วันนี้ (20 ก.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเทพไทย เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
แถลงข่าวเรื่องการแต่งตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า
ตนรู้สึกตกใจที่นายเทพไทออกมาแถลงข่าวโจมตีการแต่งกายของนายกรัฐมนตรีว่า
เหมือนไปเดินแบบแฟชั่นโชว์
การกระทำแบบนี้ของนายเทพไทเป็นการทำลายเกียรติภูมิของพรรคประชาธิปัตย์
ที่ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายมาอิจฉาริษยาผู้หญิง
ตอนแรกตนแปลกใจที่ทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถึงให้นายเทพไทเป็นโฆษกส่วนตัว
มาวันนี้ตนรู้แล้วว่าเป็นเพราะทั้ง 2 คนมีทัศนคติเหมือนกัน
เพราะนายอภิสิทธิ์ก็ไปกระแหนะกระแหนผู้หญิงอย่างนายกรัฐมนตรีว่า
นายอภิสิทธิ์ตำส้มตำไม่เป็นแบบที่นายกรัฐมนตรีไปตำที่ออสเตรเลีย
หรือว่านายอภิสิทธิ์ไม่เคยเปลี่ยนชุดเยอะเท่านายกรัฐมนตรี
ซึ่งการพูดแบบนี้ไม่สมศักดิ์ศรีของผู้ชายที่ไปแอบว่าผู้หญิง
เป็นการบ่อนทำลายเกียรติภูมิของพรรคที่เก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์
เป็นผู้ชายมาอิจฉาริษยาผู้หญิงได้อย่างไร
เพราะเรื่องอย่างนี้มีแต่ผู้หญิงเขาจะไม่ทำกัน
ลูกผู้ชายไม่มาอิจฉาผู้หญิงหรอก พอผู้ชายมาอิจฉาผู้หญิงภาพพจน์จึงดูแย่มาก
ตนอยากจะขอมอบรางวัล man of the weak ที่แปลว่าอ่อนแอ ปวกเปียก ยอดแย่
ไม่ใช่ man of the week
ที่แปลว่ายอดเยี่ยมให้กับนายอภิสิทธิ์ที่ทำย่ำแย่จากการไปอิจฉาริษยาผู้หญิง
และตนมองว่าการทำอย่างนี้ของนายเทพไทเป็นการตั้งใจจับผิดกันถึงกับมาตั้ง
โต๊ะแถลงข่าวกันเลย
พวกตนรับไม่ได้มันเกินไปที่ผู้ชายมาทำอย่างนี้กับผู้หญิง.
ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ
วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
“วรวัจน์”ย้ำหลังสัมมนาพรรคได้ทางออกแก้ รธน.
Posted on 16:17 by netdesign | No comments
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวรวัจน์
เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
กล่าวถึงความคืบหน้าแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า
หลังจากการสัมมนาของพรรคในวันที่ 28-29 ก.ค.นี้
จะมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร
สิ่งที่รอดูอย่างเดียวคือคำวินิจฉัยกลางชัด ๆ ว่าออกมาเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มจะพยายามแก้รายมาตราก่อน
หากสามารถแก้ไขได้และไม่ยืดเยื้อก็จะดำเนินการ
แต่หากดำเนินการแล้วยังไม่ได้ อาจจะมีการทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
ที่ผ่านมาการแก้ไขรายมาตรานั้นเกิดขึ้นได้ยาก ใช้เวลายาวนาน
และทำให้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่สอดคล้องกันได้
เพราะการแก้รายมาตราอาจเกิดความไม่สมบูรณ์ได้
หรืออาจจะแก้ในส่วนจำเป็นเร่งด่วนก่อน แต่ทั้งนี้ต้องรอผลประชุมพรรค
สิ่งที่พูดนี้เป็นเพียงสิ่งที่จะนำไปหารือเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตามพรรคก็มีการเตรียมการทั้งรายมาตรา
และการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็มีการมองไว้ 2 รูปแบบ
เมื่อถามว่า มีการระบุว่าพรรคเพื่อไทยอาจหารือแนวทางแก้ไขมาตรา 165 (2) เรื่องประชามติ นายวรวัจน์ ชี้แจงว่า มีการพูดคุยกันในหลายมาตราอาจแก้รายมาตราก่อน และหลังจากนั้นจึงจะแก้ไขใหญ่ ทั้งนี้มีหลายมาตราต้องปรับปรุงแก้ไขก่อน อย่างไรก็ตามในพรรคยังไม่มีการพูดถึงการแก้มาตราเกี่ยวกับเรื่องอำนาจศาลรัฐ ธรรมนูญ
เมื่อถามต่อว่า หากพรรคเพื่อไทยได้ข้อสรุปแล้วจะนำไปหารือกับพรรคร่วมในวันที่ 31 ก.ค.นี้เลยหรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เราอาจจะรอก่อนได้ ไม่รีบพิจารณา จนกว่าจะมีความชัดเจน ส่วนนี้อาจจะเป็นข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัย เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนว่าเมื่อผ่านวาระ 2 แล้ว หลังจาก 15 วันต้องมติวาระ 3 ไม่มีช่องทางให้ถอนออกมาได้เลย ฉะนั้นต้องไปดูว่าจะทำอย่างไร แต่หลังจากเห็นคำวินิจฉัยกลางแล้วเราจะหารือพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อแนวทางร่วมกัน
ส่วนกรณีที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุบว่าอยากให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด จะดำเนินการอย่างไร นายวรวัจน์ กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้เกิดความรอบคอบและกระทบกระเทือนน้อยที่สุด ทั้งยังจะหาทางออกที่ไม่เกิดความขัดแย้งให้ได้มากมาก ทุกฝ่ายยอมรับ.
เมื่อถามว่า มีการระบุว่าพรรคเพื่อไทยอาจหารือแนวทางแก้ไขมาตรา 165 (2) เรื่องประชามติ นายวรวัจน์ ชี้แจงว่า มีการพูดคุยกันในหลายมาตราอาจแก้รายมาตราก่อน และหลังจากนั้นจึงจะแก้ไขใหญ่ ทั้งนี้มีหลายมาตราต้องปรับปรุงแก้ไขก่อน อย่างไรก็ตามในพรรคยังไม่มีการพูดถึงการแก้มาตราเกี่ยวกับเรื่องอำนาจศาลรัฐ ธรรมนูญ
เมื่อถามต่อว่า หากพรรคเพื่อไทยได้ข้อสรุปแล้วจะนำไปหารือกับพรรคร่วมในวันที่ 31 ก.ค.นี้เลยหรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เราอาจจะรอก่อนได้ ไม่รีบพิจารณา จนกว่าจะมีความชัดเจน ส่วนนี้อาจจะเป็นข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัย เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนว่าเมื่อผ่านวาระ 2 แล้ว หลังจาก 15 วันต้องมติวาระ 3 ไม่มีช่องทางให้ถอนออกมาได้เลย ฉะนั้นต้องไปดูว่าจะทำอย่างไร แต่หลังจากเห็นคำวินิจฉัยกลางแล้วเราจะหารือพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อแนวทางร่วมกัน
ส่วนกรณีที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุบว่าอยากให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด จะดำเนินการอย่างไร นายวรวัจน์ กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้เกิดความรอบคอบและกระทบกระเทือนน้อยที่สุด ทั้งยังจะหาทางออกที่ไม่เกิดความขัดแย้งให้ได้มากมาก ทุกฝ่ายยอมรับ.
This entry was posted in News
แนะจับตา“ปู”แข็งข้อ”พี่ชาย”ปรับเก้าอี้
Posted on 16:16 by netdesign | No comments
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์
ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า
ขอให้ประชาชนจับตาดูว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
จะสามารถถ่วงดุล ประนีประนอม ดุลอำนาจกับพี่ชายตัวเอง
ซึ่งเป็นศูนย์อำนาจที่แท้จริงได้มากน้อยเพียงใด
เพราะหากไม่ลงตัวก็จะเป็นรอยร้าว และเป็นคลื่นใต้น้ำบั่นทอนเสถียรภาพของ
รัฐบาล ซึ่งจากการตรวจสอบจากสำนักงานตรวจสอบคนเข้าเมือง พบว่าเมื่อ 2-3
วันที่ผ่านมา มี ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทยกว่า 20 คน
เดินทางไปที่เกาะฮ่องกง และในสัปดาห์หน้าก็จะเดินทางไปอีก
โดยอ้างว่าไปอวยพรวันเกิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
แต่ความจริงไปวิ่งเต้นตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะตำแหน่ง รมว.มหาดไทย
ที่เป็นที่หมายปองของหลายคน ทั้งนายโภคิน พลกุล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช
นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ ล่าสุดมีการพูดว่าจะมีการปูนบำเน็จให้กับนายสุรพงษ์
โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เพราะสามารถเคลียร์กับต่างประเทศให้
พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปในที่ต่าง ๆ ได้ แต่ก็มีกระแสข่าวว่า น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ก็ดึงดัน แข็งข้อที่จะเอาคนของตัวเอง เช่น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์
รองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง
ที่เป็นทีมงานเศรษฐกิจ หรือทีม ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ซึ่งต้องดูว่านายกฯ จะขัดใจพี่ชายตัวเองได้หรือไม่.
This entry was posted in News
ชง4ปมจับผิด“ปู”แก้พื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร
Posted on 16:16 by netdesign | No comments
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีการปรับกำลังทหารของไทยและกัมพูชา
บริเวณพื้นที่ทับซ้อนปราสาทเขาพระวิหาร ว่า
เชื่อว่ามีวาระซ่อนเร้นจากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี ไปพบสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อย่างรีบร้อน
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีข้อสังเกต 4ประการคือ 1.
การปรับทหารเดิมใช้กลไลจีบีซี
หรือคณะกรรมการชายแดนทั่วไปที่ให้กระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศหารือในการ
ปรับกำลัง 2.น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเดินทางไปทีเสียมราฐ ลงนามถอนกำลังทหารเอง
โดยข้ามกลไลจีบีซี 3.รัฐบาลพยายามเลี่ยงใช้คำว่า “ปรับกำลังทหาร” แทนการ
“ถอนกำลังทหาร” เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบจากสภาฯ ตามมาตรา 190 (2) และ
4.ทำไมกระบวนการนี้ถึงเกิดขึ้นในวันที่ 18 ก.ค.
เพราะเป็นวันเดียวกับที่กัมพูชา จัดพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 4 ปี
การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดดกโลก
“เป็นห่วงว่าจะมีการใช้เป็นพื้นฐานนำไปสู่การขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างแน่ นอนในปีหน้า ผมกล้าที่จะฟันธงว่าปีหน้าไทยไม่รอดแน่นอน ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ เราเสียสิทธิปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาอย่างแน่นอน เพราะในขั้นตอนการถอนทหารปรากฎว่ากัมพูชา ยังมีวัด ชุมชน และตลาด อยู่ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ซึ่งหากไทยถอนกำลังออกมาหมด กัมพูชาก็จะถือโอกาสประกาศอธิปไตยเหนือดินแดนดังกล่าว และนำไปสู่การขึ้นทะเบียนได้สมบูรณ์ และผมห่วงว่านอกจากปราสาทเขาพระวิหารแล้ว บริเวณพื้นที่รอบปราสาท ก็จะเสร็จกัมพูชาทั้งหมด เอกสารที่ผมนำมาแสดงประกอบการแถลงข่าวเป็นของจริงและไม่ได้รับมาจากข้า ราชการกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงทรัพยากรฯ ที่เคยทำงานร่วมกับผม แต่กลับมีการตั้งคณะกรรมการเรียกสอบบุคคลเหล่านั้น จึงไม่อยากให้รังแกข้าราชการ เพราะถ้าผมพูดไม่จริงก็ควรมาเล่นงานผม และทางที่ดีที่สุดคือ จะต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงออกมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจงอะไรเลย” นายชวนนท์ กล่าว.
“เป็นห่วงว่าจะมีการใช้เป็นพื้นฐานนำไปสู่การขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างแน่ นอนในปีหน้า ผมกล้าที่จะฟันธงว่าปีหน้าไทยไม่รอดแน่นอน ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ เราเสียสิทธิปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาอย่างแน่นอน เพราะในขั้นตอนการถอนทหารปรากฎว่ากัมพูชา ยังมีวัด ชุมชน และตลาด อยู่ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ซึ่งหากไทยถอนกำลังออกมาหมด กัมพูชาก็จะถือโอกาสประกาศอธิปไตยเหนือดินแดนดังกล่าว และนำไปสู่การขึ้นทะเบียนได้สมบูรณ์ และผมห่วงว่านอกจากปราสาทเขาพระวิหารแล้ว บริเวณพื้นที่รอบปราสาท ก็จะเสร็จกัมพูชาทั้งหมด เอกสารที่ผมนำมาแสดงประกอบการแถลงข่าวเป็นของจริงและไม่ได้รับมาจากข้า ราชการกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงทรัพยากรฯ ที่เคยทำงานร่วมกับผม แต่กลับมีการตั้งคณะกรรมการเรียกสอบบุคคลเหล่านั้น จึงไม่อยากให้รังแกข้าราชการ เพราะถ้าผมพูดไม่จริงก็ควรมาเล่นงานผม และทางที่ดีที่สุดคือ จะต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงออกมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจงอะไรเลย” นายชวนนท์ กล่าว.
This entry was posted in News
ปธ.วิปรัฐบาล เผยส่วนใหญ่หนุนยึดคำวินิจฉัย-ทำประชามติก่อนแก้
Posted on 16:15 by netdesign | No comments
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี
พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ
วิปรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเวลาที่จะพิจารณาการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดยต้องรอคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน
เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ที่จะมีการนัดประชุมแกนพรรค พรรคร่วม
รวมถึงวิปรัฐบาล ในสัปดาห์หน้า ซึ่งประเด็นยังอยู่ที่การทำประชามติ
เท่าที่มีการพูดคุยส่วนใหญ่ก็ดำเนินตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ที่จะต้องมีการหารือกันก่อนว่าหากจะทำประชามติ ต้องทำก่อน ทำหลัง
จะแตกต่างกันอย่างไร อย่างเช่นที่ นายอุกฤษ มงคลนาวิน
ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ หรือ คอ.นธ.
เสนอให้มีร่างเปรียบเทียบ โดยนำ รัฐธรรมนูญ ปี 2517
นายอุดมเดช กล่าวอีกว่า หากจะมีร่างรัฐธรรมนูญมาเป็นข้อเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญปี2550 ควรให้มี สสร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วค่อยทำประชามติ จะเป็นประโยชน์ ประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ ซึ่งรัฐธรรมนูญปี2550 ก็มีการร่างก่อนแล้วค่อยทำประชามติทีหลังอยู่แล้ว ทั้งนี้การจะเดินหน้าลงมติวาระ3 หรือการทำประชามตินั้น ไม่ได้เป็นการกระทำที่ขัดกับคำวินิจฉัยข่งศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องร่างพระราชบัญญัติปรองดอง ก็จะมีการนำเข้าหารือกับที่ประชุมพรรคเช่นกัน และจะต้องมีการพูดคุยทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่อยู่ที่เวลา ความเหมาะสม.
นายอุดมเดช กล่าวอีกว่า หากจะมีร่างรัฐธรรมนูญมาเป็นข้อเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญปี2550 ควรให้มี สสร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วค่อยทำประชามติ จะเป็นประโยชน์ ประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ ซึ่งรัฐธรรมนูญปี2550 ก็มีการร่างก่อนแล้วค่อยทำประชามติทีหลังอยู่แล้ว ทั้งนี้การจะเดินหน้าลงมติวาระ3 หรือการทำประชามตินั้น ไม่ได้เป็นการกระทำที่ขัดกับคำวินิจฉัยข่งศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องร่างพระราชบัญญัติปรองดอง ก็จะมีการนำเข้าหารือกับที่ประชุมพรรคเช่นกัน และจะต้องมีการพูดคุยทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่อยู่ที่เวลา ความเหมาะสม.
This entry was posted in News
ม็อบคูโบต้าเดือดราดน้ำมันปิดถนนขวางทำเนียบ
Posted on 16:15 by netdesign | No comments
สายวันนี้ (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเกษตรกรภาคกลาง
จากจ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี กว่า 30 คน
พร้อมด้วยรถไถ รถเกี่ยวข้าวและรถนวดข้าวยี่ห้อคูโบต้า
พร้อมด้วยรถบรรทุกกว่า 10 คัน
ที่จอดชุมนุมตลอดขอบฟุตบาททำเนียบรัฐบาลฝั่งถนนพิษณุโลก ตั้งแต่บริเวณประตู
1 เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ยาวเกือบถึงแยกสวนมิสกวัน ตั้งแต่วันที่ 16
ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ราดน้ำมันเครื่องและวางแผ่นยางรองตีนตะขาบรถเกี่ยวนวดข้าว
ขวางถนนพิษณุโลก จากหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล
ไปยังฝั่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
รวมถึงขับรถไถ รถเกี่ยวข้าว ถนวดข้าว และรถบรรทุก มาจอดปิดหน้าประตู 4
เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ 3 ข้อ ดังนี้
1.ให้บริษัท สยามคูโบต้า รับผิดชอบรถเกี่ยวข้าวที่ไม่ได้คุณภาพ และให้คืนเงินดาวน์รถ 10 เปอร์เซ็นต์ 2.ขอให้คืนเงินที่จ่ายผ่อนงวดรถ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่จ่ายไปแล้วทั้งหมด และ 3.ให้ยุติการดำเนินคดีกับผู้ที่ขาดส่งเงินงวดในทุกกรณี แม้กลุ่มผู้ชุมนุมเคยได้รับคำตอบจากรัฐบาลว่าจะมีการชดเชยให้คันละ 10,000 บาท แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ยอมรับข้อเสนอต้องการให้ชดเชยตามข้อเรียกร้องทั้ง หมด การชุมนุมดังกล่าวส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรบนถนนดังกล่าวได้ เพราะเกรงจะเกิดอันตรายจากน้ำมันที่ถูกราดบนถนน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ดุสิต ได้นำรั้วเหล็กปิดการจราจรตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกสวนมิสกวัน
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก.สน.ดุสิต ได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีการจุดไฟเผา และได้ขอให้เปิดการจราจรเพื่อไม่ให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเดือดร้อน ในที่สุดผู้ชุมนุมยินยอมให้เปิดการจราจรฝั่งหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.ได้เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานงานให้สำนักงานเขตดุสิตนำทรายมากลบน้ำมันที่ ถูกราดไว้ เพื่อให้รถสามารถสัญจรได้ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าถ้ารัฐบาล โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) และบริษัท สยามคูโบต้า ยังไม่ให้คำตอบในการแก้ปัญหานี้ ภายในเวลา 15.00 น. จะยกระดับการชุมนุมขึ้นต่อไป.
1.ให้บริษัท สยามคูโบต้า รับผิดชอบรถเกี่ยวข้าวที่ไม่ได้คุณภาพ และให้คืนเงินดาวน์รถ 10 เปอร์เซ็นต์ 2.ขอให้คืนเงินที่จ่ายผ่อนงวดรถ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่จ่ายไปแล้วทั้งหมด และ 3.ให้ยุติการดำเนินคดีกับผู้ที่ขาดส่งเงินงวดในทุกกรณี แม้กลุ่มผู้ชุมนุมเคยได้รับคำตอบจากรัฐบาลว่าจะมีการชดเชยให้คันละ 10,000 บาท แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ยอมรับข้อเสนอต้องการให้ชดเชยตามข้อเรียกร้องทั้ง หมด การชุมนุมดังกล่าวส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรบนถนนดังกล่าวได้ เพราะเกรงจะเกิดอันตรายจากน้ำมันที่ถูกราดบนถนน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ดุสิต ได้นำรั้วเหล็กปิดการจราจรตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกสวนมิสกวัน
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก.สน.ดุสิต ได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีการจุดไฟเผา และได้ขอให้เปิดการจราจรเพื่อไม่ให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเดือดร้อน ในที่สุดผู้ชุมนุมยินยอมให้เปิดการจราจรฝั่งหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.ได้เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานงานให้สำนักงานเขตดุสิตนำทรายมากลบน้ำมันที่ ถูกราดไว้ เพื่อให้รถสามารถสัญจรได้ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าถ้ารัฐบาล โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) และบริษัท สยามคูโบต้า ยังไม่ให้คำตอบในการแก้ปัญหานี้ ภายในเวลา 15.00 น. จะยกระดับการชุมนุมขึ้นต่อไป.
This entry was posted in News
กมล"บี้ผู้ตรวจการสอบ"มาร์ค"ใช้เอกสารเท็จรับราชการทหาร
Posted on 16:14 by netdesign | No comments
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายกมล บันไดเพชร
ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตนเองเคยร้องเรียนต่อพล.อ.ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมเมื่อวันที่ 21 ม.ค.2552 หลังจากที่นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
โดยขอให้กระทรวงกลาโหมถอดยศและเรียกเงินเดือนคืน
เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติเข้ารับราชการทหาร ต่อมาปี 2553
ได้รับหนังตอบกลับจาก รมว.กลาโหมมาว่านายอภิสิทธิ์ยังเป็นนายทหาร
กรณีการถอดยศผู้นั้นต้องทำความผิดหรือรับโทษอย่างใดอย่างหนึ่งตามระเบียบ
กระทรวงกลาโหมก่อน แต่ปัจจุบันนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำความผิดเลย
ดังนั้นจึงไม่สามารถดำเนินการตามที่ร้องมาได้
ทั้งที่ประเด็นร้องไปคือนายอภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิเข้ารับราชการ นายกมล
กล่าวอีกว่า เมื่อพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เข้ามาเป็น
รมว.กลาโหมก็มีการดองเรื่อง โดยตนได้ทวงถามไปเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา
แต่ก็ไม่มีการดำเนินการสอบสวน
ทำให้ต้องยื่นเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินว่า
เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่
เนื่องจากพล.อ.อ.สุกำพลไม่ดำเนินการ
ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องมีตรวจสอบหากปรากฎว่าเป็นจริงตามที่ตนได้ ร้องเรียน ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องให้คำแนะนำไปยังพล.อ.อ.สุกำพลว่าจะต้องดำเนินการ อย่างไร และหากผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการวินิจฉัยอันขัดต่อกฎหมายตนก็จะดำเนินการ กับผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย นายกมล กล่าวว่า เรื่องนายอภิสิทธิ์หนีทหารเป็นปลายเหตุ แต่คนที่เคยเป็นนายกฯแล้วร่วมมือกันกระทำการปลอมเอกสารแล้วใช้เอกสารปลอม เรื่องใหญ่กว่า ตนทำเรื่่องนี้ส่วนตัว ไม่ได้มีประเด็นการเมืองใดๆ ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งผลการสอบสวนเมื่อปี 2542 ก็ระบุชัดและเสนอสั่งลงโทษสัสดีเขตพระโขนงไปแล้ว ซึ่งการสอบสวนสมัยนายชวน หลีกภัยและพล.อ.อ.สุกำพลเป็นรมว.กลาโหม ได้ข้อสรุปตรงกัน3 ประการ คือ 1.นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือกเป็นบุคคลหนีทหาร 2.มีการใช้หลักฐานเท็จการสมัครเข้ารับการที่โรงเรียนนายร้อยจปร. และ 3.ใช้เอกสารสด.9 เท็จจนได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร "ผมท้าศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ไปหาหาต้นขั้วตัวจริงจากสัสดีเขตพระโขนงและรับรองสำเนามา ให้ได้ ถ้ามีหนังสือผ่อนผัน เลขที่ 4892/29 ของนายอภิสิทธิ์ มาแสดงต่อสาธารณะ นายศิริโชคต้องรับคำท้าผมไปหาหนังสือผ่อนผันตัวจริงมา หากหามาได้ผมจะกราบเท้านายศิริโชคงามๆ 3 ครั้ง" นายกมล กล่าว.
ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องมีตรวจสอบหากปรากฎว่าเป็นจริงตามที่ตนได้ ร้องเรียน ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องให้คำแนะนำไปยังพล.อ.อ.สุกำพลว่าจะต้องดำเนินการ อย่างไร และหากผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการวินิจฉัยอันขัดต่อกฎหมายตนก็จะดำเนินการ กับผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย นายกมล กล่าวว่า เรื่องนายอภิสิทธิ์หนีทหารเป็นปลายเหตุ แต่คนที่เคยเป็นนายกฯแล้วร่วมมือกันกระทำการปลอมเอกสารแล้วใช้เอกสารปลอม เรื่องใหญ่กว่า ตนทำเรื่่องนี้ส่วนตัว ไม่ได้มีประเด็นการเมืองใดๆ ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งผลการสอบสวนเมื่อปี 2542 ก็ระบุชัดและเสนอสั่งลงโทษสัสดีเขตพระโขนงไปแล้ว ซึ่งการสอบสวนสมัยนายชวน หลีกภัยและพล.อ.อ.สุกำพลเป็นรมว.กลาโหม ได้ข้อสรุปตรงกัน3 ประการ คือ 1.นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือกเป็นบุคคลหนีทหาร 2.มีการใช้หลักฐานเท็จการสมัครเข้ารับการที่โรงเรียนนายร้อยจปร. และ 3.ใช้เอกสารสด.9 เท็จจนได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร "ผมท้าศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ไปหาหาต้นขั้วตัวจริงจากสัสดีเขตพระโขนงและรับรองสำเนามา ให้ได้ ถ้ามีหนังสือผ่อนผัน เลขที่ 4892/29 ของนายอภิสิทธิ์ มาแสดงต่อสาธารณะ นายศิริโชคต้องรับคำท้าผมไปหาหนังสือผ่อนผันตัวจริงมา หากหามาได้ผมจะกราบเท้านายศิริโชคงามๆ 3 ครั้ง" นายกมล กล่าว.
This entry was posted in News
"ผบ.สส."ยันไม้ล้างป่าช้าใช้ได้จริง
Posted on 16:13 by netdesign | No comments
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.)
กล่าวถึงกรณีปัญหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า
ในสมัยที่ตนมีตำแหน่งต่ำกว่านี้เคยเห็นการทดสอบปรากฏว่าสามารถใช้ได้จริง
ชี้ 100 ครั้งก็สามารถจับได้ 100 ครั้ง แม้แต่ใช้เครื่องบินเจ็ท แรงเยอร์
บินในระยะที่เหมาะสมก็ยังสามารถหาวัตถุระเบิดได้
การที่ตนพูดแบบนี้ไม่ได้บอกว่าใช้ได้หรือไม่ได้ แต่เครื่องจีที 200
เป็นเครื่องมือในการทำงาน
การจัดซื้อไม่ใช่ว่าเป็นการนั่งเทียนว่าประเทศไทยใช้ประเทศเดียว
เพราะระบบนโยบายการจัดซื้อนั้นคำถามแรกของผู้บัญชาการทหารบก
หรือของใครก็แล้วแต่จะต้องถามว่ามีประเทศไหนใช้บ้าง
ซึ่งส่วนมากเขาก็จะให้เรามาทดลองใช้ เมื่อเหมาะสมเราถึงจัดซื้อมาใช้
เราไม่ได้ซื้อตามกระแส
หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าวทำให้ผู้ใช้งานเกิดความไม่มั่นใจ
แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือจริงก็บอกว่าไม่ดี ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ
ส่วนขั้นตอนจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกฎกติกา
ใครจะดำเนินคดีอย่างไรก็ว่ากันไป
แต่ถ้าเราจัดซื้อประเทศเดียวก็ต้องว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวกันมากแบบนี้
“จากประสบการณ์ตัวเอง ผมเคยเห็นว่าเครื่องจีที 200 สามารถใช้งานได้ และสามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้จริง ๆ แต่ทั้งนี้การตรวจหาวัตถุระเบิดมี 4-5 ขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะใช้เครื่องจีที 200 เพียงเครื่องเดียวแล้วจะจับวัตถุระเบิดได้ทั้งหมดและกองทัพใช้ทุกเครื่องมือ ที่มีอยู่ดำเนินการ” ผบ.สส. กล่าว.
“จากประสบการณ์ตัวเอง ผมเคยเห็นว่าเครื่องจีที 200 สามารถใช้งานได้ และสามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้จริง ๆ แต่ทั้งนี้การตรวจหาวัตถุระเบิดมี 4-5 ขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะใช้เครื่องจีที 200 เพียงเครื่องเดียวแล้วจะจับวัตถุระเบิดได้ทั้งหมดและกองทัพใช้ทุกเครื่องมือ ที่มีอยู่ดำเนินการ” ผบ.สส. กล่าว.
This entry was posted in News
เสื้อแดงเชียงใหม่ไล่อภิสิทธิ์หนีออกหลังโรงแรม
Posted on 16:12 by netdesign | No comments
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 20 ก.ค.
ที่บริเวณห้องประชุมใหญ่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาธิปปัตย์ได้จัดเวทีเสวนาโครงการเสริมศักยภาพ
กรรมการสาขาพรรค เจ้าหน้าที่
อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ภาคเหนือ ประจำปี 2555
โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นประธานการเสวนาพร้อมด้วยแกนนำพรรคประชา
ธิปัตย์อีกหลายคน มาร่วมเสวนาโดยมีกลุ่มตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในเขต 17
จังหวัดภาคเหนือมาร่วมประชุมกันกว่า 300 คน
โดยก่อนจะเริ่มการประชุมได้มีกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่นำโดยนายอภิชาติ อินสอน
หรือ ดีเจอ้วน นำกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 30
คนพร้อมใช้รถเครื่องขยายเสียงและชูป้ายกล่าวโจมตีไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ออกจากจังหวัดเชียงใหม่และมีการปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์ เรื่องการหนีทหาร
การสั่งฆ่าประชาชน
โดยกลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้ชุมนุมอย่างสงบบริเวณขอบประตูรั้วด้านหน้าของ
โรงแรม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจช้างเผือก
ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100
คนมาดูแลความสงบและกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปภายในโรงแรม
การชุมนุมของคนเสื้อแดงกินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงนายอภิสิทธิ์
ได้กล่าวเปิดการเสวนาก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถและขับออกทางประตูด้านหลังของ
โรงแรม พอกลุ่มคนเสื้อแดงทราบว่านายอภิสิทธิ์
หนีออกจากโรงแรมก็หยุดการชุมนุมแยกย้ายกันกลับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวกับผู้เข้าร่วมเสวนาว่าการประชุมครั้งนี้ได้เดินทางไปประชุมกันหลาย พื้นที่ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ประจำสาขาพรรคในทุกพื้นที่ ที่ผ่านมาในหลายเดือนทางรัฐบาลพยายามพลัดดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฏหมายล้างผิดกฏหมายนิรโทษกรรม ที่ใช้ชื่อกฏหมายปรองดอง จนทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทยตามที่ทุกคนรู้ในสถานการณ์ที่การเมืองเป็น อย่างนี้พรรคเราก็มีหน้าที่ที่จะเอาความจริงของเหตุผลแอบแฝงของเรื่องเหล่า นี้มาบอกกับประชาชนให้ได้รับรู้รับทราบได้เข้าใจถึงเหตุผลต่างๆที่ฝ่ายนั้น กำลังจะทำ.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวกับผู้เข้าร่วมเสวนาว่าการประชุมครั้งนี้ได้เดินทางไปประชุมกันหลาย พื้นที่ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ประจำสาขาพรรคในทุกพื้นที่ ที่ผ่านมาในหลายเดือนทางรัฐบาลพยายามพลัดดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฏหมายล้างผิดกฏหมายนิรโทษกรรม ที่ใช้ชื่อกฏหมายปรองดอง จนทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทยตามที่ทุกคนรู้ในสถานการณ์ที่การเมืองเป็น อย่างนี้พรรคเราก็มีหน้าที่ที่จะเอาความจริงของเหตุผลแอบแฝงของเรื่องเหล่า นี้มาบอกกับประชาชนให้ได้รับรู้รับทราบได้เข้าใจถึงเหตุผลต่างๆที่ฝ่ายนั้น กำลังจะทำ.
This entry was posted in News
"เต้น"ฉงน"มาร์ค"ไม่ใช้ร้อยตรีนำหน้าชื่อ
Posted on 16:11 by netdesign | No comments
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์
กล่าวถึงเรื่องที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่าการที่พรรคเพื่อไทยนำ
เรื่องการหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
มาขยายความในช่วงนี้ เพราะต้องการช่วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ว่า
จริง ๆ น่าจะมองว่าการกระทำของนายศิริโชค โสภา ส.ส.จังหวัดสงขลา
พรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์
เป็นการพยายามช่วยนายอภิสิทธิ์ มากกว่า และการที่กระทรวงกลาโหม
เปิดเรื่องนี้ออกมาไม่ใช่อยู่ดี ๆ เขาหยิบเรื่องนี้มาพูด
แต่เพราะมีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงถามกระทรวงกลาโหม
ก็ดำเนินการ เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์
พยายามอธิบายว่าเป็นเรื่องเก่า
แต่ตนก็ต้องบอกว่าข้อเท็จจริงไม่ได้อยู่ว่าเก่าหรือไม่
สาระสำคัญคือนายอภิสิทธิ์ หนีทหารหรือไม่
และหากบ้านเมืองนี้มีผู้นำประเทศเป็นชายไทยที่หนีทหารจะรักษาความสง่างามได้
อย่างไร จะทำการเมืองโดยประกาศความโปร่งใสกับประชาชนได้อย่างไร
เพราะตัวเองยังไม่โปร่งใส นายอภิสิทธิ์
บอกว่าได้อธิบายเรื่องนี้กับสภาครบถ้วน
ส่วนตัวจึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมการตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่าของกระทรวง
กลาโหมไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยยังพบพิรุธพบข้อผิดปกติมากมาย
“ถ้าจะอธิบายว่าการไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อยทดแทนการ เกณฑ์ทหารได้ ความหมายดูเหมือนจะพยายามชี้อย่างนั้น ก็น่าประหลาดใจว่ารับราชการ 300กว่าวัน แต่ลาราชการไป 200 กว่าวัน หลังจากนั้นก็ลาออก อย่างนี้แสดงว่าการสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยเพียงแค่ไว้อธิบายเรื่อง นี้หรืออย่างไร แล้วคนที่รับราชการ300 กว่าวัน แต่ลางานไป 200 กว่าวัน มันน่าสงสัยในเรื่องความจริงใจในการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน ทำไมนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช้คำนำหน้าชื่อว่าร้อยตรี เพราะถ้าเข้าไปอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาก็ไม่น่าจะต้องปกปิดอะไร เพราะมีเยอะแยะไปที่ใช้คำนำหน้าชื่อ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิม ทำไมไม่มี ร.ต.อภิสิทธิ์ หรือต้องการให้ลืมเรื่องนี้ไปหรือเปล่า หลังจากที่ลาออกมาก็อยากให้เรื่องนี้เป็นขยะที่ซุกไว้ใต้พรมในบ้านหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ท่านอภิสิทธิ์ แสดงความชัดเจนออกมา แล้วก็ไม่แปลกหากสื่อมวลชนจะเรียกว่าร้อยตรีอภิสิทธิ์ ผมอยากจะถามว่ามันผิดเสียหายตรงไหนถึงไม่แสดงสถานะนี้ ถึงจะเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะไม่ใช้ แต่เจตนาก็แปลก” นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย.
“ถ้าจะอธิบายว่าการไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อยทดแทนการ เกณฑ์ทหารได้ ความหมายดูเหมือนจะพยายามชี้อย่างนั้น ก็น่าประหลาดใจว่ารับราชการ 300กว่าวัน แต่ลาราชการไป 200 กว่าวัน หลังจากนั้นก็ลาออก อย่างนี้แสดงว่าการสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยเพียงแค่ไว้อธิบายเรื่อง นี้หรืออย่างไร แล้วคนที่รับราชการ300 กว่าวัน แต่ลางานไป 200 กว่าวัน มันน่าสงสัยในเรื่องความจริงใจในการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน ทำไมนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช้คำนำหน้าชื่อว่าร้อยตรี เพราะถ้าเข้าไปอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาก็ไม่น่าจะต้องปกปิดอะไร เพราะมีเยอะแยะไปที่ใช้คำนำหน้าชื่อ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิม ทำไมไม่มี ร.ต.อภิสิทธิ์ หรือต้องการให้ลืมเรื่องนี้ไปหรือเปล่า หลังจากที่ลาออกมาก็อยากให้เรื่องนี้เป็นขยะที่ซุกไว้ใต้พรมในบ้านหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ท่านอภิสิทธิ์ แสดงความชัดเจนออกมา แล้วก็ไม่แปลกหากสื่อมวลชนจะเรียกว่าร้อยตรีอภิสิทธิ์ ผมอยากจะถามว่ามันผิดเสียหายตรงไหนถึงไม่แสดงสถานะนี้ ถึงจะเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะไม่ใช้ แต่เจตนาก็แปลก” นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย.
This entry was posted in News
“พ่อคูณ”แจ่มใส-ห่วงงานสร้างวิหารกลางน้ำ
Posted on 16:11 by netdesign | No comments
กรณีหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด
จ.นครราชสีมา อาพาธจากโรคหลอดลมและปอดอักเสบ
เข้ารับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ
รพ.มหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นระยะเวลานานกว่า 18
วันแล้ว โดยภาพรวมอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่แพทย์ยังคงให้งดเยี่ยม
เนื่องจากหวั่นเกรงการติดเชื้อแทรกซ้อน
ความคืบหน้าล่าสุด (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าคณะแพทย์พยาบาลได้ตรวจร่างกายของหลวงพ่อคูณ พบว่าอุณหภูมิร่างกาย 36.6 ชีพจรเต้น 68 ครั้งต่อนาที หายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 128/50 มิลลิเมตรปรอท จากนั้นได้ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำบริเวณข้อมือซ้าย โดยหลวงพ่อคูณมีสีหน้าสดชื่น แต่ก็แสดงอาการเซ็ง และหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะพยาบาลทำการฉีดยา แต่ก็ยอมให้ความร่วมมือโดยดี
ด้านนายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า หลวงพ่ออาการดีขึ้นมาก ไม่มีไข้แล้ว พูดคุยอารมณ์ดี เมื่อคืนที่ผ่านมาพูดคุยกับตนเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง สอบถามถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างวิหารกลางน้ำที่วัดบ้านไร่ มูลค่าก่อสร้างกว่า 200 ล้านบาท ตนก็ได้รายงานว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว การก่อสร้างโครงสร้างของวิหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อคูณก็บอกว่า “เออ...ดีแล้ว จะได้ให้คนมาทำบุญกันเยอะ ๆ ...”
ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงพ่อคูณ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันเมื่อลูกศิษย์ถามว่าคิดถึงวัดบ้านไร่อยากกลับวัดบ้านไร่หรือยัง หลวงพ่อคูณ ตอบว่า “...กูยังไม่อยากกลับดอก ให้หายดีก่อนค่อยกลับก็ได้ อยู่ รพ.ก็สบายดีแล้ว...” นอกจากนี้หลวงพ่อคูณ ยังพูดคุยถึงโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยแห่งใหม่ของโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ขนาดความสูง 27 ชั้น ซึ่งหลวงพ่อมีแผนจะบริจาคเงินสบทบสร้างอาคารผู้ป่วยแห่งใหม่ด้วย
ขณะที่ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า หลวงพ่อคูณอาการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีไข้ เสมหะลดลง แพทย์ยังคงให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องกัน 2 สัปดาห์ ซึ่งวันนี้ครบกำหนดการให้ยาแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิดอีก 1 สัปดาห์ เพื่อดูว่าจะมีอาการอื่นแทรกซ้อนอีกหรือไม่ ขณะเดียวกันต้องให้หลวงพ่อทำกายภาพบำบัดโดยการปั่นจักรยาน เดินรอบ ๆ ห้อง เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และให้พักฟื้นอยู่ที่ รพ.ต่อไปเรื่อย ๆ โดยคาดว่าอีกไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็น่าจะกลับวัดได้.
ความคืบหน้าล่าสุด (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าคณะแพทย์พยาบาลได้ตรวจร่างกายของหลวงพ่อคูณ พบว่าอุณหภูมิร่างกาย 36.6 ชีพจรเต้น 68 ครั้งต่อนาที หายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 128/50 มิลลิเมตรปรอท จากนั้นได้ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำบริเวณข้อมือซ้าย โดยหลวงพ่อคูณมีสีหน้าสดชื่น แต่ก็แสดงอาการเซ็ง และหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะพยาบาลทำการฉีดยา แต่ก็ยอมให้ความร่วมมือโดยดี
ด้านนายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า หลวงพ่ออาการดีขึ้นมาก ไม่มีไข้แล้ว พูดคุยอารมณ์ดี เมื่อคืนที่ผ่านมาพูดคุยกับตนเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง สอบถามถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างวิหารกลางน้ำที่วัดบ้านไร่ มูลค่าก่อสร้างกว่า 200 ล้านบาท ตนก็ได้รายงานว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว การก่อสร้างโครงสร้างของวิหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อคูณก็บอกว่า “เออ...ดีแล้ว จะได้ให้คนมาทำบุญกันเยอะ ๆ ...”
ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงพ่อคูณ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันเมื่อลูกศิษย์ถามว่าคิดถึงวัดบ้านไร่อยากกลับวัดบ้านไร่หรือยัง หลวงพ่อคูณ ตอบว่า “...กูยังไม่อยากกลับดอก ให้หายดีก่อนค่อยกลับก็ได้ อยู่ รพ.ก็สบายดีแล้ว...” นอกจากนี้หลวงพ่อคูณ ยังพูดคุยถึงโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยแห่งใหม่ของโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ขนาดความสูง 27 ชั้น ซึ่งหลวงพ่อมีแผนจะบริจาคเงินสบทบสร้างอาคารผู้ป่วยแห่งใหม่ด้วย
ขณะที่ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า หลวงพ่อคูณอาการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีไข้ เสมหะลดลง แพทย์ยังคงให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องกัน 2 สัปดาห์ ซึ่งวันนี้ครบกำหนดการให้ยาแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิดอีก 1 สัปดาห์ เพื่อดูว่าจะมีอาการอื่นแทรกซ้อนอีกหรือไม่ ขณะเดียวกันต้องให้หลวงพ่อทำกายภาพบำบัดโดยการปั่นจักรยาน เดินรอบ ๆ ห้อง เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และให้พักฟื้นอยู่ที่ รพ.ต่อไปเรื่อย ๆ โดยคาดว่าอีกไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็น่าจะกลับวัดได้.
This entry was posted in News
ศธ. จับมือสธ. กทม.ขจัดโรคมือเท้าปาก
Posted on 16:10 by netdesign | No comments
วันนี้ (20 ก.ค.) ที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ จัดแถลงข่าว เรื่อง
“ร่วมกันเฝ้าระวังและขจัดโรคมือ เท้า ปาก” โดยมีศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช
รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วย นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข (สธ.)
และพญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และตัวแทนนักเรียน
ครู ผู้ปกครองเข้าร่วมพร้อมรับมอบคู่มือและชุดอุปกรณ์ป้องกันโรคมือ เท้า
ปากให้กับโรงเรียนนำไปใช้ทำความสะอาด ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า
ศธ.อยากเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนปฎิบัติตามมาตรการและขจัดโรคมือ เท้า ปาก 6
ข้อดังนั้น 1.ให้สถานศึกษาร่วมกันสาธารณสุขจังหวัด อำเภอ
ตำบลให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก แก่ผู้ปกครอง ครู และนักเรียน 2.
ให้เฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคมือ เท้า ปาก ในสถานศึกษาอย่างเข้มงวด 3.
สถานศึกษาติดตามสถานการณ์ และประสานงานกับสธ.อย่างใกล้ชิด 4.
ให้จัดประชุมครูเกี่ยวกับข้อมูลของโรคดังกล่าวและจัดทำคู่มือเอกสารให้กับ
ผู้ปกครอง และชี้แจงให้นักเรียนทราบโดยทั่วถึง ทั้งนี้
ให้ครูเฝ้าสังเกตนักเรียน และตรวจสุขภาพนักเรียนทุกคน
หากพบนักเรียนมีอาการเข้าข่ายน่าสงสัย เช่น มีจุด หรือผื่นแดง ตุ่มพองใส
ที่มือ แขน ขาหรือมีไข้ ให้แจ้งผู้ปกครองและนำไปพบแพทย์โดยด่วน 5.
หากพบนักเรียนเป็นโรคดัวงกล่าว ผู้บริหารต้องสั่งปิดโรงเรียนเป็นระดับชั้น
เพื่อป้องกันการระบาดของโรคอย่างน้อย 7-10 วัน และ
6.หากเกิดการระบาดในสถานศึกษาต้องมีการควบคุมอย่างเข้มข้น
ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค
นายวิทยา กล่าวอีกว่า สธ.ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย ศธ.ในการป้องกันเฝ้าระวังโรคที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โรคดังกล่าวมีการควบคุมที่ดี โดยดูได้จากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่เมื่อลูกหลานมีอาการผิดปกติ หรือมีไข้ก็พามาพบแพทย์ทันที นอกจากนั้นทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ประสานมายังสธ. ให้เข้าไปช่วยดูแล ตรวจสอบความสะอาดร้านเกมส์ และร้านวีดีทัศน์ เนื่องจากร้านเหล่านี้มีเด็กเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งทางสธ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการเข้าไปดูแล อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โรคดังกล่าวที่เกิดขึ้น ประเทศไทยถือว่ามีผู้ป่วยจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และคาดว่าปลายเดือนสิงหาคมนี้ จำนวนผู้ป่วยลดลง ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะติดต่อไปยังผู้ใหญ่นั้น เชื่อว่าจะไม่สามารถติดต่อมายังผู้ใหญ่ได้ นอกจากผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือไม่ดูแลรักษาความสะอาดตนเอง ดังนั้น อยากฝากผู้ใหญ่ พ่อแม่ ผู้ปกครองให้ดูแลตัวเอง และบุตรหลานของตนเอง หากมีอาการผิดปกติขอให้ไปพบแพทย์ทันที
ด้าน พญ.มาลินี กล่าวว่า ทางกทม.ได้ร่วมกับสธ.ในการเฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก อย่างเต็มที่ โดยนอกจากจะขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนกทม. ครูให้ช่วยดูแลเด็ก และทำความสะอาดโรงเรียนแล้ว ยังมีบริการแพทย์เคลื่อนที่ และจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลจากกรมควบคุมโรคเข้าไปตรวจสุขภาพแก่งเด็ก ฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล ขอให้มั่นใจได้ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันเฝ้าระวัง และดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังการแถลงข่าว ทางช่างภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 ได้เดินไปยังห้องนักข่าวของกระทรวง เพื่อขอกุญแจรถจากนายวัฒนะ ไชยพิจิตร อายุ 48 ปี ผู้ช่วยช่างภาพ ที่นอนพักอยู่ แต่กลับพบว่าเพื่อนร่วมงานไม่หายใจแล้ว จึงรีบปฐมพยายบาล ก่อนแจ้งขอถพยาบาลจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำส่ง รพ.กลาง แต่ไม่ทันกาล ซึ่งจะได้มีการนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดมะเดื่อ ย่านดาวคะนองต่อไป.
นายวิทยา กล่าวอีกว่า สธ.ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย ศธ.ในการป้องกันเฝ้าระวังโรคที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โรคดังกล่าวมีการควบคุมที่ดี โดยดูได้จากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่เมื่อลูกหลานมีอาการผิดปกติ หรือมีไข้ก็พามาพบแพทย์ทันที นอกจากนั้นทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ประสานมายังสธ. ให้เข้าไปช่วยดูแล ตรวจสอบความสะอาดร้านเกมส์ และร้านวีดีทัศน์ เนื่องจากร้านเหล่านี้มีเด็กเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งทางสธ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการเข้าไปดูแล อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โรคดังกล่าวที่เกิดขึ้น ประเทศไทยถือว่ามีผู้ป่วยจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และคาดว่าปลายเดือนสิงหาคมนี้ จำนวนผู้ป่วยลดลง ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะติดต่อไปยังผู้ใหญ่นั้น เชื่อว่าจะไม่สามารถติดต่อมายังผู้ใหญ่ได้ นอกจากผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือไม่ดูแลรักษาความสะอาดตนเอง ดังนั้น อยากฝากผู้ใหญ่ พ่อแม่ ผู้ปกครองให้ดูแลตัวเอง และบุตรหลานของตนเอง หากมีอาการผิดปกติขอให้ไปพบแพทย์ทันที
ด้าน พญ.มาลินี กล่าวว่า ทางกทม.ได้ร่วมกับสธ.ในการเฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก อย่างเต็มที่ โดยนอกจากจะขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนกทม. ครูให้ช่วยดูแลเด็ก และทำความสะอาดโรงเรียนแล้ว ยังมีบริการแพทย์เคลื่อนที่ และจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลจากกรมควบคุมโรคเข้าไปตรวจสุขภาพแก่งเด็ก ฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล ขอให้มั่นใจได้ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันเฝ้าระวัง และดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังการแถลงข่าว ทางช่างภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 ได้เดินไปยังห้องนักข่าวของกระทรวง เพื่อขอกุญแจรถจากนายวัฒนะ ไชยพิจิตร อายุ 48 ปี ผู้ช่วยช่างภาพ ที่นอนพักอยู่ แต่กลับพบว่าเพื่อนร่วมงานไม่หายใจแล้ว จึงรีบปฐมพยายบาล ก่อนแจ้งขอถพยาบาลจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำส่ง รพ.กลาง แต่ไม่ทันกาล ซึ่งจะได้มีการนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดมะเดื่อ ย่านดาวคะนองต่อไป.
This entry was posted in News
คนร้ายก่อเหตุคาร์บอมบ์กลางเมืองนราธิวาส
Posted on 16:08 by netdesign | No comments
เมื่อเวลา 06.15 น. วันนี้( 20 ก.ค. เกิดเหตุคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่อง
น้ำหนักประมาณ 50 ก.ก. ไปซุกไว้ในรถยนต์กระบะ
แล้วขับมาจอดทิ้งไว้บนถนนหน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์แอนด์โอเอจำกัด เลขที่
2-8 ซอย 1 ถนนเจริญเขต เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
ก่อนจุดชนวนระเบิดส่งผลให้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
เกิดเพลิงลุกไหม้บริษัทดังกล่าวและอาคารใกล้เคียงเสียหาย 4 คูหา
แรงระเบิดยังส่งผลให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์
ที่ชาวบ้านนำมาจอดไว้ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ
ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายอีก 4
คัน หลังเกิดเหตุเจ้าของร้านและครอบครัวพร้อมทั้งพนักงานได้หลบหนีขึ้นในติด
อยู่บนดาดฟ้า 4 คน เจ้าหน้าที่จึงเร่งระดมฉีดน้ำเข้าสกัดเปลวเพลิง
และนำรถกระเช้าขึั้ีนไปทำการช่วยผู้ที่ติดค้างบนอาคารทั้งหมดโดยล่าสุดเจ้า
หน้าที่ได้ประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณะภัยในพื้นที่และอำเภอใกล้เคียง
เพื่อขอสนับสนุนรถดับเพลิงมาช่วยฉีดน้ำดับไฟ
เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นที่ปลูกติดกันอีกจำนวนเกือบ 10
คูหา เหตุระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งนี้ยังส่งผลให้ระบบการสื่อสารในเขตพื้นที่
อ.สุไหงโก-ลก เกิดขัดข้องและไม่สามารถใช้การได้อีกด้วย.
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคาร์บอมว่า ล่าสุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 3 รายถูกนำส่งรพ.สุไหงโก-ลกซึ่งแพทย์กำลังให้การรักษาอย่างเร่งด่วน สำหรับเหตุระเบิดครั้งนี้นับเป็นการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบครั้ง รุนแรงหลังจากสำนักจุฬาราชมนตรี กำหนดวันศุกร์ที่ 20 ก.ค เป็นวันแรกของเดือนรอมฏอน (การถือศีลอด) ประจำปีฮิจญเราะห์ศักราช 1433 ซึ่งชาวไทยมุสลิมจะเริ่มถือศีลอดทั่วประเทศ เป็นเวลา 1 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคาร์บอมว่า ล่าสุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 3 รายถูกนำส่งรพ.สุไหงโก-ลกซึ่งแพทย์กำลังให้การรักษาอย่างเร่งด่วน สำหรับเหตุระเบิดครั้งนี้นับเป็นการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบครั้ง รุนแรงหลังจากสำนักจุฬาราชมนตรี กำหนดวันศุกร์ที่ 20 ก.ค เป็นวันแรกของเดือนรอมฏอน (การถือศีลอด) ประจำปีฮิจญเราะห์ศักราช 1433 ซึ่งชาวไทยมุสลิมจะเริ่มถือศีลอดทั่วประเทศ เป็นเวลา 1 เดือน
This entry was posted in News
นายกปูเยือนฝรั่งเศส
Posted on 16:08 by netdesign | No comments
วันนี้ ( 20 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังเสร็จสิ้นการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอย่างเป็น
ทางการระหว่างวันที่ 17-19 ก.ค.แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-21 ก.ค.
โดย เวลา 09.00 น.วันนี้(ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง)
นายกรัฐมนตรี จะเข้าหารือกับทีมเศรษฐกิจและภาคเอกชนไทย
ในระหว่างการรับประทานอาหารเช้า
ก่อนที่จะพบหารือกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ในเวลา 11.00 น.
ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ฝรั่งเศส จากนั้นนายกรัฐมนตรี
จะพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
ที่ห้องทำงานในทำเนียบนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความร่วมมือทางการ
ศึกษาและการวิจัย ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน โดยมีนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส
เป็นเจ้าภาพ และในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี
จะหารือกับนักธุรกิจชั้นนำของฝรั่งเศส
และศึกษาดูงานเรื่องการบริหารจัดการเมืองกรุงปารีส ณ Pavillon d’Arsenal
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน.
This entry was posted in News
ผวา! น่ากลัวเกิน ปลุกศพให้เดินกลับบ้านเอง...บรื๋อ
Posted on 15:58 by netdesign | No comments
พิธีแปลกที่หลายคนฟังแล้วอาจจะขนลุก เนื่องจากเป็นพิธีที่ปลุกศพให้ลุกขึ้นเดินกลับบ้าน เพื่อฝังศพในบ้านของตัวเอง และให้กลับมาพบญาติพี่น้องอีกครั้ง
พิธีกรรมศพที่ว่านี้เป็นของหมู่บ้านทานาโทราจาและหมู่บ้านมามาซาววซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทของประเทศอินโดนีเซีย โดยจะมีการทำพิธีปลุกซากศพให้ลุกขึ้นมาเดินกลับบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าศพจะต้องเดินกลับมาเพื่อฝังในบ้านเกิดของตัวเองและเป็นการกลับมาพบกับญาติพี่น้องอีกครั้ง โดยศพต้องอยู่ในสภาพที่เหมือนกับมีลมหายใจทุกอย่าง ในกรณีที่มีคนเสียชีวิตในที่ที่ห่างไกลบ้านจะฝังศพเอาไว้ก่อนจนเวลาผ่านไปหลายปีจึงทำการขุดศพขึ้นมาพร้อมแต่งตัวให้กับศพเหมือนตอนที่ยังมีชีวิต จากนั้นก็จะมีการทำพิธีปลุกศพให้ลุกขึ้นเดินกลับบ้านโดยไม่มีการคลุมใบหน้าศพ แต่มีข้อห้ามว่า ห้ามแห่ศพกลับเข้าบ้านและห้ามอุ้มศพขึ้นมาเป็นอันขาด หากใครไม่ปฏิบัติตามกฏข้อนี้ก็จะป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ
ในระหว่างที่ศพเดินกลับบ้าน ญาติๆที่อยู่ในพิธีจะห้ามให้คนที่เดินผ่านพูดคุยกับศพ และจะเลือกเส้นทางที่เงียบที่สุด ทั้งนี้คนที่ทำพิธีนี้บอกว่า จริงๆแล้วญาติจะเป็นคนพยุง ศพไม่ได้เดินได้เองแต่อย่างใด
This entry was posted in News
ตะลึง!! “ตุ๊กตายาง” ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด?
Posted on 15:57 by netdesign | No comments
ลองมาดูกันว่าทำอะไรได้อีกบ้าง 1. ใช้เป็นแพยาง หนุ่มสาววัย 19 ปีคู่หนึ่ง อุตริใช้ตุ๊กตายางเป็นแพล่องในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว แต่โชคร้ายฝ่ายหญิงทำตุ๊กตายางหลุดมือจึงต้องเกาะต้นไม้แทนรอจนทีมกู้ภัยไปช่วยเหลือ 2. ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้า ศิลปินชาวดัตช์คนหนึ่งไอเดียบรรเจิด นำตุ๊กตายางที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นเสื้อกันฝน 3. ใช้ป้องกันโรคในสงครามในสงครามโลก ครั้งที่ 2 ทหารนาซีติดโรคซิฟิลิสจากโสเภณี ทำให้ฮิตเลอร์ต้องอนุมัติโครงการลับสุดยอดด้วยการแจกตุ๊กตายาง 4. ใช้ในโฆษณา บริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งในตุรกีออกโปสเตอร์โฆษณารถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮาร์เลย์ เดวิดสัน โดยให้สาวนิรนามซ้อนท้าย
5. ใช้ตบตาตำรวจ ตามกฎหมายในสหรัฐฯ การขับรถในเลนคาร์พูลต้องมีคนในรถ 2 คนขึ้นไป เรื่องนี้หนุ่มหัวใสเลยเลือกใช้ตุ๊กตายางนั่งเคียงข้าง 6. ใช้เป็นสมาชิกในครอบครัว สามีภรรยาชาวอังกฤษจัดเป็นนักสะสมตุ๊กตายางกว่า 240 ตัว แต่มีไว้เป็นสมาชิกในครอบครัว อยู่กันหลายๆ คนอุ่นใจดี...เป็นไงล่ะอึ้งอะดิ อิอิ
This entry was posted in News
สลด!! นร.หญิง ม.3 ถูกรุมข่มขืน
Posted on 15:55 by netdesign | No comments
หดหู่ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี สุดทนชีวิตเข้าร้องเรียนเนื่องจากถูกตำรวจ 3 นายรุมขืนใจ มิหนำซ้ำยังถูกแท็กซี่ข่มขืนต่ออีก เผยถูกพ่อในไส้ข่มขืนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
ด.ญ.เอ เล่าถึงเหตุการณ์สุดสะเทือนใจครั้งนี้ว่า ตนได้เข้าร่วมโครงการจิตอาสาจราจรของ สภ.ประตูจุฬาลงกรณ์ ในเขตพื้นที่อำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งด่วน ต่อมามีตำรวจจราจรเข้ามาตีสนิททำดีกับตนจนตายใจ จากนั้นได้ชักชวนให้ตนไปกินข้าวด้วย มีทั้งหมด 3 นาย คือ จ่า ป. จ่า ส. ส่วนอีกคนยังไม่ทราบชื่อ ระหว่างที่กินข้าวก็มีการกินเหล้าด้วย พอตนรู้สึกเมาก็ขอกลับบ้าน โดยตำรวจทั้งสามอาสาไปส่งแต่ในระหว่างทางกลับพาเลี้ยวเข้าโรงแรมแทนและลงมือข่มขืนตน พอตนรู้สึกตัวก็ไม่พบตำรวจทั้งสามนายแล้วจึงได้โบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านแต่ก็มาถูกแท็กซี่ข่มขืนอีก ทำให้ตนรู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้ามาร้องเรียนเพื่อเอาผิดกับทุกคน
ทั้งนี้ ด.ญ.เอ ยังเปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนยังถูกพ่อแท้ๆข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่อายุเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น ทางด้านเจ้าหน้าที่กล่าวว่า การดำเนินคดีนั้นต้องแจ้งกับท้องที่ที่เกิดเหตุเพราะทั้งสามคดีเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างกัน
This entry was posted in News
สำหรับผู้โฆษณา: โฆษณา รายได้สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ เปลือยอำมหิต ชนแล้วถอด ดับสยองทันที
Posted on 15:53 by netdesign | No comments
โหดอำมหิต หญิงสาวยอมเปลือยกายขวางทางรถพยาบาลหลังจากขับรถชนสองแม่ลูก จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงวัย 4 ขวบเสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนผู้เป็นแม่อาการสาหัส เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาพยายามฆ่า
เว็บไซต์เซียงไฮ้เดลี่ของจีนรายงานข่าวอุบัติเหตุสุดแปลกที่เกิดขึ้นที่เมืองหลินอี้ ในมณฑลซานตงของจีน เมื่อจาง เหยียน วัย 38 ปี ครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งได้ขับรถยนต์พุ่งชนแม่ลูกที่กำลังปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างแรงท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่เห็นเหตุการณ์ ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามนำตัวสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลก็เกิดเหตุที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น เมื่อจาง เหยียนตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออกหมดจากนั้นเธอก็ล้มตัวนอนขวางทางรถของเจ้าหน้าที่และพยายามข่มขู่รวมถึงเข้ากระชากตัวเด็กออกจากรถโรงพยาบาลเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงเจ้าหน้าที่ถึงสามารถควบคุมเธอได้ แต่น่าเสียดายหลังจากที่ทั้งสองถึงโรงพยาบาลเด็กหญิงวัย 4 ขวบได้เสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนแม่ของเด็กนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
หลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุที่จาง เหยียน ขับรถชนสองแม่ลูกนั้น เนื่องจากผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นภรรยาน้อยของสามีเธอ เพราะหลังจากที่จาง เหยียนจับได้ว่าสามีมีภรรยาน้อยเธอก็รับขับรถออกจากบ้านทันที และขับรถพุ่งชนหญิงสาวที่ปั่นจักรยานมากับลูกสาวนั่นเอง เบื้องต้นด้านเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่าและหากจาง เหยียนผิดจริงเธอจะได้รับโทษประหารชีวิต
This entry was posted in News
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่
Categories
- คัดค้าน พ.ร.บ. นิรโทษ (62)
- เครื่องมือการแพทย์ (1)
- พุทธวจน (87)
- ยาประตำตัว (11)
- เรื่องเล่าเช้านี้ (4)
- download (227)
- english version (40)
- Food (1)
- Game (6)
- Ghost windows 10 (16)
- Ghost windows 7 (57)
- Ghost windows 8 (2)
- Ghost windows XP (24)
- joke (1)
- Movie (1438)
- Music (2)
- News (3714)
- starshow (5)
- training (350)
- windows os (2)
- www.becomz.com (19)
Blog Archive
-
▼
2012
(5018)
-
▼
กรกฎาคม
(461)
-
▼
ก.ค. 20
(18)
- "อนุสรณ์" มอบตำแหน่ง "ชายยอดแย่แห่งสัปดาห์" ให้ "ม...
- “วรวัจน์”ย้ำหลังสัมมนาพรรคได้ทางออกแก้ รธน.
- แนะจับตา“ปู”แข็งข้อ”พี่ชาย”ปรับเก้าอี้
- ชง4ปมจับผิด“ปู”แก้พื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร
- ปธ.วิปรัฐบาล เผยส่วนใหญ่หนุนยึดคำวินิจฉัย-ทำประชาม...
- ม็อบคูโบต้าเดือดราดน้ำมันปิดถนนขวางทำเนียบ
- กมล"บี้ผู้ตรวจการสอบ"มาร์ค"ใช้เอกสารเท็จรับราชการทหาร
- "ผบ.สส."ยันไม้ล้างป่าช้าใช้ได้จริง
- เสื้อแดงเชียงใหม่ไล่อภิสิทธิ์หนีออกหลังโรงแรม
- "เต้น"ฉงน"มาร์ค"ไม่ใช้ร้อยตรีนำหน้าชื่อ
- “พ่อคูณ”แจ่มใส-ห่วงงานสร้างวิหารกลางน้ำ
- ศธ. จับมือสธ. กทม.ขจัดโรคมือเท้าปาก
- คนร้ายก่อเหตุคาร์บอมบ์กลางเมืองนราธิวาส
- นายกปูเยือนฝรั่งเศส
- ผวา! น่ากลัวเกิน ปลุกศพให้เดินกลับบ้านเอง...บรื๋อ
- ตะลึง!! “ตุ๊กตายาง” ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด?
- สลด!! นร.หญิง ม.3 ถูกรุมข่มขืน
- สำหรับผู้โฆษณา: โฆษณา รายได้สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ ...
-
▼
ก.ค. 20
(18)
-
▼
กรกฎาคม
(461)