วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

เจ้าวัดโร่แจ้งตร.ถูกสาวเบี้ยวเงินเช่าพระเครื่อง


วันนี้ (28 มี.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พระมหาเคลิ้ม สุนฺทโร อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต.บางคล้า อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา และเจ้าคณะอำเภอบางคล้า เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.เหรียญ บัวลา พนักงานสอบสวน (สบ 3) กก.2 บก.ป. หลังถูกหญิงสาว 2 คน ขอเช่าพระเครื่องเก่าแก่ที่เก็บสะสมมากว่า 60 ปี จำนวน 2 องค์ มูลค่ากว่า 2 แสนบาท แต่เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปีแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงิน
พระมหาเคลิ้ม เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนมิ.ย.54 ได้นำพระเครื่อง 2 องค์ ประกอบด้วย พระเครื่องพุทธโสธร และสมเด็จวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปให้ร้านพระเครื่องที่ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ประตูน้ำ เพื่อปล่อยเช่าให้กับผู้ที่สนใจเพื่อนำเงินมาเป็นทุนสร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุ แต่ไม่พบเจ้าของร้านจำหน่ายพระ จึงติดต่อนายฉะอ้อน ปิ่นเจริญ หรือมหาฉะอ้อน ซึ่งเคยบวชเรียนด้วยกัน ซึ่งนายฉะอ้อนได้พาผู้หญิง 2 คน อ้างชื่อว่า นางอำนวย (ขอสงวนนามสกุล) และนางจิตรา (ขอสงวนนามสกุล) มาพบ โดยนางอำนวย อ้างตัวว่าทำงานอยู่ที่มูลนิธิวัดบวรนิเวศน์ ก่อนจะขอเช่าหลวงพ่อพุทธโสธร รุ่น พ.ศ.2497 ตลับทองคำ และหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (หลวงพ่อสด รุ่นแรก) ไปในราคา 2 แสนบาท โดยหญิงสาวทั้ง 2 รายบอกว่าจะนำเงินมาชำระให้ภายใน 3 วัน แต่ถึงขณะนี้เวลาผ่านไปนานเกือบ 1 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด
เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความไว้ และจะได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป

ตะลึงซองยาแก้หวัด10ล้านเม็ดซุกป่าเชียงใหม่



วันนี้ (28 มี.ค.) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยหลังเข้าพบ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุข เพื่อขอข้อมูลในการตรวจสอบโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลเอกชนถึงความผิดปกติในการสั่งซื้อ สั่งจ่ายยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ว่า การทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขต่อจากนี้มี 2 เรื่องคือ 1. คดีการหายไปของยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ซึ่งมีการทำงานร่วมกันในลักษณะสนธิกำลัง มีกฎหมายของดีเอสไอเป็นกฎหมายกลางให้แต่ละหน่วยยึดถือร่วมกัน และจากนี้ไป กระทรวงสาธารณสุข อย. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  จะสนธิกำลังทำเรื่องนี้ให้จบ 2.การเพิ่มฐานความผิดในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุขจะกลายเป็นคดีพิเศษโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องเข้าคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษอีกต่อไป มี 9 ฐานความผิด แนบ ท้ายพ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 คือ คดีเกี่ยวกับยา เครื่องสำอาง วัตถุเสพติด วัตถุอันตราย และอาหาร คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือน เม.ย.
“มีข้อสังเกตส่วนตัวว่าอยากให้พวกเราเชื่อมั่นของระบบสาธารณสุขเมืองไทย ความทุ่มเทของบุคลากรในสาธารณสุขซึ่งดีมาตลอดต่อชาติบ้านเมืองเรา เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการกระทำของคนบางคนเท่านั้น ซึ่งเราจะดำเนินการตามกฎหมาย ความจริงทำงานกันมาล่วงหน้ามาพอสมควรแล้ว และจากนี้ไปก็จะทำงานในเชิงลึก และจะทำความจริงให้ปรากฏ” นายธาริต กล่าวและว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงซึ่งต้องขอเวลาให้เราทำงานก่อน ขณะนี้สามารถต่อจิ๊กซอว์ได้ภาพใหญ่พอสมควร เหลือเพียงลงรายละเอียดเชิงลึกว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง คาดว่าปลายเดือนเม.ย.น่าจะได้คำตอบในระดับหนึ่ง ส่วนที่ว่าจะเกี่ยวข้องกับใครหรือไม่นั้นคือการเกี่ยวข้องมีหลายระดับ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไประบุว่าอะไรเป็นอะไรต้องดูตามข้อเท็จจริงเป้าหมายการทำงานของเราคือดูว่า เชื่อมโยงไปถึงใคร  ซึ่งได้ติดตามมาตลอดตามเส้นทางการเงิน ทางโทรศัพท์  โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่อย่างเต็มรูปแบบและสนธิกำลังพอสมควร ขณะนี้มีคนที่อยู่ในข่ายเกี่ยวข้องเยอะเรารู้หน้าตาว่าเป็นใครที่มีส่วนในการช็อปปิ้งยา  แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ามีจำนวนกี่คน
ด้านนายพสิษฐ์ ในฐานะประธานคณะทำงานป้องกันปรบปราม ฟื้นฟูและเยียวยาด้านยาเสพติด กล่าวว่า เบื้องต้นได้มอบหลักฐานของโรงพยาบาลที่ได้ลงไปตรวจสอบ รวมถึงหลักฐานที่อาจจะเชื่อมโยงไปถึงคนใกล้ชิดผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขให้กับนายธาริตแล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าทุกอย่างน่าจะคลี่คลายในเร็วๆนี้ และยืนยันว่าคณะทำงานจะทำการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป เบื้องต้นพบว่ามีความผิดปกติในโรงพยาบาลอีก 8 แห่งที่ตัวเลขไม่ตรงกัน  แต่ตอนนี้ขอไม่เปิดเผยรายละเอียด ต้องตรวจสอบรายละเอียดต่อไป ผอ.รพ. ไม่ต้องกังวล เพราะจะจับปลาตัวใหญ่
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ยินดีให้การสนับสนุนการประสานงานร่วมกับดีเอสไอในทุกเรื่องเพื่อให้ประชาชนสบายใจ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ตอนนี้ต้องเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายทุกอย่าง.
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่ขัดข้องที่ดีเอสไอเข้ามาดำเนินการ เพราะที่ผ่านมาเกรงว่าถ้าเป็นคดีทั่วไปอาจจะมีปัญหาเรื่องการสอบสวน แต่ดีเอสไอสามารถสอบสวนในเชิงลึกและขบวนการโยงใยการผลิตยาและที่มาของเงินด้วย ซึ่งได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ประสานงานกับดีเอสไอ อย่างไรก็ตามในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณตามแนวชายแดนไทย – ลาว ส่วนที่มีข่าวว่าคนใกล้ชิดรัฐมนตรีมีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการนั้น เท่าที่ตรวจสอบยังไม่มีปัญหาอย่างนั้นแต่ยอมรับว่าคนชื่อวิทยา มีจำนวนมาก และอาจมีคนที่ชื่อเดียวกับแต่ไม่ใช่ตนแน่นอน
ขณะที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผบ.ตร. กล่าวปฎิเสธกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้ความรว่มมือกรมสอบสวนคดีพิเศษในการทำคดียาแก้หวัดดังกล่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนรวม ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็น ปปส.ปปง. หรือแม้กระทั่งตำรวจเองหากเรารู้ก็ต้องดำเนินการ เรื่องเจ้าหน้าที่ไม่ให้ความร่วมมือจึงไม่เป็นความจริง
ที่ จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก. สภ.กมลาไสย เปิดเผยว่า ขณะนี้เภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสย ผู้ต้องหาเริ่มให้การที่เป็นประโยชน์และได้ซัดทอดแหล่งปล่อยยาที่จังหวัดร้อยเอ็ด จึงทำให้หลายฝ่ายเกรงว่าอาจจะถูกตัดตอน เพื่อไม่ให้สาวไปถึงขบวนการใหญ่ ซึ่งทางตำรวจพื้นที่พร้อมที่จะเข้าคุ้นกันความปลอดภัยทันทีหากมีการร้องขอมา แต่ทราบว่าขณะนี้เภสัชกรรม ผู้ต้องหา ได้ไปช่วยราชการที่กระทรวงสาธารณสุขจึงยังไม่ได้ประสานมา ทั้งนี้ ในด้านของสำนวนทางสภ.กมลาไสย โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมทั้งพยานหลักฐานต่างๆครบสมบูรณ์ และชัดเจนแล้วว่าเภสัชมีการกระทำผิดนำยาออกไปโรงพยาลจริง โดยเบื้องต้นได้รับการประสานจาก ดีเอสไอ จะมารับสำนวนผลสอบในวันที่ 30 มี.ค.ซึ่งได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว
ที่ จ.อุดรธานี นาย อังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ เจ้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.มนัส อัดโดดดร  สารวัตรเวร  สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าของคดีนายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกรชำนาญการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ได้ทุจริตยักยอกยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมซูโดอีเฟดรีนกว่า 7 ล้านเม็ด จากคลังยาของโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อรับสำนวนการสอบสวน นอกจากนี้ยังเดินทางไปรับสำนวนคดีเรื่องยาในพื้นที่  7 จังหวัด คือ อุดรธานี กาฬสินธุ์ ศรีษะเกษ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เชียงใหม่ และอุตรดิตถ์
ส่วนที่ จ.เชียงใหม่ พ.ต.อ.เอกชัย พิมลศรี ผกก.สภ.สันกำแพง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบซองยาแก้หวัดชนิดต่างๆจำนวนมากถูกทิ้งไว้ในป่าไมยราบ ริมถนนสายซูปเปอร์เชียงใหม่-สันกำแพง บ้านน้อย หมู่ 11 ต.สันกำแพง จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ปปส.ภาค 5 นายโชคดี อมรวัฒน์ นายอำเภอสันกำแพง พร้อมเจ้าหน้าที่กองวิทยาการเชียงใหม่ บริเวณที่พบเป็นป่าไมยราบร้างกว้างกว่า 5 ไร่ พบถุงขยะขนาดใหญ่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาด 39 ถุงข้างในพบซองยาแก้หวัดชนิดต่างๆ เช่น ซูลีดีน นาซิเฟด ฟาเฟด ซินูเฟด แอนติเฟด โพลิเฟด นาโซลีน มิลาเฟด และโคเฟด และยังมียี่ห้ออื่นๆอีกหลายชนิดรวมกว่า 5-6 แสนแผงคิดเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านเม็ดโดยมีจำนวน 14 ถุงใหญ่ที่มีการนำแผงยาเข้าเครื่องบดละเอียดส่วนที่เหลืออีก 25 ถุงใหญ่ยังเป็นแผงยาแต่ไม่มียาอยู่ข้างใน
นายวิไชย กล่าวว่า  เบื้องต้นพบว่าทั้งหมดเป็นยาแก้หวัดมากถึง 28 ชนิดและอาจจะเชื่อมโยงกับกรณีการสั่งยาเกินของเภสัชกรโรงพยาบาลในหลายพื้นที่ทางภาคกลาง ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อหาเครือข่ายมาดำเนินคดี และการที่นำซองยามาทิ้งในจังหวัดเชียงใหม่ที่เราพบหลายครั้งนั้นก็เพราะว่าจังหวัดเชียงใหม่เป็นฐานการแกะยาแก้หวัดเหล่านี้เพื่อส่งออกประเทศเพื่อนบ้านไปผลิตยาเสพติดซึ่งยาแก้หวัดที่มีส่วนประกอบของซูโดอีเฟดรีนนั้น ขนาด 60 มิลลิกรัมผลิตยาบ้าได้ 3 เม็ด ขณะที่ยาแก้หวัด 1 ล้านเม็ดผลิตยาไอซ์ได้มากถึง 45 กิโลกรัม
พ.ต.ท.สมชาย อินทะวงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้รับรายงานว่าได้พบซองยาแก้หวัดน้ำหนักรวมกว่า 5 กิโลกรัมถูกทิ้งไว้ตรงที่ทิ้งขยะริมลำน้ำแม่กก บ้านห้วยน้ำเย็น ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จึงเดินทางไปตรวจสอบก็พบซองยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมสารซูโดอีเฟดรีนจำนวน 8 ชนิดกว่า 1 ล้านเม็ดถูกทิ้งไว้ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและเชื่อว่าของทั้งหมดเป็นของกลุ่มเครือข่ายผลิตยาเสพติดที่ทำการสั่งซื้อเพื่อนำไปผลิตยาเสพติดซึ่งจะได้สืบสวนสอบสวนหาที่มาที่ไปของยาดังกล่าวต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนการลักลอบขนยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมสารซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาลและกวาดซื้อตามร้านขายยาพบว่า ยาทั้งหมดจะถูกแกะออกจากแผงแล้วถูกนำไปรวบรวมไว้บริเวณชายแดนด้าน อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อลักลอบส่งขายให้กลุ่มว้าในราคาเม็ดละ 10 บาท จากนั้นจึงจะนำไปผลิตเป็นยาบ้าส่งกลับเข้ามาขายในประเทศไทยในราคาเม็ดละ 200-300 บาท.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

โชเฟอร์สนง.เขตเมาซิ่งรถขยะชนต้นไม้-เสาไฟฟ้าล้มเพียบ


วันนี้ (29 มี.ค.) เวลา 03.40 น. ร.ต.อ.สมเกียรติ ศุภศร พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ประเวศ รับแจ้งอุบัติเหตุรถขยะพลิกคว่ำไปเฉี่ยวชนต้นไม้และเกี่ยวสายไฟฟ้าจนหักโค่นลงมาขวางถนนพัฒนาการฝั่งขาออก ช่วงซอยพัฒนาการ 59-61 แขวงและเขตประเวศ จึงไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง
ที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง บริเวณหน้าร้านเสริมสวย "ดีคัท" พบรถขยะสีเหลือง ยี่ห้อมิตซูบิชิ หมายเลขทะเบียน 95-0177 กทม.อยู่ในสภาพพลิกหงายท้องอยู่กลางถนนจนเศษขยะตกกระจัดกระจายเต็มพื้น ประกอบกับมีท่อน้ำประปาแตกจึงทำให้น้ำไหลเจิ่งนองไปทั่วผสมกับเศษขยะจนส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบพบว่า มีเสาไฟฟ้าขนาดสูง 12 เมตร หักโค่นลงมา 5 ต้น เสาไฟฟ้าขนาดความสูง 10 เมตรหัก 1 ต้น และต้นไม้ริมถนนหักอีก 4 ต้น กีดขวางการจราจรทุกช่องทาง ทำให้ไฟฟ้าบริเวณดังกล่าวดับเป็นบริเวณกว้าง นอกจากนี้สายไฟฟ้ายังไปเกี่ยวเข้ากับป้ายโฆษณากับกันสาดของร้านค้าริมถนนหล่นลงมาเสียหายเป็นจำนวนมาก
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สน.ประเวศ ต้องปิดการจราจรบนถนนพัฒนาการฝั่งขาออกตั้งแต่ช่วงซอย 55 จนถึงซอย 61 หรือแยกเมืองทอง และเปิดถนนพัฒนาการฝั่งขาเข้า 1 ช่องทาง เพื่อให้รถที่จะใช้เส้นทางฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปถนนอ่อนนุชข้ามไปใช้เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร ก่อนประสานให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้าตัดไฟ ก่อนนำอุปกรณ์เข้าไปถอดน็อตที่ล็อกสายไฟฟ้ากับเสาไฟฟ้าออกจากกัน จากนั้นจึงนำเสาไฟฟ้าที่ล้มกีดขวางการจราจรอยู่ออกไป แล้วตั้งเสาไฟฟ้ากับต่อสายไฟฟ้าใหม่ ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯแจ้งว่าน่าจะใช้ว่าประมาณ 1 วันจึงแล้วเสร็จ
จากการสอบสวนนายบุญลือ มณฑาสุข อายุ 41 ปี โชเฟอร์รถคันเกิดเหตุ ให้การอ้างว่า ตนเป็นลูกจ้างประจำสำนักงานเขตปทุมวัน ตำแหน่งพนักงานขับรถ โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถขยะออกมาจากสำนักงานเขตปทุมวันเพื่อจะขนขยะไปทิ้งที่โรงขยะอ่อนนุช เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งเป็นทางโค้ง มีรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อสีและทะเบียนขับปาดหน้ากะทันหัน ทำให้ต้องหักหลบจนรถเสียหลักพุ่งไปชนต้นไม้ข้างทางจนหักโค่น และไปเกี่ยวสายไฟฟ้าจนทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นลงมาหลายต้น ส่วนรถขยะก็พลิกหงายท้องดังกล่าว โดยก่อนจะออกมาทำงานก็ไม่ได้ดื่มเหล้ามาแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายบุญลือ จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ประเวศ พร้อมทั้งนำตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ปรากฏว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงถึง 219 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงแจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเฉี่ยวชนทรัพย์สินของทางราชการและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และขับขี่รถขณะมึนเมาสุรา ก่อนควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

กรุงเก่าจับหนุ่มค้ายาซิ่งฝ่าด่าน


วันเดียวกัน ร.ต.ท.อภิวัฒน์ แจ้งแก้ว และร.ต.ท.อติคุณ โสรเนตร งานจราจร ตั้งจุดตรวจค้นบริเวณถนนโรจนะขาออกเมือง ใต้สะพานลอย หน้าแขวงการทางอยุธยา ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา พบวัยรุ่นขี่จยย.ยี่ห้อฮอนด้าเวปสีขาว ทะเบียน ขฉม. 310 พระนครศรีอยุธยา ท่าทางมีพิรุธและพยายามจะขี่จยย.หลบหนีการตรวจค้น แต่เจ้าหน้าสามารถจับกุมไว้ได้ ทราบชื่อนายอิทธิเชษฐ์ ภู่สำอาง อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/2 หมู่ 6 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จากการตรวจค้นพบยาบ้า 600 เม็ดซุกซ่อนในกระเป๋ากางเกงด้านหน้า สอบสวนรับสารภาพว่ารับจ้างนำยาบ้ามาจากเขตพื้นที่ ต.ไทรน้อย อ.บางบาล นำไปส่งให้ลูกค้าที่ตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ได้ค่าจ้างครั้งละ 1,000 บาท  จนท.จึงควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

หนุ่มต่อไฟหลวงช็อตปลาพลาดท่าโดนดูดตาย




แอบต่อไฟหลวงระยะทางกว่าร้อยเมตร หวังเอาไปช็อตปลา หนุ่มใหญ่พลาดท่าโดนดูดตายสนิทคาอุปกรณ์
วันนี้ (29 มี.ค.) พ.ต.ท.ประเสริฐ แหวนแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตอยู่ภายในร่องสวนรกร้าง บริเวณกลางซอยไอยรา 6 หมู่ 12 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน  แพทย์เวร รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 35-40 ปี สภาพคว่ำหน้าสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำ ไม่สวมรองเท้า ตรวจค้นภายในตัวไม่พบเอกสารใดๆ ใกล้ศพพบอุปกรณ์ช็อตปลา และกิ่งไม้ไผ่ยาวประมาณ 1.50 เมตร พันด้วยสายไฟฟ้าตกอยู่ โดยบางส่วนพาดอยู่บริเวณลำตัวของผู้ตาย นอกจากนี้พบว่าสายไฟฟ้าถูกลากยาวมาจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างริมทางมาบริเวณจุดพบศพระยะทางประมาณ 100 เมตร เบื้องต้นแพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
พ.ต.ท. ประเสริฐ เปิดเผยว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้ตายได้เข้ามาหาปลาในบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยใช้วิธีต่อไฟจากเสาไฟฟ้าส่องสว่างริมทาง แต่ระหว่างนั้นเกิดพลาดถูกไฟฟ้าช็อตจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามต้องนำศพไปชันสูตรหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง และตรวจสอบว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหนเพื่อติดต่อให้ญาติดำเนินการต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

จับกะเทยแสบลักลอบขนกัญชา


วันนี้ ( 29 มี.ค.) เวลา 10.00 น.  ที่กองบังคับการตำรวจรถไฟ พล.ต.ต.ธนังค์ บุรานนท์ ผบก.รฟ. พร้อมด้วยพ.ต.อ.กฤศ โบสุวรรณ รองผบก.รฟ. แถลงจับกุมนาย สุพัฒน์ ศรีสมุทรนาค อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/1 หมู่ 8 ต.คลองขวาง อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี และนายชูพันธุ์ เลาหะพันธ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ซอยมไหสวรรย์ 4 แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. สาวประเภท  พร้อมของกลาง กัญชาแห้งอัดแท่ง25 แท่ง น้ำหนัก 25 กก. จับกุมขณะโดยสารรถไฟที่สถานีนครปฐม ต.โครงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม

พล.ต.ต.ธนังค์ กล่าวว่า ทเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติดไปที่ภาคใต้ จนสามารถจับกุม 2 ผู้ต้องหาได้รถบนรถไฟด่วนขบวนที่ 35 กรุงเทพฯ- บัตเตอร์เวิร์ด ประเทศมาเลเซีย ขณะโดยสารอยู่ที่สถานีนครปฐมเพื่อไปลงสถานีพัทลุง

จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 รายยอมรับสารภาพว่าขึ้นรถไฟมาจากสถานีบางบำหรุเพื่อมารับยาที่สถานีนครปฐม เพื่อนำไปส่งต่อยังสถานีพัทลุง โดยรับค่าจ้างครั้งละ 1 หมื่นบาทและทำมาแล้ว  3 ครั้ง เบื้องต้นแจ้งข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อไว้จำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี พร้อมประสานบช.ปส.ขยายผลการจับกุมผู้ร่วมชบวนการต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

เขย่าขวัญเมืองภูเก็ตมือมืดลอบปาระเบิดหมารับเคราะห์ดับสยอง



วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2555 เวลา 11:24 น.
วันนี้ ( 29 มี.ค.) เวลา 01.30 น. พ.ต.ท.สมคิด ขาวสังข์ พนักงานสอบสวน สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดใส่บ้านเรือนประชาชน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก ที่หมู่บ้านบดินทร์เฮ้าส์ ตรงข้ามตลาดสดเทศบาลเทพกระษัตรี หมู่ 1 ต.เทพกระษัตรี อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมพ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก. พ.ต.ท.ศุภวิชย์ สุวรรณ์ภิรมย์ รองผกก.ป. เจ้าหน้าที่วิทยาการเขต 44 จ.ภูเก็ต และ มูลนิธิอาสาบ้านในคลำ

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าทาวเฮ้าส์ชั้นเดียว เลขที่ 310/74 หมู่ 1  ต.เทพกระษัตรี พบนายมงคล หรือเอ๋ เบญจพันธ์ อายุ 35 ปี เจ้าของบ้านยืนรอให้การเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนที่หน้าบ้านพบรอยเลือดไหลเป็นทางยาว ที่บริเวณลานจอดรถหน้าบ้านพบรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน กธ 3221 ภูเก็ต ถูกแรงระเบิดทำได้รับความเสียหาย
ส่วนที่บริเวณม้าหินอ่อนพบสายไฟฟ้า 1 ขด สีพ่นรถยนต์ 2 กระป๋องและอุปกรณ์ซ่อมรถยนต์วางอยู่จำนวนมาก ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ ฮ้อนด้า รุ่นเฟว 100 สีน้ำเงินฟ้า หมายเลขทะเบียน กรย 1 ภูเก็ต ถูกแรงระเบิดได้รับความเสียหายอีก 1 คัน นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้กระจกพื้นปูนบริเวณ ฝ้าเพดานแตกกระจาย โดยเจ้าหน้าที่พบเศษท่อพีวีซี ลูกปลาย และน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์ตกอยู่ 1 ขวด เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดที่คนร้ายประดิษฐ์ขึ้นเอง  จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ที่บริเวณหน้าบ้านปลูกติดกันอีก 1 หลังเลขที่ 310/75 ของ นางศรัญญา ทิพย์บำรุง อายุ 37 ปี พนักงานโรงแรมบันยันทรี อ.ถลาง แรงระเบิดทำให้รถเก๋งโตโยต้า สีบรอนซ์ หมายเลข กท 586 ภูเก็ต ถูกสะเก็ดระเบิดทำให้กระจกหน้าและหลังรถแตกกระจาย ฝ้าเพดาน-กระจกบ้านได้รับความเสียหาย ส่วนที่บริเวณด้านหน้ารถพบสุนัขพันพุดเดิ้ล เพศผู้ ชื่อ“เมโล” ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิตจมกองเลือด สภาพไส้ทะลัก ส่วนที่บริเวณรั้วหน้าบ้านพบเก๋งฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน กธ 3221 ภูเก็ต ถูกแรงระเบิดจนได้รับความเสียหายยับเยินอีก 1 คัน
จากการสอบสวนนางศรัญญา ทิพย์บำรุง อายุ 37 ปี ให้การว่า มีอาชีพเป็นพนักงานโรงแรมบันยันทรี ต.เชิงทะเล ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่กำลังนอนอยู่ในห้องหน้าบ้านกับนายธรรมนูญ ทิพย์บำรุง อายุ 34 ปี สามี และลูกชายวัย 6 เดือนเศษ ได้ยินเสียงรถยนต์กระบะลักษณะรถแต่งซิ่งดัดแปลงท่อไอเสียจนเสียงดังลั่น ขับเข้าในหมู่บ้านวนเวียนหลายรอบ แล้คนร้ายปาระเบิดใส่ 2 ลูกซ้อน จนทำให้รถยนต์เสียหายไปหลายคัน และมีสุนัขเสียชีวิตอีก 1ตัว แล้วหลบหนีออกไปจากหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว

ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากขัดแย้งเกี่ยวกับธุรกิจบางอย่างหรือเรื่องส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง เพื่อไว้ใช้เป็นแนวทางติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

รวบหนุ่มแสบซุกยาบ้ากล่องพัสดุส่งลงใต้


วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2555 เวลา 11:30 น.

วันนี้ (29 มี.ค.) เวลา 10.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รองผบช.น. พ.ต.อ.ชวลิต ประสพศิลป์ พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รอง ผบก.น.7 และพ.ต.อ.พงษ์อานันต์ คล้ายคลึง ผกก.สน.ตลิ่งชัน ร่วมกันแถลงจับกุมนายชีรวิทย์ หรือแบงค์ ชีวสาโร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา พร้อมของกลางยาบ้า 38,000 เม็ด ยาไอซ์ 29.70 กรัม และอาวุธปืน 3 กระบอก โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าบริษัทขนส่ง ลิกไนท์ ทัวร์ ถนนบรมราชชนนี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.

พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.ตลิ่งชัน ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งยาบ้าไปที่บริษัทส.สยามยนต์ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยลักลอบส่งในรูปแบบของพัสดุไปกับบริษัทลิกไนท์ ทัวร์ จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งพบนายชีรวิทย์เดินเข้ามาพร้อมกับของกลาง จึงเข้าจับกุมตัวมาสอบปากคำ พร้อมกับแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ยาไอซ์) ไว้ในครอบครอง ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวนนายชีรวิทย์ ให้การรับสารภาพว่า รับยาบ้ามาจากนายสุพี่ชาย ซึ่งเป็นนักโทษอยู่ในเรือนจำ จ.สงขลา ทุกครั้งจะมีชายไม่ทราบชื่อขับรถยนต์โตโยต้า ยาริส สีขาว ไม่ทราบทะเบียน นำยาเสพติดมาส่งให้ที่หน้าบริษัทในขนส่งสายใต้ใหม่ การส่งยาทุกครั้งจะซุกซ่อนไปกับพัสดุ จากนั้นก็นำไปใส่ไว้ในกล่องรองเท้าหรือกล่องสิ่งของอื่นๆเพื่ออำพราง และฝากไปกับรถทัวร์ โดยทำมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อกลางเดือนก.พ. 55 ได้ค่าจ้างครั้งละ 1 หมื่นบาท ส่วนอาวุธปืนเป็นของพี่ชายซึ่งมีคนเอามาจำนำไว้.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources