วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“ไชอา ลาบัฟ” นำทีม 3 พี่น้องสุดซ่า ท้ากฎหมาย เรื่องจริงขึ้นจอ


“ไชอา ลาบัฟ” นักแสดงหนุ่มขวัญใจวัยรุ่นจากหนังแอ๊คชั่นหุ่นเหล็กซัดกัน ทรานส์ฟอร์เมอร์ส ทั้ง 3 ภาค ขอพลิกบทบาทครั้งยิ่งใหญ่ ในภาพยนตร์แนวคาวบอยย้อนยุค “ลอว์เลส” กำกับโดยผู้กำกับมือรางวัล จอห์น ฮิลโค้ท จาก เดอะ โร้ด  ร่วมด้วยนักแสดงชั้นนำมากมาย ทั้ง ทอม ฮาร์ดี้ จาก เดอะ ดาร์ค ไนท์ ไรส์ แกรี่ โอลด์แมน จาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ เจสสิก้า เชสเทน จาก เดอะเฮลป์ และ มีอา วาชิโควสก้า จาก อลิซ อิน วันเดอร์แลนด์

โดยหนังสร้างจากเรื่องจริงของ “สามพี่น้องตระกูลบอนดูแรนท์” ที่ต้มเหล้าเถื่อนขายจนโด่งดัง ในยุคที่อเมริกาออกกฎหมายห้ามจำหน่ายและผลิตสุรา ในแฟรงคลิน เคาท์ตี รัฐเวอร์จิเนีย เรื่องราวของสามพี่น้องบอนดูแรนท์ถือเป็นตำนาน ประกอบไปด้วยพี่ชายคนโต โฮเวิร์ด (เจสัน คลาร์ก) พี่ชายคนกลาง ฟอเรส (ทอม ฮาร์ดี้) และน้องคนสุดท้อง แจ็ค (ไชอา ลาบัฟ) ซึ่งเป็นคนฉลาด มีไหวพริบ และมีความทะเยอทะยาน นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและเศรษฐกิจตกต่ำ ธุรกิจการค้าเหล้าเถื่อนของสามพี่น้องจึงเป็นที่ต้องการของตลาด แต่พวกเขาก็กำลังพบกับอุปสรรคชิ้นสำคัญ เมื่อเจ้าหน้าที่พิเศษ ชาร์ลี เรคส์ (กาย เพียร์ส) จากชิคาโกเดินทางมาถึง แต่พวกเขาก็ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ประกอบกับความทะเยอทะยานของแจ็ค ที่ขัดคำสั่งของ ฟอเรส เพราะต้องการยืนหยัดด้วยตัวเอง โดยแจ็คเริ่มทำธุรกิจกับ ฟลอยด์ แบนเนอร์ (แกรี่ โอลด์แมน) แก๊งสเตอร์ชื่อดังที่ทำให้ทั้งสามต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวสุดอันตราย

ลาบัฟ พูดถึงตัวละครของเขาว่า “ผมไม่เคยรับบทแบบนี้มาก่อน นี่คือเด็กผู้ชายที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในหลายทาง เขาดื่มเหล้าเถื่อนเป็นครั้งแรก และก็ได้จูบครั้งแรก หนังยังเกี่ยวกับครอบครัวที่ต้องเจอกับอะไรหลายอย่าง พวกเขาต้องรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ในขณะที่อำนาจก็โอนถ่ายไปมาระหว่างสามพี่น้อง เขาอยู่ในครอบครัวที่ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ในยุคนั้นคนจนแทบไม่มีทางเลือกในการใช้ชีวิต และความสามารถของพวกเขาคือการต้มเหล้าเถื่อนขาย” ไชอา ลาบัฟ กล่าว.

'ชม' ย้ำ ละครเวที'เรยา'แซ่บ โต้'น็อต'โชว์ป๋า!เหมารอบดู


หายหน้าหายตาไปจากอีเวนต์ เพื่อเคลียร์คิวสำหรับละครเวทีเรื่อง “เรยา เดอะ มิวสิคัล” โดยเฉพาะ สำหรับ นางเอกสาว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ล่าสุด สาวชม เดินสายเจอสื่อ เพื่ออัพเดทความคืบหน้าของละครเวทีเรื่องนี้ พร้อมเปิดใจเรื่องหัวใจกับไฮโซหนุ่ม น็อต-วิศรุต รังสีสิงห์พิพัฒน์
“ตอนนี้เราซ้อมกันเกือบเต็มแล้วนะคะ ในส่วนของบล็อคกิ้ง กับการต่อบทก็ครบทุกซีนแล้ว เหลือเข้าโรงละคร แล้วรอเติมรายละเอียดให้มันคมขึ้น” ต้องร้องเพลงด้วยยากไหม? “ยากค่ะ เพราะว่ามันไม่ได้ร้องตามใจเรา ที่ผ่านมาเราก็ร้องงู ๆ ปลา ๆ อันนี้เหมือนนับหนึ่งใหม่เลย เป็นเด็กอนุบาลเลย เขาบอกให้ทำอะไรก็ทำ และกลายเป็นว่าเราลืมไปแล้วว่าเราเคยร้องเพลงยังไง พอเรานึกถึงสิ่งที่ครูสอน กลายเป็นว่าเราไปเพ่งตรงนั้น มันก็ยากที่เราจะหาตรงกลางในการจะพยายามทำให้มันถูกต้องและความเป็น ธรรมชาติ” กดดันไหม เพราะคนอื่นเป็นนักร้องอาชีพ? “ไม่ได้กดดันว่าต้องทำให้เท่าเขานะ เพราะในส่วนของละครทีวีเราเห็นมาหมดแล้วไง คนรู้แล้วว่าเราเล่นยังไง คนได้เห็นอะไรที่มันแรงสุด ๆ ไปแล้ว แต่สิ่งเดียวที่จะทำให้คนแปลกใจได้มันคือเรื่องร้องเพลง ซึ่งเราคาดหวังว่าเราจะทำได้มากกว่าพอถูพอไถ เลยกดดันตรงนี้มากกว่า” คนที่ค่อนข้างจะคาดหวัง? “ด้วยความที่ละครทีวีมีเหตุผลในเรื่องของเรตติ้ง เรามีระยะเวลาออกอากาศที่สามารถใส่รายละเอียดได้เยอะ แต่ละครเวทีต้องเล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้ให้ได้ภายใน 2 ชั่วโมง และครั้งนี้ผู้จัดละคร คือ ผู้ประพันธ์เองด้วย ฉะนั้นมุมมองของละครเวทีคงเป็นมุมมองของผู้ประพันธ์เลย แต่ถามว่าแซบไหม เรยาก็ยังคงเป็นเรยาอยู่ดี เพียงแต่ว่าเราได้สนุกกับการชมดนตรีไปด้วย เราคาดหวังว่าคนดูน่าจะแฮปปี้ ชมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยดู “ดอกส้มสีทอง” มาแล้ว แต่ยังไงก็อยากให้มาดูเยอะ ๆ เพราะชมทุ่มเทมากค่ะ หาซื้อบัตรได้แล้วที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ เริ่มแสดงวันที่ 14 ก.ย. จนถึง 7 ต.ค.นี้ ที่โรงละครอักษรา ค่ะ”

ช่วงนี้เทคิวให้ละครเวที เลยหายหน้าไปจากอีเวนต์เลย? “ช่วงนี้งานอีเวนต์ถ้าจะมีจริง ๆ จะเป็นงานตามสัญญา พวกงานพรีเซ็นเตอร์ แต่ถ้างานพวกอีเวนต์ประปรายพวกงานจ้างก็พักก่อน” มีข่าวแซวว่า น็อต เหมารอบ? “โอ๊ย...ไม่ได้เหมาหรอกค่ะ แต่ก็มีวางแผนว่าจะพาเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ไปดูบ้าง” อย่างเราซ้อมหนักอย่างนี้ เขาได้เทคแคร์บ้างไหม? “ช่วงนี้ต่างคนก็ต่างเทคแคร์ตัวเองนะ เพราะว่ายุ่ง ๆ ทั้งคู่” อย่างวันเกิดน็อตที่เพิ่งผ่านมา ชมให้ของขวัญอะไร? “ก็ให้ แต่ขออุบไว้สองคนแล้วกัน ปีนี้ก็เรียบ ๆ ไม่ได้จัด ไม่ได้เลี้ยงอะไรเลย อย่างวันเกิดเขาก็ยังซ้อม เรยา อยู่เลย แล้วเลิกก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่า ตอนแรกว่าจะไปทานข้าว แต่พอคุยไปคุยมาก็เหนื่อยแล้ว เลยไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยเจอกันแล้วกัน” จะมีชดเชยไหม? “เดี๋ยวค่อยว่ากัน วันไหนว่างก็ว่ากัน กินเมื่อไหร่ก็ได้ ยังมีเวลากินตลอดชีวิต”.

“เอ” ปัดห้าม “ณเดชน์” ร่วมงาน “พอร์ช” แต่ทำไม่ได้อยู่แล้วเพราะผิดสัญญาช่อง


อยู่ ๆ ก็มีข่าวมาว่า ผู้จัดมือทองไม่ยอมให้พระเอกซุป’ตาร์ ไปร่วมงานกับพระเอกช่อง 7 งานนี้หลายคนเลยตีความว่าเป็น เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ที่ไม่ยอมให้ ณเดชน์ คูกิมิยะ ไปร่วมงานกับหนุ่ม พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์ เพราะเหมือนมีข่าวแว่วมาว่ามีโปรเจคท์ที่อยากได้ณเดชน์กับพอร์ชคู่กัน แต่เอก็ดันปฏิเสธซะนี่ งานนี้เอเลยขอเคลียร์ว่า ถ้าเป็นงานละครมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะร่วมงานกัน เพราะผิดสัญญาช่องที่เซ็นไว้ และเจ้าตัวก็จะโดนฟ้องกลับด้วย
  
เอ เผยว่า “ไม่จริงค่ะ เรื่องนี้พี่เอขอคอนเฟิร์มว่า ถ้าอะไรที่มันเหมาะสม เราไม่มีการแบ่งแยก แต่มันเหมือนกับว่าโอกาสที่จะร่วมงานกันมันแทบจะไม่มีเลย ด้วยกฎของช่องจะให้ณเดชน์ไปร่วมเล่นกับช่อง 7 มันก็ไม่ได้ พี่เอก็อยากให้ณเดชน์ไปเล่นกับนางเอกช่อง 7 จะตายจะได้ช่วยกันดัน แต่มันไม่มีโอกาสไง เราต้องให้เกียรติผู้ใหญ่ของช่อง 3” แต่เหมือนมีโปรเจคท์ที่จะให้     ณเดชน์กับพอร์ชทำด้วยกันแต่พี่เอไม่รับ? “พี่เอไม่รับทราบข่าวคราวนี้นะ เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ ถ้าณเดชน์ทำได้ตอนนี้ก็คือเล่นละคร แล้วก็ไม่มีละครของผู้จัดคนไหนที่เสนอให้น้องณเดชน์เล่นกับน้องพอร์ช เพราะอย่าง ฉัตร-ปริยฉัตร หรือจะเป็นเวียร์ หรือธันวา เล่นกับน้องพอร์ช พี่เอก็ยินดี เพราะเป็นช่อง 7 เหมือนกัน ถ้าเป็นเด็กช่อง 3 ทุกคน ไม่สามารถร่วมหน้าจอเวทีเดียวกับเด็กช่อง 7 ได้ เพราะว่ามันผิดตามสัญญาที่เราเซ็นกันไว้” ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม? “ใช่ค่ะ ถ้าเป็นงานละคร ยกเว้นการโชว์ตัวที่ไม่มีการถ่ายทอด ไม่มีมีเดียออกในทีวี ก็ไม่มีปัญหาเลย” ยืนยันว่าผู้ปั้นมือทองที่เป็นข่าวไม่ใช่เราแน่นอน? “ใช่ครับ ถ้าเป็นเรื่องละครก็คงไม่ใช่ แต่ที่หลายคนมองว่าเป็นพี่ ก็ไม่ซีเรียสเลย เพราะว่าทุกคนก็มีสิทธิคิด แต่ถ้าคิดก็ต้องมาถามพี่เอแบบตรงไปตรงมา แล้วพี่เอจะอธิบายให้ฟังว่ามันเกิดเหตุผลอะไรขึ้นมาบ้าง เหตุผลที่พี่พูด ถ้าพวกน้องของพี่เอ ซึ่งเป็นคนเซ็นสัญญา อย่างทุกสัญญาที่น้องณเดชน์เซ็น เวลาโดนฟ้องขึ้นมา คนที่ซวยก็คือพี่เอ ไม่อย่างนั้นพี่เอก็โดน”.

“วี” หมดสิทธิ์ “เนย” ชอบขาวตี๋


หลายคนก็คงยังแอบลุ้นให้เป็นรักข้ามช่องอยู่ ระหว่าง วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ และ เนย-โชติกา วงศ์วิลาศ ที่พระเอกหนุ่มช่อง 7 ออกปากชมว่าสาวเนยเป็นนางร้ายน่ารัก แต่งานนี้ดูท่าจะหมดหวังซะแล้ว เพราะสาวเนยแอบแย้มสเปกมาว่าชอบหนุ่มขาวตี๋ แถมตอนนี้ก็มีคนดูใจอยู่ เป็นคนนอกวงการเหมือนที่เคยลั่นวาจาไว้
  
เนย เผยว่า “พี่วีเขายังไม่ได้จีบเลยหรือเปล่า เหมือนเขาแค่ดูละคร แล้วเขาก็บอกว่าเราเล่นละครน่ารักดี แค่ปลื้มเราในละคร ยังไม่ทันได้จีบเลย ได้เจอเมื่อ 2 วันที่แล้ว ไปงานด้วยกันมา ก็คุยกันปกติ ไม่ได้มีท่าทางจีบเลย” เขาหยอดว่าเราเป็นนางร้ายน่ารัก? “อาจจะชอบคาแรกเตอร์ในละคร ไม่ได้ชอบตัวจริงมั้ง” ช่วงหลังออกงานกับวีบ่อยคนเลยมองว่าสานสัมพันธ์กันอยู่? “เป็นเรื่องบังเอิญตลอดเลยค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสนะคะ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เจอกันหนูก็เขินนะ เขาเป็นซุป’ตาร์นะคะ ถามว่าเขาเป็นสเปกเรามั้ย คือพี่วีเขาหล่อเท่ สมาร์ทเลย แต่สเปกหนู ด้วยความที่หนูเป็นคนหน้าคม ผิวแทน หนูเลยชอบหนุ่มผิวขาว ๆ ตี๋ ๆ” หลายคนลุ้นเป็นรักข้ามช่อง? “ไม่เลยค่ะ เวลาเจอกันก็ไม่ได้คุยกุ๊กกิ๊กเลย เขาก็ไม่ได้จีบเราด้วยซ้ำ ไม่มีเบอร์ ไม่มีวอทแอพ ไม่มีไลน์พี่วีเลย” ถ้าเขาจีบเราจะเปิดโอกาสมั้ย? “อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้หนูไม่มีเวลาจริง ๆ ผู้ใหญ่ที่ช่องให้โอกาส ก็มีความสุขมากที่ได้ทำงาน ก็ตั้งใจ จะทำงานให้ดีที่สุด” ยังคงไม่คบหนุ่มในวงการเหมือนเดิม? “หนูไม่อยากพูดแบบนี้เลยนะ เพราะพอหนูพูดไปคนก็จะมองว่าสวยเหรอ แต่หนูรู้สึกว่าอยากมีใครสักคนที่มีเวลาให้เรา เรารู้ว่าเขาทำงานกี่โมง ติดต่อได้ใช่มั้ย เพราะตอนนี้หนูก็ยังติดต่อตัวเองไม่ได้ เราไม่ได้รับโทรศัพท์ใครเลยเพราะถ่ายละคร เลยไม่อยากเจอคนที่ติดต่อไม่ได้เหมือนเรา ตอนนี้ก็มีคนคุยอยู่บ้าง แต่อยู่ที่ว่าคนนั้นรอเราได้มั้ย คุยไปเรื่อย ๆ ไม่รีบได้มั้ย หนูก็คุยทีละคน แต่ก็ยังคงคอนเซปต์ไม่คุยกับหนุ่มในวงการเลยค่ะ”.

“เวียร์” รอ “แคท” เลือก ตัดสินใจยอมเป็นแฟน


มีข่าวว่ากำลังคบหากับสาวนอกวงการอยู่ และล่าสุดก็มีภาพของหนุ่ม เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ กับสาวคนหนึ่งหลุดออกมา ซึ่งระบุชื่อว่า “แคท” งานนี้หนุ่มเวียร์เลยชี้แจงว่าก็มีคนคุยอยู่ เป็นคนที่เจ้าตัวเข้าไปจีบเขาก่อน แต่ฝ่ายหญิงยังลังเล ไม่พร้อมเรียกแฟน ซึ่งคนนี้หนุ่มเวียร์ถึงกับออกปากว่าคนนี้จริงจังมาก แต่ยังไม่อยากรีบร้อน ขอใช้เวลาพิสูจน์ให้ฝ่ายหญิงมั่นใจ
  
เวียร์ เผยว่า “ก็มีคนที่คุยด้วยอยู่ ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน เพราะมันอยู่ในจุดที่ผมเดินเข้าไปจีบเอง เขาก็ต้องคอยดู เพราะเขาคงยังไม่มั่นใจ เนื่องจากว่าผมยังมีโอกาสได้เจอคนเยอะ ตอนนี้ผมก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเราโอเคหรือเปล่า ซึ่งถ้าคุยกันไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งเราโอเค เขาก็อาจจะเปิดโอกาสให้พัฒนาขึ้น       เรื่อย ๆ ครับ ซึ่งคนที่ผมคุยด้วยตอนนี้บอกเลยว่าค่อนข้างจริงจัง แต่ผมจะไม่รีบ ไม่อยากปั่นจักรยานล้มแล้วหน้าแหก ค่อย ๆ คุยเป็นพี่เป็นน้องไปก่อน จริง ๆ ผมพูดอะไรมากไม่ได้หรอก เพราะผมเป็นคนที่เริ่มเข้าไปคุยก่อน ฉะนั้นการตัดสินใจอยู่ที่ผู้หญิง ผมก็ต้องรอว่าเขาจะยังไง เหมือนที่ผ่านมาเราก็มีโอกาสคุยกับหลายคน และผมก็ผ่านช่วงเวลาที่ไม่มีแฟนมานานมาก พอมีก็คบกันนาน พอไม่มีก็อาจจะลังเลหรือรีบไปหน่อย แล้วสุดท้ายก็ไม่เวิร์ก คราวนี้เราเริ่มเองด้วย ก็ค่อย ๆ ดีกว่า ถ้ามันใช่ก็ใช่ เราก็ทำให้เต็มที่ที่สุด ตอนนี้ก็แฮปปี้ดีมาก ผมชอบในสิ่งที่เขาเป็น เรื่องของนิสัย หลาย ๆ อย่าง ผมว่าเวลาเจอคนที่ชอบหรืออยากรู้จักด้วย มันก็จะรู้ได้เองว่าคนนี้แหละ” เท่าที่คุยมาเขามีแนวโน้มใจอ่อนบ้างไหม? “ไม่ค่อยนะ (หัวเราะ) แต่ถือว่าดี มีโอกาสได้เจอกัน ทานข้าวกันบ้าง ผมก็ไม่ได้ปิดซ่อนเขาไว้ที่ไหน ถามว่าได้เผื่อใจว่าเขาจะไม่โอเคไหม ก็ทำเต็มที่ คิดว่าตอนนี้เราพร้อมแล้วในเรื่องหน้าที่การงานที่โอเคขึ้นเรื่อย ๆ แต่อยู่ที่ตัวเองว่าพร้อมที่จะดูแลเขาได้หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าพอไปจีบแล้ว พอเขาโอเคขึ้นมาแต่ผมเกิดไม่พร้อมขึ้นมาซะงั้น”
   
ปกติไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องความรักเท่าไรครั้งนี้ดูมั่นใจที่จะพูด? “อย่างแรกผมรู้สึกว่าจังหวะหลายอย่างมันพอดี ผมเริ่มโตขึ้น มีความพร้อมมากขึ้น แต่ก็ไม่รีบ เพราะยังมีโอกาส ผมก็เพิ่งอายุ 27 ปีเอง แต่ไม่อยากให้เลยไปกว่านี้มาก ถ้ามีโอกาสได้เจอคุยตอนนี้แล้วได้ศึกษากันนาน ๆ ผมว่าน่าจะดีนะ คนนี้ถือเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมเต็มที่มาก ก็คุยไปเรื่อย ๆ ก่อน ไม่ได้กะเกณฑ์อะไรมากมาย ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่เวลาที่มีนักข่าวรู้ เราก็ต้องเข้มแข็ง เตรียมตอบคำถาม” เขากังวลกับการเป็นข่าวไหม? “เขาเป็นคนนอกวงการก็อาจจะมีบ้างแหละ อาจจะเกร็ง ๆ จะไปขุดคุ้ยอะไรมากหรือเปล่า คือผมก็คิดว่าไม่หรอก ถ้ามีอะไรให้มาถามผม” เขากลัวข่าวกับสาว ๆ ของเวียร์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ไหม? “คงกลัวบ้างแหละ เขาถึงยังไม่ตัดสินใจที่จะโอเคว่าคบกันนะ เลยขอดูผมไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วกัน”.

“ตอง” เซ็ง “เอมมี่” ไม่ยอมจบ ท้าอยากฟังขอโทษให้โทรฯมา


เรียกว่ายังไม่จบจริง ๆ สำหรับศึกแย่งชิงเพลงกันร้องที่งานโชว์ตัวแห่งหนึ่ง ระหว่างสาว ตอง-ภัครมัย โปตระนันทน์ และ เอมมี่-มรกต กิตติสาระ เพราะล่าสุดสาวเอมมี่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าตองยังไม่ยอมขอโทษตนเองหรือผู้ จัดการส่วนตัวเลย งานนี้สาวตองเลยขอชี้แจงเป็นครั้งสุดท้ายแบบของขึ้นหน่อย ๆ ว่า ถ้าเอมมี่      มีอะไรข้องใจหรืออยากได้คำขอโทษให้โทรฯมาหาเอง พร้อมวอนให้จบเรื่องนี้สักที เพราะคิดว่ามันไม่เป็นเรื่องมาก ๆ
  
ตอง เผยว่า “จริง ๆ ไม่ได้อยากพูดแล้ว ขอให้วันนี้เป็นวันสุดท้าย ตองขอไม่พูดอีก เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมาก ๆ และตองทำงานมาขนาดนี้ ถ้ามารยาทตองเสีย คงไม่ได้ยืนมาจนถึงวันนี้ คือวันนั้นตองเองก็ทำดีที่สุดแล้ว ลงจากเวทีวันนั้นก็ขอโทษกับทางทีมงานไปแล้ว ตองว่ามันเป็นเรื่องปกติของคนที่ไม่รู้ พอลงก็มีคนบอกก็ต้องขอโทษ พอไปออกงานอีเวนต์ของเก๋-ชลลดา ตองก็ขอโทษออกสื่อไปแล้ว ฝากขอโทษน้องด้วยเพราะตองรู้สึกผิด ตองทำดีที่สุดแล้ว ก็รู้สึกว่าน้องเป็นรุ่นน้องในวงการ ก็เอ็นดูพอสมควร ไม่คิดว่าจะได้ยินคำน่ารัก ๆ ออกมาแบบนี้ จริง ๆ ถ้าน้องอยากจะคุย โทรฯหาตองก็ได้ค่ะ เบอร์ตองหาไม่ยากหรอก อยากให้คำแนะนำอะไรก็ได้ จริง ๆ แล้วก็ไม่ต้องพูดผ่านสื่อแบบนี้ก็ได้ ถามว่าตองคาใจมั้ย สำหรับตัวตองหมดแล้ว ตั้งแต่วันงาน ตองลงเวทีแล้วขอโทษแล้ว พอแล้ว เพราะตองคิดว่าเรื่องนี้มันสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ และตองอยากบอกน้องว่าถ้าตองคิดร้ายกับน้อง มันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นในชีวิต ส่วนที่จะให้ตองขอโทษผู้จัดการ ตองไม่ได้รู้จักหนักเข้าไปอีก ตองขอโทษทีมงานก็จบแล้ว ตองว่าถ้าอยากให้เรื่องมันจบเร็ว ๆ คุยกันเองมันน่าจะง่ายกว่าที่จะผ่านสื่อ ถือว่าการเป็นข่าวครั้งนี้ทำให้ตองได้รู้ว่าในวงการของเราก็มีแบบนี้ด้วย”
  
คิดว่าเอมมี่แรงมั้ยเพราะเขาก็เป็นรุ่นน้อง? “ไม่เป็นไรค่ะ ทุกคนเท่ากัน แล้วแต่คนจะคิด ถ้าตองเป็นรุ่นน้องก็อาจจะไม่พอใจเหมือนกัน แต่อย่างน้อยตองเชื่อว่าทีมงานหลาย ๆ คนเห็นว่าตองขอโทษ” เหมือนเขายังค้างคารึเปล่าถึงพูดแบบนั้น? “ก็แล้วแต่ค่ะ ตองก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนแฮปปี้ได้” ถ้าเขาอยากได้คำขอโทษจากปากเราล่ะ? “โทรฯมาค่ะ ถ้าอยากได้โทรฯมานะคะ ณ วันนี้ ตองทำดีที่สุดแล้ว ขอโทษผ่านสื่อหรือหลังเวทีก็พูดไปแล้ว ก็ไม่ทราบว่าทำไมไม่จบอีก คือตองว่ามันไม่คุ้มกับการที่เราไปทะเลาะกับคนหนึ่งคน ยังไงอยู่วงการเดียวกัน ก็ต้องวนมาเจอกันอีกอยู่ดี คือเรื่องวันนั้นมันเป็นความเข้าใจผิดจริง ๆ ถ้าตองเลือกได้ ก็จะเลือกไม่ร้องเพลงนั้น เพราะว่าพูดตรง ๆ มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ก็คิดแค่ว่าอยากให้คนในงานสนุก ซึ่งไปตรงกับน้องที่อยากให้คนในงานสนุกเหมือนกัน ตองทำงานกับใครก็ได้ อยู่วงการเป็นสิบปีก็ไม่เคยมีปัญหาว่าทะเลาะ ตบตี แย่งชิงกับใคร ไม่เคยมีข่าวใส่ร้ายใคร ไม่เคยมีข่าวไม่มีมารยาท ฉะนั้นตองสามารถร่วมงานได้กับทุกคน เอาเป็นว่าตัวตองไม่พร้อมจะมีปัญหากับใคร ชีวิตตองมีความสุขอยู่แล้วไม่ได้ต้องการดังกว่านี้  ไม่ได้ต้องการหาเรตติ้ง หางานจ้าง แค่นี้พอแล้วค่ะ” อยากฝากอะไรถึงเอมมี่มั้ย? “ไม่อยากฝากค่ะ ตองว่าฟังแค่นี้ก็ต้องเข้าใจทุกคน ตองอยากให้คนทางบ้านเข้าใจด้วยค่ะ”.

“แพท” แย้มพร้อมเป็นแฟน ถ้า “ไฮโซนิว” ออกปากขอ


ทำเอาหลายคนฮือฮาไม่น้อย เพราะอยู่ ๆ สาว แพท-ณปภา ตันตระกูล ก็ควงหนุ่มรู้ใจอย่าง  ไฮโซ “นิว” มาร่วมยินดีในงาน “ฉลอง 1 ปี ร้านตำแหล” สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน ของ เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร งานนี้สาวแพทแย้มว่าไม่ได้ตั้งใจจะเปิดตัวแค่แยกจากกันไม่ทัน แต่อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนจะเรียกแฟนหรือไม่ให้ถามฝ่ายชาย เพราะส่วนตัวตนเองก็พร้อมเซย์เยสอยู่แล้ว
  
แพท เผยว่า “อย่าเรียกว่าเปิดตัวเลย จริง ๆ แล้วเขาก็รู้จักกับพี่เมย์ เฟื่องอารมย์ แล้วแพทกับเขาก็นัดกันไว้ตั้งแต่เย็น เราก็เลยโอเคก็มาเลยแล้วกัน รถก็มาติด ไม่ได้ตั้งใจจะมาเปิดตัวอะไร เพียงแต่มันแยกกันไม่ทันก็เท่านั้นเอง” เรียกว่าไม่ได้ตั้งใจมาเปิดตัว? “ใช่ เฉย ๆ สมมุติว่าแพทเปิดตัววันนี้ ก็ไม่รู้จะเปิดไปทำไม เปิดไปยังไงความสัมพันธ์เราก็เหมือนเดิม ก็ยังเป็นคนที่คุยกันเหมือนเดิม สนิทกันที่สุดเหมือนเดิม” ดูเหมือนจะแฮปปี้ขึ้น เพราะไม่ต้องไปแอบถ่ายรูปคู่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว? “อันนี้แพทตอบไม่ได้ ต้องไปถามเขาเองดีกว่า” เรียกว่าเป็นแฟนได้มั้ย? “ต้องถามเขาค่ะ อย่าถามแพทเลย เป็นผู้หญิงตอบมันไม่งาม เขาเป็นคนที่สนิทที่สุดในตอนนี้แล้วกันค่ะ เรา 2 คนเริ่มจากคำว่าเพื่อน การเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปเรื่อย ๆ มันก็ดีนะ ไม่มีใคร แพทถึงบอกว่าอย่าถามแพท เพราะเราไม่เคยคุยกันว่าเราจะเป็นแฟนกันนะ เราเหมือนเพื่อนกันซะมากกว่า มันเลยไม่รู้ว่าอะไร มันไม่มีการแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของกัน”
  
เขาเป็นคนยังไงบ้าง? “เขาเป็นคนตลก นิสัยดี ทำงานเก่ง ในบางมุมเขาดูเป็นผู้ใหญ่มาก และในอีกบางมุมเขาก็ทำให้แพทอารมณ์ดีได้เวลาแพทเครียดกับงาน ความสัมพันธ์ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ เราก็ยังไม่กล้าจะเปิดปากถาม แพทตอบตรง ๆ เลยนะ แพทเป็นผู้หญิงก็ไม่กล้าจริง ๆ เคยโดนถามมาก ๆ ก็ไม่รู้จะตอบยังไง ก็คงอย่างนั้น คราวก่อนเบรกแทบไม่ทันเลย ก็กลัวถามแล้วจะเป็นเหมือนครั้งก่อน ก็กลัวจะงานเข้าอีก” แบบนี้ถ้าผู้ชายบอกว่าใช่เราก็พร้อม? “ใช่ค่ะ” จริง ๆ ก็เหมือนเป็นแฟนกันแล้วนะ? “อย่างที่บอกว่าแพทกับเขาไม่เคยมาพูดว่าเราเป็นแฟนกันแล้วนะ ไม่มีคำนั้น” คบมา 6 เดือนแล้ว แบบนี้อีกนานแค่ไหนจะชัดเจนเป็นแฟน? “ต้องถามเขา ถามเขาเลย” 
  
ด้านนิว กล่าวว่า “ยังไม่เคยขอเขาเป็นแฟนเลยครับ เอาไว้บอกกันสองคนได้รึเปล่า เขาก็น่ารักดีครับ”.

ลูกทุ่ง“อาร์สยาม” ฮอต ใน “ลาว” “เขมร” “เสี่ยเณร” เตรียมเจรจา เปิดตลาดอย่างเป็นทางการ


ประเทศไทยกำลังตื่นตัว กับการเปิดการค้าเสรีเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2558 ไม่เฉพาะวงการธุรกิจอุปโภค บริโภค และการขนส่งเท่านั้น ธุรกิจเพลงลูกทุ่งให้ความสนใจไม่น้อย เพราะมีตลาดประเทศเพื่อนบ้านลู่ทางสดใสอย่าง ลาว และเขมร ซึ่งขณะนี้เพลงลูกทุ่งของไทยได้รับความนิยมอย่างสูง เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงแห่งอาร์สยาม ในเครือบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ศุภชัย นิลวรรณ “เสี่ยเณร” กล่าวว่า
เกี่ยวกับเรื่องการเปิดการค้าเสรี เศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 ผลบวกตรงๆ กับวงการเพลงลูกทุ่งบ้านเราคงไม่มีเท่าไหร่  เพราะธุรกิจบันเทิงไม่มีขอบเขตมาตั้งนานแล้ว มีอิสระรับชมรับฟังได้ทั่วโลก ไม่เหมือนสินค้าอื่นที่มีกำแพงภาษีและเรื่องการขนส่งต่างๆ แต่ที่ส่งผลกระทบโดยอ้อมคือเมื่อมีการเปิดการค้าเสรีในอาเซียนทำให้ตลาดใหญ่ ขึ้น ดังนั้น การใช้เงินในภาคธุรกิจบันเทิง เกี่ยวกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์คาดว่าจะมากขึ้นด้วย ซึ่งจะสะท้อนกลับมาหาอาร์สยามในรูปของกิจกรรมทางการตลาด การลงโฆษณาในสื่อของบริษัทฯ  ซึ่งอาร์สยามมีความได้เปรียบคือ เรามีสื่อโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม “สบายดีทีวี” มีเครื่อข่ายพื้นที่การรับชม 22 ประเทศ ครอบคลุมอาเซียนทั้งหมด และอีกอย่างเพลงของอาร์สยามได้รับความนิยมในประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศลาว สินค้าที่มีการค้าขายระหว่างกันสามารถทำโฆษณา ณ จุดเดียว ออกอากาศครอบคลุมได้ทั่วอาเซียน  ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์  ช่วยลดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเงินจำนวนมากไปลงโฆษณาในประเทศต่างๆ  โฆษณาจุดเดียวถือว่าคุ้มค่า
ในส่วนข้อดีแบบตรงๆ ทำให้นักร้องของค่ายได้รับความนิยมมากขึ้น ขยายไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านด้วย แต่มีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องของภาษาที่แตกต่าง ใกล้เคียงที่สุดคือประเทศลาว ในส่วนของประเทศเขมรเพลงของอาร์สยามได้รับความนิยมเช่นกัน มีการนำเพลงของอาร์สยามไปแปลงเนื้อเป็นภาษาเขมร ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ขณะนี้คือ เพลง “สัญญาก่อนนอน” ของ “หนู มิเตอร์” ซึ่งบริษัทอาร์สยามยังไม่เข้าไปเก็บลิขสิทธิ์ตรงนี้  อาร์สยามเองก็กำลังจะมีโครงการเข้าไปคุยกับบริษัทเอกชนที่ประเทศเขมร ซึ่งได้เชิญเรามาแล้ว เช่นเดียวกับทางประเทศลาว ที่กำลังจะมีการพูดคุยเหมือนกัน นอกจากเรื่องลิขสิทธิ์แล้ว ยังมีเรื่องของความร่วมมือร่วมกันในด้านตลาดเพลง ในรูปแบบพาสเนอร์ ว่าสามารถจะต่อยอดสร้างมูลค่าอะไรได้บ้าง ซึ่งยังไม่สามารถคำนวนมูลทางการตลาดได้ว่ามากน้อยขนาดไหน เพียงแต่ว่า ณ จุดนี้ ต้องมีการเริ่มต้น หาลู่ทาง และศึกษารายละเอียดกันต่อไปก่อน  คุณศุภชัยฯกล่าว 

คนบันเทิงร่วมอาลัย“เจริญ เอี่ยมพึ่งพร”บอสใหญ่ค่ายไฟว์สตาร์


เมื่อเวลา 05.49 น. วันที่ 20 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเจริญ เอี่ยมพึ่งพร หรือ เฮียเชน อายุ 62 ปี ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคปอดติดเชื้อ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยกว่า 1 ปี โดยวันนี้เวลา 17.00 น. จะมีพิธีรดน้ำศพ ที่ศาลา 7 วัดธาตุทอง
สำหรับ บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516 ถือว่าเป็นบริษัทผู้สร้างภาพยนตร์รายใหญ่ของไทย บริหารงานโดยนายเกียรติ เอี่ยมพึ่งพร ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายนายเจริญ จากนั้นเมื่อนายเกียรติเสียชีวิตลงนายเจริญจึงรับหน้าที่บริหารบริษัทต่อมา จนถึงปัจจุบัน นอกจากผลงานภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงแล้วไฟว์สตาร์ยังได้สร้างผู้ กำกับมากฝีมือ อาทิ เปี๊ยก โปสเตอร์, วิจิตร คุณาวุฒิ, เพิ่มพล เชยอรุณ, สักกะ จารุจินดา, รุจน์ รณภพ, ยุทธนา มุกดาสนิท, บัณฑิต ฤทธิ์ถกล, เป็นเอก  รัตนเรือง, ก้องเกียรติ โขมศิริ, วิศิษฎ์  ศาสนเที่ยง ฯลฯ ให้แก่วงการภาพยนตร์ไทย
ซึ่งผลงานของบริษัทไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น นั้น ได้รับความนิยมแทบทุกเรื่อง อาทิ ขุนศึก, ลูกอีสาน, ผู้ใหญ่ลีกับนางมา, บุญชู, น้ำพุ, อนึ่งคิดถึงพอสังเขป, สะพานรักสารสิน, เขาชื่อกานต์, กลิ่นสีและกาวแป้ง, กว่าจะรู้เดียงสา, คู่กรรม, อำแดงเหมือนกับนายริด, หวานมันฉันคือเธอ, วัยอลวล จนเมื่อต้นปี 2530–2535 เรียกว่าเป็นยุคทองของบริษัทไฟว์สตาร์เพราะมีหนังแนววัยรุ่นทำเงินสูงสุด อย่าง บุญชู, ม.6/2 ห้องครูวารี, กระโปรงบานขาสั้น, สมศรี 422 อาร์, น้ำเต้าหู้กับครูระเบียบ ฯลฯ และในปัจจุบันผลงานที่ทุกคนรู้จักเรื่อยมาจน ปี 2543 เป็นต้นมาก็มีหนังประสบความสำเร็จ อาทิ เรื่อง ตลก 69,  เรื่องรัก น้อยนิด มหาศาล 14 ตุลา สงครามประชาชน, ฟ้าทะลายโจร, มนต์รักทรานซิสเตอร์, เปนชู้กับผี, คนเล่นของ, ลองของ, อินทรีแดง, หอแต๋วแตก ฯลฯ
นอกจากผลงานภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมแล้วบริษัทไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น ยังทำให้แจ้งเกิดคู่ขวัญและนักแสดงมากฝีมือในวงการบันเทิง อาทิ ไพโรจน์ สังวริบุตร, ลลนา สุลาวัลย์, ทูน หิรัญทรัพย์, จารุณี สุขสวัสดิ์, สันติสุข พรหมศิริ, จินตหรา สุขพัฒน์ ,อำพล ลำพูน, เกียรติ กิจเจริญ หรือ ซูโม่กิ๊ก, วินัย ไกรบุตร, แอน ทองประสม, ธัญญาเรศ เองตระกูล, ต่าย-สายธาร นิยมการณ์ ฯลฯ  ถึงปัจจุบันทำให้บริษัท ไฟว์สตาร์ ก้าวเป็นผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์ในประเทศ และอยู่คู่วงการมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี
ต่อมาเวลา 17.00 น.  ที่ศาลา 7 วัดธาตุทอง ได้มีพิธีรดน้ำศพ นายเจริญ โดยมีเครือญาติ คนในวงการบันเทิงและวงการต่างๆ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ท่ามกลางบรรยากาศสุดเศร้าสลด

น.ส.อภิรดี เอี่ยมพึ่งพร หลานสาวนายเจริญ และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทไฟว์สตาร์ ในปัจจุบัน เปิดใจถึงการสูญเสียครั้งนี้ว่า รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของคุณอามาก แต่ก็ทำใจไว้เบื้องต้นเพราะคุณอามีอาการป่วยมานานแล้ว คุณอาเป็นคนดูแลให้คำปรึกษาในการผลิตภาพยนตร์มาโดยตลอด แม้ท่านจะไม่ได้ออกมาดูเต็มตัว  แต่ท่านก็คอยดูแลให้คำปรึกษาเสมอ เพราะท่านมีประสบการณ์และมุมมองที่บางทีเราอาจเป็นคนรุ่นใหม่ที่บางเรื่องก็ ไม่รู้  ตอนนี้ทางไฟว์สตาร์ก็สร้างหนังที่ดีมาตลอด ซึ่งเร็วๆ นี้จะเปิดตัวภาพยนตร์ ตีสาม ทรีดี เป็นหนังสามมิติเรื่องแรกที่ค้างไว้  ซึ่งการทำงานก็ยังเดินหน้าต่อไปด้วยการสร้างภาพยนตร์ไทยที่มีคุณภาพอย่างที่ คุณอาเคยทำไว้ เพราะท่านฝันอย่างเห็นหนังไทยเป็นหนึ่งในเวทีโลก โดยท่านเริ่มต้นทำหนังตั้งแต่ยังไม่มีคู่แข่งมากมาจนถึงปัจจุบัน พวกเราในฐานะหลานก็จะบริหารไฟว์สตาร์ต่อไปให้ดีที่สุด

ด้านนักแสดงชื่อดัง แหม่ม-จินตหรา สุขพัฒน์ ที่แจ้งเกิดจากการเล่นภาพยนตร์กับบริษัท ไฟว์สตาร์ เปิดเผยว่า เรียกได้ว่าตนเกิดมาจากไฟว์สตาร์ก็ว่าได้ ในการเล่นหนังเรื่องแรกในชีวิตคือ ผู้ใหญ่ลีกับนางมา แม้จะหมดสัญญามานานแล้วแต่ก็ยังกลับมาเล่นหนังเรื่องเสมอถ้ามีโอกาส เพราะตนเล่นหนังมาทั้งหมดเกือบ 70 เรื่อง  จนวันนี้ทำงานในวงการ 28 ปีแล้ว ตนอยู่กับคุณเจริญเหมือนเป็นครอบครัว ตั้งแต่รุ่นพี่ชายคุณเจริญคือคุณเกียรติแล้ว ดูแลพวกเราอย่างดีมากตลอด ท่านเป็นคนเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นตลอด  พอตนรู้ว่าท่านไม่สบายก็ตกใจแต่มาทราบว่าอาการดีขึ้นแล้วก็ตั้งใจว่าจะมา เยี่ยมจนสุดท้ายก็ไม่คิดว่าท่านจะจากไปเร็ว เพราะเรียกได้ว่าถ้าไม่มีไฟว์สตาร์ก็ไม่มีแหม่ม-จินตหราในวันนี้ค่ะ"
ด้าน ซูโม่ ตุ๋ย-อรุณ ภาวิไล ที่เคยทำงานคลุกคลีกับบริษัท ไฟว์สตาร์ตั้งแต่เริ่มต้น เปิดเผยถึงความรู้ว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณเชนป่วย แต่วันนี้ท่านไปสบายแล้ว  คนเราหนีความตายไม่ได้  แต่ท่านทิ้งอะไรมากมายไว้ให้วงการหนังไทย และต่อไปลูกหลานของท่านก็จะเข้ามาบริหารต่อไป ส่วนความประทับใจท่านไม่เคยเบื่อตน และท่านให้โอกาสเสมอ

ขณะที่ผู้กำกับชื่อดัง ปึ๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล ที่เคยร่วมงานกับไฟว์สตาร์สร้างภาพยนตร์ อาทิ ขุนแผน, คนเล่นของ, ลองของ เปิดเผยว่า  ตั้งแต่เด็กตนดูหนังของไฟว์สตาร์มาตลอด  มีผู้กำกับรุ่นใหญ่เกิดที่นี้เยอะมาก เรียกว่ารวมผู้กำกับมากฝีมือของเมืองไทยไว้จริงๆ ตนเคยทำงานกินเงินเดือนไฟว์สตาร์มาก่อน ท่านเป็นคนใจนักเลงให้คำปรึกษาในการทำงานตลอด และท่านให้โอกาสคนทำหนังเยอะเพราะท่านรักหนังไทยและพร้อมให้การสนับสนุนเสมอ เชื่อว่าพี่ชายคือคุณเกียรติ เอี่ยมพึ่งพร ทำประวัติไว้แค่ไหน คุณเจริญก็ดำเนินรอยตามไว้เช่นเดียวกัน

สำหรับบรรยากาศภายในงานได้มีคนในวงการมาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ ดวงดาว จารุจินดา, โอ-วรุฒ วรธรรม, กอบสุข จารุจินดา, ต๊ะ-ฌานิศ ใหญ่เสมอ หรือ ต๊ะ บอยสเก๊า, โจ-ธเนศ ฉิมท้วม หรือโต บอย สเก๊า, เปิ้ล- ชไมพร สิทธิวรนันท์,  พจน์ อานนท์, นก ฉัตรชัย และ นก-สินจัย เปล่งพานิช, อังเคิล-อดิเรก วัฏลีลา
ทั้งนี้ทางญาติจะมีพิธีสวดอภิธรรมศพนาย เจริญ เอี่ยมพึ่งพร เป็นเวลา 7 วัน จากนั้นจะมีพิธีฌาปนกิจศพในวันที่ 27 ส.ค. 2555 เวลา 17.00 น. ที่วัดธาตุทอง.

“วี” หมดสิทธิ์ “เนย” ชอบขาวตี๋


หลายคนก็คงยังแอบลุ้นให้เป็นรักข้ามช่องอยู่ ระหว่าง วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ และ เนย-โชติกา วงศ์วิลาศ ที่พระเอกหนุ่มช่อง 7 ออกปากชมว่าสาวเนยเป็นนางร้ายน่ารัก แต่งานนี้ดูท่าจะหมดหวังซะแล้ว เพราะสาวเนยแอบแย้มสเปกมาว่าชอบหนุ่มขาวตี๋ แถมตอนนี้ก็มีคนดูใจอยู่ เป็นคนนอกวงการเหมือนที่เคยลั่นวาจาไว้
  
เนย เผยว่า “พี่วีเขายังไม่ได้จีบเลยหรือเปล่า เหมือนเขาแค่ดูละคร แล้วเขาก็บอกว่าเราเล่นละครน่ารักดี แค่ปลื้มเราในละคร ยังไม่ทันได้จีบเลย ได้เจอเมื่อ 2 วันที่แล้ว ไปงานด้วยกันมา ก็คุยกันปกติ ไม่ได้มีท่าทางจีบเลย” เขาหยอดว่าเราเป็นนางร้ายน่ารัก? “อาจจะชอบคาแรกเตอร์ในละคร ไม่ได้ชอบตัวจริงมั้ง” ช่วงหลังออกงานกับวีบ่อยคนเลยมองว่าสานสัมพันธ์กันอยู่? “เป็นเรื่องบังเอิญตลอดเลยค่ะ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสนะคะ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เจอกันหนูก็เขินนะ เขาเป็นซุป’ตาร์นะคะ ถามว่าเขาเป็นสเปกเรามั้ย คือพี่วีเขาหล่อเท่ สมาร์ทเลย แต่สเปกหนู ด้วยความที่หนูเป็นคนหน้าคม ผิวแทน หนูเลยชอบหนุ่มผิวขาว ๆ ตี๋ ๆ” หลายคนลุ้นเป็นรักข้ามช่อง? “ไม่เลยค่ะ เวลาเจอกันก็ไม่ได้คุยกุ๊กกิ๊กเลย เขาก็ไม่ได้จีบเราด้วยซ้ำ ไม่มีเบอร์ ไม่มีวอทแอพ ไม่มีไลน์พี่วีเลย” ถ้าเขาจีบเราจะเปิดโอกาสมั้ย? “อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้หนูไม่มีเวลาจริง ๆ ผู้ใหญ่ที่ช่องให้โอกาส ก็มีความสุขมากที่ได้ทำงาน ก็ตั้งใจ จะทำงานให้ดีที่สุด” ยังคงไม่คบหนุ่มในวงการเหมือนเดิม? “หนูไม่อยากพูดแบบนี้เลยนะ เพราะพอหนูพูดไปคนก็จะมองว่าสวยเหรอ แต่หนูรู้สึกว่าอยากมีใครสักคนที่มีเวลาให้เรา เรารู้ว่าเขาทำงานกี่โมง ติดต่อได้ใช่มั้ย เพราะตอนนี้หนูก็ยังติดต่อตัวเองไม่ได้ เราไม่ได้รับโทรศัพท์ใครเลยเพราะถ่ายละคร เลยไม่อยากเจอคนที่ติดต่อไม่ได้เหมือนเรา ตอนนี้ก็มีคนคุยอยู่บ้าง แต่อยู่ที่ว่าคนนั้นรอเราได้มั้ย คุยไปเรื่อย ๆ ไม่รีบได้มั้ย หนูก็คุยทีละคน แต่ก็ยังคงคอนเซปต์ไม่คุยกับหนุ่มในวงการเลยค่ะ”.

“สายป่าน” รับผิดสูบบุหรี่ ภาพหลุดฝรั่งแค่คนที่คุย


มีภาพหลุดสูบบุหรี่กลางที่สาธารณะออกมา ทำเอา สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข ปฏิเสธไม่ออก เลยน้อมรับความผิดนี้แต่โดยดี พร้อมทั้งขอโทษแฟน ๆ ที่ทำให้ผิดหวัง แต่ก็สัญญาว่าจะไม่ทำให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้ยังแจงถึงภาพหลุดกับหนุ่มฝรั่งว่าเป็นพี่ที่คุยกันอยู่ โดยสายป่านเปิดเผยกลางงานฟิตติ้งภาพยนตร์ “ตีสาม ทรีดี” ที่ไฟว์สตาร์ ว่า

“ก็รู้ตัวและน้อมรับความผิดนี้ ไม่มีข้อกังขาใด ๆ ทั้งสิ้น รู้ตัวเองเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี สถานที่ที่ทำก็เป็นสถานที่สาธารณะแล้วตัวป่านเองก็เป็นคนของประชาชนด้วย ก็ต้องขอโทษพี่ ๆ แฟน ๆ ขอโทษทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ทำให้รู้สึกผิดหวังในตัวป่าน แต่ก็สัญญาจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ ตอนที่เห็นภาพรู้สึกเสียดาย ที่ทำอะไรไม่คิด คิดน้อย แล้วก็รู้สึกแคร์คนรอบข้าง   มาก ๆ ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองโง่มาก เป็นห่วงคนรอบข้างจังเลย ที่จะได้เห็นภาพนั้น ไม่ได้ห่วงตัวเองเท่าไหร่เลย” คนรอบข้างว่ายังไงบ้าง? “ทุกคนให้กำลังใจมาก ๆ ทุกคนพยายามบอกสู้ ๆ นะ รู้เลยคนเป็นห่วงป่านเยอะมาก ดังนั้นมันไม่มีเหตุผลที่เราจะทำแบบนั้นอีก” มีโอกาสได้อ่านกระแสในเน็ตมั้ย? “ไม่เลยค่ะ ได้เห็นแต่ภาพ แล้วก็รู้ตัวเองทำหรือควรพูดอะไรต่อไป นานาจิตตังเราก็ไม่ค่อยอ่าน ทีวีก็ไม่ค่อยดูอยู่แล้วค่ะ คุณแม่ให้กำลังใจมาก ครอบครัวป่านน่ารัก ได้รับกำลังใจที่ดีจากที่บ้านมาตลอด ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถาน การณ์ไหน” จะตัดสินใจเลิกบุหรี่เลยมั้ย? “ป่านเลิกแล้วค่ะ” หายเครียดกับข่าวหรือยัง? “หายแล้วค่ะ เพราะรู้จะมีโอกาสมาคุย เพราะป่านพยายามจะอย่างนี้แต่แรกแล้วเราพยายามออกมาพูดคุยจะได้รู้กันไปไม่ ปิดบัง และเป็นโอกาสที่ดีมากที่มีภาพหลุดออกมา เพราะเราจะได้ตัดสินใจหยุดสักที และรู้มีคนเป็นห่วงเป็นกำลังใจให้เราสู้ค่ะ”
ถามถึงหนุ่มฝรั่งภาพหลุดด้วยเป็นใครอะไรยังไง? “เป็นพี่ที่คุยกันอยู่ค่ะ ค่อนข้างเกรงใจไม่อยากพูดถึงพี่เขาเยอะ เพราะเขามีชีวิตสังคมส่วนตัวของเขา พอมีภาพออกมาชีวิตพี่เขาต้องวุ่นวายเพราะมาคบเรา ก็เกรงใจมาก ๆเลย” เขารู้มั้ยเราทำงานอะไร? “รู้ค่ะ ก็ทำใจนิดนึง แต่ยังไม่ชิน ปกติเขาไม่เจอสายป่านไง แต่เจอป่านคนธรรมดา” ไปเจอกันได้ยังไง? “ทำงานที่มหาวิทยาลัยด้วยกันค่ะ” ถูกใจเขาตรงไหน? “เป็นพี่ที่รับฟังเราได้ทุกเรื่อง ไม่ได้ยึดที่เราเป็นดาราไม่รู้จักเรามาก่อน เขามีความสุขจากการที่ป่านได้เป็นตัวเองมากกว่า” ทำไมเปลี่ยนแนวไปชอบฝรั่งได้? “ไม่ได้เปลี่ยนแนว ไม่เคยมีสเปกแต่แรกอยู่แล้ว แค่คนนี้คุยแล้วสบายใจก็โอเค”.

‘ใบเตย อาร์สยาม’ นำเทรนด์ “เซ็กซี่” ต่อลมหายใจลูกทุ่ง


วงการเพลงลูกทุ่งปัจจุบัน มีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะนักร้องหญิง จากเดิม ภาพลักษณ์ขายความเรียบร้อยน่ารัก  เปลี่ยนเป็นเซ็กซี่ กล้าโชว์ส่วนโค้งส่วนเว้า และผู้นำเทรนด์ฮิตในขณะนี้ คือ “ใบเตย อาร์สยาม” ตามมาด้วยนักร้องในสังกัดอีกหลายคน รวมทั้งลูกทุ่งหญิงคนอื่นๆ ที่แห่ตามกระแส ซึ่งมีผู้ออกมาวิพากวิจารณ์กันต่างๆนานาถึงความเหมาะสม

ศุภชัย นิลวรรณ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานเพลงลูกทุ่งและธุรกิจเพลง บ.อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า “ขณะนี้นักร้องในสังกัดอาร์สยาม มีเกือบ 100 ชีวิต มีแนวเพลงหลากหลายสไตส์ อาทิ อนุรักษ์นิยม เพื่อชีวิต ป็อป เหนือ  ใต้ ฯลฯ ธุรกิจบันเทิงมีการแข่งขันกันสูง เพราะฉะนั้นนักร้องทุกคนต้องมีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน การจัดวางคาแรกเตอร์ของแต่ละคนต้องดูความเหมาะสม  เช่น ภาพลักษณ์ภายนอกและไลฟ์สไตส์ของเขา เป็นต้น เชื่อว่าความเป็นศิลปินต้องมาจากตัวตนที่แท้จริง อย่าง “ใบเตย” ทำซิงเกิ้ลแรกๆ ออกมาแนวน่ารักใสๆ แต่ตัวเขาชอบใส่กระโปร่งสั้นๆ มั่นใจในการแต่งตัว เลยลองปรับเปลี่ยนมาเป็นเซ็กซี่อย่างเพลง “เช็คเรตติ้ง”  “โคโยตี้ค่ะพี่” เป็นแนวที่เป็นตัวตน ถือว่าไปได้ดี”

ส่วนที่มองว่านักร้องสาวอาร์สยามที่ออกอัลบั้มในช่วงนี้เป็นแนวเซ็กซี่ตามมา เป็นส่วนใหญเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณศุภชัย กล่าวต่อว่า  “ไม่ได้เป็นแนวนี้ทั้งหมดอย่าง “แคท รัตกาล” หรือ  “หญิง ธิติกานต์”  ทั้ง 2 ไม่ได้ขายแนวเซ็กซี่  ในสังกัดอาร์สยามแนวเซ็กซี่มีอยู่ไม่กี่คน อย่างเมื่อสมัยก่อนทุกคนคิดว่าอาร์สยามคือค่ายเพลงใต้  ไม่ได้มีนักร้องมากเพียงแต่ช่วงเวลาหนึ่ง แนวเพลงนั้นๆ ได้รับความนิยม สื่อต่างๆก็จะไปโฟกัสแนวนั้นเยอะ อย่างปัจจุบันแนวเพลงเซ็กซี่ได้รับความนิยม ในค่ายอาร์สยามมีอยู่ไม่กี่เบอร์เช่น “ใบเตย” “บูลเบอร์รี่” “กระแต” กลายเป็นว่าอาร์สยามทำนักร้องแนวเซ็กซี่เยอะ จริงๆ แล้วสัดส่วนน้อยมากเพียงว่าได้รับความนิยมในช่วงนี้เท่านั้น  เป็นเรื่องปกติในวงการเพลงหากว่าแนวเพลงไหนดังจะตามกันไป พอมากๆจะเกิดการอิ่มตัว ไปแนวอื่นต่อไป ถือเป็นวัฎจักรของวงการบันเทิง  ในเรื่องของความเซ็กซี่ การแต่งตัว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงออกทางด้านนี้ ทางสังกัดต้องมีการควบคุมอยู่แล้ว ต้องเป็นไปตามกาลเทศะ และตัวตนของนักร้องเป็นหลัก

ระยะหลัง “กระแต” มีข่าวปรับลุคให้ดูเซ็กซี่ตามกระแส “ใบเตย” สำหรับ “กระแต” แต่เดิมการแต่งตัวคาแรกเตอร์ เป็นแนวสปอตนำเสนอเรื่องความแข็งแรงและการเต้น  การใส่เสื้อเอวลอยไม่ทำรู้สึกว่าเซ็กซี่อะไร หลังๆมากระแตมีการปรับบ้าง ประกอบกับกระแตตอนนี้โตเป็นสาวแล้ว การปรับทำให้เซ็กซี่ขึ้น ส่วนแนวเพลงมีการปรับเช่นกัน เป็นแนวเพลงป็อปสไตส์เกาหลี ถือว่าประสบความสำเร็จ

 ณ ปัจจุบันต้องยอมรับว่า การทำเพลง มองถึงการขายโชว์ด้วย  ตลาดเป็นของคนรุ่นใหม่ การที่เราจะยึดติดกับของเดิมๆ ในเชิงการตลาดมันไม่ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นต้องปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย โดยเฉพาะเราต้องการคนรุ่นใหม่มาสืบทอดเพลงลูกทุ่งมากขึ้น ยิ่งต้องปรับเข้าหาคนฟังมากขึ้น  คุณศุภชัย นิลวรรณ กล่าวทิ้งท้าย.

คนเสื้อแดงทยอยเดินทางมาศาลแล้ว


วันนี้ ( 22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ด้านหน้า ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ที่ศาลนัดไต่สวนกรณีขอให้เพิกถอนคำสั่งปล่อยตัว นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช.พร้อมกับพวก ว่าขณะนี้มีคนเสื้อแดงกว่า 200 คน ทยอยมาที่ศาลอาญา โดยได้ปักหลักนั่งคอยแกนนำอยู่ตรงข้าม โดยไม่มีรถรถติดเครื่องขยายเสียงแต่อย่างใด โดยคนเสื้อแดงต่างรอคอยแกนนำ ซึ่งยังเดินทางมาไม่ถึง ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลัง ตำรวจควบคุมฝูงชนจาก บก.น.2,3 และบก.น.4 มาตรึงรอบอาคารศาลอาญา รวมทั้งบริเวณโดยรอบศาลอาญาด้วย ทั้งนี้คนเสื้อแดงได้ทยอยกันเดินทางมาสมทบอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ  สำหรับการจราจรในถนนรัชดาภิเษก ยังสามารถใช้การได้ปกติ ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.

“ยูเอ็น”พอใจรายงานขจัดการเลือกปฏิบัติเชื้อชาติ


วันนี้ (22 ส.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม  นางสุวณา  สุวรรณจูฑะ  รองปลัดกระทรวงยุติธรรม  พร้อมด้วยนายพิทยา  จินาวัฒน์  อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แถลงข่าวกรณีได้นำเสนอรายงานประเทศไทยตามพันธกรณีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่า ด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ  โดยนางสุวณา  ในฐานะหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านบริหารความยุติธรรม กล่าวว่า  ผลการรายงานต่อคณะกรรมการขจัดทางเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์ขององค์การสห ประชาชาติ(ยูเอ็น)  ในการประชุมสมัยที่ 81 ที่นครเจนีวา  สมาพันธรัฐสวิส  มีความพอใจผลการปฏิบัติตามอนุสัญญาในฐานะประเทศภาคี โดยเฉพาะประเด็นการจัดการปัญหาสถานะบุคคล การแก้ไขพ.ร.บ.การคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น  การให้ที่พักพิงกับผู้ลี้ภัยการสู้รบจากประเทศเพื่อนบ้าน  การมีนโยบายให้สิทธิขั้นพื้นฐานกับทุกกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น การศึกษา และการรักษาพยาบาล  ทั้งนี้ ยังได้มีการแสดงความพอใจกรณีที่มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นที่ได้แสดงความเป็นห่วงและตั้งข้อสงวนไว้เพื่อพิจารณาแก้ไข คือ กรณีที่ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องการจำแนกสถิติ กลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งขาดความชัดเจนด้านสถิติข้อมูล

ด้านพิทยา  ยอมรับว่าขณะนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ลดลงกว่าที่ผ่านมา โดยปัญหาการละเมิดสิทธิฯที่ยังคงมีอยู่คือ การละเมิดสิทธิฯโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยบังคับใช้กฎหมาย เช่น การจับผิดตัว การอุ้มหาย  การละเมิดสิทธิฯโดยประชาชนด้วยกัน  คนมีโอกาสดีกว่าเอาเปรียบคนด้อยโอกาส  การละเมิดสิทธิโดยองค์กรธุรกิจอุตสาหกรรม  ซึ่งที่ผ่านมากรมคุ้มครองสิทธิฯพยายามแก้ไขปัญหาระงับข้อพิพาทด้วยการเปิด โอกาสให้ไกล่เกลี่ย  ที่มีศูนย์ไกล่เกลี่ยกระจายอยู่ทั่วประเทศ 198 แห่ง และมีคดีที่ไกล่เกลี่ยไปแล้วกว่า 1,000 คดี
สำหรับปัญหาการขอสัญชาติให้คนไทยพลัดถิ่นซึ่งเป็นหนึ่งในข้อกังวลของยู เอ็น ในส่วนประเทศไทย กระทรวงมหาดไทยและสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ได้หาแนวทางแก้ไขร่วมกัน  ล่าสุด กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดให้มีการขึ้นทะเบียนคนไทยพลัดถิ่นแถบเกาะกง ประเทศกัมพูชา และแถบตะวันออกของประเทศพม่าหรือด้านติดต่อกับจังหวัดระนอง  มีผู้ขอลงทะเบียนแล้วกว่า 18,000 คน ซึ่งจะมีการพิสูจน์สิทธิด้วยการตรวจดีเอ็นเอ และการใช้สิทธิทางการปกครองในการสืบหาชาติพันธุ์  กระทรวงยุติธรรมโดยกรม คุ้มครองสิทธิฯได้แบ่งงบประมาณจากกองทุนยุติธรรมจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อมอบหมายให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ใช้ในการดำเนินงานในการสอบดีเอ็นเอ 

อดุลย์"เร่งแก้ปัญหาใต้ เพิ่มอำนาจ ผบ.ศปก.ตร.สน.มีอำนาจเบ็ดเสร็จสั่งการได้ทุกหน่วย


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้ ( 22  ส.ค.)   พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. ได้ประชุมติดตามความคืบหน้าแนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา จากนั้นได้มีข้อสั่งการไปยังหน่วยต่างๆเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ โดยมีประเด็นที่สำคัญที่ต้องปรับเปลี่ยนคือ 1.การมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้ผบ.ศปก.ตร.สน.ให้มีอำนาจบูรณาการสั่ง การเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วย ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัด เพื่อไม่เกิดความสับสนในการทำงาน

2.มอบอำนาจหน้าที่ตวามรับผิดชอบการบริหารสั่งการในพื้นที่ 3 จังหวัดให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รองผบ.ตร.(ปป4) และพล.ต.ท.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ ผู้ช่วยผบ.ตร.(ปป41) รับผิดชอบกำกับการบริหารราชการ รวมทั้งสั่งและปฏิบัติแทนผบ.ตร.การสั่งการทำงานให้รองผบ.ตร.สามารถสั่งการ ได้ทุกสายงานเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน

3.การเพิ่มขีดความสามารถด้านการสืบสวนคดีสำคัญ งานสอบสวนและนิติวิทยาศาสตร์ในพื้นที่ โดยมอบหมายให้พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร.และพล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบกำหนดรูปแบบและแนวทางการปฏิบัติในการเพิ่ม ประสิทธิภาพ โดยบูรณาการระหว่าง พนักงานสอบสวน พนักงานสืบสวน พิสูจน์หลักฐาน การซักถาม อีโอดี บอมดาต้าเซ็นเตอร์ รวมทั้งพิจารณาคัดสรรบุคลากรให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน

4.เห็นชอบตามแนวเสนอของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ จันทร์อิทธิกุล รองผบ.ตร.ที่จะแก้ปัญหากำลังพลขาดแคลน ให้รับสมัครสอบคัดเลือก 1500 นาย จากทหารกองหนุนโดยมีคุณสมบัติ 1.เป็นบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกทหารใน 14 จว.ภาคใต้ 2.เคยปฎิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดภาคใต้ไม่น้อยกว่า 6 เดือน 3.อาสาสมัครทหารพรานที่ปฏิบัติหน้าที่หรือเคยทำงานในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 2 ปี และทั้งหมดต้องจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อสอบคัดเลือกได้ให้พิจารณาเสนอ ก.ต.ช.ลดการฝึกอบรม เน้นการอบรมเรื่องอำนาจตามกฎหมายตาม.วิอาญาและยุทธวิธีตำรวจ ทั้ง 3 กลุ่มต้องมีบุคคลรับรองเป็นผู้บังคับการกองพันขึ้นไป นอกจากนั้นยังมีหน่วยตชด.ภ.4และบช.ภ.9ที่ยังขาดแคลนกำลังให้สำนักงานกำลังพล พิจารณาหาแนวทางทดแทนกำลังที่ขาดแคลนในโอกาสต่อไป สำหรับการสอบนายสิบตำรวจที่ผ่านมาที่บรรจุลงที่ศชต. 2125 อัตรา ให้ลดระยะเวลาการฝึกอบรมเหลือ 6 เดือนเพื่อเร่งลงไปทดแทนกำลัง และให้เสริมกำลังพลร่ม 2 ชุดปฏิบัติการ ในวันที่ 1 ต.ค.

6.วางระบบแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะระบบซีซีทีวีในการป้องกันเหตุในเขตเมืองอย่างเร่งด่วนหาจุดติดตั้ง ที่เหมาะสม ห้องคอนโทรลสามารถติดตามสถานการณ์ได้ 24 ชั่วโมง

“เฉลิม” สั่งจัดตั้งศูนย์ ศตข. ทำงานร่วมดีเอสไอ ป.ป.ท.


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  วันนี้ ( 22 ส.ค.)  พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกตร. กล่าวถึงการเปิดศูนย์ปฏิบัติการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการ รับจำนำข้าว การเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณองค์กรส่วนท้องถิ่น (ศตข.)ว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบ ได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศตข. เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทั้ง 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ในการดำเนินการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในระดับปฏิบัติการ โดยให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าวไว้ที่อาคาร 1 ห้องประชุม 8 ชั้น 3 โดยมีพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษาสบ 10  เป็นหัวหน้าศูนย์คุมควบรับผิดชอบการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ต่อไป

พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังได้จัดหน่วยปฏิบัติการในการตรวจสอบระดับพื้นที่ ได้แก่ บช.น. บช.ภ.1-9 และศชต. ซึ่งจะปฏิบัติการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว การเยียวยาฟื้นฟู และบรรเทาสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มุ่งเน้นทำการตรวจสอบและสืบสวน เพื่อป้องกัน ปราบปราม ตลอดจนการดำเนินคดีเพื่อลงโทษผู้กระทำผิด อย่างต่อเนื่องและจริงจังในทุกๆ พื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่และส่วนราชการทุกหน่วยงาน จะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบในทุกๆ ด้าน ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นพฤติการณ์การทุจริตดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูล บาะแสมายังศตข. ตามช่องทางต่างๆ ได้แก่ www.corruption.info.police.go.th หรือตู้ปณ.1234 และสายด่วน 1768 ได้ทันที

โฆษกตร.วอนสื่อให้วิจารณญาณเสนอข่าวแม่หั่นศพลูก ให้เป็นหน้าที่ตำรวจและแพทย์


(วันนี้) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะ  อุทาโย โฆษกตร. กล่าวถึงกรณี น.ส.นาไหม จกู่ อายุ 26 ปี ชาวเขาเผ่ามูเซอ ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพลูกสาวของตนเองเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา และล่าสุด รพ.สวนปรุงได้รับตัว น.ส.นาไหมไปตรวจสภาพจิต ว่าคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญที่อยากขอความร่วมมือกับสื่อมวลชน ใช้วิจารณญาณในการเผยแพร่ข่าวสาร และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ทั้งแพทย์รพ.สวนปรุงที่จะตรวจสอบว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตหรือไม่ และพนักงานสอบสวนในการรวบรวมพยานหลักฐานทำสำนวนคดี โดยตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว หากสงสัยว่าผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิตต้องให้แพทย์ตรวจสอบ ลงความเห็น ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหา  และเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรไปขยายความต่อ เพราะเกี่ยวข้องกับความรู้สึก

พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล จับกุมผู้ต้องหาใช้เฟซบุ๊คหลอกลวงหญิงสาวไปประทุษร้ายทางร่างกายว่า จากการ ตรวจสอบการก่อเหตุโดยใช้โซเชียลเน็ทเวิร์ค พบว่าเหยื่อหลงเชื่อข้อความหรือรูปภาพที่ผู้ต้องหาโพสต์อย่างง่ายดาย จึงขอให้ผู้ใช้ตั้งสมมุติฐานไว้ว่า ภาพบนเฟซบุ๊คอาจไม่ใช่เป็นตัวจริง และข้อความที่สื่อสารอาจไม่มีเจตนาอย่างที่คิด เพราะไม่ใช่การสื่อสารต่อหน้า ดังนั้นการไปพบบุคคลที่ติดต่อทางเฟซบุ๊คหรือโซเชียลเน็ทเวริค์ต่างๆ ควรแจ้ง ญาติหรือเพื่อนสนิทให้ทราบด้วยทุกครั้ง นอกจากนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีแอฟพริเคชั่น ที่ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในการป้องกันตนเองได้ อย่าง "สายตรวจนกฮูก" ของกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือปอท. ซึ่งสามารถโหลดแอฟพริเคชั่นมาใช้งานได้แล้ว

ศาลอาญาสั่งถอนประกัน"เจ๋งดอกจิก"


วันนี้(22ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดฟังคำสั่ง เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กับพวกรวม 19 คน โดยมีแกนนำทั้งหมดมาเข้าร่วมฟังการการพิจารณา
ภายหลังในการอ่านกระบวนพิจารณาโดยใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง ผลปรากฏว่า ศาลมีคำสั่ง ให้เพิกถอนประกัน นายยศวริศ ชูกล่อม  หรือ เจ๋ง ดอกจิก เพียงคนเดียว ส่วนแกนนำคนอื่นๆ ศาลยังให้ประกันตัวต่อไป แต่กำหนดเงื่อนไขว่า ห้ามไม่ให้มีการปราศรัย ยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความสับสวนในสังคมอีก
ทั้งนี้  นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีว่า ได้เตรียมหลักทรัพย์มาขอประกันตัวแกนนำไว้แล้ว หากศาลมีคำสั่งถอนประกันตัว ก็จะขอยื่นประกันอีกรอบ

แจ้งกองปราบจับสองแม่ลูกตุ๋นลงทุนค้าสลากกินแบ่งฯ


(วันนี้ 22 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.ธัณย์จิรา พงษ์ศิริรัตน์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6/664 ซอยคู้บอน 27 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย 12 ราย เข้าพบ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นางสุมณีย์ หรือแขก วราโรจน์วงศ์ และ น.ส.มนต์ปภาส์ หรือปอม วราโณจน์วงศ์ สองแม่ลูก ในความผิดฐานฉ้อโกงและจ่ายเช็คที่ไม่สามารถขึ้นเงินได้
น.ส.ธัณย์จิรา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2553 นางสุมณีย์ และ น.ส.มนต์ปภาส์ ได้ชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยอ้างว่าได้รับโควต้าจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลมาในราคาเล่มละ 8,500 บาท สามารถนำไปขายให้ลูกค้าในราคา 9,000 บาท ซึ่งจะมีกำไร 500 บาทต่อเล่ม หากตนยินดีร่วมลงทุนก็จะปันผลกำไรให้ จึงหลงเชื่อยอมลงทุนในครั้งแรกจำนวน 89 เล่ม เป็นเงิน 756,000 บาท โดยโอนเงินให้กับนางสุมณีย์ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2553 และเมื่อเห็นว่าได้รับเงินปันผลจริง ถึงได้ลงทุนเพิ่มอีกในปี 2554-2555 พร้อมกับชักชวนญาติพี่น้องและเพื่อนมาลงทุน รวมเป็นเงินกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งมีการโอนเงินให้กับนางสุมณีย์ผ่านบัญชีธนาคารต่างๆ แต่ภายหลังกลับไม่ได้เงินปันผลกำไรตามที่ตกลงกันไว้
น.ส.ธัณย์จิรา กล่าวต่อว่า หลังจากทวงถามกับนางสุมณีย์ก็ได้รับการบอกปัด อ้างว่ามีลูกค้าจ่ายเงินให้ช้า หุ้นส่วนคนอื่นๆ ก็เข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น ต่อมาได้พบกับผู้ที่ร่วมลงทุนกับนางสุมณีย์เช่นเดียวกับตน ซึ่งมีกว่า 20 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งหลายรายได้เงินปันผลไม่ครบ หรือบางงวดก็ไม่ได้รับเงินเลย โดยนางสุมณีย์อ้างว่ามีบุคคลที่ 3 เอาสลากกินแบ่งฯ ไปจำหน่ายแล้วถูกลูกค้าโกงเงิน จึงไม่มีเงินมาจ่ายปันผลดังกล่าว แต่พวกตนก็เริ่มพบข้อพิรุธหลายอย่าง จนที่สุดจึงต้องการยกเลิกการลงทุนและขอเงินลงทุนคืน แต่นางสุมณีย์กลับบ่ายเบี่ยง ขอยืดเวลาคืนเงิน จากนั้นก็มีการจ่ายเช็คแต่ก็ไม่มีเงินในธนาคาร หรือเช็คเด้ง จึงรวมตัวกันเข้าแจ้งความในครั้งนี้
ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ได้รับเรื่องไว้ โดยสั่งการให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.สอบปากคำผู้เสียหายและตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป.

รอผลตรวจลายนิ้วมือ-ชันสูตรศพหนุ่มนิรนาม ถูกฆ่ามัดมือเท้าทิ้งศพดาดฟ้าตึกร้างย่านบางนา


จากกรณีที่พบศพชายนิรนาม อายุประมาณ 30-35 ปี ตัดผมสั้นเกรียน ผิวดำแดง ถูกฆ่ามัดมือมัดเท้าแล้วทิ้งศพไว้บนชั้นดาดฟ้าของอาคารไทยฟา กรุ๊ป ถนนบางนา-ตราด กม.2 แขวงและเขตบางนา โดยเจ้าหน้าที่พบหลักฐานในจุดเกิดเหตุเป็นพวกเศษเหล็ก รอกและมอเตอร์ลิฟท์ รวมทั้งเศษปลอกสายไฟที่ถูกลอกทองแดงออกไปหมดแล้วอีกเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายน่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้าของเก่าที่ลักลอบขึ้นมาตัดสายไฟและขนเศษเหล็กไป ขายแต่เกิดถูกเพื่อนร่วมกลุ่มที่มีไม่ต่ำกว่า 2-3 คน หักหลังฆ่าทิ้ง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (22 ส.ค.) พ.ต.ท.ศรัณยพงศ์ พันธุ์เพ็ง พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางนา เจ้าของคดี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร เนื่องจากไม่พบเอกสารระบุในตัว และขณะเดียวกันยังไม่มีใครมาแจ้งคนหายหรือมีญาติมาติดต่อขอดูรูปพรรณของศพ ผู้ตายที่สน.บางนา ทำให้ต้องรอผลการตรวจลายนิ้วมือจากกองพิสูจน์หลักฐานที่ชัดเจนเพียงข้าง เดียว ส่วนมืออีกข้างนั้นเปื่อยยุ่ยไปแล้ว รวมทั้งต้องรอผลการชันสูตรศพจากแผนกนิติเวช รพ.จุฬาฯ ว่าผู้เสียชีวิตจากสาเหตุใด มีบาดแผลถูกทำร้ายบ้างหรือไม่ ก่อนประสานให้ฝ่ายสืบสวน สน.บางนา ลงพื้นที่สืบสวนติดตามหาตัวกลุ่มคนร้ายต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.นฤดล พุ่มพวง สว.สส.สน.บางนา กล่าวว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะเป็นกลุ่มค้าของเก่าในพื้นที่ละแวกที่เกิด เหตุ ที่อาจจะถูกคนในกลุ่มเดียวกันหักหลังแล้วลงมือฆ่าทิ้ง ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลของกลุ่มผู้ค้าของเก่าในพื้นที่สน.บางนาไปจนถึงย่าน บางพลี จ.สมุทรปราการ นั้นพบว่ามีอยู่ด้วยกัน 3-4 กลุ่ม ซึ่งหลังจากนี้จะส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ไปติดตามตัวกลุ่มคนเหล่า นี้ ทั้งกลุ่มผู้ค้าและกลุ่มผู้รับซื้อมาทำการสอบปากคำทีละกลุ่มว่า เคยพบเห็นหรือรู้จักกับผู้ตายบ้างหรือไม่ และเคยมีเรื่องราวทะเลาะวิวาทหรือผิดใจกันด้วยหรือไม่ นอกจากนี้จะติดตามตัวคนดูแลอาคารร้างที่เกิดเหตุมาสอบปากคำด้วยว่า รู้จักหรือเคยพบเห็นผู้ตายบ้างหรือไม่ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่กำลังรอผล การตรวจลายนิ้วมือจากกองพิสูจน์หลักฐานว่าเป็นใครมาจากไหนเพื่อใช้เป็นแนว ทางในการสืบสวนหากลุ่มคนร้ายต่อไป

ผบช.ภ.3ฟันธงยิงลูก"ส.ส.ชาดา" เหตุเขม่นกันขณะขับรถ วอนพยานเข้าให้ปากคำ


จากกรณีลูกชาย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ถูกยิงเสียชีวิตที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 ส.ค. พล.ต,ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 ได้ชี้ให้ผู้สื่อข่าวดูจุดเกิดเหตุ และให้ดูภาพพยานหลักฐานต่างๆ ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ พร้อมกับเปิดเผยว่า จากพยานหลักฐานต่างๆ เชื่อว่าสาเหตุจากเรื่องดังกล่าว น่าจะเกิดจากการเขม่นกันระหว่างขับรถ เนื่องจากมีการยิงต่อสู้กันของรถทั้งสองคัน ระหว่างรถของผู้ตาย และรถของคู่กรณีอีกคัน โดยจากหลักฐานต่างๆ พบมีปลอกกระสุนในรถของผู้ตาย หลายปลอก และยังพบว่า รถของผู้ตายได้เปิดกระจกยิงต่อสู้ใส่รถคันที่เป็นคูกรณี ซึ่งคาดว่ารถคันดังกล่าวน่าจะมีร่องรอยถูกยิงจนได้รับความเสียหาย โดยขณะนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบตามอู่รถต่างๆ ว่ามีรถลักษณะต้องสงสัยเข้าไปซ่อมที่ไหนหรือไม่ เพื่อสืบหาผู้ที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท่าที่ดูจากหลักฐานน่าจะเป็นการทะเลาะกันระหว่างขับรถ หรืออาจจะเกิดจากความไม่พอใจอะไรสักอย่าง จนเกิดการทะเลาะรุนแรงถึงขั้นยิงกันจนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว ส่วนใครจะเป็นคนลงมือยิงก่อน คงต้องรอบให้คนที่นั่งมาในรถคันเดียวกับผู้ตายมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่จากหลักฐานพบว่า รถคันของผู้ตายยิงปืนออกไปกว่า 10 นัด ขณะที่รถคู่กรณียิงเข้าใส่รถคันของผู้ตายเพียง 2 นัด แต่กระสุนไปโดนจุดสำคัญจนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว โดยขณะนี้ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนประสาน เพื่อของผู้ตายมาสอบสวนโดยเร็ว และต้องการให้กลุ่มของผู้เสียชีวิตนำอาวุธปืนมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดย เร็ว เพื่อความกระจ่างในคดีดังกล่าว

นอกจากนี้เชื่อว่าคนที่ลงมือก่อเหตุน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เนื่องจากรู้เส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี สามารถปิดไฟรถขับหลบหนีไปได้ และทราบว่ารถที่ก่อเหตุเป็นรถที่ติดไฟส่องสว่าง ซึ่งในพื้นที่ อ.ปากช่อง น่าจะมีไม่มากนัก คาดว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ที่ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน.

ตั้งปมฆ่าลูกชาดา คู่อริจ้องฆ่าพ่อ-ปาดหน้ารถโจ๋



ความคืบหน้าพิธีฝังนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ หลังจากรับศพโรงพยาบาลแล้ว วันนี้ (21 ส.ค.) ก่อนเที่ยง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองอุทัยธานี ซึ่งมีศักดิ์เป็นอา ได้นำศพหลานชายมาทำพิธีทางศาสนาอิสลามที่บ้านพักบริเวณหลังวัดทุ่งแก้ว เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี อ.เมือง จ.อุทัยธานี จากนั้นเวลา 14.00 น. นายชาดาได้ทำพิธีเคลื่อนศพลูกชายไปฝังที่กุโบร์บริเวณหลังเขาสะแกกรัง ต.ดอนขวาง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ท่ามกลางญาติมิตรและนักการเมืองชื่อดังมาร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายนิกร จำนง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทย นายการุณ โหสกุล ส.ส.กรุงเทพ พรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายวันชัย โอสุคนทิพย์ ผวจ.อุทัยธานี และพล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวช ผบก.ภ.จว.อุทัยธานี

รายละเอียดของเหตุการณ์สั่งตายครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.20 น.ในวันเดียวกัน พ.ต.ต.นพพร ปราชญ์กระโทก พนักงานสอบสวน สภ.หมูสี อ. ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณหน้าบ้านเลขที่ 141/2 ริมถนนสายเขาใหญ่-วังน้ำเขียว ช่วงกม.ที่ 6-7 ท้องที่หมู่ 6 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนาวุฒิ เคหะเจริญ ผกก. พ.ต.ท.นนท์ธวัช พงศ์เลิศโกศล รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ชูสิทธิ์ หล่อแสง สว.สส. และกำลังตำรวจชุดสืบสวน

ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง อ-5726 กรุงเทพมหานคร ปีนขึ้นขอบทางด้านขวา ด้านหน้ารถชนเสาไฟฟ้าหัก 1 ต้น โค่นลงมาทับรถยนต์ ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าดับมืดสนิท กระจกประตูรถด้านคนนั่งข้างคนขับถูกกระสุนแตกทั้งบาน ที่ประตูรถมีรูกระสุนปืน 1 รู โดยมีเศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนพื้น ภายในเบาะนั่งคนขับพบร่างอันโชกเลือดของนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 28 ปี ลูกชายของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา และประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าบริเวณใต้กกหูซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน อาการสาหัส ญาติและพรรคพวกที่มาด้วยกัน ช่วยนำร่างนายฟารุตส่ง รพ.ปากช่องนานา แต่เสียชีวิตระหว่างทาง จากการตรวจพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. และขนาด .380 ตกกระจัดกระจายตามพื้นถนนเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร จำนวน 13 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่าก่อนเกิดเหตุนายชาดา ได้พาครอบครัว คนสนิท และเพื่อนๆของลูกชาย เดินทางมาพักผ่อนที่โรงแรมชาโตเดอะเขาใหญ่ อ.ปากช่อง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. นายชาดาพร้อมนายฟารุตผู้ตายและเพื่อนๆรวม 7 คน นั่งรถยนต์ป้ายแดงคันดังกล่าวออกจากโรงแรมที่พัก เพื่อไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ บริเวณ กม. 4 ริมถนนธนะรัชต์ ต่อมามีเพื่อนของนายชาดาเดินทางจากกรุงเทพฯตามมาสมทบ โดยนัดให้นายชาดาไปพบที่ร้านแมคโดแนล ใกล้ห้างฯโลตัส สาขาปากช่อง นายชาดาจึงย้ายจากรถของลูกชายไปนั่งรถเก๋งบีเอ็มดับเบิ้ลยูอีกคันของเพื่อน สนิท แล้วขับนำหน้ารถลูกชายที่มีเพื่อนผู้ชายนั่งมาด้วย 6 คน ไปตามถนนธนะรัชต์ ก่อนถึงประตูด่านขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เลี้ยวซ้ายตามถนนทางหลวงชนบท

เมื่อรถวิ่งมาถึงทางโค้งสามแยก กม. 6-7 พบว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวน นั่งมาในรถปิกอัพมิตซูบิชิ สตาร์ด้า ติดเทอร์โบ โหลดเตี้ย สีน้ำเงิน ไม่ทราบทะเบียน พยายามขับแซงซ้ายขึ้นไป จังหวะนั้นผู้ตายเห็นผิดสังเกต จึงพยายามขับกันไม่ให้แซง พร้อมทั้งส่งอาวุธปืนให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง แต่ไม่ทันการณ์ เพราะคนร้ายได้เร่งเครื่องยนต์ขึ้นแซง พร้อมเปิดไฟสปอตไลท์ที่ติดขอบกระบะหลังสาดใส่หน้าคนขับรถผู้ตาย แล้วมือปืน 2 คน ในรถปิกอัพได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้ามาทางกระจกรถด้านคนนั่งข้างคนขับ ส่วนคนอื่นได้มอบลง จึงไม่ตกเป็นเหยื่อคมกระสุน ยกเว้นนายฟารุตถูกยิงจนฟุบคาพวงมาลัย ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง หักโค่นลงมาทับรถ

ส่วนนายชาดาซึ่งขับรถยนต์อยู่ข้างหน้าและเป็นช่วงทางโค้งมองไม่เห็นไฟรถ ยนต์ของลูกชาย จึงขับสวนทางมาดู แล้วพบรถของคนร้ายมีคนนั่งในกระบะหลัง 2 คน โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงมาที่รถของนายชาดาด้วยแต่กระสุนพลาดเป้า กลุ่มมือปืนจึงรีบขับรถหลบหนีไป นายชาดากับลูกน้องจึงช่วยกันนำร่างนายฟารุตส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ. 3 พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.ภ.3 พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา และพ.ต.ท.สถาพร ทองจำรุญ สว.กองพิสูจน์หลักฐานภาค 3 เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้น พล.ต.ท.ภาณุได้ให้สัมภาษณ์ ว่าเบื้องต้นตำรวจมุ่งประเด็นการสังหารไว้ 2 เรื่อง คือ ปัญหาการล้างแค้นจากคู่อริเดิมที่มี และเหตุการณ์เฉพาะหน้าของกลุ่มวัยรุ่นอาจจะไม่พอใจเรื่องการขับรถปาดหน้ากัน

ส่วนคนร้ายต้องการสังหารนายชาดาหรือไม่นั้น ไม่น่าจะเป็นเป้าหมายหลัก เพราะถ้าต้องการสังหาร ส.ส.อุทัยธานี คนร้ายน่าจะยิงถล่มในช่วงนายชาดาลงจากรถ และต้องใช้อาวุธร้ายแรงกว่านี้ ในส่วนของพนักงานสอบสวนได้นำพยานที่นั่งมาในรถผู้ตายมาสอบแล้ว 3 ปาก ยังเหลืออีก 3 ปาก และพอจะทราบที่มาของการก่อเหตุ ส่วนนายชาดาเป็น ส.ส.ชื่อดัง และเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ จ.อุทัยธานี ยังไม่มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน เนื่องจากต้องไปจัดการงานศพลูกชายก่อน เพราะหลักศาสนาอิสลามต้องฝังศพภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง คาดว่าน่าจะได้เบาะแสคนร้ายในเร็ว ๆ นี้

สำหรับข้อมูลของผู้ตายนั้นเพิ่งเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และช่วยงานการเมืองท้องถิ่นให้กับนายชาดาผู้เป็นพ่อมานานพอสมควร เพื่อเป็นการเปิดตัวให้ชาวอุทัยธานีรู้จักมากขึ้น เนื่องจากนายชาดาต้องการผลักดันลูกชายคนนี้ลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.อุทัยธานี ในสมัยหน้า แต่ต้องมีถูกยิงเสียชีวิตไปก่อน สำหรับเหตุการณ์ยิงถล่มครั้งนี้ ชาวบ้านในอุทัยธานีต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่า น่าจะมาจากประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่นเป็นหลัก โดยคนร้ายอาจต้องการถล่มนายชาดา แต่นายชาดาเปลี่ยนไปนั่งรถอีกคัน เป็นเหตุทำให้ลูกชายเสียชีวิต

ทางด้านนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีลอบยิงรถลูกชายของนายชาดาว่าตนเพิ่งทราบข่าว ยังไม่ทราบว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่ได้คุยกันทางโทรศัพท์ ไม่กล้าถามเจ้าตัว เพราะยังเสียใจอยู่ สาเหตุยังตอบไม่ได้คงเป็นไปได้ทุกทาง คงต้องไปสอบสวนดูว่าเป็นเพราะอะไร ก็เห็นใจนายชาดาที่เป็นกำลังสำคัญของพรรค

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคดีดังกล่าวว่าได้คุยโทรศัพท์กับผบก.ภ.จว.นครราชสีมา แล้ว เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายตามไป ไม่ได้เป็นเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันในขณะไปเที่ยวเตร่ แต่เป็นการเตรียมการ พอยิงเสร็จ คนร้ายก็หนีออกไปทางอ.วังน้ำเขียว ซึ่งยังจับตัวไม่ได้

เมื่อถามว่าสรุปคนร้ายพุ่งเป้าไปที่ตัวของนายชาดา หรือลูกชาย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่ายังไม่ชัดเจน เพราะยังไม่มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ฝ่ายญาติของผู้เสียชีวิตไม่อยากให้ผ่าตัดตรวจพิสูจน์กระสุน เพราะเป็นมุสลิม ต้องทำพิธีศพภายใน 24 ชั่วโมง.

แกนนำแดงโวย กสม. สอบปราบม็อบไม่ละเมิด


วันนี้ ( 21 ส.ค.)  ที่พรรคเพื่อไทย นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวรชัยเหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่มีสื่อนำเสนอรายงานผลการตรวจสอบของอนุกรรมการสิทธิ มนุษยชนทั้ง 9 ชุด โดยสรุปว่าการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงช่วง เม.ย. – พ.ค.53 ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนว่า กล่าวว่า ไม่ทราบว่ารายงานฉบับดังกล่าวเป็นทางการหรือไม่ หากเป็นรายงานฉบับทางการก็รู้สึกผิดหวังที่กรรมการสิทธิฯเลือกข้างรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เลือกข้างพรรคประชาธิปัตย์ เลือกข้างเสื้อเหลืองและกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งตนขอคัดค้านในทุกประเด็น แต่ถ้ายังไม่ใช่รายงานฉบับทางการก็ไม่ทราบว่าสื่อนำมาตีพิมพ์เพื่อสะท้อน อะไร ทั้งนี้ขอโต้แย้งแนวคิดในรายงานดังกล่าวทุกประเด็นและประณามกรรมการสิทธิฯ เพราะผิดหวังที่งานโดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความจริงแต่เลือกข้างหรือไม่
นพ.เหวง กล่าวว่า ส่วนที่ระบุว่าผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากระเบิดเอ็ม 79 บริเวณแยกศาลาแดงเมื่อวันที่ 22 เม.ย.53 นั้น เป็นระเบิดที่ยิงมาจากทิศทางของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ภาพข่าวที่ออกมาจากสื่อทุกแขนงก็ชัดเจนว่า ในวันดังกล่าวทิศทางของระเบิดมาจากตึกสูง ธ.กรุงศรีอยุธยา จึงแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ชุ่ยอย่างสิ้นเชิง เป็นการยกเมฆและผิดจากหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนที่ระบุว่ากรณีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตบริเวณอนุสรณ์สถาน ดอนเมือง วันที่ 28 เม.ย.53 ไม่มีหลักฐานระบุชัดว่าฝ่ายใดละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น ถือเป็นการตรวจสอบแบบหลับหูหลับตาหรือไม่ เพราะช่องซีเอ็นเอ็นหรือแม้แต่บีบีซี ถ่ายทอดภาพชัดเจนว่าทหารยิงทหารตายในบริเวณดังกล่าว ส่วนการชุมนุมบริเวณ รพ.จุฬาฯ ที่ระบุว่าผู้ชุมนุมละเมิดสิทธิมนุษยชนของแพทย์ พยาบาลและผู้ป่วยนั้น เราได้ขอโทษทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเราไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปสร้างความเดือดร้อน
นพ.เหวง กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการสั่งการของรัฐบาล การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ระหว่างวันที่ 13 -19 พ.ค.ที่มีการวางเพลิง ซึ่งเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ รัฐบาลจึงสามารถอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยสามารถใช้อาวุธปืนป้องกันตนเองได้ รวมถึงการติดป้ายเขตใช้กระสุนจริงนั้น รัฐบาลเห็นประชาชนเป็นเสือสิงห์กระทิงแรดหรืออย่างไร เจ้าหน้าที่สามารถฆ่าประชาชนสองมือเปล่าได้ด้วยหรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีวรรคไหนอนุญาตให้ฆ่าประชาชนสองมือเปล่าได้ ถือเป็นการทำลายอุดมการณ์สิทธิมนุษยชนโดยสิ้นเชิง ดังนั้นบุคลากรในกรรมการสิทธิฯ ยังมีสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานหรือไม่ ส่วนกรณีมีผู้เสียชีวิต 6 ศพในวัดปทุมวนารามนั้น  สันนิษฐานว่าบางศพมีลักษณะถูกยิงจากบนลงล่าง ซึ่งก็ปรากฏชัดว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า ซึ่งการเสียชีวิตนี้อาจเกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เหตุใดกรรมาสิทธิฯไม่เคยออกมาประณามทหารเลย
“ดังนั้นผมขอปฏิเสธและคัดค้านทั้ง 9 กรณี และขอเรียกร้องให้กรรมการสิทธิฯ ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่ารายงานฉบับนี้เป็นการทางการแล้วหรือไม่ และขอเรียกร้องให้ตีพิมพ์รายงานฉบับจริงโดยเร็ว รวมทั้งทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นกรรมการสิทธิฯ ถือว่าเป็นพวกนายอภิสิทธิ์เต็มเปา” นพ.เหวง กล่าว
นายก่อแก้ว กล่าวว่า รายงานฉบับดังกล่าวถือเป็นความผิดหวังซ้ำซากต่อชุดนี้ ไม่สามารถตอบสังคมได้ และขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงค่อนข้างมาก วันที่มีการชุมนุมเกิดขึ้น กรรมการสิทธิฯ ก็นำดอกไม้ไปมอบให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ วันที่ผู้ชุมนุมถูกกระชับพื้นที่และมีคนตาย กลับไม่มีมีการประณามรัฐบาลจากกรรมการสิทธิฯ เลย และไม่เคยออกมาห้ามปรามรัฐบาลยุคนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการฆ่า สุดท้ายก็มีการฆ่าอีกครั้งจนมีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยศพ หากกรรมการสิทธิฯ ออกมาทำหน้าที่ตั้งแต่แรก คนคงไม่ตายมากขนาดนี้ ถือเป็นตราบาปของกรรมการสิทธิฯ  หากคิดว่ารัฐบาลมีความชอบธรรมก็จะกลายเป็นใบอนุญาตสั่งฆ่าในอนาคต รัฐบาลชุดไหนก็จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินและฆ่าประชาชน เพราะกรรมาสิทธิประทับตราให้แล้วโดยปริยาย แล้วสังคมจะอยู่อย่างไร
ด้านนายวรชัย กล่าวเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอในการสืบสวนสอบสวนหา ตัวผู้สั่งฆ่าประชาชน โดยย้ำว่าเราไม่ต้องการเอาผิดกับผู้ปฏิบัติ ดังนั้นขอให้พล.อ.ประยุทธ์หยุดท่าทีที่ดูเหมือนว่าไม่ให้ความร่วมมืออย่าง ที่เป็นอยู่นี้เสีย พร้อมกันนี้ขอให้กำลังพลของกองทัพทุกท่านให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดี พิเศษหรือดีเอสไอและกระบวนการยุติธรรม เพราะวันนี้คนในสังคมต้องการทราบความจริงเนื่องจากมีความตายเกิดขึ้นแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เปิดเผยข้อมูลผลการสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการ เมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในช่วงปี 52 – 53 ต่อสาธารณชน โดยเมื่อผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยัง นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับโทรศัพท์แต่อย่างใด จึงได้ติดต่อไปยังเลขานุการ หน้าห้องของนางอมรา จึงได้คำตอบว่า ช่วงนี้นางอมราไม่ค่อยสะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังอยู่ขั้นตอนการพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ และนางอมรา ต้องการที่จะได้ผลสรุปที่ชัดเจนเสียก่อนแล้วจะแถลงข่าวเป็นทางการ.

รองนายกฯ“ยงยุทธพร้อมสอบคลิปฉาวสส.


วันนี้ (22 ส.ค.)ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคลิปเสียงของ ส.ส.ผู้หนึ่ง พรรคเพื่อไทย ที่พูดในลักษณะข่มขู่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี รวมทั้งระบุว่าต้องการที่ดินของอุทยานไปปลูกยาพารา ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด และไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตามก็จะมีการพูดคุยกับนายฉลองให้  หากได้ผลอย่างไรจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ
ต่อข้อถามที่ว่าการพูดลักษณะข่มขู่ถือเป็นการทำให้ข้าราชการเสียขวัญ กำลังใจหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดเลยว่าเป็นอย่างไร ดังนั้นขออย่าเพิ่งวิจารณ์ เมื่อถามว่าถือเรื่องนี้มองได้ว่าการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของข้า ราชการหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ก็ต้องดูไป ถ้าทำอย่างที่บอกจริงก็ต้องถือว่ามีความผิด ซึ่งทางพรรคก็มีกรรมการจรรยาบรรณ และกรรมการวินัยคอยตรวจสอบอยู่แล้ว และที่ผ่านมาพรรคก็เคยมีมติหลายเรื่องสำหรับคนที่ทำให้พรรคเสียหายอยู่แล้ว และสำหรับกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนเป็นการเฉพาะ เพียงแต่ต้องสอบถามไปว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่ง ส.ส.ผู้นั้นก็ต้องชี้แจงมา  “ต้องดูว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายแค่ไหน ถ้าผิดก็ต้องผิด”

ส่วนกรณีมีการอ้างชื่อนายยงยุทธด้วยนั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ จะสอบถามเองแต่ยืนยันว่าไม่ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของพรรค  เมื่อถามย้ำว่าแต่ที่ผ่านมาเคยมีปัญหาเช่นนี้บ่อยครั้ง นายยงยุทธ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจว่าคนที่เป็น ส.ส. ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ดังนั้นจึงมีเอกสิทธิ และตามกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ระบุว่า ส.ส.ต้องมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น

ทั้งนี้นายยงยุทธ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการสร้างความปรองดองในประเทศ ว่า วันที่ 30 ส.ค.นี้  ตนเองจะประชุมเรื่องนี้ และคงจะดำเนินการได้ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร  ซึ่งคงต้องมีนักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้าฯมาร่วมด้วย

“ชาดา”ยังตกใจถูกลอบยิงกลางถนน ชี้ส่วนตัวไม่มีปัญหากับใคร แต่อาจมีคนไม่พอใจ


วันนี้ (22 ส.ค.) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ยิงบุตรชาย นายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชายเสียชีวิตที่จังหวัดนครราชสีมาว่า ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกตกใจ เพราะไม่คาดฝันว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นกับตัวเองในท้องถนน  และยืนยันว่าไม่ได้ขับรถปาดหน้าใคร  ซึ่งถนนไม่มีรถสวน  หรือรถวิ่งไปมาก็ไม่มาก ส่วนการดำเนินคดีตอนนี้ก็ให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ก่อน ว่าสาเหตุมาจากอะไรกันแน่  เพราะส่วนตัวแล้วก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใคร หรือไปสร้างความไม่พอใจให้ใครอย่างแน่นอน   แต่อาจจะมีคนที่ไม่พอใจก็ได้
นายชาดา กล่าวว่า เรื่องธุรกิจไม่ขัดแย้งกับใคร ส่วนการเมืองตอบไม่ได้ เพราะนายฟารุตกำลังจะเปิดตัวลงสมัครในครั้งหน้า เรื่องการเมืองเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ไม่มีปัญหาขัดแย้งอะไร มองไม่ออก และภาวนาอย่าให้เป็นจิ๊กโก๋ท้องถิ่นอย่างที่บอก  ส่วนที่มองว่าเป็นเจ้าพ่อนั้น  พอมีข่าวไม่ดีก็มาลงที่ตน อย่างกรณีมีการปล้นธนาคารโยงผู้กำกับไทรงาม ทั้งที่ไม่รู้จักหน้าตา ไม่ใช่ว่าเป็นคนอุทัยธานีไปทำอะไรตนต้องรู้หมด นึกอะไรไม่ออกบอกว่าเป็นนายชาดาไว้ก่อน แต่เวลาตนโดนกลับบอกเป็นนักเลงท้องถิ่น
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเช้าวันนี้ ได้คุยโทรศัพท์กับ พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรือง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา และ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล  ผบช.ภ.3 ซึ่งหลังจากสอบสวน ได้ข้อเท็จจริงว่าระหว่างที่ รถโตโยต้า พราโดสีดำ ที่นายฟารุตนั่งมา มีรถกระบะมิตซูบิชิ สตราดา ขับตามมา และมีการเปิด – ปิด สปอร์ตไลต์หลายครั้ง กระทั่งรถคันดังกล่าวขับประกบ จึงมีการยิงตอบโต้กันทั้งสองฝ่าย จนเป็นเหตุให้นายฟารุตเสียชีวิต ทั้งนี้สาเหตุที่ทราบมาว่ามีการยิงตอบโต้กันมาจากปอกกระสุนที่ตกในที่เกิด เหตุ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พยายามจะสอบพยานเพิ่มเติม แต่เพิ่งสอบไปได้ 2 ปาก และยังไม่ชัดเจน ซึ่งกำชับไปว่าอย่าเพิ่งตัดประเด็นอื่น ต้องพยายามสอบให้ถึงที่สุด ซึ่งเป็นคดีธรรดมา ไม่มีอิทธิพลแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจให้น้ำหนักในประเด็นการเมืองหรือเหตุเฉพาะหน้า ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เหตุเฉพาะหน้า แต่กำชับว่าอย่าเพิ่งไปตัดประเด็นอื่น ดีที่สุดนายชาดาและพยานทั้งหมดควรมาให้การเพิ่มเติมจะได้รู้ข้อเท็จจริง โดยถ้ามาให้ปากคำเร็วก็จะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน แต่หากผู้เสียหายจะมาช้าหรือเร็วเจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับไม่ได้เพราะเป็น สิทธิ อย่างไรก็ตามถ้าผู้เสียหายไม่มาก็สรุปคดีไม่ได้ เพราะมีการพบปอกกระสุนที่มาจากรถมิตซูบิชิ สตราดา และรถคันที่นายฟารุตนั่งก็มีการเปิดกระจกรถด้านหน้าแล้วยิงด้วย เมื่อถามว่า การที่ผู้เสียหายยังไม่ให้การเพิ่มเติมมีความไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องของพิธีทางศาสนาที่ยังผู้เสียหายยังติดภารกิจตรงนั้นอยู่ ไม่มีนัยอื่น.

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเกาหลีขอโทษฉลามวาฬตาย


วันนี้ (22 ส.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำของเกาหลีใต้ได้ออกมาขอโทษประชาชนต่อการตายของฉลามวาฬภาย ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และ ยังประกาศจะปล่อยอีกตัว หลังจากมีการประท้วงของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
แถลงการณ์ของอาคัว แพลเน็ต ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเจจูทางตอนใต้ของเกาหลีใต้ และ เพิ่งจะเปิดให้บริการเมื่อเดือนที่แล้วว่า ระบุว่า พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อาคัว แพลเน็ต ต้องขอโทษต่อประชาชนด้วยสำหรับการเตรียมการแต่ไม่เรียบร้อยสำหรับการเลี้ยง ดูฉลามวาฬภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และ เสียใจที่ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลในเรื่องนี้
ฉลามวาฬ ถือว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นสัตว์คุ้มครองภายใต้ ไซเตส หรือ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะ สูญพันธุ์
ฉลามวาฬ 2 ตัวนี้ ชาวประมงจับได้โดยไม่ได้ตั้งใจ นอกชายฝั่งเกาะเจจู เมื่อเดือนที่แล้ว ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเปิดให้บริการพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบนเกาะเจจู เปิดเผยว่า ฉลามวาฬตายเพราะความเครียดอย่างหนัก เมื่อถูกเลี้ยงดูภายในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อาคัว แพลเน็ต เป็นแท๊งค์น้ำที่มีความยาว 25 เมตร กว่าง 23 เมตร และ สูง 8.5 เมตร ยังมีปลาอื่นๆอาศัยอยู่รวมกันประมาณ 8,000 ตัว
กระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกำลังเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางใน ประเทศเกาหลีใต้  ประกอบกับเดือนหน้า เกาะเจจูจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งสำคัญว่าด้วยเรื่องสิ่งแวดล้อม.

ฟินแลนด์ทำเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในหลวง


วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  โรงกษาปณ์แห่งประเทศฟินแลนด์ ได้ผลิตเหรีญที่ระลึกร่วมเฉลิมพระเกียรติพระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ โดยใช้แนวคิดในการผลิตเหรียญที่ระลึกให้มีขนาดใหญ่ที่สุดเพื่อ “ความเป็นหนึ่งเดียวในโลก” นำขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระองค์ท่าน ส่วนรายได้ หลังจากนำหน่ายเหรียญหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย
เหรียญเงิน ใช้วัสดุเหรียญเงินสเตอร์ลิง (เงินแท้ 92.5% และทองแดง 7.5%) น้ำหนัก 1 กิโลกรัม เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม.
เหรียญทอง ใช้วัสดุเหรียญเงินสเตอร์ลิง เคลือบทองคำแท้หนา 0.2 ไมครอน น้ำหนัก 1 กิโลกรัม เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม.
นายโจปี ฮัคคาเนน ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีของโรงกษาปณ์ แห่งประเทศฟินแลนด์กล่าวว่า “งานชนิดนี้ต้องอาศัยผู้มีทักษะในการใช้แกะลวดลายที่เป็นเลิศ รวมถึงความระมัดระวังอย่างสูง เพื่อความเป็นเลิศของชิ้นงาน”
โดยเหรียญขนาดใหญ่นี้ แสดงให้เห็นถึงลวดลายการแกะสลักบนเหรียญอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อยของการตีตราเหรียญที่ระลึก นอกจากเทคโนโลยี การตีตราด้วยวิธีกดอัดด้วยระบบไฮดรอลิกที่มีน้ำหนักสูงถึง 1,250 ตัน แล้ว แม่พิมพ์ของแต่ละเหรียญ ล้วนแต่ผ่านงานฝีมือที่ต้องอาศัยความชำนาญจากช่างแกะสลักผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้สั่งสมประสบการณ์ และการเรียนรู้มาอย่างยาวนาน
สำหรับการจัดสร้างเหรียญที่ระลึกทรงพระเจริญยิ่งยืนนานนี้  มีวัตถุประสงค์เพื่อรวมใจพสกนิกร ชาวไทยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ และนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย

โครงการฯ นี้ โรงกษาปณ์แห่งประเทศฟินแลนด์ได้รับเกียรติ จาก หม่อมหลวง จิราธร จิรประวัติ  ในการออกแบบพระบรมสาทิสลักษณ์ลายเส้น ภายใต้แนวคิด “Circle of life” เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว    เป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวไทย พระบารมี และ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ทำให้วงจรชีวิตของปวงชนชาวไทยมีความสมบูรณ์ในทุก ด้าน  โดยสื่อความหมายผ่านเหรียญที่ระลึกทั้ง 3 แบบ และมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

เหรียญผลิดอก วัสดุ โลหะผสม ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 27.25 มม. น้ำหนัก 27.25 กรับ บรรจุใน แคปซูลคุณภาพดีและบรรจุภัณฑ์เรียบโก้ (ราคา 399 บาท)
ด้านหน้า พระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “H.M. KING BHUMIBOL ADULYADEJ’S 84TH BIRTHDAY ANNIVERSARY”
ด้านหลัง ภาพลายเส้นรูปดอกไม้ผลิดอก สื่อถึงการเริ่มต้นอย่างสวยงามของปวงชน ชาวไทยทุกคน ภายใต้          พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “LONG LIVE THE KING OF THAILAND”

เหรียญออกผล วัสดุ เงินแท้ขัดเงา ลงสีชมพู ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 22 มม. น้ำหนัก 8.4 กรัม บรรจุในกล่องสวยหรู (ราคา 2,499 บาท)
ด้านหน้า พระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จประเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “H.M. KING BHUMIBOL ADULYADEJ’S 84TH BIRTHDAY ANNIVERSARY” พร้อมลงสีชมพูด้านหลัง ภาพลายเส้นรูปต้นไม้ออกผล สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินไทย ภายใต้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “LONG LIVE THE KING OF THAILAND”

เหรียญร่มเย็น วัสดุ ทองคำแท้เคลือบบนโลหะผสม ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 27.25 มม. น้ำหนัก 10 กรัม บรรจุในกล่องสวยหรู  (ราคา 2,499 บาท)
ด้านหน้า พระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จประเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “H.M. KING BHUMIBOL ADULYADEJ’S 84TH BIRTHDAY ANNIVERSARY”
ด้านหลัง ภาพลายเส้นรูปต้นไม้ใหญ่ ผลิดอก ออกผล สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข ของพสกนิกรชาวไทย ภายใต้      พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “LONG LIVE THE KING OF THAILAND”

ชุดเหรียญ Circle of Life
เหรียญผลิดอก เหรียญออกผล และเหรียญร่มเย็น
1 ชุดประกอบด้วย 3 เหรียญ เหรียญทองคำแท้เคลือบบนโลหะผสม  เหรียญเงินแท้ขัดเงาลงสีชมพู และเหรียญโลหะผสม
บรรจุในกล่องสวยหรู ควรค่าแก่การเก็บสะสม มอบเป็นของที่ระลึกแด่คนสำคัญ หรือจัดทำเป็นเครื่องประดับ (ราคาชุดละ 4,999 บาท)

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources