วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"เรืองไกร" ตามบี้ "กกต." เร่งส่งเรื่องปลด "มาร์ค" ให้ศาลรธน. ชี้ร้องศาลปกครองแค่ต้องการดึงเรื่อง


เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ ( 19 พ.ย.)  ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา เปิดเผยภายหลังการเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ การเลือกตั้ง ว่า ตนได้มาให้ถ้อยคำยืนยันถึงกรณีที่ตนได้ยื่นคำร้องให้กกต.ตรวจสอบกรณีที่ กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหารร้ายแรง ซึ่งอาจมีผลให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 102 (6) ประกอบมาตรา 106(5) ของรัฐธรรมนูญ และหากเห็นว่ากรณีมีมูลก็ขอให้ส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร  เพื่อส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรนูญวินิจฉัย ตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญต่อไปโดยเร็ว
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวตนเห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ปรากฏเป็นที่ยุติแล้ว โดยกระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ  ดังนั้นเพียงแค่ กกต.ขอเอกสาร ซึ่งเป็นคำสั่งที่ 1163/2555 ลงวันที่ 8 พ.ย. 2555 ให้ปลดว่าที่ร.ต.อภิสิทธิ์ออกจากราชการมาประกอบการพิจารณา ซึ่งเชื่อว่ากรณีดังกล่าวไม่น่าจะใช้ระยะเวลานานในการสอบสวน เนื่องจากมีปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติแล้ว
ทั้งนี้ หากคิดว่าเอกสารใดยังไม่ชัดเจน ก็แนะนำให้กกต.สามารถขอรายงานผลการดำเนินการกรณีการบรรจุเข้ารับราชการการ ขึ้นทะเบียนกองประจำการและการแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ ได้ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมได้ทำรายงานผล ชี้แจงตั้งแต่แรกเริ่มจนเรื่องยุติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของกกต.ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่นายอภิสิทธิ์ไปร้องต่อศาล ปกครอง เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองของนายอภิสิทธิ์นั้น ถือว่าเป็นการยื้อเวลา เห็นได้จาก ไม่ได้มีการขอให้ศาลปกครองไต่สวนฉุกเฉินหรือขอคุ้มครองชั่วคราว เพื่อออกมาตรการบรรเทาทุกข์คุ้มครองชั่วคราวก่อนที่ศาลมีคำพิพากษา.

“เสธ.อ้าย” ยันร่วมมือตำรวจดูแลม็อบ ออกตัว "พะจุณณ์" ไม่ได้ร่วมวางแผน


วันนี้ (19 พ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่สนามม้านางเลิ้ง พล.ต.อ.วรพงศ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้เดินทางมาเข้าพบ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุมของกลุ่มองค์การ พิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พ.ย. โดยใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่า 1 ชม.โดยพล.อ.บุญเลิศ กล่าวภายหลังการพูดคุยว่า ตนจะแจ้งผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่ให้พกพาอาวุธเข้ามาในที่พื้นที่การชุมนุมโดย เด็ดขาด และมั่นใจว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความเรียบร้อยในการชุมนุม รวมถึงการเฝ้าระวังอาวุธวิธีโค้ง เช่น เอ็ม 79 ที่อาจโจมตีมายังที่ชุมนุมด้วยนั้น  ประกอบกับมาตรการรักษาความปลอดภัยร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วย รักษาความปลอดภัยขององค์การพิทักษ์สยาม รวมถึงสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตามการชุมนุมดังกล่าวที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาในการ ชุมนุม ก็เชื่อว่าจะสามารถดูแลสถานการณ์ได้

พล.อ.บุญเลิศ กล่าวต่อว่า การชุมนุมในวันดังกล่าว หากผู้ชุมนุมมาน้อยกินพื้นที่ตั้งแต่ลานพระรูปไปจนถึงทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่เลยสะพานผ่านฟ้าสีลาศ ไปก็คิดว่าจะต้องกล่าวขอโทษประชาชนที่มาร่วมชุมนุมและต้องยกเลิกการชุมชุม แต่หากเลยสะพานผ่านฟ้าไป จะดำเนินการตามที่ตั้งใจไว้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการดำเนินการจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่าจะเป็นวิธีสงบ ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่ว่าผู้ชุมนุมจะมามากหรือน้อยก็จะไม่การชุมนุมครั้ง ที่ 3 อย่างแน่นอน เพราะหากรัฐบาลไม่ไปตนก็จบ ทั้งนี้หากมีผู้ชุมนุมเดินทางมาถึงในวันที่ 23 พ.ย. ทางสนามม้านางเลิ้งได้จัดพื้นที่ให้ประชาชนได้พักอาศัย เพื่อเตรียมตัวชุมนุมในเช้าวันวันที่ 24 พ.ย. ด้วย
นอกจากนี้ พล.อ.บุญเลิศ ยังกล่าวถึงการที่ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเข้าร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ว่า ท่านไม่เคยประสานงานมาแต่อย่างใด แต่ในการชุมนุมครั้งที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่สนามม้านางเลิ้ง ท่านก็ได้มาร่วมอยู่ด้วย แต่ไม่ได้ร่วมวางแผนเตรียมการชุมชุมอะไรทั้งสิ้น.

"มาร์ค-เทือก" งานเข้า ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งเด้ง “ พีรพล ไตรทศาวิทย์ ” อดีตปลัดมหาดไทย พร้อมคืนสิทธิประโยชน์


วันนี้ ( 19 พ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง โดยนายสมิง พรทวีศักดิ์อุดม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุด เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำ 1054/2552 พร้อมองค์คณะ มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 ที่แต่งตั้งนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีรพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
โดยคดีนี้ นายพีรพลได้ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดย ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.52 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามการเสนอของนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ให้นายพีรพล ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้ขาดจากอัตราเงินเดือนสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่เป็นสังกัดเดิมและให้มี ผลทันทีในวันดังกล่าว
ทั้งนี้ นายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องที่ 2 อ้างเหตุผลต่อสื่อมวลชนว่าเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงาน ความเหมาะสมและต้องการให้มีข้าราชการที่ทำงานแล้วรัฐบาลรู้สึกสบายใจว่า งานที่รัฐบาลสั่งการลงไป ข้าราชการสามารถรับไปปฏิบัติและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งที่ผู้ฟ้องปฏิบัติราชการตำแหน่ง ปลัดมหาดไทยได้เพียง 3 เดือนเศษ และรัฐบาลของผู้ถูกฟ้องเข้ามาบริหารได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.52 วันเดียวกับที่เสนอย้ายผู้ฟ้องนั้น ครม.เห็นชอบตามที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองและกระทรวงมหาดไทย เสนอแต่งตั้งนายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนผู้ฟ้อง ซึ่งการมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น กระทำโดยปราศจากหลักเกณฑ์และเหตุผลอันควร จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
เมื่อศาลพิเคราะห์คำฟ้อง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า การปฏิบัติราชการของ ครม. และรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามกฎหมายตามหลักนิติธรรม ซึ่งการออกคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ให้ผู้ฟ้องไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผู้ฟ้องรับราชการในกระทรวงมหาดไทยมานาน เป็นผู้มีประสบการณ์ทำให้การบริหารราชการในฝ่ายปกครองประสบความสำเร็จอย่าง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ และนโยบายสำคัญเร่งด่วนหลายเรื่องต้องดำเนินการนั้น
ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวยังขัดต่อพฤติการณ์และแนวปฏิบัติของผู้ถูกฟ้อง เพราะหากรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในส่วนเกี่ยวข้องกับฝายปกครอง ผู้ถูกฟ้องทั้งสองสามารถมอบหมายนโยบายให้ผู้ฟ้อง ที่ขณะนั้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยรับไปปฏิบัติได้ซึ่งผู้ฟ้องจะสามารถสั่ง การหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยให้พร้อมปฏิบัติการตามนโยบายได้อย่างรวด เร็วตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ยิ่งกว่าการไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่มีอัตราเพียง 9 คน ขณะที่ความเป็นจริงไม่ได้มีข้าราชการดำรงตำแหน่งดังกล่าวเต็มกรอบอัตรากำลัง ซึ่งแม้การที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีวันที่ 20 ม.ค.52 และ รมว.มหาดไทย มีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการ ครม. เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาในวันเดียวกัน จะไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่แสดงให้เห็นพฤติการณ์ที่เร่งรีบ แฝงซึ่งวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองอ้าง เป็นเหตุผล
อีกทั้งปรากฏด้วยว่าขณะนั้นผู้ฟ้องมีอายุราชการในการดำรงตำแหน่งปลัด กระทรวงมหาดไทยอีกถึง 2 ปี จะมีเวลาทำงานมากกว่านายวิชัย ศรีขวัญ ที่เมื่อดำรงตำแหน่งปลัดแล้วมีเวลาทำงานเพียง 6 เดือน ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง อ้างว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนการสั่งย้ายนั้น เห็นว่า ตั้งแต่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งย้ายผู้ฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.52 ก็ไม่ปรากฏว่าได้มอบหมายงานให้ปฏิบัติ กระทั่งวันที่ 24 เม.ย.52 ผู้ฟ้องมีหนังสือสอบถามไปยังสำนักงาน ก.พ.เพื่อรับคำบรรยายลักษณะงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ ซึ่ง ก.พ.ได้มีหนังสือวันที่ 14 พ.ค.52 แจ้งกลับมา จึงทำให้เห็นว่า ขณะที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 สั่งย้ายผู้ฟ้องนั้น ยังไม่มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อให้ผู้ฟ้องรับไปปฏิบัติแต่อย่าง ใด
แม้ต่อมาวันที่ 29 เม.ย.52 ผู้ถูกฟ้องที่ 1 จะแต่งตั้งผู้ฟ้อง เป็น ผอ.สำนักงานอำนวยการบูรณาการประสานความร่วมมือและติดตามเร่งรัดงานตามนโยบาย เร่งด่วนของรัฐบาล ( สอ.นร.) แต่ก็หลังจากสั่งย้ายนานถึง 3 เดือน อีกทั้งยังปรากฏว่าเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.52 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือแจ้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน.) อนุมัติเจ้าหน้าที่ 2 อัตราให้ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อปฏิบัติงาน สอ.นร. ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนหลังจากที่ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นที่อ้างว่าการสั่งย้ายผู้ฟ้องมีความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่อาจรับฟังได้ แต่เป็นการออกคำสั่งย้ายเพียงให้ผู้ฟ้องพ้นจากตำแหน่ง เพื่อจะแต่งตั้งข้าราชการอื่นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อไปเท่านั้น
ขณะที่เมื่อพิจารณาบทบาทหน้าที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย จะเห็นได้ว่า มีความรับผิดชอบมากกว่าตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยนอกจากต้องกำกับดูแลและบริหารราชการในหน่วยงานแล้ว ยังสามารถให้คำปรึกษาเสนอความเห็นกับนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่จำเป็นต้องดำรง ตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ แต่อย่างใด ดังนั้นที่ผู้ถูกฟ้องอ้างว่า ตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ สูงกว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้นยังฟังไม่ได้การที่ผู้ฟ้องถูกสั่งย้าย จึงเป็นการลดบทบาทและความสำคัญในตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการตามที่กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้า ราชการพลเรือนสามัญกำหนดไว้
จึงพิพากษา ให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 และเพิกถอนการโอนนายพีรพล ที่แต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีแม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วันตามกฎมาย.

สวมแหวนเพชร 10ล้าน "เจ้าสัวบุญชัย" ตีตราจอง "ตั๊ก-บงกช"


 


ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อเวลาประมาณ 09.00 . ของวันที่ 19 ..ที่ผ่านมา ได้มีการจัดพิธีหมั้นของคู่รักต่างวัยระหว่างเจ้าสัวหมื่นล้าน นายบุญชัย เบญจรงคกุล หรือ พี่ใหญ่ อายุ 58 ปี และนางเอกสาว ตั๊ก-บงกช คงมาลัย อายุ 28 ปี โดยมี รศ.ทญ.พอใจ เรืองศรี และ นายอเนก เรืองศรี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของนายบุญชัย เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชาย และ แม่เล็ก-นาง ธนาภา ชีพนุรัตน์ แม่ของตั๊ก และ นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ็ด คาราบาว ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของตั๊ก เป็นญาติฝ่ายหญิง พร้อมกันนี้มีผู้แทนพระองค์ได้นำดอกไม้ประทานจากพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้า สิริภาจุฑาภรณ์ นำมามอบให้กับทั้งคู่
 อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่ได้สินสอดทองหมั้นอย่างอื่น นอกจากแหวน 3 กะรัต อยู่ในกล่องสีชมพู วางไว้บนพานดอกไม้เพียงอย่างเดียว โดยมี นายมนัสวิน นันทเสน,ติ๊ก ชีโร่ และ ดู๋-สัญญา คุณากร รับหน้าที่พิธีกร นอกจากนี้ยังแขกผู้ใหญ่ของทั้งคู่มาร่วมงานประมาณ 200 คน ได้แก่ พล...สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,หม่อมน้อย-มล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล,ก้อง-ปิยะ เศวตพิกุล,วินัย พันธุรักษ์,ยอดชาย เมฆสุวรรณ,นางเตือนใจ เตชะรัตนประเสริฐ รองประธาน บ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล,อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม,พลอย-เฌอมาลย์ บุญศักดิ์,วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา,อ้วน รีเทิร์น,ปื๊ด-ธนิตย์ จิตนุกูล และ โบวี่-อัฐมา ชีวนิชพันธุ์ มาร่วมงานด้วย
เมื่อถึงเวลาประมาณ 9.30 . ตั๊กเดินจูงมือนายบุญชัยลงมายังบริเวณที่จัดงาน ตั๊กอยู่ในชุดไทยจักรี ท่อนบนเป็นผ้าสไบยาวสีชมพู-ทอง ปักด้วยลูกไม้สีขาวของแบรนด์ดัง ชาแนล ชุบทองคำแท้ ส่วนผ้านุ่งเป็นผ้าไหมยกทอลำพูนสีชมพู-เขียว ชายผ้าปักดิ้นเป็นลายไทย ฝีมือของ โจ้ เซอร์เฟส พร้อมกันนี้ยังมีติดผมด้านหลังทำจาก เงินชุบทองคำแท้ ลายดอกไม้ต่างประเทศบนลายกนก มูลค่าประมาณ 1 แสนบาท นอกจากนี้ยังสวมสร้อยคอ,กำไลข้อมือ,ต่างหู และ ที่รัดต้นแขน ทำจากทองคำแท้โบราณประดับเพชรซีก และ หัวเข็มขัดฝังด้วยพลอยนพรัตน์ 9 สี ของ พีรมณฑ์ ชมธวัช จาก คณะละครอาภรณ์งาม เมื่อถึงเวลาประมาณ 9.49 . เป็นฤกษ์สวมแหวนหมั้น โดยยึดตามนาฬิกาของนายบุญชัย ซึ่งฝ่ายชายบรรจงสวมแหวนหมั้นเพชรน้ำหนัก 3 กะรัตเกรด ดี คัลเลอร์ มูลค่า 10 ล้านบาท ลงไปบนนิ้วนางข้างซ้ายของตั๊ก

หลัง จากนั้นตั๊กกราบว่าที่เจ้าบ่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกันนี้ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวหันไปไหว้ญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่าย เป็นอันเสร็จพิธี ก่อนจะให้แขกขึ้นไปถ่ายรูปร่วมกันบนเวที สำหรับของชำร่วยนั้นประกอบด้วย น้ำพริกแม่เล็ก และ สมุดโน้ตเป็นรูปจานสี หน้าปกเป็นรูปที่เจ้าสัวหอมแก้มตั๊ก รูปเดียวกับการ์ดงานหมั้น ด้านหลังมีกลอนแต่งโดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ความว่า เลิฟ คือรัก ประจักษ์จริง รักแท้คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ตั๊กบงกช ดอกบัว หัวใจ บุญชัย-บงกช จรดใจรักนิรันดร์ ซึ่งทั้งหมดบรรจุอยู่ในถุงกำมะหยี่ สีน้ำเงิน ปักอักษรภาษาอังกฤษ ทีบี ย่อมาจาก ตั๊ก-บุญชัย
 จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 10.45 . ตั๊กและนายบุญชัยได้ลงมาแถลงข่าวอีกครั้ง โดยตั๊กเปลี่ยนชุดเป็นชุดไทยผ้าสีแดง ของ ปลา ฟินาเล่ พร้อมทั้งใส่สร้อยคอ,ต่างหู,กำไลข้อมือ ลักษณะเป็นอุบะทองคำเก่าของรุ่นพี่ในวงการ อ้วน รีเทิร์น ซึ่งตั๊ก เปิดผยว่า "วัน นี้ตั๊กก็ดีใจมาก มีความสุขได้เจอครอบครัวพี่น้องที่สุพรรณบุรี เห็นทุกคนมีความสุขตั๊กก็ดีใจ ถามว่าตอนสวมแหวนรู้สึกไงบ้าง ตั๊กจำไม่ได้แล้ว ตื่นเต้นจนลืม แหวนสวย ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นแหวนเลย เพิ่งจะได้เห็นวันนี้ ก็ไม่รู้จะกล้าใส่ในชีวิตประจำวันรึเปล่า เพราะมันใหญ่มาก" จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงถามต่อไปว่า นอกจากแหวนหมั้นแล้วมี สินสอดอย่างอื่นอีกหรือไม่ นางเอกสาว กล่าวว่า  "ก็มีหัวใจของพี่ใหญ่ค่ะ มีหัวใจของเรา 2 คน จากนั้นตั๊กหันไปถามนายบุญชัยว่า มีหัวใจไหมเอ่ย นายบุญชัยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า มี 
 ว่า ที่เจ้าสาว กล่าวต่อไปถึงแผนแต่งงานว่า ตนก็จะใช้เวลาดูพี่เขาว่าพี่เขาเป็นยังไง ก็ให้เวลากันทั้งคู่ แล้วถึงวันที่เรามั่นใจกันทั้งคู่แล้วเราอยากจะอยู่ด้วยกันในแบบสามีภรรยา แล้ววันนั้นก็ค่อยแต่ง ถามว่าได้มีโอกาสฝากเนื้อฝากตัวกับพี่เขาหรือยัง ก็ยังเลยค่ะ จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงถามถึงเรื่องมูลค่าชุดที่ใส่แหวนหมั้นว่าราคาถึง 1 ล้านบาทและค่าทำผมทรง บุญบงกช ราคาถึง 5 แสนอย่างที่เป็นข่าวหรือไม่ ตั๊ก กล่าวว่า ไม่ทราบค่ะ ไม่ได้เป็นคนจ่าย แต่จริง ๆ แล้วพี่ ๆ ที่รู้จักกันก็มาช่วยตั๊กมากกว่า อย่างหน้าและผม พี่ ๆ ก็ทำให้เป็นของขวัญ ชุดสีแดงที่ใส่อยู่นี้ พี่ปลา ฟินาเล่ เป็นคนทำให้ ส่วนชุดสวมแหวนหมั้นของพี่โจ้ เซอร์เฟส พี่ใหญ่เป็นคนจ่าย
 สำหรับเรื่องที่อายุแตกต่างกันมาก ถามว่าจะมีปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัยหรือไม่  ตั๊ก ไม่อยากจะมีปัญหาอะไรกับพี่เขา เรามีอะไรก็ควรจะเปิดเผยและให้เกียติกัน ไม่อยากจะแต่งงานแล้วไปเจออะไรที่ไม่เห็นตอนก่อนแต่งงานเลย อยากเป็นอะไรก็เป็น เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด เขาเป็นเขา เป็นมนุษย์ มีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกอ่อนไหว เป็นผู้ชายที่โรแมนติกมาก  สำหรับแพลนหลังหมั้น ก็ไม่มีอะไร ตนก็ยังอยู่บ้านของตนเหมือนเดิม
 ต่อ ข้อถามที่ว่า ผู้แทนพระองค์ได้นำดอกไม้ประทานจากพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ นำมามอบให้กับทั้งคู่ รู้สึกอย่างไรบ้าง ตั๊ก กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียติกับวงศ์ตระกูลมาก ปลาบปลื้มใจ" นายบุญชัย เสริมว่า "เป็นพระมหากรุณาธิคุณครับ" ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ลุงแอ๊ด คาราบาว อวยพรอะไรบ้าง ตั๊ก กล่าวว่า ก็บอกว่าขอให้โชคดี มีความสุขมาก ๆ บอกให้โชคดี มีความสุขมาก ๆ ถามว่าอะไรทำให้เรามั่นใจในตัวพี่ใหญ่ถึงได้ตัดสินใจหมั้นกันทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะคบกันได้ไม่นาน ตั๊กเห็นว่าพี่ใหญ่เป็นคนนั่งสมาธิ เราคุยกันรู้เรื่อง ชวนไปวัดเขาก็ไป บางทีเขาก็ซื้อภาพมาให้ที่บ้านอีก แม่ตั๊กก็จะถามว่าซื้อภาพมาทำไม บ้านเราไม่ได้รวยมากมาย บางคนก็มองว่าภาพมันไม่มีประโยชน์อะไร แต่เรารู้สึกว่าภาพมันมีความหมาย เรานั่งมองกันได้เป็นวัน ๆ กันสองคน เขาก็นั่งอยู่กับตั๊กได้เป็นวันๆเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกว่าดีจังเลยเนอะ เรามีอะไรเหมือนกัน ทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างด้วยกัน ถามว่าพี่ใหญ่โรแมนติกอย่างไร คือตั๊กพาเขาไปล้างจานที่วัดเขาก็ไป นั่งล้างจานไป ตั๊กรู้สึกว่าโรแมนติกดีเนอะ เหงื่อออกเขาก็เอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ วาดภาพเราเวลาที่อยู่ด้วยกัน ให้ตั๊กโพสต์ท่าเขาก็นั่งวาด เขาชอบที่ผลงานของตั๊ก เขาเห็นคุณค่าในภาพยนตร์ที่ตั๊กเล่นไม่ได้เห็นแค่เลิฟซีนเยอะหรืออะไรก็ตาม เขาสามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงชอบ เลยรู้ว่าเขาเห็นคุณค่าของเรา"

ด้านว่าที่เจ้าบ่าว นายบุญชัย กล่าวว่า เป็นวันที่มีความสุข ญาติผู้ใหญ่ฝั่งตั๊กและผมได้มาเจอกัน ฝั่งผมก็มีลูก ๆ ทั้ง 3คน และหลานๆ พร้อมญาติผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตาผมมาตลอด30กว่า ปีที่ผ่านมามาร่วมแสดงความยินดี งานนี้ไม่มีเถ้าแก่นะ มีคุณแม่เล็กนี่แหละเป็นเถ้าแก่ให้ผม สำหรับเรื่องสินสอดที่หลายคนจับตามองนั้น เป็นแหวนเพชร 3 กะรัต แม่เล็กบอกให้มีแหวนหมั้นมาก็พอ ต้องชี้แจงนิดหนึ่งว่านี่เป็นงานหมั้น ส่วนใหญ่เราจะเห็นงานที่เป็นงานหมั้นและแต่งวันเดียวกัน ความที่เราเป็นคนที่เป็นที่รู้จักเหมือนกัน วัยเราก็ต่างกันการที่เราจะคบหาดูใจก็อยากให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเราคบหากัน จริง ๆ เลยจัดงานหมั้นขึ้นมา เดิมทีก็คิดว่าจะทำแค่ในระหว่างญาติๆเท่านั้น แต่ก็กลายมาเป็นใหญ่โต"

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า มีสัญญาอะไรให้กันหรือไม่ เจ้าสัวหมื่นล้าน กล่าวว่า "ไม่ มีสัญญาอะไรให้ ตื่นเต้น ในชีวิตคนเรางานแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นประจำ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอสื่อเยอะขนาดนี้ ก็ไม่มีอะไรมากมาย เราให้รอยยิ้มและความเข้าใจ พยายามศึกษาชีวิตของกันและกัน ถามว่าจะแต่งเมื่อไหร่ ก็คงปีหน้า ส่วนเรื่องเรือนหอนั้น ผมให้ทางสถาปนิกไปดูที่ดินเพื่อวัดขนาดต่าง ๆ และคุยกันเรียบร้อยแล้ว มันไม่จำเป็นว่าเราสร้างเสร็จแล้วจะแต่งนะ ถ้าเราพร้อมจะใช้ชีวิตคู่กันเมื่อไหร่ก็คงได้ แต่ก็คงเร่งให้สร้างบ้านให้เสร็จเร็ว ๆ สำหรับเรื่องทายาท ก็อยากมีครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเราสองคนถ้าเราคิดว่าใช่ก็โอเค"
 ต่อ ข้อถามที่ว่าทำไมถึงมั่นใจตั๊ก ทั้ง ๆ ที่คบกันไม่นาน นายบุญชัย กล่าวว่า จริงๆมันอยู่ในหัวของตนมาตลอด ครูบาอาจารย์สอนมาว่าหาคู่ครองให้หาคนที่เสมอด้วยศีล ตนเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม ชอบนั่งสมาธิ วันที่ปิ๊งเขาคือวันที่เห็นเขายืนที่บ้านแล้วมีรูปภาพหลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นสิ่งที่ตั๊กก็พาไปพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่แค่เขาพูดว่าปฏิบัติ เขาก็พาไปที่วัดปากน้ำ ตนประจักษ์ด้วยสายตาตัวเอง พระและแม่ชีต่างรู้จักตั๊กเพราะเขาไปเป็นประจำ อย่างไปล้างชามตนก็ทำด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ว่าเพราะตนจะตามใจเขา ตนคิดว่าเขาลงครัวมาให้เรากิน เราก็ควรจะตอบแทนด้วยการไปล้างจาน เราไม่ได้มองไกลไป20-30ปี เรามองความรู้สึกวันนี้ที่มีต่อกัน เรื่องวัยต่างกันไม่ใช่เรื่องใหญ่ การที่เราได้ปฏิบัติธรรมร่วมกันก็ทำให้เราเจริญธรรมได้ดี มีศีล5ข้อ" จากนั้น ตั๊ก เสริมว่า "เราสวดมนต์กันทุกเช้า บางวันไปงานเลี้ยง ตั๊กอาจจะจิบไวท์บ้าง เขาก็จะบอกตั๊กศีล 5 นะ เป็นคนคอยเตือน ตั๊กก็จะบอกว่าไม่เป็นไร แค่เบาๆ"
 แม่เล็ก-ธนาภา กล่าวว่า ตนปลาบปลื้มใจที่ตั๊กมีวันนี้ ยิ้มที่มีคนมาแสดงความยินดีเยอะ เราก็สบายใจไปขั้นนึงนะ ตนอวยพรให้เขามีความสุข ให้เขาอยู่ด้วยกันอวสานชีวิตเขาทั้งคู่ ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะแต่งงานกันประมาณเดือน เม..ปีหน้านั้น ตนเห็นเขาพูดกันว่าอาจจะแต่งก่อนเม.. นาย บุญชัยอาจจะไม่อยากจะรอเรือนหอให้เสร็จ คงต้องรอดูกันอีกที ถามว่าตนอยากอุ้มหลานเร็ว ๆ หรือไม่ ก็อยากเห็นเร็ว ๆ นะ จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ แต่ก็แล้วแต่ทั้งคู่ ไม่อยากไปเร่งรัดเขา ก็เอาไปตามธรรมชาติ สำหรับเรื่องที่มีข่าวลือว่า นายบุญชัย ว่าที่ลูกเขยไปนอนโซฟาที่บ้านตั๊กทุกคืนนั้น ก็เป็นเรื่องจริง พอดีเขาต้องมาตักบาตรกับตั๊กทุกเช้าก็เลยให้เขามานอน เขาก็เป็นแค่คู่หมั้น ยังไม่ได้แต่ง เขาก็ติดดินดี ห้องเราก็มีจำกัดนะ มีห้องแม่กับห้องตั๊ก แม่บอกว่างั้นคุณบุญชัยไปนอนห้องตั๊กก็ได้ แล้วตั๊กมานอนกับตน เขาบอกไม่เป็นไร เขานอนที่โซฟาได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับของขวัญวันหมั้นนั้น เมื่อช่วงก่อนพิธีหมั้นตนมอบพระหลวงพ่อวัดปากน้ำที่ได้มานานแล้วเลี่ยมทอง ฝังเพชร

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources