วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"อนุสรณ์" มอบตำแหน่ง "ชายยอดแย่แห่งสัปดาห์" ให้ "มาร์ค"


วันนี้ (20 ก.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายเทพไทย เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเรื่องการแต่งตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ตนรู้สึกตกใจที่นายเทพไทออกมาแถลงข่าวโจมตีการแต่งกายของนายกรัฐมนตรีว่า เหมือนไปเดินแบบแฟชั่นโชว์ การกระทำแบบนี้ของนายเทพไทเป็นการทำลายเกียรติภูมิของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายมาอิจฉาริษยาผู้หญิง ตอนแรกตนแปลกใจที่ทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ถึงให้นายเทพไทเป็นโฆษกส่วนตัว มาวันนี้ตนรู้แล้วว่าเป็นเพราะทั้ง 2 คนมีทัศนคติเหมือนกัน เพราะนายอภิสิทธิ์ก็ไปกระแหนะกระแหนผู้หญิงอย่างนายกรัฐมนตรีว่า นายอภิสิทธิ์ตำส้มตำไม่เป็นแบบที่นายกรัฐมนตรีไปตำที่ออสเตรเลีย หรือว่านายอภิสิทธิ์ไม่เคยเปลี่ยนชุดเยอะเท่านายกรัฐมนตรี ซึ่งการพูดแบบนี้ไม่สมศักดิ์ศรีของผู้ชายที่ไปแอบว่าผู้หญิง เป็นการบ่อนทำลายเกียรติภูมิของพรรคที่เก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ชายมาอิจฉาริษยาผู้หญิงได้อย่างไร เพราะเรื่องอย่างนี้มีแต่ผู้หญิงเขาจะไม่ทำกัน ลูกผู้ชายไม่มาอิจฉาผู้หญิงหรอก พอผู้ชายมาอิจฉาผู้หญิงภาพพจน์จึงดูแย่มาก ตนอยากจะขอมอบรางวัล man of the weak ที่แปลว่าอ่อนแอ ปวกเปียก ยอดแย่  ไม่ใช่ man of the week ที่แปลว่ายอดเยี่ยมให้กับนายอภิสิทธิ์ที่ทำย่ำแย่จากการไปอิจฉาริษยาผู้หญิง และตนมองว่าการทำอย่างนี้ของนายเทพไทเป็นการตั้งใจจับผิดกันถึงกับมาตั้ง โต๊ะแถลงข่าวกันเลย พวกตนรับไม่ได้มันเกินไปที่ผู้ชายมาทำอย่างนี้กับผู้หญิง.

“วรวัจน์”ย้ำหลังสัมมนาพรรคได้ทางออกแก้ รธน.


เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ ว่า หลังจากการสัมมนาของพรรคในวันที่ 28-29 ก.ค.นี้ จะมีความชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร สิ่งที่รอดูอย่างเดียวคือคำวินิจฉัยกลางชัด ๆ ว่าออกมาเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มจะพยายามแก้รายมาตราก่อน หากสามารถแก้ไขได้และไม่ยืดเยื้อก็จะดำเนินการ แต่หากดำเนินการแล้วยังไม่ได้ อาจจะมีการทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ที่ผ่านมาการแก้ไขรายมาตรานั้นเกิดขึ้นได้ยาก ใช้เวลายาวนาน และทำให้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่สอดคล้องกันได้ เพราะการแก้รายมาตราอาจเกิดความไม่สมบูรณ์ได้ หรืออาจจะแก้ในส่วนจำเป็นเร่งด่วนก่อน แต่ทั้งนี้ต้องรอผลประชุมพรรค สิ่งที่พูดนี้เป็นเพียงสิ่งที่จะนำไปหารือเท่านั้นเอง  อย่างไรก็ตามพรรคก็มีการเตรียมการทั้งรายมาตรา และการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็มีการมองไว้ 2 รูปแบบ
เมื่อถามว่า มีการระบุว่าพรรคเพื่อไทยอาจหารือแนวทางแก้ไขมาตรา 165 (2) เรื่องประชามติ นายวรวัจน์ ชี้แจงว่า มีการพูดคุยกันในหลายมาตราอาจแก้รายมาตราก่อน และหลังจากนั้นจึงจะแก้ไขใหญ่ ทั้งนี้มีหลายมาตราต้องปรับปรุงแก้ไขก่อน อย่างไรก็ตามในพรรคยังไม่มีการพูดถึงการแก้มาตราเกี่ยวกับเรื่องอำนาจศาลรัฐ ธรรมนูญ
เมื่อถามต่อว่า หากพรรคเพื่อไทยได้ข้อสรุปแล้วจะนำไปหารือกับพรรคร่วมในวันที่ 31 ก.ค.นี้เลยหรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 เราอาจจะรอก่อนได้ ไม่รีบพิจารณา จนกว่าจะมีความชัดเจน ส่วนนี้อาจจะเป็นข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัย เพราะตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเขียนว่าเมื่อผ่านวาระ 2 แล้ว หลังจาก 15 วันต้องมติวาระ 3 ไม่มีช่องทางให้ถอนออกมาได้เลย ฉะนั้นต้องไปดูว่าจะทำอย่างไร แต่หลังจากเห็นคำวินิจฉัยกลางแล้วเราจะหารือพรรคร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อแนวทางร่วมกัน
ส่วนกรณีที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุบว่าอยากให้รัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด จะดำเนินการอย่างไร นายวรวัจน์ กล่าวว่า รัฐบาลจะพยายามทำให้เกิดความรอบคอบและกระทบกระเทือนน้อยที่สุด ทั้งยังจะหาทางออกที่ไม่เกิดความขัดแย้งให้ได้มากมาก ทุกฝ่ายยอมรับ.

แนะจับตา“ปู”แข็งข้อ”พี่ชาย”ปรับเก้าอี้


วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขอให้ประชาชนจับตาดูว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะสามารถถ่วงดุล ประนีประนอม ดุลอำนาจกับพี่ชายตัวเอง ซึ่งเป็นศูนย์อำนาจที่แท้จริงได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากไม่ลงตัวก็จะเป็นรอยร้าว และเป็นคลื่นใต้น้ำบั่นทอนเสถียรภาพของ รัฐบาล ซึ่งจากการตรวจสอบจากสำนักงานตรวจสอบคนเข้าเมือง พบว่าเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มี ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทยกว่า 20 คน เดินทางไปที่เกาะฮ่องกง และในสัปดาห์หน้าก็จะเดินทางไปอีก โดยอ้างว่าไปอวยพรวันเกิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่ความจริงไปวิ่งเต้นตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ที่เป็นที่หมายปองของหลายคน ทั้งนายโภคิน พลกุล นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายวีระกานต์ มุสิกพงษ์ ล่าสุดมีการพูดว่าจะมีการปูนบำเน็จให้กับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เพราะสามารถเคลียร์กับต่างประเทศให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปในที่ต่าง ๆ ได้ แต่ก็มีกระแสข่าวว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ก็ดึงดัน แข็งข้อที่จะเอาคนของตัวเอง เช่น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ที่เป็นทีมงานเศรษฐกิจ หรือทีม ว.5 โฟร์ซีซั่นส์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งต้องดูว่านายกฯ จะขัดใจพี่ชายตัวเองได้หรือไม่.

ชง4ปมจับผิด“ปู”แก้พื้นที่ทับซ้อนปราสาทพระวิหาร


วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีการปรับกำลังทหารของไทยและกัมพูชา บริเวณพื้นที่ทับซ้อนปราสาทเขาพระวิหาร ว่า เชื่อว่ามีวาระซ่อนเร้นจากการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปพบสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อย่างรีบร้อน เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีข้อสังเกต 4ประการคือ 1. การปรับทหารเดิมใช้กลไลจีบีซี หรือคณะกรรมการชายแดนทั่วไปที่ให้กระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศหารือในการ ปรับกำลัง 2.น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับเดินทางไปทีเสียมราฐ ลงนามถอนกำลังทหารเอง โดยข้ามกลไลจีบีซี 3.รัฐบาลพยายามเลี่ยงใช้คำว่า “ปรับกำลังทหาร” แทนการ “ถอนกำลังทหาร” เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบจากสภาฯ ตามมาตรา 190 (2) และ 4.ทำไมกระบวนการนี้ถึงเกิดขึ้นในวันที่ 18 ก.ค. เพราะเป็นวันเดียวกับที่กัมพูชา จัดพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 4 ปี การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดดกโลก

“เป็นห่วงว่าจะมีการใช้เป็นพื้นฐานนำไปสู่การขึ้นทะเบียนมรดกโลกอย่างแน่ นอนในปีหน้า ผมกล้าที่จะฟันธงว่าปีหน้าไทยไม่รอดแน่นอน ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ เราเสียสิทธิปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาอย่างแน่นอน เพราะในขั้นตอนการถอนทหารปรากฎว่ากัมพูชา ยังมีวัด ชุมชน และตลาด อยู่ในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ซึ่งหากไทยถอนกำลังออกมาหมด กัมพูชาก็จะถือโอกาสประกาศอธิปไตยเหนือดินแดนดังกล่าว และนำไปสู่การขึ้นทะเบียนได้สมบูรณ์ และผมห่วงว่านอกจากปราสาทเขาพระวิหารแล้ว บริเวณพื้นที่รอบปราสาท ก็จะเสร็จกัมพูชาทั้งหมด เอกสารที่ผมนำมาแสดงประกอบการแถลงข่าวเป็นของจริงและไม่ได้รับมาจากข้า ราชการกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงทรัพยากรฯ ที่เคยทำงานร่วมกับผม แต่กลับมีการตั้งคณะกรรมการเรียกสอบบุคคลเหล่านั้น จึงไม่อยากให้รังแกข้าราชการ เพราะถ้าผมพูดไม่จริงก็ควรมาเล่นงานผม และทางที่ดีที่สุดคือ จะต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงออกมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการชี้แจงอะไรเลย” นายชวนนท์ กล่าว.

ปธ.วิปรัฐบาล เผยส่วนใหญ่หนุนยึดคำวินิจฉัย-ทำประชามติก่อนแก้


วันนี้ (20 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีเวลาที่จะพิจารณาการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยต้องรอคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ที่จะมีการนัดประชุมแกนพรรค พรรคร่วม รวมถึงวิปรัฐบาล ในสัปดาห์หน้า ซึ่งประเด็นยังอยู่ที่การทำประชามติ เท่าที่มีการพูดคุยส่วนใหญ่ก็ดำเนินตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องมีการหารือกันก่อนว่าหากจะทำประชามติ ต้องทำก่อน ทำหลัง จะแตกต่างกันอย่างไร อย่างเช่นที่ นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ หรือ คอ.นธ. เสนอให้มีร่างเปรียบเทียบ โดยนำ รัฐธรรมนูญ ปี 2517

นายอุดมเดช กล่าวอีกว่า  หากจะมีร่างรัฐธรรมนูญมาเป็นข้อเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญปี2550 ควรให้มี สสร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วค่อยทำประชามติ จะเป็นประโยชน์ ประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณ ซึ่งรัฐธรรมนูญปี2550 ก็มีการร่างก่อนแล้วค่อยทำประชามติทีหลังอยู่แล้ว ทั้งนี้การจะเดินหน้าลงมติวาระ3 หรือการทำประชามตินั้น ไม่ได้เป็นการกระทำที่ขัดกับคำวินิจฉัยข่งศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด   อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเรื่องร่างพระราชบัญญัติปรองดอง ก็จะมีการนำเข้าหารือกับที่ประชุมพรรคเช่นกัน และจะต้องมีการพูดคุยทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่อยู่ที่เวลา ความเหมาะสม.

ม็อบคูโบต้าเดือดราดน้ำมันปิดถนนขวางทำเนียบ


สายวันนี้ (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเกษตรกรภาคกลาง จากจ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี กว่า 30 คน พร้อมด้วยรถไถ รถเกี่ยวข้าวและรถนวดข้าวยี่ห้อคูโบต้า พร้อมด้วยรถบรรทุกกว่า 10 คัน ที่จอดชุมนุมตลอดขอบฟุตบาททำเนียบรัฐบาลฝั่งถนนพิษณุโลก ตั้งแต่บริเวณประตู 1 เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ยาวเกือบถึงแยกสวนมิสกวัน ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ราดน้ำมันเครื่องและวางแผ่นยางรองตีนตะขาบรถเกี่ยวนวดข้าว ขวางถนนพิษณุโลก จากหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ไปยังฝั่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รวมถึงขับรถไถ รถเกี่ยวข้าว ถนวดข้าว และรถบรรทุก มาจอดปิดหน้าประตู 4 เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ 3 ข้อ ดังนี้

1.ให้บริษัท สยามคูโบต้า รับผิดชอบรถเกี่ยวข้าวที่ไม่ได้คุณภาพ และให้คืนเงินดาวน์รถ 10 เปอร์เซ็นต์ 2.ขอให้คืนเงินที่จ่ายผ่อนงวดรถ 50 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่จ่ายไปแล้วทั้งหมด และ 3.ให้ยุติการดำเนินคดีกับผู้ที่ขาดส่งเงินงวดในทุกกรณี แม้กลุ่มผู้ชุมนุมเคยได้รับคำตอบจากรัฐบาลว่าจะมีการชดเชยให้คันละ 10,000 บาท แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังไม่ยอมรับข้อเสนอต้องการให้ชดเชยตามข้อเรียกร้องทั้ง หมด  การชุมนุมดังกล่าวส่งผลให้รถยนต์ไม่สามารถสัญจรบนถนนดังกล่าวได้ เพราะเกรงจะเกิดอันตรายจากน้ำมันที่ถูกราดบนถนน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ดุสิต ได้นำรั้วเหล็กปิดการจราจรตั้งแต่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกสวนมิสกวัน

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก.สน.ดุสิต ได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเกรงว่าจะมีการจุดไฟเผา และได้ขอให้เปิดการจราจรเพื่อไม่ให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเดือดร้อน ในที่สุดผู้ชุมนุมยินยอมให้เปิดการจราจรฝั่งหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.ได้เท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานงานให้สำนักงานเขตดุสิตนำทรายมากลบน้ำมันที่ ถูกราดไว้ เพื่อให้รถสามารถสัญจรได้  ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าถ้ารัฐบาล โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) และบริษัท สยามคูโบต้า ยังไม่ให้คำตอบในการแก้ปัญหานี้ ภายในเวลา 15.00 น. จะยกระดับการชุมนุมขึ้นต่อไป.

กมล"บี้ผู้ตรวจการสอบ"มาร์ค"ใช้เอกสารเท็จรับราชการทหาร


วันนี้ (20 ก.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย  นายกมล บันไดเพชร ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ตนเองเคยร้องเรียนต่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมเมื่อวันที่ 21 ม.ค.2552 หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยขอให้กระทรวงกลาโหมถอดยศและเรียกเงินเดือนคืน เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติเข้ารับราชการทหาร ต่อมาปี 2553 ได้รับหนังตอบกลับจาก รมว.กลาโหมมาว่านายอภิสิทธิ์ยังเป็นนายทหาร กรณีการถอดยศผู้นั้นต้องทำความผิดหรือรับโทษอย่างใดอย่างหนึ่งตามระเบียบ กระทรวงกลาโหมก่อน แต่ปัจจุบันนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ทำความผิดเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถดำเนินการตามที่ร้องมาได้ ทั้งที่ประเด็นร้องไปคือนายอภิสิทธิ์ไม่มีสิทธิเข้ารับราชการ นายกมล กล่าวอีกว่า เมื่อพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เข้ามาเป็น รมว.กลาโหมก็มีการดองเรื่อง โดยตนได้ทวงถามไปเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีการดำเนินการสอบสวน ทำให้ต้องยื่นเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ เนื่องจากพล.อ.อ.สุกำพลไม่ดำเนินการ
ดังนั้นผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องมีตรวจสอบหากปรากฎว่าเป็นจริงตามที่ตนได้ ร้องเรียน ทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะต้องให้คำแนะนำไปยังพล.อ.อ.สุกำพลว่าจะต้องดำเนินการ อย่างไร และหากผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการวินิจฉัยอันขัดต่อกฎหมายตนก็จะดำเนินการ กับผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย  นายกมล กล่าวว่า เรื่องนายอภิสิทธิ์หนีทหารเป็นปลายเหตุ แต่คนที่เคยเป็นนายกฯแล้วร่วมมือกันกระทำการปลอมเอกสารแล้วใช้เอกสารปลอม เรื่องใหญ่กว่า ตนทำเรื่่องนี้ส่วนตัว ไม่ได้มีประเด็นการเมืองใดๆ ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งผลการสอบสวนเมื่อปี 2542 ก็ระบุชัดและเสนอสั่งลงโทษสัสดีเขตพระโขนงไปแล้ว ซึ่งการสอบสวนสมัยนายชวน หลีกภัยและพล.อ.อ.สุกำพลเป็นรมว.กลาโหม ได้ข้อสรุปตรงกัน3 ประการ คือ 1.นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือกเป็นบุคคลหนีทหาร 2.มีการใช้หลักฐานเท็จการสมัครเข้ารับการที่โรงเรียนนายร้อยจปร. และ 3.ใช้เอกสารสด.9 เท็จจนได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร "ผมท้าศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ไปหาหาต้นขั้วตัวจริงจากสัสดีเขตพระโขนงและรับรองสำเนามา ให้ได้ ถ้ามีหนังสือผ่อนผัน เลขที่ 4892/29 ของนายอภิสิทธิ์ มาแสดงต่อสาธารณะ นายศิริโชคต้องรับคำท้าผมไปหาหนังสือผ่อนผันตัวจริงมา หากหามาได้ผมจะกราบเท้านายศิริโชคงามๆ 3 ครั้ง" นายกมล กล่าว.

"ผบ.สส."ยันไม้ล้างป่าช้าใช้ได้จริง


เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึงกรณีปัญหาเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200 ว่า ในสมัยที่ตนมีตำแหน่งต่ำกว่านี้เคยเห็นการทดสอบปรากฏว่าสามารถใช้ได้จริง ชี้ 100 ครั้งก็สามารถจับได้ 100 ครั้ง แม้แต่ใช้เครื่องบินเจ็ท แรงเยอร์ บินในระยะที่เหมาะสมก็ยังสามารถหาวัตถุระเบิดได้ การที่ตนพูดแบบนี้ไม่ได้บอกว่าใช้ได้หรือไม่ได้ แต่เครื่องจีที 200 เป็นเครื่องมือในการทำงาน การจัดซื้อไม่ใช่ว่าเป็นการนั่งเทียนว่าประเทศไทยใช้ประเทศเดียว เพราะระบบนโยบายการจัดซื้อนั้นคำถามแรกของผู้บัญชาการทหารบก หรือของใครก็แล้วแต่จะต้องถามว่ามีประเทศไหนใช้บ้าง ซึ่งส่วนมากเขาก็จะให้เรามาทดลองใช้ เมื่อเหมาะสมเราถึงจัดซื้อมาใช้ เราไม่ได้ซื้อตามกระแส หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องดังกล่าวทำให้ผู้ใช้งานเกิดความไม่มั่นใจ แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือจริงก็บอกว่าไม่ดี ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ ส่วนขั้นตอนจะดำเนินการอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกฎกติกา ใครจะดำเนินคดีอย่างไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าเราจัดซื้อประเทศเดียวก็ต้องว่ากันไปอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวกันมากแบบนี้
“จากประสบการณ์ตัวเอง ผมเคยเห็นว่าเครื่องจีที 200 สามารถใช้งานได้ และสามารถตรวจจับวัตถุระเบิดได้จริง ๆ แต่ทั้งนี้การตรวจหาวัตถุระเบิดมี 4-5 ขั้นตอน ไม่ใช่ว่าจะใช้เครื่องจีที 200 เพียงเครื่องเดียวแล้วจะจับวัตถุระเบิดได้ทั้งหมดและกองทัพใช้ทุกเครื่องมือ ที่มีอยู่ดำเนินการ” ผบ.สส. กล่าว.

เสื้อแดงเชียงใหม่ไล่อภิสิทธิ์หนีออกหลังโรงแรม


เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 20 ก.ค. ที่บริเวณห้องประชุมใหญ่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว  อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พรรคประชาธิปปัตย์ได้จัดเวทีเสวนาโครงการเสริมศักยภาพ กรรมการสาขาพรรค เจ้าหน้าที่ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ภาคเหนือ ประจำปี 2555 โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นประธานการเสวนาพร้อมด้วยแกนนำพรรคประชา ธิปัตย์อีกหลายคน มาร่วมเสวนาโดยมีกลุ่มตัวแทนสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในเขต 17 จังหวัดภาคเหนือมาร่วมประชุมกันกว่า 300 คน โดยก่อนจะเริ่มการประชุมได้มีกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่นำโดยนายอภิชาติ อินสอน หรือ ดีเจอ้วน นำกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 30 คนพร้อมใช้รถเครื่องขยายเสียงและชูป้ายกล่าวโจมตีไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากจังหวัดเชียงใหม่และมีการปราศรัยโจมตีนายอภิสิทธิ์ เรื่องการหนีทหาร การสั่งฆ่าประชาชน โดยกลุ่มคนเสื้อแดงก็ได้ชุมนุมอย่างสงบบริเวณขอบประตูรั้วด้านหน้าของ โรงแรม  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจช้างเผือก ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 คนมาดูแลความสงบและกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปภายในโรงแรม การชุมนุมของคนเสื้อแดงกินเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงนายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวเปิดการเสวนาก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถและขับออกทางประตูด้านหลังของ โรงแรม พอกลุ่มคนเสื้อแดงทราบว่านายอภิสิทธิ์ หนีออกจากโรงแรมก็หยุดการชุมนุมแยกย้ายกันกลับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวกับผู้เข้าร่วมเสวนาว่าการประชุมครั้งนี้ได้เดินทางไปประชุมกันหลาย พื้นที่ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ประจำสาขาพรรคในทุกพื้นที่ ที่ผ่านมาในหลายเดือนทางรัฐบาลพยายามพลัดดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กฏหมายล้างผิดกฏหมายนิรโทษกรรม ที่ใช้ชื่อกฏหมายปรองดอง จนทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมไทยตามที่ทุกคนรู้ในสถานการณ์ที่การเมืองเป็น อย่างนี้พรรคเราก็มีหน้าที่ที่จะเอาความจริงของเหตุผลแอบแฝงของเรื่องเหล่า นี้มาบอกกับประชาชนให้ได้รับรู้รับทราบได้เข้าใจถึงเหตุผลต่างๆที่ฝ่ายนั้น กำลังจะทำ.

"เต้น"ฉงน"มาร์ค"ไม่ใช้ร้อยตรีนำหน้าชื่อ


เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องที่ทางพรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่าการที่พรรคเพื่อไทยนำ เรื่องการหนีทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาขยายความในช่วงนี้ เพราะต้องการช่วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ว่า จริง ๆ น่าจะมองว่าการกระทำของนายศิริโชค โสภา ส.ส.จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นการพยายามช่วยนายอภิสิทธิ์ มากกว่า และการที่กระทรวงกลาโหม เปิดเรื่องนี้ออกมาไม่ใช่อยู่ดี ๆ เขาหยิบเรื่องนี้มาพูด แต่เพราะมีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงถามกระทรวงกลาโหม ก็ดำเนินการ เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ พยายามอธิบายว่าเป็นเรื่องเก่า แต่ตนก็ต้องบอกว่าข้อเท็จจริงไม่ได้อยู่ว่าเก่าหรือไม่ สาระสำคัญคือนายอภิสิทธิ์ หนีทหารหรือไม่ และหากบ้านเมืองนี้มีผู้นำประเทศเป็นชายไทยที่หนีทหารจะรักษาความสง่างามได้ อย่างไร จะทำการเมืองโดยประกาศความโปร่งใสกับประชาชนได้อย่างไร เพราะตัวเองยังไม่โปร่งใส นายอภิสิทธิ์ บอกว่าได้อธิบายเรื่องนี้กับสภาครบถ้วน ส่วนตัวจึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมการตรวจสอบครั้งแล้วครั้งเล่าของกระทรวง กลาโหมไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยยังพบพิรุธพบข้อผิดปกติมากมาย
“ถ้าจะอธิบายว่าการไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่โรงเรียนนายร้อยทดแทนการ เกณฑ์ทหารได้ ความหมายดูเหมือนจะพยายามชี้อย่างนั้น ก็น่าประหลาดใจว่ารับราชการ 300กว่าวัน แต่ลาราชการไป 200 กว่าวัน หลังจากนั้นก็ลาออก อย่างนี้แสดงว่าการสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยเพียงแค่ไว้อธิบายเรื่อง นี้หรืออย่างไร แล้วคนที่รับราชการ300 กว่าวัน แต่ลางานไป 200 กว่าวัน มันน่าสงสัยในเรื่องความจริงใจในการปฏิบัติหน้าที่เหมือนกัน ทำไมนายอภิสิทธิ์ ไม่ใช้คำนำหน้าชื่อว่าร้อยตรี เพราะถ้าเข้าไปอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมาก็ไม่น่าจะต้องปกปิดอะไร เพราะมีเยอะแยะไปที่ใช้คำนำหน้าชื่อ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ร.ต.อ.เฉลิม ทำไมไม่มี ร.ต.อภิสิทธิ์ หรือต้องการให้ลืมเรื่องนี้ไปหรือเปล่า หลังจากที่ลาออกมาก็อยากให้เรื่องนี้เป็นขยะที่ซุกไว้ใต้พรมในบ้านหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ท่านอภิสิทธิ์ แสดงความชัดเจนออกมา แล้วก็ไม่แปลกหากสื่อมวลชนจะเรียกว่าร้อยตรีอภิสิทธิ์ ผมอยากจะถามว่ามันผิดเสียหายตรงไหนถึงไม่แสดงสถานะนี้ ถึงจะเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะไม่ใช้ แต่เจตนาก็แปลก” นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย.

“พ่อคูณ”แจ่มใส-ห่วงงานสร้างวิหารกลางน้ำ


กรณีหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อาพาธจากโรคหลอดลมและปอดอักเสบ เข้ารับการรักษาที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นระยะเวลานานกว่า 18 วันแล้ว โดยภาพรวมอาการดีขึ้นตามลำดับ แต่แพทย์ยังคงให้งดเยี่ยม เนื่องจากหวั่นเกรงการติดเชื้อแทรกซ้อน

ความคืบหน้าล่าสุด (20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าคณะแพทย์พยาบาลได้ตรวจร่างกายของหลวงพ่อคูณ พบว่าอุณหภูมิร่างกาย 36.6 ชีพจรเต้น 68 ครั้งต่อนาที หายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 128/50 มิลลิเมตรปรอท จากนั้นได้ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำบริเวณข้อมือซ้าย โดยหลวงพ่อคูณมีสีหน้าสดชื่น แต่ก็แสดงอาการเซ็ง และหงุดหงิดเล็กน้อย ขณะพยาบาลทำการฉีดยา แต่ก็ยอมให้ความร่วมมือโดยดี

ด้านนายสมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า หลวงพ่ออาการดีขึ้นมาก ไม่มีไข้แล้ว พูดคุยอารมณ์ดี เมื่อคืนที่ผ่านมาพูดคุยกับตนเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง สอบถามถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างวิหารกลางน้ำที่วัดบ้านไร่ มูลค่าก่อสร้างกว่า 200 ล้านบาท ตนก็ได้รายงานว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว การก่อสร้างโครงสร้างของวิหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อคูณก็บอกว่า “เออ...ดีแล้ว จะได้ให้คนมาทำบุญกันเยอะ ๆ ...”

ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงพ่อคูณ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันเมื่อลูกศิษย์ถามว่าคิดถึงวัดบ้านไร่อยากกลับวัดบ้านไร่หรือยัง หลวงพ่อคูณ ตอบว่า “...กูยังไม่อยากกลับดอก ให้หายดีก่อนค่อยกลับก็ได้ อยู่ รพ.ก็สบายดีแล้ว...” นอกจากนี้หลวงพ่อคูณ ยังพูดคุยถึงโครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยแห่งใหม่ของโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ขนาดความสูง 27 ชั้น ซึ่งหลวงพ่อมีแผนจะบริจาคเงินสบทบสร้างอาคารผู้ป่วยแห่งใหม่ด้วย

ขณะที่ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า หลวงพ่อคูณอาการดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีไข้ เสมหะลดลง แพทย์ยังคงให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องกัน 2 สัปดาห์ ซึ่งวันนี้ครบกำหนดการให้ยาแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิดอีก 1 สัปดาห์ เพื่อดูว่าจะมีอาการอื่นแทรกซ้อนอีกหรือไม่ ขณะเดียวกันต้องให้หลวงพ่อทำกายภาพบำบัดโดยการปั่นจักรยาน เดินรอบ ๆ ห้อง เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย และให้พักฟื้นอยู่ที่ รพ.ต่อไปเรื่อย ๆ โดยคาดว่าอีกไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ก็น่าจะกลับวัดได้.

ศธ. จับมือสธ. กทม.ขจัดโรคมือเท้าปาก


วันนี้ (20 ก.ค.) ที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ จัดแถลงข่าว เรื่อง “ร่วมกันเฝ้าระวังและขจัดโรคมือ เท้า ปาก” โดยมีศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วย นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข (สธ.) และพญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และตัวแทนนักเรียน ครู ผู้ปกครองเข้าร่วมพร้อมรับมอบคู่มือและชุดอุปกรณ์ป้องกันโรคมือ เท้า ปากให้กับโรงเรียนนำไปใช้ทำความสะอาด ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า ศธ.อยากเน้นย้ำให้ทุกโรงเรียนปฎิบัติตามมาตรการและขจัดโรคมือ เท้า ปาก 6 ข้อดังนั้น 1.ให้สถานศึกษาร่วมกันสาธารณสุขจังหวัด อำเภอ ตำบลให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก แก่ผู้ปกครอง ครู และนักเรียน 2. ให้เฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคมือ เท้า ปาก ในสถานศึกษาอย่างเข้มงวด 3. สถานศึกษาติดตามสถานการณ์ และประสานงานกับสธ.อย่างใกล้ชิด 4. ให้จัดประชุมครูเกี่ยวกับข้อมูลของโรคดังกล่าวและจัดทำคู่มือเอกสารให้กับ ผู้ปกครอง และชี้แจงให้นักเรียนทราบโดยทั่วถึง ทั้งนี้ ให้ครูเฝ้าสังเกตนักเรียน และตรวจสุขภาพนักเรียนทุกคน หากพบนักเรียนมีอาการเข้าข่ายน่าสงสัย เช่น มีจุด หรือผื่นแดง ตุ่มพองใส ที่มือ แขน ขาหรือมีไข้ ให้แจ้งผู้ปกครองและนำไปพบแพทย์โดยด่วน  5. หากพบนักเรียนเป็นโรคดัวงกล่าว ผู้บริหารต้องสั่งปิดโรงเรียนเป็นระดับชั้น เพื่อป้องกันการระบาดของโรคอย่างน้อย 7-10 วัน และ 6.หากเกิดการระบาดในสถานศึกษาต้องมีการควบคุมอย่างเข้มข้น ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค
นายวิทยา กล่าวอีกว่า สธ.ได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย ศธ.ในการป้องกันเฝ้าระวังโรคที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้สถานการณ์โรคดังกล่าวมีการควบคุมที่ดี โดยดูได้จากพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่เมื่อลูกหลานมีอาการผิดปกติ หรือมีไข้ก็พามาพบแพทย์ทันที นอกจากนั้นทางกระทรวงวัฒนธรรมได้ประสานมายังสธ. ให้เข้าไปช่วยดูแล ตรวจสอบความสะอาดร้านเกมส์ และร้านวีดีทัศน์ เนื่องจากร้านเหล่านี้มีเด็กเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ซึ่งทางสธ.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการเข้าไปดูแล อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โรคดังกล่าวที่เกิดขึ้น ประเทศไทยถือว่ามีผู้ป่วยจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และคาดว่าปลายเดือนสิงหาคมนี้ จำนวนผู้ป่วยลดลง ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะติดต่อไปยังผู้ใหญ่นั้น เชื่อว่าจะไม่สามารถติดต่อมายังผู้ใหญ่ได้ นอกจากผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือไม่ดูแลรักษาความสะอาดตนเอง ดังนั้น อยากฝากผู้ใหญ่ พ่อแม่ ผู้ปกครองให้ดูแลตัวเอง และบุตรหลานของตนเอง หากมีอาการผิดปกติขอให้ไปพบแพทย์ทันที 
ด้าน พญ.มาลินี  กล่าวว่า ทางกทม.ได้ร่วมกับสธ.ในการเฝ้าระวังโรคมือ เท้า ปาก อย่างเต็มที่ โดยนอกจากจะขอความร่วมมือไปยังโรงเรียนกทม. ครูให้ช่วยดูแลเด็ก และทำความสะอาดโรงเรียนแล้ว ยังมีบริการแพทย์เคลื่อนที่  และจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลจากกรมควบคุมโรคเข้าไปตรวจสุขภาพแก่งเด็ก ฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล ขอให้มั่นใจได้ว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันเฝ้าระวัง และดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังการแถลงข่าว ทางช่างภาพของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์  ช่อง 11 ได้เดินไปยังห้องนักข่าวของกระทรวง เพื่อขอกุญแจรถจากนายวัฒนะ ไชยพิจิตร อายุ 48 ปี ผู้ช่วยช่างภาพ ที่นอนพักอยู่ แต่กลับพบว่าเพื่อนร่วมงานไม่หายใจแล้ว จึงรีบปฐมพยายบาล ก่อนแจ้งขอถพยาบาลจากหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำส่ง รพ.กลาง แต่ไม่ทันกาล ซึ่งจะได้มีการนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดมะเดื่อ ย่านดาวคะนองต่อไป.

คนร้ายก่อเหตุคาร์บอมบ์กลางเมืองนราธิวาส


 เมื่อเวลา 06.15 น. วันนี้( 20 ก.ค. เกิดเหตุคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 50 ก.ก. ไปซุกไว้ในรถยนต์กระบะ แล้วขับมาจอดทิ้งไว้บนถนนหน้าบริษัทโปรคอมพิวเตอร์แอนด์โอเอจำกัด เลขที่ 2-8 ซอย 1 ถนนเจริญเขต เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ก่อนจุดชนวนระเบิดส่งผลให้เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เกิดเพลิงลุกไหม้บริษัทดังกล่าวและอาคารใกล้เคียงเสียหาย 4 คูหา แรงระเบิดยังส่งผลให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ชาวบ้านนำมาจอดไว้ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายอีก 4 คัน หลังเกิดเหตุเจ้าของร้านและครอบครัวพร้อมทั้งพนักงานได้หลบหนีขึ้นในติด อยู่บนดาดฟ้า  4 คน เจ้าหน้าที่จึงเร่งระดมฉีดน้ำเข้าสกัดเปลวเพลิง และนำรถกระเช้าขึั้ีนไปทำการช่วยผู้ที่ติดค้างบนอาคารทั้งหมดโดยล่าสุดเจ้า หน้าที่ได้ประสานไปยังหน่วยบรรเทาสาธารณะภัยในพื้นที่และอำเภอใกล้เคียง เพื่อขอสนับสนุนรถดับเพลิงมาช่วยฉีดน้ำดับไฟ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นที่ปลูกติดกันอีกจำนวนเกือบ 10 คูหา เหตุระเบิดคาร์บอมบ์ครั้งนี้ยังส่งผลให้ระบบการสื่อสารในเขตพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก เกิดขัดข้องและไม่สามารถใช้การได้อีกด้วย.
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุคาร์บอมว่า ล่าสุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด 3 รายถูกนำส่งรพ.สุไหงโก-ลกซึ่งแพทย์กำลังให้การรักษาอย่างเร่งด่วน สำหรับเหตุระเบิดครั้งนี้นับเป็นการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบครั้ง รุนแรงหลังจากสำนักจุฬาราชมนตรี กำหนดวันศุกร์ที่ 20 ก.ค  เป็นวันแรกของเดือนรอมฏอน (การถือศีลอด) ประจำปีฮิจญเราะห์ศักราช 1433 ซึ่งชาวไทยมุสลิมจะเริ่มถือศีลอดทั่วประเทศ เป็นเวลา 1 เดือน

นายกปูเยือนฝรั่งเศส


วันนี้ ( 20 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานหลังเสร็จสิ้นการเยือนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีอย่างเป็น ทางการระหว่างวันที่ 17-19 ก.ค.แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20-21 ก.ค. โดย เวลา 09.00 น.วันนี้(ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าประเทศไทย  5 ชั่วโมง) นายกรัฐมนตรี จะเข้าหารือกับทีมเศรษฐกิจและภาคเอกชนไทย ในระหว่างการรับประทานอาหารเช้า ก่อนที่จะพบหารือกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ในเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ฝรั่งเศส  จากนั้นนายกรัฐมนตรี จะพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ที่ห้องทำงานในทำเนียบนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส   และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความร่วมมือทางการ ศึกษาและการวิจัย ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน โดยมีนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพ และในช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรี จะหารือกับนักธุรกิจชั้นนำของฝรั่งเศส และศึกษาดูงานเรื่องการบริหารจัดการเมืองกรุงปารีส ณ Pavillon d’Arsenal ในช่วงเย็นวันเดียวกัน. 

ผวา! น่ากลัวเกิน ปลุกศพให้เดินกลับบ้านเอง...บรื๋อ



พิธีแปลกที่หลายคนฟังแล้วอาจจะขนลุก เนื่องจากเป็นพิธีที่ปลุกศพให้ลุกขึ้นเดินกลับบ้าน เพื่อฝังศพในบ้านของตัวเอง และให้กลับมาพบญาติพี่น้องอีกครั้ง

พิธีกรรมศพที่ว่านี้เป็นของหมู่บ้านทานาโทราจาและหมู่บ้านมามาซาววซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทของประเทศอินโดนีเซีย โดยจะมีการทำพิธีปลุกซากศพให้ลุกขึ้นมาเดินกลับบ้าน เพราะมีความเชื่อว่าศพจะต้องเดินกลับมาเพื่อฝังในบ้านเกิดของตัวเองและเป็นการกลับมาพบกับญาติพี่น้องอีกครั้ง โดยศพต้องอยู่ในสภาพที่เหมือนกับมีลมหายใจทุกอย่าง ในกรณีที่มีคนเสียชีวิตในที่ที่ห่างไกลบ้านจะฝังศพเอาไว้ก่อนจนเวลาผ่านไปหลายปีจึงทำการขุดศพขึ้นมาพร้อมแต่งตัวให้กับศพเหมือนตอนที่ยังมีชีวิต จากนั้นก็จะมีการทำพิธีปลุกศพให้ลุกขึ้นเดินกลับบ้านโดยไม่มีการคลุมใบหน้าศพ แต่มีข้อห้ามว่า ห้ามแห่ศพกลับเข้าบ้านและห้ามอุ้มศพขึ้นมาเป็นอันขาด หากใครไม่ปฏิบัติตามกฏข้อนี้ก็จะป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ

ในระหว่างที่ศพเดินกลับบ้าน ญาติๆที่อยู่ในพิธีจะห้ามให้คนที่เดินผ่านพูดคุยกับศพ และจะเลือกเส้นทางที่เงียบที่สุด ทั้งนี้คนที่ทำพิธีนี้บอกว่า จริงๆแล้วญาติจะเป็นคนพยุง ศพไม่ได้เดินได้เองแต่อย่างใด

ตะลึง!! “ตุ๊กตายาง” ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด?



ตะลึง!! “ตุ๊กตายาง” ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด?
หญิงสาวนิรนามรูปร่างหน้าตาเย้ายวนชวนหลงใหล สาวที่ว่าก็คือ “ตุ๊กตายาง” ที่มีให้เลือกทั้งแบบที่ทำด้วยซิลิโคน ผิวนุ่มนิ่ม และแบบเป่าลม สาวนิรนามนางนี้ไม่ได้มีดีแค่ช่วยเปลื้องอารมณ์เพศ...ทำอย่างอื่นได้อีกบานตะไท

ลองมาดูกันว่าทำอะไรได้อีกบ้าง 1. ใช้เป็นแพยาง หนุ่มสาววัย 19 ปีคู่หนึ่ง อุตริใช้ตุ๊กตายางเป็นแพล่องในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว แต่โชคร้ายฝ่ายหญิงทำตุ๊กตายางหลุดมือจึงต้องเกาะต้นไม้แทนรอจนทีมกู้ภัยไปช่วยเหลือ 2. ใช้ตัดเย็บเสื้อผ้า ศิลปินชาวดัตช์คนหนึ่งไอเดียบรรเจิด นำตุ๊กตายางที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นเสื้อกันฝน 3. ใช้ป้องกันโรคในสงครามในสงครามโลก ครั้งที่ 2 ทหารนาซีติดโรคซิฟิลิสจากโสเภณี ทำให้ฮิตเลอร์ต้องอนุมัติโครงการลับสุดยอดด้วยการแจกตุ๊กตายาง 4. ใช้ในโฆษณา บริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งในตุรกีออกโปสเตอร์โฆษณารถมอเตอร์ไซค์ยี่ห้อฮาร์เลย์ เดวิดสัน โดยให้สาวนิรนามซ้อนท้าย

5. ใช้ตบตาตำรวจ ตามกฎหมายในสหรัฐฯ การขับรถในเลนคาร์พูลต้องมีคนในรถ 2 คนขึ้นไป เรื่องนี้หนุ่มหัวใสเลยเลือกใช้ตุ๊กตายางนั่งเคียงข้าง 6. ใช้เป็นสมาชิกในครอบครัว สามีภรรยาชาวอังกฤษจัดเป็นนักสะสมตุ๊กตายางกว่า 240 ตัว แต่มีไว้เป็นสมาชิกในครอบครัว อยู่กันหลายๆ คนอุ่นใจดี...เป็นไงล่ะอึ้งอะดิ อิอิ

สลด!! นร.หญิง ม.3 ถูกรุมข่มขืน






หดหู่ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี สุดทนชีวิตเข้าร้องเรียนเนื่องจากถูกตำรวจ 3 นายรุมขืนใจ มิหนำซ้ำยังถูกแท็กซี่ข่มขืนต่ออีก เผยถูกพ่อในไส้ข่มขืนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ

ด.ญ.เอ เล่าถึงเหตุการณ์สุดสะเทือนใจครั้งนี้ว่า ตนได้เข้าร่วมโครงการจิตอาสาจราจรของ สภ.ประตูจุฬาลงกรณ์ ในเขตพื้นที่อำเภอธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรรถยนต์ในช่วงเวลาเร่งด่วน ต่อมามีตำรวจจราจรเข้ามาตีสนิททำดีกับตนจนตายใจ จากนั้นได้ชักชวนให้ตนไปกินข้าวด้วย มีทั้งหมด 3 นาย คือ จ่า ป. จ่า ส. ส่วนอีกคนยังไม่ทราบชื่อ ระหว่างที่กินข้าวก็มีการกินเหล้าด้วย พอตนรู้สึกเมาก็ขอกลับบ้าน โดยตำรวจทั้งสามอาสาไปส่งแต่ในระหว่างทางกลับพาเลี้ยวเข้าโรงแรมแทนและลงมือข่มขืนตน พอตนรู้สึกตัวก็ไม่พบตำรวจทั้งสามนายแล้วจึงได้โบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้านแต่ก็มาถูกแท็กซี่ข่มขืนอีก ทำให้ตนรู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเข้ามาร้องเรียนเพื่อเอาผิดกับทุกคน

ทั้งนี้ ด.ญ.เอ ยังเปิดเผยอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนยังถูกพ่อแท้ๆข่มขืนกระทำชำเราตั้งแต่อายุเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น ทางด้านเจ้าหน้าที่กล่าวว่า การดำเนินคดีนั้นต้องแจ้งกับท้องที่ที่เกิดเหตุเพราะทั้งสามคดีเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างกัน

สำหรับผู้โฆษณา: โฆษณา รายได้สำหรับเจ้าของเว็บไซต์ เปลือยอำมหิต ชนแล้วถอด ดับสยองทันที



โหดอำมหิต หญิงสาวยอมเปลือยกายขวางทางรถพยาบาลหลังจากขับรถชนสองแม่ลูก จนเป็นเหตุให้เด็กหญิงวัย 4 ขวบเสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนผู้เป็นแม่อาการสาหัส เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาพยายามฆ่า

เว็บไซต์เซียงไฮ้เดลี่ของจีนรายงานข่าวอุบัติเหตุสุดแปลกที่เกิดขึ้นที่เมืองหลินอี้ ในมณฑลซานตงของจีน เมื่อจาง เหยียน วัย 38 ปี ครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งได้ขับรถยนต์พุ่งชนแม่ลูกที่กำลังปั่นจักรยานกลับบ้านอย่างแรงท่ามกลางความตกตะลึงของคนที่เห็นเหตุการณ์ ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามนำตัวสองแม่ลูกส่งโรงพยาบาลก็เกิดเหตุที่ทุกคนไม่คาดคิดขึ้น เมื่อจาง เหยียนตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออกหมดจากนั้นเธอก็ล้มตัวนอนขวางทางรถของเจ้าหน้าที่และพยายามข่มขู่รวมถึงเข้ากระชากตัวเด็กออกจากรถโรงพยาบาลเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงเจ้าหน้าที่ถึงสามารถควบคุมเธอได้ แต่น่าเสียดายหลังจากที่ทั้งสองถึงโรงพยาบาลเด็กหญิงวัย 4 ขวบได้เสียชีวิตเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วนแม่ของเด็กนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

หลายคนตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุที่จาง เหยียน ขับรถชนสองแม่ลูกนั้น เนื่องจากผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นภรรยาน้อยของสามีเธอ เพราะหลังจากที่จาง เหยียนจับได้ว่าสามีมีภรรยาน้อยเธอก็รับขับรถออกจากบ้านทันที และขับรถพุ่งชนหญิงสาวที่ปั่นจักรยานมากับลูกสาวนั่นเอง เบื้องต้นด้านเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่าและหากจาง เหยียนผิดจริงเธอจะได้รับโทษประหารชีวิต

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources