วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

จ่อชง กกต.ชุดใหญ่ฟัน "มาร์ค"หนีทหาร



วันนี้ ( 25 พ.ย.)  แหล่งข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แจ้งว่า คาดว่าในสัปดาห์นี้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้านและปัญหาหรือข้อโต้ แย้งจะตั้งเรื่องให้กกต.พิจารณาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงขึ้นมา ตรวจสอบกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ได้ยื่นเรื่องให้กกต.ตรวจสอบกรณีที่กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งปลด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกจากราชการ เนื่องจากกระทำผิดวินัยทหารร้ายแรง ซึ่งอาจมีผลให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายอภิสิทธิ์ ต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 102 (6) ประกอบมาตรา 106 (5) ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากเห็นว่ามีมูลก็ให้ส่งเรื่องไปยังประธานสภาฯเพื่อให้ประธานสภาส่งเรื่อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สิ้นสภาพความเป็นส.ส.ตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญต่อไป

ประชุมสภาถกญัตติซักฟอก “นายกฯ-3 รมต.”เริ่มแล้ว



วันนี้ ( 25 พ.ย.)   เมื่อเวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญทั่วไป เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์  ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทั้ง 3 คน ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย รวมทั้งรัฐมนตรีคนอื่นๆ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมฟังการอภิปรายฯอย่างพร้อมเพรียง  และในห้องประชุมสภาได้มีการนำช่อดอกไม้สีสดใสประดับไว้ตรงป้ายพรรคที่นั่ง ของ ส.ส.แต่ละพรรค

ก่อนเข้าวาระการประชุม นายสมศักดิ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า การอภิปราย  2 วันแรกจะยุติลงในเวลาไม่เกิน  01.00 และในวันที่สามต้องอภิปรายให้เสร็จก่อนเที่ยงคืน หรือ 24.00 น. และการอภิปรายหากมีคลิปหรือเอกสารประกอบก็ขอให้ผู้อภิปรายขออนุญาตจากประธาน ก่อน ตามประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา ต้องให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานและคลิปต่างๆ ทำให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ทักท้วงว่า ที่ประชุมวิป 2 ฝ่ายได้ข้อยุติร่วมกันแล้วว่าจะไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะจะเป็นการรู้ข้อมูลล่วงหน้าในการอภิปรายฯโดยให้เป็นดุลยพินิจของและการ ควบคุมดูแลของประธานสภาฯ รวมทั้งก่อนการใช้เอกสาร จะต้องมีการหารือกับ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุน รองประธานสภาฯ เป็นผู้รับผิดชอบก่อน ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หลายคนได้โต้แย้งพร้อมเสนอตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เช่นเดียวกับที่เคยทำในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งมีการโต้เถียงกันไปมา ในที่สุดนายสมศักดิ์  ได้สรุปว่า ขอให้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นข้าราชการขึ้นมาดูแลเรื่องคลิปและเอกสาร พร้อมสั่งให้เลขาธิการสภาฯ ไปดำเนินการแต่งตั้งทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย หารือว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะต้องให้ ส.ส.ได้ทราบถึงเอกสารในประเด็นการยื่นถอดถอนนายกฯและรัฐมนตรีตามมาตรา 271 ของรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้น ผู้ถูกอภิปรายต้องเห็นประเด็นข้อกล่าวหา และส.ส.ต้องเห็นด้วย ไม่ใช่เปิดอภิปรายแล้วมีการยื่นภายหลัง ขณะที่นายจุรินทร์ ทักท้วงว่า เอกสารถอดถอนถือเป็นเอกสารลับและเพื่อป้องกันการเผยแพร่ที่อาจก่อให้เกิด ความเสียหายบุคคลใด กรณีฝ่ายค้านสำเนายื่นต่อประธาน เพราะประธานมีหน้าที่ควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ  แต่อยู่ดุลพินิจท่านจะเผยแพร่หรือไม่ เป็นเรื่องถูกต้องว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับหรือไม่ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งก่อนมีปัญหาเอกสารลับนี้รั่วไหลไป ยัง ส.ส.แล้วนำมาอภิปรายในสภา  ที่สุดนายสมศักดิ์ สรุปว่า การที่ฝ่ายค้านบอกว่าเอกสารลับได้ยื่นถอดถอน เป็นแค่หัวข้อเท่านั้น ต่อไปนี้ฝ่ายค้านจะหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาอภิปรายลงในรายละเอียดให้ ประชาชนได้ฟัง แล้วจะลับตรงไหน ตนเห็นว่าเอกสารนี้น่าจะแจกให้ ส.ส.ทุกคนให้ได้ช่วยการกำกับดูแลที่ประชุมดำเนินตามระเบียบข้อบังคับหรือไม่ ตนขอยืนยันแจกเอกสารให้ ส.ส.ทุกท่าน

นายจุรินทร์ แถลงเปิดญัตติว่า พวกตน ส.ส.จำนวน 157 คน ประกอบด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และพรรครักประเทศไทย ร่วมกันเสนอญัตติญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายก รัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามมาตรา 159  สำหรับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้นมีรัฐมนตรีที่ถูก เปิดอภิปรายคือ 1.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี  2.พล.อ.อ. สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และ 3 .พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย ทั้งนี้ได้แนบหลักฐานที่ได้ยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้วุฒิสภามีมติถอด ถอนรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งตามมาตรา 271 มาด้วยแล้วเนื่องจากรัฐมนตรีมีรายนามข้างต้นได้มีพฤติกรรมการบริหารราชการ แผ่นดินที่  บกพร่องผิดพลาด  ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดความรู้ความสามารถ ลุแก่อำนาจ ขาดคุณธรรม จริยธรรม เล่นพรรคเล่นพวก เลือกปฏิบัติ มุ่งสนองผลประโยชน์ผู้มีบุญคุณทางการเมืองมากกว่าผลประโยชน์ส่วนรวมที่แท้ จริงของประชาชน และความสงบสุขของบ้านเมือง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรมและระบบนิติรัฐ รัฐมนตรีบางคนยังมีพฤติกรรมทุจริต จงใจกระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญหากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดิน ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศและประชาชนไม่มีที่สิ้นสุด จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับญัตติญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม้ไว้วางใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158  โดยได้แนบหลักฐานการยื่นขอถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 271 ด้วยทั้งนี้เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ล้มเหลว ผิดพลาด ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภาและประชาชน มีพฤติการณ์พูดอย่างทำอย่าง นโยบายป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นแค่เครื่องมือ “สร้างภาพ” “เอื้อพวก” มีการ“เลือกปฏิบัติ” “ละเว้น”เป็นหลายมาตรฐาน มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต ใช้จ่ายเงินแผ่นดินกระจายไปในกลุ่มบุคคลและหน่วยงานต่างๆ ท่ามกลางความเดือดร้อนแสนสาหัสของคนไทยทั้งประเทศ จนมีคำกล่าวว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารของน.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากน้ำท่วม หนี้ท่วม แพงทั้งแผ่นดินแล้ว ยังเกิดการทุจริตเป็นทำนอง“โกงทั้งแผ่นดิน”ด้วย

ในญัตติยังระบุด้วยว่า นายกฯยังบริหารราชการโดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม รังแกข้าราชการประจำ ทำลายระบบนิติรัฐ เห็นประเทศเป็นบริษัท ขัดหลักนิติธรรม มีพฤติกรรมลอยตัวเลี่ยงความรับผิดเพื่อตัว  เอื้อพวกเอื้อญาติ ปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอำนาจเหนือตัว เหนือรัฐธรรมนูญ ลักลอบควบคุมกำกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยมิชอบ ทั้งยังมีพฤติกรรมการบริหารโดยจงใจไม่รับผิดชอบต่อรัฐสภา ขาดวุฒิภาวะนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตย ปิดหูปิดตาประชาชน ปิดบังข้อมูล หลีกเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อประโยชน์พวกพ้องและวงศ์วานว่านเครือ อีกทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมายตลอดจนมีพฤติกรรมกระทำการอันไม่ บังควร หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปก็จะเกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติไม่มี ที่สิ้นสุด จึงไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 159 พวกตนขอเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

"เต้น"อธิษฐานกับ "สมัคร"อย่าให้มีใครล้มรัฐบาล



วันนี้ ( 25 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์และในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) กล่าวถึงภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า การชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเป็นการชุมนุมโดนสงบ ส่วนการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ชุมนุมที่สะพานมัฆวาน รังสรรค์มาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปิดกั้นการชุมนุมแต่เห็นว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ ละเอียดอ่อนเสี่ยงต่อการที่ทำเนียบรัฐบาลจะถูกปิดล้อม  จึงให้ใช้เส้นทางอื่นแทน แต่เมื่อผู้ชุมนุมไม่ยินยอมจึงเกิดสถานการณ์ขึ้น ส่วนตัวมองว่าเจ้าหน้าที่ยังปฏิบัติงานอย่างละมุนละม่อมภายใต้กฎหมาย แต่สถานการณ์ที่มีการเผชิญหน้ากับคนจำนวนมากก็ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ไม่มีใครบาดเจ็บสาหัส

“การประกาศยกเลิกชุมนุมทำให้คนไทยทั้งประเทศโล่งอก ไม่ถือว่าผู้ชุมนุมแพ้และรัฐบาลชนะ เพราะรัฐบาลไม่มีเหตุผลที่จะต้องเอาชนะผู้ชุมนุม ผมขอชื่นชม พล.อ.บุญเลิศ ที่ยุติการชุมนุม  ไม่ทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย ส่วนตัวแม้จะยอมรับไม่ได้กับอุดมการณ์ทางการเมืองของ พล.อ.บุญเลิศ ที่จ้องจะล้มรัฐบาลแต่ยอมรับที่ตรงไปตรงมา พอเห็นว่าการชุมนุมไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ก็สั่งยุติ ดีกว่าคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังที่รอซุ่มกำลังเพื่อเคลื่อนไหวต่อไป และผมเชื่อว่าขบวนการเดิมๆนี้ยังไม่หยุดที่จะคิดโค่นล้มรัฐบาล แต่การชุมนุมครั้งนี้สังคมได้ให้บทเรียนแก่คนกลุ่มนี้ว่าแนวทางประชาธิปไตย เท่านั้นที่ประชาชนยอมรับ ผมเชื่อว่าจากนี้บรรยากาศทางการเมืองจะเข้าสู่ภาวะปกติระยะหนึ่ง ระหว่างนี้รัฐบาลจะต้องเร่งสร้างผลงานให้ออกมาโดยเร็ว” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดเวทีคู่ขนานเวที เสธ.อ้ายของคนเสื้อแดง ตามพื้นที่ต่างๆก็จะยุติลง คงจะไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรอีก แต่ยังเคลื่อนไหวเรื่องการจัดตั้งโรงเรียน นปช.อยู่เหมือนเดิมและยังจะเรียกร้องให้ผู้ที่ถูกคุมขังได้รับการประกันตัว แต่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวแบบเผชิญหน้า ทั้งนี้เช้าวันที่ 24 พ.ย. ตนได้ไปร่วมงานทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตครบ 3 ปี ของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักย่าน ถ.นวมินทร์ และได้อธิษฐานขอไม่ให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถูกกระทำเหมือนรัฐบาลของ นายสมัครอีก ในขณะที่หลายคนนึกถึงแต่เรื่องการชุมนุมและลืมวันครบรอบนี้ไปแล้ว

ปชป.ตั้งทีมดูแลคนถูกละเมิดสิทธิ์จากการชุมนุม



 วันนี้(25 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม(อพส.) เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องสื่อสารถึงประชาชนและรัฐบาล เพราะเรามีความห่วงใยต่อทัศนคติวิธีการปฏิบัติของรัฐบาลที่มีต่อประชาชน ที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาล ตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้าน เมือง ส่งสัญญาณว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน รวมทั้งเหมือนเป็นการบังคับให้ข้าราชการต้องเลือกข้าง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง โดย 1.มีข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมก่อนที่จะชุมนุม จนนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง จนเหตุการณ์จบก็ไม่ได้มีอะไรบ่งชี้ว่าผู้ชุมนุมเป็นตามที่มีการกล่าวหาไว้ ล่วงหน้า 2.จากการมีแนวความคิดให้เจ้าหน้าที่เลือกข้างและมองประชาชนเป็นปฏิปักษ์ จึงเกิดการขัดขวางการใช้สิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ที่ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เห็นได้จากข่าวการสกัดกั้นผู้มาชุมนุมหลายรูปแบบ ถือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐานของประชาชน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า 3. เมื่อผู้ชุมนุมเดินทางเข้าสู่สถานที่ชุมนุมตามที่นัดหมายและประสานงานไว้ แต่กลับเกิดเหตุการณ์ปะทะตั้งแต่เช้า และการตัดสินสินใจใช้วิธีการลัดขั้นตอนเบาไปหาหนักนั้นเป็นการดำเนินการที่ พยายามจะให้ฝ่ายการเมืองลอยตัวออกจากโครงสร้างการจัดการความมั่นคง สุดท้ายมีการใช้แก๊สน้ำตา ที่กล่าวอ้างว่าเป็นมาตรฐานสากล แต่ไม่มีการเตือนจนนำไปสู่การปะทะและจับกุม ยัดเยียดข้อหาและของกลาง 4.การจับกุมสื่อมวลชน ถือเป็นการคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งทั้งหมดเป็นภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถ้าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินการต่อเนื่อง ก็เชื่อว่าจะมีความรุนแรงมากกว่านี้ แต่ความสูญเสียที่ไม่เกิดขึ้นเพราะแกนนำผู้ชุมนุมมีความรับผิดชอบ ซึ่งขอแสดงความชื่นชมพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่ประเมินจะมีอันตรายกับชีวิตของผู้ชุมนุม จึงตัดสินใจยุติการชุมนุม

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนท่าทีและทัศนคติที่เกี่ยวข้องกับ การใช้สิทธิทางการเมืองของประชาชนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง ซึ่งแม้การชุมนุมจะจบลงแล้ว แต่ก็ขอเตือนรัฐบาลว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและทัศนคติของรัฐบาลที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ มีแต่จะสร้างและสะสมความอึดอัด ความโกรธ ของประชาชนจำนวนมาก ถ้ารัฐบาลไม่ปรับท่าทีปัญหานี้ ก็จะย้อนกลับมา การดำเนินงานทางการเมืองของทุกฝ่ายต้องสามารถเดินไปได้ตามเจตนารมณ์ของรัฐ ธรรมนูญ และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะลุกลาม บานปลายไปเป็นความรุนแรงในอนาคต ทั้งนี้จากการชุมนุมดังกล่าวมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาที่พรรคเกี่ยวกับการ ปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ พรรคจึงได้มอบหมายให้นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยจะมีนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช และนางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน เพื่อดูแลประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ์ได้รับการดูแลด้านกฎหมายและด้านอื่นๆ เท่าที่พรรคจะช่วยเหลือ รวมถึงประมวลเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป

“เฉลิม” ยันยึดหลักสากลดูแลม็อบ



วันนี้ ( 25 พ.ย.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงการชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักสากลภายใต้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่ประกาศใช้และเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้ามีการใช้แก๊ส น้ำตานั้นเป็นไปตามหลักสากล โดยก่อนที่จะใช้แก๊สน้ำตาได้ผ่านขั้นตอนเจรจาขอให้ผู้ชุมนุมไปใช้เส้นทางที่ เปิดไว้ให้แล้ว คือแยกพล 1 และวัดเบญจมบพิตร แต่ผู้ชุมนุมยังฝ่าฝืนจะเข้ามายังพื้นที่ห้ามเข้าด้วยการตัดลวดหนาม ยกแท่งปูน และทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งตอนนี้อาการยังสาหัสถือเป็นความผิดฐาน พยายามฆ่า สำหรับการยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือไม่นั้นจะมีการหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อสรุปสถานการณ์อีกครั้ง
        
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนเนื้อหาการปราศรัยขณะนี้ให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบเทปคำปราศรัย รวมถึงคลิปที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อดีตประธานองค์การพิทักษ์สยาม เปิดบนเวที ให้เป็นไปตามกระบวนการถ้าพบว่าผิดก็ต้องดำเนินคดี แต่ตนไม่ได้เข้าไปแทรกแซงสั่งการ ส่วนผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมตนได้ให้นโยบายเจ้าหน้าที่ตำรวจไปว่าให้ยึดหลัก รัฐศาสตร์ตั้งข้อกล่าวหาให้เบาที่สุด คนที่ถูกหลอกถูกชักจูงมาก็ไม่มีความผิด สำหรับสาเหตุที่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ประกาศยุติการชุมนุมด้วยความรวดเร็วนั้นไม่ขอแสดงความเห็น แต่โพลล์พบว่าคนส่วนใหญ่ถึง 94 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วย แต่ก็ถือเป็นเรื่องดี ส่วนจะมีการรวมตัวชุมนุมอีกครั้ง ในวันที่ 10 ธ.ค. นี้ โดยจะมีการเปลี่ยนตัวแกนนำ ก็พร้อมที่จะดูแลความสงบ

“อลงกรณ์” แฉพิรุธ จัดซื้อเรือลาดตระเวน 553 ล้านบาท



ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันนี้ ( 25 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.40 น.นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปราย พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมต่อ โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า รมว.กลาโหมมีพฤติกรรมทุจริตในโครงการจัดซื้อเรือรบเพื่อตรวจการณ์ลาดตระเวน 3 ลำ วงเงิน 553 ล้านบาท ตั้งงบประมาณผูกพันปี 54-55  โดยโครงการดังกล่าว บริษัทมาซัน ชนะประมูลแต่เวลาต่อมามีการร้องขอความเป็นธรรมจากบริษัทซีเควสมารีน ร้องไปถึงคณะกรรมการคัดเลือกแบบ และมีการร้องไปยังองค์กอิสระต่างๆทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง.)  และผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำให้พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีต รมว.กลาโหม มีคำสั่งชะลอการทำสัญญา แต่เมื่อเปลี่ยน รมว.กลาโหมมาเป็นพล.อ.อ.สุกำพลกับมีการยกเลิกคำสั่งชะลอและสั่งให้เดินหน้า ทำสัญญามีการลงนามเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ตั้งงบผูกพันถึงปี 56 ซึ่งกรณีดังกล่าวขณะนี้ สตง.ได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.)ดำเนินการด้วย 

ระหว่างนั้นนายขจิต ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงผู้อภิปรายขัดมาตรา 58 วรรคสอง กรณีกล่าวหาเรื่องทุจริตจะต้องยื่นถอดถอนรัฐมนตรีด้วย แต่ในญัตติกลับไม่พบเรื่องดังกล่าวจึงไม่สามารถอภิปรายเรื่องนี้ได้ แต่นายอลงกรณ์แย้งว่าขอให้ฟังการอภิปรายให้ดี สิ่งที่ตนพูดคือรัฐมนตรีปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริต จะปิดปากไม่ให้พูดไม่ได้ ซึ่งนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานที่ประชุมวินิจฉัยแล้วให้อภิปรายต่อไปได้ นายอลงกรณ์ จึงกล่าวต่อว่า การจัดซื้อเรือลาดตระเวนทำผิดเงื่อนไขทีโออาร์ ทั้งเรื่องเครื่องยนต์ ระบบควบคุมการขับเคลื่อน สมรรถนะเรือที่มาจากคนละบริษัท ขัดกับทีโออาร์ที่ระบุว่าต้องมาจากบริษัทเดียวกัน และมีการให้ยื่นเอกสารภายหลังการรับซอง มีผู้เสนอราคาแค่รายเดียวทำให้ราชการเสียประโยชน์ และมีการรวบรัดการประมูลสิ่งเหล่านี้มีพิรุธ อีกทั้งพบว่าอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการบริหารบริษัทนี้ หุ้นของบริษัทนี้ร้อยละ 25 อยู่ที่เกาะเคย์แมน ต่อมานายกรัฐมนตรีมีหนังสือให้กระทรวงกลาโหมปฏิบัติตามกฎหมายและข้อเสนอแนะ ของ สตง. และผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ล่าช้าเพราะมีการอนุมัติเซ็นสัญญาไปแล้ว อยากถามว่านายกรัฐมนตรีรู้เห็นเป็นใจหรือไม่

ด้าน พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ชี้แจงโดยยืนยันว่าการจัดซื้อในโครงการดังกล่าว ทุกอย่างเป็นไปตามทีโออาร์ ทั้งเครื่องยนต์เรือ ระบบควบคุมเรือ แม้จะเป็นคนละบริษัทแต่มีหนังสือรับรองการทำงานซึ่งใช้แทนกันได้ และเงื่อนนี้ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะตัดสิทธิผู้ยื่นประมูล อีกทั้งบริษัทซีเควสมารีนที่เป็นผู้ยื่นร้องเรียนก็ไม่ได้ยื่นข้อเสนอให้ พิจารณาใหม่ เรื่องนี้กองทัพเรือได้ชี้แจง สตง.ไปแล้ว 6 ครั้ง รวมถึงกรรมาธิการการทหาร วุฒิสภาได้ตรวจสอบแล้วมีข้อสรุปว่าการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย สอดคล้องกับหลักราชการ ตนจึงดำเนินโครงการต่อ ซึ่งต้องใช้ความกล้าหาญในการเซ็นสัญญา เพราะกองทัพเรือไม่มีเรือใช้มานานแล้ว พร้อมกันนี้ได้ทำหนังสือยืนยันความถูกต้องไปถึงนายกฯแล้ว

"บิ๊กโอ๋"ยันแก้สเปกแท่นยิงเป้าลวง เหมาะกับสภาพเรือ


เมื่อเวลา 15.45 น. ที่รัฐสภา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงกรณีที่ถูกนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเรื่องความไม่โปร่งใสในการปรับปรุงระบบแท่นยิงเป้าลวงของชุดเรือหลวง นเรศวร ว่า ชุดเรือดังกล่าวมีอายุการใช้งานมาแล้ว 17-18 ปี ส่วนการปรับปรุงทั้งระบบ ระยะ 2 มีผลผูกพันตั้งแต่ปี 2555-2557 เพื่อปรับปรุงระบบการรบใหม่ ซึ่งเดิมมีงบประมาณที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท แต่มีการปรับลดลงเหลือ 2,700 ล้านบาท โดยในการปรับปรุงส่วนนี้ ได้เรียกบริษัท ซาบ เข้ามาติดตั้งแท่นยิงเป้าลวง ยี่ห้อ ซาเจ็ม ตามที่เขาเสนอไว้ การปรับปรุง ปรากฏว่ามีจุดที่เหมาะสม 11 จุด แต่จุดที่เหมาะสมที่สุด คือบริเวณหลังคาและที่จอดเฮลิอคอปเตอร์

รมว.กลาโหม กล่าวอีกว่า แม้อุปกรณ์นี้จะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสีย คือมีน้ำหนักมาก และเมื่อติดตั้งกับเรือดังกล่าวแล้ว ระบบนี้จะมีประสิทธิภาพการใช้งานเหลือเพียงครึ่งเดียวกว่าที่ออกแบบไว้ เพราะเรือของเราเป็นเรือเก่า ซึ่งกองทัพเรือ โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รู้และเชี่ยวชาญ ระบุว่าตำแหน่งนี้ไม่สามารถติดตั้งระบบดังกล่าวได้ จึงต้องเปลี่ยนมาเป็นแบบอยู่กับที่ ยี่ห้อ เทอร์มา ราคา 200 ล้านบาท ติดตั้ง 4 จุดรอบเรือ ครอบคลุมสามารถทำงานได้ 360 องศา และมีประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งบริษัทดังกล่าวยังติดตั้งระบบเป้าลวงตอร์ปิโดใต้น้ำและอากาศ อย่างไรก็ตาม ต่างประเทศมีการใช้ระบบนี้ เช่น เรือของประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศในกลุ่มนาโต้ ทั้งนี้ กองทัพเรือจะมีการแถลงข่าวชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ตนยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีสินบน และตนรักทหารทุกเหล่า ทั้งนี้ เราไม่ได้ต้องการนำของใหม่มาใช้กับเรือเก่า และไม่มีใครอยากเอาของเก่ามาใช้โดยไม่จำเป็น และเรื่องราคาที่ถูกระบุว่าต่างกัน 1,000 บาท ก็เป็นเรื่องที่คิดรวมทั้งระบบของเรือ จึงมีส่วนลดที่เขาให้ 1,000 บาท ไม่ใช่แค่ส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น

ด้านนายศิริโชค กล่าวตอบโต้ว่า สเปกของเรือเป็นเรื่องที่ฝ่ายเสนาธิการทหารเรือ ซึ่งมีผู้ที่มีความรู้ความสามารถ นับสิบคน ประชุมและตรวจเรือทั้ง 2 ลำแล้วนำข้อมูลมากำหนดสเปกระบบแท่นยิงเป้าลวงที่ให้เป็นแท่นหมุน ซึ่งสิ่งที่ รมว.กลาโหมพูดนั้น เหมือนเป็นการดูถูกหรือกำลังบอกว่าฝ่ายเสนาธิการทหารเรือผิดพลาดตั้งแต่ต้น ใช้หรือไม่ และเอกสารที่ถูกเสนอเข้าครม.เพื่อพิจารณาอนุมัตินั้น ก็เป็นเอกสารที่มาจากบริษัท ซาบ ที่มีหนังสือยื่นขอเปลี่ยนเอง ขอให้ท่านกลับไปอ่านเอกสารอีกรอบให้ดีก่อนที่จะตอบคำถามของตน

“สาทิตย์”ซัด “เฉลิม”ไม่ยอมถอดยศ “แม้ว”


ต่อมา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์  ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่า ลุแก่อำนาจ ขาดคุณธรรม จริยธรรม เล่นพรรคเล่นพวก สนองผู้มีบุญคุณทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม โดยมีการนำคลิปที่อ้างว่าภาพ ร.ต.อ.เฉลิม บน สน.ทองหล่อเมื่อปี 2543 ที่ไปติดตามคดีความของบุตรชาย โดยมีลักษณะคุกคามข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่เหมาะสมจะรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.)หรือไม่  รวมทั้งการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลได้ตัดสินจำคุก 2ปี ไม่มีการยื่นอุทธรณ์ และส่งเรื่องไปยัง สตช. ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม ได้ออกมาคัดค้านตลอดตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านและเมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาบริหาร ประเทศ ผ่านไป 1 ปี 3 เดือน เรื่องนี้ก็ยังคงถูกเก็บเงียบ  และระบุว่า สตช .มีมติไม่ถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว พร้อมโกหกว่าไม่เคยมีการถอดยศตำรวจในชั้นสัญญาบัตรทั้งๆที่ตั้งแต่ปี 25547 จนถึงขณะนี้มีการถอดยศแล้วจำนวน 62 คนยกเว้น พ.ต.ท.ทักษิณ   พฤติกรรมเช่นนี้เพราะต้องการสนองบุญคุณส่วนตัว แต่เมื่อเป็นรัฐมนตรี และมีหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการโต้แย้งทางกฎหมาย สตช.ได้สอบถามไปยังสำนักงานกรรมการกฤษฎีกาถึง 2 ครั้งซึ่งก็ได้ยืนยันว่า ความผิดคดีในศาลใดๆหรือศาลคดีอาญาทางการเมือง การเป็นตำรวจนอกราชการสามารถถอดยศได้ส่วนการยึดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จะต้องทำควบคู่กันไป แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ยังพยายามโต้แย้งและสร้างเงื่อนว่าความเห็นของกฤษฎีกา จะรับฟังหรือไม่ก็ได้  รวมถึงให้ยกเลิกระเบียบการถูกถอดยศ เพราะเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งปี 2555 สตช. ก็มีความชัดเจนว่าที่ไม่ถอดยศเพราะกำลังร่างกฎหมายขอพระราชทานอภัยโทษหรือ ไม่  ซึ่งขณะนี้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบสวนเรื่องนี้แล้ว และอาจจะโดนสอบสวนตั้งแต่กองกำลัง ผบ.ตร. รองนายกรัฐมนตรี จนถึงนายกรัฐมนตรี มีหนังสือด่วนที่สุด จาก รองผบ.กำลังพล เรื่องการถอดยศของกำลังพล ที่ต้องดะเนินการให้แล้วเสร็จใน พ.ย. 2555 แต่ผู้มีบุญคุณกลับไม่ถอดยศ ขณะเดียวกันก็มีการมอบนโยบายต่อนายตำรวจให้มีความเป็นกลาง แต่ให้เลือกข้างพรรคเพื่อไทย ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมด ร.ต.อ.เฉลิม ไม่เหมาะสมจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป

จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่าที่กล่าวหาว่าตนลุแก่อำนาจนั้น ในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่มีการขับรถชนเจ้าหน้าที่ ขว้างแก๊สน้ำตาใส่เจ่าหน้าที่ก่อน  ตนสั่งการเองว่าห้ามใช้อาวุธ ห้ามตี การใช้แก๊สน้ำตาเป็นดุลพินิจของผู้บัญชาการในพื้นที่ ปฏิบัติตามหลักสากล ซึ่งเป็นเรื่องเลอะเทอะที่กล่าวหาว่าตนลุแก่อำนาจ ส่วนการกล่าวหาไม่มีคุณธรรม เป็นเรื่องที่หากเถียงกันแล้วก็จะไม่จบสิ้น ส่วนการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีปัญหาที่ว่าทั่วโลกไม่ยอมรับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องการเมืองที่เกิดจากการปฏิวัติ และเรื่องความผิดเพราะเซ็นยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดิน ซึ่งการพบปะกับ พ.ต.ทักษิณ หาว่าตนละเว้นนั้นไม่ใช่ เพราะตนไม่ได้มีหน้าที่จับกุม ไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน และตนไม่เห็นด้วยกับการถอดยศเช่นเดียวกับยูเอ็นเพราะเป็นระบบศาลเดี่ยวไม่มี ที่ไหนในโลกเขาทำกัน  และเรื่องมติไม่ถอดยศนั้น สตช.ได้ข้อยุติตั้งแต่ 15 ก.ค. 2554  ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง  และ พ.ต.ท.ทักษิณถือว่าทำความดีให้แก่วงการตำรวจได้รับรางวัลจักรดาว และสร้างอาคารให้แก่โรงเรียนนายร้อยตำรวจงบประมาณพันกว่าล้าน  ส่วนกรณีที่ระบุว่าไม่เคยมีตำรวจที่เคยถูกถอดยศนั้น สมัยตนเองเป็นตำรวจไม่มีแต่ตอนนี้ออกมาแล้วก็ไม่ทราบเรื่อง

“อย่างไรก็ตามผมยอมรับว่าเป็นพวกพ.ต.ท.ทักษิณเพราะรู้จักกันมานาน กินข้าวด้วยกันนับพันมื้อ ตำรวจ ทหารรักกันพวกคุณอิจฉาหรือ ส่วนเรื่องขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณ  เป็นมานานแล้ว แต่ไม่ใช่เป็นการคุกคามสื่อ และที่ตอบกกลับไปว่าฝักใฝ่ คำนี้เปิดพจนานุกรม แปลว่าชอบ ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท แต่หากกล่าวหาว่า ขี้ข้าทักษิณ เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า แต่ผมก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยและดำเนินคดีแต่อย่างใด”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย แถลงข่าวหลังจากอภิปรายในที่ประชุมโดยยืนยันว่าคลิปที่นำมาประกอบการอภิปราย ไม่ไว้วางใจร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการลักลอบเปิดบ่อนพนันเป็นหลักฐานพยานชั้น 1 ที่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ไม่ต่างจากการอ้างพยานหลักฐานจากกล้องซีซีทีวี แต่ร.ต.อ.เฉลิมกลับไม่ให้ความชัดเจนและไม่ตอบคำถามของตนในที่ประชุม นอกจากนี้ยังมีหลักฐานสำคัญอีกหนึ่งชิ้นที่ไม่ได้แสดงในที่ประชุมคือกรณีการ แต่งตั้ง พล.ต.ต. “พ” จากตำแหน่งรองผู้บัญชาการขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ทั้งที่ศาลมีคำสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท จึงถือเป็นการแต่งตั้งมิชอบ

“เสธ.อ้าย”ประกาศยอมแพ้ตายจากการเมืองไม่คิดก่อม็อบอีก


วันนี้ ( 24 พ.ย.)พล.อ.บุญเลิศ  เปิดใจกับผู้สื่อข่าวหลังประกาศยุติการชุมนุม ว่า สาเหตุยุติการชุมนุมเพราะไม่เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้  ซึ่งเราตั้งใจจะชุมนุมจากลานพระรูป ยาวไปถึงถนนราชดำเนินนอก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นพื้นที่ เมื่อไปรื้อถอนแนวดังกล่าวก็โดนยิงด้วยแก๊สน้ำตา  และยังมีการร่องรอยบาดแผลคล้ายรอยกระสุน  ซึ่งเมื่อนำมาวิเคราะห์กันแล้ว หากยังชุมนุมต่อเนื่อง อาจจะมีผู้เสียชีวิต และตนไม่อยากเห็นผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมถึงการสกัดกั้นการเดินทางเข้ากรุงเทพนั้นก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ยุติการชุมนุมในครั้งนี้เพราะทหารไม่มาเข้าร่วมและทุนไม่มาตามนัด ใช่หรือไม่  พล.อ.บุญเลิศ  กล่าวว่า  ไม่มีทหารเข้าร่วม ปฏิบัติการทุกอย่าง และการที่ประชาชนที่มาเข้าร่วมในวันนี้ มาด้วยความตั้งใจ และที่ยกเลิก เพราะถึงอย่างไรประชาชนก็ไม่ถึงหลักล้าน หรือหลายแสนตามที่ตั้งใจไว้

“จากนี้ไปผมยืนยันว่าจะไม่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกต่อไป  คนชื่อเสธ.อ้ายได้ตายไปจากการเมืองแล้ว วันนี้ยอมรับว่าแพ้ แต่ไม่ใช่แพ้เพราะยุทธวิธีไม่ดี  แต่แพ้เพราะความชั่วร้ายของรัฐบาล ทำให้การชุมนุมวันนี้ถือว่าสูญเปล่าและจึงขอโทษที่ทำให้ลำบาก” พล.อ.บุญเลิศ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า หากประชาชนเรียกร้องพร้อมที่จะออกมาอีกหรือไม่ พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า “ขอให้ชวนไปทอดกฐินจะดีกว่า” พล.อ.บุญเลิศ  กล่าวว่า  ส่วนองค์การพิทักษ์สยาม จะเป็นอย่างไรสุดแล้วแต่ ใครจะมาสานต่อก็ได้แต่ไม่ทราบว่าจะมีทุนทรัพย์หรือไม่  และในวันนี้ ตนจะส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านทุกคน ซึ่งก็ขอให้เจ้าหน้าที่ทหารดูแลคนของเราด้วย ไม่อยากให้ถูกรังแก ส่วนจะไปฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กำลังในวันนี้หรือไม่นั้น  ตนไม่มีความรู้ด้านกฎหมายก็จะไม่ดำเนินการฟ้องร้อง แต่ผู้ที่ถูกจับกุมตัวไปในวันนี้ ก็จะให้ที่ปรึกษาด้านทหารความ ช่วยเหลือต่อไป
ปฐมพงษ์"เผยสายข่าวรายงาน  จ้องเอาชีวิตผู้ชุมนุม
พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ แกนนำ องค์การพิทักษ์สยาม (อพส.)เปิดเผยถึงการตัดสินใจประกาศยกเลิกการชุมนุมว่า สายข่าวได้รายงานว่า ในช่วงกลางดึกจะมีการก่อเหตุรุนแรงถึงขั้นเอาชีวิตผู้ชุมนุม ดังนั้นทางเราจึงมีความเป็นห่วง และประกาศยุติการชุมนุมในท้ายที่สุด.

สภาฯตรวจเข้มทั้งรถ- รมต.ส.ส.- อดีตนายกฯ


วันนี้ ( 25 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า  มาตรการรักษาความปลอดภัยในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อพิจารณา ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลของฝ่ายค้านในวันที่ 25 พ.ย. ปรากฏว่าที่บริเวณชั้นลอยอาคารรัฐสภา 1 ซึ่งเป็นทางเข้าห้องประชุมได้มีการติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธ บริเวณทางเข้าห้อง ตั้งแต่เมื่อเย็นวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา   แต่ปรากฏว่าก่อนที่จะมีการใช้เครื่องได้มีปัญหา มีเสียงร้องดังเป็นระยะๆ ทำให้ทางเจ้่าหน้าที่แก้ปัญหาด้วยการ ไปนำเครื่องใหม่ที่อยู่บริเวณด้านหลังอาคารมาเปลี่ยนใช้งานแทน โดยบรรดา ส.ส.ที่จะเดินทางผ่านไปยังห้องประชุมทุกคนจะต้องถูกตรวจสอบทั้งเอกสารหรือ โทรศัพท์มือถือ และเมื่อผ่านเครื่องตรวจแล้วยังยังใช้อุปกรณ์เครื่องตรวจมือตรวจไล่ไปตาม ร่างกายอีกครั้งหนึ่ง มีบรรดารัฐมนตรีหลายคนอาทิ นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา  รองนายกฯและรมว.ศึกษาฯ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน และบรรดาส.ส.และคนติดตามก็ถูกตรวจสอบด้วยเช่นกัน ขณะที่รถยนต์ของส.ส.และติดสติกเกอร์รัฐสภาที่เข้ามาภายในบริเวณรัฐสภาก็ตรวจ สอบอย่างเข้มงวดโดยรถเก๋วได้มีการตรวจค้นท้ายรถด้วย.

"ปู"โยนฝ่ายความมั่นคงตัดสินใจยกเลิกใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯ



วันนี้(25 พ.ย.) ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ถึงการประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า วันนี้ เวลา 10.00 น. หน่วยงานฝ่ายความมั่นคงจะสรุปสถานการณ์โดยรวมอีกครั้ง และคงจะรายงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)ทราบ ซึ่งอยากจะขอเวลาเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งนี้ ต้องขอบคุณประชาชนที่เข้าใจสถานการณ์ ซึ่งอาจเกิดปัญหาการสัญจรไปมาที่ไม่สะดวกบ้าง และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ทำงานด้วย ความอดทน โดยร่วมกันทำงานพยายามไม่ให้มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น ซึ่งจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้บาดเจ็บ ประมาณ 66 ราย ซึ่งตนได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลในการรักษาผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนเรื่องคดีความต่างๆนั้น คงจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งตนขอเรียนว่าเราอยากให้เหตุการณ์ผ่านไปได้ด้วยความสงบ

ผู้สื่อข่าวถามว่าพอใจการทำหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงในการดูแลของกลุ่ม ผู้ชุมนุมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ก็ต้องทำกันด้วยความระมัดระวังและอดทน เมื่อถามว่าการที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร นั้น ถือว่าเก้อหรือไม่ เพราะการชุมนุมยุติไวเกินความคาดหมาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าต้องการจะให้ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคง แล้วอยู่นาน ที่จริง เหตุผลที่เราประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว เพราะต้องการที่จะป้องกันและเพื่อให้การดูแลต่างๆไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าการประกาศนี้สามารถจะดูแลความปลอดภัยโดยรวมได้ และตนดีใจที่มีการยกเลิกการชุมนุมโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องการติดขัดหรือเหตุการณ์ต่างๆ และทุกอย่างจะได้ผ่านไปด้วยดี ก็อยากให้กลับมาสู่บรรยากาศเดิม

เมื่อถามว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงจะคงไว้จนถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้ หรือจะมีการยกเลิกก่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงรอให้ฝ่ายความมั่นคงประชุมและประเมินก่อนว่าถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างเรียบ ร้อย ก็คงจะทำตามที่ฝ่ายความมั่นคงส่งเรื่องมา ซึ่งตนก็พร้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) เป็นตัวแทน เดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ในวันนี้ เวลา 11.00 น. เพื่อนำดอกไม้ไปเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจาก เหตุการณ์ปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา

ชนกลางสี่แยกร่างละลิ่วกระแทกพื้นดับ


เมื่อเวลา 01.00 น. วันนี้ (25 พ.ย.)   ร.ต.ต.เทวลิต  หลินกุล  พนักงานสอบสวน สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้เสียชีวิต ที่บริเวณสี่แยกนินจา (ฝั่งขาเข้าเมืองชลบุรี)  หน้าร้านอาหารเบิ้ม  หมู่ 1 ถนนพระยาสัจจา ต.เสม็ด อ.เมือง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมมูลนิธิกู้ภัยไตรคุณธรรม
ในที่เกิดเหตุพบรถ จยย.ฮอนด้า คลิ๊ก สีแดง ทะเบียน จกฉ 188 ชลบุรี ล้มคว่ำพังยับเยิน ข้างกันพบศพ นายนวพล กัณแสน  อายุ 30 ปี ชาว อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร  สภาพกระดูกซี่โครงหัก กะโหลกศีรษะแตก ห่างไปเล็กน้อยพบรถเก๋งเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน วฬ 7594 ชลบุรี จอดอยู่ในสภาพประตูด้านซ้ายยุบ กระจกแตกรอบคัน หลังคารถยุบ ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาด พลเมืองดีนำตัวส่งโรงพยาบาลเอกชล 2 ไปก่อนหน้านี้แล้ว
สอบสวนพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า รถเก๋งได้เร่งเครื่องกลับรถด้วยความเร็วสูง ทำให้ชนกับรถจักรยานยนต์ที่ขับมาในทางตรงมุ่งหน้าเข้าเมืองชลบุรีอย่างจัง จนร่าง นายนวพล กระเด็นขึ้นบนหลังคารถ ก่อนร่วงลงพื้นเสียชีวิตคาที่ อย่างไรก็ดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวคนขับรถเก๋งมาสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ศอ.รส.จ่อยกเลิกประกาศห้ามทั้ง4ฉบับ


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศอ.รส. เป็นประธานการประชุม ศอ.รส. โดยมี รอง ผอ.ศอ.รส. ผู้ช่วยผอ.ศอ.รส.และฝ่ายต่างๆร่วมประชุม
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกตร. ในฐานะโฆษก ศอ.รส. แถลงภายหลังการประชุม ว่า  มติศอ.รส.จะเสนอ ผอ.ศอ.รส. ยกเลิกประกาศ ศอ.รส.ทั้ง 4 ฉบับ ทั้งเรื่องห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากบริเวณพื้นที่อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด  เรื่องห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ  เรื่องห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน และเรื่องใช้ยานพาหนะในเส้นทางคมนาคม
โดยขณะนี้ตำรวจกำลังนำแบริเออร์ออกจากเส้นทาง และจัดการเปิดเส้นทางทั้ง 9 เส้นทางที่เคยประกาศปิดแล้ว ขณะที่พื้นที่หวงห้ามเด็ดขาดก็ถอนกำลังตำรวจออกและเปิดให้เข้าออกตามปกติ แล้ว เหลือเพียงกำลังตำรวจที่ดูแลพื้นที่ต่างๆ ตามปกติเท่านั้น เว้นแต่ที่รัฐสภาที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังคงมีการวางกำลังของตำรวจ นครบาล  ตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนดูแลอยู่
โฆษก ศอ.รส. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ มติ ศอ.รส. ยังให้ เสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน.ประกาศยกเลิกการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่ประกาศใช้ใน 3 เขตพื้นที่ คือ ดุสิต พระนคร และป้อมปราบศัตรูพ่าย โดยคาดว่าศอ.รส.จะเสนอขอให้ยกเลิกภายในวันนี้ หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ และตามขั้นตอนเมื่อนายกรัฐมนตรีประกาศยกเลิกจะมีผลทันที จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะประมวลเรื่องเสนอให้รัฐสภาและวุฒิสภารับทราบตามลำดับอีกครั้ง ทั้งนี้ หลังการประกาศยกเลิกพ.ร.บ.มั่นคงฯ สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ แต่ยังคงมีการวางกำลังตำรวจนครบาลตามจุดที่เหมาะสม
“ในส่วนของศอ.รส.นั้นจะลดบทบาทลง  โดยตำรวจก็ยังคงปฏิบัติงานผ่านศปก.ตร.  ซึ่งผบ.ตร. สั่งการให้จัดทำบทเรียนการปฏิบัติในการรับมือการชุมนุมครั้งนี้ ว่ามีความสำเร็จ หรือยังบกพร่องจุดใด เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข และจะได้มีวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมในครั้งต่อไป  โดยครั้งนี้ก็พบว่าการปฏิบัติเป็นไปด้วยดีในจุดต่างๆ เพราะมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ เช่น ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ มี พล.ต.ต.ชอบ คิสาลัง ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภู ตัดสินใจบัญชาการเหตุการณ์  เช่นเดียวกับจุดแยกมิสกวัน มี พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี บัญชาการเหตุการณ์ นอกจากนี้ สั่งการให้ พนักงานสอบสวนของนครบาล ไปตรวจสอบพยานหลักฐานการปราศรัยบนเวที หรือการกระทำใดในพื้นที่การชุมนุม ตลอดจนข้อมูลที่ปรากฎบนเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียต่างๆ  ในช่วงการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ว่ามีอะไร ส่วนใดที่เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ  พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อดำเนินคดี  ส่วนคนขับรถ 6 ล้อฝ่าแนวกั้นตำรวจที่สะพานมัฆวานฯ นั้น พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา(สบ10) หัวหน้าพนักงานสอบสวน จะพิจารณาว่าจะดำเนินคดีในข้อหาพยายามฆ่าหรือไม่ โดยต้องพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างรอบคอบก่อน ” โฆษกศอ.รส.กล่าว
ด้านพล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รองโฆษกตร.  กล่าวสรุปผลการดำเนินคดีว่า   ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้กระทำผิดทั้งสิ้น 138 ราย  เป็นชาย 115 ราย หญิง 23 ราย ในจำนวนนี้มีผู้กระทำผิดฝ่าผืนพ.ร.บ.มั่งคงฯ  133 ราย และมีบางรายที่มีความผิดในข้อหาอื่นด้วย เช่น กระทำผิดข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน  1 ราย  พกอาวุธมีด 3 ราย และมีหรือพกวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต 1 ราย ซึ่งรายสุดท้ายยังถูกควบคุมตัวส่งฟ้องดำเนินคดีอยู่ แต่อีก 137 รายได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันไปทั้งหมด แล้ว  ทั้งนี้ ในจำนวนนี้มี  4 รายบาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล  รองโฆษกศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.)  กล่าวสรุปจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การชุมนุม ว่า ศูนย์เอราวัณสรุปยอดผู้บาดเจ็บทั้งหมด 68 ราย  มีที่ยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ 15 ราย เป็นข้าราชการตำรวจที่ทำหน้าที่ปราบจลาจล 11 นาย เป็นประชาชนผู้ชุมนุม 4 ราย  โดยทั้งหมด อาการปลอดภัย ได้รับการรักษาอย่างดี โดยกลุ่มที่เป็นข้าราชการตำรวจขวัญกำลังใจดี.

“ชูวิทย์” อภิปรายแล้ว ฉะ "เหลิม" ปมสร้างสถานีตำรวจ



ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ลุกขึ้นอภิปรายพร้อมอุ้มพระแก้วมรกต รวมทั้งได้กล่าวเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ให้เข้าห้องประชุมสภาฯ เพื่อสาบานต่อหน้าพระแก้วมรกตร่วมกัน โดยนายชูวิทย์ อภิปราย ร.ต.อ.เฉลิมว่า เหตุที่สังคมเชื่อคนชื่อชูวิทย์มากกว่า ร.ต.อ.เฉลิม เพราะมีคลิปมาแสดง เมื่อคืนตนนอนไม่หลับ เพราะไม่รู้ว่าจะเอาคลิปบ่อนในจังหวัดไหนมาเปิดดี ตนจะแสดงคลิปเพื่อให้เห็นว่ามีการใช้กฎหมายไม่เป็นธรรมและสองมาตรฐาน

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ได้เปิดคลิปบ่อนที่จ.พิษณุโลก บริเวณตรงข้ามโรงแรมแห่งหนึ่ง  โดยเป็นบ่อนที่มีผู้เล่นพนันพร้อมทั้งวางเงินอย่างเปิดเผย จากนั้นได้เปิดคลิปเสียง ร.ต.อ.เฉลิมที่เคยให้สัมภาษณ์ โดยระบุว่ามีเพียงคลิปและอุปกรณ์การเล่นการพนันเพียงอย่างเดียวจับไม่ได้ ซึ่งตนไม่เข้าใจเพราะเห็นว่าความผิดสำเร็จแล้ว มีคนเล่น มีเงินวาง ถือว่าองค์ประกอบความผิดสำเร็จแล้ว

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ขณะที่คดีบ่อนที่รัชดาที่มีการจับก่อนหน้านี้ มีการดำเนินคดีอาญา มีการออกหมายจับเลขที่ 1072/2554 โดยตำรวจเห็นสมควรสั่งฟ้องเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนการเอาผิดทางวินัยเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น แทนที่จะดำเนินการตาม ม.79 ของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 แต่กลับมีการช่วยเหลือกัน โดยไม่เคยเรียกตนไปให้ข้อมูลหรือชี้แจง ที่สำคัญมีการสั่งยุติเรื่องโดยมิชอบ จากนั้นก็มีรถเบนซ์ มูลค่า 3.8 ล้านบาท โผล่ขับไปวนเวียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแทน

จากนั้นนายชูวิทย์ เปิดคลิปการก่อสร้างโครงการสถานีตำรวจทดแทนมูลค่า 5,848 ล้านบาท ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยอยู่ช่วงการดูแลของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย 510 วัน แต่ปรากฏว่าผู้รับเหมาทิ้งงาน ส่วนใหญ่มีแต่เสา สนิมเขรอะ ปล่อยให้รกร้าง บางที่มีแต่โครงแต่ไม่ได้ก่อสร้าง บางที่ทุบทิ้งแต่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง บางที่ยังไม่หล่อเสา เช่น ที่ สภ.เมืองชุมพร สภ.สะเดา สภ.หาดใหญ่ สภ.หนองหญ้าไซ สภ.ไชโย สภ.ทัพทัน เป็นต้น ทั้งที่ระยะเวลาสิ้นสุดงานเหลืออีกเพียง 40 กว่าวันเท่านั้น ขณะที่ห้องทำงาน ร.ต.อ.เฉลิมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)  สร้างเพียงเดือนเดียวก็เสร็จ ใช้งบ 2 ล้านกว่าบาท เฉพาะโคมไฟระย้าอย่างเดียวก็ 3 แสนบาทเข้าไปแล้ว ใช้งบประมาณส่วนไหนขอให้เอามาชี้แจง

จากนั้น จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรอง กมธ.ตำรวจ ลุกขึ้นประท้วงว่า โครงการดังกล่าวอยู่ในกระบวนการจัดซื้อในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ขณะที่นายชูวิทย์ กล่าวว่า ระยะเวลาโครงการในช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์มีเพียง 150 วันเท่านั้น แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยใช้เวลามากถึง 510 วัน เหตุใดถึงล่าช้า
จากนั้น นายชูวิทย์ อภิปรายต่อพร้อมเปิดคลิปที่ถูกคนร้ายขว้างของแข็งใส่กระจกโรงแรมขอตัวเอง ย่านสุขุมวิท มีทั้งลูกเปตอง ดัมเบล ประทัดยักษ์ และ มีวัตถุคล้ายระเบิด ซึ่งภายใน 2 เดือน โดนขว้างรวมทั้งหมด 8 ครั้ง  ซึ่งตนน่าจะเชื่อคำเตือนของ ร.ต.อ.เฉลิมก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงขอไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะเลือกที่รักมักที่ชัง ฝนตกไม่ทั่วฟ้า ใช้กฎหมายหลายมาตรฐาน อะไรเป็นประโยชน์ใช้อย่าง อะไรที่ไม่ได้ประโยชน์ก็ใช้อีกอย่าง ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่ได้รับการดูแล จึงขอไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้

  ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม ลุกขึ้นกล่าวชี้แจงว่า  กรณีคลิปบ่อนที่นายชูวิทย์นำมาเปิดนั้น มีไม่ถึง 1 ใน 10 ที่ตนมีอยู่ และยอมรับว่ามีจริง ซึ่งตนก็ได้สั่งการให้มีการสอบสวนจับกุมดำเนินคดี  ทั้งนี้นายชูวิทย์มีอาชีพอะไรมาก่อน ไม่ว่ากัน นายชูวิทย์เคยถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ยึดทรัพย์ฐานค้าประเวณี และเคยถูกพิพากษาจำคุก 2 ครั้ง  วันนี้การที่นายชูวิทย์เอาพระมาด้วย ถือว่าเป็นเรื่องดี ตนขอสาบานต่อหน้าพระว่าถ้าตนรับเงินจากบ่อนขอให้พบความวิบัติและหายนะ  แต่ถ้านักการเมืองคนไหนในสภาไปรับเงินจากบ่อนก็ขอให้หายนะเช่นกัน บ่อนกับซ่องเป็นอบายมุข ซ่องผูกติดกับคำว่าคณิกา มีนักการเมืองในสภา ขออนุญาตเปิดเป็นโรงน้ำชา แต่ไปเปิดเป็นโรงบริการอาบอบนวด

“อบายมุข ทั้งบ่อน หวย ซ่อง สิ่งที่เลวที่สุดคือเจ้าของซ่อง เพราะไปบังคับผู้หญิงให้ค้าประเวณี การพนันมีมานานผมไม่ปฏิเสธ ผมไม่ได้ทำอย่างที่นายชูวิทย์พูด ผมปราบปรามทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพนัน บ่อน ตู้ม้า  น้ำมันเถื่อน ตั้งแต่ผมรับผิดชอบปีเศษๆ มีการบันทึกการจับกุมดำเนินคดีมาตลอด ได้มีการกำกับติดตามนโยบายและบันทึกสถิติจับกุมมาตลอด ตรงไหนไม่จับเป็นข้อมูลมั่ว ผมไม่เคยเอาผู้หญิงมากักแล้วบังคับให้ค้าประเวณี ผมมีแต่จับ ความชั่วอื่นๆ บางครั้งยังหายโกรธได้ แต่ความชั่วบังคับคนค้าประเวณีให้อภัยไม่ได้ ผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า  ส่วนกรณีรถเบนซ์สีดำใน สตช. ขอให้นายชูวิทย์ระบุว่าใครขับ  ตนขับเบนท์ลี่ย์ของลูกไม่ได้ขับรถเบนซ์  ห้องทำงานที่เพิ่งเปิดตนก็เอาโต๊ะเก้าอี้มาจากบ้าน  ไม่ได้เอางบของ สตช. มาใช้แม้แต่บาทเดียว ตนเล่นการเมืองไม่เคยเบิกเบี้ยเลี้ยงแม้แต่บาทเดียว ไปต่างจังหวัดขอถามว่าใครเคยต้องมาเลี้ยงหรือหาสุภาพสตรีมาให้ตนหรือไม่  ทั้งนี้คลิปที่นำมาแฉถ้าตำรวจเห็นก็ต้องไปจับ ถามว่าตนเชื่อนายชูวิทย์ 100 เปอร์เซ็นต์หรือไม่ก็ไม่เชื่อ  เพราะประเทศเพื่อนบ้านมีบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายทั้งนั้น แล้วตนจะรู้หรือไม่ว่าคลิปที่นายชูวิทย์ถ่ายมาเป็นที่ไหน แต่ก็จะสั่งการให้ตำรวจไปตรวจสอบ ตนและนายกฯไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายอาญาตามที่นายชูวิทย์เข้าใจมา ตลอด  ต้องสั่งการเจ้าหน้าที่เท่านั้น

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า  ส่วนที่นายชูวิทย์บอกว่าโรงแรมถูกทุบ  ตนจะไปรู้ได้อย่างไร เพราะอยู่คนละบ้าน  ถ้าตำรวจไม่รับแจ้งความดำเนินคดีค่อยมาร้องกับนายกฯ หรือตน เรื่องแบบนี้เขาไม่เอามาร้องในสภา นอกจากอยากเด่นอยากดัง เพราะเป็นเรื่องคดีอาญาที่เกิดขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ใครจะกล่าวหาตนอย่างไรก็ตาม แต่เรื่องทุจริตในชีวิตตนไม่มี  โดยเฉพาะประเด็นการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนฯ นั้น เกิดในช่วงปี 2552 และมีพ่อนักการเมืองเก็บค่าต๋งไปแล้ว ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในตอนนั้น  ตนควรไม่ไว้วางใจนายชูวิทย์ ตนสาปแช่งคนที่เกี่ยวข้องกับการพนันขอให้หายนะทั้งวงตระกูลอย่าได้ผุดได้ เกิด

หนีไม่รอด ซิวอีก1โจ๋บุกปล้นร้านเน็ตย่านคูคต


จากกรณี 3 คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น ก่อเหตุใช้อาวุธปืนบุกปล้นร้านอินเทอร์เน็ต “เนตมอนสเตอร์” ภายในหมู่บ้านรินทอง หมู่ 2 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้เงินสดไป 4 พันบาท นอกจากนี้ยังรุมทำร้าย นายอรรถพล ใยอิ่ม กับนายธนพัตร ศรีสุข คนดูแลร้านได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต่อมาตำรวจได้จับกุมตัว นายโย (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี หนึ่งในผู้ที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ โดยนายโย อ้างว่าผู้บาดเจ็บเป็นคู่อริ ตามที่ได้เสนข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในคดี เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (25 พ.ย.) พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สามารถ ศรีสิริวิบูรณ์ชัย รอง ผบก. และพ.ต.ท.ปรากฏ นาคใหญ่ สว.สส.สภ.คูคต ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายโต้ง (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันปล้นร้านเนตมอนสเตอร์ พร้อมของกลางเสื้อคอกลมสีน้ำเงิน ที่ใส่วันก่อเหตุ 1 ตัว โดยนายโต้งได้ติดต่อขอมอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจออกกดดันจับกุมอย่างหนัก เบื้องต้นนายโต้งให้การว่า ที่ลงมือเพราะดื่มสุราจนเมาแล้วเกิดความคึกคะนอง ส่วนผู้ต้องหาอีกคนที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะได้ ตัวเร็วๆนี้.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources