วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ล่อจับคาโรงแรมหนุ่มใหญ่ลวงสาวท้อง3เดือนทำไสยศาสตร์หวังขืนใจ


วันนี้ ( 10 ส.ค. ) เมื่อเวลา 01.00  สภ.ปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.ชาติชาย เรียมศิริ สว.สส.สภ.ปักธงชัย ควบคุมตัวนายภัทรพล วีระภักดี อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226/64 หมู่ 10 ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มาสอบสวนหลังจากก่อนหน้านายภัทรพล พยายามหลอกลวงสาวท้อง 3 เดือน เข้าโรงแรมเพื่อมีเพศสัมพันธ์ ด้วยการหลอกว่าผู้ต้องหามีไฝอยู่ในที่ลับต้องเข้าไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ เพื่อล้างซวย แต่เหยื่อไหวตัวทันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนล่อลวงควบคุมตัวได้

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งจาก น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 20 ซึ่งเป็นชาว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ว่า นายภัทรพล มีอาชีพ ขับรถส่งนำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งพบกันโดยบังเอิญได้ 3 วัน   โทรศัพท์มาหาอ้างว่าตนมีไฝในที่ลับ ต้องทำพิธีเพื่อล้างซวย โดยจะต้องใช้เงินค่าทำพิธี 990 บาท โดยต้องซื้อแผ่นทอง และสิ่งของประกอบพิธีอีกสองสามอย่าง

ตอนแรก นางสาวบี ก็สนใจเนื่องจากขณะนี้ท้องได้สามเดือน แต่ต้องแยกทางกับแฟน และมีปัญหาอื่นมากมาย แต่เมื่อสอบถามรายละเอียด นายภัทรพล อ้างว่าต้องทำพิธีที่โรงแรม นางสาวบี เห็นว่าลักษณะดังกล่าวน่าจะเป็นการหลอกลวงไปข่มขืน จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปักธงชัย ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยนัดพับกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อำเภอปักธงชัย และจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ด้านนายภัทรพล ให้การรับสารภาพว่า พึ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก เพียงต้องการอยากได้เงิน 990 บาท เนื่องจากกำลังมีปัญหาด้านการเงิน มีความจำเป็นที่ต้องต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวจึงลงมือก่อเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวมาบันทึกประวัติที่โรงพัก เนื่องจากเกรงว่านายภัทรพล อาจจะเคยหลอกลวงลักษณะเดียวกันจนมีผู้เสียหายแต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ จึงต้องบันทึงประวัติไว้ ก่อนที่จะปล่อยตัวไป พร้อมกับประสานเข้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงว่า นายภัทรพล ได้เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันหรือไม่

สุดโหดจ่อยิง”บอย คลองสะแก”โจ๋กรุงเก่าดับกลางซอย


วันนี้ ( 10 ส.ค.) เมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.ท.วสันต์ ทิพยรัตน์  สว.เวร สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายในซอยน้องแดง ม.1 ต.ธนู จึงรายงานผู้บังคับบัญชาพร้อมด้วยพล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม ผบก.ภ.ยพระนครศรีอยุธยา พ.ต.อ.ธนพล โพธิสุข ผกก.สภ.อุทัย ชุดสืบสวนและหน่วยกู้ภัยสมาคอยุธยารวมใจ ไปยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นถนนในซอยหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอิเลเว่น ก่อนถึงวิทยาลัยสารพัดช่างพระนครศรีอยุธยา มีประชาชนโดยเฉพาะพนักงานโรงงานเดินออกไปทำงานจำนวนมาก พบศพนายธวัชชัย คล้ายอ่อน อายุ 25 ปี หรือรู้จักกันในนาม บอย คลองสะแก บ้านอยู่ 11 ม. 4 ต.คลองสะแก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา  สวมเสื้อเชิตสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ นอนเสียชีวิตในลักษณะคร่อมอยู่กับ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวป 125 สีน้ำเงิน ทะเบียน ขตร 171 พระนครศรีอยุธยา
สอบสวนน.ส.พรทิพย์  ศิริพิน อายุ 24 ปี บ้านอยู่ ต.หนองยาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ซึ่งมากับผู้เสียชีวิตและยืนอยู่ในอาการตกใจในร้านสะดวกซื้อ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ไปเที่ยวที่ร้านอาหารหม่ำหม่ำในย่านตลาด แกรนด์ ต.ธนู จากนั้นผู้เสียชีวิตมีอาการมึนเมา น.ส.พรทิพย์ จึงอาสาขี่จยย.พาไปรับประทานข้าวต้มต่อใกล้กับร้าน จากนั้นก็ขี่พามาแวะซื้อของที่เซเว่นอีเลเว่น ไม่กี่นาทีปรากฏว่ามี รถยนต์ปิกอัพสีดำไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียนวิ่งมาจอดประกบ คนที่นั่งมาในรถข้างคนขับได้ใช้อาวุธปืนจ่อยิง 2 นัดจนผู้เสียชีวิตล้มลง จากนั้นก็ขับรถออกไปอย่างใจเย็น เบื้องต้นจนท.สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นคนที่มาชอบพอกับน.ส.พรทิพย์ หรือเป็นคู่อริเก่า หรือมีเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย นอกจากนี้ พ.ต.อ.ธนพล ยังเปิดเผยว่าผู้เสียชีวิต ไม่มีอาชีพการงานอะไร และชอบมีเรื่อง มีประวัติเป็นขาโจ๋ที่เคยมีเรื่องยิงปืนใส่รถจนท.ตำรวจที่ร้านอาหารหม่ำๆ และเคยถูกตำรวจจับในคดีอาวุธปืนด้วย ซึ่งจนท.จะได้สืบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป

ตร.กรุงเก่าระดมจับต่างด้าวนับร้อยราย


เมื่อเวลา    07.00 น.วันที่   10 สค   พล.ต.ต.อนุรักษ์ แตงเกษม  ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภจว.พระนครศรีอยุธยา และตำรวจสืบสวน 16 อำเภอ ระดมกำลังกวาดล้างแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้นำกำลังตำรวจ 30 นายเข้าปิดล้อมตรวจค้น โรงงานผลิตปุ๋ย ตราม้าบิน ต.บ่อโพง อ.นครหลวง พบแรงงานต่างด้าวจำนวน 40 คนเป็นชาวพม่า และกัมพูชา ชาย 30 คนหญิง 8 คนและเด็ก 2 คน กำลังเข้าทำงาน จึงทำการควบคุมตัวตรวจสอบเอกสาร นอกจากนี้ในส่วนของต่างอำเภอก็สามารถจับกุมได้ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 คน หลังจากนี้ก็จะทำการผลักดันกลับประเทศตนเองต่อไป
พล.ต.ต.อนุรักษ์  หลังจากที่มีกระแสข่าวด้านคนงานต่างด้าวเข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมเป็นประจำ จึงได้มีมาตรการคัดกรองและป้องกัน ด้วยการเน้นย้ำให้แรงงานต่างด้าวที่มีเอกสาร ต้องขึ้นทะเบียนถูกต้อง เพื่อสะดวกต่อการดูแลควบคุม และติดตามเมื่อเกิดเหตุขึ้น

ยุบอีก!กลางซอยสุขุมวิท31ใกล้บ้าน"มาร์ค"


เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 10 ส.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีเหตุพื้นผิวถนนยุบตัว บริเวณใกล้แยกสวัสดี ซอยสุขุมวิท 31 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านนายอภิสฃิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ไม่มากนัก พบพื้นผิวถนนข้างทางเท้ายุบตัวกว้าง 1 เมตร ยาวตลอดแนวทางเท้ากว่า 6 เมตร ลึก 1 เมตร ทำให้การจราจรบริเวณซอยดังกล่าวติดขัดเป็นอย่างมาก
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในพื้นที่ ทราบว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาที่เกิดเหตุได้มีการวางท่อประปา ของการประปานครหลวงแต่ยังไม่แล้วเสร็จ แล้วประกอบกับมีฝนตกลงมา ประกอบกับช่วงเช้ามีรถที่สัญจรไปมาจำนวนมาก จึงทำให้เกิดการยุบตัวจนมีรถเปล่าของโรงเรียนแห่งหนึ่งตกหล่มด้วย โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ซ่อมแซมจุดดังกล่าวแล้ว.

อธิบดีศาลอาญา แจง ศาลจะอ่านคำสั่งเพิกถอนประกันหรือไม่ในส่วนของ 19 จำเลยพร้อมกัน


วันนี้ (10 ส.ค.) นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เปิดเผยถึงการนัดสอบถามคำร้องขอเพิกถอนประกันแกนนำ นปช.เมื่อวานที่ผ่านมาว่า ในส่วนของนายจตุพร พรหมพันธ์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ที่ศาลนัดอ่านคำสั่งในวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมาแต่ไม่ได้อ่านนั้น เนื่องจากศาลต้องการอ่านคำสั่งให้เสร็จไปในคราวเดียวกัน เพื่อป้องกันการคาดการณ์ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือข้อครหาต่าง ๆ ได้ ประกอบกับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 7 ได้ขอนำหลักฐานมายื่นประกอบ การไต่สวนต่อศาลเพิ่มเติมซึ่งศาลอนุญาตตามคำขอ  ส่วนจำเลยที่เหลือทั้ง 18 คน นั้นการสอบถามเป็นที่ยุติแล้ว องค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะต้องพิจารณาร่างคำสั่ง จากนั้นจะต้องนำมาปรึกษาตน ในฐานะที่หัวหน้าผู้พิพากษาประจำศาลอาญา ซึ่งตนคงให้คำปรึกษา แต่ไม่มีอำนาจไปแทรกแซงคำวินิจฉัยได้  อย่างไรก็ตามในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ศาลจะต้องมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งกับจำเลยทั้ง 19 คนอย่างแน่นอน และคาดว่าจะมีมวลชนมาร่วมให้กำลังใจแกนนำ นปช.มากกว่าวันที่ 9 ส.ค. เพราะถือว่าเป็นวันที่รู้ผลแล้ว ซึ่งในส่วนของศาลจะได้มีการประชุมหารือเพื่อเตรียมการรับมือต่อไป.

ระทึก!เครนยักษ์ถล่มทับโรงเรียนดังหวิดตายหมู่


เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 10 ส.ค. ร.ต.อ.ภูสิทธิ์ ชาญศรี พงส.(สบ1) สน.ดินแดง รับแจ้งเกิดเหตุเครนก่อสร้างพังถล่มมีผู้บาดเจ็บ ของโครงการคาซ่า  คอนโด ริมถนนอโศก-ดินแดง ใกล้แยกประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง จึงรีบไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ก่อสร้างคอนโดหรู 26 ชั้น พบเครนขนาดใหญ่พังถล่มล้มลงมากองอยู่บริเวณชั้น 6 โดยมีบางส่วนหักทับนั่งร้านและตัวอาคารบางส่วนจนเสียหายเศษปูนแตกหักปลิว กระจายไปตกใส่อาคารบ้านเรือนประชานชนในละแวกได้รับเสียหายนับสิบหลังคาเรือน ทั้งยังมีเหล็กเส้น 2 มัดหนักกว่า 10 ตัน ร่วงหล่นใส่โรงอาหารและโรงยิมของโรงเรียนแม่พระฟาติมา พังย่อยยับ โดยมีผู้บาดเจ็บเป็นแรงงานชาวต่างด้าว 3 ราย ซึ่งรายที่หนักสุดถึงขั้นขาขวาขาดสะบั้น นอกจากนี้ยังไม่ชายสูงวัยที่ขี่รถ จยย.ผ่านจุดเกิดเหตุถูกเศษปูนปลิวกระเด็นใส่ด้วย
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนขับเครนกำลังขนเส้นเหล็กมัดใหญ่ขนไปด้านบน แต่ระหว่างนั้นเส้นลวดสลิงที่ใช้ผูกโยงกลับขาดส่งผลให้เหล็กเส้นมัดใหญ่หนัก นับสิบตันร่วงหล่นใส่อาคารของโรงเรียนแม่พระฟาติมา โชคดีที่ไม่มีนักเรียนอยู่ในบริเวณ หลังสลิงขาดตัวเครนเกิดแรงเหวี่ยงกลับอย่างแรงจนหักพังตั้งแต่ชั้น 13 โค่นลงมาอย่างรวดเร็วดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คุมตัววิศวกรผู้ควบคุมไปสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อ ไป.

นครบาลซิว 2 หนุ่มเครือข่ายยานรกภาคเหนือ ยึดของกลางได้เกือบครึ่งแสนเม็ด


เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (10 ส.ค.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.9 พ.ต.อ.ชยุต รัตนอุบล รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.กมลสันติ กลั่นบุศย์ รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สส.บก.น.9 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายธนกฤษ สินสูงสุด อายุ 32 ปี และนายทินกร จันทร์มณี อายุ 22 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท พร้อมรถยนต์ฮอนด้า ทะเบียนป้ายแดงอีก 1 คัน ที่ใช้ในการส่งยาเสพติด โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้างโลตัส สาขาพระราม 2 ถนนพระราม 2 แขวง-เขตแสมดำ

พล.ต.ต.รัษฎากรเปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เป็นเครือข่ายค้ายาบ้าทางภาคเหนือ โดยมีนายขวัญ ไม่ทราบนามสกุล เป็นหัวหน้าแก๊ง ซึ่งรู้จักกันในเรือนจำกลางจังหวัดลำปาง โดยว่าจ้างให้ไปรับยาบ้าจากย่านลาดพร้าวไปส่งให้ลูกค้าที่ห้างโลตัสพระราม 2  เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมได้ดังกล่าว ส่วนนายขวัญไหวตัวทันหลบหนีไปได้หวุดหวิด โดยตนเพิ่งทำเป็นครั้งแรก นอกจากนี้นายทินกรเคยถูกต้องโทษคดีฆ่าคนตายอีกด้วย ซึ่งจะขยายผลตามจับนายขวัญมาดำเนินคดีต่อไป. 

หนุ่มใหญ่ร้องขอความเป็นธรรมถูกสื่อเผยแพร่ภาพ – ชื่อ โยงคดียาบ้า


จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจบช.ปส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) นำกำลังไล่ล่าแก๊งค้ายาเสพติด มาจนมุมที่บริเวณหน้าฐานทัพอากาศดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต ก่อนจะวิสามัญคนร้าย 1 คน เสียชีวิตภายในรถคือนายพล ชัยยะพันโท สัญชาติลาว และตรวจค้นยาบ้าได้กว่า 3 แสนเม็ด ส่วนคนร้ายอีก 2 คน ที่มาด้วยกัน อาศัยช่วงชุลมุน กระโดดหนีเข้าไปในพงหญ้ากว้าง ก่อนจะยอมมอบตัวในที่สุดนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (10 ส.ค.)  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายประสงค์ สุทธิชนโสภากุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 ซอยทวีวัฒนา 19/1 ถนนทวีวัฒนา แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. ได้เดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับผู้สื่อข่าวประจำบช.น. ว่า ถูกสื่อมวลชนนำชื่อและภาพถ่ายไปเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์  ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติด ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นคนไม่ดี เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อต้นปี 2554 ได้ทำบัตรประชาชนหายไป คาดว่ากลุ่มคนร้ายคงจะเก็บได้แล้วเอาไปใช้ในกระทำความผิด พร้อมทั้งนำหลักฐานเป็นภาพบัตรประชาชนตัวจริงมาแสดงแก่สื่อมวลชนด้วย

นายประสงค์เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานของบริษัทดิจิตอลคอม จำกัด ย่านเพลินจิต ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย การติดตั้งกล้องวงจรปิด เมื่อวันที่ 8 ส.ค เพื่อนของตนได้โทรศัพท์มาหาพร้อมกับสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ข่าวว่าหลบหนีคดียาเสพติดอยู่ ตนจึงตอบไปว่าไม่ได้หลบหนี ยังใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและทำงานตามปกติ และไม่ได้ค้ายาเสพติดด้วย ซึ่งเพื่อนได้บอกว่าโทรทัศน์หลายช่องลงภาพใบหน้าและมีการเอ่ยชื่อของตน ส่วนหนังสือพิมพ์ก็ลงชื่อของตนว่าอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติด แต่หลบหนีอยู่ ตนจึงเปิดอินเทอร์เน็ตและหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความที่สน.ตลิ่งชัน เพื่อแสดงตัวก่อนเนื่องจากใกล้บ้าน อีกทั้งกลัวว่าจะถูกวิสามัญฆาตกรรม จากนั้นทางตำรวจสน.ตลิ่งชันได้แนะนำให้ตนเดินทางไปแสดงตัวและหลักฐานที่ บช.ปส. ตนจึงเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.พงศกร อนันตยศกรกิจ พงส.(สบ3) กลุ่มงานสอบสวนและตรวจสอบทรัพย์สิน บก.ปส.3 เพื่อชี้แจงว่าก่อนหน้านี้ตนได้ทำบัตรประชาชนหายไป และทำบัตรใหม่แล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2554 อาจจะถูกนำบัตรไปใช้แอบอ้าง
จากนั้นพ.ต.ท.พงศกร ได้ให้ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวมาชี้ตัวว่าตนอยู่ในขบวนการด้วยหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหาบอกว่าไม่ใช่ อีกทั้งตำรวจไม่ได้จับกุมตน เพราะรู้ว่าไม่เกี่ยวข้อง ในวันเกิดเหตุตำรวจพบบัตรประชาชนของตนอยู่ในรถของผู้ต้องหา ทางตำรวจจึงไปนำข้อมูลของตนจากทะเบียนราษฎร์ออกมาเพื่อเตรียมขยายผล โดยที่ไม่ได้แจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าว เพราะยังไม่แน่ใจว่าตนจะมีส่วนเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ แต่ปรากฏว่าผู้สื่อข่าวแอบมาถ่ายภาพดังกล่าวไปกันเอง และเอาไปนำเสนอ ตำรวจจึงบอกให้ตนไปร้องเรียนกับสื่อมวลชน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตนถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี ลูกชายไปโรงเรียนไม่ได้ ทั้งนี้ไม่ได้คิดที่จะฟ้องร้องแต่อย่างใด แต่อยากขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนให้ช่วยแก้ข่าวให้ด้วย.

ตร.ปากน้ำโพจับมือปืนลำดับ 13 รับจ้างยิงชู้ของคนจ้างวาน


วันนี้ (9 ส.ค.) พล.ต.ท.วันชัย ถนัดกิจ ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ และชุดสืบสวนภูธรภาค 6 แถลงผลการจับกุมตัวนายรณรงค์ หรือรงค์ เสือเจริญ ชาว จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในรายชื่ออันดับ 13 ของกลุ่มมือปืน ที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการตัวมากที่สุด โดยมีการตั้งรางวัลนำจับถึง 100,000 บาท
สำหรับการจับกุมตัวมือปืนรายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2551 นายรณรงค์ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด.38 ยิงนายวิชาญ นุ่มมาก ชาวนาใน อ.ชุมแสง จนถึงแก่ความตาย ในท้องที่ ต.พิกุล หลังได้รับการว่าจ้างจาก นายสุทิน จันทร์อุบล ให้ไปก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากผู้จ้างมีความโกรธแค้นที่ผู้ตายไปลักลอบมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับ ภรรยา โดยมี จ.ส.ต.ประเสริฐศักดิ์ เกิดปาน เป็นผู้จัดหาอาวุธ และมีนายสิทธิพร บินขุนทด เป็นผู้ขับรถให้มือปืน ต่อมานายสุทิน จ.ส.ต.ประเสริฐศักดิ์ รวมถึงนายสิทธิพร ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนนายรณรงค์ หลบหนีไปกบดานที่บ้านเลขที่ 208/2 ม.10 ต.วังเย็น อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำกำลังไปจับกุม
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลั่นไกสังหารนายวิชาญจริง เนื่องจาก จ.ส.ต.ประเสริฐศักดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ได้ยื่นข้อเสนอว่าจะให้เงินจำนวนหนึ่ง แลกกับการไปยิงศัตรูหัวใจของนายสุทิน ตนจึงตกลงรับข้อเสนอทันที เพราะช่วงนั้นกำลังร้อนเงินมาก โดยหลังจากที่ตนใช้อาวุธปืนยิงจ่อศรีษะนายวิชาญ จนกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วนั้น จึงได้หลบหนีไปกบดานแถว ต.ปากน้ำ จ.สมุทรปราการ ก่อนจะโยกไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านภรรยาใน จ.ฉะเชิงเทรา
ด้าน พล.ต.ท.วันชัย เปิดเผยว่า นอกจากนายรณรงค์ จะไปก่อเหตุยิงคนตายแล้ว ยังมีหมายจับอีกในคดีปล้น และคดีอื่นๆ อีกหลายคดี แต่ผู้ต้องหากลับให้การปฏิเสธทั้งหมด และยังให้การปฏิเสธว่าไม่เคยก่อเหตุรับจ้างยิงใครในพื้นที่อื่นด้วย ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการสอบสวนขยายผลต่อไป ส่วนในเบื้องต้น จะนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ชุมแสง ไปดำเนินคดีตามกฎหมายก่อน..

"วีออส"พุ่งข้ามเลนไฟลุกท่วมคลอกคนขับดับสยองคารถ


เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 10 สิงหาคม 2555 พ.ต.ท.สุทธิชน  ธงชัยภูมิ สารวัตรเวร สภ.บางปูสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถชนกันและเกิดไฟลุกท่วมรถมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภาย ในซากรถที่บริเวณถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่  37 หน้าโรงพัก สภ.บางปู  หมู่ 4 ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยรถดับเพลิงเทศบาลตำบลบางปูจำนวน 2 คันเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุได้พบเพลิงกำลังลุกไหม้รถยนต์เก๋งยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ ทะเบียนกฉ -8239  กาญจนบุรี โดยเปลวเพลิงได้ลุกท่วมทั้งคันเนื่องจากรถคันดังกล่าวใช้ก๊าส NGV เป็นเชื้อเพลิง จึงทำให้เพลิงลุกโหมอย่างรวดเร็วเนื่องจากท่อส่งก๊าสแตกก๊าสพุ่งออกมาจำนวน มาก ในที่เกิดเหตุได้พบผู้บาดเจ็บคลานออกมาจากรถเป็นชาวต่างชาติชื่อ Miss Satyarati  Susanto  อายุ 45 ปี เป็นชาวอินโดนีเซียได้รับบาดเจ็บที่บริเวณต้นแขนขาวหัก ใบหน้ามีบาดแผลถลอกและหลังมือทั้งสองข้าง เจ้าหน้าที่มูลนิธิบางปู 811 ได้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลรัทรินทร์บางปู ส่วนชายที่เสียชีวิตอยู่ในรถบนเบาะข้างคนขับชื่อ นายแสงอรุณ  อมรทวัลสกุล  อายุ 42 ปี ถูกไฟเผาจนดำเป็นตอตะโก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้ความพยายามในการฉีดนำเพื่อดับเพลิงอยู่นานกว่า 30 นาทีเพลิงจึงสงบ
ห่างออกไปเล็กน้อยที่บริเวณกลางถนนได้พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียน ฆธ-5059 กรุงเทพมหานคร จอดขวางอยู่กลางถนนในสภาพด้านหน้าข้างขวาพังยับเยินภายในรถพบร่างผู้บาดเจ็บ เป็นหญิงชื่อ นางสาว สุทาพร  แสงนิลเจริญ  อายุ 32 ปี พนักงานเทศบาลตำบลบางปู ได้รับบาดเจ็บถูกแรงกระแทกที่หน้าอก และมีบาดแผลที่ขาข้างขวา เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ช่วยนำส่งรักษาที่โรงพยาบาลเมืองสมุทรบางปู ก่อนย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ
จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุเห็นรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส ขับมาจากคลองด่าน มุ่งหน้าเข้ามาบางปู  ส่วนรถเก๋งโตโยต้า วีออส ขับมาจากบางปูมุ่งหน้าไปคลองด่าน  มาถึงที่เกิดเหตุรถเก๋งโตโยต้า ได้วิ่งข้ามเลนของตัวเองเข้ามาชนรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ส ที่วิ่งสวนทางมาเข้าอย่างแรงเสียงดังสนั่น ทำให้รถเก๋งโตโยต้า วีออส เสียหลักหมุนหลายตลบก่อนที่เข้าไปชนเหล็กกั้นขอบทาง และเกิดไฟลุกท่วมทั้งคัน ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นหญิงชาวต่างชาติที่นั่งมาด้วยในรถโตโยต้า หลังเกิดเพลิงลุกไหม้ตัวรถได้พยายามคลานหนีตายออกมาจากรถก่อนทีไฟจะลุกท่วม ทั้งคัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า ในขณะที่ผู้ตายขับรถมาถึงที่เกิดเหตุอาจจะหลับในขับรถข้ามเลนมาด้วยความเร็ว จึงได้ชนประสานงากับรถฮอนด้าแจ๊ส ที่วิ่งสวนทางมาเข้าอย่างจังก่อนเกิดไฟลุกท่วมทั้งคันเนื่องจากรถคันดัง กล่าวใช้ก๊าส NGV เป็นเชื้อเพลิงจึงทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้คลอดผู้ตายจนเสียชีวิตคารถดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะได้ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

ล่อจับคาโรงแรมหนุ่มใหญ่ลวงสาวท้อง3เดือนทำไสยศาสตร์หวังขืนใจ


วันนี้ ( 10 ส.ค. ) เมื่อเวลา 01.00  สภ.ปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.ท.ชาติชาย เรียมศิริ สว.สส.สภ.ปักธงชัย ควบคุมตัวนายภัทรพล วีระภักดี อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 226/64 หมู่ 10 ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มาสอบสวนหลังจากก่อนหน้านายภัทรพล พยายามหลอกลวงสาวท้อง 3 เดือน เข้าโรงแรมเพื่อมีเพศสัมพันธ์ ด้วยการหลอกว่าผู้ต้องหามีไฝอยู่ในที่ลับต้องเข้าไปทำพิธีทางไสยศาสตร์ เพื่อล้างซวย แต่เหยื่อไหวตัวทันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจวางแผนล่อลวงควบคุมตัวได้

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งจาก น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 20 ซึ่งเป็นชาว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ว่า นายภัทรพล มีอาชีพ ขับรถส่งนำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งพบกันโดยบังเอิญได้ 3 วัน   โทรศัพท์มาหาอ้างว่าตนมีไฝในที่ลับ ต้องทำพิธีเพื่อล้างซวย โดยจะต้องใช้เงินค่าทำพิธี 990 บาท โดยต้องซื้อแผ่นทอง และสิ่งของประกอบพิธีอีกสองสามอย่าง

ตอนแรก นางสาวบี ก็สนใจเนื่องจากขณะนี้ท้องได้สามเดือน แต่ต้องแยกทางกับแฟน และมีปัญหาอื่นมากมาย แต่เมื่อสอบถามรายละเอียด นายภัทรพล อ้างว่าต้องทำพิธีที่โรงแรม นางสาวบี เห็นว่าลักษณะดังกล่าวน่าจะเป็นการหลอกลวงไปข่มขืน จึงประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปักธงชัย ร่วมกันวางแผนจับกุม โดยนัดพับกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อำเภอปักธงชัย และจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ด้านนายภัทรพล ให้การรับสารภาพว่า พึ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก เพียงต้องการอยากได้เงิน 990 บาท เนื่องจากกำลังมีปัญหาด้านการเงิน มีความจำเป็นที่ต้องต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวจึงลงมือก่อเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวมาบันทึกประวัติที่โรงพัก เนื่องจากเกรงว่านายภัทรพล อาจจะเคยหลอกลวงลักษณะเดียวกันจนมีผู้เสียหายแต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ จึงต้องบันทึงประวัติไว้ ก่อนที่จะปล่อยตัวไป พร้อมกับประสานเข้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ใกล้เคียงว่า นายภัทรพล ได้เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันหรือไม่

"วีระกานต์" "จตุพร" นำทีม นปช.มาถึงแล้ว


ล่าสุด แกนนำนปช. นำโดย นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ได้เดินทางมาถึง ศาลอาญา รัชดาภิเษก เพื่อรอการไต่สวนคำร้องเพิกถอนประกันตัว 24 แกนนำ นปช. ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มงวดของทีมรักษาความปลอดภัย โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงมีมารอให้กำลังใจตั้งแต่เช้ามืด ส่งเสียงเชียร์ดังสนั่น ซึ่งแกนนำที่มาแต่ละคนมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม คอยโบกมือทักทายกองเชียร์ตลอดเวลา
ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงกรณีศาลอาญาจะพิจารณาตัดสินการเพิกถอนประกันตัวแกนนำเสื้อแดง 24 คน ในวันนี้ว่า ในส่วนแกนนำคนเสื้อแดง 4 คนที่เป็นส.ส.ได้คุยกันแล้วว่า หากศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว ก็จะไม่ขอใช้เอกสิทธิส.ส.ในการคุ้มครอง อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับสภาผู้แทนราษฎรว่า จะอนุญาตหรือไม่ ซึ่งต้องเคารพกระบวนการของสภาฯ ส่วนแกนนำเสื้อแดงที่ไม่เป็นส.ส. หากถูกเพิกถอนการประกันตัว ก็จะมีการยื่นขอประกันตัวในทันที ยืนยันว่า พวกเราพร้อมน้อมรับและเคารพในคำตัดสินของศาล ทั้งนี้มั่นใจว่า มวลชนคนเสื้อแดงที่ไปให้กำลังใจแกนนำที่ศาลอาญาจะปฏิบัติตนตามคำสั่งและข้อ กำหนดของศาลทุกอย่าง และคงไม่มีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น..

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources