลักลอบนำออกไป โดยที่ผ่านมาไม่สังเกตถึงความผิดปกติเพราะมีการทำเอกสารเท็จว่ามียาจำนวนน้อยเพราะต้องจ่ายยาให้ผู้ป่วย
สำหรับวันที่ 20 เม.ย. พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะเรียกสอบผอ.รพ. อีก 8  แห่ง ประกอบด้วย รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ , รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีษะเกษ , รพ.นวมินทร์ 1 กรุงเทพฯ , รพ.สยามราษฎร์ จ.เชียงใหม่ , รพ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ , คลินิคสุพรชัย จ.ลพบุรี และคลินิคหมอสัมพันธ์เวชกรรม จ.เชียงใหม่ รวมถึงเรียกสอบปากคำผอ.รพ.เซ็นทรัลเมโมเรียล จ.เชียงใหม่ ซึ่งดีเอสไอได้รับสำนวนมาเพิ่มเติมด้วย.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“โชเล่ย์” ร้องกองปราบคดีฆ่าน้องชายไม่คืบ


“โชเล่ย์” ร้องกองปราบคดีฆ่าน้องชายไม่คืบ อยากให้สอบสวนขยายผลเพิ่มเติมด้วย
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม นายนิรัญ ช้างกลาง หรือโชเล่ย์ ดอกกระโดน อายุ 52 ปี อดีตนักแสดงตลกชื่อดัง เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.ท.อภิชน เจริญผล พงส.(สบ3) กก.5 บก.ป. ให้ช่วยเร่งติดตามจับกุมนายสุนันท์ คำมะวงศ์ หรือ แอร์ อายุ 40 ปี 1ใน2ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชในคดีฆ่านายธนากรณ์ ช้างกลาง หรือ ซัน น้องชายที่เสียชีวิต โดยเหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา
โดยนายหิรัญหรือโชเล่ย์ กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 2 คน คือ นายสุนันท์ และนายบุญทัน คำมะวงศ์ หรือ โย ซึ่งทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ซึ่งนายบุญทันได้มาเข้ามอบตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่นายสุนันท์นั้นยังติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีไม่ได้ ตนจึงมาร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจกองปราบปรามให้ช่วยเร่งติดตามจับกุมอีกทาง หากติดตามจับกุมตัวนายสุนันท์มาได้แล้วก็อยากให้สอบสวนขยายผลเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้นายหิรัญหรือโชเล่ย์อ้างว่า ตนเชื่อว่ามีพี่น้องของผู้ต้องหาทั้งสองอีก 1 คนที่ร่วมกระทำผิด และมูลเหตุของคดีนี้ไม่ได้มีต้นเหตุมาจากน้องชายที่ไปหมิ่นศักดิ์ศรีผู้ต้องหาแต่เป็นการเจตนาที่จะฆ่าอย่างโหดเหี้ยม
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ปะทะเดือดกรงปีนังเด็ดหัว 5 โจรใต้


วันนี้ ( 19 เม.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจปะทะกับกลุ่มแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบ ระหว่างลาดตะเวนในพื้นที่ อ.กรงปีนัง จ.ยะลา โดยเบื้องต้นคนร้ายเสียชีวิต 5 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่ปลอดภัย หลังได้รับรายงาน พล.ต.ท.ไพทูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัด ชายแดนภาคใต้(ผบช.ศชต. )พล.ต.ต.สฤษชัยดิ์ อเนกเวียง รองผบช.ศชต.พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครองเดินทางเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งความคืบหน้าเดลินิวส์ออนไลน์จะนำเสนอให้ทราบต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

พ่อเลี้ยงโหดกระทืบลูกติดเมียวัย 3 ขวบดับ


พ่อเลี้ยงทาสยานรกโหดกระทืบลูกติดเมียวัย 3 ขวบดับ แม่เผยทั้งน้ำตาทุกครั้งที่เมายาจะประเคนหมัดเท้าเข่าศอกใส่ลูกจนทนไม่ไหวนำไปฝากแม่ที่ต่างจังหวัดเลี้ยงแต่ก็อดคิดถึงลูกไม่ไหวไปรับกลับมาอยู่ด้วยกันจนต้องมาจบชีวิต
วันนี้ (19 เม.ย.)พ.ต.ท.ภัทรายุธ บุญชนาการ พนักงานสอบสวน (สบ.3) สน.บุคคโล รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ว่ามีเด็กถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต จึงรุดไปตรวจสอบพบศพ ด.ช.กวินภพ หรือน้องเพชร คนซื่อ อายุ 3 ขวบ สภาพสวมเสื้อยืดสีส้มลายสลับเหลือง นุ่งกางเกงสีส้ม ศรีษะโล้นพบบาดแผลจากการผ่าตัดเป็นทางยาวประมาณ 20 ซม.นอกจากนี้ยังพบรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย จากการตรวจสอบทราบว่า ด.ช.กวินภพ ถูกนำตัวเข้ามารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 16 เม.ย. ในอาการเลือดคลั่งในสมอง
 
เจ้าหน้าที่จึงทำการติดต่อแม่ของเด็กทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.ศิริพร เกศาภรณ์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 6 ต.ตะลุง อ.เมือง จ.ลพบุรี จากการสอบสวน น.ส.ศิริพร กล่าวด้วยน่ำเสียงสั่นเครือว่า ตนมีลูกกับสามีเก่า จำนวน 2 คน โดยคนที่ตายนั้นเป็นคนโต ส่วนคนเล็กนั้นอายุ 8 เดือน อาศัยอยู่กับแม่ของตนที่ต่างจังหวัด โดยมีตนมีอาชีพเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อที่ปากซอยเจริญรัถ 20 ต่อมาตนได้คบหากับ นายสุวิทย์ หรือคิง ยิ้มคุ้ม อายุ 23 ปี ได้ประมาณ 3 เดือน โดยตนและนายสุวิทย์พร้อมกับน้องเพชร ได้อาศัยอยู่ในห้องพักใกล้กับที่ทำงานและทุกครั้งที่ นายสุวิทย์ เกิดอาการเมายาเสพติดนั้นได้ทำร้ายร่างกายของลูกตลอด บางครั้งใช้ไม้แขวนเสื้อตีตามบริเวณลำตัว บางครั้งก็ให้กลิ้งกับพื้นที่เปียกน้ำ
 
น.ส.ศิริพร กล่าวต่ออีกว่า ตนรับไม่ได้และส่งสารลูกจึงส่งตัวไปอยู่กับแม่ที่ต่างจังหวัดได้เพียงไม่กี่วันก็อดคิดถึงลูกไม่ไหวจึงเดินทางไปรับมาอยู่ด้วยกันที่ห้องพักอีกครั้ง โดยวันที่เกิดเหตุมีคนโทรมาบอกว่านายสุวิทย์นั้นได้ทำร้ายร่างกายลูกของตน โดยก่อนที่นายสุวิทย์จะลงมือนั้นน้องเพชรได้ฉี่รดกางเกง ทำให้นายสุวิทย์โมโหเข้ามาทำร่างร่างกายพร้อมกันนี้ยังได้จับน้องเพชรห้อยหัวและเตะเข้าที่ศรีษะหลายครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามเนื่องจากนายสุวิทย์ อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งเมายา จากนั้นตนจึงรีบไปดูที่ รพสมเด็จพระปิ่นเกล้า .เห็นสภาพลูกร้องก็อดสงสารไม่ได้ หลังจากที่ก่อเหตุนายสุวิทย์ก็ได้หลบหนีไป จนจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา ในวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมาเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการรวบรวมหลักฐานเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

รวบขี้ยาข่มขืนสาวพิการ


ตำรวจ สำเหร่ รวบขี้ยาข่มขืนสาวพิการ สารภาพตั้งใจจะเข้าไปขโมยของเห็นเหยื่อนอนอยู่ จึงเกิดอารมณ์ ก่อเหตุดังกล่าว
วันนี้(19 เม.ย.)พ.ต.อ.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผกก.สน.สำเหร่ พ.ต.ท.ภัสพงษ์ บุตรไทย รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.สายชล ปัญจชัย สว.สส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายอนุวรรตน์ ญาตินิยม อายุ 21  พร้อมของกลางเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน 1 ตัว กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล 1 ตัว โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 133 ซอยเจริญนคร 34 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวว่า การจับกุมใยนครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งพิการขาลีบ ได้เข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. เวลาประมาณ 03.00 น. ได้มีคนร้ายปีนเข้าไปบ้านเลขที่ 94 ซอยเจริญนคร 40 ถนนเจริญนคร แขวงบางลำพูล่าง เขตคลองสาน  ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาที่ น.ส.เอ ได้นอนหลับอยู่ จากนั้นคนร้ายได้บุกเข้ามาในห้องก่อนที่จะลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่และหนีไป แต่ขณะที่คนร้ายพยายามหลบหนี น.ส.เอ ได้คว้าไฟฉายขึ้นมาส่องใส่หน้าของคนร้ายจนสามารถจำหน้าได้อย่างชัดเจน จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการสืบสวนจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ดังกล่าว นอกจากนี้ยังทราบอีกว่าก่อนหน้าเกิดเหตุผู้ต้องหาได้พยายามปีเข้าบ้านหญิงไม่ทราบชื่อซึ่งมีลักษณะพิการอีกด้วย
จาการสอบสวน นายอนุวรรตน์ สารภาพอ้างว่า ตนเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดเมื่อ 4 เดือน ก่อนเกิดเหตุตนกับเพื่อนประมาณ 5-6 คน ได้ร่วมกันเสพยาเสพติด แต่ตนต้องการเสพต่อจึงได้ออกไปขโมยที่บ้านของผู้เสียหายเพื่อนำมาขายและนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ ซึ่งไม่รู้มาก่อนว่าผู้เสียหายเป็นคนพิการ และเข้าไปในห้องเห็นผู้เสียหายนอนหลับอยู่ จึงเกิดอารมณ์ทางเพศจึงลงมือข่มขืนและถูกจับกุมได้ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ก่อนจะนำตัวดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

สืบบางรักจับ 3 โจ๋แสบปล้นบีบี


วันนี้( 19 เม.ย.) พ.ต.อ.ทรงยศ ถวัลย์กิจดำรง ผกก.สน.บางรัก และ พ.ต.ท.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ศาสตรา อ่อนรัศมี สว.สส. พ.ต.ต.สาโรจน์ จอกโคกสูง สว.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายนาวี ง ศรีหงษ์ อายุ 24 ปี นายมิ่งขวัญ สันโสภา อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาปล้นทรัพย์ และ นายสุริโย รางศรี อายุ 30 ปี ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาปล้นทรัพย์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อแบล็คเบอรี่ รุ่นเคิร์ฟ 8520 สีดำ จำนวน 1 เครื่อง
  พ.ต.ต.สาโรจน์  เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจาก นายภูริภัทร์ ลายประเสริฐ ว่าถูกคนร้าย 3 คน ปล้นโทรศัพท์มือถือไปและทำร้ายร่างกายด้วย เหตุเกิดบริเวณป้ายรถประจำทาง ข้างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขามหาพฤฒาราม แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม.แล้วหลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ลงพื้นที่หาข่าว จนสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวมี  3 คน ต่อมาเจ้าหน้าที่พบ นายนาวี อยู่ภายในซอยสหมิตร(ซอยโรงไม้) แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก จึงเข้าจับกุม ก่อนที่ นายนาวี จะซัดทอดว่าผู้ต้องหาอีก 2 คน ร่วมกันกระทำความผิดด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุม นายมิ่งขวัญ ได้บริเวณหน้าวัดยางสุทธาราม ถนนพรานนก แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย และจับกุม นายสุริโย ได้ที่ป้ายรถประจำทาง ฝั่งตรงข้ามอาคารศาลฎีกา(เก่า) ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
   เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาปล้นทรัพย์ ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

คืบหน้าคดียิงวิศวะซีพี สน.ห้วยขวาง


              
             ความคืบหน้ากรณีนายประเสริฐ ช่วยชนะ อายุ 33 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ก่อเหตุอุกอาจขับรถยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่สปอร์ต สีขาว ทะเบียน ญภ-3006 กรุงเทพ ปาดหน้ารถแท๊กซี่ ก่อนใช้อาวุธปืน 11 มม. จ่อยิงศีรษะนายจิรโรจน์ รักวงษ์วานอายุ 30 ปี หนุ่มวิศวกรควบคุมการก่อสร้าง บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี ทำงานประจำอยู่ที่ประเทศจีน เสียชีวิตบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 6 ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 เม.ย. ก่อนจะหลบหนีไปแล้วนั้น
ล่าสุด! เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 19 เม.ย. พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ได้ประสานไปยังธนาคารและห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง และพื้นที่ใกล้เคียงว่า ใครพบข้อมูลหรือกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพนายประเสริฐ ช่วยชนะ มือปืนที่ก่อเหตุยิงนายจิรโรจน์ รักวงษ์วาน วิศวกรประจำประเทศจีน บริษัท ซี.พี.ได้ จนกระทั่งไปพบผู้ต้องหาสวมเสื้อโปโลสีเขียวคาดขาว สวมใส่แว่นตากันแดดสีดำอำพรางใบหน้า ขณะกำลังกดเงินประมาณ 1 ล้านบาท จากตู้เอทีเอ็มธนาคารแห่งหนึ่ง ในห้างเซ็นทรัลพระราม9 เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนนำเงินไปเช่าซื้อรถมิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีขาว คันก่อเหตุ จากเต็นท์แห่งหนึ่งย่านรามคำแหง โดยวางเงินมัดจำจำนวน 1 ล้าน พร้อมบอกกับเจ้าของเต็นท์ว่า จะนำเงินส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3-4 แสนบาท มาให้ภายหลังเสร็จสิ้นงานสงกรานต์ ซึ่งเจ้าของเต็นท์ได้ทำการโอนรถให้นายประเสริฐเป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ แต่ผู้ต้องหาได้นำมาก่อเหตุเสียก่อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ต้องหายังคงกบดานอยู่ย่านมีนบุรี หรือย่านรามคำแหง ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายยังคงไม่ลดละในการติดตามจับกุมนายประเสริฐเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้ต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
 

สลด..ลมพายุพัดตู้คอนเทนเนอร์ทับแม่ลูกดับ


ลมพายุพัดตู้คอนเทนเนอร์ทับแม่ดับกอดลูกที่บาดเจ็บอีกคนเสียชีวิต
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 19 เม.ย.  ร.ต.อ.ศิริชัย โสมอินทร์  พนักงานสอบสวน   สภ.ท่าช้าง  อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดเหตุลมพายุอาคารตู้คอนเทเนอร์พัดถล่มทับมีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณ  บริษัท เอพีอาร์ โลจิสติกส์ ม.4 ต.ท่าช้าง  ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยอยุธยารวมใจ
พบว่าโครงหลังคำสำนักงานบริษัทที่ชั้นล่างเป็นตู้คอนเทรนเนอร์ขนาดใหญ่ ชั้นบนเป็นโครงหลังคาสูงประมาร10 เมตร ถูกลมพายุพัดทับ ร่างของนางคำผิว หมื่นลือ อายุ45  ปี  เสียชีวิต กำลังกอด ด.ช.กัสมา หมื่นลือ อายุ8 ปีที่ได้รับบาดเจ็บนอนร้องครวญครางอย่าทรมานเป็นภาพที่น่าสลดใจ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการเข้าไปช่วยเหลือโดยใช้อุปกรณ์ค้ำยันด้วยไฮโดลิกเข้าไปนำร่างออกมาใช้เวลากว่า30นาที สามารถช่วยเหลือนำร่างออกมาได้สำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าขวาเป็นแผลเหวะและตามลำตัว  ใกล้กันพบศพด.ช.กานต์ หมื่นลือ อายุ 12 ปี  ถูกตู้คอนเทรนเนอร์ทับอัดติดกับรถยนต์กระบะอีซุซุ สีดำหมายเลขทะเบียน บน-9580 สุรินทร์ นอกจากนี้ตู้คอนเทเนอร์ยังทับรถยนต์กระบะและรถยนต์เบนซ์เสียหาย   ส่วนผู้บาดเจ็บอีก3  ราย มีผู้ช่วยเหลือนำส่ง โรงพยาบาลท่าเรือ
จากการตรวจสอบที่ฐานตู้คอนเทรนเนอร์พบว่าน็อตที่ยึดตัวเสาอาคารและตู้คอนเทรนเนอร์หลุดออกเนื่องจากตังอาคารสูง10 เมตรต้านแรงลมไม่ไหว้พัดอาคารทั้งหลังถอนเอาตู้คอนเทรนเนอร์และตัวโครงหลังคาพังลงมาทั้งหลัง
สอบสวนนายเตา หมื่นลือ อายุ 45 ปี  กล่าวทั้งน้ำตาว่าก่อนเกิดเหตุตนเองภรรยาและลูกได้ขับรถยานต์พ่วงบรรทุกแร่เพื่อเข้ามาเช็ครถที่บริษัทก่อนที่จะเดินทางไปส่งแร่ ขณะที่กำลังรอตรวจเช็คอยู่ ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักภรรยาและลูกได้เข้าไปลมฝนใกล้กับอาคารตู้คอนเทรนเนอร์ที่เกิดเหตุ หลังจากที่ฝนตกเบาลงตนได้ออกไปนำน้ำออกจากผ้าใบหลังค่ารถบบรทุก ลมพายุได้หมุนผัดผ่านมาสียงดังหลังคาปลิวว่อนอาคารตู้คอนเทเนอร์ล้มคลืนพังลงมาทั้งหลังทับร่างภรรยาและลูกตนเองพยายามที่เข้าไปช่วยแต่ช่วยไม่ได้เพราะตู้คอนเทรนเนอร์ทั้งหลังทับร่างของลูกและภรรยาเอาไว้
ร.ต.อ. ศิริชัย   กล่าวว่าเบื้องต้นต้องประสานวิศวกร มาตรวจสอบว่าตัวอาคารมีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน  มีการขออนุญาตการก่อสร้างอย่างถูกต้องหรือไม่ และจะเรียกเจ้าของบริษัทมาสอบสวนอีกครั้งเพื่อให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ปะทะเดือดกรงปีนังเด็ดหัว 5 โจรใต้มือวางบึ้มสังหารจ่าเพียร


ตำรวจ-ทหารฝ่ายปกครองร่วมปิดล้อมตรวจค้นปะทะเดือดเด็ดหัว 5 โจรใต้ หนีไปได้อีก 9 แฉ1ใน5ผู้เสียชีวิตเป็นแกนนำระดับสั่งการสังหาร”จ่าเพียร”
วันนี้ (19 เม.ย.) พล.ต.ต. สฤษดิ์ชัย อเนกเวียง รองผบช.ศชต. พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผบก.ภ.จว.ยะลา พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง ผบ.กรมทพ.47 พ.ท.กฤษณ์ แสงม่วง ผบ.ฉก.ยะลา 13 อ.กรงปินัง  นายสนั่น สนธิเมือง นายอำเภอกรงปินัง วางแผนสนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านตะโละสโตร์ หมู่ 6 ต.สะเอะ  หลังสืบทราบว่านายสกือรี จะปะกียา อายุ 32 ปี แกนนำอาร์เคเค.ระดับสั่งการ ภูมิลำเนาอยู่บ้านอุเบ็ง หมู่ 4 ต.ปะแต อ.ยะหา มีหมายจับ ป.วิอาญา รวม 4 หมาย  ได้นัดหมายแนวร่วมมาวางแผนก่อเหตุร้ายในหมู่บ้าน  ขณะกำลังถึงหุบเขาจุดเป้าหมายได้กระจายกำลัง เพื่อตรวจค้นบ้านมุงแฝกหลังคาสังกะสีใกล้ลำธาร  ไม่มีเลขที่ ขณะกำลังลุยน้ำข้ามลำธาร คนร้ายไหวตัวใช้ปืนเอ็ม16 ยิงใส่จนท. จนเกิดปะทะกันขึ้น ขณะเดียวกันคนร้าย 15 คนรวมทั้งนายสกือรี พยายามวิ่งหลบหนีขึ้นเชิงเขา แต่ถูกยิงสกัดอย่างหนัก ใช้เวลา 15 นาที เสียงปืนฝ่ายคนร้ายสงบลง
 
เมื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพนายสกือรี นอนกอดปืนเอ็ม16 คู่กับเพื่อนที่ยังไม่ทราบชื่ออีกศพนอนกอดปืนลูกซองยาวเช่นกัน  ห่างไป 5 เมตร พบอีก 3 ศพยังไม่ทราบชื่อเช่นกัน  ยึดอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ได้อีก 1 กระบอก นอกจากนั้นยังตรวจยึดยุทธปัจจัยอีกหลายรายการได้ในบ้าน ตรวจสอบต่อมาพบว่านายสกือรี เคยร่วมกับพวกลอบวางระเบิดทำให้พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา เสียชีวิต เมื่อเดือนมี.ค. 2552.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

จับแล้วฆาตกรฆ่าพระดับสยองคากุฏิ


จับแล้วฆาตกรฆ่าพระดับสยองคากุฏิ ที่แท้เป็นพระเจ้าของกุฏิ สารภาพโมโหผู้ตายทวงเงิน แถมขัดแย้งเรื่องเชียร์มวยคนละฝั่ง
จากกรณีที่เกิดเหตุสังหารโหดพระวิรัตน์ จิตติธัมโมภิกขุ หรือ พ.อ.วิรัตน์ เพ็ชรนอก อายุ 66 ปี อดีตนายทหารสังกัดศูนย์รักษาปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย พระลูกวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งมี พระอภิลักษ์ โพธิ์งาม เป็นเจ้าของกุฏิดังกล่าว ต่อมา ตร.เค้นสอบจนทราบว่าพระอภิลักษ์ เป็นคนลงมือ ฆ่า จึงได้นำตัวไปลาสิกขา ก่อนจะควบคุมตัวไว้สอบสวน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (19 เม.ย.) พ.ต.อ.อัยรัช ชินประยูร ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนอย่างละเอียด นายอภิลักษ์ โพธิ์งาม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ได้ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายและตนได้ซื้อเหล้าขาวมานั่งดื่มด้วยกัน พร้อมกับดูทีวีการถ่ายทอดสดมวยไทยไฟท์ ที่ “บัวขาว” ขึ้นชก และมีความคิดเห็นแตกต่างกันโดยตลอด ประกอบกับผู้ตายได้ทวงเงินที่ตนเคยยืมมา จนเกิดมีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ภายในกุฏิ ด้วยความโมโหตนจึงได้เดินไปหยิบเอาเหล็กฉาก ที่วางอยู่ข้างกุฏิมาฟาดเข้าที่ศีรษะ 1 ครั้ง จนผู้ตายล้มลงกับพื้น นอนแน่นิ่งไป ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่า แต่เพียงเพื่อสงบศึกเท่านั้น และไม่คิดว่าผู้ตายจะเสียชีวิต จึงได้นำหมอนพร้อมทั้งจีวรมาห่มให้ จากนั้นได้นำเหล็กฉากไปโยนทิ้งไว้ในกองไม้ข้างกุฏิ แล้วกลับเข้ามาเก็บกวาดพื้นห้อง ก่อนจะนอนเฝ้าศพทั้งคืนโดยไม่รู้ตัว พอตื่นเช้าขึ้นมาตนจึงรู้ว่าพระวิรัตน์ได้เสียชีวิตแล้ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายอภิลักษ์ ในข้อหา “มิได้มีเจตนาฆ่าแต่ทำร้ายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” ก่อนจะควบคุมตัวนายอภิลักษ์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ และส่งตัวให้กับ พ.ต.ท.ภาสพงศ์ ศรีเมือง พงส.(สบ.2) สภ.เมืองศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ถูกจับอีกแล้ว”ฮาเวิร์ด หวัง"


ถูกจับอีกแล้ว”ฮาเวิร์ด หวัง” ตำรวจบางขุนนนท์ รวบได้คาแมนชั่น พร้อมเพื่อนอีก 3คนและอุปกรณ์เสพยา หลังตรวจฉี่พบเป็นสีม่วง ปัดไม่ได้เสพ ถูกหลอกให้ดื่มน้ำ
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา.เวลา 17. 30 น. พ.ต.ท.พจนาจ งบพิมาย สว.สส.สน.บางขุนนท์ รับแจ้งมีวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด ภายในห้อง 918 จรัญแมนชั่น ชั้น 9 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 35 แขวงบางขุนศรี เขตบางกอกน้อย จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบ พบวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดจำนวน 4 คน ประกอบด้วยนายฮาเวิร์ด หวัง อายุ 26 ปี ดารานักแสดงชื่อดัง นอกจากนี้เป็น สาวประเภท 2 คือนายกุ้ง(นามสมมุติ) อายุ 19 ปี เจ้าของห้องดังกล่าว นายภาณุ พันทอง อายุ 21 ปี นายพงศธร เรืองเดช อายุ 20 ปี พร้อมอุปกรณ์การเสพยาเสพติดจำนวน 2 ชุด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาทั้งหมดพบเป็นสีม่วง ก่อนจะนำตัวมาสอบสวนที่ สน.บางขุนนนท์
 
จากการสอบสวนนายฮาเวิร์ด สารภาพอ้างว่า  ตนรู้จักกับนายกุ้ง ที่สถานบันเทิงย่านสุทธิสาร ก่อนที่นายกุ้งจะชักชวนตนมาที่ห้อง โดยตนยืนยันว่าตนไม่ได้เสพยาเสพติด  ส่วนที่ผลตรวจปัสสาวะออกมาเป็นสีม่วงนั้นก็เป็นเพราะว่าตนถูกพวกนายกุ้งหลอกให้ดื่มน้ำ โดยไม่รู้เลยว่าน้ำดังกล่าวนั้นมียาเสพติดเจือปน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ
 
จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งมอบให้กับ พ.ต.ต.พรชัย ศรีมุล พนักงานสอบสวน (สบ. 2 ) สน.บางขุนนนท์ ดำเนินคดีข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาล จ.ตลิ่งชัน ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ต่อไป
 
สำหรับประวัติของ “ฮาเวิร์ด หวัง” เกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2528 มีบิดา-มารดาเป็นชาวไต้หวัน ซึ่งเดินทางเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ก่อนจะถูกชักนำเข้าสู่วงการเพลง โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกวง “ไจแอนท์” สังกัดค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ มีผลงานออกอัลบั้ม 2 ชุด ส่วนเพลงที่สร้างชื่อเสียง คือ เพลง “รสปูอัด” และเพลง “เจ็บแปลบ” โด่งดังเมื่อช่วงปี 2541-2542 แต่ต่อมาเมื่อปี 2546 “ฮาเวิร์ด หวัง” ก็ตกเป็นข่าวในทางลบเมื่อถูกตำรวจ สน.ทองหล่อ จับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเคยถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกาย และเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2554 ฮาเวิร์ด หวังก็ถูกตำรวจกองปราบ จับกุมได้พร้อมของกลางกัญชาแห้งบรรจุถุงพลาสติก น้ำหนัก 5.5 กรัม และบ้องกัญชา 1 อัน ภายในบ้านแห่งหนึ่งย่าน
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources